00:00:00 → 00:00:02 กลุ่มอาการโรคทางเมตาบอลิก หรือว่าโรคอ้วนลงพุง
00:00:02 → 00:00:06 พบว่าคนอายุ 15 ปีขึ้นไป เป็นกลุ่มอาการโรคนี้ประมาณสัก 30%
00:00:06 → 00:00:08 พบในหญิงมากกว่าชาย
00:00:08 → 00:00:10 แล้วก็อุบัติการณ์เพิ่มมากขึ้นตามอายุ
00:00:10 → 00:00:15 [เสียงดนตรี]
00:00:15 → 00:00:19 สาเหตุที่ทางการแพทย์เรียกกลุ่มอาการ โรคนี้ว่าโรคเมตาบอลิกซินโดรม
00:00:19 → 00:00:24 เป็นเพราะว่าอาจจะมีการเผาผลาญบางอย่าง ทางเมตาบอลิซึมที่ผิดปกติไป
00:00:24 → 00:00:26 ปกติแล้วในเซลล์ของร่างกายคนเรา
00:00:26 → 00:00:28 จะมีการเผาผลาญพลังงานเพื่อนำไปใช้
00:00:28 → 00:00:31 เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อน การทำงานของเซลล์นั่นเอง
00:00:31 → 00:00:33 ถ้ามีความผิดปกติไป
00:00:33 → 00:00:35 เราก็เรียกว่า มีการผิดปกติทางเมตาบอลิกซึม
00:00:35 → 00:00:38 [เสียงดนตรี]
00:00:38 → 00:00:40 โรคเมตาบอลิกซินโดรม
00:00:40 → 00:00:42 สามารถนำมาสู่โรคเกี่ยวกับ โรคหัวใจและหลอดเลือด
00:00:42 → 00:00:44 หลอดเลือดสมองตีบตัน
00:00:44 → 00:00:45 ปวดข้อได้
00:00:45 → 00:00:46 นิ่วในถุงน้ำดี
00:00:46 → 00:00:47 โรคมะเร็งบางอย่าง
00:00:47 → 00:00:49 โรคเบาหวาน ความดัน ไขมัน
00:00:49 → 00:00:51 ต่อให้ผอมนะครับ ก็ยังสามารถเป็นโรคนี้ได้
00:00:51 → 00:00:55 เนื่องจากว่าในคนที่ผอมนี่ อาจจะมีการเผาผลาญพลังงาน
00:00:55 → 00:00:57 หรือน้ำตาล ไขมัน ที่ผิดปกติแล้วก็ได้
00:00:57 → 00:00:59 คนกลุ่มนี้แม้ว่าไม่อ้วน
00:00:59 → 00:01:01 แต่มีความผิดปกติในหลาย ๆ อย่าง
00:01:01 → 00:01:03 เช่น น้ำตาลเริ่มขึ้น
00:01:03 → 00:01:04 ความดันเริ่มขึ้น
00:01:04 → 00:01:06 หรือไขมันเริ่มสูงขึ้น
00:01:06 → 00:01:08 ก็ถือว่ามีความผิดปกติทางโรคนี้แล้วครับ
00:01:08 → 00:01:09 ในคนที่อ้วนนี่
00:01:09 → 00:01:12 จะมีหลาย ๆ คนนะครับ เรียกว่าเป็นคนอ้วนที่แข็งแรง
00:01:12 → 00:01:13 เราพบว่าในคนกลุ่มนี้นะครับ
00:01:13 → 00:01:15 แค่ร่างกายเขายังทนได้
00:01:15 → 00:01:17 ถ้าปล่อยทิ้งไว้อีกไม่นานนะครับ
00:01:17 → 00:01:20 โรคเบาหวาน ความดัน ไขมัน จะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอนครับ
00:01:20 → 00:01:23 เพราะฉะนั้น คนอ้วนที่แข็งแรงนี่ ไม่ได้มีอยู่จริงครับ
00:01:23 → 00:01:27 เป็นแค่ภาวะเปลี่ยนถ่าย ก่อนจะมีโรคเข้ากลับมาเท่านั้นเองครับ
00:01:27 → 00:01:29 [เสียงดนตรี]
00:01:29 → 00:01:31 ในเรื่องของความอ้วนนะครับ
00:01:31 → 00:01:33 ทางการแพทย์ เราแบ่งง่าย ๆ เป็น 2 แบบครับ
00:01:33 → 00:01:35 คืออ้วนแบบผู้หญิง
00:01:35 → 00:01:36 หรืออ้วนแบบผู้ชาย
00:01:36 → 00:01:40 อ้วนแบบผู้หญิง คือจะอ้วนมากที่สะโพก ที่ก้น ที่เอว
00:01:40 → 00:01:44 มีการสะสมของไขมัน ใต้ชั้นผิวหนังที่มากเกินไป
00:01:44 → 00:01:45 ทำให้รูปร่างไม่สวย
00:01:45 → 00:01:47 มักจะก่ออันตรายที่น้อยกว่าอ้วนในผู้ชาย
00:01:47 → 00:01:50 ในขณะที่อ้วนแบบผู้ชายนี่ จะเป็นอ้วนในพุงครับ
00:01:50 → 00:01:53 เรียกว่าเป็นแบบรูปแอปเปิลนั่นเอง คือป่องตรงกลาง
00:01:53 → 00:01:55 อันแบบนี้ไม่ค่อยดีครับ
00:01:55 → 00:01:57 เพราะไขมันที่อยู่ในช่องท้องนี่ เป็นตัวไม่ดี
00:01:57 → 00:02:00 ที่หลั่งสารเคมีหรือฮอร์โมน ที่ส่งผลเสียต่อร่างกาย
00:02:00 → 00:02:03 ทำให้การคุมน้ำตาลและไขมันแย่ลงนั่นเอง
00:02:03 → 00:02:05 แต่ถ้าความแตกต่างกันของโรคอ้วน
00:02:05 → 00:02:07 กับกลุ่มอาการเมตาบอลิกซินโดรมนะครับ
00:02:07 → 00:02:09 เราสามารถแยกได้ง่าย ๆ ครับ
00:02:09 → 00:02:13 โรคอ้วนคือภาวะที่มีไขมัน หรือน้ำหนักเกินกว่าปกติ
00:02:13 → 00:02:15 เราสามารถดูได้จากดัชนีมวลกายครับ
00:02:16 → 00:02:18 ในขณะที่กลุ่มอาการเมตาบอลิกซินโดรมนั้น
00:02:18 → 00:02:21 จะต้องมีข้อต่อไปนี้ 5 ข้อครับ
00:02:21 → 00:02:25 [เสียงดนตรี]
00:02:25 → 00:02:26 ข้อแรกคือการดูรอบเอวครับ
00:02:26 → 00:02:29 ในผู้ชายครับ รอบเอวเกิน 90 ซม.
00:02:29 → 00:02:32 และในผู้หญิง รอบเอวเกิน 80 ซม. ขึ้นไป
00:02:32 → 00:02:34 ก็ต้องระวังแล้วครับ ว่าจะมีกลุ่มอาการโรคอ้วนลงพุงครับ
00:02:34 → 00:02:37 [เสียงดนตรี]
00:02:37 → 00:02:39 ข้อที่ 2 เป็นภาวะที่มีน้ำตาลในเลือด สูงเกินปกติ
00:02:39 → 00:02:42 ในคนปกตินะครับ ถ้ามางดน้ำ งดอาหาร มาเจาะเลือด
00:02:42 → 00:02:44 น้ำตาลต้องไม่เกิน 100
00:02:44 → 00:02:47 สำหรับคนที่พบว่าน้ำตาลสูงเกิน 100 นี่
00:02:47 → 00:02:48 อย่างแรกที่ต้องมาระวังคือ
00:02:48 → 00:02:52 การอดอาหารก่อนหน้ามาเจาะตรวจนี่ ถูกต้องแล้วหรือยังนะครับ
00:02:52 → 00:02:55 จะต้องงดอาหารมาอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง
00:02:55 → 00:02:58 โดยสามารถดื่มเฉพาะน้ำเปล่าได้เท่านั้น
00:02:58 → 00:03:00 สำหรับคนที่อดอาหารมาครบแล้วนะครับ
00:03:00 → 00:03:02 และพบว่ายังสูงเกิน 100 อยู่
00:03:02 → 00:03:05 ก็แปลว่าความจริงอาจจะมี พฤติกรรมการกินอาหารที่ไม่เหมาะสม
00:03:05 → 00:03:07 ก่อนหน้านี้เป็นเวลายาวนานแล้ว
00:03:07 → 00:03:08 จนร่างกายเตือนตัวเองว่า
00:03:08 → 00:03:11 ทนไม่ไหวแล้วนะ แล้วก็น้ำตาลสูงเกินไปครับ
00:03:11 → 00:03:14 [เสียงดนตรี]
00:03:14 → 00:03:18 ข้อที่ 3 เป็นภาวะที่มี ความดันโลหิตสูงเกินกว่าปกติครับ
00:03:18 → 00:03:22 ตัวเลขตัดที่ความดันสูงกว่า 130/85 มิลลิเมตรปรอท
00:03:22 → 00:03:23 เรื่องของความดันสูงนี่นะครับ
00:03:23 → 00:03:27 เป็นอาการความเสี่ยงอย่างหนึ่ง ของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
00:03:27 → 00:03:31 ซึ่งเป็นผลมาจากการที่มีการควบคุม สมดุลของพลังงาน น้ำตาล
00:03:31 → 00:03:33 แล้วก็ความดันโลหิตที่ไม่ดีพอนั่นเอง
00:03:33 → 00:03:36 [เสียงดนตรี]
00:03:36 → 00:03:39 ข้อ 4 มีภาวะไขมันไตรกลีเซอไรด์ที่สูงเกินไป
00:03:39 → 00:03:42 คนทั่ว ๆ ไป จะมีระดับของ ไขมันไตรกลีเซอไรด์
00:03:42 → 00:03:45 ไม่สูงเกิน 150 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร
00:03:45 → 00:03:47 ไขมันไตรกลีเซอไรด์สูงมาก ๆ นะครับ
00:03:47 → 00:03:49 จะบ่งบอกถึงภาวะดื้อต่ออินซูลิน
00:03:49 → 00:03:51 ทำให้มีโอกาสควบคุม เรื่องของไขมันและน้ำตาล
00:03:51 → 00:03:53 ทำให้เกิดภาวะเบาหวาน
00:03:53 → 00:03:55 และก่อให้เกิดการอักเสบ ของเส้นเลือดทั่วร่างกายด้วยครับ
00:03:56 → 00:03:59 [เสียงดนตรี]
00:03:59 → 00:04:02 ข้อ 5 มีระดับไขมัน HDL
00:04:02 → 00:04:04 หรือไขมันคอเลสเตอรอลตัวดีที่ต่ำเกินไป
00:04:04 → 00:04:07 ในผู้ชาย ถ้าเกิดต่ำกว่า 50 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร
00:04:07 → 00:04:10 ในผู้หญิง ถ้าเกิดต่ำกว่า 40 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร
00:04:10 → 00:04:13 ถือว่ามีไขมันตัวดี HDL ที่ต่ำเกินไป
00:04:13 → 00:04:16 ก็จะเสี่ยงต่อการเกิดโรคทางกลุ่ม เมตาบอลิกซินโดรมเหมือนกันครับ
00:04:16 → 00:04:18 สำหรับ 5 ข้อที่กล่าวไปนะครับ
00:04:18 → 00:04:20 ใครมีตั้งแต่ 3 ข้อเป็นต้นไป
00:04:20 → 00:04:23 ถือว่ามีความเสี่ยงสูงแล้ว ต่อการเกิดโรคทางเมตาบอลิกซินโดรม
00:04:24 → 00:04:26 [เสียงดนตรี]
00:04:26 → 00:04:28 การรักษาโรคทางเมตาบอลิกซินโดรม
00:04:28 → 00:04:30 มีหลัก ๆ อยู่ 3 แบบครับ
00:04:30 → 00:04:32 คือการรักษาโดยการปรับเปลี่ยน พฤติกรรมสุขภาพ
00:04:32 → 00:04:35 คุมอาหาร ออกกําลังกาย คุมน้ำหนักนั่นเองครับ
00:04:35 → 00:04:37 ในข้อที่ 2 ในคนที่น้ำหนักตัวค่อนข้างเยอะมาก ๆ
00:04:38 → 00:04:39 หรือมีโรคร่วมค่อนข้างเยอะ
00:04:39 → 00:04:40 อาจจะเริ่มด้วยการใช้ยา
00:04:40 → 00:04:42 เป็นยาฉีดลดน้ำหนักครับ
00:04:42 → 00:04:43 ต้องใช้โดยแพทย์นะครับ
00:04:43 → 00:04:44 จะหาซื้อทั่วไปไม่ได้
00:04:44 → 00:04:48 เพราะว่ายานี้มีผลข้างเคียง ที่จำเป็นต้องดูอย่างต่อเนื่อง
00:04:48 → 00:04:52 การที่คนไข้ไปหาซื้อเองตามสถานที่ ที่ไม่ใช่สถานที่บริการทางการแพทย์
00:04:52 → 00:04:54 อาจจะต้องระมัดระวัง ผิดกฎหมายนะครับ
00:04:54 → 00:04:55 ถ้าใช้อย่างไม่ระวัง
00:04:55 → 00:04:58 อาจจะเกิดผลข้างเคียง อันไม่พึงประสงค์จากยาได้
00:04:58 → 00:04:59 อย่างที่ 3 ก็คือการผ่าตัดลดน้ำหนัก
00:04:59 → 00:05:03 ในคนที่อ้วนมาก ๆ สามารถทำการผ่าตัดรักษาได้
00:05:03 → 00:05:05 คุณหมอก็จะพิจารณารับการผ่าตัด
00:05:05 → 00:05:06 ในการรักษาคนไข้กลุ่มนี้
00:05:06 → 00:05:09 คงต้องมีการประเมินกันอีก หลาย ๆ ส่วนนะครับ
00:05:09 → 00:05:13 ว่าคนไข้มีความพร้อมแค่ไหน ในการจะรับการผ่าตัดกระเพาะ
00:05:13 → 00:05:15 แล้วที่สำคัญคือมีความจำเป็นแค่ไหน
00:05:15 → 00:05:19 ถือว่าเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ในการลดน้ำหนักตัว
00:05:19 → 00:05:21 แต่ข้อเสียคือ หลังผ่าตัดกระเพาะไปนี่
00:05:21 → 00:05:25 จำเป็นต้องติดตาม ดูแลเรื่องของการดูดซึมของวิตามินต่าง ๆ
00:05:25 → 00:05:27 ให้อยู่ในสมดุลที่ดีอยู่
00:05:27 → 00:05:28 ในเรื่องของการลดน้ำหนักนะครับ
00:05:28 → 00:05:29 ยังไงก็ยังแนะนำว่า
00:05:29 → 00:05:32 พื้นฐานในการคุมอาหาร ออกกำลังกาย
00:05:32 → 00:05:33 ยังคงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดครับ
00:05:33 → 00:05:35 และหลาย ๆ คนนะครับ ก็ไม่ต้องใช้การผ่าตัด
00:05:36 → 00:05:37 ก็สามารถลดน้ำหนักได้ดีครับ
00:05:37 → 00:05:44 [เสียงดนตรี]
00:05:44 → 00:05:47 ถ้าคุณมีปัญหาสุขภาพ อย่าลืมมาพบหมอกันนะครับ