00:00:00 → 00:00:02 โรคไตเนี่ยเป็นโรคที่ใกล้ตัวเรามากนะครับ
00:00:02 → 00:00:05 แล้วก็เวลาที่เราได้ยินว่ามีคนรอบข้าง
00:00:05 → 00:00:07 ป่วยเป็นโรคไตหรือว่าไตเรื้อรังเราต้องไป
00:00:07 → 00:00:10 ล้างไตเนี่ยครับไปฟอกไตเนี่ยมันทรมานมาก
00:00:10 → 00:00:13 แล้วก็ใช้ชีวิตลำบากมากนะครับมีตัวเลขที่
00:00:13 → 00:00:16 น่าช็อกเลยว่าคนไทยเนี่ยเป็นโรคไต 10
00:00:16 → 00:00:19 กว่าล้านคนนะครับแล้วก็ในจำนวนนี้มีหลาย
00:00:19 → 00:00:22 แสนคนต้องคอยล้างไตนะครับแล้วก็มีตัวเลข
00:00:22 → 00:00:25 ที่น่าสะพรึงกลัวล่าสุดอื่นนะครับจากราย
00:00:25 → 00:00:28 งานเกี่ยวกับหน่วยงานที่ทำ Data เกี่ยว
00:00:28 → 00:00:30 กับไตที่อเมริกานะครับเขาบอกว่าประเทศไทย
00:00:30 → 00:00:34 เนี่ยติด 1 ใน 5 Top 5 เลยนะครับมีคน
00:00:34 → 00:00:38 ที่ป่วยเป็นโรคไตมากที่สุดในโลกนะฮะคงไม่
00:00:38 → 00:00:40 แปลกใจครับคนไทยเนี่ยกินเกลือเยอะนะครับ
00:00:40 → 00:00:44 กินเกลือเนี่ยเฉลี่ย 2 ช้อนชาต่อวันซึ่ง
00:00:44 → 00:00:46 มากกว่าปริมาณที่แนะนำเนี่ย 2 เท่าเลยนะ
00:00:46 → 00:00:48 ฮะวันนี้ Top to โทรแล้วผมฆ่าต้นสมบูรณ์
00:00:48 → 00:00:52 เนี่ยก็อยากจะมาชวนทุกคนนะครับมาพูดคุย
00:00:52 → 00:00:54 กันเรื่องไตสักหน่อยแล้วก็ปรับ
00:00:54 → 00:00:56 พฤติกรรมการใช้ชีวิตและก็โดยเฉพาะการกิน
00:00:56 → 00:00:59 นะครับเพื่อที่จะป้องกันไม่ให้เราเนี่ย
00:00:59 → 00:01:03 เป็นโรคไตกันครับ This is that
00:01:03 → 00:01:08 are you
00:01:08 → 00:01:11 podcast สุขภาพที่ใช้วิทยาศาสตร์ไขปัญหา
00:01:11 → 00:01:15 ตั้งแต่หัวจดเท้า
00:01:15 → 00:01:18 ก่อนจะไปคุยเรื่องโรคไตเรื้อรังนะครับมา
00:01:18 → 00:01:20 ทำความรู้จักมารื้อฟื้นว่าไอ้ไตเนี่ยมัน
00:01:20 → 00:01:23 มีไว้ทำไมก่อนละกันนะครับไตของพวกเรามี
00:01:23 → 00:01:25 อยู่ 2 ข้างนะครับหน้าตาคล้ายๆกับถั่ว
00:01:25 → 00:01:28 เนาะอยู่บริเวณเนี่ยชิดด้านหลังของเรา
00:01:28 → 00:01:30 เนี่ยนะครับไตเนี่ยทำหน้าที่ในการกรองน้ำ
00:01:30 → 00:01:34 แล้วก็กรองของเสียแล้วก็ขจัดของเสียในรูป
00:01:34 → 00:01:36 ของของเหลวออกไปจากร่างกายของเรานะครับ
00:01:36 → 00:01:40 โดยปกติเนี่ยเราก็มักจะใส่ใจนะว่าเราควร
00:01:40 → 00:01:42 จะกินอาหารอะไรเข้าไปดีนะสุขภาพร่างกาย
00:01:42 → 00:01:45 เราถึงจะแข็งแรงไม่อ้วนน้ำตาลต่ำในไขมัน
00:01:45 → 00:01:49 ต่ำนะครับแต่เราเนี่ยมักจะละเลยแล้วก็ลืม
00:01:49 → 00:01:51 ใส่ใจไปเนาะว่าโอเคของที่เรากินเข้าไป
00:01:51 → 00:01:53 แล้วเนี่ยหลังจากที่มันถูกเอาไป process
00:01:53 → 00:01:55 แล้วเนี่ยเฮ้ยมันต้องกลายเป็นของเสียนี่
00:01:55 → 00:01:59 นาแล้วพอร่างกายเรามีของเสียเนี่ยมันก็
00:01:59 → 00:02:02 ต้องกำจัดนะเว้ยเพราะฉะนั้นหน่วยงานหรือ
00:02:02 → 00:02:05 ว่าอวัยวะทีมงานที่ต้องกำจัดของเสียนะก็
00:02:05 → 00:02:07 เป็นอวัยวะที่มีค่าที่เราควรจะใส่ใจมาก
00:02:07 → 00:02:11 เช่นกันนะครับทีนี้ไตเนี่ยแน่นอนมันทำงาน
00:02:11 → 00:02:14 ทุกวันๆนะครับถ้าเกิดว่าไตเนี่ยมันต้องทำ
00:02:14 → 00:02:18 งานหนักมากเกินไปแน่นอนมันก็จะเสื่อมได้
00:02:18 → 00:02:22 เร็วนะครับแล้วก็เป็นภาวะไตเรื้อรังได้นะ
00:02:22 → 00:02:24 ครับทีนี้ไตเรื้อรังเนี่ยมันคืออะไรนะ
00:02:24 → 00:02:27 ครับมันคือภาวะที่ไตของเราเนี่ยนะครับทำ
00:02:27 → 00:02:31 งานได้แย่ลงทำงานได้ไม่ปกตินะครับมีความ
00:02:31 → 00:02:36 สามารถที่จะกรองน้ำแล้วก็ของเสียเนี่ยลด
00:02:36 → 00:02:39 ลงหรือว่าบางทีเนี่ยสารบางอย่างไม่ควรจะ
00:02:39 → 00:02:43 ถูกเล็ดลอดออกไปในน้ำปัสสาวะคราวนี้กรอง
00:02:43 → 00:02:45 ไม่ได้ของบางอย่างเนี่ยหลุดรอดออกไปนะ
00:02:45 → 00:02:47 ครับเพราะว่าเซลล์ของไตเนี่ยมันเสื่อม
00:02:47 → 00:02:49 แล้วก็ไม่สามารถที่จะกั้นง่ายๆกับ
00:02:49 → 00:02:51 ฟิลเตอร์เนี่ยมันเสียนั่นเองนะครับทีนี้
00:02:51 → 00:02:54 สาเหตุของการที่ตายมันทำงานได้แย่ลงหรือ
00:02:54 → 00:02:56 ว่าไตมันเสื่อมสภาพเนี่ยมันเกิดจากอะไร
00:02:56 → 00:02:58 ได้บ้างนะครับอย่างที่ 1 เลยมันก็คือเกิด
00:02:58 → 00:03:01 จากเรื่องอาหารการกินนะครับก็คือเรากิน
00:03:01 → 00:03:04 เกลือหรือว่าโซเดียมมากเกินไปนั่นเองนะ
00:03:04 → 00:03:07 ครับจะบอกว่าโซเดียมจำเป็นนะครับในร่าง
00:03:07 → 00:03:08 กายของเราเพราะว่าเซลล์ประสาทเนี่ยใช้
00:03:08 → 00:03:10 โซเดียมในการส่งข้อมูลต่างๆทั้งนั้นเลยนะ
00:03:10 → 00:03:12 ครับแล้วจากที่เราเรียนมาตอนเด็กจะได้ยิน
00:03:12 → 00:03:15 ถึงโซเดียมโปแตสเซียมต่ำใช่ไหมเราใช้
00:03:15 → 00:03:18 เกลือแร่ในการสื่อสารแล้วก็ควบคุมสมดุล
00:03:18 → 00:03:20 ต่างๆการทำงานของอวัยวะต่างๆในร่างกายนะ
00:03:21 → 00:03:23 ครับแต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เกิดโซเดียมมัน
00:03:23 → 00:03:26 เยอะจนเกินไปนะครับมันทำให้ความเข้มข้น
00:03:26 → 00:03:29 เลยว่าความดันของเลือดมันสูงเกินไปครับ
00:03:29 → 00:03:32 เพราะความดันของเลือดมันสูงเกินไปแล้วมัน
00:03:32 → 00:03:34 วิ่งไปที่ไตเป็นจุดที่มันเหมือนกับเป็น
00:03:34 → 00:03:37 ฟิลเตอร์ที่ต้องกรองของเหลวนะครับเพราะ
00:03:37 → 00:03:40 ความดันมันเยอะเนี่ยครับเซลล์ไตเนี่ยก็จะ
00:03:40 → 00:03:43 ทำงานหนักแล้วก็อาจจะเสื่อมสภาพจนทำให้
00:03:43 → 00:03:46 การกรองเนี่ยมันมีประสิทธิภาพลดลงได้นะ
00:03:46 → 00:03:49 ครับบางคนก็อาจจะงงว่าเฮ้ยเราก็ไม่ได้กิน
00:03:49 → 00:03:53 เกลือเป็นช้อนๆนะมันจะเป็นไตวายได้ยังไง
00:03:53 → 00:03:55 คนไทยกินเกลือเยอะขนาดนั้นเลยหรอจริงๆ
00:03:55 → 00:03:56 ต้องบอกว่าเกลือเนี่ยเราไม่จำเป็นต้องกิน
00:03:57 → 00:03:59 เกลือที่เป็นแบบเม็ดขาวๆหรอกครับแต่เกลือ
00:03:59 → 00:04:02 เนี่ยมันซ่อนมันแทรกเป็นองค์ประกอบอยู่ใน
00:04:02 → 00:04:05 เครื่องปรุงรสต่างๆมากมายนะครับไม่ว่าจะ
00:04:05 → 00:04:09 เป็นน้ำปลาซีอิ๊วซอสปรุงรสกะปิต่างๆเนี่ย
00:04:09 → 00:04:12 โดยเฉพาะอาหารไทยอาหารเอเชียที่เป็นอาหาร
00:04:12 → 00:04:15 ที่แซ่บๆนะครับยิ่งใครกินอาหารรสจัด
00:04:15 → 00:04:19 เค็มจัดนะครับเผ็ดจัดเนี่ยโอ้โหมีเกลือมี
00:04:19 → 00:04:21 ปริมาณเกลือที่ซ่อนอยู่เยอะแยะเต็มไปหมด
00:04:21 → 00:04:23 ทุกวันนี้เราได้รับเกลือเยอะเกินกว่าที่
00:04:23 → 00:04:25 เราต้องการโดยที่เราไม่รู้ตัวนะครับแล้ว
00:04:25 → 00:04:27 โดยปกติเราควรจะกินเกลือมากแค่ไหนนะครับ
00:04:27 → 00:04:29 จริงๆเนี่ยเราควรจะกินเกลือแค่วันนึง
00:04:29 → 00:04:31 เนี่ยไม่เกิน 1 ช้อนชานะครับเทียบเท่ากับ
00:04:31 → 00:04:34 เกลือปริมาณ 2,000 มิลลิกรัมเท่านั้นเอง
00:04:34 → 00:04:36 นะครับเพราะผมก็ทำเรื่องไปเนี่ยผมก็ลอง
00:04:36 → 00:04:39 สังเกตดูฉลากโภชนาการนะเมื่อเช้าผมกินขนม
00:04:39 → 00:04:43 ปังขาวตัดขอบ 2 แผ่นพลิกไปดูก็ตกใจครับ
00:04:43 → 00:04:46 ว่าขนมปังเพียง 2 แผ่นไม่ทาอะไรเลยนะครับ
00:04:46 → 00:04:50 ขนมปังเปล่าๆเนี่ยมีเกลือมากถึง 10% นะ
00:04:50 → 00:04:52 ครับก็คือ 200 มิลลิกรัมเข้าไปแล้วนะครับ
00:04:52 → 00:04:55 แล้วยังไม่นับกับข้าวกระเพราแหละที่เรา
00:04:55 → 00:04:58 กินนะครับเพียงแค่สั่งกระเพรานะครับไม่
00:04:58 → 00:05:00 ต้องใส่พริกน้ำปลาเนี่ยซอสปรุงรสที่แม่
00:05:00 → 00:05:02 ค้าเนี่ยใส่เข้าไปเพื่อปรุงกระเพราให้เรา
00:05:02 → 00:05:05 กินนะครับเผลอๆเนี่ยก็มีปริมาณเกลือเกิน
00:05:05 → 00:05:08 กว่าครึ่งนึงที่เราต้องการต่อวันเข้าไป
00:05:08 → 00:05:10 แล้วนะครับเรากินเกลือด้วยเราไม่รู้ตัว
00:05:10 → 00:05:14 ครับทุกคนนอกจากนี้อาหารแปรรูปอาหารกึ่ง
00:05:14 → 00:06:15 สำเร็จรูป
00:06:15 → 00:06:18 คนที่กินน้ำตาลเยอะเกินไปนะครับแล้วก็มี
00:06:18 → 00:06:21 ภาวะที่เป็นเบาหวานเนี่ยนะครับก็คือเลือด
00:06:21 → 00:06:24 มีน้ำตาลเยอะมีความดันเลือดเยอะพอน้ำตาล
00:06:24 → 00:06:27 อยู่ในเลือดเยอะนะครับแล้วไปหล่อเลี้ยงไป
00:06:27 → 00:06:29 นะครับก็ทำให้เซลล์ของไตเนี่ยมันเสื่อม
00:06:29 → 00:06:32 ได้ง่ายน้ำตาลที่เยอะนะครับนอกจากจะทำให้
00:06:32 → 00:06:34 เซลล์ไตเสื่อมนะครับยังทำให้เซลล์ประสาท
00:06:34 → 00:06:38 ที่ไปควบคุมการทำงานของไตนะครับเสื่อมตาม
00:06:38 → 00:06:41 ไปด้วยครับซึ่งจริงๆเนี่ยภาวะเซลล์เสื่อม
00:06:41 → 00:06:43 แล้วก็เซลล์ประสาทเสื่อมไหมครับไม่ได้
00:06:43 → 00:06:46 เกิดแค่เฉพาะไตนะครับแต่ทุกๆอวัยวะในร่าง
00:06:46 → 00:06:50 กายเลยนะครับทุกคนเพราะว่าอวัยวะทั้งหมด
00:06:50 → 00:06:52 ในร่างกายจะมีเส้นเลือดไปหล่อเลี้ยงถูก
00:06:52 → 00:06:55 ไหมเพราะฉะนั้นถ้าเกิดว่าเลือดมีน้ำตาล
00:06:55 → 00:06:57 เยอะก็จะทำให้เซลล์ต่างๆเอาไว้ต่างๆเนี่ย
00:06:57 → 00:07:00 มันเสื่อมได้ง่ายขึ้นเพราะฉะนั้นการที่
00:07:00 → 00:07:03 ใครที่เป็นเบาหวานกินน้ำตาลเยอะๆนะครับก็
00:07:03 → 00:07:06 ทำให้ไตวายเร็วได้เช่นกันนะครับสาเหตุ
00:07:06 → 00:07:08 อื่นๆที่ทำให้เกิดไตวายก็จะมีพันธุกรรมนะ
00:07:08 → 00:07:10 ครับอันนี้เป็นแต้มบุญของแต่ละคนนะฮะถ้า
00:07:10 → 00:07:13 เกิดว่าใครมีครอบครัวมีประวัติเป็นไต
00:07:13 → 00:07:16 อักเสบไตวายนะครับหรือนิ่วในไตง่ายนี่นะ
00:07:16 → 00:07:20 ครับก็มีโอกาสที่เราจะมีภาวะไตวายได้มาก
00:07:20 → 00:07:22 กว่าคนอื่นนะครับความเครียดการใช้ชีวิต
00:07:22 → 00:07:25 ที่ไม่ Healthy การสูบบุหรี่นะครับหรือ
00:07:25 → 00:07:27 การกินเหล้าเนี่ยครับก็สามารถทำให้ไตวาย
00:07:27 → 00:07:31 ได้ง่ายเช่นกันคนที่กินยาเยอะๆนะครับก็
00:07:31 → 00:07:35 ไม่ใช่ว่าตับพังอย่างเดียวแต่ไตก็พังได้
00:07:35 → 00:07:38 เช่นกันนะครับเพราะว่าหลังจากที่เรากินยา
00:07:38 → 00:07:40 แล้วนะครับยาก็ต้องถูก breakdown ให้เป็น
00:07:40 → 00:07:43 โมเลกุลจิ๋วๆนะครับซึ่งมันก็จะถูกกรองที่
00:07:43 → 00:07:46 ตายนะครับยิ่งมีเยอะๆไปก็จะทำงานหนักเช่น
00:07:46 → 00:07:49 กันครับการกินโปรตีนเยอะๆเนี่ยครับก็ทำ
00:07:49 → 00:07:51 ให้ไตวายได้ง่ายเช่นกันนะครับเพราะว่า
00:07:51 → 00:07:54 หลังจากย่อยโปรตีนแล้วนะครับย่อยโปรตีนก็
00:07:54 → 00:07:56 จะมีพวกตระกูลแอมโมเนียนะครับก็จะทำให้ไต
00:07:56 → 00:07:59 ทำงานหนักนะครับเพราะฉะนั้นใครที่เป็นโรค
00:07:59 → 00:08:01 ไตในสิ่งมีคำแนะนำว่าควรจะลดการกินเนื้อ
00:08:01 → 00:08:04 สัตว์ลงนะครับเพื่อที่จะลดการทำงานของไต
00:08:04 → 00:08:06 ครับทั้งหมดทั้งมวลที่เล่ามาเป็นสาเหตุ
00:08:06 → 00:08:09 ที่ทำให้ไตทำงานหนักกว่าปกติจนทำให้ไต
00:08:09 → 00:08:12 เสื่อมสภาพแล้วก็ไตวายได้นะครับทุกคนอ่ะ
00:08:12 → 00:08:15 แล้วมีสัญญาณอะไรอ่ะที่บ่งบอกว่าเราจะโรค
00:08:15 → 00:08:17 ไตหรือเปล่าอย่างแรกนะครับคือถ้าใครที่มี
00:08:17 → 00:08:20 อาการปวดหัวตึ๊บๆบริเวณขมับบ่อยๆนะครับ
00:08:20 → 00:08:23 แบบไม่มีสาเหตุอันนี้อาจจะเป็นสัญญาณบอก
00:08:23 → 00:08:26 เหตุได้ว่าเราจะเป็นโรคไตนะครับและสัญญาณ
00:08:26 → 00:08:29 ที่จะค่อนข้างชัดว่าเราอาจจะเป็นโรคไตคือ
00:08:29 → 00:08:32 ดูจากปัสสาวะโดยปกติปัสสาวะของเราเนี่ยจะ
00:08:32 → 00:08:34 ใสนะครับแล้วก็จะมีสีที่แตกต่างกันตาม
00:08:34 → 00:08:37 ปริมาณน้ำที่กินนะครับก็คือจากใสๆจน
00:08:37 → 00:08:39 เหลืองเข้มไปเรื่อยๆนะครับตามว่าเราดื่ม
00:08:39 → 00:08:42 น้ำเยอะหรือน้อยนะครับแต่เมื่อไหร่ก็ตาม
00:08:42 → 00:08:45 ที่ไตของเรามีปัญหาเนี่ยครับไตของเรา
00:08:45 → 00:08:49 เนี่ยจะขุดแล้วก็มีสีที่เป็นเขาเรียกว่า
00:08:49 → 00:08:52 สีน้ำล้างเนื้อนะครับคือสีที่ออกไปทางส้ม
00:08:52 → 00:08:56 ๆแดงๆนะครับก็คืออาจจะมีสารบางอย่างที่
00:08:56 → 00:08:59 ไม่ควรจะอยู่ในปัสสาวะมันเล็ดลอดออกมาได้
00:08:59 → 00:09:02 เพราะว่าการกรองของไตมีปัญหานะครับโดย
00:09:02 → 00:09:04 ปกติแล้วนะครับในปัสสาวะของเราเนี่ยไม่
00:09:04 → 00:09:09 ควรจะมีน้ำตาลไม่ควรจะมีโปรตีนไม่ควรจะมี
00:09:09 → 00:09:11 คีโตนหรือไม่ควรจะมีบิลลี่รูบิ้นซึ่งมัน
00:09:11 → 00:09:14 คือสารที่เกิดจากการที่เม็ดเลือดแดงเนี่ย
00:09:14 → 00:09:16 ถูกทำลายนะครับไม่ควรจะมีเม็ดเลือดแดงไม่
00:09:16 → 00:09:19 ควรจะมีเม็ดเลือดขาวเมื่อไหร่ก็ตามที่เรา
00:09:19 → 00:09:23 ตรวจปัสสาวะของเราแล้วคุณหมอเจอเจ้าสาร
00:09:23 → 00:09:25 เหล่านี้ที่ว่ามาในน้ำปัสสาวะเนี่ยครับก็
00:09:25 → 00:09:28 เป็นการบอกเขตแล้วว่าไตมีปัญหาแน่ๆการ
00:09:28 → 00:09:31 กรองมันเริ่มมีปัญหาสิ่งเหล่านี้ถึงเล็ด
00:09:31 → 00:09:33 ลอดออกมานะครับเพราะฉะนั้นศาลบางอย่าง
00:09:33 → 00:09:35 เหล่านี้มันทำให้เกิดสีที่เป็นแนวสีส้มสี
00:09:35 → 00:09:37 แดงนะครับเพราะฉะนั้นเมื่อไหร่ก็ตามที่
00:09:37 → 00:09:40 ฉี่เราหรือปัสสาวะแล้วขุ่นก็เป็นการบอก
00:09:40 → 00:09:44 ได้นะครับว่าเฮ้ยไตมีปัญหาแล้วแหละฉี่มี
00:09:44 → 00:09:47 ฟองเนี่ยก็บ่งบอกว่าอาจจะมีโปรตีนบาง
00:09:47 → 00:09:48 อย่างหรือว่าโปรตีนไข่ขาวนะครับหลุดรอด
00:09:48 → 00:09:51 ออกมาในน้ำปัสสาวะนะครับก็เป็นสัญญาณว่า
00:09:51 → 00:09:54 ไตมีปัญหาได้เช่นกันเพราะฉะนั้นเวลาที่
00:09:54 → 00:09:56 เราเข้าห้องน้ำเนี่ยก็สังเกตดูสีปัสสาวะ
00:09:57 → 00:10:01 ของเราด้วยนะครับทุกคนทีนี้คนทั่วไปที่
00:10:01 → 00:10:04 เรายังไม่โดนวินิจฉัยว่าเราเป็นโรคไตว่า
00:10:04 → 00:10:06 ตายยังทำงานได้โอเคอยู่เนี่ยจะใช้ชีวิต
00:10:06 → 00:10:08 ยังไงอ่ะที่จะถนอมใต้ของเราให้ได้มากที่
00:10:08 → 00:10:12 สุดนะครับอย่างแรกเลยนะครับก็คือต้องดูแล
00:10:12 → 00:10:15 เรื่องอาหารกันครับคือต้องลดทั้งน้ำตาล
00:10:15 → 00:10:18 แล้วก็ลดทั้งเกลือครับทุกคนอย่างที่บอกไป
00:10:18 → 00:10:20 ตั้งแต่ตอนต้นนะครับว่าเกลือกับน้ำตาล
00:10:20 → 00:10:23 เนี่ยเป็นต้นเหตุหลักเลยที่ทำให้ไตของเรา
00:10:23 → 00:10:24 เนี่ยทำงานได้แย่ลง
00:10:24 → 00:10:27 ใครก็ตามที่กินอาหารรสจัดไม่ว่าจะเป็น
00:10:27 → 00:10:30 หวานจัดเค็มจัดหรือแม้กระทั่งเผ็ดจัดนี้
00:10:30 → 00:10:34 นะครับควรจะเบาๆลงบ้างนะครับจากที่เรา
00:10:35 → 00:10:38 ปรุงอาหารเข้มข้นเนี่ยลองเปลี่ยนบ้างลอง
00:10:38 → 00:10:41 ลดปริมาณเกลือหรือว่าปริมาณน้ำตาลที่ปรุง
00:10:41 → 00:10:43 อย่างเช่นปรุงก๋วยเตี๋ยวเนี่ยลดมาทีละ
00:10:43 → 00:10:45 น้อยๆแล้วกันนะครับที่ยังทำให้รู้สึกว่า
00:10:45 → 00:10:48 อาหารมันยังอร่อยอยู่นะฮะให้ลิ้นของเรา
00:10:48 → 00:10:52 เนี่ยค่อยๆปรับตัวลดลงทีละอาจจะครึ่งช้อน
00:10:52 → 00:10:55 ชา 1 ช้อนชานะครับแรกๆเนี่ยอาจจะรู้สึก
00:10:55 → 00:10:56 ว่าไม่ชินเลยอาหารมันไม่ค่อยอร่อยนะครับ
00:10:56 → 00:11:00 แต่เชื่อเถอะถ้าเราทำไปเรื่อยๆลิ้นเราจะ
00:11:00 → 00:11:03 ค่อยๆปรับตัวจากอาหารที่รู้สึกว่ามันจืด
00:11:03 → 00:11:05 ชืดไม่ค่อยอร่อยเนี่ยมันก็จะรู้สึกว่า
00:11:05 → 00:11:08 โอเคมันก็กินได้นะก็อร่อยดีนะครับเพียง
00:11:09 → 00:11:11 แค่เราค่อยๆทยอยทำทีละเล็กทีละร้อยนะครับ
00:11:12 → 00:11:14 แต่ทำเหอะครับผมเองก็เป็นคนกินจัดนะครับ
00:11:14 → 00:11:17 พอเรา Research เกี่ยวกับเรื่องไตเยอะ
00:11:17 → 00:11:18 ขึ้นเรื่อยๆก็รู้สึกว่าเฮ้ยไม่ได้แล้ว
00:11:18 → 00:11:21 ปลอดภัยไม่ได้แล้วตอนนี้เรายังเป็นวัยที่
00:11:21 → 00:11:24 ไตมันยังพอจะทำงานได้ดีอยู่แต่ถ้าเรา
00:11:24 → 00:11:27 ปล่อยไปนะครับแป๊บนึงพอใจมันพังเนี่ยพัง
00:11:27 → 00:11:31 แล้วพังเลยแล้วการฟอกไตไม่ใช่เรื่องดีไม่
00:11:31 → 00:11:33 ใช่เรื่องสนุกเลยในชีวิตนะครับและก็
00:11:33 → 00:11:35 Meditation นะครับคือเราควรจะกินเกลือ
00:11:35 → 00:11:37 ไม่เกิน 1 ช้อนชาต่อวันแล้วกินน้ำตาลไม่
00:11:37 → 00:11:40 ควรจะเกิน 6 ช้อนชาต่อวันนะครับทุกคน
00:11:40 → 00:11:42 เพราะฉะนั้นใครที่ชอบกินน้ำหวานๆเนี่ย
00:11:42 → 00:11:45 เลี่ยงได้เลี่ยนนะครับนอกจากนี้นะครับควร
00:11:45 → 00:11:48 จะเลือกกินอาหารที่ปรุงสดใหม่แทนที่จะ
00:11:48 → 00:11:50 เป็นอาหารสำเร็จรูปนะครับอาหารที่เป็นซอง
00:11:50 → 00:11:52 หรืออาหารเป็นกล่องที่เติมน้ำร้อนหรือว่า
00:11:52 → 00:11:55 เข้าเว็บแล้วก็กินได้เลยเนี่ยเลี่ยงได้
00:11:55 → 00:11:56 เลี่ยงอาหารพวกนั้นนะครับเพราะว่าคุณจะ
00:11:56 → 00:11:58 ได้รับโซเดียมแล้วก็น้ำตาลที่มันเกินความ
00:11:58 → 00:12:01 จำเป็นนั่นเองครับวิธีที่ 2 นะครับที่จะ
00:12:01 → 00:12:04 ช่วยถนอมไปนะครับคือการดื่มน้ำให้เพียงพอ
00:12:04 → 00:12:06 ตั้งเป้าเลยครับว่าวันนึงเนี่ยควรจะดื่ม
00:12:06 → 00:12:08 น้ำให้ได้อย่างน้อย 8 แก้วหรือประมาณ 2
00:12:08 → 00:12:11 ลิตรเป็นอย่างน้อยนะครับถามว่าทำไมฮะการ
00:12:11 → 00:12:13 กินน้ำเยอะๆนะครับทำให้ความเข้มข้นของ
00:12:13 → 00:12:15 เลือดของเราเนี่ยมันเจือจางนะครับไม่เข้ม
00:12:15 → 00:12:18 ข้นจนเกินไปแล้วก็ทำให้ความดันไม่สูงจน
00:12:18 → 00:12:21 เกินไปนะครับอย่างที่บอกว่าความดันสูงนะ
00:12:21 → 00:12:22 ครับที่พูดมาแบบเบาหวานอย่างนี้มันเป็น
00:12:22 → 00:12:25 ต้นเหตุสำคัญที่ทำให้ไตเสื่อมเร็วเพราะ
00:12:25 → 00:12:27 ว่าการกรองน้ำของไตเนี่ยอาศัยเรื่องความ
00:12:27 → 00:12:30 ดันของเลือดเป็นหลักนะครับเป็นตัวช่วยใน
00:12:30 → 00:12:32 การกรองเนาะจินตนาการเหมือนเรามีกระดาษ
00:12:32 → 00:12:36 กรองอย่างเงี้ยเราก็ต้องฉีดน้ำอัดน้ำเข้า
00:12:36 → 00:12:37 ไปผ่านกระดาษกรองน้ำเพื่อให้น้ำเนี่ยมัน
00:12:37 → 00:12:40 ผ่านไอ้รูเล็กๆนะครับแล้วอะไรที่มันใหญ่
00:12:40 → 00:12:43 กว่ารูเนี่ยมันก็ถูกกักเก็บเอาไว้นะครับ
00:12:43 → 00:12:45 เฉพาะของเหลวที่เป็นปัสสาวะเนี่ยก็จะผ่าน
00:12:45 → 00:12:49 เนื้อไตออกมาออกมาสู่เป็นปัสสาวะของเรา
00:12:49 → 00:12:51 เนี่ยครับเพราะถ้าเกิดความดันมันสูงเกิน
00:12:51 → 00:12:54 ไปอ่ะแรงกระแทกอ่ะที่ไปชนเซลล์ตายเนื้อไต
00:12:54 → 00:12:57 กระแทกบ่อยๆเยอะเกินไปมันก็ทำให้เซลล์ตาย
00:12:57 → 00:13:00 เนี่ยครับมันเสื่อมแล้วมันก็เสียหายได้นะ
00:13:00 → 00:13:02 ครับนอกจากนี้การที่เรากินน้ำเข้าไปเยอะๆ
00:13:02 → 00:13:06 นะครับทำให้เกลือแร่มันไม่เยอะจนเกินไปนะ
00:13:06 → 00:13:10 ครับลดโอกาสที่เกลือแร่นะครับมันจะรวม
00:13:10 → 00:13:12 เข้าด้วยกันเป็นผลึกนะครับหรือที่เรียก
00:13:12 → 00:13:15 ว่าทำให้เกิดนิ่วในไตได้นั่นเองนะครับ
00:13:15 → 00:13:17 เมื่อไหร่ก็ตามที่มีเกลือแร่เยอะๆแล้วมัน
00:13:17 → 00:13:20 รวมกันเป็นก้อนผลึกเนี่ยครับแล้วเป็นนิ่ว
00:13:20 → 00:13:23 เนี่ยครับก็จะทำให้เกิดทั้งแรงดันมากขึ้น
00:13:23 → 00:13:26 แล้วก็ทำลายไปให้ไตเนี่ยเสื่อมสภาพได้
00:13:26 → 00:13:29 เร็วมากยิ่งขึ้นอ้อผมลืมบอกไปนะครับถ้า
00:13:29 → 00:13:32 เกิดว่าใครที่ปัสสาวะแล้วรู้สึกปัสสาวะ
00:13:32 → 00:13:34 ติดขัดนะครับหรือว่าฉี่แล้วรู้สึกว่าต้อง
00:13:34 → 00:13:36 ใช้แรงเบ่งเนี่ยครับอาจจะเป็นการสะท้อน
00:13:36 → 00:13:39 ว่ามีอะไรบางอย่างไปอุดท่อทางเดินปัสสาวะ
00:13:39 → 00:13:41 ก็คือมีนิ่วได้นะครับและถ้าเกิดว่าใครที่
00:13:41 → 00:13:44 นอนตอนกลางคืนเนี่ยนอนหลับไปแล้วต้องตื่น
00:13:44 → 00:13:46 ลุกขึ้นมาเป็นห้องน้ำบ่อยๆนะครับเป็นการ
00:13:46 → 00:13:48 บ่งบอกว่าไตของเรามีปัญหานะครับเพราะโดย
00:13:48 → 00:13:52 ปกติแล้วเนี่ยไตของคนปกติตอนที่นอนนะครับ
00:13:52 → 00:13:55 จะทำงานน้อยกว่าปกติก็คือจะกรองน้ำจะดูด
00:13:55 → 00:13:57 น้ำกัดเยอะขึ้นนะครับเพื่อให้เราไม่ต้อง
00:13:57 → 00:13:59 ลุกฉีดตอนกลางคืนนั่นเองนะครับถ้าใครฉี่
00:13:59 → 00:14:02 บ่อยๆเป็นสาเหตุว่าไตคุณเริ่มมีปัญหาครับ
00:14:02 → 00:14:04 อย่างที่ 3 นะครับคือออกกำลังกายเยอะๆ
00:14:04 → 00:14:06 ครับก็จะช่วยทำให้ไตทำงานน้อยลงเฮ้ย
00:14:06 → 00:14:09 เกี่ยวยังไงออกกำลังกายเยอะก็จะผลิต
00:14:09 → 00:14:11 เหนื่อยเยอะถูกไหมครับเหงื่อของเราเนี่ย
00:14:11 → 00:14:14 ครับจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ช่วยพาเกลือ
00:14:15 → 00:14:17 แร่ออกไปจากร่างกายเป็นวิธีในการกำจัด
00:14:17 → 00:14:19 เกลือแร่ส่วนเกินนะครับถ้าเกลือแร่ถูก
00:14:19 → 00:14:21 กำจัดทางเหนื่อยเยอะๆเนี่ยครับไตก็จะทำ
00:14:21 → 00:14:24 งานน้อยลงในการกำจัดเกลือแร่นั่นเองนะ
00:14:24 → 00:14:26 ครับเพราะฉะนั้นการออกกำลังกายอย่างสม่ำ
00:14:26 → 00:14:28 เสมออะไรก็ได้ครับเรื่องกิจกรรมที่คุณชอบ
00:14:28 → 00:14:31 ที่ทำให้มีการเสียเหงื่อนะครับก็จะช่วย
00:14:31 → 00:14:34 ไต่แล้วล่ะครับอย่างที่ 4 นะครับมีงาน
00:14:34 → 00:14:35 วิจัยเจอว่าการกินองุ่นหรือว่า
00:14:35 → 00:14:38 แคลนเบอร์รี่เนี่ยครับสามารถจะช่วยชะลอไต
00:14:38 → 00:14:41 เสื่อมได้นะครับเพราะว่าในผลไม้พวกนี้
00:14:41 → 00:14:44 ครับจะมีสาร restaur นะครับที่จะช่วยลด
00:14:44 → 00:14:47 การอักเสบของไตได้ครับการกินพวกน้ำมะนาว
00:14:47 → 00:14:50 น้ำส้มหรือว่าเมล่อนหรือว่าอะไรก็ตามที่
00:14:50 → 00:14:52 มีกรดซิสริกิติอยู่เยอะนะครับก็สามารถ
00:14:52 → 00:14:55 ช่วยลดโอกาสเป็นนิ่วได้ครับเพราะว่ากด
00:14:55 → 00:14:58 ซิติกนะครับสามารถจะไปจับกับแคลเซียมนะ
00:14:58 → 00:15:00 ครับและทำให้โอกาสการฟอร์มคริสตัล
00:15:00 → 00:15:03 แคลเซียมเนี่ยมันลดน้อยลงโอกาสเป็นนิ่วก็
00:15:03 → 00:15:06 ลดน้อยลงพอโอกาสเป็นนิ่วลดน้อยลงโอกาสที่
00:15:06 → 00:15:08 ไตอักเสบก็จะลดน้อยลงตามไปด้วยครับอีก
00:15:08 → 00:15:10 หนึ่งอย่างที่ควรทำคือลดความอ้วนนะครับ
00:15:10 → 00:15:14 เพราะว่าความอ้วนเป็นบ่อเกิดของโรคเบา
00:15:14 → 00:15:16 หวานแล้วก็โรคความดันเบาหวานต่อความดัน
00:15:16 → 00:15:19 เป็นตัวกลางที่ทำให้ไตวายไตอักเสบนั่นเอง
00:15:19 → 00:15:21 ลดความอ้วนก็จะช่วยได้ครับนอกจากนี้ยัง
00:15:21 → 00:15:23 เจอว่าคนที่สูบบุหรี่ด้วยนะครับความดันจะ
00:15:23 → 00:15:26 สูงกว่าคนปกตินะครับเพราะฉะนั้นเราลดการ
00:15:26 → 00:15:28 สูบบุหรี่หรือว่าเลี้ยงการสูบบุหรี่ได้ก็
00:15:28 → 00:15:31 จะช่วยเซฟไตได้เช่นกันนะครับและสุดท้าย
00:15:31 → 00:15:32 คือแอลกอฮอล์ครับ
00:15:32 → 00:15:35 การกินแอลกอฮอล์เยอะๆนะครับนอกจากทำให้
00:15:35 → 00:15:37 ตับพังแล้วเนี่ยก็ยังทำให้ไตพังด้วยนะ
00:15:37 → 00:15:40 ครับเพราะฉะนั้นก็กินแต่พอดีก็จะช่วยได้
00:15:40 → 00:15:43 ทีนี้ถ้าเกิดว่าใครโดนวินิจฉัยแล้วนะครับ
00:15:43 → 00:15:48 ว่ามีภาวะไตมีปัญหาไตอักเสบนะครับไตวายนะ
00:15:48 → 00:15:50 ครับแน่นอนคุณหมอเนี่ยก็จะเริ่มสเต็กกับ
00:15:50 → 00:15:53 การใช้ชีวิตมากยิ่งขึ้นนะครับทริคสำคัญๆ
00:15:53 → 00:15:55 นะครับก็คือ 1 คือการกินเนื้อสัตว์ให้
00:15:55 → 00:15:58 น้อยลงอย่างที่บอกไปนะครับการกินเนื้อ
00:15:58 → 00:16:02 สัตว์จะทำให้เกิดของเสียที่จะต้องใช้ไตใน
00:16:02 → 00:16:05 กำจัดเยอะนะครับเลี่ยงการกินเนื้อสัตว์
00:16:05 → 00:16:08 ให้ลดน้อยลงนะครับถามว่ากินเนื้อสัตว์
00:16:08 → 00:16:11 ประมาณไหนถึงจะดีนะครับสัดส่วนที่เขามี
00:16:11 → 00:16:15 การแนะนำกันนะครับก็คือประมาณ 0.6 ถึง 0.8
00:16:15 → 00:16:17 กรัมต่อน้ำหนักตัวหนึ่งกิโลกรัมนั้นเองนะ
00:16:17 → 00:16:20 ครับง่ายๆมื้อนึงเนี่ยควรจะกินเนื้อสัตว์
00:16:20 → 00:16:23 ไม่เกิน 2 ช้อนโต๊ะนะครับซึ่งมันก็น้อย
00:16:23 → 00:16:25 มากเลยเนาะทาให้ดีก็อย่าไปถึงจุดที่เรา
00:16:25 → 00:16:28 ต้องหมดเนื้อสัตว์ขนาดนั้นเลยนะครับอย่าง
00:16:28 → 00:16:32 ที่ 2 คือเลือกกินแป้งที่ปลอดจากโปรตีนนะ
00:16:32 → 00:16:34 ครับซึ่งมีอะไรบ้างก็คือพวกวุ้นเส้น
00:16:34 → 00:16:36 ก๋วยเตี๋ยวเซี่ยงไฮ้นะครับสาคูแป้งมัน
00:16:36 → 00:16:39 แป้งข้าวโพดเนี่ยก็จะช่วยให้เราได้รับสาร
00:16:39 → 00:16:41 อาหารคาร์โบไฮเดรตแต่ว่าไม่เพิ่มภาระให้
00:16:41 → 00:16:44 กับไตนะครับลดไขมันที่เป็นไขมันไม่อิ่ม
00:16:44 → 00:16:46 ตัวด้วยนะครับอย่างที่บอกไปไขมันส่วนเกิน
00:16:46 → 00:16:48 ถ้าเราเป็นโรคอ้วนทำให้เราเป็นโรคความดัน
00:16:48 → 00:16:51 นะครับก็ทำให้เป็นโรคไตตามมาเช่นกันนะ
00:16:51 → 00:16:54 ครับคนที่เป็นโรคไตนะครับควรจะระวังผัก
00:16:54 → 00:16:57 ผลไม้ที่มีโปแตสเซียมสูงมากๆเลยนะครับ
00:16:57 → 00:16:59 เพราะว่าผักผลไม้ที่มีโพแทสเซียมสูงเนี่ย
00:16:59 → 00:17:01 ก็จะไปเพิ่มภาระให้กับไตถ้าอย่างที่บอก
00:17:01 → 00:17:03 ว่าไตทำงานได้ไม่ดีเนี่ยการกำจัดพวก
00:17:03 → 00:17:06 mineral หรือว่าแร่ธาตุพวกเกลือแร่เนี่ย
00:17:06 → 00:17:07 มันก็ทำงานได้ไม่ดีนะครับเพราะฉะนั้น
00:17:07 → 00:17:11 โพแทสเซียมเป็น 1 ในเกลือแร่ที่สร้างความ
00:17:11 → 00:17:14 ลำบากให้กับไตนะครับถามว่าคุณจะกินอะไร
00:17:14 → 00:17:16 อ่ะผักที่มีโพแทสเซียมต่ำนะครับก็จะมีนี่
00:17:16 → 00:17:20 เลยแตงกวาแตงร้านฟักเขียวฟักแม้วบวกมะระ
00:17:20 → 00:17:22 มะเขือยาวมะละกอดิบหอมหัวใหญ่กะหล่ำปลีนะ
00:17:22 → 00:17:24 ครับผักกาดแก้วผักกาดหอมพริกหวานพริกหยวก
00:17:24 → 00:17:26 กินผักอ่ะดีแล้วครับกินผักเข้าไปเหอะผัก
00:17:26 → 00:17:29 ดิบนะครับกินผักดิบมื้อ 1 ถ้วยตวงหรือว่า
00:17:29 → 00:17:31 ผักสุกมื้อละ 2 ถ้วยตวงเนี่ยก็จะช่วยนอก
00:17:31 → 00:17:34 จากจะเพิ่มไฟเบอร์แล้วก็ช่วยทำให้ไตทำงาน
00:17:34 → 00:17:36 ดีขึ้นนะครับผลไม้ที่ควรระวังนะครับก็
00:17:36 → 00:17:39 มะละกอกล้วยส้มครับมีโพแทสเซียมเยอะนะ
00:17:39 → 00:17:41 ครับยังไงก็ลองไปเช็คดูนะว่าผลไม้ที่เรา
00:17:41 → 00:17:43 ชอบกินมันมีโพแทสเซียมเยอะหรือเปล่าถ้ามี
00:17:43 → 00:17:46 ก็ควรจะหลีกเลี่ยงนั่นเองครับอย่างสุด
00:17:46 → 00:17:48 ท้ายครับควรจะดื่มน้ำแต่พอดีนะครับไม่ใช่
00:17:48 → 00:17:50 ว่าเป็นโรคไตแล้วควรจะดื่มน้ำเข้าไปเยอะๆ
00:17:50 → 00:17:52 ดื่มน้ำเยอะมากไปก็ไม่ดีเลยครับเพราะว่า
00:17:52 → 00:17:55 คนที่เป็นโรคไตคือไตอ่ะสามารถที่จะกรอง
00:17:55 → 00:17:58 น้ำได้ไม่ดีมีประสิทธินะครับลดน้อยลงนั่น
00:17:58 → 00:18:00 เองนะครับจริงๆแล้วคุณหมอมักจะแนะนำให้คน
00:18:00 → 00:18:04 ที่เป็นโรคไตเนี่ยลองชั่งตวงปัสสาวะที่
00:18:04 → 00:18:07 ออกมาดูนะครับว่าวันๆนึงเนี่ยเราปัสสาวะ
00:18:07 → 00:18:08 ออกมาปริมาตรเท่าไหร่นะครับสมมุติว่า
00:18:09 → 00:18:11 ปัสสาวะออกมาได้วันละประมาณ 1 ลิตรนะครับ
00:18:11 → 00:18:14 ก็เอาไปบวกกับตัวเลขอีกสักประมาณครึ่ง
00:18:14 → 00:18:16 ลิตรก็คือการสูญเสียน้ำทางอื่นของร่างกาย
00:18:16 → 00:18:18 ไม่ว่าจะเป็นเหงื่อหรืออะไรนะครับแล้วพอ
00:18:18 → 00:18:20 เอาตัวเลขมารวมกันนะครับก็คือมันคือ
00:18:20 → 00:18:22 ปริมาณน้ำที่เราควรจะกินเข้าไปต่อวันนั่น
00:18:22 → 00:18:25 เอง 3 คนที่มีภาวะไตทำงานได้แย่ลงนะครับ
00:18:25 → 00:18:29 และที่สำคัญเลยเลี้ยงอาหาร process Food
00:18:29 → 00:18:30 ทุกชนิดครับเพราะว่าอาหารเราเนี่ยนะครับ
00:18:30 → 00:18:33 เป็นภัยอันตรายกับไตอย่างมากครับอย่างที่
00:18:33 → 00:18:36 บอกไปนะครับว่าไตคืออวัยวะที่คนเรามักจะ
00:18:36 → 00:18:38 มองข้ามนะครับแต่ว่าเรายังไม่สายเกินไป
00:18:39 → 00:18:41 ที่จะดูแลไตเริ่มตั้งแต่วันนี้ครับผมอยาก
00:18:41 → 00:18:43 จะเชิญชวนทุกคนเลยนะครับให้มาทำ renal
00:18:43 → 00:18:47 Detox หรือว่าดีท็อกไปซักอาทิตย์ละ 1
00:18:47 → 00:18:50 วันนะครับถามว่าทำยังไงครับคือการเลือก
00:18:50 → 00:18:53 อาหารที่เป็นอาหารคลีนนะครับก็คืออาหาร
00:18:53 → 00:18:57 ที่รสจัดปรุงน้อยๆนะครับเป็นอาหารที่ปรุง
00:18:57 → 00:18:59 สดใหม่ไม่ใช่อาหาร process Food หรือว่า
00:18:59 → 00:19:01 ready to eat Quick มีอะไรต่างๆ
00:19:01 → 00:19:03 เลี่ยงเลยครับสัก 1 วันต่ออาทิตย์นะครับ
00:19:03 → 00:19:07 ทำให้ไตได้ทำงานสบายใจทำงานน้อยลงหน่อยก็
00:19:07 → 00:19:10 จะดีนะครับแล้วก็กินน้ำเยอะๆครับทุกคนกิน
00:19:10 → 00:19:13 น้ำให้เพียงพอกินเข้าไปเหอะนะครับ 2 ลิตร
00:19:13 → 00:19:18 3 ลิตรก็จะช่วยทำให้ไตทำงานได้ดีมากยิ่ง
00:19:18 → 00:19:21 ขึ้นนะครับลองทำดูการดีท็อกซ์ไปเรื่อยๆนะ
00:19:21 → 00:19:24 ครับจะช่วยยืดอายุให้ไตของเราเนี่ยแก่ช้า
00:19:24 → 00:19:26 ลงแล้วก็ทำงานได้มีประสิทธิภาพนานที่สุด
00:19:26 → 00:19:30 เท่าที่จำเป็นไม่ได้ครับ