00:00:00 → 00:00:03 สวัสดีครับก็มีข่าวที่ค่อนข้างสะเทือนวง
00:00:03 → 00:00:06 การการบันเทิงระดับโลกเลยนะครับเอ่อเป็น
00:00:06 → 00:00:08 เรื่องของคุณสิรินดีออซึ่งทำคลิปออกมา
00:00:08 → 00:00:11 เล่าเรื่องอาการป่วยของตัวเองซึ่งป่วย
00:00:11 → 00:00:14 เป็นโรค stif Person Syndrome นะครับทำ
00:00:14 → 00:00:17 ให้เาเนี่ยมีปัญหาทางด้านชีวิตแล้วก็
00:00:17 → 00:00:20 ปัญหาทางด้านการใช้เสียงแล้วก็ไม่สามารถ
00:00:20 → 00:00:22 ที่จะออกทัวร์คอนเสิร์ตในช่วงเดือน
00:00:22 → 00:00:25 กุมภาพันธ์ปี 2023 อย่างที่ตั้งใจไว้ได้
00:00:25 → 00:00:29 นะครับเรื่องนี้เนี่ยก็เป็นเรื่องที่ค่อน
00:00:29 → 00:00:31 ข้างที่จะช็อเหมือนกันนะครับแล้วโรคเนี้ย
00:00:31 → 00:00:34 บังเอิญมันเป็นโรคที่เจอยากมากๆเลยนะผมก็
00:00:34 → 00:00:36 เลยอยากจะเอามาเล่าให้ทุกคนฟังว่ามันเป็น
00:00:36 → 00:00:39 โรคอะไรมีอาการแบบไหนบ้างนะครับมีวิธีใน
00:00:39 → 00:00:42 การตรวจวินิจฉัยรักษาอย่างไรบ้างนะครับก็
00:00:42 → 00:00:45 เดี๋ยวลองฟังกันดูนะครับพบกับผมนะครับนาย
00:00:45 → 00:00:47 แพทย์ธานีธนียวันนะครับเป็นอาจารย์แพทย์
00:00:47 → 00:00:49 อยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกานะครับเชี่ยว
00:00:49 → 00:00:52 ชาญโรคปอดการปลูกถ่ายปอดและวิกฤตบำบัดนะ
00:00:52 → 00:00:55 ครับ Steve Person Syndrome นะครับคือ
00:00:55 → 00:00:57 ตามชื่อของมันเลยคำว่า stif เนี่ยแปลว่า
00:00:57 → 00:01:00 แข็งเกร็งนะครับ Person ก็แปลว่าคนนะครับ
00:01:00 → 00:01:02 sip Person Syndrome คือตัวแข็งไปทั้ง
00:01:02 → 00:01:05 ตัวเลยนะครับโดยอาการหลักๆเนี่ยจะมีอาการ
00:01:05 → 00:01:07 กล้ามเนื้อเนี่ยแข็งเกร็งขึ้นมาหรือว่า
00:01:07 → 00:01:09 เกร็งไปเป็นส่วนๆนะครับส่วนมากก็จะเป็น
00:01:09 → 00:01:12 กล้ามเนื้อแกนกลางของลำตัวนะครับได้ตั้ง
00:01:12 → 00:01:16 แต่ช่วงคอหน้าอกหลังเอวนะครับจนไปจนถึง
00:01:16 → 00:01:19 ต้นแขนต้นขาแล้วถ้าเป็นมากๆเนี่ยก็จะเป็น
00:01:19 → 00:01:22 ทั้งตัวเลยนะฮะโดยจะมีอาการตลอดเวลาหรือ
00:01:22 → 00:01:25 บางครั้งมีอาการกำเริบมากเป็นช่วงๆก็ได้
00:01:25 → 00:01:28 นะครับและในกรณีของคุณเดิอนซึ่งจะต้องมี
00:01:28 → 00:01:30 การใช้เสียงอยู่ตลอดเวลาเวลาร้องเพลงนี่
00:01:30 → 00:01:33 นะครับถ้ามีปัญหาเรื่องของกล้ามเนื้อ
00:01:33 → 00:01:35 เกร็งตรงกล่องเสียงก็แน่นอนว่าจะไม่
00:01:35 → 00:01:38 สามารถใช้เสียงสูงได้นะฮะอันนี้ก็เลยเป็น
00:01:38 → 00:01:41 ปัญหาเป็นอย่างยิ่งนะครับนอกเหนือจากนี้
00:01:41 → 00:01:43 ถ้ามีการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อต่างๆเหล่า
00:01:43 → 00:01:46 นี้เนี่ยจะทำให้การเคลื่อนไหวมันค่อนข้าง
00:01:46 → 00:01:49 ที่จะลำบากมากนะครับบางทีขาแข็งเกร็งเดิน
00:01:49 → 00:01:52 ไม่ออกเลยก็มีนะฮะแล้วมีโอกาสที่จะหกล้ม
00:01:52 → 00:01:55 ได้ค่อนข้างที่จะง่ายนะครับคนปกติเนี่ย
00:01:55 → 00:01:59 เวลาที่เราล้มนะฮะเราก็จะไขว่คว้าอะไรแถว
00:01:59 → 00:02:00 ๆนั้นนะครับเพื่อที่จะให้ตัวเราไม่ล้มถูก
00:02:01 → 00:02:02 มั้ยครับหรือบางครั้งถ้ามันไม่มีอะไรให้
00:02:02 → 00:02:05 คว้าเรายังเอาพอเอามือยันพื้นได้ทำให้เรา
00:02:05 → 00:02:07 ล้มไม่รุนแรงนะครับแต่คนพวกนี้เนี่ยที่
00:02:07 → 00:02:09 เป็น stp Person Syndrome เนี่ยนะครับ
00:02:09 → 00:02:13 กล้ามเนื้อเขาคแข็งหมดนะฮะล้มท่าไหนก็ล้ม
00:02:13 → 00:02:15 ไปท่านั้นนะครับคือเราจะไม่สามารถที่จะ
00:02:15 → 00:02:19 เอามือมายันได้นะครับเอาเท้าไปก้าวไปอีก
00:02:19 → 00:02:21 ก้าวนึงเพื่อที่จะป้องกันไม่ให้ตัวเราเอง
00:02:21 → 00:02:22 ล้มได้นะครับตัวเราเองเดินไปอย่างเงี้ยก็
00:02:22 → 00:02:25 จะล้มตึ้งไปอย่างนี้เลยทำให้มีโอกาสที่จะ
00:02:25 → 00:02:28 บาดเจ็บได้มากเลยนะครับเนี่ยคือปัญหาของ
00:02:28 → 00:02:31 โรค stif Person Syndrome นะครับแล้ว
00:02:31 → 00:02:34 มันทำไมถึงจะเกิดขึ้นได้นะครับโรคเต้อง
00:02:34 → 00:02:36 บอกว่ามันเป็นโรคออโตอิมมูนอย่างหนึ่งนะ
00:02:36 → 00:02:39 ครับหรือโรคภูมิต่อต้านตัวเองนะฮะโดยจะ
00:02:39 → 00:02:43 เจอในคนผู้หญิงซะมากกว่าในผู้ชายนะครับ
00:02:43 → 00:02:47 ภูมิต่อต้านเนี่ยมันต่อต้านอะไรนะครับก็
00:02:47 → 00:02:50 หลักๆเลยนะครับมันจะต่อต้านระบบประสาทที่
00:02:50 → 00:02:53 เอาไว้ยับยั้งการเคลื่อนไหวที่ผิดปกตินะ
00:02:53 → 00:02:56 ครับหรือที่ภาษาทางการแพทย์เรียกว่าหลบ
00:02:56 → 00:03:00 เอ่อกาจินรนนะครับกาบก็ย่อมามาจากอ่า
00:03:00 → 00:03:04 gamma อิบิ Acid นะครับเป็นสารสืบประสาท
00:03:04 → 00:03:06 ตัวหนึกาบเนี่ยเป็นสารสืบประสาทตัวนึง
00:03:06 → 00:03:09 เพื่อที่จะยับยั้งการสืบประสาทนะครับถ้า
00:03:09 → 00:03:12 สารสืบประสาทมันมากจนเกินไปนะครับแน่นอน
00:03:12 → 00:03:15 ว่าก็จะมีการหดเกร็งของกล้ามเนื้อนะครับ
00:03:15 → 00:03:18 พวกนี้ขึ้นมาถ้าเราต้องการไม่ให้มันหด
00:03:18 → 00:03:20 เกรงมากจนเกินไปเราก็จะต้องใช้สารตัวนี้
00:03:20 → 00:03:25 แะครับกาบนะฮะทีนี้พอมันมีโรคออโตอิมมูน
00:03:25 → 00:03:28 หรือโรคที่มีภูมิต่าต้านตัวเองเนี่ยมันก็
00:03:28 → 00:03:31 จะไปทำให้ร่างกายเนี่ยมีปัญหากับการสร้าง
00:03:31 → 00:03:34 กาบ้าหรือสารตัวนี้ขึ้นมาทำให้กล้ามเนื้อ
00:03:35 → 00:03:37 ของเค้าเนี่ยไม่มีการถูกควบคุมนะครับไม่
00:03:38 → 00:03:40 มีการยับยั้งพอมันไม่ยับยั้งปุ๊บกล้าม
00:03:40 → 00:03:42 เนื้อเหล่านั้นก็จะเกิดการแข็งเกร็งขึ้น
00:03:42 → 00:03:46 มานะครับเนี่ยคือเป็นหลักนะฮะทีนี้ผมจะลง
00:03:46 → 00:03:49 ลึกไปถึงว่าไอ้ออโตอิมมูนตัวเนี้ย
00:03:49 → 00:03:51 แอนติบอดี้พวกเนี้ยมันคืออะไรกันแน่นะ
00:03:51 → 00:03:55 ครับมีอยู่ 2 อย่างหลักหลักด้วยกันอันนึง
00:03:55 → 00:03:59 คือคำว่าแี้ GAT 65 นะครับอ่า anty GAT
00:03:59 → 00:04:05 60 5 ตัวเนี้ยคือเป็นอ่า Anti glutamic
00:04:05 → 00:04:08 Acid de carboxy 65 นะครับชื่อมันยาว
00:04:08 → 00:04:09 หน่อยนะครับแต่ว่าผมอยากจะเล่าให้ฟัง
00:04:10 → 00:04:12 เพราะว่ามันมันเป็นอะไรที่ลำบากหน่อยนะ
00:04:12 → 00:04:14 ครับที่จะเจอเรื่องพวกนี้ได้ผมก็เลยอยาก
00:04:14 → 00:04:17 จะเล่าลงลึกไปเลยนะฮะ antig GAT 65 ตัว
00:04:17 → 00:04:20 เเป็นแิอซึ่งเจอได้ค่อนข้างที่จะเยอะ
00:04:20 → 00:04:23 ประมาณสัก 2 ใน 3 ของคนไข้ที่ป่วยเป็น stp
00:04:23 → 00:04:25 Person Syndrome นะครับแล้วไอ้ตัวนี้
00:04:25 → 00:04:28 นี่แหละครับ GAT 65 เนี่ยมันมีหน้าที่ทำ
00:04:28 → 00:04:31 อะไรนะครับ GAT 65 จริงๆมันมีหน้าที่ใน
00:04:31 → 00:04:33 การสังเคราะห์กาบ้านะครับสังเคราะห์ไอ้
00:04:34 → 00:04:35 สารเมื่อตะกี้ที่เป็นสารสื่อประสาทนั่น
00:04:35 → 00:04:38 แหละครับถ้าเราไปทำลายมันแล้วเนี่ยร่าง
00:04:38 → 00:04:41 กายก็จะไม่สามารถสร้างสารสื่อประสาทกาบ้า
00:04:41 → 00:04:44 ได้จึงมีปัญหาต่อการเกร็งตัวของกล้าม
00:04:44 → 00:04:48 เนื้อขึ้นมานะครับ 2 ใน 3 ที่จะเจอไอ้ตัว
00:04:48 → 00:04:50 นี้ล่ะครับแล้วแอนติบอดี้เนี่ยมันไม่ได้
00:04:50 → 00:04:53 อยู่แค่ในเลือดนะครับมันอยู่ในน้ำไขสัน
00:04:53 → 00:04:55 หลังซึ่งไปหล่อเลี้ยงสมองแล้วก็ไขสันหลัง
00:04:56 → 00:04:58 สมองและไขสันหลังคืออะไรมันก็คือเป็น
00:04:58 → 00:05:01 ศูนย์รวมระบบประสาทนะครับแล้วระบบประสาท
00:05:01 → 00:05:04 พวกเนี้ยก็เป็นระบบประสาทหลักที่ควบคุม
00:05:04 → 00:05:06 กล้ามเนื้อทั้งหมดของร่างกายนะครับดัง
00:05:07 → 00:05:09 นั้นถ้าเกิดว่าเรามีแอนติบอดี้ที่ผิดปกติ
00:05:09 → 00:05:13 อยู่ในน้ำไข่สันหลังไปทำลาย GAT 65 ปุ๊บ
00:05:13 → 00:05:15 มันก็จะทำให้ระบบประสาทเราทั้งหมดเนี่ยมี
00:05:15 → 00:05:19 ปัญหาแล้วก็ไม่สามารถผลิตกาบ้าได้เพียงพอ
00:05:19 → 00:05:22 กล้ามเนื้อของเราแทนที่มันจะเป็นปกติมัน
00:05:22 → 00:05:24 ก็จะเกิดการแข็งเรียงขึ้นมานะครับนี่คือ
00:05:24 → 00:05:27 ปัญหาหลักๆเลย 2 ใน 3 ของคนไข้เนี่ยจะ
00:05:27 → 00:05:30 เป็นไอ้พวกนี้เนี่ยแหละครับอ่าแล้ว
00:05:30 → 00:05:33 แอนติบอดี้เนี่ยใน GAT 65 เนี่ยเราเจอใน
00:05:33 → 00:05:37 กรณีไหนบ้างนะครับ GAT 65 ถ้าเจอปุ๊บ
00:05:37 → 00:05:40 เนี่ยนะครับเราต้องสงสัยแล้วว่าคนๆเนี้ย
00:05:40 → 00:05:43 มีความเกี่ยวข้องกับเบาหวานชนิดที่ 1
00:05:43 → 00:05:46 หรือ Type 1 diabetes นะครับเพราะว่า
00:05:46 → 00:05:49 โดยทั่วไปแล้วเนี่ยเบาหวานชนิดที่ 1
00:05:49 → 00:05:52 เนี่ยเกิดขึ้นเพราะว่าออโตอิมมูนเหมือน
00:05:52 → 00:05:54 กันนะฮะโดยมันจะมีภูมิต้านทานที่ผิดปกติ
00:05:54 → 00:05:57 ไปทำลายเซลล์ตับอ่อนทำให้ไม่สามารถสร้าง
00:05:57 → 00:06:00 อินซูลินได้นะครับแล้วตับอ่อนเนี่ยก็เป็น
00:06:00 → 00:06:03 ที่ที่หนึ่งเลยที่มีเอนไซม GAT 65 ค่อน
00:06:03 → 00:06:05 ข้างที่จะเยอะนะครับดังนั้นจึงมีความ
00:06:05 → 00:06:10 เชื่อว่าถ้ามีผลออโตอิมมูนหรือว่าโปรตีน
00:06:10 → 00:06:12 ที่ผิดปกติไปทำลายตับอ่อนเนี่ยมันอาจจะ
00:06:12 → 00:06:15 ทำลายตัว GAT 65 ไปด้วยนะครับนี่ก็คือ
00:06:15 → 00:06:17 เป็นสิ่งหนึซึ่งถ้าเราเจอแกส 65 ปุ๊บ
00:06:17 → 00:06:21 เนี่ยนะครับเราจะไปตรวจหาเบาหวานชนิดที่ 1
00:06:21 → 00:06:25 ทันทีนะครับและมีแอนติบอดี้ตัวอื่นอีก
00:06:25 → 00:06:28 เหมือนกันนะครับแต่ตัวอื่นเนี่ยมักจะเจอ
00:06:28 → 00:06:31 ในคนไข้ที่อาจจะมีมะเร็งซ่อนอยู่นะครับ
00:06:31 → 00:06:35 ตัวนี้คือแอนิแอมฟินะครับแอมฟิตัวนี้
00:06:35 → 00:06:38 เนี่ยมันเป็นสารอย่างหนึ่งแล้วะกันที่เรา
00:06:38 → 00:06:41 จะเจอในคนที่ถ้าเรามีแอนติบอดี้ที่ไป
00:06:41 → 00:06:43 ทำลายมันแล้วเนี่ยครับอาจจะเจอในพวกที่
00:06:43 → 00:06:45 เป็นมะเร็งบางอย่างนะครับคนพวกนี้เนี่ย
00:06:46 → 00:06:48 แอนติ GAT จะเป็นลบนะครับจะตรวจแอนิ GAT
00:06:48 → 00:06:52 ไม่เจอแต่ว่าจะไปเจอแอนตี้แอมฟิแทนนะครับ
00:06:52 → 00:06:54 ถ้าเราเป็นกลุ่มนี้เนี่ยเราจะต้องไปหาเลย
00:06:54 → 00:06:57 ครับมีมะเร็งอะไรบ้างนะฮะเช่นอ่าจะมี
00:06:57 → 00:07:00 มะเร็งไทรรอยด์นะครับมะเร็งเต้านมนะฮะผู้
00:07:00 → 00:07:02 หญิงเี่ก็แน่นอนว่ามะเร็งเต้านมมีความ
00:07:02 → 00:07:04 เสี่ยงนะครับเอ่อมะเร็งส่วนต่างๆไม่ว่าจะ
00:07:04 → 00:07:06 มะเร็งลำไส้นะครับมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
00:07:06 → 00:07:09 ชนิดต่างๆพวกเนี้ยจะต้องไปหาให้หมดเลยนะ
00:07:09 → 00:07:13 ครับถ้าเป็นชนิดนี้นะครับอ่าดังนั้นเนี่ย
00:07:13 → 00:07:16 นี่คือเหตุผลที่เกิดขึ้นมานะครับแล้วมัน
00:07:16 → 00:07:18 ไม่ใช่มีเฉพาะแอนติบอดี้อย่างเดียวแต่มัน
00:07:18 → 00:07:21 ยังมีภูมิคุ้มกันแบบเซลล์ซึ่งมันผิดปกติ
00:07:21 → 00:07:23 ไปด้วยนะครับภูมิคุ้มกันแบบเซลล์เนี่ย
00:07:23 → 00:07:25 อย่างที่ผมเคยเล่าให้ฟังนะครับมันก็คือ
00:07:25 → 00:07:27 หมายถึง T เซลลนั่นเองนะครับภูมิปกเรา
00:07:27 → 00:07:30 เนี่ยมีแบบบีเซลล์นะครับซึ่งจะเป็นขาที่
00:07:30 → 00:07:32 สร้างแอนติบอดี้นะครับในที่นี้คือสร้าง
00:07:32 → 00:07:35 แอนติบอดี้ที่ผิดผิดปกติไปทำลายส่วนต่างๆ
00:07:35 → 00:07:38 ของร่างกายแต่มันก็มีแอนติบอดี้ที่เป็น
00:07:38 → 00:07:40 เอ่อเป็นภูมิต้านทานแบบ t เซลล์นะครับ T
00:07:40 → 00:07:41 เซลล์เนี่ยจะไม่ได้สร้างแอนติบอดี้นะครับ
00:07:41 → 00:07:44 แต่ตัวมันเองนี่แหละครับจะไปทำลายในสิ่ง
00:07:44 → 00:07:46 พวกนี้นะครับดังนั้นถ้าเรารักษาแต่ขา
00:07:46 → 00:07:49 บีเซลล์แล้วขา T เซล์ไม่ได้รักษาเนี่ยคน
00:07:49 → 00:07:52 เหล่านี้ก็ไม่ได้ดีขึ้นหรอกครับนะฮะอ่าที
00:07:52 → 00:07:56 นี้แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าเป็นนะครับคุณ
00:07:56 → 00:08:00 รอนเนี่ยตอนนี้อายุ 54 ปีนะครับแล้วผมก็
00:08:00 → 00:08:02 ไม่รู้ตื้นลึกด่าบางว่าอาการของเขาเป็น
00:08:02 → 00:08:04 ยังไงนะครับแต่คนที่เป็น stif Person
00:08:04 → 00:08:07 Syndrome เนี่ยอาการมันจะค่อยเป็นค่อยไป
00:08:07 → 00:08:09 นะครับใช้เวลาบางทีเป็นเดือนเป็นปีเลยนะ
00:08:09 → 00:08:12 ครับกว่าจะมีอาการเต็มขั้นตอนแรกๆเนี่ย
00:08:12 → 00:08:15 อาจจะมีแค่รู้สึกว่ามันคอมันแข็งอ่ะมัน
00:08:15 → 00:08:18 เกร็งนะครับเอวเรามันแข็งไม่ค่อยยืดหยุ่น
00:08:18 → 00:08:20 นะครับเรียกว่าตัวแข็งธรรมดานะครับแต่พอ
00:08:20 → 00:08:22 สักพักนึงแล้วเนี่ยมันจะเริ่มเป็นมากขึ้น
00:08:22 → 00:08:25 เราก็มีปัญหาต่อการเคลื่อนไหวนะครับไม่
00:08:25 → 00:08:28 ว่าจะเป็นการเดินก็จะลำบากมากขึ้นนะครับ
00:08:28 → 00:08:30 การลุกนะครับมันก็จะลำบากเพราะว่ากล้าม
00:08:30 → 00:08:32 เนื้อเราแข็งใช่มั้ช่นเช่นเวลาเรานอนอยู่
00:08:32 → 00:08:34 บนเตียงเราจะลุกออกมาเนี่ยแน่นอนว่าเรา
00:08:34 → 00:08:36 ต้องมีการงอตัวอย่างนี้ถูกมั้ยครับแต่ว่า
00:08:36 → 00:08:38 พวกเนี้ยเนื่องจากกล้ามเนื้อมันแข็งมันงอ
00:08:38 → 00:08:41 ไม่ได้ครับก็จะต้องใช้กลิ้งตัวออกไปจาก
00:08:41 → 00:08:44 เตียงแทนนะฮะนั่นก็คือเป็นความยากลำบาก
00:08:44 → 00:08:45 อย่างนึงซึ่งมันจะเป็นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
00:08:45 → 00:08:48 ด้วยซ้ำไปนะครับแล้วเนื่องจากโรคนี้เนี่ย
00:08:48 → 00:08:51 มันเจอได้ยากมากนะครับในร้านคนอาจจะมีสัก
00:08:51 → 00:08:54 คนเดียวนะฮะคนหลายๆคนก็จะไม่ค่อยคิดถึง
00:08:54 → 00:08:56 โรคนี้อาจจะไปคิดถึงว่าโอ๊ยอาจจะเป็นปวด
00:08:56 → 00:08:58 เมื่อยกล้ามเนื้อนะครับกล้ามเนื้อมันแข็ง
00:08:58 → 00:09:01 เกร็งเป็นรมนไปนวดดีกว่าไปนวดไปเอ่อไปทำ
00:09:01 → 00:09:04 โยคะไปอะไรอย่างเงี้ยนะครับมันก็เลยทำให้
00:09:04 → 00:09:07 โรคพวกเนี้ยวินิจฉัยได้ช้ากว่าปกติแล้วก็
00:09:07 → 00:09:10 ยากกว่าปกตินะครับอ่ะแต่ถ้าเกิดว่าเรา
00:09:10 → 00:09:12 เริ่มมีอาการแบบเนี้ยมากขึ้นเรื่อยๆ
00:09:12 → 00:09:14 เคลื่อนไหวได้ลำบากมากขึ้นเราก็อาจจะต้อง
00:09:14 → 00:09:17 สงสัยภาวะนี้นะฮะแล้วสงสัยภาวะนี้เนี่ย
00:09:17 → 00:09:21 การวินิจฉัยทำอย่างไรนะครับแน่นอนการตรวจ
00:09:21 → 00:09:23 ร่างกายเนี่ยบางครั้งเราจับไปที่กล้าม
00:09:23 → 00:09:26 เนื้อพวกเนี้ยมันแข็งไปหมดเลยนะครับแข็ง
00:09:26 → 00:09:29 แข็งเป๊กเลยนะครับคือเคลื่อนไหวอะไรไม่
00:09:29 → 00:09:31 ค่อยได้นะพวกนี้ก็จะมีโอกาสที่จะล้มได้
00:09:31 → 00:09:33 ง่ายบ่อยแต่ไม่ใช่ว่ากล้ามเนื้อแข็งอย่าง
00:09:33 → 00:09:35 เดียวแล้วคนไข้ยังเดินเหินได้ปกตินะครับ
00:09:36 → 00:09:38 อันนั้นไม่ใช่โรค sip Person นะฮะโค stif
00:09:38 → 00:09:40 Person นี่ก็คือคนไข้เนี่ยจะมีปัญหาต่อ
00:09:40 → 00:09:42 การเคลื่อนไหวทั้งหมดเลยนะฮไม่ว่าจะเป็น
00:09:42 → 00:09:45 การเดินการก้าวการหยิบของการลุกนั่งอะไร
00:09:45 → 00:09:47 อย่างเงี้ยนะครับจะมีปัญหาพวกนี้หมดเลยนะ
00:09:47 → 00:09:50 ครับอ่าซึ่งถ้าเป็นใหม่ๆเนี่ยมันอาจจะแยก
00:09:50 → 00:09:53 ไม่ได้จากโรคปวดเมื่อยกล้ามเนื้อธรรมดา
00:09:53 → 00:09:55 ทั่วไปนะครับหรือโรคที่ตัวมันแข็งทั่วๆไป
00:09:55 → 00:09:57 นะฮะแต่ว่าถ้าเป็นมานานๆแล้วเนี่ยมันจะพอ
00:09:57 → 00:10:02 แยกได้นะครับนอกจากนี้ก็ยังมีการตรวจ emg
00:10:02 → 00:10:03 หรือ
00:10:03 → 00:10:06 electromyography นะครับเป็นการตรวจการ
00:10:06 → 00:10:10 ใช้นำประสาทไฟฟ้าของตัวกล้ามเนื้อนะครับ
00:10:10 → 00:10:14 โดยเขาคก็จะมีการเอาเข็มเนี่ยเข็มที่นำไฟ
00:10:14 → 00:10:15 ฟ้าเนี่ยจิ้มเข้าไปที่กล้ามเนื้อแล้วก็
00:10:15 → 00:10:17 ส่งกระแสดูซิว่ากล้ามเนื้อมันมีการกระตุ
00:10:17 → 00:10:19 การเกร็งแบบไหนบ้างนะครับพวกเยจะมีการ
00:10:19 → 00:10:23 เกร็งที่ผิดปกติตลอดเวลานะครับแต่มีบาง
00:10:23 → 00:10:25 อย่างซึ่งทำให้การเกร็งนั้นหายไปได้นะ
00:10:25 → 00:10:29 ครับก็คือการที่ให้คนไข้กินไดิหรือ
00:10:29 → 00:10:31 แวเลียมเนี่ยแหละครับกินไปหรือฉีดไปเนี่ย
00:10:31 → 00:10:33 ไอ้การเกร็งกล้ามเนื้อพวกนี้จะหายนะครับ
00:10:33 → 00:10:36 อ่าการให้ยาสลบก็ทำให้การเกร็งพวกนี้หาย
00:10:36 → 00:10:39 การนอนหลับก็จะทำให้การเกรงพวกนี้หายนะ
00:10:39 → 00:10:41 ครับดังนั้นคนพวกเยเวลานอนหลับมันจะไม่
00:10:41 → 00:10:43 เกรงนะครับจะเกรงเฉพาะตอนตื่นอยู่นี่ครับ
00:10:43 → 00:10:47 นั่นคือปัญหานะฮะแล้วเนี่ยคือถ้าเราตรวจ
00:10:47 → 00:10:50 emg หรือ electromyography เนี่ยแล้วเจอ
00:10:50 → 00:10:53 ว่าคนไข้มีอาการเกรงตลอดเวลาให้ไดซิแพม
00:10:54 → 00:10:55 หรือเวลาที่หลับแล้วเนี่ยกล้ามเนื้อหาย
00:10:56 → 00:10:59 เกร็งให้สงสัยภาวะนี้ไว้ด้วยนะครับแล้วพอ
00:10:59 → 00:11:02 สงสัยภาวะนี้ต่อไปก็คือจะต้องไปตรวจหา
00:11:02 → 00:11:06 แอนติบอดี้นะครับก็หลักๆก็จะมีแี้ GAT 65
00:11:06 → 00:11:10 นะครับอ่า glutamic Acid ดีคาร์บอกซิล 65
00:11:10 → 00:11:12 ก็จะไปหาตัวเนี้ยนะในเลือดแต่บางครั้งใน
00:11:12 → 00:11:15 เลือดมันไม่มีอีกที่นึงซึ่งจะต้องไปหาก็
00:11:15 → 00:11:18 คือน้ำไข่สันหลังครับเราจะเจาะน้ำไข่สัน
00:11:18 → 00:11:20 หลังมาตรวจแล้วจะพบว่ามันมีแอนติบอดี้
00:11:20 → 00:11:24 ซึ่งเป็นชนิด igg ผิดปกติอยู่ในนั้นนะ
00:11:24 → 00:11:27 ครับในภาษาทางการแพทย์บางครั้งเราจะเจอคำ
00:11:27 → 00:11:30 ว่าิก clonal Band นะครับอ่าิ clonal
00:11:30 → 00:11:32 Band ก็คือเป็นโปรตีนพวกนี้แหละครับที่
00:11:32 → 00:11:34 มันผิดปกติแล้วหนึ่งในนั้นก็คือแี้ GAT
00:11:34 → 00:11:36 65 ซึ่งมันอยู่ในนั้นนะฮะเราจะต้องไป
00:11:36 → 00:11:39 ตรวจ GAT 65 จากในน้ำไ่สันหลังจะสามารถ
00:11:39 → 00:11:42 บอกได้นะครับถ้าในเลือดเป็นลบในไข่สัน
00:11:42 → 00:11:45 หลังอาจจะเป็นบวกก็ได้นะครับอ่าแต่ถ้าเรา
00:11:45 → 00:11:47 ตรวจมาแล้วไม่เจอล่ะนะครับเราเราตรวจ
00:11:47 → 00:11:49 กล้ามเนื้อ emg เมื่อตะกี้มันเข้าได้ละ
00:11:49 → 00:11:52 ประวัติเข้าได้แต่ตรวจ GAT 65 ไม่เจอทำ
00:11:52 → 00:11:54 ไงมันก็มีกลุ่มที่ G 65 เป็นลบเหมือนกัน
00:11:54 → 00:11:57 อย่างที่บอกอาจจะไปเป็นกลุ่มที่เป็นแี้
00:11:57 → 00:11:59 แอมฟิซึ่งเป็นมะเร็งก็ได้หรือหรืออาจจะ
00:11:59 → 00:12:01 เป็น antic ตัวอื่นซึ่งมันไม่ได้อยู่ใน 2
00:12:01 → 00:12:05 ตัวนี้ก็ได้เช่นกันนะครับเวลาที่เราตรวจ
00:12:05 → 00:12:07 แล้วเนี่ยสิ่งอื่นๆซึ่งเราจะต้องตรวจไป
00:12:08 → 00:12:10 ด้วยเลยก็คือ 1 เป็นเบาหวานหรือเปล่า
00:12:10 → 00:12:12 เพราะว่าเบาหวานชนิดที่ 1 เนี่ยนะครับมัน
00:12:12 → 00:12:15 ก็จะมีโอกาสทำให้เกิดแอนตี้ GAT 65 แล้ว
00:12:15 → 00:12:17 ก็เป็นโรค stiff Person Syndrome ได้นะ
00:12:17 → 00:12:20 ครับซึ่งต้องรักษาเบาหวานให้ดีมันถึงจะ
00:12:20 → 00:12:23 เริ่มทุเราบ้างนะครับนอกเหนือจากนี้เราจะ
00:12:23 → 00:12:25 ตรวจู้ว่ามีการอักเสบของกล้ามเนื้อหรือ
00:12:25 → 00:12:29 เปล่านะครับเช่นการตรวจหาเอนไซม์อ่าเตีน
00:12:29 → 00:12:32 phosphokinase หรือ cpk นะครับตรวจหา esr
00:12:32 → 00:12:34 นะครับ eris cy sedimentation
00:12:34 → 00:12:37 sedimentation Rate ซึ่งเป็นอัตราการตก
00:12:37 → 00:12:40 ตะกอนของเมลดแดงตัวนี้จะเป็นการบอกถึงการ
00:12:40 → 00:12:42 อักเสบการตรวจ C reactive รนหรือ C
00:12:42 → 00:12:44 reactive peptide ซึ่งเป็นการตรวจการ
00:12:44 → 00:12:47 อักเสบทั้ง 3 ตัวเนี้ยจะต้องปกตินะครับ
00:12:47 → 00:12:50 หรือผิดปกติก็ต้องผิดปกติเล็กน้อยนะครับ
00:12:50 → 00:12:53 ถ้ามันผิดปกติมากๆต้องไปหาโรคอื่นแล้ว
00:12:53 → 00:12:55 ครับไม่ใช่ stp Person Syndrome นะฮะ 3
00:12:55 → 00:12:57 ตัวนี้เราจะเจาะเสมอนะครับเพื่อจะดูว่ามี
00:12:57 → 00:13:00 ปัญหาหรือเปล่านะครับแล้วถ้าเกิดว่า 3
00:13:00 → 00:13:02 ตัวนี้ไม่เจอล่ะไม่เป็นเบาหวานด้วยแอนตี้
00:13:02 → 00:13:06 แกส 65 เป็นลบก็ต้องไปตรวจหามะเร็งนะครับ
00:13:06 → 00:13:08 มะเร็งก็ต้องตรวจตามอายุเช่นอ่าตรวจ
00:13:08 → 00:13:11 มะเร็งเต้านมนะครับตรวจเ่อการส่องกล้องลำ
00:13:11 → 00:13:13 ไส้ใหญ่ในคนที่อายุ 50 ปีขึ้นไปอย่างคุณ
00:13:13 → 00:13:16 เดิอนนี่แน่ๆเอ่อมะเร็งลำไส้ใหญ่เนี่ย
00:13:16 → 00:13:18 ต้องตรวจหานะครับมะเร็งเต้านนมก็ต้องตรวจ
00:13:18 → 00:13:20 หานะครับหรือมะเร็งระบบอื่นๆก็ต้องตรวจหา
00:13:20 → 00:13:23 ก็แล้วแต่ว่ามีประวัติตรงไหนที่สงสัยไป
00:13:23 → 00:13:25 ทางไหนเราก็ต้องตรวจหาไปทางนั้นเพราะว่า
00:13:25 → 00:13:27 การตรวจมะเร็งเนี่ยมันไม่ใช่ว่าเราตรวจ
00:13:27 → 00:13:29 ได้ทุกมะเร็งในโลกนี้นะครับแล้วตรวจเลือด
00:13:29 → 00:13:31 ก็ไม่ได้สามารถบอกเราได้ว่าเป็นมะเร็ง
00:13:31 → 00:13:34 หรือไม่เป็นมะเร็งนะครับอ่าแล้วก็บาง
00:13:34 → 00:13:36 ครั้งมันมีแอนติบอดี้ตัวประหลาดๆที่จะเจอ
00:13:36 → 00:13:38 ในมะเร็งนะครับ
00:13:38 → 00:13:43 อ่าเช่นแอนตี้ Anna 2 อย่างเงี้นะครับ
00:13:43 → 00:13:46 ana 2 ตัวนี้ผมก็จำชื่อย่อมันไม่ค่อย
00:13:46 → 00:13:48 ได้นะแต่ว่ามันเป็น Anti neuronal นะ
00:13:48 → 00:13:52 ครับเป็นแเป็นแิอต่อเอ่อระบบประสาทนะครับ
00:13:52 → 00:13:59 อ่า Anti neuronal เอ่อน่าจะเป็นนเอ่อ
00:13:59 → 00:14:01 สักอย่างเครับเอ่อผมก็จำไม่ได้แต่ว่ามัน
00:14:01 → 00:14:04 ชื่อ an na2 นะครับต้องไปดูตัวย่อว่ามัน
00:14:04 → 00:14:06 ย่อมาจากอะไรเหมือนกันนะครับแต่ตัวเนี้ย
00:14:06 → 00:14:08 เป็นตัวที่เจอได้เหมือนกันนะครับ
00:14:08 → 00:14:12 อ่าทีนี้สมมุติว่าเราตรวจหาไปแล้วเราเจอ
00:14:12 → 00:14:14 แล้วว่าเป็นตัวนี้เราทำยังไงนะครับวิธีใน
00:14:14 → 00:14:17 การรักษาหลักๆเนี่ยคือการให้ไดอิแมนี่
00:14:17 → 00:14:19 แหละครับแวเลียมเราเนี่ยเป็นยานอนหลับ
00:14:19 → 00:14:21 ชนิดหนึ่งแต่มันก็เป็นยาที่คลายกล้าม
00:14:21 → 00:14:24 เนื้อนะครับโดยตัวนี้เนี่ยเรามักจะให้ 3
00:14:24 → 00:14:27 เวลา 5 มิลกรัม 3 เวลาก่อนนะครับค่อยๆ
00:14:27 → 00:14:30 เพิ่มขนาดเข้าไปเราจะให้เยอะไม่ได้เพราะ
00:14:30 → 00:14:32 ว่ายาตัวเมันเป็นยานอนหลับกินแล้วง่วงมาก
00:14:32 → 00:14:34 นะครับแต่ในตัวมันเองก็เป็นยาคลายกามม
00:14:34 → 00:14:36 เนื้อดังนั้นเราจะเริ่มให้ขนาดเนี้ยต่ำๆ
00:14:36 → 00:14:39 ก่อนแล้วก็พอเา้าหายง่วงนะครับเริ่มชิน
00:14:39 → 00:14:41 กับยาแล้วเริ่มทนได้เนี่ยนะครับเราค่อยมา
00:14:42 → 00:14:44 เพิ่มขนาดบางกรณีเราอาจจะต้องเพิ่มขนาดไป
00:14:44 → 00:14:46 จนถึงแบบเกือบ 100 มิลลิกรัมต่อวันนะครับ
00:14:47 → 00:14:50 เยอะมากๆนะฮะแล้วตัวนี้เนี่ยถ้าสมมุติว่า
00:14:50 → 00:14:53 เพิ่มไปแล้วมันไม่ได้ผลละทำยังไงนะครับ
00:14:53 → 00:14:55 เราก็จะเสริมตัวอื่นเข้าไปเช่นกลุ่มที่
00:14:56 → 00:14:58 เรียกว่าแฟฟนนะครับตัวนี้ก็เป็นยาคลาย
00:14:58 → 00:14:59 กล้ามเนื้ออีกตัวนึง 2 ตัวเนี้ยเป็นตัว
00:14:59 → 00:15:04 หลักของการรักษานะครับเพราะว่าการรักษา
00:15:04 → 00:15:07 ที่ไปแก้ไขภาวะภูมิต้านทานผิดปกติเนี่ย
00:15:07 → 00:15:10 มันไม่ค่อยได้ผลนะครับมันไม่ค่อยได้ผลแต่
00:15:10 → 00:15:14 ถามว่ามีคนทำมยมีนะครับแล้วถ้าเป็นโอ
00:15:14 → 00:15:15 สมมุติถ้าเป็นมะเร็งเนี่ยต้องไปรักษา
00:15:15 → 00:15:17 มะเร็งแน่ๆอยู่แล้วถ้ารักษามะเร็งแล้วมัน
00:15:17 → 00:15:19 มักจะดีขึ้นถ้ามันเป็นกรณีที่เกิดจาก
00:15:19 → 00:15:21 มะเร็งนะครับหรือที่เราเรียกภาษาทางการ
00:15:21 → 00:15:24 แพทย์ว่า paran Plastic stiff Man
00:15:24 → 00:15:26 Syndrome นะครับ stiff Man หรือ stiff
00:15:26 → 00:15:28 Person Syndrome ก็ได้นะครับตรงนั้น
00:15:28 → 00:15:30 ต้องไปรักษามะเร็งนะฮะถ้าเกิดว่าไม่เจอ
00:15:30 → 00:15:33 มะเร็งเรารักษาด้วยไดมหรือแวเลียมกับ
00:15:33 → 00:15:35 blacket เราไม่ดีเนี่ยบางคนที่มันเป็น
00:15:35 → 00:15:39 มากๆเลยจริงๆเนี่ยนะครับก็อาจจะต้อง
00:15:39 → 00:15:41 พยายามหาทางเอาแอนติบอดี้ตรงนั้นออกนะ
00:15:41 → 00:15:44 ครับเอาแอนติบอดี้ตรงนั้นออกได้อย่างไรนะ
00:15:44 → 00:15:46 ครับก็ยกตัวอย่างเช่นเราอาจจะให้
00:15:46 → 00:15:49 intravenous immunoglobulin แบบฉีดนะ
00:15:49 → 00:15:51 ครับเอ่อถ้ามีหมอเข้ามาฟังส่วนใหญ่พวก
00:15:51 → 00:15:54 เนี้ยเจะให้ประมาณสัก 2 กรัมต่อกิกัต่อ
00:15:54 → 00:15:57 วันเอ่อต่อต่อครั้งนะครับ 2 กรัมต่อ
00:15:57 → 00:15:59 กิโกรัมต่อครั้งก็คือเราอาจจะแยกเป็นหลาย
00:15:59 → 00:16:01 ๆครั้งก็ได้นะเฉลี่ยไป 5 วันก็ได้เอา 2
00:16:01 → 00:16:04 กรัมต่อกลต่อครั้งเนี่ยแยกเฉลี่ยไป 5 วัน
00:16:04 → 00:16:07 หรือเอาจะไปให้วันนี้แล้ววันพรุ่งนี้คือ
00:16:07 → 00:16:09 เป็น 1 กรัมต่อกลวันนี้แล้วพรุ่งนี้อีก 1
00:16:09 → 00:16:12 กรัมต่อกลก็ได้เหมือนกันนะครับนี่คือวิธี
00:16:12 → 00:16:15 การให้ ivig นะหรือบางกรณีก็คือถ้ามันมี
00:16:15 → 00:16:18 เจอ GAT 65 ในเลือดเยอะๆเนี่ยเราทำ
00:16:18 → 00:16:20 Plasma Exchange หรือ Plasma fis ก็
00:16:20 → 00:16:24 สามารถที่จะพอเอาแิอออกไปได้นะครับบางคน
00:16:24 → 00:16:26 ก็ต้องให้ยาที่กดภูมิต้านทานตัวนึงชื่อ
00:16:26 → 00:16:29 ว่า retox Map นะครับตัวนี้เนี่ยมันจะไป
00:16:29 → 00:16:31 กำจัดซลทำให้ไม่สามารถกลายไปเป็น
00:16:32 → 00:16:34 พลาสมาเซลล์ปล่อยแอนติบอดี้ต่อสิ่งผิด
00:16:34 → 00:16:37 ปกติพวกนี้ออกมาได้นะครับแต่เหมือนอย่าง
00:16:38 → 00:16:40 ที่ผมเกริ่นไปตอนแรกครับว่ามันไม่ใช่
00:16:40 → 00:16:43 เฉพาะแอนติบอดี้ที่มีปัญหาแต่ระบบภูมิ
00:16:43 → 00:16:45 ป้องกันแบบเซลล์มันก็มีปัญหานะครับแล้ว
00:16:45 → 00:16:48 การที่เราให้ ivig การทำ Plasma Exchange
00:16:48 → 00:16:51 การให้ retox Map เนี่ยมันกันมันจะแค่
00:16:51 → 00:16:55 กำจัดเฉพาะแิอครับแต่ว่ามันไม่ได้กำจัด
00:16:55 → 00:16:57 เซลล์ครับดังนั้นคนพวกนี้เนี่ยไม่ค่อยได้
00:16:57 → 00:17:00 ดีขึ้นเท่าไหร่นะครับดังนั้นเนี่ยในทาง
00:17:00 → 00:17:04 การแพทย์เนี่ยถ้าเราไปดูวิธีในการรักษาก็
00:17:04 → 00:17:06 มีคนทดลองพวกเนี้ยแต่ว่ามันไม่ค่อยหายนะ
00:17:06 → 00:17:09 ครับแล้วก็วิีเวลาการใช้ยารักษาจริงๆ
00:17:09 → 00:17:12 เนี่ยมันไม่ค่อยไม่ค่อยได้ผลเท่า
00:17:12 → 00:17:16 ไหร่แล้วถามว่ามีคนคิดนอกกรอบมมีครับผม
00:17:16 → 00:17:18 นี่แหละครับคิดนอกกรอบส่วนหนึ่งนะฮะเพราะ
00:17:18 → 00:17:22 ว่าผมก็ดูแลคนไข้ที่มีปัญหาทางด้านเซลล์
00:17:22 → 00:17:24 แล้วก็ปัญหาแอนติบอดี้พร้อมกันเนื่องจาก
00:17:24 → 00:17:26 คนไข้ปลูกถ่ายอวัยวะเนี่ยก็จะมีปัญหาพวก
00:17:27 → 00:17:29 นี้ดังนั้นในคนไข้กลุ่มพวกนี้เนี่ยเนี่ย
00:17:29 → 00:17:32 บางครั้งเนี่ยนะครับเราผ่านการรักษามา
00:17:32 → 00:17:34 หลายอย่างแล้วมันไม่ดีขึ้นเนี่ยเราอาจจะ
00:17:34 → 00:17:37 ต้องมีความจำเป็นจะต้องกดภูมิต้านทานทั้ง
00:17:37 → 00:17:40 ฝ่ายเซลล์แล้วก็ฝ่ายแอนติบอดี้พร้อมกันนะ
00:17:41 → 00:17:43 ครับยกตัวอย่างว่าเราอาจจะต้องใช้ยา
00:17:43 → 00:17:47 เหมือนกับคนไข้ปลุกไถยอวัยวะเลยนะครับ 3-4
00:17:47 → 00:17:50 ตัวบวกกันอย่างเงี้ยถึงจะคุมอาการโรคพวก
00:17:50 → 00:17:53 นี้ได้นะครับแต่อย่างไรก็ตามการทำแบบนอก
00:17:53 → 00:17:56 กรอบนี้มันก็ไม่ค่อยมีเหตุผลไม่ค่อยมี
00:17:56 → 00:17:59 เอ่อไม่ไม่ได้ไม่มีเหตุผลมีเหตุผลแต่ว่า
00:17:59 → 00:18:01 ไม่ค่อยมีข้อมูลสนับสนุนสักเท่าไหร่
00:18:01 → 00:18:04 เนื่องจากว่ามันเป็นโรคซึ่งเจอได้ยากนะ
00:18:04 → 00:18:06 ครับคนก็พยายามจะรักษาไปทางแอนติบอดี้
00:18:06 → 00:18:08 ก่อนเนื่องจากว่าแอนติบอดี้เนี่ยมันเป็น
00:18:08 → 00:18:10 สิ่งที่เราตรวจได้จากในเลือดนะครับแล้วก็
00:18:10 → 00:18:13 บางกรณีตรวจได้จากน้ำไขสันหลังถ้าเรา
00:18:13 → 00:18:15 รักษาแล้วไอ้แอนติบอดี้ตัวนี้มันหายไป
00:18:15 → 00:18:17 เนี่ยน่าจะมีความเกี่ยวข้องกับการที่คน
00:18:17 → 00:18:21 ไข้ดีขึ้นนะครับปัญหาก็คือเรามาพบอีกนะ
00:18:21 → 00:18:23 ครับว่าระดับแอนติบอดี้เนี่ยมันไม่
00:18:23 → 00:18:26 สัมพันธ์กับอาการที่คนไข้เป็นหมายความว่า
00:18:26 → 00:18:30 เราอาจจะเจอแอนตี้ G 65 เป็นบวกนะครับ
00:18:30 → 00:18:33 แต่คนไข้ไม่มีอาการก็ได้นะครับหรืออาจจะ
00:18:33 → 00:18:36 เจอเล็กน้อยระดับต่ำๆแต่คนไข้อาการเยอะก็
00:18:36 → 00:18:38 ได้เช่นกันนะครับซึ่งตรงเนี้ยผมคิดว่ามัน
00:18:38 → 00:18:40 อาจจะมีปัญหาเพราะ
00:18:40 → 00:18:43 ว่าบางทีเนี่ยนะครับแอนติบอดี้เหล่าเนี้ย
00:18:43 → 00:18:46 มันดันไปอยู่ในน้ำไขสันหลังซะเยอะในเลือด
00:18:46 → 00:18:47 น้อยอาจจะเป็นเช่นนั้นก็ได้นะครับเพราะ
00:18:48 → 00:18:49 ว่าถ้ามันอยู่ในน้ำไขสันหลังเยอะๆเนี่ย
00:18:49 → 00:18:51 มันก็ทำให้เกิดอาการเยอะถูกมั้ยครับแต่
00:18:51 → 00:18:53 มันอยู่ในเลือดน้อยก็ทำให้เราตรวจออกมา
00:18:53 → 00:18:55 แล้วเอ้ยมันเจอได้น้อยนะครับนั่นก็คือ
00:18:55 → 00:18:58 เป็นเหตุผลอย่างนึงนะครับที่เราจะเจอได้
00:18:58 → 00:19:01 แล้วโรคพวกนี้เนี่ยอืมการรักษามันบอกได้
00:19:01 → 00:19:04 ยากมากเลยนะครับว่าคนไหนจะดีขึ้นแค่ไหน
00:19:04 → 00:19:07 ไม่ดีขึ้นแค่ไหนก็ต้องทดลองกันต่อไปนะ
00:19:07 → 00:19:11 ครับก็โดยสรุปนะครับ stiff Person
00:19:11 → 00:19:13 Syndrome นะครับเป็นอาการโรคที่มีการหด
00:19:13 → 00:19:15 เกร็งของกล้ามเนื้อโดยเฉพาะกล้ามเนื้อแกน
00:19:15 → 00:19:19 กลางของลำตัวนะครับค่อยๆเป็นค่อยๆไปนะฮะ
00:19:19 → 00:19:22 แล้วมักจะเจอกับโรคภูมิต้านทานตัวเองอื่น
00:19:22 → 00:19:25 ๆได้โดยเฉพาะเบาหวานชนิดที่ 1 นะครับเอ่อ
00:19:25 → 00:19:27 อาจจะมีโรคอื่นๆเช่นโรคไทรอยด์บางอย่าง
00:19:27 → 00:19:30 โรคด่างคาวนะครับก็เจอพวกนี้ได้เหมือนกัน
00:19:30 → 00:19:34 นะครับแล้วมันก็จะเป็นอ่าโรคที่มีภูมิ
00:19:34 → 00:19:37 ต้านทานต่อตัวเองนะครับโดยเฉพาะภูมิด้าน
00:19:37 → 00:19:40 ทานต่อแอนตี้ GAT 65 นะครับตัวเนี้ยเป็น
00:19:40 → 00:19:42 ตัวที่เราเจาะได้ก็จะเจอในประมาณสัก 2 ใน
00:19:42 → 00:19:45 3 ของคนไข้ทั้งหมดนะฮะถ้าพวงนี้ไม่เจอ
00:19:45 → 00:19:47 ปุ๊บก็จะต้องไปสงสัยแอนติบอดี้ตัวอื่นๆยก
00:19:47 → 00:19:50 ตัวอย่างเช่นแอนตี้มิิที่เจอในมะเร็งบาง
00:19:50 → 00:19:53 ชนิดโดยเฉพาะมะเร็งเต้านมนะครับเอ่อ
00:19:53 → 00:19:57 มะเร็งลำไส้ใหญ่มะเร็งโรคไตอะไรอย่างงี้
00:19:57 → 00:19:59 ก็เจอได้เหมือนกันนะครับหรือเป็น
00:19:59 → 00:20:02 แอนติบอดี้อื่นๆเช่น Anna 2 อย่างเงี้ย
00:20:02 → 00:20:05 นะครับก็เจอได้นะครับวิธีในการวินิจฉัยก็
00:20:05 → 00:20:08 มีการตรวจ emg หรือคลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้อ
00:20:08 → 00:20:11 นะครับตรงนี้จะมีข้อพิเศษอย่างนึงก็คือ
00:20:11 → 00:20:14 เวลาที่เราตรวจแล้วเราให้ไดิแมเข้าไปปุ๊บ
00:20:14 → 00:20:16 เนี่ยนะครับกล้างเนื้อก็จะคลายตัวนะครับ
00:20:16 → 00:20:18 ซึ่งเป็นสิ่งที่ึเราเอามาใช้ในการ
00:20:18 → 00:20:22 วินิจฉัยนะครับวินิจฉัยแยกโรคอื่นๆโยคโดย
00:20:22 → 00:20:24 เฉพาะโรคการอักเสบของกล้ามเนื้อเช่นการ
00:20:24 → 00:20:27 ตรวจดูว่ามี cpk ขึ้นมยดูเรื่องของ esr
00:20:27 → 00:20:30 crp พวกเนี้ยทั้ง 3 ตัวจะต้องมีความปกติ
00:20:30 → 00:20:32 นะครับหรือถ้าสูงขึ้นก็อาสูงขึ้นนิดหน่อย
00:20:32 → 00:20:36 ไม่ได้มากนะครับอ่าวิธีรักษาหลักๆก็คือ
00:20:36 → 00:20:39 การใช้แวเลียมนี่แหละครับไดอิแมค่อยๆ
00:20:39 → 00:20:40 เพิ่มขนาดเข้าไปจนกระทั่งร่างกายของเรา
00:20:40 → 00:20:43 เนี่ยมีกล้ามเนื้อที่ไม่ได้เกร็งจนเกินไป
00:20:43 → 00:20:46 นะครับถ้าไม่ได้ผลก็ใช้ยากลุ่มแฟนถ้าไม่
00:20:46 → 00:20:49 ได้ผลอีกก็อาจจะต้องใช้ยากดภูมิต่างๆนะ
00:20:49 → 00:20:51 ครับซึ่งตรงนี้ถ้าถึงขั้นนั้นแล้วเนี่ยก็
00:20:51 → 00:20:54 จะต้องคุยกับคุณหมอเป็นรายๆไปนะครับแต่ละ
00:20:54 → 00:20:56 คนรักษาไม่เหมือนกันแล้วก็มีสไตล์การดูแล
00:20:56 → 00:20:59 คนไข้ที่แตกต่างกันไปนะครับยังไงผมก็ต้อง
00:20:59 → 00:21:02 ขอเป็นกำลังใจให้คุณซินอนด้วยนะครับผมไม่
00:21:02 → 00:21:04 ได้พูดภาษาอังกฤษแล้วก็ไม่ได้พูดภาษา
00:21:04 → 00:21:07 ฝรั่งเศสแต่อย่างใดนะครับแต่ว่าก็หวังว่า
00:21:07 → 00:21:10 อยากจะเป็นเคสนึงที่ให้ความรู้กับคนไทย
00:21:10 → 00:21:13 เนื่องจากโรคนี้เนี่ยมันเจอยากมากๆเลยนะ
00:21:13 → 00:21:15 ครับโอเควันนี้ก็เท่านี้นะครับใครมีอะไร
00:21:15 → 00:21:17 สงสัยก็สอบถามมานะครับขอบคุณมากครับ
00:21:17 → 00:21:20 สวัสดีครับ