00:00:08 → 00:00:11 เตือนระวังไข้มาลาเรียโรคอันตรายภัยร้าย
00:00:11 → 00:00:13 ที่มาจากยุงก้น
00:00:13 → 00:00:16 ปล่องเปิดวิธีรักษาไข้มาลาเรียและอัปเดต
00:00:17 → 00:00:21 วัคซีนต้านเชื้อก้าวสำคัญทางการแพทย์ไม่
00:00:21 → 00:00:23 อยากป่วยบ่อยชวนกิน 10 ผักผลไม้ใกล้ตัว
00:00:23 → 00:00:26 ที่ให้วิตามินซีสูงช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน
00:00:26 → 00:00:29 ให้กับร่างกายติดตามเรื่องราวทั้งหมดได้
00:00:29 → 00:00:32 ในรายการ TNN Health วัน
00:00:32 → 00:00:33 [เพลง]
00:00:33 → 00:00:37 นี้สวัสดีค่ะขอต้อนรับเข้าสู่รายการ TNN
00:00:37 → 00:00:40 Health เข้าถึงทุกสาระสุขภาพเสริมภูมิ
00:00:40 → 00:00:44 คุ้มกันรู้ทันโลคไปกับเฮลนะคะและดิฉันหมอ
00:00:44 → 00:00:47 ดาวแพทย์หญิงสัตว์ดาวจังวังกรแพทย์เฉพาะ
00:00:47 → 00:00:50 ทางสาขาเวชศาสตร์ครอบครัวพร้อมที่จะรับ
00:00:50 → 00:00:53 หน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการพาคุณผู้ชมมา
00:00:53 → 00:00:58 เข้าถึงสาระสุขภาพดีๆกัน
00:00:58 → 00:01:01 ค่ะ
00:01:02 → 00:01:10 [เพลง]
00:01:10 → 00:01:13 สัปดาห์นี้ค่ะเราจะมาเตือนระวังไข้
00:01:13 → 00:01:17 มาลาเรียโรคอันตรายภัยร้ายที่มาจากยุงก้น
00:01:17 → 00:01:20 ปล่องเมื่อพูดถึงไข้มาลาเรียนะคะซึ่งมี
00:01:20 → 00:01:23 หลายชื่อค่ะไม่ว่าจะเป็นไข้ปลาไข้ป้างไข้
00:01:23 → 00:01:25 จับสั่นนะคะที่หลายๆคนรู้จักกันซึ่งโรค
00:01:25 → 00:01:29 มาเลเรียนะคะมาโดยยุงก้นปล่องที่เป็นพาหะ
00:01:29 → 00:01:31 สำหรับโรคมาเรียนั้นเป็นอย่างไรไปฟัง
00:01:31 → 00:01:35 พร้อมๆกันค่ะไข้มาลาเรียเป็นโรคติดต่อที่
00:01:35 → 00:01:38 มียุงก้นปล่องบางชนิดเป็นพาหะเกิดจาก
00:01:38 → 00:01:40 เชื้อโปรโตซัวพลาสโมเดียมซึ่งเป็นเชื้อ
00:01:40 → 00:01:43 โรคที่อาศัยในเลือดมีวงจรของเชื้อระยะ
00:01:43 → 00:01:47 ต่างๆสลับกันคือระยะมีเพศและไม่มีเพศและ
00:01:47 → 00:01:49 มีวงจรชีวิตอยู่ทั้งในสัตว์มีกระดูกสัน
00:01:49 → 00:01:52 หลังและสัตว์จำพวกยุงซึ่งเชื้อมาลาเรียใน
00:01:52 → 00:01:55 คนสำหรับประเทศไทยมีทั้งหมด 5 ชนิดได้แก่
00:01:55 → 00:01:57 1 พลาสโมเดียม
00:01:57 → 00:02:01 ซุม 2 พลาสโมเดียมไวก 3 พลาสโมเดียม
00:02:01 → 00:02:05 มาลาเรีย 4 พลาสโมเดียมอล 5 พลาสโมเดียม
00:02:05 → 00:02:10 ลซขณะที่สถิติการระบาดในประเทศไทยมักอยู่
00:02:10 → 00:02:13 ในจังหวัดที่มีภูเขาสูงป่าทึบแหล่งน้ำ
00:02:13 → 00:02:16 ลำธารมีอาณาเขตติดกับประเทศเพื่อนบ้าน
00:02:16 → 00:02:21 เช่นแม่ฮ่องสอนตากตราดระนองกาญจนบุรี
00:02:21 → 00:02:25 จันทบุรีสระแก้วประจวบคีรีขันธ์ราชบุรี
00:02:25 → 00:02:26 และ
00:02:26 → 00:02:29 ชุมพรสำหรับพื้นที่ในลุ่มแม่น้ำโขงมักจะ
00:02:30 → 00:02:32 ประสบปัญหาการดื้อยาเป็นโรคประจำถิ่นที่
00:02:32 → 00:02:35 กระทรวงสาธารณสุขต้องเข้าไปแก้ไขซึ่งส่ง
00:02:35 → 00:02:38 ผลกระทบต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ของประชา
00:02:38 → 00:02:41 ชนในพื้นที่และนักเดินป่าก็ต้องระวังการ
00:02:41 → 00:02:45 ติดเชื้อไข้มาลาเรียด้วยโรคนี้มักเกิดใน
00:02:45 → 00:02:48 ช่วงเดือนมิถุนายนจนถึงเดือนตุลาคมซึ่ง
00:02:48 → 00:02:51 เป็นฤดูฝนอีกทั้งการระบาดสามารถเกิดขึ้น
00:02:51 → 00:02:55 ได้หลายพื้นที่ในสภาพภูมิอากาศเ็ดร้อน
00:02:55 → 00:02:58 เช่นอเมริกาใต้แอฟริกาอินเดียทั้งนี้การ
00:02:58 → 00:03:02 ติดต่อเพกระจายจากแม่สู่ทารกหรือการใช้
00:03:02 → 00:03:05 เข็มฉีดยาร่วมกันสามารถเกิดขึ้นได้แต่มี
00:03:05 → 00:03:07 ความเสี่ยง
00:03:07 → 00:03:10 น้อยหลายคนอาจสงสัยนะคะว่าโรคมาเลเรีย
00:03:10 → 00:03:13 เนี่ยมีการแพร่กระจายและติดต่อกันได้
00:03:13 → 00:03:14 อย่าง
00:03:14 → 00:03:17 ไรเชื้อก่อโรคมาลาเรียจะมียุงก้นปล่อง
00:03:18 → 00:03:20 อะนิลีน
00:03:20 → 00:03:23 มอสคานนำโรคมีหลายสายพันธุ์มีที่อยู่
00:03:23 → 00:03:27 อาศัยและแหล่งเพาพันธุ์ต่างกันโดยทั่วไป
00:03:27 → 00:03:30 ยุงก้นปล่องอาศัยในท้องที่ปาก
00:03:30 → 00:03:32 เนื่องจากมีแหล่งเพาะพันธุ์ที่ยุงตัวเมีย
00:03:32 → 00:03:36 ใช้วังไข่เช่นลำห้วยลำทานที่สะอาดมีน้ำ
00:03:36 → 00:03:39 ไหลตลอดรวมถึงแหล่งน้ำขังที่มีร่มเงาใน
00:03:39 → 00:03:43 ปากเขาเมื่อยุงก้นปล่องตัวเมียกัดและดูด
00:03:43 → 00:03:46 เลือดผู้ป่วยมาลาเรียเชื้อจะสืบพันแล้ว
00:03:46 → 00:03:48 อาศัยอยู่ในตัวยุงเมื่อยุงที่มีเชื้อ
00:03:48 → 00:03:51 มาลาเรียไปกัดคนยุงก็จะปล่อยเชื้อ
00:03:51 → 00:03:53 มาลาเรียจากต่อมน้ำลายเข้าสู่กระแสเลือด
00:03:53 → 00:03:56 เชื้อจะไปเจริญเติบโตในเซลล์ตับและเม็ด
00:03:56 → 00:04:00 เลือดแดงทำให้เกิดอาการและอาการของโรค
00:04:00 → 00:04:04 มาลาเรียได้ส่วนสาเหตุอื่นๆที่อาจพบได้
00:04:04 → 00:04:07 เช่นจากแม่ที่ปวดเป็นไข้มาลาเรียสู่ลูกใน
00:04:07 → 00:04:10 คันการถ่ายโลหิตเป็น
00:04:10 → 00:04:14 ต้นโดยภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นกับผู้
00:04:14 → 00:04:15 ป่วยที่ตั้งครรภ์
00:04:15 → 00:04:20 คือ 1 การคลอดก่อนกำหนด 2 แทงบุตร 3 ใน
00:04:20 → 00:04:23 กรณีรุนแรงอาจทำให้ผู้ป่วยตั้งครรภ์เสีย
00:04:23 → 00:04:27 ชีวิต 4 ทารกแรกเกิดมีน้ำหนักตัวน้อยกว่า
00:04:27 → 00:04:31 ปกติ 5 ทารกชีวิตในครรภ์หรือระหว่างการ
00:04:31 → 00:04:35 คลอด 6 ส่งผลต่อการเจริญเติบโตของทารกใน
00:04:35 → 00:04:39 ครรภ์สำหรับอาการของผู้ป่วยไข้มาลาเรียมี
00:04:39 → 00:04:41 อาการดังต่อไปนี้
00:04:41 → 00:04:44 ค่ะโดยทั่วไปจะมีอาการนำคล้ายกับเป็นไข้
00:04:44 → 00:04:48 หวัดแต่ไม่มีน้ำมูกเช่นมีไข้ปวดศีรษะปวด
00:04:48 → 00:04:51 เมื่อยตามตัวอาจมีอาการคลื่นไส้และเบื่อ
00:04:51 → 00:04:54 อาหารร่วมด้วยได้อาการอาจเป็นอยู่ได้เป็น
00:04:54 → 00:04:57 วันหรือหลายวันก็ได้ขึ้นอยู่กับระยะฟัก
00:04:57 → 00:05:00 ตัวของเชื้อมาลาเรียแต่ละชนิดเมื่อแสดง
00:05:00 → 00:05:03 อาการของโรคไข้มาลาเรียจะประกอบไปด้วย 3
00:05:03 → 00:05:07 ระยะได้แก่ 1 ระยะหนาวผู้ป่วยจะมีอาการ
00:05:07 → 00:05:10 หนาวสั่นปากและตัวสั่นรุนแรงซีดผิวหนัง
00:05:11 → 00:05:14 แห้งหยาบประมาณ 15-60 นาทีเป็นช่วงที่มี
00:05:14 → 00:05:18 การแตกของเม็ดแดงที่มีเชื้อมาลาเรีย 2
00:05:18 → 00:05:22 ระยะร้อนผู้ป่วยมีไข้สูงอาจมีอาการคลื่น
00:05:22 → 00:05:24 ไส้อาเจียนร่วมด้วยตัวร้อนจัดหน้าแดง
00:05:25 → 00:05:28 กระหายน้ำ 3 ระยะเหงื่อออกผู้ป่วยมี
00:05:28 → 00:05:31 เหงื่อออกจนปิดเชุ่มร่างกายอ่อนเพลียและ
00:05:31 → 00:05:34 หายไข้กลับเหมือนคนปกติและจับไข้ใหม่ตาม
00:05:34 → 00:05:38 อาการในข้อ 1-3 ผู้ป่วยบางรายจะเกิดโรค
00:05:38 → 00:05:41 มาลาเรียชนิดรุนแรงหรือวียมาลียเม็ดเลือด
00:05:41 → 00:05:45 แดงแตกแบบรุนแรงจนปัสสาวะมีสีน้ำตาลเข้ม
00:05:45 → 00:05:49 คล้ายน้ำโคลล่าอวัยวะภายในเช่นตับไตระบบ
00:05:49 → 00:05:52 ประสาททำงานผิดปกติหรือล้มเหลวเกิดภาวะ
00:05:52 → 00:05:55 เลือดเป็นกรดตามมาด้วยภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ
00:05:55 → 00:05:59 จนถึงขั้นเสียชีวิตได้นอกจากนี้ผู้ป่วย
00:05:59 → 00:06:02 มาลบางชนิดถ้าไม่ได้รักษาให้หายขาดเชื้อ
00:06:02 → 00:06:05 สามารถอยู่ในร่างกายคนได้นานหลายปีโดยจะ
00:06:05 → 00:06:08 ไปฝังตัวที่เซลล์ตับแล้วแบ่งตัวออกมาเป็น
00:06:08 → 00:06:11 ระยะจึงทำให้มีอาการของโรคไข้มาลาเรีย
00:06:11 → 00:06:15 เป็นๆหายๆหรือเกิดลักษณะของโรคมาลาเรีย
00:06:15 → 00:06:19 ชนิดเรื้อรังโคนิคมาลาเรียได้เช่นกันหาก
00:06:19 → 00:06:22 สงสัยว่าเป็นไข้มาลาเรียให้รีบเข้ารับการ
00:06:22 → 00:06:24 ตรวจรักษากับแพทย์โดยด่วนซึ่งมีขั้นตอน
00:06:25 → 00:06:28 คือการเจาะเลือดหาเชื้อหากพบเชื้อจะได้
00:06:28 → 00:06:31 รับยาโดยการกิยาต้องกินให้เคารพตามแพทย์
00:06:31 → 00:06:34 สั่งและต้องมาตรวจเลือดซ้ำตามแพทย์นัด
00:06:34 → 00:06:38 สนับสนุนโดยแอปหมอดีหมอประจำบ้านในมือ
00:06:38 → 00:06:42 คุณและในช่วงนี้นะคะเราจะพาคุณผู้ชมไปพูด
00:06:42 → 00:06:44 คุยกับอาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจาก
00:06:44 → 00:06:47 แอปพลิเคชั่นหมอดีที่จะมาขายข้อข้องใจใน
00:06:47 → 00:06:51 เรื่องของมาลาเรียกันค่ะสวัสดีค่ะอาจารย์
00:06:51 → 00:06:54 ขอเริ่มที่คำถามข้อแรกเลยนะคะคนกลุ่มใด
00:06:54 → 00:06:57 เสี่ยงที่จะเป็นโรคมาลาเรียมากที่สุดคะ
00:06:57 → 00:06:59 อาจารย์ต้องบอกก่อนเลยค่ะว่าใครมาียน
00:06:59 → 00:07:02 เนี่ยก็คือพาหะของมันเนี่ยก็คือตัวยุงก้น
00:07:02 → 00:07:05 ป่องเนาะจะเป็นพาหะระหว่างเอ่อยุงเนี่ยจะ
00:07:05 → 00:07:08 กัดเรื่องของบางคนก็กัดสัตว์จำพวกลิงหรือ
00:07:08 → 00:07:12 ว่าคนสู่คนนะคะเพราะฉะนั้นคนที่เป็นกลุ่ม
00:07:12 → 00:07:15 เสี่ยงที่สำหรับเรื่องของไข้มาลาเรีย
00:07:15 → 00:07:17 เนี่ยก็จะเป็นคนที่อาศัยอยู่ในบริเวณ
00:07:17 → 00:07:19 ระบาดของยุงก้นป่องโดยเฉพาะก็คือบริเวณ
00:07:20 → 00:07:23 ป่าทึบหรือว่ามีต้นไม้เยอะหรือว่ามีพวก
00:07:23 → 00:07:26 ลำธารแม่น้ำทะเลอะไรพวกนี้มากกว่าค่ะ
00:07:26 → 00:07:29 อาจารย์ขาแล้วสำหรับคนที่ไม่ได้ไปเดินปาก
00:07:29 → 00:07:31 เข้าป่าเนี่ยค่ะมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรค
00:07:31 → 00:07:34 ไข้มาลาเรียได้มั้ยคะจริงๆก็มีได้เหมือน
00:07:34 → 00:07:36 กันค่ะอาจจะไม่ได้เป็นคนโดยตรงที่เดิน
00:07:36 → 00:07:39 เข้าไปเที่ยวในป่าหรือว่าไปหาของอะไรใน
00:07:39 → 00:07:41 ป่าค่ะแต่ว่าถ้าสมมุติว่าอยู่ในบริเวณที่
00:07:41 → 00:07:44 มีการแพร่ระบาดของตัวยุงก้นป่องเนี่ยก็
00:07:44 → 00:07:47 สามารถติดได้เหมือนกันอย่างที่บอกเนาะว่า
00:07:47 → 00:07:49 ยุงเนี่ยมันสามารถกัดเลือดคนคนึงสู่คนอีก
00:07:49 → 00:07:52 คนนึงได้พวกเนี้ยสามารถแพร่ระบาดได้เอ่อ
00:07:52 → 00:07:55 บ่อยในบริเวณประเทศตะวันออกเฉียงใต้ค่ะ
00:07:55 → 00:07:57 ที่เป็นบริเวณของยุงก้นป่องเยอะค่ะ
00:07:57 → 00:08:00 อาจารย์คะแล้วเราเราจะทราบได้อย่างไรคะ
00:08:00 → 00:08:03 ว่าตัวเราเนี่ยติดเชื้อไข้มาลาเรียแล้ว
00:08:03 → 00:08:05 อยากจะพูดถึงอาการของคนที่เป็นโรค
00:08:05 → 00:08:07 มาลาเรียก่อนแล้วกันนะคะโดยส่วนมากแล้ว
00:08:07 → 00:08:09 อาการของคนที่เป็นโรคมาลาเรียเนี่ยอาจจะ
00:08:09 → 00:08:12 มีเรื่องของไข้สูงเป็นหลักเนาะส่วนอาการ
00:08:12 → 00:08:14 อย่างอื่นที่ตามมาด้วยความที่มาลาเรีย
00:08:14 → 00:08:16 เนี่ยเกิดจากการที่ทำให้เม็ดเลือดแดงมัน
00:08:16 → 00:08:18 แตกเพราะฉะนั้นอาจจะมีภาวะซีได้อาจจะมี
00:08:18 → 00:08:21 ขึ้นไส้อาเจียนหรือว่าในกรณีที่ติดเชื้อ
00:08:21 → 00:08:24 บางประเภทของมาลาเรียเนี่ยอาจจะทำให้มี
00:08:24 → 00:08:27 เรื่องของขึ้นสมองได้นะคะอาจจะมีภาวะชัก
00:08:27 → 00:08:30 มีอะไรได้หรือว่ามีภาวะเรื่องของไวได้เลย
00:08:30 → 00:08:32 ค่ะด้วยความที่มันอาจจะแยกยากเนาะด้วย
00:08:32 → 00:08:34 ความที่มันมีไข้สูงขึ้นไส้อาเจียนอาจจะปน
00:08:35 → 00:08:37 ได้กับโรคอื่นเพราะฉะนั้นตัวมาลาเรียเอง
00:08:37 → 00:08:39 เนี่ยก็สามารถตรวจห้องปฏิบัติการเพิ่ม
00:08:39 → 00:08:42 เติมได้ค่ะจะเป็นการแบบตรวจ pcr สำหรับ
00:08:42 → 00:08:45 เชื้อตัวนี้โดยเฉพาะหรือโดยหลักส่วนมาก
00:08:45 → 00:08:47 เนี่ยเราจะเอาเลือดของผู้ป่วยเนี่ยก็คือ
00:08:47 → 00:08:50 ไปหยดในแล้วก็ดูในกล้องจุลทัศน์ค่ะว่ามี
00:08:50 → 00:08:52 เชื้อโปรโตซัวหรือว่าปรสิตตัวเอยู่ด้วย
00:08:52 → 00:08:56 หรือเปล่าอาจารย์คะในส่วนของอาการค่ะ
00:08:56 → 00:08:58 เมื่อเทียบกันระหว่างไข้เลือดออกกับไข้
00:08:58 → 00:09:00 มาลาเรียเนี่ยมีส่วนที่เหมือนกันหรือต่าง
00:09:00 → 00:09:03 กันอย่างไรบ้างคะค่อนข้างคล้ายๆกันค่ะ
00:09:03 → 00:09:05 ระหว่างไข้เลือดออกกับไข้มาลาเรียคือไข้
00:09:05 → 00:09:08 เลือดออกเนี่ยจะเป็นการติดเชื้อไวรัสเนาะ
00:09:08 → 00:09:11 ส่วนไข้ติดเชื้อมาลาเรียเนี่ยจะเป็นปรสิท
00:09:11 → 00:09:13 เพราะฉะนั้น 1 คือการเกิดโรคเนี่ยต่างกัน
00:09:13 → 00:09:16 อยู่แล้วระหว่าง 2 โรคนี้นะคะส่วนอาการ
00:09:16 → 00:09:19 เนี่ยก็จะคล้ายๆกันเรื่องของไข้สูมีคลื่น
00:09:19 → 00:09:22 ไส้อาเจียนถ้าเป็นทางมาลาเรียเนี่ยอาจจะ
00:09:22 → 00:09:24 มีเรื่องของแบบตัวซีร่วมด้วยแต่ถ้าเป็น
00:09:24 → 00:09:26 ไข้เลือดออกอาจจะมาด้วยเรื่องของจุดเลือด
00:09:26 → 00:09:29 ออกตามตัวหรือว่ามาด้วยเรื่องของเลือดออก
00:09:29 → 00:09:32 ตามไรฟันหรือว่ามีเรื่องของแบบปวดตับปวด
00:09:32 → 00:09:35 ม้ามพวกนี้มากกว่าอาจารย์ขาทำไมผู้ป่วย
00:09:35 → 00:09:38 ที่เป็นโรคมาลาเรียที่มีภาวะไข้ที่รุนแรง
00:09:38 → 00:09:42 นั้นถึงสามารถที่จะเป็นโรคไตวายได้คะหลัก
00:09:42 → 00:09:45 ๆเลยนะคะก็คือเอ่อเชื้อมาลาเรียบางชนิด
00:09:45 → 00:09:48 เนาะด้วยความที่มาลาเรียมันมีหลายชนิดเลย
00:09:48 → 00:09:50 ค่ะก็คือเชื้อมาลาเรียหบางชนิดเนี่ยทำให้
00:09:50 → 00:09:53 เม็ดเลือดแดงแตกได้ค่อนข้างเยอะเพราะ
00:09:53 → 00:09:56 ฉะนั้นพวกเมันก็จะมีของเสียหรือว่ามีสาร
00:09:56 → 00:09:58 บางอย่างออกจากตัวเม็ดเลือดร่วมด้วยมันก็
00:09:58 → 00:10:01 จะไปไปกองที่บริเวณตับหรือไตเพราะฉะนั้น
00:10:01 → 00:10:04 อย่างเงี้ยมันก็อาจจะทำให้มันมีของเสีย
00:10:04 → 00:10:06 เนี่ยไปกรองที่บริเวณไตหรือว่ามีโปรตีน
00:10:06 → 00:10:09 รั่วตามมามันก็เลยอาจจะทำให้มีภาวะไตวาย
00:10:09 → 00:10:12 ต่ำมาได้ค่ะอาจารย์คะอยากทราบว่ามีวิธี
00:10:12 → 00:10:15 การรักษาโรคไข้มาลาเรียอย่างไรบ้างคะอัน
00:10:15 → 00:10:18 นี้ต้องบอกว่าค่อนข้างยากเลยค่ะเอ่อ
00:10:18 → 00:10:21 มาลาเรียเองเนี่ยประกอบไปด้วยตัวย่อยๆ
00:10:21 → 00:10:23 หลายตัวเรียกคร่าวๆแล้วกันเนาะเอ่อเป็น
00:10:23 → 00:10:27 พวกโอเล่ก็ได้หรือว่าเป็นชนิดอื่นๆก็ได้
00:10:27 → 00:10:30 เพราะฉะนั้นในแต่ละอย่างของมันน่ะค่ะตัว
00:10:30 → 00:10:33 โปรโตซัวตัวเนี้ยรักษาค่อนข้างยากและ
00:10:33 → 00:10:37 รักษาค่อนข้างต่างกันเออบางคนอาจจะต้อง
00:10:37 → 00:10:39 ที่กินยาอย่างเดียวก็พอค่ะหรือว่าแบบ
00:10:39 → 00:10:41 รักษาตามอาการหรือแม้กระทั่งบางคนที่ไม่
00:10:41 → 00:10:43 ได้มีอาการเลยมีแค่ไข้เล็กๆน้อยๆอย่าง
00:10:44 → 00:10:46 เดียวก็มีได้เหมือนกันหรือในกรณีที่บางคน
00:10:46 → 00:10:49 เนี่ยมีเรื่องของไข้สูงพวกเนี้ยอาจจะต้อง
00:10:49 → 00:10:52 แอดมิที่โรงพยาบาลแล้วก็ให้ยาทางเส้นเอา
00:10:52 → 00:10:56 หรือว่าให้สัน้ำบางคนเนี่ยแย่มากต้องเข้า
00:10:56 → 00:10:59 iccu ร่วมด้วยหรือว่ามีภาวะไตวายตับวาย
00:10:59 → 00:11:01 พวกนี้อาจจะต้องใช้เครื่องช่วยหายใจหรือ
00:11:01 → 00:11:04 ว่าเครื่องพยุงหัวใจร่วมด้วยเลยค่ะเพราะ
00:11:04 → 00:11:08 ฉะนั้นอาการเนี้ยจะเป็นได้แค่แบบเอ่อต้อง
00:11:08 → 00:11:12 ต้องดูเป็นคนๆไปแล้วก็ดูแต่ละชนิดด้วยว่า
00:11:12 → 00:11:15 ติดเชื้อชนิดไหนให้ยาอะไรที่เหมาะสมค่ะ
00:11:15 → 00:11:18 อาจารย์คะเหตุใดผู้ป่วยโรคไข้มาลาเรียถึง
00:11:18 → 00:11:21 ไม่ควรซื้อยามารับประทานเองคะในกรณีที่
00:11:21 → 00:11:24 ซื้อยาทันเองเนาะอันเนี้ยอาจจะยากกว่า
00:11:24 → 00:11:26 เรื่องของไข้วัดทั่วไปค่ะไข้วัดทั่วไปอาจ
00:11:26 → 00:11:29 จะมีการกินยาตามอาการได้แต่ในในมาลาเรีย
00:11:29 → 00:11:32 เองเนี่ยถ้าสมมุติยารักษาโยเฉพาะของมัน
00:11:32 → 00:11:35 ต้องบอกว่าบางคนก็มีภาวะดื้อยาเนาะหรือ
00:11:35 → 00:11:37 ว่ามีโรคประจำตัวบางอย่างเช่น G6PD จะไม่
00:11:37 → 00:11:41 สามารถกินยาบางตัวของตัวรักษาโรคมาลาเรีย
00:11:41 → 00:11:43 ได้ค่ะมันอาจจะทำให้เม็ดเรื่อนแดงแตกมาก
00:11:43 → 00:11:46 ขึ้นหรือว่าอาจจะมีภาวะแพ้รุนแรงแล้วก็
00:11:46 → 00:11:49 อีกอย่างอาจจะมีภาวะดื้อยามากๆกินแล้วไม่
00:11:49 → 00:11:52 หายทำให้การรักษาซับซ้อนแล้วก็ยากกว่า
00:11:52 → 00:11:55 เดิมได้ค่ะเพราะฉะนั้นแนะนำว่าถ้ามีภาวะ
00:11:55 → 00:11:57 ไข้สูงหรืออะไรอยากให้ไปเจาะเลือดแล้วก็
00:11:57 → 00:11:59 คอนเฟิร์มที่โรงพยาบาลรมร่วมด้วยค่ะ
00:11:59 → 00:12:02 ปัจจุบันนี้มีวัคซีนในการป้องกันโรคไข้
00:12:02 → 00:12:04 มาลาเรียหรือยังคะอยากให้อาจารย์ช่วย
00:12:04 → 00:12:06 อัปเดตให้ฟังหน่อยค่ะต้องบอกว่าใน
00:12:06 → 00:12:09 มาลาเรียเนี่ยก็คือมันจะอยู่ที่ประเทศที่
00:12:09 → 00:12:12 ตะวันออกเฉียงใต้อย่างเดียวแล้วก็ตัวการ
00:12:12 → 00:12:14 แพร่ระบาดของโรคอาจจะไม่ได้เยอะมากเมื่อ
00:12:14 → 00:12:17 เทียบกับโรคอื่นๆเช่นเรื่องของโควิดไข้
00:12:17 → 00:12:21 หวัดใหญ่หรือแม้กระทั่งตัวไข้ไข้ต่างๆไข้
00:12:21 → 00:12:23 อื่นๆเนาะเพราะฉะนั้นวัคซีนเนี่ยยังอยู่
00:12:24 → 00:12:26 ในช่วงการพัฒนาอยู่ค่ะแต่เห็นว่าจะมีการ
00:12:26 → 00:12:30 ออกมาเร็วๆนี้ค่ะอาจารย์คะอยากทราบถึง
00:12:30 → 00:12:32 วิธีการป้องกันเพื่อไม่ให้เป็นโรคไข้
00:12:32 → 00:12:35 มาเลเรียมีวิธีการป้องกันอย่างไรบ้างคะ
00:12:35 → 00:12:38 ด้วยความที่มันเป็นการระบาดแล้วก็ยุงเป็น
00:12:38 → 00:12:41 พาหะหลักๆนะคะเพราะฉะนั้นอย่างแรกเลยก็
00:12:41 → 00:12:43 อยากจะให้กำจัดพวกแบบที่เป็นเพาะพันธุ์
00:12:43 → 00:12:46 ของยุงก็คือเรื่องของแหล่งน้ำต่างๆหรือ
00:12:46 → 00:12:49 ว่าน้ำนิ่งนะคะถ้าต้องเข้าป่าต้องอะไร
00:12:49 → 00:12:51 จริงๆอาจจะต้องพายากันยุงหรือว่ามี
00:12:51 → 00:12:53 อุปกรณ์ป้องกันตัวไว้เช่นเรื่องของใส่
00:12:53 → 00:12:57 เสื้อแขนยาวเนาะหรือว่าบางคนเอ่ออยู่ใน
00:12:57 → 00:12:59 พื้นที่ที่ระบาดของมันอยู่แล้วแนะนำว่า
00:12:59 → 00:13:02 ให้นอนแล้วก็มีการกางมุ้งมากกว่าค่ะแล้ว
00:13:02 → 00:13:05 ก็แบบเหมือนจุดยากันยุงป้องกันยุงพวก
00:13:05 → 00:13:07 เนี้ยค่ะก็สามารถช่วยได้
00:13:07 → 00:13:10 ค่ะขอขอบพระคุณอาจารย์หมอนะคะจาก
00:13:10 → 00:13:13 แอปพลิเคชันหมอดีที่มาให้ความรู้ความเข้า
00:13:13 → 00:13:17 ใจในเรื่องของไข้มาเรียกันสนับสนุนโดยแอป
00:13:17 → 00:13:20 หมอดีหมอประจำบ้านในมือ
00:13:20 → 00:13:24 คุณกลับเข้าสู่ช่วงสุดท้ายของรายการ TNN
00:13:24 → 00:13:26 Health กันนะคะคุณผู้ชมเรามารู้กันดี
00:13:26 → 00:13:29 กว่าว่าผักผลไม้อะไรบ้างที่มีวิตามินซี
00:13:29 → 00:13:32 สูงช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่าง
00:13:32 → 00:13:35 กายไปชมพร้อมๆกัน
00:13:35 → 00:13:39 ค่ะ 10 ผักผลไม้วิตามินซีสูงช่วยเสริม
00:13:39 → 00:13:42 ภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายไม่ให้ป่วยบ่อย
00:13:42 → 00:13:46 ค่ะ 1 ผักคะน้าผักคน้าเป็นผักใบเขียวที่
00:13:46 → 00:13:49 นอกจากจะไฟเบอร์สูงสุดๆแล้วยังมีวิตามิน
00:13:49 → 00:13:52 สูงด้วยเช่นกันโดยผักคะน้ามีวิตามินซีสูง
00:13:52 → 00:13:56 ถึง 147 มกต่อ 100 กรัมซึ่งวิตามินซีใน
00:13:56 → 00:13:59 ผักคน้านั้นมีส่วนช่วยเซิมสร้างเนื้อ
00:13:59 → 00:14:01 เยื่อให้ชุ่มชื้นมากขึ้นลดโอกาสเกิดการ
00:14:01 → 00:14:04 อักเสบของเนื้อเยื่อช่วยเสริมสร้างภูมิ
00:14:04 → 00:14:08 คุ้มกันให้กับร่างกายได้ดี 2 ใบมะรุมเป็น
00:14:08 → 00:14:10 ผักที่สามารถนำมากินได้ทุกส่วนเลยทีเดียว
00:14:10 → 00:14:13 ค่ะและในส่วนของใบมะรุมนั้นเรียกได้ว่ามี
00:14:13 → 00:14:17 วิตามินซีสูงมากๆโดยมีวิตามินซีสูงถึง 141
00:14:17 → 00:14:21 มกรต่อ 100 กรัมซึ่งใบมะรุมมีฤทธิ์ช่วย
00:14:21 → 00:14:24 แก้อาการปวดศีรษะใช้แก้ไข้และถอนพิษไข้
00:14:24 → 00:14:27 และช่วยรักษาโรคเลือดออกตามไรฟันจากการ
00:14:27 → 00:14:31 ขาดวิตามินซีได้ด้วยทั้งนี้ใบมะรุมควรรับ
00:14:31 → 00:14:34 ประทานใบสดๆที่ไม่แก่หรืออ่อนจนเกินไปและ
00:14:34 → 00:14:38 ไม่ควรถูกความร้อนนานเกินไป 3 ผักป่วย
00:14:38 → 00:14:41 เล้งผักป่วยเล้งมีวิตามินซี 120 มิลกรัม
00:14:41 → 00:14:44 ต่อ 100 กรัมซึ่งป่วยเล้งไม่เพียงมี
00:14:44 → 00:14:47 วิตามินซีสูงเท่านั้นนะคะแต่ยังมีสารต้าน
00:14:47 → 00:14:51 อนุมูลอิสระกลุ่มแคโรทีนอยด์สูงอีกด้วย
00:14:51 → 00:14:53 ซึ่งนอกจากจะช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่าง
00:14:53 → 00:14:56 กายแล้วป่วยเลงยังช่วยยับยั้งการเสื่อม
00:14:56 → 00:14:59 ของเซลล์ช่วยลดความเสี่ยงเกเกี่ยวกับโรค
00:14:59 → 00:15:02 ของตาได้อีกด้วย 4 บรอกโคลี่เป็นผักใบ
00:15:02 → 00:15:05 เขียวอีกชนิดหนึ่งที่อุดมด้วยวิตามินมาก
00:15:05 → 00:15:09 มายซึ่งบรอกโคลี่มีวิตามินซี 89.2 มกรต่อ
00:15:09 → 00:15:12 100 กรัมมีสารต้างอนุมูลอิสระช่วยเพิ่ม
00:15:12 → 00:15:15 ภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายช่วยป้องกันโรค
00:15:15 → 00:15:18 เลือดออกตามไรฟันทั้งยังช่วยป้องกันไม่
00:15:18 → 00:15:22 ให้เกิดโรคปอดร้ายแรงอีกด้วย 5 พริกหวาน
00:15:23 → 00:15:25 เป็นพริกที่ให้ความเผ็ดในระดับที่ต่ำแต่
00:15:25 → 00:15:28 กลับให้วิตามินซีที่สูงไม่น้อยเลยทีเดียว
00:15:28 → 00:15:33 โดยพริกหวานมีวิตามินซีสูงถึง 80.4 มกร
00:15:33 → 00:15:36 ต่อ 100 กรัมนอกจากนี้พริกหวานยังอุดมไป
00:15:36 → 00:15:39 ด้วยสารก้านอนุมูลอิสระเบต้าแคโรทีน
00:15:39 → 00:15:42 วิตามิน B1 วิตามิน B2 เหล็กและ
00:15:42 → 00:15:45 โพแทสเซียมโดยพริกหวานผลที่แก่แล้วจะมีสี
00:15:45 → 00:15:49 แดงเหลืองส้มหรือม่วงซึ่งจะให้วิตามินซี
00:15:49 → 00:15:53 เพิ่มขึ้นถึง 2 เท่าเลยทีเดียว 6 มะขาม
00:15:53 → 00:15:56 ป้อมเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงอย่างไม่
00:15:56 → 00:15:59 น่าเชื่อเลยค่ะซึ่งมะขามป้อม 100 กรัมี
00:15:59 → 00:16:03 วิตามินซีสูงถึง 276 มกรโดยมะขามป้อมลูก
00:16:03 → 00:16:07 เล็กๆ 1 ผลจะมีวิตามินซีเท่ากับส้ม 1-2
00:16:07 → 00:16:10 ผลเลยทีเดียวทั้งนี้ยังพบด้วยว่าในผลของ
00:16:10 → 00:16:13 มะขามป้อมมีสารป้องกันการเกิดออกซิไดซ์
00:16:13 → 00:16:17 ของวิตามินซีทำให้วิตามินซีไม่เสื่อมสภาพ
00:16:17 → 00:16:21 แม้จะถูกความร้อน 7 ฝรั่งฝรั่งนั้นมี
00:16:21 → 00:16:24 วิตามินซีสูงมากกว่าส้มถึง 5 เท่าค่ะโดย
00:16:24 → 00:16:28 ฝรั่ง 100 กรัมมีวิตามินซีสูงถึง 160 10
00:16:28 → 00:16:32 มกรค่ะแต่ส่วนที่พบว่ามีวิตามินซีสูงนั้น
00:16:32 → 00:16:34 ก็คือส่วนเปลือกของฝรั่งนั่นเองฉะนั้นไม่
00:16:34 → 00:16:37 ควรกินแบบปอกเปลือกเพื่อคงคุณค่าของ
00:16:37 → 00:16:41 วิตามินซีไว้ให้มากที่สุด 8 ลิ้นีหากพูด
00:16:41 → 00:16:44 ถึงผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงหลายๆคนนะคะอาจ
00:16:44 → 00:16:46 จะมองข้ามลิ้นจี่กันกไปแต่ต้องบอกว่า
00:16:46 → 00:16:49 ลิ้นจี่นั้นเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีไม่
00:16:49 → 00:16:52 น้อยเลยทีเดียวโดยลิ้นจี่ 100 กรัมมี
00:16:52 → 00:16:56 วิตามินซีสูงถึง 71.5 มกรค่ะโดยลิ้นจี่มี
00:16:56 → 00:16:58 สารต้านอนุมูลอิสระสูงช่วยเเสริมสร้าง
00:16:58 → 00:17:01 ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายและช่วยแก้
00:17:01 → 00:17:03 อาการไอเเลื้อรังได้แต่แอบบอกนิดนึงนะคะ
00:17:03 → 00:17:05 ว่าน้ำตาลสูงก็ต้องระวังกันหน่อยในผู้
00:17:05 → 00:17:09 ป่วยเบาหวานนะคะ 9 สตรอเบอร์รี่ผลไม้
00:17:09 → 00:17:11 ตระกูลเบอร์รี่อย่างสตรอว์เบอร์รี่บอกเลย
00:17:11 → 00:17:14 ว่าวิตามินซีสูงมากโดยสตรอเบอร์รี่ 100
00:17:15 → 00:17:18 กรัมมีวิตามินซี 58.8 มกรและนอกจาก
00:17:18 → 00:17:21 วิตามินซีแล้วสตรอเบอร์รี่ยังมีสารต้าน
00:17:21 → 00:17:24 อนุมูลอิสระหลายชนิดที่ช่วยยับยั้งสารก่อ
00:17:24 → 00:17:27 มะเร็งช่วยในการบำรุงดวงตาและลดการเสื่อม
00:17:27 → 00:17:29 สภาพของดวงตาและยังพบด้วยว่าใน
00:17:29 → 00:17:33 สตรอว์เบอร์รี่สดจะให้วิตามินในปริมาณมาก
00:17:33 → 00:17:37 10 ส้มหากจะมองหาผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง
00:17:37 → 00:17:40 และหากินง่ายแนะนำส้มเลยค่ะซึ่งส้ม 100
00:17:40 → 00:17:44 กรัมมีวิตามินซี 53.2 มกรถึงแม้ว่าจะไม่
00:17:44 → 00:17:46 สูงเท่าผลไม้อื่นๆที่กล่าวมาข้างต้นแต่ก็
00:17:46 → 00:17:49 เป็นผลไม้ที่หากินง่ายเป็นตัวเลือกในการ
00:17:49 → 00:17:52 เพิ่มวิตามินซีที่ดีนอกจากนี้ส้มยังเป็น
00:17:52 → 00:17:55 ผลไม้ที่มีใยอาหารสูงช่วยให้ระบบขับถ่าย
00:17:55 → 00:17:57 ดีขึ้นโดยเลือกกินได้ทั้งแบบผลสดหรือจะ
00:17:57 → 00:18:00 คันเป็นน้ำก็ได้แต่ทางนี้ก็ต้องระวัง
00:18:00 → 00:18:04 เรื่องของน้ำตาลจากผลไม้เช่นเดียวกันนะ
00:18:04 → 00:18:07 คะเป็นอย่างไรกันบ้างค่ะคุณผู้ชมกับสาระ
00:18:07 → 00:18:11 สุขภาพที่รายการ TNN นำมาฝากคุณผู้ชมใน
00:18:11 → 00:18:14 วันนี้หวังใจเป็นอย่างยิ่งค่ะว่าคุณผู้ชม
00:18:14 → 00:18:17 จะนำสาระสุขภาพดีๆไปดูแลสุขภาพของตัวเอง
00:18:17 → 00:18:20 และครอบครัวกันและสำหรับวันนี้ค่ะหมอดาว
00:18:20 → 00:18:23 และทีมงาน TNN ต้องขอขอบคุณคุณผู้ชมทุก
00:18:23 → 00:18:26 ท่านนะคะที่ติดตามรับชมรายการมาตลอดค่ะ
00:18:26 → 00:18:29 หวังใจเป็นอย่างยิ่งนะคะว่าคุณผู้ชมจะติด
00:18:29 → 00:18:32 ตามรับชมรายการของเราตลอดไปและแน่นอนนะคะ
00:18:32 → 00:18:35 สามารถติดตามรับชมรายการ TNN Heal ได้
00:18:35 → 00:18:39 เป็นประจำทุกวันเสาร์ค่ะเวลาดี 15 น-
00:18:39 → 00:18:43 15:30 นที่นี่ TNN ช่อง 16 ค่ะอย่าลืมกด
00:18:43 → 00:18:46 ไลค์กดแชร์กด Subscribe กดกระดิ่งติดตาม
00:18:46 → 00:18:49 เพื่อเป็นกำลังใจให้หมอดาวและรายการ TNN
00:18:49 → 00:18:51 Health กันค่ะนอกจากนี้นะคะยังสามารถติด
00:18:51 → 00:18:54 ตามรับชมรายการได้ทางซล Network ไม่ว่าจะ
00:18:54 → 00:18:57 เป็น YouTube tiktok Facebook Line
00:18:57 → 00:18:58 Official
00:18:58 → 00:19:02 รวมถึง Instagram ด้วยนะคะเข้าถึงทุกสาระ
00:19:02 → 00:19:05 สุขภาพเสริมภูมิคุ้มกันรู้ทันโรคไปกับ tn
00:19:05 → 00:19:08 Health สำหรับวันนี้หมอดาวและทีมงานต้อง
00:19:08 → 00:19:12 ขอตัวลาไปก่อนสวัสดี
00:19:12 → 00:19:27 [เพลง]
00:19:27 → 00:19:30 ค่ะ
00:19:30 → 00:19:37 [เพลง]