00:00:00 → 00:00:04 นิ่วในไตเกิดขึ้นในร่างกายเราได้อย่างไร
00:00:04 → 00:00:06 ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เป็นนิ่วรวมทั้งแนว
00:00:06 → 00:00:09 ทางการป้องกันและรักษาเป็นอย่างไรต่อไป
00:00:09 → 00:00:11 นี้คือข้อเท็จจริงและคำแนะนำจากผู้เชี่ยว
00:00:11 → 00:00:14 [เพลง]
00:00:14 → 00:00:17 ชาญศูนญ์ชัวร์ก่อนแชร์สำนักข่าวไทยอสมท
00:00:17 → 00:00:20 สอบถามกับอาจารย์สาขาวิชาโรคไตภาควิชา
00:00:20 → 00:00:23 อายุรศาสตร์คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาล
00:00:23 → 00:00:26 รามาธิบดีมหาวิทยาลัยมหิดลเริ่มต้นจาก
00:00:26 → 00:00:29 นิ่วและสาเหตุของนิ่วในไตคือนิ่วมันเป็น
00:00:29 → 00:00:31 ก้อนหินที่อยู่ในไตอ่ะนะเกิดได้หลาย
00:00:31 → 00:00:33 ปัจจัยส่วนใหญ่ส่วนประกอบเป็นแคลเซียม
00:00:33 → 00:00:35 เป็นออกซาเลตหรือบางคนเป็นยูริคแอซิดซึ่ง
00:00:35 → 00:00:38 เกิดจากการดื่มน้ำน้อยทำให้สารต่างๆลนี้
00:00:38 → 00:00:40 เข้มข้นและตกตะกอนเป็นนิ่วหรือปัจจัยอื่น
00:00:40 → 00:00:43 ๆที่พบเกี่ยวข้องกับนิ่วเช่นคนอ้วนจะเป็น
00:00:43 → 00:00:45 มากกว่าคนผอมหรือว่ากินเนื้อสัตว์มาก
00:00:45 → 00:00:47 โอกาสเป็นนิ่วก็จะสูงกว่าคนที่กินเนื่้อ
00:00:47 → 00:00:49 สัตว์ปกติคนที่เป็นเบาหวานแลกินอาหารที่
00:00:49 → 00:00:51 พิวรีนสูงที่ทำให้เกิดยูริกแอซิดมากๆ
00:00:51 → 00:00:54 เนี่ยก็ทำให้เกิดการตกตกรของกดยูริกในไต
00:00:54 → 00:00:55 พร้อมๆเกิดเป็นโรคเก๊าได้ก็จะมีหลาย
00:00:56 → 00:00:58 ปัจจัยแล้วเราจะรู้ได้ยังไงครับว่าเรา
00:00:58 → 00:01:00 กำลังอาจจะเป็นนิ่วคืออาการที่จะบอกว่า
00:01:00 → 00:01:02 เป็นนิวก็อาจจะมีอาการปัสสาวะเป็นเลือดมี
00:01:02 → 00:01:05 การอักเสบปัสสาวะขุ่นมีไข้ปวดเอวทางเดือ
00:01:05 → 00:01:08 ปัสสาวะอักเสบปัสสาวะแสบขัดอาการหลังต่าง
00:01:08 → 00:01:10 ๆเหล่านี้คงต้องไปพบแพทย์แล้วก็ขหมอก็จ
00:01:10 → 00:01:12 เซเรย์หรืออุลตร้าซาวก็จะสามารถตรวจได้
00:01:12 → 00:01:14 ว่าเป็นนิ่วหรือไม่นะครับหากสงสัยว่าเป็น
00:01:14 → 00:01:16 นิ่วพบแพทย์ก่อนให้การวินิจฉัยที่ถูกต้อง
00:01:16 → 00:01:18 ว่ามีนิ่วชนิดไหนอยู่ที่ตำแหน่งไหนการ
00:01:19 → 00:01:21 รักษาจะแตกต่างกันไม่ว่าจะการรักษาด้วยยา
00:01:21 → 00:01:24 ซึ่งก็จะเป็นพวกกลุ่มโพสเซสกิ่นลลายนิ้ว
00:01:24 → 00:01:26 ส่วนใหญ่ก็ต้องกิน 6 เดือนเป็นอย่างน้อย
00:01:26 → 00:01:28 บางคนกินเป็นปีบางครั้งแค่กินยาอาจไม่พอ
00:01:28 → 00:01:31 แพก็จะดูว่าการทำงานของไตเป็นยังไงต้อง
00:01:31 → 00:01:33 สลายนิ้วมั้ยก็มีเครื่องสลายนิ้วโดยใช้
00:01:33 → 00:01:35 คลื่นเสียงความถี่สูงหรือการผัตัดหรือแค่
00:01:35 → 00:01:38 2 กล้องแล้วก็ใช้ตะกร้าสอดขึ้นไปในทอดไต
00:01:38 → 00:01:41 ไปถึงไตแล้วก็คล้องนิ้วออกมาอันนี้ก็จะ
00:01:41 → 00:01:43 ไม่มีแผลรวมทั้งการใช้เลเซอร์สลายนิ้วขบ
00:01:43 → 00:01:45 นิ้วให้แตกให้มันเป็นผงละลายออกมาก็มี
00:01:45 → 00:01:47 หลายวิธีขึ้นอยู่กับแพทย์จะพิจารณาในคนน
00:01:47 → 00:01:50 ไข้แต่ละคนอาจารย์แนะนำวิธีป้องกันโรค
00:01:50 → 00:01:52 นิ่วเริ่มต้นจากปรับพฤติกรรมการที่จะป้อง
00:01:52 → 00:01:55 กันไม่ให้เกิดโรคนิ่วนะครับันที่ 1 เรา
00:01:55 → 00:01:56 ต้องดื่มน้ำให้เพียงพอเพราะว่าการที่ดื่ม
00:01:56 → 00:01:58 น้ำน้อยอย่างเช่นไปทำงานการแจ้งเหงื่อออก
00:01:58 → 00:02:00 มากแล้วเราไม่ดื่มน้ำเนี่ยทำให้ปัสสวะ
00:02:00 → 00:02:03 เข้มข้นพวกสารแคลเซียมออกซาเลตกรดยูริก
00:02:03 → 00:02:05 เนี่ยจะตกตะกอนก็ไปเป็นก้อนหินก็เรียกว่า
00:02:05 → 00:02:07 ก้อนนิ้วอยู่ในไตรวมทั้งลีกเลี้ยงอาหาร
00:02:07 → 00:02:09 ที่มีผลต่อการเกิดนิ่วเช่นการกินเนื้อ
00:02:09 → 00:02:11 สัตว์มากๆมันจะทำให้ร่างกายเป็นกรดกรดมัน
00:02:11 → 00:02:14 จะไปเซาะแคลเซียมออกมาจากกระดูกเข้าไปตก
00:02:14 → 00:02:16 ตะกอนอยู่ในไตทำให้กระดูกบางด้วยการกิน
00:02:16 → 00:02:19 อาหารที่มีพิวรีนมากๆอย่างเช่นตัดปีกหรือ
00:02:19 → 00:02:21 เครื่องในเลี่ยงโซเดียมและความเค็มไม่ทัน
00:02:21 → 00:02:23 เค็มการกินโซเดียมสูงโอกาสเกิดเป็นโรค
00:02:23 → 00:02:25 นิ่้วจะสูงขึ้นเพราะการทันเข็มเนี่ยทำให้
00:02:25 → 00:02:27 แคลเซียมตกตะกอนในไตได้มากขึ้นโซเดียม
00:02:27 → 00:02:30 อยู่ในพวกเครื่องปรุงรสต่างๆเกลือน้ำปลา
00:02:30 → 00:02:33 สีอิ๊วผงทชรสซุปก้อนอาหารหมากดองอาหาร
00:02:33 → 00:02:36 สำเร็จรูปต่างๆพวกเนี้ยก็จะมีโซเดียมใน
00:02:36 → 00:02:38 ปริมาณที่สูงเกลือโซเดียมสูงถ้ากินบ่อยๆ
00:02:38 → 00:02:40 ก็มีความเสี่ยงสุขภาพแน่นอนโดยเฉพาะ
00:02:40 → 00:02:43 เรื่องการเกิดโรคนิ่วโรคไตโรคความดันโรค
00:02:43 → 00:02:46 หัวใจในทางตรงกันข้ามผักและผลไม้ช่วยป้อง
00:02:46 → 00:02:48 กันนิ่วได้ถ้าเราทานอาหารที่โปแทสเซียม
00:02:48 → 00:02:51 มากเซิเตรตมากซึ่งอยู่ในผักผลไม้โดยเฉพาะ
00:02:51 → 00:02:54 ผลไม้รสเปรี้ยวเช่นมะนาวก็จะซิเตรตเยอะ
00:02:54 → 00:02:56 ซิเตรตเป็นสารป้องกันการเกิดนิ่้วเพราะ
00:02:56 → 00:02:58 ฉะนั้นทานผักผลไม้ให้เพียงพอก็จะช่วยป้อง
00:02:58 → 00:03:01 กันนิ่วหากเพิ่มปปริมาณผักผลไม้ที่รับ
00:03:01 → 00:03:03 ประทานจะช่วยส่งเสริมสุขภาพได้มากขึ้นตอน
00:03:03 → 00:03:06 นี้คนไทยโดยเฉลี่ยเป็นผักผลไม้แค่ 1 ใน 3
00:03:06 → 00:03:08 ของความต้องการเท่านั้นเองถ้าเราดูต้อง
00:03:08 → 00:03:10 กินสารที่มีโปแทสเซียม 100 มิลลิโมลเนี่ย
00:03:10 → 00:03:13 คนไทยจะกินประมาณ 33 มิลลิโมลก็ 1 ใน 3
00:03:13 → 00:03:15 เพราะฉะนั้นไม่เพียงพอแน่นอนถ้าเรากินผัก
00:03:15 → 00:03:17 ผลไม้เพิ่มขึ้นโอกาสจะเกิดความดันสูงโรค
00:03:17 → 00:03:21 หัวใจโรคไตโรคมะเร็งต่างๆเนี่ยจะน้อยลง
00:03:21 → 00:03:23 เป็นมากนะครับแต่ถ้าเป็นผลไม้ที่มีรสหวาน
00:03:23 → 00:03:25 ก็ควรจะทานพอเหมาะไม่มากเกินไปเพราะว่า
00:03:25 → 00:03:28 มันมีน้ำตาลแล้วก็แคลอรี่ค่อนข้างสูงส่วน
00:03:28 → 00:03:30 ในกลุ่มเครื่องดื่มที่ควรจำกัดปริมาณ
00:03:30 → 00:03:32 เพื่อป้องกันนิ่วเช่นชาเพราะมีออกซาเลต
00:03:32 → 00:03:35 เยอะน้ำอัดลมที่มีน้ำตาลเยอะน้ำตาลเวลา
00:03:35 → 00:03:37 ดื่มเข้าไปไปเปลี่ยนเป็นกรดยูริกกดยูริก
00:03:37 → 00:03:40 ตกตะกอในไตเกิดเป็นนิ่วในไตได้บ่อยขึ้น
00:03:40 → 00:03:42 ส่วนกาแฟนี่มีคาเฟอีนทำให้ปริมาณปัสสาวะ
00:03:42 → 00:03:44 เยอะถ้ามีนิ่วอาจจะหลุดออกมาได้ง่ายขึ้น
00:03:44 → 00:03:46 เพราะฉนั้นการที่ดื่มน้ำมากๆหรือการทาน
00:03:46 → 00:03:49 กาแฟก็าจะทำให้นิ่วหลุดออกมาออกาจะทำให้
00:03:49 → 00:03:51 เกิดนิ่วอุดกั้นทาปัสสาวะหรือการทำให้
00:03:51 → 00:03:54 เกิดการติดเชื้อก็จะน้อยลงอย่าชะล่าใจหาก
00:03:54 → 00:03:56 วันนี้ยังไม่มีความผิดปกติเพราะโรคนิ่ว
00:03:56 → 00:03:59 ต้องใช้เวลาสะสมคือพวกนี้จะค่อยๆสะสมนะ
00:03:59 → 00:04:01 การที่จะเกิดเนี่มันจะใช้เวลาส่วนใหญ่
00:04:01 → 00:04:03 เป็นเดือนหรือเป็นปีเพราะฉะนั้นทานเค็ม
00:04:03 → 00:04:05 วันนี้ทานเนื้อสัตว์มากๆวันนี้อาจจะไม่
00:04:05 → 00:04:07 เป็นไรแมื้อเดียวแต่ถ้าทานทุกวันมากกว่า 1
00:04:07 → 00:04:09 เดือนขึ้นไปก็เริ่มมีความเสี่ยงแล้วดัง
00:04:09 → 00:04:12 นั้นส่วนสำคัญคือความหลากหลายในการรับ
00:04:12 → 00:04:14 ประทานอาหารการทานอาหารที่มีความสมดุลก็
00:04:14 → 00:04:16 จะได้ประโยชน์มากกว่าไม่ควรจะทานแบบอย่าง
00:04:16 → 00:04:18 ใดอย่างหนึ่งทานให้อาหารครบ 50,000 ทาน
00:04:18 → 00:04:20 ผักผลไม้ทานเนื้อสัตว์ทานถั่วมันจะเกิด
00:04:20 → 00:04:22 ความสมดุลแล้วก็ทำให้ไม่ให้เกิดการเกิด
00:04:22 → 00:04:25 นิ้วได้ครับเข้าใจข้อเท็จจริงป้องกันได้
00:04:25 → 00:04:27 อย่างมีประสิทธิผลนะครับส่งเรื่องน่า
00:04:27 → 00:04:30 สงสัยแจ้งเตือนภัยข้อมูลเท็จเพียงแอด Line
00:04:30 → 00:04:32 ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ไว้นะครับเข้าไปที่
00:04:32 → 00:04:35 เพิ่มเพื่อนและค้นหา @s and Share ยัง
00:04:35 → 00:04:37 มีอีกหลายเรื่องน่าสงสัยบนสังคมออนไลน์
00:04:37 → 00:04:40 หากได้รับอะไรมาอย่าเพิ่งแชร์ต่อร่วมตรวจ
00:04:40 → 00:04:42 สอบไปด้วยกันกับชั่วก่อน
00:04:42 → 00:04:46 แชร์ชั่วก่อนแชร์รู้ก่อนได้เปรียบไม่พลาด
00:04:46 → 00:04:48 พั้งไม่เสีย
00:04:48 → 00:04:53 โอกาสสนับสนุนโดยกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัย
00:04:53 → 00:04:56 และสร้างสรรค์สื่อสร้างสรรค์เพื่อการ
00:04:56 → 00:04:58 เปลี่ยนแปลง
00:04:58 → 00:05:02 สังคม L
00:00:00 → 00:00:04 นิ่วในไตเกิดขึ้นในร่างกายเราได้อย่างไร
00:00:04 → 00:00:06 ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เป็นนิ่วรวมทั้งแนว
00:00:06 → 00:00:09 ทางการป้องกันและรักษาเป็นอย่างไรต่อไป
00:00:09 → 00:00:11 นี้คือข้อเท็จจริงและคำแนะนำจากผู้เชี่ยว
00:00:11 → 00:00:14 [เพลง]
00:00:14 → 00:00:17 ชาญศูนญ์ชัวร์ก่อนแชร์สำนักข่าวไทยอสมท
00:00:17 → 00:00:20 สอบถามกับอาจารย์สาขาวิชาโรคไตภาควิชา
00:00:20 → 00:00:23 อายุรศาสตร์คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาล
00:00:23 → 00:00:26 รามาธิบดีมหาวิทยาลัยมหิดลเริ่มต้นจาก
00:00:26 → 00:00:29 นิ่วและสาเหตุของนิ่วในไตคือนิ่วมันเป็น
00:00:29 → 00:00:31 ก้อนหินที่อยู่ในไตอ่ะนะเกิดได้หลาย
00:00:31 → 00:00:33 ปัจจัยส่วนใหญ่ส่วนประกอบเป็นแคลเซียม
00:00:33 → 00:00:35 เป็นออกซาเลตหรือบางคนเป็นยูริคแอซิดซึ่ง
00:00:35 → 00:00:38 เกิดจากการดื่มน้ำน้อยทำให้สารต่างๆลนี้
00:00:38 → 00:00:40 เข้มข้นและตกตะกอนเป็นนิ่วหรือปัจจัยอื่น
00:00:40 → 00:00:43 ๆที่พบเกี่ยวข้องกับนิ่วเช่นคนอ้วนจะเป็น
00:00:43 → 00:00:45 มากกว่าคนผอมหรือว่ากินเนื้อสัตว์มาก
00:00:45 → 00:00:47 โอกาสเป็นนิ่วก็จะสูงกว่าคนที่กินเนื่้อ
00:00:47 → 00:00:49 สัตว์ปกติคนที่เป็นเบาหวานแลกินอาหารที่
00:00:49 → 00:00:51 พิวรีนสูงที่ทำให้เกิดยูริกแอซิดมากๆ
00:00:51 → 00:00:54 เนี่ยก็ทำให้เกิดการตกตกรของกดยูริกในไต
00:00:54 → 00:00:55 พร้อมๆเกิดเป็นโรคเก๊าได้ก็จะมีหลาย
00:00:56 → 00:00:58 ปัจจัยแล้วเราจะรู้ได้ยังไงครับว่าเรา
00:00:58 → 00:01:00 กำลังอาจจะเป็นนิ่วคืออาการที่จะบอกว่า
00:01:00 → 00:01:02 เป็นนิวก็อาจจะมีอาการปัสสาวะเป็นเลือดมี
00:01:02 → 00:01:05 การอักเสบปัสสาวะขุ่นมีไข้ปวดเอวทางเดือ
00:01:05 → 00:01:08 ปัสสาวะอักเสบปัสสาวะแสบขัดอาการหลังต่าง
00:01:08 → 00:01:10 ๆเหล่านี้คงต้องไปพบแพทย์แล้วก็ขหมอก็จ
00:01:10 → 00:01:12 เซเรย์หรืออุลตร้าซาวก็จะสามารถตรวจได้
00:01:12 → 00:01:14 ว่าเป็นนิ่วหรือไม่นะครับหากสงสัยว่าเป็น
00:01:14 → 00:01:16 นิ่วพบแพทย์ก่อนให้การวินิจฉัยที่ถูกต้อง
00:01:16 → 00:01:18 ว่ามีนิ่วชนิดไหนอยู่ที่ตำแหน่งไหนการ
00:01:19 → 00:01:21 รักษาจะแตกต่างกันไม่ว่าจะการรักษาด้วยยา
00:01:21 → 00:01:24 ซึ่งก็จะเป็นพวกกลุ่มโพสเซสกิ่นลลายนิ้ว
00:01:24 → 00:01:26 ส่วนใหญ่ก็ต้องกิน 6 เดือนเป็นอย่างน้อย
00:01:26 → 00:01:28 บางคนกินเป็นปีบางครั้งแค่กินยาอาจไม่พอ
00:01:28 → 00:01:31 แพก็จะดูว่าการทำงานของไตเป็นยังไงต้อง
00:01:31 → 00:01:33 สลายนิ้วมั้ยก็มีเครื่องสลายนิ้วโดยใช้
00:01:33 → 00:01:35 คลื่นเสียงความถี่สูงหรือการผัตัดหรือแค่
00:01:35 → 00:01:38 2 กล้องแล้วก็ใช้ตะกร้าสอดขึ้นไปในทอดไต
00:01:38 → 00:01:41 ไปถึงไตแล้วก็คล้องนิ้วออกมาอันนี้ก็จะ
00:01:41 → 00:01:43 ไม่มีแผลรวมทั้งการใช้เลเซอร์สลายนิ้วขบ
00:01:43 → 00:01:45 นิ้วให้แตกให้มันเป็นผงละลายออกมาก็มี
00:01:45 → 00:01:47 หลายวิธีขึ้นอยู่กับแพทย์จะพิจารณาในคนน
00:01:47 → 00:01:50 ไข้แต่ละคนอาจารย์แนะนำวิธีป้องกันโรค
00:01:50 → 00:01:52 นิ่วเริ่มต้นจากปรับพฤติกรรมการที่จะป้อง
00:01:52 → 00:01:55 กันไม่ให้เกิดโรคนิ่วนะครับันที่ 1 เรา
00:01:55 → 00:01:56 ต้องดื่มน้ำให้เพียงพอเพราะว่าการที่ดื่ม
00:01:56 → 00:01:58 น้ำน้อยอย่างเช่นไปทำงานการแจ้งเหงื่อออก
00:01:58 → 00:02:00 มากแล้วเราไม่ดื่มน้ำเนี่ยทำให้ปัสสวะ
00:02:00 → 00:02:03 เข้มข้นพวกสารแคลเซียมออกซาเลตกรดยูริก
00:02:03 → 00:02:05 เนี่ยจะตกตะกอนก็ไปเป็นก้อนหินก็เรียกว่า
00:02:05 → 00:02:07 ก้อนนิ้วอยู่ในไตรวมทั้งลีกเลี้ยงอาหาร
00:02:07 → 00:02:09 ที่มีผลต่อการเกิดนิ่วเช่นการกินเนื้อ
00:02:09 → 00:02:11 สัตว์มากๆมันจะทำให้ร่างกายเป็นกรดกรดมัน
00:02:11 → 00:02:14 จะไปเซาะแคลเซียมออกมาจากกระดูกเข้าไปตก
00:02:14 → 00:02:16 ตะกอนอยู่ในไตทำให้กระดูกบางด้วยการกิน
00:02:16 → 00:02:19 อาหารที่มีพิวรีนมากๆอย่างเช่นตัดปีกหรือ
00:02:19 → 00:02:21 เครื่องในเลี่ยงโซเดียมและความเค็มไม่ทัน
00:02:21 → 00:02:23 เค็มการกินโซเดียมสูงโอกาสเกิดเป็นโรค
00:02:23 → 00:02:25 นิ่้วจะสูงขึ้นเพราะการทันเข็มเนี่ยทำให้
00:02:25 → 00:02:27 แคลเซียมตกตะกอนในไตได้มากขึ้นโซเดียม
00:02:27 → 00:02:30 อยู่ในพวกเครื่องปรุงรสต่างๆเกลือน้ำปลา
00:02:30 → 00:02:33 สีอิ๊วผงทชรสซุปก้อนอาหารหมากดองอาหาร
00:02:33 → 00:02:36 สำเร็จรูปต่างๆพวกเนี้ยก็จะมีโซเดียมใน
00:02:36 → 00:02:38 ปริมาณที่สูงเกลือโซเดียมสูงถ้ากินบ่อยๆ
00:02:38 → 00:02:40 ก็มีความเสี่ยงสุขภาพแน่นอนโดยเฉพาะ
00:02:40 → 00:02:43 เรื่องการเกิดโรคนิ่วโรคไตโรคความดันโรค
00:02:43 → 00:02:46 หัวใจในทางตรงกันข้ามผักและผลไม้ช่วยป้อง
00:02:46 → 00:02:48 กันนิ่วได้ถ้าเราทานอาหารที่โปแทสเซียม
00:02:48 → 00:02:51 มากเซิเตรตมากซึ่งอยู่ในผักผลไม้โดยเฉพาะ
00:02:51 → 00:02:54 ผลไม้รสเปรี้ยวเช่นมะนาวก็จะซิเตรตเยอะ
00:02:54 → 00:02:56 ซิเตรตเป็นสารป้องกันการเกิดนิ่้วเพราะ
00:02:56 → 00:02:58 ฉะนั้นทานผักผลไม้ให้เพียงพอก็จะช่วยป้อง
00:02:58 → 00:03:01 กันนิ่วหากเพิ่มปปริมาณผักผลไม้ที่รับ
00:03:01 → 00:03:03 ประทานจะช่วยส่งเสริมสุขภาพได้มากขึ้นตอน
00:03:03 → 00:03:06 นี้คนไทยโดยเฉลี่ยเป็นผักผลไม้แค่ 1 ใน 3
00:03:06 → 00:03:08 ของความต้องการเท่านั้นเองถ้าเราดูต้อง
00:03:08 → 00:03:10 กินสารที่มีโปแทสเซียม 100 มิลลิโมลเนี่ย
00:03:10 → 00:03:13 คนไทยจะกินประมาณ 33 มิลลิโมลก็ 1 ใน 3
00:03:13 → 00:03:15 เพราะฉะนั้นไม่เพียงพอแน่นอนถ้าเรากินผัก
00:03:15 → 00:03:17 ผลไม้เพิ่มขึ้นโอกาสจะเกิดความดันสูงโรค
00:03:17 → 00:03:21 หัวใจโรคไตโรคมะเร็งต่างๆเนี่ยจะน้อยลง
00:03:21 → 00:03:23 เป็นมากนะครับแต่ถ้าเป็นผลไม้ที่มีรสหวาน
00:03:23 → 00:03:25 ก็ควรจะทานพอเหมาะไม่มากเกินไปเพราะว่า
00:03:25 → 00:03:28 มันมีน้ำตาลแล้วก็แคลอรี่ค่อนข้างสูงส่วน
00:03:28 → 00:03:30 ในกลุ่มเครื่องดื่มที่ควรจำกัดปริมาณ
00:03:30 → 00:03:32 เพื่อป้องกันนิ่วเช่นชาเพราะมีออกซาเลต
00:03:32 → 00:03:35 เยอะน้ำอัดลมที่มีน้ำตาลเยอะน้ำตาลเวลา
00:03:35 → 00:03:37 ดื่มเข้าไปไปเปลี่ยนเป็นกรดยูริกกดยูริก
00:03:37 → 00:03:40 ตกตะกอในไตเกิดเป็นนิ่วในไตได้บ่อยขึ้น
00:03:40 → 00:03:42 ส่วนกาแฟนี่มีคาเฟอีนทำให้ปริมาณปัสสาวะ
00:03:42 → 00:03:44 เยอะถ้ามีนิ่วอาจจะหลุดออกมาได้ง่ายขึ้น
00:03:44 → 00:03:46 เพราะฉนั้นการที่ดื่มน้ำมากๆหรือการทาน
00:03:46 → 00:03:49 กาแฟก็าจะทำให้นิ่วหลุดออกมาออกาจะทำให้
00:03:49 → 00:03:51 เกิดนิ่วอุดกั้นทาปัสสาวะหรือการทำให้
00:03:51 → 00:03:54 เกิดการติดเชื้อก็จะน้อยลงอย่าชะล่าใจหาก
00:03:54 → 00:03:56 วันนี้ยังไม่มีความผิดปกติเพราะโรคนิ่ว
00:03:56 → 00:03:59 ต้องใช้เวลาสะสมคือพวกนี้จะค่อยๆสะสมนะ
00:03:59 → 00:04:01 การที่จะเกิดเนี่มันจะใช้เวลาส่วนใหญ่
00:04:01 → 00:04:03 เป็นเดือนหรือเป็นปีเพราะฉะนั้นทานเค็ม
00:04:03 → 00:04:05 วันนี้ทานเนื้อสัตว์มากๆวันนี้อาจจะไม่
00:04:05 → 00:04:07 เป็นไรแมื้อเดียวแต่ถ้าทานทุกวันมากกว่า 1
00:04:07 → 00:04:09 เดือนขึ้นไปก็เริ่มมีความเสี่ยงแล้วดัง
00:04:09 → 00:04:12 นั้นส่วนสำคัญคือความหลากหลายในการรับ
00:04:12 → 00:04:14 ประทานอาหารการทานอาหารที่มีความสมดุลก็
00:04:14 → 00:04:16 จะได้ประโยชน์มากกว่าไม่ควรจะทานแบบอย่าง
00:04:16 → 00:04:18 ใดอย่างหนึ่งทานให้อาหารครบ 50,000 ทาน
00:04:18 → 00:04:20 ผักผลไม้ทานเนื้อสัตว์ทานถั่วมันจะเกิด
00:04:20 → 00:04:22 ความสมดุลแล้วก็ทำให้ไม่ให้เกิดการเกิด
00:04:22 → 00:04:25 นิ้วได้ครับเข้าใจข้อเท็จจริงป้องกันได้
00:04:25 → 00:04:27 อย่างมีประสิทธิผลนะครับส่งเรื่องน่า
00:04:27 → 00:04:30 สงสัยแจ้งเตือนภัยข้อมูลเท็จเพียงแอด Line
00:04:30 → 00:04:32 ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ไว้นะครับเข้าไปที่
00:04:32 → 00:04:35 เพิ่มเพื่อนและค้นหา @s and Share ยัง
00:04:35 → 00:04:37 มีอีกหลายเรื่องน่าสงสัยบนสังคมออนไลน์
00:04:37 → 00:04:40 หากได้รับอะไรมาอย่าเพิ่งแชร์ต่อร่วมตรวจ
00:04:40 → 00:04:42 สอบไปด้วยกันกับชั่วก่อน
00:04:42 → 00:04:46 แชร์ชั่วก่อนแชร์รู้ก่อนได้เปรียบไม่พลาด
00:04:46 → 00:04:48 พั้งไม่เสีย
00:04:48 → 00:04:53 โอกาสสนับสนุนโดยกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัย
00:04:53 → 00:04:56 และสร้างสรรค์สื่อสร้างสรรค์เพื่อการ
00:04:56 → 00:04:58 เปลี่ยนแปลง
00:04:58 → 00:05:02 สังคม L
00:00:00 → 00:00:04 นิ่วในไตเกิดขึ้นในร่างกายเราได้อย่างไร
00:00:04 → 00:00:06 ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เป็นนิ่วรวมทั้งแนว
00:00:06 → 00:00:09 ทางการป้องกันและรักษาเป็นอย่างไรต่อไป
00:00:09 → 00:00:11 นี้คือข้อเท็จจริงและคำแนะนำจากผู้เชี่ยว
00:00:11 → 00:00:14 [เพลง]
00:00:14 → 00:00:17 ชาญศูนญ์ชัวร์ก่อนแชร์สำนักข่าวไทยอสมท
00:00:17 → 00:00:20 สอบถามกับอาจารย์สาขาวิชาโรคไตภาควิชา
00:00:20 → 00:00:23 อายุรศาสตร์คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาล
00:00:23 → 00:00:26 รามาธิบดีมหาวิทยาลัยมหิดลเริ่มต้นจาก
00:00:26 → 00:00:29 นิ่วและสาเหตุของนิ่วในไตคือนิ่วมันเป็น
00:00:29 → 00:00:31 ก้อนหินที่อยู่ในไตอ่ะนะเกิดได้หลาย
00:00:31 → 00:00:33 ปัจจัยส่วนใหญ่ส่วนประกอบเป็นแคลเซียม
00:00:33 → 00:00:35 เป็นออกซาเลตหรือบางคนเป็นยูริคแอซิดซึ่ง
00:00:35 → 00:00:38 เกิดจากการดื่มน้ำน้อยทำให้สารต่างๆลนี้
00:00:38 → 00:00:40 เข้มข้นและตกตะกอนเป็นนิ่วหรือปัจจัยอื่น
00:00:40 → 00:00:43 ๆที่พบเกี่ยวข้องกับนิ่วเช่นคนอ้วนจะเป็น
00:00:43 → 00:00:45 มากกว่าคนผอมหรือว่ากินเนื้อสัตว์มาก
00:00:45 → 00:00:47 โอกาสเป็นนิ่วก็จะสูงกว่าคนที่กินเนื่้อ
00:00:47 → 00:00:49 สัตว์ปกติคนที่เป็นเบาหวานแลกินอาหารที่
00:00:49 → 00:00:51 พิวรีนสูงที่ทำให้เกิดยูริกแอซิดมากๆ
00:00:51 → 00:00:54 เนี่ยก็ทำให้เกิดการตกตกรของกดยูริกในไต
00:00:54 → 00:00:55 พร้อมๆเกิดเป็นโรคเก๊าได้ก็จะมีหลาย
00:00:56 → 00:00:58 ปัจจัยแล้วเราจะรู้ได้ยังไงครับว่าเรา
00:00:58 → 00:01:00 กำลังอาจจะเป็นนิ่วคืออาการที่จะบอกว่า
00:01:00 → 00:01:02 เป็นนิวก็อาจจะมีอาการปัสสาวะเป็นเลือดมี
00:01:02 → 00:01:05 การอักเสบปัสสาวะขุ่นมีไข้ปวดเอวทางเดือ
00:01:05 → 00:01:08 ปัสสาวะอักเสบปัสสาวะแสบขัดอาการหลังต่าง
00:01:08 → 00:01:10 ๆเหล่านี้คงต้องไปพบแพทย์แล้วก็ขหมอก็จ
00:01:10 → 00:01:12 เซเรย์หรืออุลตร้าซาวก็จะสามารถตรวจได้
00:01:12 → 00:01:14 ว่าเป็นนิ่วหรือไม่นะครับหากสงสัยว่าเป็น
00:01:14 → 00:01:16 นิ่วพบแพทย์ก่อนให้การวินิจฉัยที่ถูกต้อง
00:01:16 → 00:01:18 ว่ามีนิ่วชนิดไหนอยู่ที่ตำแหน่งไหนการ
00:01:19 → 00:01:21 รักษาจะแตกต่างกันไม่ว่าจะการรักษาด้วยยา
00:01:21 → 00:01:24 ซึ่งก็จะเป็นพวกกลุ่มโพสเซสกิ่นลลายนิ้ว
00:01:24 → 00:01:26 ส่วนใหญ่ก็ต้องกิน 6 เดือนเป็นอย่างน้อย
00:01:26 → 00:01:28 บางคนกินเป็นปีบางครั้งแค่กินยาอาจไม่พอ
00:01:28 → 00:01:31 แพก็จะดูว่าการทำงานของไตเป็นยังไงต้อง
00:01:31 → 00:01:33 สลายนิ้วมั้ยก็มีเครื่องสลายนิ้วโดยใช้
00:01:33 → 00:01:35 คลื่นเสียงความถี่สูงหรือการผัตัดหรือแค่
00:01:35 → 00:01:38 2 กล้องแล้วก็ใช้ตะกร้าสอดขึ้นไปในทอดไต
00:01:38 → 00:01:41 ไปถึงไตแล้วก็คล้องนิ้วออกมาอันนี้ก็จะ
00:01:41 → 00:01:43 ไม่มีแผลรวมทั้งการใช้เลเซอร์สลายนิ้วขบ
00:01:43 → 00:01:45 นิ้วให้แตกให้มันเป็นผงละลายออกมาก็มี
00:01:45 → 00:01:47 หลายวิธีขึ้นอยู่กับแพทย์จะพิจารณาในคนน
00:01:47 → 00:01:50 ไข้แต่ละคนอาจารย์แนะนำวิธีป้องกันโรค
00:01:50 → 00:01:52 นิ่วเริ่มต้นจากปรับพฤติกรรมการที่จะป้อง
00:01:52 → 00:01:55 กันไม่ให้เกิดโรคนิ่วนะครับันที่ 1 เรา
00:01:55 → 00:01:56 ต้องดื่มน้ำให้เพียงพอเพราะว่าการที่ดื่ม
00:01:56 → 00:01:58 น้ำน้อยอย่างเช่นไปทำงานการแจ้งเหงื่อออก
00:01:58 → 00:02:00 มากแล้วเราไม่ดื่มน้ำเนี่ยทำให้ปัสสวะ
00:02:00 → 00:02:03 เข้มข้นพวกสารแคลเซียมออกซาเลตกรดยูริก
00:02:03 → 00:02:05 เนี่ยจะตกตะกอนก็ไปเป็นก้อนหินก็เรียกว่า
00:02:05 → 00:02:07 ก้อนนิ้วอยู่ในไตรวมทั้งลีกเลี้ยงอาหาร
00:02:07 → 00:02:09 ที่มีผลต่อการเกิดนิ่วเช่นการกินเนื้อ
00:02:09 → 00:02:11 สัตว์มากๆมันจะทำให้ร่างกายเป็นกรดกรดมัน
00:02:11 → 00:02:14 จะไปเซาะแคลเซียมออกมาจากกระดูกเข้าไปตก
00:02:14 → 00:02:16 ตะกอนอยู่ในไตทำให้กระดูกบางด้วยการกิน
00:02:16 → 00:02:19 อาหารที่มีพิวรีนมากๆอย่างเช่นตัดปีกหรือ
00:02:19 → 00:02:21 เครื่องในเลี่ยงโซเดียมและความเค็มไม่ทัน
00:02:21 → 00:02:23 เค็มการกินโซเดียมสูงโอกาสเกิดเป็นโรค
00:02:23 → 00:02:25 นิ่้วจะสูงขึ้นเพราะการทันเข็มเนี่ยทำให้
00:02:25 → 00:02:27 แคลเซียมตกตะกอนในไตได้มากขึ้นโซเดียม
00:02:27 → 00:02:30 อยู่ในพวกเครื่องปรุงรสต่างๆเกลือน้ำปลา
00:02:30 → 00:02:33 สีอิ๊วผงทชรสซุปก้อนอาหารหมากดองอาหาร
00:02:33 → 00:02:36 สำเร็จรูปต่างๆพวกเนี้ยก็จะมีโซเดียมใน
00:02:36 → 00:02:38 ปริมาณที่สูงเกลือโซเดียมสูงถ้ากินบ่อยๆ
00:02:38 → 00:02:40 ก็มีความเสี่ยงสุขภาพแน่นอนโดยเฉพาะ
00:02:40 → 00:02:43 เรื่องการเกิดโรคนิ่วโรคไตโรคความดันโรค
00:02:43 → 00:02:46 หัวใจในทางตรงกันข้ามผักและผลไม้ช่วยป้อง
00:02:46 → 00:02:48 กันนิ่วได้ถ้าเราทานอาหารที่โปแทสเซียม
00:02:48 → 00:02:51 มากเซิเตรตมากซึ่งอยู่ในผักผลไม้โดยเฉพาะ
00:02:51 → 00:02:54 ผลไม้รสเปรี้ยวเช่นมะนาวก็จะซิเตรตเยอะ
00:02:54 → 00:02:56 ซิเตรตเป็นสารป้องกันการเกิดนิ่้วเพราะ
00:02:56 → 00:02:58 ฉะนั้นทานผักผลไม้ให้เพียงพอก็จะช่วยป้อง
00:02:58 → 00:03:01 กันนิ่วหากเพิ่มปปริมาณผักผลไม้ที่รับ
00:03:01 → 00:03:03 ประทานจะช่วยส่งเสริมสุขภาพได้มากขึ้นตอน
00:03:03 → 00:03:06 นี้คนไทยโดยเฉลี่ยเป็นผักผลไม้แค่ 1 ใน 3
00:03:06 → 00:03:08 ของความต้องการเท่านั้นเองถ้าเราดูต้อง
00:03:08 → 00:03:10 กินสารที่มีโปแทสเซียม 100 มิลลิโมลเนี่ย
00:03:10 → 00:03:13 คนไทยจะกินประมาณ 33 มิลลิโมลก็ 1 ใน 3
00:03:13 → 00:03:15 เพราะฉะนั้นไม่เพียงพอแน่นอนถ้าเรากินผัก
00:03:15 → 00:03:17 ผลไม้เพิ่มขึ้นโอกาสจะเกิดความดันสูงโรค
00:03:17 → 00:03:21 หัวใจโรคไตโรคมะเร็งต่างๆเนี่ยจะน้อยลง
00:03:21 → 00:03:23 เป็นมากนะครับแต่ถ้าเป็นผลไม้ที่มีรสหวาน
00:03:23 → 00:03:25 ก็ควรจะทานพอเหมาะไม่มากเกินไปเพราะว่า
00:03:25 → 00:03:28 มันมีน้ำตาลแล้วก็แคลอรี่ค่อนข้างสูงส่วน
00:03:28 → 00:03:30 ในกลุ่มเครื่องดื่มที่ควรจำกัดปริมาณ
00:03:30 → 00:03:32 เพื่อป้องกันนิ่วเช่นชาเพราะมีออกซาเลต
00:03:32 → 00:03:35 เยอะน้ำอัดลมที่มีน้ำตาลเยอะน้ำตาลเวลา
00:03:35 → 00:03:37 ดื่มเข้าไปไปเปลี่ยนเป็นกรดยูริกกดยูริก
00:03:37 → 00:03:40 ตกตะกอในไตเกิดเป็นนิ่วในไตได้บ่อยขึ้น
00:03:40 → 00:03:42 ส่วนกาแฟนี่มีคาเฟอีนทำให้ปริมาณปัสสาวะ
00:03:42 → 00:03:44 เยอะถ้ามีนิ่วอาจจะหลุดออกมาได้ง่ายขึ้น
00:03:44 → 00:03:46 เพราะฉนั้นการที่ดื่มน้ำมากๆหรือการทาน
00:03:46 → 00:03:49 กาแฟก็าจะทำให้นิ่วหลุดออกมาออกาจะทำให้
00:03:49 → 00:03:51 เกิดนิ่วอุดกั้นทาปัสสาวะหรือการทำให้
00:03:51 → 00:03:54 เกิดการติดเชื้อก็จะน้อยลงอย่าชะล่าใจหาก
00:03:54 → 00:03:56 วันนี้ยังไม่มีความผิดปกติเพราะโรคนิ่ว
00:03:56 → 00:03:59 ต้องใช้เวลาสะสมคือพวกนี้จะค่อยๆสะสมนะ
00:03:59 → 00:04:01 การที่จะเกิดเนี่มันจะใช้เวลาส่วนใหญ่
00:04:01 → 00:04:03 เป็นเดือนหรือเป็นปีเพราะฉะนั้นทานเค็ม
00:04:03 → 00:04:05 วันนี้ทานเนื้อสัตว์มากๆวันนี้อาจจะไม่
00:04:05 → 00:04:07 เป็นไรแมื้อเดียวแต่ถ้าทานทุกวันมากกว่า 1
00:04:07 → 00:04:09 เดือนขึ้นไปก็เริ่มมีความเสี่ยงแล้วดัง
00:04:09 → 00:04:12 นั้นส่วนสำคัญคือความหลากหลายในการรับ
00:04:12 → 00:04:14 ประทานอาหารการทานอาหารที่มีความสมดุลก็
00:04:14 → 00:04:16 จะได้ประโยชน์มากกว่าไม่ควรจะทานแบบอย่าง
00:04:16 → 00:04:18 ใดอย่างหนึ่งทานให้อาหารครบ 50,000 ทาน
00:04:18 → 00:04:20 ผักผลไม้ทานเนื้อสัตว์ทานถั่วมันจะเกิด
00:04:20 → 00:04:22 ความสมดุลแล้วก็ทำให้ไม่ให้เกิดการเกิด
00:04:22 → 00:04:25 นิ้วได้ครับเข้าใจข้อเท็จจริงป้องกันได้
00:04:25 → 00:04:27 อย่างมีประสิทธิผลนะครับส่งเรื่องน่า
00:04:27 → 00:04:30 สงสัยแจ้งเตือนภัยข้อมูลเท็จเพียงแอด Line
00:04:30 → 00:04:32 ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ไว้นะครับเข้าไปที่
00:04:32 → 00:04:35 เพิ่มเพื่อนและค้นหา @s and Share ยัง
00:04:35 → 00:04:37 มีอีกหลายเรื่องน่าสงสัยบนสังคมออนไลน์
00:04:37 → 00:04:40 หากได้รับอะไรมาอย่าเพิ่งแชร์ต่อร่วมตรวจ
00:04:40 → 00:04:42 สอบไปด้วยกันกับชั่วก่อน
00:04:42 → 00:04:46 แชร์ชั่วก่อนแชร์รู้ก่อนได้เปรียบไม่พลาด
00:04:46 → 00:04:48 พั้งไม่เสีย
00:04:48 → 00:04:53 โอกาสสนับสนุนโดยกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัย
00:04:53 → 00:04:56 และสร้างสรรค์สื่อสร้างสรรค์เพื่อการ
00:04:56 → 00:04:58 เปลี่ยนแปลง
00:04:58 → 00:05:02 สังคม L