00:00:00 → 00:00:03 สารเคมีนะคะคุณหมอที่อยู่ในผลิตภัณฑ์ที่
00:00:03 → 00:00:06 เกี่ยวกับเส้นผมมันมีอะไรบ้างที่เราควรจะ
00:00:06 → 00:00:08 ต้องระวังบางคนจะรู้สึกดีเวลาเราสระผม
00:00:08 → 00:00:11 แล้วมันมีฟองใช่มั้คะพี่ตัแต่การมีฟอง
00:00:11 → 00:00:14 เนี่ยไม่ได้แปลว่าจะเป็นข้อดีเสมอไปเวลา
00:00:14 → 00:00:17 ที่เราใส่ซิลิโคนเคลือบผมเนี่ยเพื่อให้ผม
00:00:17 → 00:00:20 นุ่มอ่ะจริงๆแล้วนุ่มจริงหรือว่าเคลือบผม
00:00:20 → 00:00:24 ให้นุ่มแบบปลอมๆได้ยินว่ามีงานวิจัยเพบ
00:00:24 → 00:00:27 ว่าพาราเบนเนี่ยนะคะจะเชื่อมโยงกับภาวะ
00:00:27 → 00:00:30 ฮอร์โมนแปรปรวนและมะเร็งเต้านมอันนี้จริง
00:00:30 → 00:00:32 มั้คะฝุ่นพิมพ์ 2.5 5 นี่ก็ตัวร้าย
00:00:32 → 00:00:35 เหมือนกันไม่ใช่ร้ายแค่กับผิวแต่ว่าร้าย
00:00:35 → 00:00:38 กับผมด้วยไปทำร้ายเซลล์รากผมทำให้เซลล์
00:00:38 → 00:00:41 รากผมตายจนกระทั่งเกิดผมร่วงเป็นหย่อม
00:00:41 → 00:00:44 เป็นดวงดวงๆผมร่วงเป็นจุดๆแพทย์หญิง
00:00:44 → 00:00:48 วรายุีอมรพิญโญอายุรแพทย์เฉพาะทางด้านผิว
00:00:48 → 00:00:51 หนังใครที่มีปัญหาสุขภาพไม่ว่าจะเรื่อง
00:00:51 → 00:00:53 ผิวหรือเรื่องผมคุณหมอลูกเจี๊ยบเปิดเพจ
00:00:53 → 00:00:56 ให้ความรู้แบบชัดเจนเข้าใจง่ายและใช้ได้
00:00:56 → 00:01:00 จริงพอลีนอกจากกัดแล้วเนี่ยยังทำให้สีผม
00:01:00 → 00:01:02 เปลี่ยนได้เคยมีคนไข้ใครที่เป็นนักกีฬา
00:01:02 → 00:01:05 ว่ายน้ำไปว่ายน้ำแล้วสีผมเขาอ่ะกลายเป็น
00:01:05 → 00:01:09 สีเขียวอุ๊ยรุ่นอย่างี้จะหายมั้คะเจอบ่อย
00:01:09 → 00:01:12 ๆเลยก็คือคนที่ทำผมต้องเป่าผมต้องรีดผม
00:01:12 → 00:01:15 เยอะๆแล้วผมเขาก็จะแห้งแตกปลายแล้วก็
00:01:15 → 00:01:18 เปราะขาดง่ายแล้วทีนี้เวลาเราตรวจดูด้วย
00:01:18 → 00:01:21 กล้องชนิดพิเศษอ่ะค่ะเราจะเห็นว่าในเส้น
00:01:21 → 00:01:24 ผมของคนเหล่าเนี้ยมันมีฟองอากาศอยู่ข้าง
00:01:24 → 00:01:27 ในคือถ้าเล่าอย่างเงี้ยอาจจะนึกภาพไม่ออก
00:01:27 → 00:01:30 แต่ถ้าเราลองนึกว่าเวลาที่เราไปทำผมเป่า
00:01:30 → 00:01:32 ผมหรือเวลาเรายืดคือใช้เครื่องรีดผมอ่ะ
00:01:32 → 00:01:35 ค่ะแล้วเราได้ยินเสียงแบบแต๊บๆแตบ
00:01:35 → 00:01:37 อันเนี้ยคือเป็นสัญญาณนึงบอกแล้วว่ามัน
00:01:37 → 00:01:45 อาจจะมีฟองอากาศที่เกิดขึ้นอยู่ในผม
00:01:45 → 00:01:48 โหเวลาที่เรามีปัญหาผมร่วงผมบางหรือว่า
00:01:48 → 00:01:51 หนังศีรษะอักเสบเนี่ยหลายคนอาจจะบอกว่า
00:01:51 → 00:01:54 อุ๊ยเป็นเพราะกรรมพันธ์หรือว่าอายุเรามาก
00:01:54 → 00:01:58 แล้วหรือว่าร่างกายเราอาจจะขาดสารอาหาร
00:01:58 → 00:02:00 จริงๆแล้วเนี่ยมีใครคิดบ้างมั้ยคะว่าตัว
00:02:00 → 00:02:04 การสำคัญเนี่ยมันอาจจะอยู่ในขวดแชมพูหรือ
00:02:04 → 00:02:07 ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมของเราซึ่งเราอาจจะ
00:02:07 → 00:02:09 คิดไม่ถึงก็ได้เนี่ยเราใช้กันอยู่ทุกวัน
00:02:09 → 00:02:12 นี้แหละเพราะฉะนั้นวันนี้เราจะมาคุยกัน
00:02:12 → 00:02:15 ถึงเรื่องนี้นะคะว่าสารเคมีหรือส่วนผสม
00:02:15 → 00:02:18 อะไรบ้างที่เราจะต้องระวังเวลาที่เรา
00:02:18 → 00:02:20 เลือกซื้อแชมพูหรือผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับ
00:02:20 → 00:02:24 เส้นผมมาใช้จริงๆแล้วสารเคมีนะคะคุณหมอ
00:02:24 → 00:02:27 ที่อยู่ในผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับเส้นผมมัน
00:02:27 → 00:02:30 มีอะไรบ้างที่เราควรจะต้องระวังและถ้าใช้
00:02:30 → 00:02:34 ติดต่อกันนานๆมันอาจจะทำให้ผมเราพังผมเรา
00:02:34 → 00:02:37 ร่วงหรือว่ามีปัญหาได้เลยจริงมั้ยคะจริงๆ
00:02:37 → 00:02:40 แล้วสารเคมีในผลิตภัณฑ์ดูแลผมเนี่ยมีเยอะ
00:02:40 → 00:02:43 มากค่ะแต่มีอยู่ทั้งหมด 4 ตัวที่อยากจะ
00:02:43 → 00:02:46 ให้รู้จักกันที่เป็นที่พูดกันถึงกันค่อน
00:02:46 → 00:02:50 ข้างเยอะว่ามีปัญหากับเส้นผมค่ะตัวแรกเลย
00:02:50 → 00:02:55 ก็คือตัว SLS หรือตัวโซเดียมซัลเฟตค่ะค่ะ
00:02:55 → 00:02:57 ตัวนี้เนี่ยบางคนอาจจะได้ยินชื่อแล้วก็
00:02:57 → 00:03:00 คุ้นๆแต่ถ้าเราพูดว่ามันคือสารfacctant
00:03:00 → 00:03:02 สารทำความสะอาดอย่างหนึ่งนะคะที่ส่วนใหญ่
00:03:03 → 00:03:05 เขาเอาไปผสมอยู่ในพวกผลิตภัณฑ์ทำความ
00:03:05 → 00:03:07 สะอาดไม่ว่าจะเป็นแชมพูหรือผลิตภัณล้าง
00:03:07 → 00:03:10 หน้าอาบน้ำเราก็มีเหมือนกันข้อดีของสาร
00:03:10 → 00:03:13 ตัวเนี้ยคือเขาจะช่วยชะล้างทำความสะอาด
00:03:13 → 00:03:16 เพราะฉะนั้นพวกสิ่งสกปรกหรือว่าไขมันส่วน
00:03:16 → 00:03:19 เกินใดๆเนี่ยเขาก็จะทำการชะล้างออกไปเลย
00:03:19 → 00:03:23 นะคะอีกอย่างนึงก็คือมันทำให้เกิดฟองค่ะ
00:03:23 → 00:03:26 บางคนจะรู้สึกดีเวลาเราสระผมแล้วมันมีฟอง
00:03:26 → 00:03:28 ใช่มั้คะพี่ตักแต่การมีฟองเนี่ยไม่ได้แปล
00:03:28 → 00:03:32 ว่าจะเป็นข้อดีเสมอไปแต่มันต้องมีบ้างอ่า
00:03:32 → 00:03:35 ใช่ค่ะมันก็ต้องมีบ้างแต่ว่ามันมีสารหลาย
00:03:35 → 00:03:37 ชนิดมากที่ทำให้เกิดฟองแล้วก็มีการระคาย
00:03:37 → 00:03:39 เคืองน้อยกว่าค่ะค่ะเมื่อสักครู่ที่บอก
00:03:39 → 00:03:43 ว่าอ่าโซเดียมlaซัลเฟตเนี่ยเป็นตัวชะล้าง
00:03:43 → 00:03:45 ทำความสะอาดที่ดีเยี่ยมเลยนะคะแต่ทีเนี้ย
00:03:45 → 00:03:48 ถ้าเราลองมองว่าเอ่อเส้นผมเราเนี่ยมีไข
00:03:49 → 00:03:51 มันตามธรรมชาติที่เคลือบเอาไว้อยู่หนัง
00:03:51 → 00:03:54 ศีรษะเราก็มีไขมันถ้าเมื่อไหร่ที่สารมัน
00:03:54 → 00:03:57 ชัดล้างที่ค่อนข้างรุนแรงเกินไปอ่ะค่ะมัน
00:03:57 → 00:03:59 ก็ชัดล้างออกไปหมดเลยเพราะฉะนั้นผลที่ตาม
00:03:59 → 00:04:04 มาก็คือผมแห้งหยาบกระด้างแล้วก็หนังศีรษะ
00:04:04 → 00:04:07 ก็แห้งด้วยทำให้เกิดระคายเคืองถ้าเป็น
00:04:07 → 00:04:09 เยอะแล้วก็หนังศีรษะแห้งแล้วก็แดงอักเสบ
00:04:09 → 00:04:11 ผมแห้งตามมาได้ค่ะค่ะเมื่อกี้หมอบอกว่า
00:04:11 → 00:04:15 มันจะอยู่ในผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมและหน้า
00:04:15 → 00:04:17 ใช่ใช่รวมทั้งผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดทำความ
00:04:17 → 00:04:20 สะอาดทั้งหมดงั้นเท่ากับว่ายังไงเค้าต้อง
00:04:20 → 00:04:22 ใส่มั้คะแต่ว่าใส่ในเปอร์เซ็นต์ที่น้อย
00:04:22 → 00:04:24 ได้มั้ยหรือว่าถ้าใส่น้อยมันจะมีปัญหา
00:04:24 → 00:04:27 มั้ยหรือไม่ควรจะต้องใส่เลยจริงๆถ้าใส่
00:04:27 → 00:04:29 น้อยก็จะทำให้เกิดการระคายเคืองที่น้อย
00:04:29 → 00:04:33 กว่าแต่เรามีทางเลือกในการใช้กลุ่มสารที่
00:04:33 → 00:04:36 เป็นเซฟตantอย่างอื่นที่มันอ่าอ่อนโยนมาก
00:04:36 → 00:04:39 กว่าเช่นบางทีก็จะเลี่ยงไปใช้ในกลุ่มที่
00:04:39 → 00:04:41 เ่อไม่มีซัลเฟตหรือว่ากลุ่มที่เป็น
00:04:41 → 00:04:43 โซเดียม raet ซัลเฟตพวกเจะระคายเคืองน้อย
00:04:44 → 00:04:47 กว่าค่ะแล้วก็รุนแรงน้อยกว่าแล้วก็ตัว SLS
00:04:47 → 00:04:50 นี่ก็จริงๆเราก็จะแนะนำให้เลี่ยงในคนที่
00:04:50 → 00:04:53 เอ่อหนังศีรษะที่ระคายเคืองง่ายค่ะเป็น
00:04:53 → 00:04:55 พิเศษเพราะมันก็อย่างที่บอกว่าค่อนข้าง
00:04:55 → 00:04:57 ระคายเคืองค่ะนั่นคือตัวนึงแล้วมีอีกมั้
00:04:57 → 00:04:59 คะใช่ตัวที่ 2 ที่อยากให้รู้จักคือ
00:04:59 → 00:05:03 ซิลิโคนซิโนทุกคนรู้จักซิลิโคนมีผสมอยู่
00:05:03 → 00:05:07 ในสิ่งต่างๆเยอะแยะมากมายนะคะในแชมพูก็มี
00:05:07 → 00:05:10 เหมือนกันอืซิลิโคนก็ตรงไปตรงมาเป็นสาร
00:05:10 → 00:05:14 ที่เคลือบเพราะฉะนั้นพอซิลิโคนเคลือบผิว
00:05:14 → 00:05:17 ปุ๊บนะคะมันก็จะทำให้ผิวเรานุ่มลื่นใช่
00:05:17 → 00:05:20 มั้ยคะเราจะรู้สึกว่าสัมผัสดีผมไม่พันกัน
00:05:20 → 00:05:23 เวลาที่เราใส่ซิลิโคนเคลือบผมเนี่ยเพื่อ
00:05:23 → 00:05:27 ให้ผมนุ่มอ่ะจริงๆแล้วอยากทราบว่านุ่ม
00:05:27 → 00:05:30 จริงหรือว่าเคลือบผมให้นุ่มแบบปลอมๆตัว
00:05:30 → 00:05:32 ซิลิโคนเนี่ยเา้ามีคุณสมบัติอย่างหนึ่ง
00:05:32 → 00:05:36 คือช่วยลดประจุระหว่างเส้นผมอ๋อไม่ให้ชี้
00:05:36 → 00:05:39 ฟูใช่ค่ะ 1 ก็คือผมไม่ชี้ฟูผมเรียบแล้วก็
00:05:40 → 00:05:43 เวลาหวีก็จะหวีลื่นง่ายผมไม่ติดกันเป็น
00:05:43 → 00:05:46 ก้อนด้วยความที่เขาเคลือบผมอยู่ด้านนอก
00:05:46 → 00:05:49 เนี่ยซิลิโคนยังมีคุณสมบัติในการทนความ
00:05:49 → 00:05:51 ร้อนค่ะเพราะฉะนั้นจะทำให้ผมทนความร้อน
00:05:51 → 00:05:54 ได้ดีขึ้นก็จะเหมาะมากสำหรับคนที่จะต้อง
00:05:54 → 00:05:57 เจอกับความร้อนต่อเส้นผมเยอะๆเช่นต้องใช้
00:05:57 → 00:06:00 ไดไปเป่าผมหรือว่าต้องรีดผมเป็นประจำค่ะ
00:06:00 → 00:06:02 อืแล้วนอกจากนั้นซิลิโคนยังมีคุณสมบัติ
00:06:02 → 00:06:05 อีกอย่างนึงคือเป็นอมีนคือเพิ่มความชุ่ม
00:06:05 → 00:06:08 ชื้นให้ผมได้ด้วยค่ะเพราะฉะนั้นนอกจากการ
00:06:08 → 00:06:10 เคลือบแล้วซิลิโคนเองยังสามารถเพิ่มความ
00:06:10 → 00:06:13 ชุ่มชื้นให้ผมได้ไม่ได้ไม่ได้ดูแลผมแบบ
00:06:13 → 00:06:16 ปลอมๆเคลือบไปอย่างนั้นไม่ใช่ใช่มั้ฮะดู
00:06:16 → 00:06:19 แลเส้นผมได้ใช่ใช่เพราะจริงๆเวลาเราใช้
00:06:19 → 00:06:21 ส่วนผสมที่มีซิลิโคนเราต้องล้างออกให้
00:06:21 → 00:06:23 สะอาดด้วยนะคะซิลิโคนก็มีทั้งตัวที่ล้าง
00:06:23 → 00:06:26 ออกง่ายและล้างออกยากถ้าเกิดเราเลือกเป็น
00:06:26 → 00:06:29 ซิลิโคนคนชนิดดีก็จะทำให้ไม่เกิดการสะสม
00:06:29 → 00:06:32 อืแล้วเราจะรู้ได้ไงตัวนี้ล้างง่ายตัวนี้
00:06:32 → 00:06:35 ล้างยากตัวนี้ไม่ตัวนี้อันตรายไม่อันตราย
00:06:35 → 00:06:38 มันเรามีวิธีดูไงฮะหมอก็ถ้าเราลงไปในราย
00:06:38 → 00:06:41 ละเอียดก็จะมีชื่อซิลิโคนแต่ละชนิดว่า
00:06:41 → 00:06:44 เป็นกลุ่มที่ล้างออกง่ายล้างออกยากแต่ถ้า
00:06:44 → 00:06:47 อย่างเช่นตัวล้างง่ายเช่นกลุ่มไดเมติโคน
00:06:47 → 00:06:49 พวกเนี้ยค่ะจะเป็นตัวที่ค่อนข้างเป็น
00:06:49 → 00:06:52 ซิลิโคนดีเพราะฉะนั้นเนี่ยเวลาที่เราใช้
00:06:52 → 00:06:55 ในระยะสั้นเนี่ยเ่อมันก็จะทำให้เคลือบผม
00:06:55 → 00:06:58 นุ่มแล้วก็ผมไม่ชี้ฟูเพราะฉะนั้นเนี่ยที่
00:06:58 → 00:07:01 กำลังจะบอกเลยก็คือว่าซิลิโคนเนี่ยมีทั้ง
00:07:01 → 00:07:04 ข้อดีและผลในระยะยาวถ้าเราเลือกซิลิโคน
00:07:04 → 00:07:07 ที่ดีในระยะสั้นผมเราจะสวยนุ่มมากจะหลวย
00:07:08 → 00:07:12 หวีง่ายมีความเงางามชุ่มชื้นแต่ถ้าในระยะ
00:07:12 → 00:07:15 ยาวอ่ะค่ะถ้าเราล้างออกได้ไม่ดีพอซิลิโคน
00:07:15 → 00:07:18 เขาสามารถสะสมที่บริเวณผมเราได้และหนัง
00:07:18 → 00:07:21 ศีรษะแล้วจะเกิดอะไรขึ้นนะผลผมที่ตามมา
00:07:21 → 00:07:23 เราลองนึกว่าถ้าซิลิโคนเกาะอยู่เคลือบ
00:07:23 → 00:07:26 อยู่ผมเราก็จะรีบแบนก็จะดูหนักเป็นก้อน
00:07:26 → 00:07:28 ใช่มั้คะแล้วนอกจากนั้นพอเขาเคลือบเอาไว้
00:07:28 → 00:07:32 มันจะทำให้สารต่างๆที่เราต้องการที่จะ
00:07:32 → 00:07:36 บำรุงผมเนี่ยมันซึมลงไปบำรุงผมได้ไม่ดีพอ
00:07:36 → 00:07:38 ค่ะเพราะฉะนั้นก็เลยจะแนะนำว่าคนที่เหมาะ
00:07:38 → 00:07:41 กับการที่จะใช้แชมพูหรือครีมนวดที่มี
00:07:41 → 00:07:45 ซิลิโคนคือคนที่ผมแห้งชี้ฟูนะคะมีผมแตก
00:07:45 → 00:07:48 ปลายแต่ถ้าคนที่ผมมันอยู่แล้วอะไรอย่าง
00:07:48 → 00:07:50 เงี้ยหรือว่าใช่ถ้าเราไม่ได้อยากรู้สึก
00:07:50 → 00:07:54 ว่าให้ผมมันรีบเกินไปใช่ค่ะโหงั้นก็ต้อง
00:07:54 → 00:07:56 ดูด้วยนะคะถ้ามีส่วนผสม
00:07:56 → 00:07:58 มีตัวอื่นอีกตัวอื่นใช่มั้คะก็อย่าง
00:07:58 → 00:08:01 พาราเบนพี่ตั๊เคยได้ยินยินพบได้ยินบ่อย
00:08:01 → 00:08:04 เพราะตอนหลังๆก็เก็ไม่ค่อยใช้กันใช่เจะ
00:08:04 → 00:08:06 เขียนทั้งหลังเลยใช่มั้ยถ้าปุใช่เจะมี
00:08:06 → 00:08:08 เขียนมีชื่อต่างๆแล้วลงท้ายด้วยคำว่า
00:08:08 → 00:08:10 พาราเบนพาราเบนนี่เป็นสารกันเสียชนิดนึง
00:08:11 → 00:08:14 ค่ะแล้วก็เป็นอีกตัวที่มีความสามารถในการ
00:08:14 → 00:08:17 ฆ่าเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราได้เพราะ
00:08:17 → 00:08:19 ฉะนั้นเวลาที่เขาเอาพาราเบนผสมอยู่ใน
00:08:19 → 00:08:22 ผลิตภัณฑ์ต่างๆรวมทั้งผลิตภัณฑ์ที่ดูแลผม
00:08:22 → 00:08:25 ก็จะทำให้เป็นการยืดอายุของผลิตภัณฑ์นั้น
00:08:25 → 00:08:28 ๆทำให้ไม่เสียเร็วค่ะค่ะแต่สิ่งที่ต้อง
00:08:28 → 00:08:32 ระวังก็มีค่ะพาราเบนเป็นตัวที่สามารถซึม
00:08:32 → 00:08:35 เข้าสู่หนังศีรษะแล้วก็ซึมเข้าสู่เส้นผม
00:08:35 → 00:08:38 ได้ค่อนข้างดีเพราะฉะนั้นเนี่ยผลที่ตามมา
00:08:38 → 00:08:41 คือระคายเคืองง่ายแล้วก็เป็นตัวพันบ้าง
00:08:41 → 00:08:43 อะไรบ้างใช่ถ้าเป็นเยอะก็อาจจะทำให้เกิด
00:08:44 → 00:08:47 ผื่นแดงอักเสบหรือบางคนแพ้เพราะพาราเบน
00:08:47 → 00:08:49 เนี่ยก็ทำให้เกิดการแพ้ได้ง่ายเหมือนกัน
00:08:49 → 00:08:52 เพราะฉะนั้นคนที่แพ้ง่ายก็ควรจะต้องหลีก
00:08:52 → 00:08:55 เลี่ยงค่ะได้ยินว่ามีงานวิจัยเพบว่า
00:08:55 → 00:08:58 พาราเบนเนี่ยนะคะจะเชื่อมโยงกับภาวะ
00:08:58 → 00:09:01 ฮอร์โมนแปรปรวนและมะเร็งเต้านมอันนี้จริง
00:09:01 → 00:09:04 มั้ยคะทีนี้ต้องเล่าก่อนว่าจุดเริ่มต้น
00:09:04 → 00:09:07 เนี่ยเกิดจากการที่มีข้อมูลที่สงสัยว่า
00:09:07 → 00:09:10 การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีพาราเบนทำให้เกิด
00:09:10 → 00:09:12 ความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งเต้านมเพิ่ม
00:09:12 → 00:09:14 ขึ้นหรือเปล่าในที่นี้เพราะว่าอะไรเพราะ
00:09:14 → 00:09:17 ว่ามีข้อมูลว่าเขาไปตัดชิ้นเนื้อของ
00:09:17 → 00:09:20 มะเร็งเต้านมมาเนี่ยค่ะเขาเจอสารพาราเบน
00:09:20 → 00:09:23 อยู่ในนั้นโอใช่เพราะฉะนั้นเนี่ยเขาก็เลย
00:09:23 → 00:09:26 เป็นการตั้งข้อสันินิฐานตามมาว่าเอ๊ะการ
00:09:26 → 00:09:29 ใช้พาราเบนเนี่ยมันทำให้เกิดมะเร็งโต้นม
00:09:29 → 00:09:32 ได้มยความจริงสารพาราเบนเนี่ยมีคุณสมบัติ
00:09:32 → 00:09:35 ที่คล้ายคือฮอร์โมนเอสโตรเจนอ๋อค่ะ
00:09:35 → 00:09:37 ฮอร์โมนเอสโตรเจนอย่างที่ทุกท่านทราบว่า
00:09:37 → 00:09:39 เป็นฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาให้
00:09:39 → 00:09:41 เกิดมะเร็งเต้านมเพราะฉะนั้นเนี่ยก็เลย
00:09:41 → 00:09:43 เป็นสิ่งที่เป็นประเด็นที่ทำให้ทุกคน
00:09:43 → 00:09:47 กังวลแต่ว่าณปัจจุบันต้องบอกว่าข้อมูลทาง
00:09:47 → 00:09:50 การแพทย์เนี่ยยังไม่ชัดเจนว่าพาราเบนใน
00:09:50 → 00:09:53 ผลิตภัณฑ์การดูแลเส้นผมหรือผลิตภัณฑ์เ่อ
00:09:53 → 00:09:55 สกินแคร์ต่างต่างๆทำให้เกิดมะเร็งเต้านม
00:09:55 → 00:09:58 ได้หรือไม่เพราะฉะนั้นเนี่ยถ้ากังวลก็อาจ
00:09:59 → 00:10:01 จะเลี่ยงไปก่อนค่ะค่ะแต่ว่าปัจจุบันนี้
00:10:01 → 00:10:04 เท่าที่พี่ตั๊กทราบในในเอ่อผลิตภัณฑ์ดูแล
00:10:04 → 00:10:07 เส้นผมหรือในครีมบำรุงผิวค่ะก็ส่วนมากจะ
00:10:07 → 00:10:12 ไม่ให้ใช้เ้าก็จะใช้คำว่าพาเบนฟรีนะคะก็
00:10:12 → 00:10:14 ส่วนมากก็จะเป็นงั้นเท่ากับว่าเ้าอาจจะ
00:10:14 → 00:10:17 วิจัยแล้วว่ามันอาจจะไม่ค่อยดีก็เลยห้าม
00:10:17 → 00:10:20 ใช้นะใช่ค่ะก็ถ้ากังวลก็อาจจะเลี่ยงหรือ
00:10:20 → 00:10:22 คนที่แพ้ระคายเคืองง่ายเพราะพาราเบนเป็น
00:10:22 → 00:10:24 ตัวที่ระคายเคืองง่ายแล้วก็เป็นสารก่อการ
00:10:24 → 00:10:27 แพ้ที่ค่อนข้างพบได้บ่อยค่ะค่ะสมมุติใน
00:10:27 → 00:10:31 กรณีที่เราใช้ไปแล้วล่ะระยะนึงมันมีสาร
00:10:31 → 00:10:34 เหล่าเนี้ยที่ที่คุณหมอบอกมาเนี่ยอค่ะมัน
00:10:34 → 00:10:37 เสี่ยงแล้วสมมุติว่าเราเกิดเราล้างเราสะ
00:10:37 → 00:10:41 จนสะอาดเลยเงี้ยมันมันจะหลุดมั้ยฮะหรือ
00:10:41 → 00:10:45 ยังไงมันก็จะซึมเข้าไปพวกนี้มันสามารถซึม
00:10:45 → 00:10:47 เข้าไปสู่ผิวหนังแล้วก็เส้นผมได้ค่ะเกิด
00:10:47 → 00:10:51 การสะสมได้ซึ่งเอ่อตัวพาราเบนเนี่ยค่ะก็
00:10:51 → 00:10:54 ถ้าในคำแนะนำจริงจริงของผู้เชี่ยวชาญเขา
00:10:54 → 00:10:57 ก็จะบอกว่าถ้าเราเลี่ยงไม่ได้จริงๆอ่ะค่ะ
00:10:57 → 00:11:00 เราใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีพาราเบนก็แนะนำว่า
00:11:00 → 00:11:03 ให้ใช้เพียงผลิตภัณฑ์เดียวที่อาจจะมีส่วน
00:11:03 → 00:11:06 ผสมของพาราเบนไม่มากค่ะพยายามเลี่ยงการ
00:11:06 → 00:11:09 ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีพาราเบนหลายๆตัวพร้อมๆ
00:11:09 → 00:11:12 กันในระยะเวลายาวๆมันมีหลายๆตัวเหมือนกัน
00:11:12 → 00:11:14 เหรอใช่บางทีเราไม่ได้เลือกค่ะมันก็จะมี
00:11:14 → 00:11:18 แบบแชมพูบ้างครีมหนวดผมบ้างน้ำมันออย
00:11:18 → 00:11:20 เคลือบบ้างอะไรอย่างเงี้ยก็จะทำให้เหมือน
00:11:20 → 00:11:23 กับยิ่งเพิ่มพลังเข้าไปสะสม
00:11:23 → 00:11:25 ที่เราใช้มาตลอดชีวิตแล้วเราก็ไม่แทบไม่
00:11:25 → 00:11:28 ได้สังเกตเลยแล้วเชื่อว่าหลายคนไม่ดูพี่
00:11:28 → 00:11:32 ไม่เคยดูเลยนะเดี๋จะพี่ใช้อารมณ์ของตัว
00:11:32 → 00:11:34 เองว่าเอ้ยเราชอบแชมพูอันนี้อาจารพูอัน
00:11:34 → 00:11:36 นี้อ่อนใสอ้าเราก็แฮปปี้ตัวนี้แล้วก็ซื้อ
00:11:36 → 00:11:38 ๆเพราะกลิ่นแล้วเชื่อว่าคนก็เป็นอย่าง
00:11:38 → 00:11:42 งั้นเยอะมีสารอื่นอีกมั้ฮะที่ทำให้ก่อให้
00:11:42 → 00:11:45 เกิดปัญหาและไม่ปลอดภัยอีกตัวที่อยากให้
00:11:45 → 00:11:49 รู้จักคือเอิ่ formal ค่ะหรือ formal
00:11:49 → 00:11:52 releasing ก็คือตัวที่สามารถปลดปล่อย
00:11:52 → 00:11:52 Formal
00:11:52 → 00:11:57 ได้อค่ะเป็นสารการเสียเหมือนกันเป็นสาร
00:11:57 → 00:11:59 การเสียอีกชนิดนึงแล้วถ้าเกิดเรามองลึกลง
00:11:59 → 00:12:02 ไปอีกเราจะเห็นว่า formal เนี่ยหรือ
00:12:02 → 00:12:05 formal releasing นะคะมักจะผสมอยู่ใน
00:12:05 → 00:12:10 ตัวน้ำยายืดผมค่ะที่ทำให้ผมเรียบเหรอหนัก
00:12:10 → 00:12:13 เลยใช่มใช่จะมีค่อนข้างเยอะเลยค่ะสารตัว
00:12:13 → 00:12:16 เนี้ยมันสามารถที่จะระเหยได้นะคะแล้วก็
00:12:16 → 00:12:18 แตกตัวได้เวลาที่โดนความร้อนเพราะฉะนั้น
00:12:18 → 00:12:21 เวลาที่เราสัมผัสหรือว่าสูดหายใจเข้าไป
00:12:21 → 00:12:25 อ่ะนะคะฟอร์มสามารถทำให้ผิวเราระคายเคือง
00:12:25 → 00:12:28 ได้หายใจเข้าไปก็ทำให้เรามีการหายใจติด
00:12:28 → 00:12:31 ขัดได้ทำให้โรคทางเดินหายใจกำเริบได้
00:12:31 → 00:12:34 เหมือนกันอ๋อบางทีเราไม่รู้เราก็ไปโทษ
00:12:34 → 00:12:37 เรื่องอื่นเนาะใช่ค่ะทีเราสะสมเป็นระยะ
00:12:37 → 00:12:41 เวลานานๆก็ทำให้เกิดผลต่อเนื่องในระยะยาว
00:12:41 → 00:12:44 ซึ่งที่พูดมาคือเป็นผลระยะสั้นที่เราเจอ
00:12:44 → 00:12:47 แบบเฉียบพลันนะคะคือสัมผัสแล้วสูดเข้าไป
00:12:47 → 00:12:50 แต่ถ้าเราสัมผัสไปเรื่อยๆเรื่อๆๆเนี่ย
00:12:50 → 00:12:53 กลุ่มของฟอร์มดีฮดเนี่ยเนี่ยสามารถเอ่อทำ
00:12:53 → 00:12:56 ให้เกี่ยวข้องกับการเกิดมะเร็งบางชนิดได้
00:12:56 → 00:12:59 เป็นไปได้มั้ยหมอที่ในปัจจุบันนี้เรามัก
00:12:59 → 00:13:03 จะบอกว่าเอ๊ะทำไมคนเป็นมะเร็งเยอะอืนะฮะ
00:13:03 → 00:13:05 เพราะว่ามันรู้สึกอะไรที่มันเกี่ยวกับสาร
00:13:05 → 00:13:08 เคมีมันมากขึ้นไม่ค่อยธรรมชาติมันก็จะทำ
00:13:08 → 00:13:11 ให้คนเราเนี่ยเหมือนกับรับสิ่งเหล่านี้
00:13:11 → 00:13:15 เพราะเราจะไม่ไปสะผมด้วยมะกรูดนะฮะเอามา
00:13:15 → 00:13:17 บีบๆเอามะนาวเอามะกรูดมาทำเป็นธรรมชาติ
00:13:17 → 00:13:21 ไม่มีแล้วเราก็อยู่กับสารเคมีตลอดมองว่า
00:13:21 → 00:13:23 มันเป็นไปได้มเป็นไปได้ค่ะบางทีเรามอง
00:13:23 → 00:13:26 ข้ามเราไม่ได้เราไม่ได้เล็งเห็นว่าสิ่ง
00:13:26 → 00:13:29 เนี้ยมันเป็นสิ่งที่ที่สำคัญมากเมื่อสัก
00:13:29 → 00:13:32 ครู่ที่บอกว่า formal high เนี่ยถ้าเรา
00:13:32 → 00:13:35 เอ่อเหมือนกับสัมผัสในระยะยาวเนี่ยมันจะ
00:13:35 → 00:13:39 ทำให้เกิดสัมพันธ์กับโรคมะเร็งตามมาได้
00:13:39 → 00:13:41 ที่โรคมะเร็งที่เขาพบว่ามันเกี่ยวข้อง
00:13:41 → 00:13:44 เนี่ยก็อย่างที่ตอนแรกบอกไปว่าเราสูดดม
00:13:44 → 00:13:45 เข้าไปได้ใช่มั้คะเพราะฉะนั้นเนี่ยมี
00:13:45 → 00:13:48 โอกาสที่จะเพิ่มความเสี่ยงของการเกิด
00:13:48 → 00:13:51 มะเร็งเอ่อในหลอดลมได้อืนะคะแล้วก็มะเร็ง
00:13:51 → 00:13:54 เม็ดเลือดขาวฮะเพราะฉะนั้นเนี่ยณปัจจุบัน
00:13:54 → 00:13:58 FDA ของทางอเมริกาเขาก็ออกข้อกำหนดเลย
00:13:58 → 00:14:00 ว่าแบรนด์ไม่ให้ใช้สารนี้ในการผสมหลาย
00:14:00 → 00:14:03 ประเทศแล้วใช่มั้ฮะใช่ค่ะเขาก็จะไม่ให้
00:14:03 → 00:14:06 ผสมในพวกน้ำยายืดผมนอกจาก FDA ของสหรัฐ
00:14:06 → 00:14:10 แล้วอ่ะค่ะ IARC เายังจัดฟอร์มเป็นกลุ่ม
00:14:10 → 00:14:14 ของสารก่อมะเร็งด้วยค่ะอืบ้านเราเป็นไงฮะ
00:14:14 → 00:14:16 บ้านเราก็ควรเลี่ยงเหมือนกันค่ะยังยังไม่
00:14:16 → 00:14:19 ยังไม่ได้มียังไม่ได้ออกบทชัดเจนแต่ว่าก็
00:14:19 → 00:14:21 แนะนำให้เลี่ยงอ๋อแล้วสาวๆเดี๋ยวนี้ยืดผม
00:14:22 → 00:14:25 บ่อยใช่ค่ะนะคะอยู่ในน้ำยายืดผมน้ำยาดัด
00:14:26 → 00:14:28 ด้วยมั้ฮะมีทุกอันแต่ว่าน้ำยายืดผมจะเยอะ
00:14:28 → 00:14:32 ที่สุดค่ะยาย้อมอืมีมั้ฮะไม่เอ่อมีนิด
00:14:32 → 00:14:33 หน่อยแต่ว่าไม่เยอะเท่าน้ำยายืดไม่เยอะ
00:14:34 → 00:14:36 เท่าน้ำยายืดใช่มั้ยคะถ้ามีสารเหล่านี้
00:14:36 → 00:14:39 ที่หมอกล่าวมา 3-4 ตัวนี้ในผลิตภัณฑ์ดูแล
00:14:39 → 00:14:41 เส้นพรหมก็อาจจะต้องระวังเพราะงั้นคนที่
00:14:41 → 00:14:44 ซื้อผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมอาจจะต้องดูนานนะ
00:14:44 → 00:14:47 ใช่ค่ะคุณหมอคิดว่ามันจำเป็นที่เราจะต้อง
00:14:47 → 00:14:50 ยืนดูนานๆมั้ยฮะละเอียดมั้ฮะจริงๆถ้าเรา
00:14:50 → 00:14:54 ให้เวลากับการดูอีกสัก 1 นาทีมันก็จะ
00:14:54 → 00:14:56 สกรีนได้ค่อนข้างเร็วนะคะเพราะว่าชื่อจะ
00:14:56 → 00:14:59 ค่อนข้างชัดเจนเช่นซิลิโคนก็จะมีคำว่า
00:14:59 → 00:15:01 ซิลิโคนหรือว่าพาราเบนก็ลงท้ายด้วย
00:15:01 → 00:15:04 พาราเบนเป็นต้นหรืออย่าง formal อย่าง
00:15:04 → 00:15:06 เงี้ยอีกตัวก็ที่ที่ต้องระวังเขาก็จะมี
00:15:06 → 00:15:08 เขียนระบุไว้แต่โดยส่วนใหญ่อ่ะค่ะ
00:15:08 → 00:15:11 ผลิตภัณฑ์ของเส้นผมที่เขาก็จะทราบอยู่
00:15:11 → 00:15:14 แล้วว่าอะไรที่คนก็ค่อนข้างกังวลเขาก็มัก
00:15:14 → 00:15:19 จะเลเบลไว้เลยว่าพาเบนฟรีไดฟรีหรือว่า
00:15:19 → 00:15:21 อะไรประมาณนี้ค่ะพูดถึงมนต์ภาวะต่างๆ
00:15:21 → 00:15:25 เนี่ยจะทำให้มีปัญหากับเส้นผมไหมหมอเช่น
00:15:25 → 00:15:30 แสงแดดเอ่อ UV ฝุ่น PM 2.5 ท่าหรือ
00:15:30 → 00:15:34 คุณภาพของน้ำพี่เคยบางทีไปนอนพักโรงแรม
00:15:34 → 00:15:36 ต่างจังหวัดเอ๊ะทำไมผมมันกระด้างกระด้าง
00:15:36 → 00:15:38 ใช้น้ำอะไรหรือเปล่าอะไรเงี้ยเหล่านี้ที่
00:15:38 → 00:15:41 พูดมาถึงเนี่ยมีผลกว่าหนังศีรษะและเส้นผม
00:15:41 → 00:15:43 ของเรามั้ยคะทั้งหมดที่พี่ตั๊กพูดมามีผล
00:15:43 → 00:15:46 ทั้งหมดเลยค่ะหมดเลยเหรอคะใช่ค่ะไม่ว่าจะ
00:15:46 → 00:15:48 เป็นเรื่องของแสงแดดเรื่องของน้ำหรือว่า
00:15:49 → 00:15:52 มลภาวะ PM 2.5 5 เรื่องของแสงแดดนี่เรา
00:15:52 → 00:15:55 ลองสังเกตดูว่าคนไหนที่ทำงานกลางแจ้งอ่ะ
00:15:55 → 00:15:58 ค่ะผมเขาจะรู้สึกว่ามีความหยาบกระด้าง
00:15:58 → 00:16:01 หนังศีรษะจะแห้งมีรังแคอักเสบได้ง่าย
00:16:01 → 00:16:04 เพราะว่าแสงแสงแดดเนี่ยทั้ง UVA และ UVB
00:16:04 → 00:16:07 สามารถไปทำร้ายโครงสร้างของเส้นผมได้ทั้ง
00:16:07 → 00:16:11 หมดตั้งแต่โปรตีนที่เป็นส่วนผสมของตัว
00:16:11 → 00:16:14 เส้นผมเลยทำให้โปรตีนเนี่ยเสื่อมผมแห้ง
00:16:14 → 00:16:19 ได้ผมหยาบกระด้างผมเอ่อร่วงได้แล้วความ
00:16:19 → 00:16:23 เงาความชุ่มชื้นน้อยลงรวมทั้งนอกจากไปทำ
00:16:23 → 00:16:25 ร้ายโปรตีนที่อยู่ในเส้นผมยังทำร้ายตัว
00:16:25 → 00:16:29 เม็ดสีเมลานินที่อยู่ในรากผมด้วยเรารู้
00:16:29 → 00:16:32 ว่ารากผมเรามันจะมีตัวสร้างเม็ดสีให้ผม
00:16:32 → 00:16:35 เราเกิดสีสีดำสีน้ำตาลใช่มั้คะพอเราโดน
00:16:35 → 00:16:38 แสงแดดสีวีเยอะๆมันไปทำลายตัวนี้ได้เพราะ
00:16:38 → 00:16:42 ฉะนั้นสิ่งที่ตามมาคือสีผมจะเริ่มจางลง
00:16:42 → 00:16:46 ใช่บางคนเปลี่ยนสีผมน้ำตาลกลายเป็นผมแดง
00:16:46 → 00:16:49 ผมสีบอนกลายเป็นผมสีอมเหลืองได้แต่เค้า
00:16:49 → 00:16:52 ต้องอยู่กลางแจ้งนานมากต้องอยู่นานมากค่ะ
00:16:52 → 00:16:54 ต้องอยู่แต่อันนี้พี่เห็นด้วยนะหมอเพราะ
00:16:54 → 00:16:57 เพราะพี่เล่นกอล์ฟมาเนี่ยเกือบ 20 ปีแล้ว
00:16:57 → 00:17:00 ค่ะสมัยพี่อายุน้อยๆผมพี่ดี๊ๆแต่พอเล่น
00:17:00 → 00:17:03 กอล์ฟเนี่ยเราเราขมวดผมไปแล้วเราก็ใส่
00:17:03 → 00:17:06 หมวกแก๊ปหรือจะใส่หมวกปีกยังไงเส้นผมก็
00:17:06 → 00:17:10 เนี่ยกเอ่อผมที่พี่รวบไว้มันก็จะอยู่ข้าง
00:17:10 → 00:17:13 นอกพอพี่เล่นกอล์ฟยังไงมันก็โดพี่รู้สึก
00:17:13 → 00:17:16 เหมือนกันว่าผมพี่มันไม่แน่นใช่มั้คะไม่
00:17:16 → 00:17:19 100% เหมือนเมื่อก่อนถึงมันจะยังดีอยู่
00:17:19 → 00:17:24 แต่สีมันก็เพียนเหมือนกันสีมันจานลงนิด
00:17:24 → 00:17:27 นึงก่อนที่จะมึ๊บเลยนะฮะแล้วก็อาจจะเส้น
00:17:27 → 00:17:30 ไม่เหมือนไม่เหมือนเดิมเพราะงั้นแสงแดด
00:17:30 → 00:17:33 และฝุ่น PM นี่มีปัญหามาก่งั้นเราทำไงดี
00:17:33 → 00:17:36 ขมวดไว้ใต้หมวกใส่หมวกช่วยได้เดี๋ยวนี้
00:17:36 → 00:17:40 ปัจจุบันจะมีผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมที่ผสม
00:17:40 → 00:17:43 ตัวป้องกันแดดมีสเปรย์มีน้ำมันหรือพยายาม
00:17:43 → 00:17:45 ยืนใช่หรือยืนอยู่ในที่ร่มอย่างเงี้ยก็
00:17:45 → 00:17:48 ช่วยได้ค่ะการใส่หมวกช่วยได้มากๆเลยแสง
00:17:48 → 00:17:52 แดดก็ยังไปทำร้ายไขมันตามธรรมชาติที่
00:17:52 → 00:17:55 เคลือบเส้นผมก็แห้งด้วยโที่พูดมาเนี่ยพี่
00:17:55 → 00:17:58 คอนเฟิร์มเลยว่าจริงเลยนะฮะยังไม่หมดนะคะ
00:17:58 → 00:18:03 UV เนี่ยเขาจะทำให้รูของรากผมแก่เร็วค่ะ
00:18:03 → 00:18:07 เพราะฉะนั้นผมเราอ่ะจะบางเร็วแล้วเราจะ
00:18:07 → 00:18:09 หนีมันได้ยังไงเราต้องป้องกันแดดเท่านั้น
00:18:09 → 00:18:13 เลยค่ะโอใช่ค่ะเพราะว่ามันก็เป็นปัจจัย
00:18:13 → 00:18:16 ที่ทำให้ผมเราอ่ะทั้งแก่แล้วก็คุณภาพเสีย
00:18:16 → 00:18:18 เร็วขึ้นอ๋ออย่างงั้นคนที่ทำงานกลางแจ้ง
00:18:18 → 00:18:20 โดยเต็มๆวันนี้หนักเลยทั้งหญิงและชายมั้
00:18:20 → 00:18:23 คะทั้งผู้หญิงและผู้ชายค่ะ
00:18:23 → 00:18:27 น้ำแล้วหมอน้ำก็เกี่ยวค่ะค่ะน้ำเนี่ยจะ
00:18:27 → 00:18:29 เป็นที่พูดถึงกันเยอะโดยเฉพาะอย่างยิ่งคน
00:18:29 → 00:18:32 ที่ว่ายน้ำโดยหลักการของสระว่ายน้ำเนี่ย
00:18:32 → 00:18:36 มันจะมีน้ำอยู่ 2 ชนิดคือคลอรีนใช่อันแรก
00:18:36 → 00:18:40 คือน้ำคลอรีนอันที่ 2 คือน้ำเกลือใช่ใช่
00:18:40 → 00:18:43 พี่ตั๊กทราบมั้ยคะว่าอันไหนที่ทำให้ผมเรา
00:18:43 → 00:18:45 เนี่ยมันเสียมากกว่าการน้ำเกลือหรือว่า
00:18:46 → 00:18:49 คลอลีนใจพี่พี่นะเพราะเพราะคุณหมอพูดนี้
00:18:49 → 00:18:52 พี่จะคิดแหละค่ะพี่ว่าคลอลีนแต่จริงๆแล้ว
00:18:52 → 00:18:55 ไม่ใช่ใช่มั้ความจริงแล้วอ่ะทั้ง 2 อย่าง
00:18:55 → 00:18:57 ทำให้ผมเสียได้ทั้งคู่ทั้งน้ำเกลือและ
00:18:57 → 00:19:01 คลอลีนทำให้คุณภาพเส้นผมเสียและทำให้สีผม
00:19:01 → 00:19:05 มีความผิดปกติแต่กลไกไม่เหมือนกันผมเรา
00:19:05 → 00:19:08 ถ้าเราว่ายน้ำเนี่ยโดนน้ำเกลือกับน้ำ
00:19:08 → 00:19:11 คลอรีนไม่ว่าจะเป็นน้ำอะไรผมเราจะแห้ง
00:19:11 → 00:19:14 ง่ายแล้วผมเราก็จะมีความหยาบกระด้างค่ะ
00:19:14 → 00:19:17 แล้วก็มีการสูญเสียความชุ่มชื้นผมพันการ
00:19:17 → 00:19:20 ชี้ฟูคลอรีนเนี่ยจะเป็นตัวที่สามารถชะ
00:19:20 → 00:19:22 ล้างน้ำมันที่เคลือบผมอยู่ก็เลยทำให้ผม
00:19:23 → 00:19:27 แห้งแต่ในขณะที่น้ำเกลือเขาก็จะดูดน้ำออก
00:19:27 → 00:19:30 จากเส้นผมเราค่ะก็จะทำให้ผมแห้งทั้งคู่
00:19:30 → 00:19:33 แต่ว่าคลอรีนจะทำร้ายผมได้มากกว่าเราก็จะ
00:19:33 → 00:19:37 มีวิธีป้องกันว่าทำอย่างไรผมเราถึงจะโดน
00:19:37 → 00:19:39 ทำร้ายจากคลอรีนหรือน้ำเกลือได้น้อยที่
00:19:39 → 00:19:44 สุดค่ะทำไงคะก็อันดับแรกเลยเขาบอกว่าการ
00:19:44 → 00:19:46 ที่ก่อนเราจะไปว่ายน้ำเราควรจะล้างล้าง
00:19:46 → 00:19:49 ด้วยน้ำเปล่าล้างผมให้เปียกเลยให้ผมเรา
00:19:49 → 00:19:51 เนี่ยอุ้มน้ำเข้าไปให้เต็มที่เพื่อที่
00:19:52 → 00:19:55 เวลาเราลงน้ำในสระจะได้ดูดซับน้ำเกลือกับ
00:19:55 → 00:19:58 คลอลีนเข้าไปเพิ่มได้อีกสักนิดหน่อยไม่
00:19:58 → 00:20:00 เต็มที่เท่าผมเปียกเพราะเปียกแล้วใช่เรา
00:20:00 → 00:20:03 ต้องเตรียมตัวตั้งแต่ก่อนลง 2 ก็จะมีน้ำ
00:20:03 → 00:20:07 มันเอ่อน้ำมันที่แบบช่วยดูแลผมที่จะช่วย
00:20:07 → 00:20:11 เคลือบป้องกันคลอลีนพวกเนี้ยก็ช่วยได้ค่ะ
00:20:11 → 00:20:13 แล้วก็เวลาลงน้ำใส่หมวกจะช่วยป้องกันได้
00:20:14 → 00:20:16 เพื่อลดการสัมผัสกับน้ำในสัตว์เพราะไม่
00:20:16 → 00:20:19 ให้โดนเลยอ๋องั้นงั้นแสดงว่าสรุปก็คือ
00:20:19 → 00:20:22 ล้างผมให้สะอาดก่อนเพื่อให้ผมมันเปียก
00:20:22 → 00:20:25 เวลาอุ้มคลอลีนกับน้ำเกลือก็จะได้อุ้ม
00:20:25 → 00:20:28 น้อยหน่อยแล้วหลังจากนั้นก็รีบล้างใช่ใช่
00:20:28 → 00:20:30 พอขึ้นมาจากสระเราก็รีบล้างทำความสะอาด
00:20:30 → 00:20:32 แล้วแล้วเมื่อกี้คุณหมอบอกว่ามันมีอะไรนะ
00:20:32 → 00:20:35 ฮะที่ไว้เคลือบเส้นผมก็จะมีผลิตภัณฑ์หลาย
00:20:35 → 00:20:38 ๆอย่างค่ะที่แบบเขาทำขึ้นมาไม่ว่าจะเป็น
00:20:38 → 00:20:41 เซรั่มหรือว่าน้ำมันที่ช่วยบำรุงที่ช่วย
00:20:41 → 00:20:44 เคลือบเส้นผมเพื่อป้องกันไม่ให้ผมเนี่ย
00:20:44 → 00:20:48 ดูดซับคลอลีนเข้าไปได้เยอะก่อนลงน้ำใช่
00:20:48 → 00:20:51 ค่ะหรือบางทีเราอาจจะมีการเอิ่adดaptโดย
00:20:51 → 00:20:54 การใช้ครีมนวดผมก็ช่วยได้เหมือนกันพอขึ้น
00:20:54 → 00:20:58 จากสระก็ต้องรีบล้างค่ะอันนี้คือส่วนของ
00:20:58 → 00:21:00 ความชุ่มชื้นนะคะความชุ่มชื้นที่น้ำ
00:21:00 → 00:21:03 คลอรีนกับน้ำเกลือที่ทำให้คุณภาพของผมกับ
00:21:03 → 00:21:05 ความชุ่มชื้นเสียไปแต่เมื่อสักครู่ที่
00:21:05 → 00:21:08 เกริ่นตอนต้นยังจะมีเรื่องของสีผมด้วยค่ะ
00:21:08 → 00:21:13 ค่ะน้ำเกลือกับคลอรีนทำให้สีผมผิดปกติน้ำ
00:21:13 → 00:21:16 เกลือเองจะสามารถกัดสีผมได้เพราะฉะนั้นคน
00:21:16 → 00:21:20 ที่ย้อมสีผมอาจจะทำให้สีผมจางหายเร็วขึ้น
00:21:20 → 00:21:24 อืค่ะแต่ในขณะที่คนที่เป็นคลอลีนนอกจาก
00:21:24 → 00:21:28 กัดแล้วเนี่ยยังทำให้สีผมเปลี่ยนได้ค่ะก็
00:21:28 → 00:21:31 บางคนเราจะเห็นว่าเคยมีคนไข้ที่มาหาด้วย
00:21:31 → 00:21:34 เรื่องเป็นนักกีฬาว่ายน้ำไปว่ายน้ำแล้วสี
00:21:34 → 00:21:38 ผมเค้าอ่ะกลายเป็นสีเขียวออเหรอค่ะอันนี้
00:21:38 → 00:21:42 ก็เป็นไปได้เพราะว่าคือเวลาที่บางคนว่าย
00:21:42 → 00:21:45 น้ำในสระที่เป็นสระคลอรีนนะค่ะคราวนี้บาง
00:21:45 → 00:21:49 ทีในสระมันก็จะมีส่วนผสมของทองแดงเป็นแร่
00:21:49 → 00:21:51 ธาตุชนิดนึงทองแดงซึ่งมันจะมักอยู่ใน
00:21:51 → 00:21:53 บริเวณที่มีสนิมพวกตามท่อประปาอะไรอย่าง
00:21:53 → 00:21:56 เงี้ยค่ะทีนี้ถ้าทองแดงมาทำปฏิยากับ
00:21:56 → 00:21:59 คลอรีนแล้วก็ไปทำปฏิกิริยากับโปรตีนใน
00:21:59 → 00:22:02 เส้นผมก็อาจจะทำให้คนที่ผมสีอ่อนเนี่ย
00:22:02 → 00:22:05 กลายไปเป็นสีเขียวได้ค่ะอุ๊จะหายมั้คะหาย
00:22:05 → 00:22:08 ค่ะสามารถหายได้แต่ว่าการหายเนี่ยไม่อาจ
00:22:08 → 00:22:10 จะหายเร็วหรือหายช้าหายด้วยวิธีไหนอ่ะ
00:22:11 → 00:22:13 หรือเจะจางไปเองด้วยเอ่อ 1 คือจางไปเอง 2
00:22:13 → 00:22:16 ก็คือเวลาเราสระผมตามธรรมชาติเราก็จะล้าง
00:22:16 → 00:22:19 สารเหล่านี้ออกไปค่ะบางทีสระผมรอบเดียว
00:22:19 → 00:22:21 ถ้าเกิดว่าเป็นไม่เยอะก็หายได้เหมือนกัน
00:22:21 → 00:22:23 หรือบางคนอาจจะใช้ระยะเวลาเป็นสัปดาห์
00:22:23 → 00:22:25 หรือเป็นเดือนก็เป็นได้ค่ะโหน่ากลัว
00:22:25 → 00:22:28 เหมือนกันนะคะใช่ค่ะก็อาจจะต้องเป็นนัก
00:22:28 → 00:22:31 กีฬาว่ายน้ำถ้าเราไหว้นานๆทีเดือนละหนี่
00:22:31 → 00:22:32 อาจจะไม่ค่อยรู้สึกเท่าไหร่อาจจะไม่
00:22:32 → 00:22:35 จำเป็นน่าจะเป็นนักกีฬาว่ายน้ำหรือเปล่า
00:22:35 → 00:22:37 เพราะบางคนถ้าสมมุติว่าสารที่มีความสาร
00:22:37 → 00:22:40 เคมีที่อยู่ในสระว่ายน้ำที่มีความเข้มข้น
00:22:40 → 00:22:42 ที่ค่อนข้างสูงอ่ะค่ะมันก็จะทำให้เกิดแม้
00:22:42 → 00:22:45 กระทั่งว่ายน้ำครั้งเดียวผมก็จะเปลี่ยนสี
00:22:45 → 00:22:49 ได้โดยเฉพาะคนที่ผมสีอ่อนแต่น้ำประปาล่ะ
00:22:49 → 00:22:51 น้ำประปาทั่วไปที่เราสับผมอาจจะไม่ค่อย
00:22:51 → 00:22:54 เท่าไหร่หมอน้ำประปาอาจจะได้ไม่มีผลที่
00:22:54 → 00:22:57 ค่อนข้างรุนแรงเท่าน้ำเกลือน้ำคลอรีนค่ะ
00:22:57 → 00:23:00 ค่ะน่าจะเป็นงั้นฝุ่น PM 2.5 ฝุ่น PM
00:23:00 → 00:23:02 2.5 นี่ก็ตัวร้ายเหมือนกันไม่ใช่ร้ายแค่
00:23:02 → 00:23:06 กับผิวแต่ว่าร้ายกับผมด้วยออค่ะฝุ่น PM
00:23:06 → 00:23:09 2.5 5 จะทำให้เกิดปฏิกิริยาแล้วเกิดสาร
00:23:09 → 00:23:13 อนุมูลอิสระแล้วก็ไปทำร้ายเส้นผมเราทำ
00:23:13 → 00:23:17 ร้ายโปรตีนที่เส้นผมทำให้ผมอ่อนแอทำให้ผม
00:23:17 → 00:23:20 แห้งอยากกระน่างได้ไปทำร้ายเซลล์รากผม
00:23:20 → 00:23:24 ด้วยบางคนเนี่ยบางทีทำให้เซลล์รากผมตายจน
00:23:24 → 00:23:27 กระทั่งเกิดผมร่วงเป็นหย่อมเราจะเห็นเกิด
00:23:27 → 00:23:30 เป็นแบบเป็นดวงดวงผมร่วงเป็นจุดๆที่หนัง
00:23:30 → 00:23:33 ศีรษะอันเนี้ยสามารถเกิดจาก PM 2.5 ได้
00:23:33 → 00:23:36 ค่ะแต่เราเราบางทีเราก็หลีกเลี่ยงไม่ได้
00:23:36 → 00:23:38 เพราะเราจะต้องเดินอยู่ตามถนนหรือเราต้อง
00:23:38 → 00:23:40 เจอฝุ่นแล้วนี้เราจะป้องกันไงหมอใช่เราก็
00:23:40 → 00:23:44 ควรจะต้องชำระล้างร่างกายอาบน้ำสะผมให้
00:23:44 → 00:23:47 สะอาดเวลาที่เราเจอโดยเฉพาะวันที่ฝุ่น
00:23:47 → 00:23:51 มลภาวะเยอะคุณหมอมีเคสคนไข้ที่มารักษา
00:23:51 → 00:23:54 แล้วก็มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของสารเคมี
00:23:54 → 00:23:57 พวกนี้มั้ฮะที่ทำให้เส้นผมหรือหนังศีรษะ
00:23:57 → 00:23:59 เค้ามีปัญหามีเคสอะไรพอจะเล่าให้เราฟัง
00:23:59 → 00:24:03 มั้มีสิ่งที่เจอบ่อยๆเลยก็คือคนที่ทำผมใด
00:24:03 → 00:24:07 เป่าผมบ่อยๆส่วนใหญ่ก็จะเป็นแบบอาชีพที่
00:24:07 → 00:24:10 ต้องออกอีเวน์เยอะๆอะไรอย่างเงี้ยค่ะแล้ว
00:24:10 → 00:24:12 ก็ต้องเป่าผมต้องรีดผมเยอะๆแล้วผมเขาก็จะ
00:24:12 → 00:24:16 แห้งแตกปลายแล้วก็เปราะขาดง่ายแล้วที
00:24:16 → 00:24:19 เนี้ยเวลาเราตรวจดูด้วยกล้องชนิดพิเศษอ่ะ
00:24:19 → 00:24:22 ค่ะเราจะเห็นว่าในเส้นผมของคนเหล่าเนี้ย
00:24:22 → 00:24:25 มันมีฟองอากาศอยู่ข้างในอ๋อเหรอฮะใช่ค่ะ
00:24:25 → 00:24:29 ก็อธิบายจากการที่เวลาที่ผมเปียกแล้วเรา
00:24:29 → 00:24:32 ไปเอาใช้ความร้อนสูงไม่ว่าจะเป็นจากไดไก่
00:24:32 → 00:24:35 เป่าผมหรืออุปกรณ์รีดผมมันทำให้เกิดน้ำ
00:24:35 → 00:24:37 เนี่ยระเหยอย่างรวดเร็วแล้วเกิดเป็นฟอง
00:24:37 → 00:24:40 ที่อยู่ภายในผมภายในเส้นผมก็จะทำให้ผม
00:24:40 → 00:24:43 อ่อนแอแล้วก็แตกง่ายค่ะคือถ้าเล่าอย่าง
00:24:43 → 00:24:45 เงี้ยอาจจะนึกภาพไม่ออกแต่ถ้าเราลองนึก
00:24:45 → 00:24:49 ว่าเวลาที่เราไปทำผมเป่าผมหรือเวลาเรายืด
00:24:49 → 00:24:51 ใช้เครื่องรีดผมอ่ะค่ะแล้วเราได้ยินเสียง
00:24:51 → 00:24:55 แบบแต๊บๆแต๊บแบบรีดเสียงแบบเสียงแตก
00:24:55 → 00:24:57 อันเนี้ยคือเป็นสัญญาณนึงบอกแล้วว่ามัน
00:24:57 → 00:25:00 อาจจะมีฟองฟองอากาศที่เกิดขึ้นอยู่ในผมออ
00:25:00 → 00:25:03 ผมเราก็จะแตกหักง่ายแต่ว่าดูด้วยตาเปล่า
00:25:03 → 00:25:08 ไม่เห็นฟองนะคะเราต้องใช้กล้องส่องใช่ค่ะ
00:25:09 → 00:25:13 ก็ต้องพยายามเลี่ยงการใช้ความร้อนสูงซึ่ง
00:25:13 → 00:25:15 ไม่ได้มีไกด์ไลน์หรือคำแนะนำที่ชัดเจน
00:25:15 → 00:25:19 เพียงแต่ว่ามีข้อมูลทางงานวิจัยที่เขาบอก
00:25:19 → 00:25:23 เอาไว้ว่าการเป่าผมที่เป่าผมด้วยใดเป่าผม
00:25:23 → 00:25:27 ที่จะทำร้ายผมได้น้อยที่สุดคือการเป่าให้
00:25:27 → 00:25:31 ห่าง 15 ซม.ใช้ไดห่างจากผม 15 ซม.แแต่ว่า
00:25:31 → 00:25:35 เวลาล้านนะคะรีดอย่างงี้เลยแล้วจี้เข้าไป
00:25:35 → 00:25:37 เลยใช่มแล้วต้องไม่ร้อนมากเลยค่ะต้องไม่
00:25:37 → 00:25:41 ร้อนมากอุณหภูมิจะอยู่ที่ประมาณ 47 องเซซ
00:25:41 → 00:25:43 ค่ะมีข้อมูลทางงานวิจัยเขาเปรียบเทียบเลย
00:25:43 → 00:25:48 ว่าเอ่อใช้อุณหภูมิ 47 องเซีย 61 องเซีย
00:25:48 → 00:25:51 และ 90 องเซียเทียบกันแล้วก็ใช้ระยะห่าง
00:25:51 → 00:25:56 ที่ต่างกัน 5 ซม. 10 ซม.และ 15 ซม.ก็พบ
00:25:56 → 00:25:59 ว่าสิ่งที่คุณภาพผมเ่อถูกทำร้ายน้อยที่
00:25:59 → 00:26:04 สุดคือ 15 ซม.เม 47 องเซซในระยะเวลา 60
00:26:04 → 00:26:07 วินาทีก็คือเป่า 1 นาทีค่ะโหเดูกันอย่าง
00:26:07 → 00:26:11 งั้นเลยแล้วในกรณีที่เราสะผมแต่เราจำเป็น
00:26:11 → 00:26:13 ต้องเป่านะหมอเพราะว่าถ้าเราปล่อยให้หนัง
00:26:13 → 00:26:17 ศีรษะเราแห้งเองมันก็อาจจะสกปรกชื้นได้
00:26:17 → 00:26:20 เราจะหลีกเลี่ยมไงหรือก็ต้องยอมเสียบ้าง
00:26:20 → 00:26:23 ก็เราต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดแต่อาจจะ
00:26:23 → 00:26:26 ไม่ได้ 100% เพราะว่าการปล่อยให้ผมแห้ง
00:26:26 → 00:26:29 เองเส้นผมไม่ชอบน้ำเมื่อไหร่ที่อุ้มน้ำ
00:26:29 → 00:26:32 เยอะๆก็จะทำให้ผมอ่อนแอได้เหมือนกันอ๋อ
00:26:32 → 00:26:35 ค่ะข้อมูลทางการแพทย์บอกว่าการที่เรา
00:26:35 → 00:26:37 ปล่อยให้ผมแห้งเองเนี่ยใช้เวลาอย่างน้อย
00:26:37 → 00:26:40 1-2 ชมงเพราะฉะนั้นว่าถ้าเทียบกับระยะ
00:26:40 → 00:26:43 เวลา 1-2 ช่มงที่ปล่อยให้ผมแห้งเองที่ผม
00:26:43 → 00:26:47 จะต้องแช่ความเอ่อชื้นของน้ำอยู่แบบนั้น
00:26:47 → 00:26:52 น่ะเทียบกับการที่เราเป่าห่างๆห่างๆสั้นๆ
00:26:52 → 00:26:55 และความร้อนที่ไม่มากนักก็น่าจะดีกว่า
00:26:55 → 00:26:57 เพราะฉะนั้นไม่มีอะไรที่ดีที่สุดอาจจะ
00:26:57 → 00:27:01 ต้องพิจารณาเลือกลองดูค่ะน่าทำสีผมนะฮะทำ
00:27:01 → 00:27:04 โหหลายท่านนี่ชอบมากเดี๋ยวนี้นะสาวๆเกัด
00:27:04 → 00:27:06 กัดขาวกัดเทาเป็นเขียวอะไรอย่างเงี้ยเค้า
00:27:06 → 00:27:09 ว่าทำสีผมมากๆมันจะเป็นมะเร็งจริงมั้ฮะทำ
00:27:09 → 00:27:11 สีผมมากๆจะเป็นมะเร็งเนี่ยไม่เกี่ยวกับ
00:27:11 → 00:27:13 การเป็นมะเร็งแต่ว่ามันจะเกี่ยวกับส่วน
00:27:13 → 00:27:16 ประกอบที่อยู่อย่างที่กล่าวไปตอนต้นว่า
00:27:16 → 00:27:18 มันจะมีสารประกอบบางอย่างโดยเฉพาะอย่าง
00:27:18 → 00:27:21 ยิ่งตัวเ่อฟมดีไฮดที่ได้พูดไปค่ะถ้าเรา
00:27:21 → 00:27:25 โดนสะสมในระยะเวลาที่บ่อยๆและถี่เข้าก็
00:27:25 → 00:27:28 อาจจะเพิ่มความเสี่ยงได้โดยปกติเราก็แนะ
00:27:28 → 00:27:32 นำให้ย้อมผมทำผมได้ไม่ถี่เกินประมาณ 1
00:27:32 → 00:27:35 ครั้งต่อ 1-2 เดือนค่ะฟังดูมันก็มีแต่
00:27:35 → 00:27:38 เรื่องที่มันจะทำให้ทำร้ายเส้นผมเรามันมี
00:27:38 → 00:27:41 อะไรที่จะช่วยผมหรือหนังศีรษะของเรามี
00:27:41 → 00:27:44 วิตามินอะไรพอจะช่วยได้มั้คะหมอในแง่ของ
00:27:44 → 00:27:47 วิตามินใช่มั้ยคะมีวิตามินที่มีข้อมูลทาง
00:27:47 → 00:27:51 การแพทย์อยู่ประมาณ 5 ตัวที่มีข้อมูลว่า
00:27:51 → 00:27:55 ช่วยในแง่ของความแข็งแรงของผมแล้วก็การ
00:27:55 → 00:28:00 ร่วงการบางตัวแรกเลยคือโปรตีนค่ะโปรตีน
00:28:00 → 00:28:02 อ๋อเป็นวิตามินที่เป็นโปรตีนมีหรือว่า
00:28:02 → 00:28:04 โปรตีนธรรมชาติที่เราอาจจะมีจากโปรตีน
00:28:04 → 00:28:06 ธรรมชาติจากเนื้อสัตว์หรือว่าเป็นผง
00:28:06 → 00:28:09 โปรตีนครับซึ่งเราทราบดีว่าโปรตีนทำหน้า
00:28:09 → 00:28:13 ที่ซ่อมแซมโปรตีนและโครงสร้างผิวส่วนที่
00:28:13 → 00:28:17 สึกหรอเพราะฉะนั้นการที่การที่โปรตีนเยอะ
00:28:17 → 00:28:19 เกินเนี่ยไม่เป็นไรต่อผมแต่ถ้าเมื่อไหร่
00:28:19 → 00:28:23 ที่โปรตีนขาดจะทำให้ผมแห้งผมแข็งแรงน้อย
00:28:23 → 00:28:27 ลงได้ค่ะอันนี้คือตัวที่ 1 ตัวที่ 2 คือ
00:28:27 → 00:28:30 ธาตุเหล็กธาตุธาตุเหล็กใช่ค่ะธาตุเหล็ก
00:28:30 → 00:28:33 เนี่ยมีข้อมูลชัดเจนในทางการแพทย์ว่าถ้า
00:28:33 → 00:28:37 เมื่อไหร่ก็ตามที่ระดับของธาตุเหล็กใน
00:28:37 → 00:28:40 เลือดเราอ่ะต่ำกว่า 70 จะทำให้คนผมวาง
00:28:40 → 00:28:43 เร็วขึ้นได้เราจะเห็นว่าบางคนผมวางเร็ว
00:28:43 → 00:28:47 กว่าวัยอันควรค่ะค่ะเพราะฉะนั้นเนี่ยการ
00:28:47 → 00:28:49 ที่เรามีระดับธาตุเหล็กต่ำถึงแม้ว่าเรา
00:28:49 → 00:28:52 อาจจะไม่ได้มีภาวะซีดก็ตามอาจจะทำให้ผม
00:28:52 → 00:28:55 บางได้การเสริมธาตุเหล็กในกรณีแบบเนี้ย
00:28:55 → 00:28:59 ช่วยทำให้ผมบางดีขึ้นได้แล้วผมแข็งแรงได้
00:28:59 → 00:29:01 บางคนจะเพิ่มวิตามินซีเข้าไปด้วยเพื่อการ
00:29:01 → 00:29:04 กินเพื่อให้ธาตุเหล็กดูดซึมได้ดีขึ้นแต่
00:29:04 → 00:29:06 วิตามินซีเองไม่ได้ช่วยเสริมในเรื่องของ
00:29:06 → 00:29:10 เส้นผมโดยตรงค่ะอันที่ 3 คือวิตามินดีค่ะ
00:29:10 → 00:29:13 ดีใช่doอกเนี่ยเหรอฮะใช่ค่ะวิตามินดีนี่
00:29:13 → 00:29:17 บางคน D3 เหมือนกันมั้ฮะก็มันจะมี D2 D3
00:29:17 → 00:29:20 ขึ้นกับว่ามีการเอ่อระดับของการเปลี่ยน
00:29:20 → 00:29:23 วิตามินอยู่เ่อระดับกลไกตรงไหนของ
00:29:23 → 00:29:26 พาร์ทเวย์แต่ว่าโดยรวมแล้วค่ะวิตามินดี
00:29:26 → 00:29:29 เนี่ยกลไกในมนุษย์ยังไม่ทราบชัดเจนว่า
00:29:29 → 00:29:32 จริงๆแล้วมันเกี่ยวข้องกับวงจรการที่ทำ
00:29:32 → 00:29:36 ให้ผมบางลงยังไงแต่เขาทราบแน่ๆว่าคนที่
00:29:36 → 00:29:38 วิตามินดีต่ำเนี่ยจะทำให้ผมบางแล้วผมร่วง
00:29:39 → 00:29:41 ได้ง่ายการเสริมวิตามินดีในคนที่วิตามิน
00:29:41 → 00:29:45 ดีต่ำก็จะช่วยได้ค่ะอันถัดไปคือซิงคค่ะ
00:29:45 → 00:29:49 ซิงคใช่ซิงคก็เหมือนกันเลยคนที่มีระดับ
00:29:49 → 00:29:52 ของสังกสีในเลือดที่ต่ำการกินเสริมก็จะ
00:29:52 → 00:29:55 ช่วยได้เพราะว่าซิงคเป็นส่วนหนึ่งของตัว
00:29:55 → 00:29:58 ที่ทำให้เซลล์ของเส้นผมมีการพัฒนาพัฒนา
00:29:58 → 00:30:01 แล้วก็เติบโตขึ้นค่ะสุดท้ายคือไบโอติน
00:30:01 → 00:30:03 ไบโอตินออไอ้ไบโอตินนี่เราได้ยินแบบพี่ก็
00:30:03 → 00:30:07 ทานไบโอตินใช่ค่ะไบโอตินคนมักจะเข้าใจว่า
00:30:07 → 00:30:12 การทานไบโอตินทำให้ผมยาวเร็วขึ้นอ๋อเหรอ
00:30:12 → 00:30:14 ฮะมีคนคิดอย่างงั้นซึ่งไบโอตินไม่ได้ทำ
00:30:14 → 00:30:17 ให้ผมยาวเร็วขึ้นใช่มั้คะไบโอตินเนี่ย
00:30:17 → 00:30:20 เป็นสารตั้งต้นของการสร้างเคราตินที่เป็น
00:30:20 → 00:30:22 โปรตีนชนิดนึงที่อยู่ในโครงสร้างผมค่ะ
00:30:22 → 00:30:26 เพราะฉะนั้นเนี่ยการทานไบโอตินในกรณีคน
00:30:26 → 00:30:29 ที่ขาดจะทำทำให้เส้นผมแข็งแรงขึ้นแต่คน
00:30:29 → 00:30:32 ที่ไม่ขาดจะยังไม่มีข้อมูลหรือหลักฐานทาง
00:30:32 → 00:30:34 การแพทย์ที่ชัดเจนว่าช่วยที่ทำให้ผมแข็ง
00:30:34 → 00:30:37 แรงขึ้นหรือเปล่าและที่สำคัญคือไม่ได้ทำ
00:30:37 → 00:30:39 ให้ผมยาวเร็วขึ้นอย่างที่หลายๆคนเข้าใจก็
00:30:39 → 00:30:42 จะได้ประโยชน์เฉพาะในคนที่ขาดไอตินในบาง
00:30:42 → 00:30:45 โรคเช่นเอ่อในคนที่เป็น brittal nail
00:30:45 → 00:30:48 syndrome ในโรคในโรคชนิดนึงที่ทำให้เล็บ
00:30:48 → 00:30:51 เปราะเล็บบางหรือผมเปราะหรืออีกโรคชนิด
00:30:51 → 00:30:54 นึงเอ่อไม่มีชื่อโรคภาษาไทยแต่ว่าเชื่อ
00:30:54 → 00:30:56 ว่าสัมพันธ์กับการขาดไบโอตินแล้วจะทำให้
00:30:56 → 00:31:00 ผมชี้เหมือนเวลาเอ่อพี่ตั๊กเคยดูการ์ตูน
00:31:00 → 00:31:04 DRบอล Z ที่แบบเซนเซย่าแปลงร่างมั้คะใช่
00:31:04 → 00:31:07 ค่ะคือคนกลุ่มเนี้ยผมเขาจะชี้หวีไม่ได้
00:31:07 → 00:31:09 ชี้ตั้งเหมือนถ้าเป็นเมื่อก่อนก็จะรู้จัก
00:31:10 → 00:31:12 ไฟโด้ดีโด้สมัยเด็กๆแต่เด็กสมัยนี้อาจจะ
00:31:12 → 00:31:15 ไม่รู้จักเพราะว่านานมากก็คือคนกลุ่ม
00:31:15 → 00:31:17 เนี้ยเเรียกเป็น uncomable hair
00:31:17 → 00:31:20 syndrome ผมเขาจะชี้ตรงคือโดยปกติคนเรา
00:31:20 → 00:31:23 อ่ะภาคตัดขวางของผมเราจะเป็นวงกลมหรือวง
00:31:23 → 00:31:26 รีใช่มั้ยคะคนที่เป็นโรคเนี้ยผมเจะเป็น
00:31:26 → 00:31:29 รูปหัวใจอ๋อเพราะฉะนั้นมันจะไม่สามารถตรง
00:31:29 → 00:31:32 ลงมาได้มันก็จะมีนะพบแบบนี้พบได้น้อยมาก
00:31:32 → 00:31:34 ประมาณหลักร้อยอ่ะค่ะในโลกใบเนี้ยอันนี้
00:31:34 → 00:31:37 คือเป็นตัวอย่างนึงของคนที่พบว่าการทาน
00:31:37 → 00:31:40 ไบโอตินแล้วช่วยได้ออค่ะเพราะฉะนั้นถ้า
00:31:40 → 00:31:43 เราแข็งแรงดีเราสุขภาพดีไม่ได้มีการขาด
00:31:43 → 00:31:47 ไบโอตีนการทานเสริมอาจจะไม่ได้ช่วยค่ะค่ะ
00:31:47 → 00:31:48 อันนั้นคือการเสริมที่เป็นเรื่องของ
00:31:48 → 00:31:52 วิตามินแต่ถ้าอาหารล่ะเป็นอาหารจริงๆเลย
00:31:52 → 00:31:55 ที่บำรุงรากผมเส้นผมของเรามีมั้ยคะอาหาร
00:31:55 → 00:31:58 ก็ต้องล้อไปกับวิตามินที่ได้กล่าวไปทั้ง
00:31:58 → 00:32:00 หมดเมื่อสักครู่อย่างโปรตีนเราก็อาจจะอ่า
00:32:00 → 00:32:05 ลองพวกเนื้อสัตว์พวกเนี้ยได้ค่ะไข่ไข่ได้
00:32:05 → 00:32:10 อ่ะแล้วก็คือทานโปรตีนเยอะๆใช่หรืออย่าง
00:32:10 → 00:32:13 ธาตุเหล็กก็อาจจะอยู่ในพวกเครื่องในสัตว์
00:32:13 → 00:32:15 ก็มีหรือพวกผักใบเขียวอะไรอย่างเงี้ยค่ะ
00:32:15 → 00:32:18 วิตามินดีก็เสริมได้ในนมหรือว่าพวกเอ่อ
00:32:18 → 00:32:22 ก้างปลาหรืออะไรอย่างเงี้ยค่ะออืแล้วก็
00:32:22 → 00:32:24 ลองเสริมตามนั้นได้ค่ะถ้าบางคนก็เลือกที่
00:32:24 → 00:32:27 จะทานเป็นเม็ดก็ได้เหมือนกันแต่ต้องย้ำ
00:32:27 → 00:32:30 ว่าในคนที่ขาดเหมือนถ้าไม่ขาดไม่มี
00:32:30 → 00:32:32 ประโยชน์อาจจะไม่มีประโยชน์ในข้อมูลยัง
00:32:32 → 00:32:34 ไม่ชัดเจนในทางการแพทย์ค่ะแล้วเราจะรู้
00:32:34 → 00:32:37 ได้ไงว่าเราขาดไม่ขาดบางทีก็อาจจะต้องใช้
00:32:37 → 00:32:41 วิธีการแบบเจาะระดับเลือดก็จะช่วยได้ใช่
00:32:41 → 00:32:43 ค่ะหรืออย่างระดับเฟอร์ลิตินอย่างเงี้ย
00:32:43 → 00:32:46 ค่ะก็ใช้วิธีการตรวจเลือดช่วยได้ค่ะอือื
00:32:47 → 00:32:50 หรือบางทีอาจจะเป็นการเหมือนกับสวนทางกัน
00:32:50 → 00:32:53 เช่นผมร่วงผมร่วงแล้วผมแห้งขาดง่ายแล้วก็
00:32:53 → 00:32:55 ย้อนกลับไปลองเช็คดูว่ามีขาดวิตามินหรือ
00:32:55 → 00:32:57 เปล่าก็อาจจะเป็นอย่างงั้นเพราะโดยปกติ
00:32:57 → 00:33:00 เราก็จะไม่ได้ไปตรวจสกรีนิ่งถ้าเราไม่มี
00:33:00 → 00:33:03 อาการอะไรอือๆค่ะอีกอันนึงในผลิตภัณฑ์ที่
00:33:03 → 00:33:06 เกี่ยวกับเส้นผมเนี่ยมักจะมีส่วนประกอบ
00:33:06 → 00:33:10 หรือสารบางอย่างที่เราได้ยินกันบ่อยๆเช่น
00:33:10 → 00:33:13 อ่าตัวนี้จะช่วยบำรุงเส้นผมลดการขาดหลุด
00:33:13 → 00:33:17 ล่วงของเส้นผมไม่ให้ผมชี้ฟูนะคะเราจะได้
00:33:17 → 00:33:22 ยินบ่อยเวลาเโฆษณาเช่นเครตินน้ำมันอเกนอย
00:33:22 → 00:33:24 pนtinolหรือน้ำมันมะพร้าว
00:33:24 → 00:33:26 น้ำมันมะกอกอะไรเหล่าเนี้ยอันนี้ช่วยได้
00:33:26 → 00:33:29 มั้ฮะค่ะคือถ้าเราเข้าใจว่าหลักการการที่
00:33:29 → 00:33:32 เราจะดูแลเส้นผมให้แข็งแรงยังไงเราจะรู้
00:33:32 → 00:33:34 ว่าเราจะเลือกอะไรทีนี้เส้นผมเรามันจะมี
00:33:35 → 00:33:38 อยู่ 3 ชั้นหลักๆแต่ส่วนที่เราแก้ได้คือ
00:33:38 → 00:33:41 ส่วนของคิคleคือเกล็ดผมด้านนอกอันนี้คือ
00:33:41 → 00:33:44 ส่วนนอกกับอีกอันนึงคือส่วนที่เป็นเนื้อ
00:33:44 → 00:33:47 ผมตรงชั้นกลางก็เรียกว่าคอทexคราวนี้
00:33:47 → 00:33:49 เกล็ดผมด้านนอกเนี่ยเราลองนึกว่าเหมือน
00:33:49 → 00:33:52 บ้านเราเหมือนเป็นกระเบื้องที่ปูเป็นชั้น
00:33:52 → 00:33:56 ๆเมื่อไหร่ไหรก็ตามที่ผมเราเนี่ยไม่เรียบ
00:33:56 → 00:33:58 แปลว่ากระเบื้องมันเปิดถูกมั้คะมันไม่
00:33:58 → 00:34:01 เรียบแสดงว่าเนี่ยเรามีปัญหาที่เกล็ดผม
00:34:01 → 00:34:05 และผมเราอาจจะแห้งชี้ฟูไม่เรียบไม่มารหวี
00:34:05 → 00:34:08 ยากพวกเนี้ยเราอาจจะแก้ด้วยการเติมสารที่
00:34:08 → 00:34:12 เข้าไปอุดรูเกล็ดผมหรือว่าทำให้เกล็ดผม
00:34:12 → 00:34:15 เนี่ยเรียบแล้วก็เพิ่มความชุ่มชื้นซึ่ง
00:34:15 → 00:34:17 สารเหล่าเนี้ยจะอยู่ในกลุ่มเอโมเลียนเช่น
00:34:17 → 00:34:20 อะไรบ้างเช่นน้ำมันที่พี่ตั๊กไล่มาเมื่อ
00:34:20 → 00:34:25 สักครู่น้ำมันมะกอกช่วยได้น้ำมันมะพร้าว
00:34:25 → 00:34:28 ช่วยได้อากนอช่วยได้น้ำมันมะพร้าวจะมีสาร
00:34:28 → 00:34:31 ที่สำคัญตัวนึงคือlaorิc aciid สารตัว
00:34:31 → 00:34:34 เนี้จะชอบมากเลยในชอบโปรตีนที่อยู่เส้นผม
00:34:34 → 00:34:37 มากเขาสามารถที่จะซึมลงไปทำให้เส้นผม
00:34:37 → 00:34:40 เนี่ยกระตุ้นการซ่อมแซมให้เส้นผมดูแข็ง
00:34:40 → 00:34:43 แรงขึ้นได้อเกนอยก็มีสารหลายๆชนิดค่ะไม่
00:34:43 → 00:34:46 ว่าจะเป็น faty aciid พวกกรดไขมันหรือ
00:34:46 → 00:34:50 ว่าวิตามินอีในนั้นก็มีหรือว่าไขมันตาม
00:34:50 → 00:34:53 ธรรมชาติที่อยู่ในอเกนออยก็ช่วยให้ผมเรา
00:34:53 → 00:34:56 ชุ่มชื้นแล้วก็ช่วยให้ผมเราอ่าแข็งแรง
00:34:56 → 00:34:59 ขึ้นได้อกนออยมีคุณสมบัติที่ดีอีกอย่าง
00:34:59 → 00:35:02 นึงคือคุณสมบัติในการควบคุมการหลังน้ำมัน
00:35:02 → 00:35:05 ที่บริเวณหนังศีรษะได้อืค่ะก็จะช่วยคุม
00:35:05 → 00:35:08 ความมันได้ค่ะอันนี้คือกลุ่มที่เป็นออย
00:35:08 → 00:35:11 อีกกลุ่มนึงที่ช่วยในเรื่องของเกรดผมได้
00:35:11 → 00:35:13 ก็คือกลุ่มซิลิโคนที่ได้กล่าวไปเมื่อ
00:35:13 → 00:35:15 เบื้องต้นนะคะแล้วก็กลุ่มที่เป็น
00:35:15 → 00:35:18 โปรวิตามิน B5 อื V5 พวกเนี้ยก็จะช่วยทำ
00:35:19 → 00:35:22 ให้ผมชุ่มชื้นได้ค่ะทีนี้ถ้าในกรณีที่เรา
00:35:22 → 00:35:25 ต้องการแก้บริเวณคอรทเนื้อของผมเนื้อผม
00:35:25 → 00:35:28 ค่ะค่ะเนื้อผมเนี่ยเป็นแกนที่เรียกว่า
00:35:28 → 00:35:31 สำคัญทำให้ผมมีความแข็งแรงเพราะว่าส่วน
00:35:31 → 00:35:34 ผสมจะประกอบด้วยโปรตีนเป็นหลักดังนั้น
00:35:34 → 00:35:39 เนี่ยเราจะเห็นว่าเวลาที่แชมพูหรือสาร
00:35:39 → 00:35:41 เอ่อผลิตภัณฑ์ที่จะช่วยซ่อมแซมที่เป็น
00:35:41 → 00:35:45 โครงสร้างของเส้นผมบริเวณแกนผมเขามักจะ
00:35:45 → 00:35:48 ชูโรงในกลุ่มที่เป็นโปรตีนซึ่งจะต้องเป็น
00:35:48 → 00:35:51 โปรโปรตีนที่โมเลกุลเล็กถึงจะสามารถซึมลง
00:35:51 → 00:35:53 ไปได้เราก็จะได้ยินเช่น
00:35:53 → 00:35:57 อะมิโนอซิดไดปปไทดหรือว่าในกลุ่มที่เป็น
00:35:57 → 00:36:00 ไฮดรไลสตินกลุ่มเนี้ยก็จะช่วยแก้ในเรื่อง
00:36:00 → 00:36:03 ของคอรทได้อืเพราะฉะนั้นเนี่ยสารที่ไล่มา
00:36:03 → 00:36:06 ทั้งหมดก็คืออยู่ใน 2 กลุ่มเนี้ยค่ะอยู่
00:36:06 → 00:36:10 ใน 2 กลุ่มนี้เพราะฉะนั้นค่ะอสูตรหมักผม
00:36:10 → 00:36:14 ธรรมชาตินะฮะเอ่อพี่ชอบทำนะสมัยก่อนหลาย
00:36:14 → 00:36:16 ปีมาแล้วแต่ว่าเดี๋ยวนี้ก็ก็ทำบ้างขี้
00:36:16 → 00:36:18 เกียจทำบ้างนะฮเพราะโอ้โหสมัยก่อนผมสวย
00:36:18 → 00:36:22 มากผมยาวถึงเอวนะหมอแล้วดำขลับเลยเพราะ
00:36:22 → 00:36:26 ว่าขออนุญาตแชร์นะคะเพราะว่าพี่ไม่ทำร้าย
00:36:26 → 00:36:28 เส้นผมเลยพี่ต้องไดบ้างเพราะเราต้องออก
00:36:28 → 00:36:32 ทีวีแต่พี่ไม่ใส่สารเคมีบนผมเลยเช่น
00:36:32 → 00:36:35 สเปรย์หรือเจลพี่ไม่ให้ใครมาแตะแต่ตอนนี้
00:36:35 → 00:36:37 ต้องทำบ้างเพราะด้วยวัยเปลี่ยนไปเราก็
00:36:37 → 00:36:40 ต้องทำผมทรงโน้นทรงนี้มีสเปรย์นิดหน่อย
00:36:40 → 00:36:42 ใช่มั้ฮะแต่สมัยก่อนบอกเลยว่ามันดีมาก
00:36:42 → 00:36:45 แล้วพี่ทำไม่ทราบว่าถูกมพี่จะใช้น้ำมัน
00:36:45 → 00:36:49 มะกอกที่เป็นสูตรธรรมชาติหมักผมซึ่งบางคน
00:36:49 → 00:36:51 เนี่ยเวลาพี่ไปคุยกับเค้าก็จะงงมากเค้าทา
00:36:51 → 00:36:55 ทั้งหนังศีรษะพี่บอกให้ทาแค่นี้ให้ทาแค่
00:36:55 → 00:36:58 นี้แล้วก็หมักไว้ครึ่งชั่วโมงแค่นี้แล้ว
00:36:58 → 00:37:00 ระหว่างนี้เราก็ขมวดไว้ปล่อยไว้แล้วก็
00:37:00 → 00:37:03 เวลาล้างเราก็เงยผมเราก็ล้างแค่ตรงนี้อัน
00:37:03 → 00:37:06 นั้นคือสูตรของธรรมชาติถูกมั้คะน้ำมัน
00:37:06 → 00:37:08 มะกอกถ้าเทียบถ้าเทียบกับสูตรธรรมชาติ
00:37:08 → 00:37:11 อื่นๆนะคะบางทีเราจะได้ยินคนพูดว่าเอาน้ำ
00:37:11 → 00:37:15 มันมะกอกหมักบ้างเอาโยเกิร์ตหมักโยเกิร์ต
00:37:15 → 00:37:18 ยังไม่เคยใช่หรือบางคนเอาเบียร์เอาไข่ผสม
00:37:18 → 00:37:21 มาหมักผมอะไรอย่างเงี้ยถ้าเทียบกับทุก
00:37:21 → 00:37:23 อย่างที่มีข้อมูลนะคะน้ำมันมะกอกจะเป็น
00:37:23 → 00:37:25 ตัวที่มีข้อมูลทางการแพทย์มากที่สุดละ
00:37:25 → 00:37:28 เมื่อเทียบกับตัวอื่นก็สามารถช่วยให้ผม
00:37:28 → 00:37:30 ชุ่มชื้นได้ออกฤทธิ์เป็นอีโมยเลียนอย่าง
00:37:30 → 00:37:34 นึงก็คือทำให้เคลือบผมลดการสูญเสียน้ำจาก
00:37:34 → 00:37:37 ผมแล้วก็เพื่อความชุ่มชื้นในผมได้แต่เรา
00:37:37 → 00:37:40 ก็ต้องทำแต่เฉพาะปลายถูกมั้คะบางคนนี่เขา
00:37:40 → 00:37:43 บอกว่าโอ๊ยล้างยากมากก็ทาทั้งหนังศีรษะ
00:37:43 → 00:37:46 เลยไม่ได้ก็อาจจะทำก็อาจจะทำให้มีการ
00:37:46 → 00:37:48 อุดตันแล้วก็ทำให้เกิดความมันได้เพราะ
00:37:49 → 00:37:51 ฉะนั้นเวลาจะหมักก็แนะนำว่าหมักที่ปลายผม
00:37:51 → 00:37:54 และอาจจะไม่ได้จำเป็นต้องทำทุกวันนะคะอาจ
00:37:54 → 00:37:57 จะสัปดาห์สัปดาห์ละ 1-2 ครั้งก็เพียงพอ
00:37:57 → 00:38:02 เอ่อความเชื่อที่บอกว่าใช้เบียร์ใช้ไข่
00:38:02 → 00:38:05 หรือว่าใช้โยเกิร์ตหมักผมเนี่ยอ่าด้วย
00:38:05 → 00:38:08 เพราะว่าส่วนนึงคือทำแล้วมันทำให้ผม
00:38:08 → 00:38:11 สุขภาพดีขึ้นเพราะว่าในพวกเหล่าเนี้ยมัน
00:38:11 → 00:38:14 จะมีโปรตีนผสมอยู่อย่างไข่ก็อาจจะมี
00:38:14 → 00:38:18 โปรตีนหรือว่ามีเอ่อเลซิตีนผสมก็จะหรือมี
00:38:18 → 00:38:21 วิตามินดีด้วยพวกเนี้ยก็เค้าก็เชื่อว่า
00:38:21 → 00:38:23 มันน่าจะเป็นตัวที่ทำให้ผมเราแข็งแรงหรือ
00:38:23 → 00:38:27 ในเบียร์ก็จะมีโปรตีนจากเมาสแล้วก็อาจจะ
00:38:27 → 00:38:31 มีวิตามินดีมีไบโอตินร่วมด้วยเป็นต้นนะคะ
00:38:31 → 00:38:33 ส่วนโยเกิร์ตก็มีโปรตีนเหมือนกันแล้วก็
00:38:33 → 00:38:37 ยังมีacซิดเขาก็เชื่อว่าติอ่ะช่วยผลัดตัว
00:38:37 → 00:38:39 สิ่งสกปรกได้ช่วยลดรังแพได้ช่วยทำให้ผม
00:38:39 → 00:38:43 นุ่มขึ้นได้ค่ะส่วนเรื่องไข่เนี่ยอาจจะ
00:38:43 → 00:38:45 ต้องบอกว่าต้องระวังนิดนึงเพราะบางคนแพ้
00:38:45 → 00:38:49 ไข่ออเหรอใช่ 1 คือเหม็น 2 คือแพ้ไข่แล้ว
00:38:49 → 00:38:52 เวลาคนไข้ได้ถามเราเราก็มักจะบอกเสมอว่า
00:38:52 → 00:38:54 เอ่อวิธีการเหล่านี้เนี่ยอาจจะยังมีข้อ
00:38:54 → 00:38:57 มูลทางการแพทย์ไม่ชัดเจนนักแต่ถ้าทำแล้ว
00:38:57 → 00:38:59 ไม่ได้มีปัญหาอะไรเราจะทำก็ได้เราก็ไม่
00:38:59 → 00:39:02 ขาดถ้าคนไข้ใช้ไข่ในการหมักผมเนี่ยเรา
00:39:02 → 00:39:04 ต้องบอกว่าเวลาเขาล้างต้องให้ใช้น้ำเย็น
00:39:04 → 00:39:06 ล้างเพราะถ้าใช้น้ำร้อนล้างไข่มันจะสุก
00:39:06 → 00:39:09 ติด
00:39:09 → 00:39:11 เพราะฉะนั้นก็ก็สามารถทำได้ไม่ได้เป็นข้อ
00:39:11 → 00:39:13 ห้ามอะไรแต่ต้องบอกว่าข้อมูลทางการแพทย์
00:39:14 → 00:39:17 ยังไม่มากนักค่ะอีกอันนึงเรื่องของการ
00:39:17 → 00:39:19 เลือกแชมพูนะคะหรือผลิตพันธุ์
00:39:19 → 00:39:22 ดูแลเส้นผมให้ปลอดภัยนะคะอยากให้คุณหมอ
00:39:22 → 00:39:25 แนะนำหน่อยค่ะถ้าจะให้ปลอดภัยต้องบอก
00:39:25 → 00:39:27 อย่างแรกคือต้องเลือกที่อ่อนโยนค่ะมีส่วน
00:39:27 → 00:39:30 ผสมของสารที่ระคายเคืองน้อยหน่อยอย่าง
00:39:30 → 00:39:33 เช่นโซเดียมรอซัลเฟตอาจจะพยายามเลี่ยง
00:39:33 → 00:39:35 หรือกลุ่มซัลเฟตอื่นๆถ้าเลี่ยงไม่ได้ควร
00:39:35 → 00:39:37 ใช้ในปริมาณเปอร์เซ็นต์ที่ค่อนข้างน้อย
00:39:38 → 00:39:41 หรืออาจจะปรับไปเป็นโซเดียมซัลเฟตแทนนะคะ
00:39:41 → 00:39:45 หรือพวกสารกันเสียก็อาจจะพยายามเลี่ยงไป
00:39:45 → 00:39:47 อะไรที่จะก่อให้เกิดการระคายเคืองก็
00:39:47 → 00:39:49 พยายามเลี่ยงใช้เป็นแชมพูที่อ่อนโยนแล้ว
00:39:49 → 00:39:53 นอกจากนั้นก็ต้องเลือกตามปัญหาของผมของ
00:39:53 → 00:39:56 เราเพราะแต่ละคนเนี่ยปัญหาผมไม่เหมือนกัน
00:39:56 → 00:39:59 แชมพูไม่เหมือนกันเช่นถ้าเรามีรังแคเรามี
00:39:59 → 00:40:02 รังแคเยอะหนังศีรษะอักเสบเยอะอาจจะต้อง
00:40:02 → 00:40:06 พยายามมองหาส่วนผสมที่ช่วยเพิ่มเติมเช่น
00:40:06 → 00:40:09 acซิดนะคะหรือว่ากลุ่มที่เป็นซิงคหรือ
00:40:09 → 00:40:13 ไพรอกตนโอลีนอย่างเงี้ยเป็นต้นหรือถ้าคน
00:40:13 → 00:40:17 ที่ผมชี้ฟูเยอะๆนะคะก็อาจจะลองเลือกใน
00:40:17 → 00:40:20 ส่วนที่มีส่วนผสมของออยที่มาช่วยชะโลม
00:40:20 → 00:40:24 ช่วยทำให้ผมชุ่มชื้นมากขึ้นหรือคนที่ผม
00:40:24 → 00:40:26 หยาบกระด้างแห้งเรารู้แล้วว่าแกนผมเ้ามี
00:40:26 → 00:40:29 ปัญหาแน่ตรงบริเวณเนื้อผมมีปัญหาแน่เพราะ
00:40:29 → 00:40:31 ฉะนั้นอาจจะต้องเสริมในกลุ่มที่เป็น
00:40:32 → 00:40:35 โปรตีนเช่นเครตินเปปไท์หรืออะมิโนอซิด
00:40:35 → 00:40:39 เป็นต้นค่ะเพราะฉะนั้นก็ลองเลือกดูค่ะว่า
00:40:39 → 00:40:42 แต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกันฟังจากที่คุณหมอ
00:40:42 → 00:40:44 พูดแล้วพี่ตั๊กเชื่อว่าหลายคนเนี่ยตอนนี้
00:40:44 → 00:40:48 คงจะรีบกลับไปพลิกขวดชมพูดูว่าเอ๊ะขวด
00:40:48 → 00:40:51 หรือผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมของเราเนี่ยมันจะ
00:40:51 → 00:40:53 มีสารประกอบและส่วนผสมเหล่านี้ที่คุณหมอ
00:40:53 → 00:40:56 พูดไปเนี่ยมีอยู่บ้างหรือเปล่าเพราะสาร
00:40:56 → 00:40:59 ต่างๆเหล่าเนี้ยอาจจะทำร้ายหนังศีรษะแล้ว
00:40:59 → 00:41:01 ก็เส้นผมของเราโดยที่เราไม่รู้ตัวเลยก็
00:41:01 → 00:41:04 ได้การเลือกผลิตภัณฑ์มาดูแลเส้นผมของเรา
00:41:04 → 00:41:07 อันนี้พี่ตั๊กถือว่าสำคัญมากนะคะถ้าใคร
00:41:07 → 00:41:10 กำลังมองหาผลิตภัณฑ์ที่จะมาดูแลเส้นผมพี่
00:41:10 → 00:41:15 ตั๊กแนะนำอีฟโรชค่ะอีฟโรเชเนี่ยจะอ่อนโยน
00:41:15 → 00:41:19 ต่อหนังศีรษะเพราะว่าส่วนผสมหลักนั้นสกัด
00:41:19 → 00:41:22 มาจากพืชพันธุ์ธรรมชาติและนอกจากนี้ยัง
00:41:22 → 00:41:25 ใส่ใจสิ่งแวดล้อมอีกด้วยค่ะตอนนี้นะคะมี
00:41:25 → 00:41:28 ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เหมาะกับคนที่มีปัญหาผม
00:41:28 → 00:41:31 หลุดรั่วง่ายแล้วก็อยากจะบูostผมให้หนา
00:41:31 → 00:41:33 และอยากให้ผมใหม่ที่ขึ้นใหม่นั้นสวยและ
00:41:33 → 00:41:37 สุขภาพดีพี่ตั๊กแนะนำตัวนี้เลยค่ะ Hair
00:41:37 → 00:41:40 Densifying Booster มีสารสกัดจาก
00:41:40 → 00:41:44 ธรรมชาติที่ดีต่อเส้นผมมากๆเลยโดยเฉพาะ
00:41:44 → 00:41:48 ฟลาโวนอยด์สารสกัดจากดอกเยอะว่าซันต้า
00:41:48 → 00:41:50 ซึ่งสารฟลาโวนอยเนี่ยนะคะเป็นสารประกอบ
00:41:50 → 00:41:54 ที่พบได้ในธรรมชาติอุดมไปด้วยโพลิฟนอลมี
00:41:54 → 00:41:58 คุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระช่วยบำรุงและปก
00:41:58 → 00:42:01 ป้องรากผมที่อ่อนแอให้กลับมาแข็งแรงค่ะ
00:42:02 → 00:42:05 ส่วนผสมสำคัญอีกตัวนึงก็คืออจิีนีน
00:42:05 → 00:42:08 ไดปปไทดสำหรับตัวนี้นะคะเป็นอะมิโนโปรตีน
00:42:08 → 00:42:13 ที่มีบทบาทสำคัญกับวงจรระยะการเติบโตของ
00:42:13 → 00:42:17 รากผมสกัดมาจากสาหร่ายอเก้ธรรมชาติ
00:42:17 → 00:42:19 ช่วยกระตุ้นและส่งเสริมการทำงานของระบบ
00:42:19 → 00:42:24 หมุนเวียนเลือดบนหนังศีรษะของเราลดวงจร
00:42:24 → 00:42:27 การหลุดล่วงของเส้นผมได้อย่างตรงจุดค่ะ
00:42:27 → 00:42:30 แล้วเมีงานวิจัยรับรองด้วยนะคะเค้าไปทด
00:42:30 → 00:42:33 สอบกับกลุ่มที่มีปัญหาผมบางโดยเฉพาะเขา
00:42:33 → 00:42:36 เลือกกลุ่มอายุคนที่อายุ 50 บวกขึ้นไปคน
00:42:36 → 00:42:39 กลุ่มเจะมีปัญหาเรื่องของผมร่วงผมบางมาก
00:42:39 → 00:42:43 เลยนะคะหลังจากทดสอบแล้วเพบว่าสามารถช่วย
00:42:43 → 00:42:46 บูostผมใหม่ขึ้นมามากกว่า 5,000 1000
00:42:46 → 00:42:49 เส้นภายในระยะเวลาแค่ 2 เดือนเท่านั้น
00:42:49 → 00:42:52 วิธีใช้ง่ายมากเลยนะคะแค่ฉีดตอนไหนก็ได้
00:42:52 → 00:42:56 หลังที่คุณสะผมแค่วันละเพียงครั้งเดียว
00:42:56 → 00:42:59 เท่านั้นใช้ได้กับคนที่มีปัญหาหรือคนที่
00:42:59 → 00:43:02 อยากจะบำรุงก่อนที่จะเกิดปัญหาได้เช่น
00:43:02 → 00:43:07 เดียวกันนะคะอ่ะใครที่สนใจตัวนี้นะคะ Hair
00:43:07 → 00:43:11 densifying booster จาก if สอบถามราย
00:43:11 → 00:43:15 ละเอียดข้อมูลเพิ่มเติมได้ตามช่องทางที่
00:43:15 → 00:43:17 ขึ้นอยู่หน้าจอได้เลยค่ะและพิเศษสำหรับ
00:43:18 → 00:43:20 ผู้ที่รับชมรายการตั๊ก Talk นะคะลง
00:43:20 → 00:43:23 ทะเบียนผ่านลิงก์คุณก็ได้รับสิทธิ์ที่จะ
00:43:23 → 00:43:27 ซื้อ Hair Densifying Booster เพียง 999
00:43:27 → 00:43:29 บาทเท่านั้นจาก
00:43:29 → 00:43:33 1,490 บาทมีจำนวนจำกัดนะ
00:43:33 → 00:43:35 [เพลง]
00:43:35 → 00:43:40 คะพี่ตั๊กขอแชร์นะคะการทำรายการดีๆนั้น
00:43:40 → 00:43:42 ผู้ที่สนับสนุนรายการนั้นถือว่าเป็น
00:43:42 → 00:43:45 เรื่องสำคัญมากคทentดีๆและเป็นประโยชน์
00:43:45 → 00:43:48 กับคุณผู้ชมในวันนี้นะคะเราได้รับการ
00:43:48 → 00:43:52 สนับสนุนจากEroชดูคลิปนี้จบแล้วนะคะเชื่อ
00:43:52 → 00:43:55 ว่าทุกคนจะได้รับเคล็ดลับดีๆในการดูแล
00:43:55 → 00:43:58 เส้นผมของตัวเองไปด้วยนะคะเพราะฉะนั้นใคร
00:43:58 → 00:44:00 ที่มีเคล็ดลับดีๆในเรื่องของการดูแลเส้น
00:44:00 → 00:44:04 ผมเป็นยังไงแชร์มาบอกกันหน่อยหรือว่าดู
00:44:04 → 00:44:07 รายการจบแล้วอยากให้พี่ตั๊กชวนใครมาคุย
00:44:07 → 00:44:09 อยากชมเรื่องอะไรอยากคุยเรื่องอะไรหรือ
00:44:10 → 00:44:13 ว่าชอบอะไรไม่ชอบอะไรในรายการแล้วก็
00:44:13 → 00:44:16 คอมเมนต์มาบอกในรายการได้เลยไม่ต้องเกรง
00:44:16 → 00:44:18 ใจนะคะพวกเราเนี่ยอยากจะปรับปรุงรายการ
00:44:18 → 00:44:22 ให้ดีที่สุดนะคะเพื่อคุณผู้ชม Live Do
00:44:22 → 00:44:25 ทุกท่านแล้วก็อย่าลืมนะคะฝากกดไลค์กดแชร์
00:44:25 → 00:44:28 กดติดตามทางช่อง Live Dot เป็นกำลังใจ
00:44:28 → 00:44:32 ให้พี่ตั๊กและทีมงานทุกคนค่ะ
00:44:32 → 00:44:35 [เพลง]