00:00:00 → 00:00:03 สวัสดีครับผมคิดว่าหลายๆคนก็คงจะได้รับ
00:00:03 → 00:00:05 ข่าวที่เกาหลีแล้วนะครับที่ it Hair on
00:00:05 → 00:00:08 นะฮะเนื่องด้วยวันฮาโลวีนนี่ก็มีการออกไป
00:00:08 → 00:00:12 ปาร์ตี้ที่อีแทวอนนะครับแล้วก็มีคนตาย
00:00:12 → 00:00:15 จำนวนมากเลยนะครับก็เลยอยากจะเอาเรื่อง
00:00:15 → 00:00:18 นี้มาเล่าให้ฟังนะครับจริงๆวันนี้เนี่ยผม
00:00:18 → 00:00:20 ก็ไม่ได้คิดจะเอาเรื่องนี้ออกมาพูดนะครับ
00:00:20 → 00:00:22 เพราะว่ากะจะเอาเรื่องอื่นออกมาพูดซึ่งผม
00:00:22 → 00:00:24 จะเอาไว้วันถัดไปแล้วกันนะครับแต่ว่า
00:00:24 → 00:00:26 เนื่องจากเรื่องนี้นี่มันเป็นเหตุการณ์
00:00:26 → 00:00:28 ที่สะเทือนขวัญผมก็เลยอยากจะเอามา
00:00:28 → 00:00:29 วิเคราะห์เหตุการณ์ว่าเออทำไมมันถึงเกิด
00:00:29 → 00:00:32 ขึ้นได้นะครับแล้วทำไมคนพวกนั้นถึงตายได้
00:00:32 → 00:00:35 นะครับทำไมถึงหัวใจหยุดเต้นนะฮะแล้วทำไม
00:00:35 → 00:00:37 มันถึงเป็นพร้อมกันหลายๆคนนะครับก็เดี๋ยว
00:00:37 → 00:00:40 ลองฟังกันดูนะครับพบกับผมนะครับนายแพทย์
00:00:40 → 00:00:42 ธนินทะนียวรรณนะครับเป็นอาจารย์แพทย์อยู่
00:00:42 → 00:00:44 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกานะครับเชี่ยวชาญโรค
00:00:44 → 00:00:46 ปลอดการปลูกถ่ายปอดและธุรกิจบำบัดนะครับ
00:00:46 → 00:00:49 ก็แน่นอนนะครับเวลาที่เรามีฮาโลวีนนะครับ
00:00:49 → 00:00:54 ที่หลายปีก่อนที่ผ่านมามันจำเป็นจะต้อง
00:00:54 → 00:00:56 ใส่หน้ากากออกไปเพื่อที่เฉลิมฉลองนะครับ
00:00:56 → 00:00:58 แล้วปีนี้มันเป็นบังเอิญมันเป็นปีแรกซึ่ง
00:00:58 → 00:01:01 ไม่จำเป็นต้องใส่หน้ากากแล้วเราก็ย่าน
00:01:01 → 00:01:03 detaewon ก็ถ้าใครเคยไปเกาหลีใต้เนี่ยคง
00:01:03 → 00:01:05 จะทราบดีอยู่แล้วนะครับว่าเป็นย่าน
00:01:05 → 00:01:08 บันเทิงนะฮะที่ค่อนข้างที่จะใหญ่ใครที่
00:01:08 → 00:01:11 อยากจะมีงานเลี้ยงสังสรรค์อะไรก็มักจะไป
00:01:11 → 00:01:14 กันที่นี่นะครับแล้วบังเอิญอัดอั้นมาหลาย
00:01:14 → 00:01:16 ปีนะครับหลังจากที่มีโควิดแล้วต้องใส่
00:01:16 → 00:01:17 หน้ากากบังเอิญปีนี้มันไม่ต้องใส่ก็เลย
00:01:17 → 00:01:20 ออกมากันหมดนะฮะแล้วมีการโฆษณาตั้งแต่
00:01:20 → 00:01:23 ก่อนที่จะไปจัดงานว่าเอองานปีนี้มันจะ
00:01:23 → 00:01:26 ต้องยิ่งใหญ่ที่สุดนะครับมีการไลฟ์ฟรีมี
00:01:26 → 00:01:29 การออกมาพูดทางสื่อต่างๆของหลายๆคนนะครับ
00:01:29 → 00:01:31 ก็เลยเป็นสาเหตุที่ทำให้คนมันไปกันเยอะ
00:01:31 → 00:01:35 มากนะครับทีนี้เวลาคนเราเนี่ยมันอยู่รวม
00:01:35 → 00:01:37 กันเยอะมากๆแล้วนะครับโดยเฉพาะถ้าเกิดว่า
00:01:37 → 00:01:40 มีการที่ดื่มแอลกอฮอล์หรืออะไรพวกนี้นะ
00:01:40 → 00:01:43 ครับมันก็จะเกิดปัญหาต่างๆขึ้นมาได้นะ
00:01:43 → 00:01:47 ครับปัญหาการที่คนมันเบียดกันเนี่ยมันมี
00:01:47 → 00:01:49 ได้หลายอย่างนะครับอย่างแรกบางคนเนี่ยหาย
00:01:49 → 00:01:51 ใจไม่ออกจริงๆมันอาจจะเริ่มจากคนๆนึงก็
00:01:51 → 00:01:53 ได้นะครับที่บังเอิญเกิดเหตุการณ์ที่ทำ
00:01:53 → 00:01:55 ให้หัวใจเขามีปัญหาแล้วหายใจไม่ออกแล้ว
00:01:55 → 00:01:58 หยุดเต้นนะครับหรืออีกกรณีนึงก็คืออาจจะ
00:01:58 → 00:02:01 เกิดจากการที่ว่าว่าเหยียบกันนะครับคือ
00:02:01 → 00:02:04 ฝูงชนมันอยู่แน่นกันมากนะครับมันก็เลยไม่
00:02:04 → 00:02:07 มีโอกาสที่จะบอกได้ว่าคนไหนเนี่ยมันจะ
00:02:07 → 00:02:08 ต้องเดินไปทางไหนคือท่านยืนดูสิครับถ้า
00:02:08 → 00:02:10 เกิดคนนึงเดินมาจากครั้งนี้และอีกกลุ่ม
00:02:10 → 00:02:11 นึงเดิมมาจากทางนี้
00:02:11 → 00:02:14 แล้วคนที่อยู่ตรงกลางต้องการจะออกไปอีก
00:02:14 → 00:02:16 ที่นึงแต่มันออกไปไม่ได้เพราะว่าท่านดูใน
00:02:16 → 00:02:19 ข่าวนะมันจะมีกำแพงอยู่ 2 ข้างนะครับแล้ว
00:02:19 → 00:02:21 ก็มีร้านค้าอยู่ 2 ข้างซึ่งมันไปทางไหน
00:02:21 → 00:02:23 ไม่ได้เลยนะครับถ้าเกิดสมมุติว่าตรงกลาง
00:02:23 → 00:02:26 เนี่ยมีคนที่เป็นลมหรือว่าล้มอะไรไป 1 คน
00:02:26 → 00:02:29 เท่านั้นนะครับคือทุกๆคนเนี่ยมันไม่มี
00:02:29 → 00:02:31 โอกาสที่จะบอกให้ใครเข้ามาช่วยเหลือตรง
00:02:31 → 00:02:33 นั้นได้นะครับคนๆนั้นก็มีสิทธิ์ที่จะถูก
00:02:33 → 00:02:36 เหยียบแล้วก็เสียชีวิตทีนี้พอผลัดคนนึง
00:02:36 → 00:02:38 ล้มแล้วเนี่ยคนที่เหลือๆก็แน่นอนว่าจะ
00:02:38 → 00:02:41 ต้องตื่นตกใจนะครับพอตื่นตกใจแล้วอะไร
00:02:41 → 00:02:43 เกิดขึ้นก็อาจจะมีการล้มไปอีกนะครับล้ม
00:02:43 → 00:02:46 อีกก็โดนเหยียบอีกนะครับหลายๆคนเข้าก็
00:02:46 → 00:02:49 ยิ่งคราวนี้ทุกคนก็ตื่นตกใจล่ะครับทีนี้
00:02:49 → 00:02:53 คนที่เป็นแพนิคเนี่ยโอ้จะยิ่งจะยิ่งตกใจ
00:02:53 → 00:02:54 ใหญ่เลยถูกไหมครับเวลา planing เนี่ยเรา
00:02:54 → 00:02:56 รู้ว่าอะไรมากระตุ้นเนี่ยสิ่งที่เกิดขึ้น
00:02:56 → 00:03:00 คืออะไรครับหายใจไม่ทันนะครับใจสั่นหน้า
00:03:00 → 00:03:02 มืดและอาจจะล้มลงไปตอนนั้นเลยนะครับแล้ว
00:03:02 → 00:03:05 ก็ยิ่งมีปัญหาเข้าไปใหญ่นะครับนั่นก็คือ
00:03:05 → 00:03:08 เหตุผลที่ว่าเออทำไมมันถึงเกิดต่อเนื่อง
00:03:08 → 00:03:11 กันเยอะๆเวลาที่เรามีคนนึงล้มไปที่คนที่
00:03:11 → 00:03:13 อยู่ข้างๆตกใจหรือว่าเหยียบกันล้มไป
00:03:13 → 00:03:15 เรื่อยๆอย่างนี้ก็จะยิ่งเกิดปัญหาทำให้
00:03:15 → 00:03:17 เกิดปัญหาต่างๆตามมาได้นะครับ
00:03:17 → 00:03:22 ทีนี้เราก็ลองคิดดูสิครับว่าเออถ้าเรา
00:03:22 → 00:03:24 บังเอิญอยู่ในเหตุการณ์นั้นเดี๋ยวผมจะพูด
00:03:24 → 00:03:26 ต่อไปว่าทำไมคนพวกนี้เสียชีวิตได้นะครับ
00:03:26 → 00:03:29 ถ้าสมมุติว่าอยู่ในเหตุการณ์แบบนั้นจริงๆ
00:03:29 → 00:03:32 เนี่ยแน่นอนว่าก็มันค่อนข้างที่จะลำบาก
00:03:32 → 00:03:34 ถ้าท่านเป็นคนที่ยืนอยู่ในบริเวณที่คน
00:03:34 → 00:03:38 เยอะๆนะครับอ่าการที่เราพยายามจะเอามือ
00:03:38 → 00:03:40 กันตัวเองไว้อย่างนี้เมื่อเพื่อนๆไม่ให้
00:03:40 → 00:03:42 เข้าไปใกล้ชิดกับคนข้างหน้ามากจนเกินไปก็
00:03:42 → 00:03:44 อาจจะเป็นการช่วยเหลือเพิ่มช่องอากาศที่
00:03:44 → 00:03:47 ท่านได้นะครับอันนี้อันที่ 1 นะครับอัน
00:03:47 → 00:03:50 ที่ 2 คือแน่นอนว่าการที่เราเดินชิดกับคน
00:03:50 → 00:03:52 หน้ามากๆแล้วก็คนข้างหลังก็ชิดกับเรามากๆ
00:03:52 → 00:03:56 นะครับถ้าเราพลาดล้มลงไปเลยเนี่ยนะครับ
00:03:56 → 00:03:58 แน่นอนว่าโอกาสที่เราจะถูกเหยียบเนี่ย
00:03:58 → 00:04:01 เยอะมากเลยนะครับดังนั้นเราจำเป็นจะต้อง
00:04:01 → 00:04:06 พยายามเดินให้เราถ้าเป็นผมแนะนำนะครับอาจ
00:04:06 → 00:04:09 จะโยนแยกขาออกสักนิดนึงนะครับสมมุติตรง
00:04:09 → 00:04:11 นี้เป็นขานะครับที่ปกติเราเดินอย่างนี้นะ
00:04:11 → 00:04:14 เราแยกออกข้างๆนะครับแล้วเท้าเราลองหันไป
00:04:14 → 00:04:16 ข้างๆนิดนึงสักประมาณ 45 องศามันแบะๆนิด
00:04:16 → 00:04:19 นึงนะครับไม่มีใครเขาดูเราหรอกครับเพราะ
00:04:19 → 00:04:20 ว่าคนมันเยอะขนาดนั้นมองเท้ากันไม่เห็น
00:04:20 → 00:04:22 แต่ถ้าท่านทำแบบนี้มันจะทำให้ศูนย์กลาง
00:04:22 → 00:04:25 ของท่านมั่นคงมากขึ้นเวลาที่เราเยินนะ
00:04:25 → 00:04:27 ครับเราก็เดินแน่นอนว่าเราไม่ได้เดินเร็ว
00:04:27 → 00:04:29 แล้วเดินช้าๆอย่างนี้อยู่แล้วแต่ถ้าท่าน
00:04:29 → 00:04:31 เทอมแบบนี้แล้วเท้าชิดกันมันล้มง่ายอ่ะ
00:04:31 → 00:04:34 ครับเดินเหยียบอะไรนิดนึงสะดุดนิดนึงมัน
00:04:34 → 00:04:36 ล้มล้มแล้วมันลุกไม่ได้เลยนะครับแต่ถ้า
00:04:36 → 00:04:38 ท่านเดินแบบเนี่ยงอเข่านิดนึงแล้วก็ขาแบะ
00:04:38 → 00:04:40 ออกไปอย่างนี้นิดนึงนะครับมันก็อาจจะทำ
00:04:40 → 00:04:43 ให้ท่านเนี่ยมีความมั่นคงในการเดินมาก
00:04:43 → 00:04:45 ขึ้นแล้วการที่เราเอามือมากันไว้ข้างหน้า
00:04:45 → 00:04:47 นี่มันก็กันไม่ให้มีอะไรมาเบียดกระทบโดน
00:04:47 → 00:04:49 เรามากขึ้นนะครับเราเอามือยันไว้ก็ได้นะ
00:04:49 → 00:04:53 ครับอ่าทีนี้ทำไมคนเหล่านี้ถึงเสียชีวิต
00:04:53 → 00:04:56 ได้นะครับผมอยากจะให้ท่านรู้จักคำๆนึงคือ
00:04:56 → 00:04:58 ว่าเป็นคำที่เรียกว่า formatic
00:04:58 → 00:05:01 assignation นะครับก็คือเป็นการที่บาด
00:05:01 → 00:05:03 เจ็บแอฟริกาเช่นก็คือการขาดอากาศนะครับ
00:05:03 → 00:05:06 อีกโรคหนึ่งซึ่งมาเกี่ยวข้องกันด้วยก็คือ
00:05:06 → 00:05:09 เรื่องของ Trust injury นะครับเอาเรื่อง
00:05:09 → 00:05:11 ของ tomatic assistiation ก่อนซึ่งผมคิด
00:05:11 → 00:05:13 ว่ามันน่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้คนเหล่านี้
00:05:13 → 00:05:16 เสียชีวิตคือถ้าเกิดคนเราล้มไปแล้วเนี่ย
00:05:16 → 00:05:17 โดนเหยียบนะครับ
00:05:17 → 00:05:20 แน่นอนมันโดนเหยียบบริเวณที่ทำให้หายใจ
00:05:20 → 00:05:22 ไม่ได้ก็คือเหยียบหลังนะครับท่านจำกรณี
00:05:22 → 00:05:25 ของจอร์จฟลอยด์ได้หรือเปล่าครับที่มี
00:05:25 → 00:05:29 ตำรวจที่อเมริกาเนี่ยเอาเข่านะครับไปกด
00:05:29 → 00:05:31 ตรงบริเวณคอแล้วก็กดตรงหน้าอกทำให้เขา
00:05:31 → 00:05:32 เนี่ยไม่สามารถลุกมาได้แล้วหายใจไม่ได้
00:05:33 → 00:05:35 นั้นน่ะก็เป็น promatic assistion อย่าง
00:05:35 → 00:05:38 หนึ่งนะครับสิ่งที่เกิดขึ้นเวลาที่มีการ
00:05:38 → 00:05:40 เหยียบนะครับมันไม่จำเป็นต้องเหยียบตรง
00:05:40 → 00:05:42 นั้นตลอดเวลานะครับถ้าเหยียบแรงพอสมควร
00:05:42 → 00:05:46 เนี่ยนะครับมันก็เกิดละนะฮะแต่ถ้าส่วน
00:05:46 → 00:05:48 ใหญ่แล้วเจอคนมากขนาดนั้นมันเหยียบตลอด
00:05:48 → 00:05:50 เวลาแน่ๆอยู่แล้วครับเพราะว่าคนข้างหลัง
00:05:50 → 00:05:52 ก็ไม่มีโอกาสจะเห็นได้ว่าคนข้างหน้าเขาลง
00:05:52 → 00:05:55 ไปแล้วถูกไหมครับเพราะว่าเรายืนติดกับคน
00:05:55 → 00:05:56 ข้างหน้าตลอดเวลาถ้าคนข้างหน้าเราล้มไป
00:05:57 → 00:05:59 โดนเหยียบตลอดเวลาอย่างนี้ก็ได้ครับ
00:05:59 → 00:06:01 สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือการเหยียบเนี่ยนะ
00:06:01 → 00:06:04 ครับมันจะทำให้ความดันในช่องทรวงอกเพิ่ม
00:06:04 → 00:06:07 ขึ้นอย่างมากเลยนะครับแล้วเพิ่มขึ้นมัน
00:06:07 → 00:06:10 เกิดอะไรขึ้นนะครับเลือดที่มันจะไหลเข้า
00:06:10 → 00:06:12 มาในช่องทรวงอกมันจะเข้ามาไม่ได้นะครับ
00:06:12 → 00:06:15 ทำไมมันต้องไหลเข้ามาก็เพราะว่าเลือดที่
00:06:15 → 00:06:18 มันใช้เลี้ยงตามส่วนต่างๆของร่างกายทั้ง
00:06:18 → 00:06:21 หัวทั้งแขนทั้งขาเนี่ยมันจะต้องกลับมาสู่
00:06:21 → 00:06:24 หัวใจห้องขวาเพื่อที่จะบีบไปที่ปอดแล้วก็
00:06:24 → 00:06:26 แลกเปลี่ยนออกซิเจนหลังจากนั้นก็ส่งไปให้
00:06:26 → 00:06:28 หัวใจห้องด้านซ้ายบีบออกไปเลี้ยงทั้งร่าง
00:06:28 → 00:06:31 กายอีกรอบนึงแต่ทีนี้ถ้าเลือดมันเข้ามา
00:06:31 → 00:06:34 ไม่ได้แล้วล่ะก็นะครับสิ่งที่เกิดก็คือ 1
00:06:34 → 00:06:37 เราจะไม่มีออกซิเจนที่จะส่งไปเลี้ยงร่าง
00:06:37 → 00:06:40 กายต่างๆปริมาณเลือดที่อยู่ในปอดเนี่ยที่
00:06:40 → 00:06:42 มันจะบีบออกจากหัวใจไปเลี้ยงตามที่ต่างๆ
00:06:42 → 00:06:44 มันจะไม่มีมันจะลดลงทันทีเลยเดี๋ยวนั้น
00:06:44 → 00:06:46 เลยนะครับเกิดจากการที่เรามีความดันใน
00:06:46 → 00:06:49 ช่องปอดมากๆเนี่ยความดันมันจะทำให้เลือด
00:06:49 → 00:06:52 ไหลกลับเข้ามาในในบริเวณช่องอกที่ปอดก็
00:06:52 → 00:06:54 ไม่ได้ 1 มันหายไปและอันที่ 2 คือปริมาณ
00:06:54 → 00:06:56 เลือดมันกลับมาน้อยมันก็มีส่งไปให้หัวใจ
00:06:56 → 00:06:58 ห้องซ้ายน้อยแล้วก็การแลกเปลี่ยนการ
00:06:58 → 00:07:59 ออกซิเจนก็จะไม่ดี
00:07:59 → 00:08:02 พอได้นะครับพอบีบออกไปไม่เพียงพอแล้วเกิด
00:08:02 → 00:08:04 ร่างกายมันต้องการมากขึ้นกว่านั้นอีกก็
00:08:04 → 00:08:05 คือมันมีการ Panic Panic คืออะไรครับ
00:08:05 → 00:08:08 Panic คือร่างกายเนี่ยสมองมันตกใจละมัน
00:08:08 → 00:08:11 สั่งให้ฮอร์โมนถ้ากรเรามีออกมาก็คือ
00:08:11 → 00:08:13 ฮอร์โมนพวก Adidas Lee พวกนี้ออกมานะ
00:08:13 → 00:08:16 ครับออกมามากๆมันจะกระตุ้นหัวใจให้มัน
00:08:16 → 00:08:18 เต้นเร็วมากขึ้นให้เรายิ่งพยายามหายใจมาก
00:08:18 → 00:08:21 ขึ้นนะครับการทำแบบนั้นเนี่ยมันยิ่งแย่
00:08:21 → 00:08:23 ใหญ่เลยนะครับคือหัวใจบีบเร็วมากขึ้น
00:08:23 → 00:08:26 เรื่อยๆแล้วซึ่งมันไม่ดีนะครับบีบเร็วนี้
00:08:26 → 00:08:28 เร็วเกินไปไม่ดีแล้วร่างกายต้องการ
00:08:28 → 00:08:30 ออกซิเจนเพิ่มขึ้นก็พยายามจะขยับจะพยายาม
00:08:30 → 00:08:31 จะดิ้นนะครับ
00:08:31 → 00:08:35 ออกซิเจนที่มันมีน้อยอยู่แล้วมันก็หมดไป
00:08:35 → 00:08:37 เร็วเพิ่มขึ้นนะครับนั่นคือกรณีที่ 1 อีก
00:08:37 → 00:08:40 นะกรณีที่ 2 คือร่างกายจะพยายามหายใจเข้า
00:08:40 → 00:08:43 ไปให้ได้นะครับแต่ว่ามันโดนเหยียบอยู่นะ
00:08:43 → 00:08:46 ครับคนปกติเวลาที่เราหายใจหน้าอกมันจะ
00:08:46 → 00:08:47 ขยายออกถูกไหมครับแบบเนี้ย
00:08:47 → 00:08:50 หน้าอกจะยกออกถูกมั้ยครับใครใช้ออกมันก็
00:08:50 → 00:08:53 จะเข้าไปเหมือนเดิมแต่ถ้าท่านลองหายใจ
00:08:53 → 00:08:55 เข้าแล้วมันมันหน้าอกไม่กระเพื่อมขึ้นมา
00:08:55 → 00:08:59 เกิดอะไรขึ้นครับ
00:08:59 → 00:09:02 มันเกิดอย่างนี้ครับในทรวงอกจากความดัน
00:09:02 → 00:09:05 ที่เป็นบวกมากๆมันพยายามจะดึงให้ความดัน
00:09:05 → 00:09:08 มันเป็นลบให้ได้เพื่อที่จะเอาทุกๆอย่าง
00:09:08 → 00:09:10 อวกาศเข้ามาในทรวงอกเพราะว่าปอดของเรา
00:09:10 → 00:09:12 เนี่ยมันไม่ใช่หาหายใจเองได้นะครับมัน
00:09:12 → 00:09:14 ต้องใช้กล้ามเนื้อที่อยู่รอบๆนะครับเพื่อ
00:09:14 → 00:09:17 ดึงอากาศเข้ามานะฮะทีนี้พอดึงอากาศเข้ามา
00:09:17 → 00:09:20 ไม่ได้เนี่ยนั่นน่ะมีปัญหาเราจะต้อง
00:09:20 → 00:09:22 พยายามทำให้ข้างในมันเป็นความดันลบเพื่อ
00:09:22 → 00:09:24 จะดึงอากาศเข้าไปแต่มันทำไม่ได้ทำไม่ได้
00:09:24 → 00:09:27 แล้วมันเกิดอะไรขึ้นนะครับอย่างที่บอกบอก
00:09:27 → 00:09:30 นะทำไม่ได้ปุ๊บเนี่ยข้างในพอมันเริ่มเป็น
00:09:30 → 00:09:32 ความดันเป็นลบต่างๆเพิ่มขึ้นเพิ่มขึ้น
00:09:32 → 00:09:35 เพิ่มขึ้นนะครับไอ้พวกหลอดเลือดในปอดต่าง
00:09:35 → 00:09:40 ๆพวกนี้นะครับมันจะยิ่งมีปัญหานะครับมัน
00:09:40 → 00:09:42 จะยิ่งมีปัญหามากขึ้นเรื่อยๆแล้วก็เกิด
00:09:42 → 00:09:46 ภาวะน้ำท่วมปอดได้ฉับพลันในกรณีแบบนี้นะ
00:09:46 → 00:09:49 ครับซ้ำร้ายไปกว่านั้นการที่โดนเหยียบ
00:09:49 → 00:09:52 เข้าไปบางครั้งมันเป็นการบอบช้ำที่ปอดนะ
00:09:52 → 00:09:55 ครับปอดมันก็จะเสียเกิดเลือดออกได้ที่ออก
00:09:55 → 00:09:58 นะฮะอ่าอันนี้ก็เรียกว่า promenadry
00:09:58 → 00:10:00 contruction นะครับคือปอดเหมือนช้ำเลือด
00:10:00 → 00:10:02 นั่นเองนะครับเวลามันช้ำเลือดเนี่ยมันจะ
00:10:02 → 00:10:04 แลกเปลี่ยนก๊าซออกซิเจนไม่ได้นะครับหรือ
00:10:04 → 00:10:07 บางคนซี่โครงหักและซี่โครงหักถ้ามันไปที่
00:10:07 → 00:10:10 ปอดล่ะหรือที่เส้นเลือดตรงนั้นเกิดอะไร
00:10:10 → 00:10:11 ขึ้นมาครับ
00:10:11 → 00:10:14 ลมรั่วนะครับหรือที่เราเรียกว่า New
00:10:14 → 00:10:17 mortos ก็คือมีลมอยู่ในช่องเยื่อหุ้มปอด
00:10:17 → 00:10:19 นะครับลมพวกนี้มันรั่วเข้าไปแล้วมันไม่ดี
00:10:19 → 00:10:23 ยังไงมันจะขยายขนาดเพิ่มขึ้นแล้วเป็น
00:10:23 → 00:10:25 เบียดบังทำให้ปอดของเราเนี่ยมันเล็กลง
00:10:25 → 00:10:28 เล็กลงลมก็ยิ่งเข้าไม่ได้ปอดก็ยิ่งไม่มี
00:10:28 → 00:10:31 ที่แลกเปลี่ยนก๊าซนะครับแล้วนอกเหนือจาก
00:10:31 → 00:10:33 นั้นมันยังไม่เบียดหัวใจทำให้หัวใจมัน
00:10:33 → 00:10:35 ยิ่งปกติความดันในช่องปอดตรงนี้มันเยอะ
00:10:35 → 00:10:37 อยู่แล้วจากการโดนเหยียบมันจะยิ่งเยอะ
00:10:37 → 00:10:39 เข้าไปใหญ่เพราะว่าไอ้การที่มีลมมีเลือด
00:10:39 → 00:10:42 เนี่ยไปเบียดบังนะครับไปกดหัวใจทำให้หัว
00:10:42 → 00:10:46 ใจมันคลายตัวไม่ออกละตอนนี้ปกติหัวใจต้อง
00:10:46 → 00:10:48 คลายตัวเพื่อรับเลือดแล้วก็บีบตัวเพื่อ
00:10:48 → 00:10:50 เอาเลือดไปส่งเลี้ยงตามที่ต่างๆแต่ถ้ามัน
00:10:51 → 00:10:54 คลายไม่ได้เพราะว่ามันโดนบีบไว้อ่ะนะครับ
00:10:54 → 00:10:57 ก็จะเกิดหัวใจวายขึ้นมานะครับนี่แหละคือ
00:10:57 → 00:11:00 กระบวนการเข้ามาติดแอปพลิเคชั่นซึ่งเกิด
00:11:00 → 00:11:03 ได้หลายๆแบบนะครับคืออย่างแรกการที่ความ
00:11:03 → 00:11:05 ดันในช่องทรวงอกมันเยอะนะครับทำให้เลือด
00:11:05 → 00:11:08 กลับไปเลี้ยงที่หัวใจไม่เพียงพอหัวใจก็จะ
00:11:08 → 00:11:09 บีบออกไปที่อื่นไม่เพียงพอนะครับเกิด
00:11:09 → 00:11:11 อาการ Panic ร่างกายต้องการออกซิเจนสูง
00:11:11 → 00:11:15 ขึ้นแต่ว่ามันไม่มีออกซิเจนจะให้หายใจหาย
00:11:15 → 00:11:17 ใจลำบากเพราะว่ามันต้องหายใจสู้กับแรงที่
00:11:17 → 00:11:20 เหยียบเข้ามานะครับน้ำท่วมปอดได้ปอดโดน
00:11:20 → 00:11:21 เหยียบแล้วก็เกิดเป็น poomerry
00:11:21 → 00:11:23 contruction คือเลือดออกในปอดได้นะครับ
00:11:23 → 00:11:27 ซี่โครงอาจจะไปหักเราก็จิ้มปอดปอดทะลุนะ
00:11:27 → 00:11:31 ครับยิ่งมีลมรั่วในปอดนิวตอแรกซ์ไปกดเอา
00:11:31 → 00:11:34 หัวใจทำให้มันยิ่งแย่นะครับแค่นี้ก็ทำให้
00:11:34 → 00:11:36 คนเสียชีวิตได้แล้วครับแต่มันยังไม่แค่
00:11:36 → 00:11:39 นั้นนะครับคือการที่เขาโดนเหยียบตาม
00:11:39 → 00:11:41 บริเวณต่างๆถ้าสมมุติว่ามีการเหยียบตาม
00:11:41 → 00:11:44 แขนตามขาเนี่ยเราจะเรียกว่า Class intery
00:11:44 → 00:11:47 นะครับถ้าโดนเหยียบเป็นเวลานานซึ่งแน่นอน
00:11:47 → 00:11:50 คนเยอะขนาดนั้นมันไม่สามารถช่วยคนออกมา
00:11:50 → 00:11:52 ได้อย่างรวดเร็วมันก็เหมือนกรณีที่ตึก
00:11:52 → 00:11:54 ถล่มอ่ะครับที่คนติดอยู่ในซากตึกเป็นเวลา
00:11:54 → 00:11:57 นานๆกว่าเราจะช่วยออกมาได้นะครับการที่
00:11:57 → 00:11:59 โดนกดทับบริเวณไหนบริเวณหนึ่งเวลานานๆ
00:12:00 → 00:12:03 กล้ามเนื้อบริเวณนั้นมันจะตายมันจะตายนะ
00:12:03 → 00:12:06 ครับมันตายแล้วมันเกิดอะไรขึ้น
00:12:06 → 00:12:09 เซลล์ของเราเวลามันตายที่เราเรียกว่า Net
00:12:09 → 00:12:11 process เนี่ยนะครับมันจะมีการปล่อยสาร
00:12:11 → 00:12:13 ต่างๆออกมาเต็มไปหมดเลยสารอะไรบ้างเช่น
00:12:13 → 00:12:15 ปวดแทสเซียม
00:12:15 → 00:12:18 ฟอสฟอรัสไมโอโกบินอะไรอย่างนี้นะครับเป็น
00:12:18 → 00:12:21 ไปหมดเลยแต่ว่าสารที่สำคัญมากๆก็คือตัว
00:12:21 → 00:12:25 อะไรครับตัว podcastem นั่นเอง portthasm
00:12:25 → 00:12:27 เนี่ยปกติมันอยู่ในเลือดของเราเนี่ยมันจะ
00:12:27 → 00:12:29 อยู่ถ้าเราไปเจาะเลือดแล้วเราดู
00:12:29 → 00:12:30 โพแทสเซียมของเราเนี่ยมันจะอยู่ที่ประมาณ
00:12:30 → 00:12:34 4 นะครับ 3.5 ถึงประมาณ 4.5 ไม่เกินนี้
00:12:34 → 00:12:36 นะครับถ้ามันสูงหัวใจเราจะเต้นผิดปกติได้
00:12:36 → 00:12:40 นะครับแล้วการที่กล้ามเนื้อมันตายจากการ
00:12:40 → 00:12:42 โดนเหยียบเป็นเวลานาน
00:12:42 → 00:12:44 มันปล่อยออกโพแทสเซียมพวกนี้ออกมาได้นะ
00:12:44 → 00:12:47 ครับแล้วถ้ามันไปไหนครับโพแทสเซียมพวกนี้
00:12:47 → 00:12:49 ที่มันออกมาทีเดียวเยอะๆเลยเนี่ยมันไม่
00:12:49 → 00:12:50 ใช่ออกมาทีละนิดทีละนิดมันออกมาทีเดียว
00:12:50 → 00:12:53 ตู้มเดี่ยวๆแล้วมันเข้าสู่กระแสเลือดไป
00:12:53 → 00:12:56 ที่หัวใจหัวใจเราทำงานหนักอยู่แล้วด้วย
00:12:56 → 00:12:59 อาการ Panic นะครับด้วย adeles ที่หลั่ง
00:12:59 → 00:13:01 นะครับด้วยการที่มันเลื่อนไม่เพียงพอมัน
00:13:01 → 00:13:03 ต้องรีบบีบด้วยการที่ร่างกายต้องการ
00:13:03 → 00:13:05 ออกซิเจนเพิ่มขึ้นมันจะบีบๆอย่างนี้อยู่
00:13:05 → 00:13:07 แล้วแล้วถ้ามันเจอเอาโพแทสเซียมเข้าไป
00:13:07 → 00:13:10 แล้วเราก็มันจะเข้าสู่จังหวะของหัวใจอัน
00:13:10 → 00:13:12 นึงที่เรียกว่า venturea fifiration
00:13:12 → 00:13:16 เว้นชุดแรก federation คืออะไรคือห้องหัว
00:13:16 → 00:13:19 ใจด้านล่างปกติมันควรจะบีบอย่างนี้เพื่อ
00:13:19 → 00:13:21 ที่เราเลือกไปเลี้ยงแต่มันบีบไม่ได้แล้ว
00:13:21 → 00:13:22 มันเป็นอย่างนี้มันเป็นสั่นพริ้วนะครับ
00:13:22 → 00:13:25 สั่นผิวเราเลื่อนมันจะไม่ออกไปเลยพอเลือด
00:13:25 → 00:13:27 ไม่ออกไปเลยเลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอนั่น
00:13:27 → 00:13:30 คือหัวใจจะอยู่เต้นครับนะครับอันนี้
00:13:30 → 00:13:34 อันตรายสุดๆไปเลยนะครับเพราะว่าถ้าถ้ามัน
00:13:34 → 00:13:36 มีอย่างนี้ขึ้นมาก็แย่นะครับอีกอย่าง
00:13:36 → 00:13:38 หนึ่งคือถ้าใครบังเอิญกระดูกหักโดยเฉพาะ
00:13:38 → 00:13:41 กระดูกต้นขานะครับตรงบริเวณสะโพกจนถึงหัว
00:13:42 → 00:13:43 เข่าเนี่ยจะเรียกว่ากระดูกฝีมือกระดูก
00:13:43 → 00:13:46 ใหญ่ๆนะครับถ้าตรงนี้หักเราเนี่ยข้างในไข
00:13:46 → 00:13:49 กระดูกเนี่ยมันจะมีพวกไขมันเยอะมากบางที
00:13:49 → 00:13:52 ไขมันมันหลุดเข้าหลอดเลือดนะครับแล้วไป
00:13:52 → 00:13:55 อุดตันเส้นเลือดที่ปอดจบเลยครับอันนี้เรา
00:13:55 → 00:13:57 จะเรียกว่า Fat ambulism นะครับ Fat ก็
00:13:57 → 00:13:59 คือเป็นพวกไขมันตามที่กระดูกพวกนี้มันออก
00:13:59 → 00:14:02 มาไม่ใช่ไขมันตามหน้าท้องหรืออะไรนะครับ
00:14:02 → 00:14:04 พวกนั้นไม่เกี่ยวอะไรกันแต่ไขมันที่
00:14:04 → 00:14:07 กระดูกนะครับใครกระดูกมันหักแล้วมันหลุด
00:14:07 → 00:14:09 ออกมาในเส้นเลือดแล้วมันวิ่งเข้าไปไหนไป
00:14:09 → 00:14:11 ที่ปอดนะครับไอ้เส้นเลือดตรงนี้
00:14:11 → 00:14:15 โดนอุดนะครับอุดปุ๊บมันส่งเลือดไม่ได้หัว
00:14:15 → 00:14:18 ใจก็ไม่ก็แย่เลยนะครับก็ยิ่งมีปัญหาอัน
00:14:18 → 00:14:20 นี้ก็เป็นอีกทางหนึ่งที่ทำให้คนเสียชีวิต
00:14:20 → 00:14:25 ได้นะฮะอ่ะมาทีนี้ถ้าสมมุติว่าเราเป็น
00:14:25 → 00:14:28 แพทย์ฉุกเฉินหรือว่าเป็นหน่วยงานที่ต้อง
00:14:28 → 00:14:31 รีบเข้าไปช่วยคนกลุ่มนี้ที่เกิด Class
00:14:31 → 00:14:33 interry ไม่ว่าจะเป็นจากการที่มีการโดน
00:14:33 → 00:14:35 เหยียบเยอะๆแบบนี้หรือการที่ตึกถล่มหรือ
00:14:35 → 00:14:39 อะไรก็แล้วแต่นะครับที่มันมีการกดทับสิ่ง
00:14:39 → 00:14:41 หนึ่งซึ่งเราจะต้องเตรียมเสมอเลยนะครับ
00:14:41 → 00:14:44 ไม่ใช่การ CPR ปกติแล้วเราต้องเตรียม
00:14:44 → 00:14:47 แคลเซียมกลุ่มคนอื่น
00:14:47 → 00:14:50 ถามว่าทำไมคืออย่างเมื่อกี้ที่ผมบอกนะ
00:14:51 → 00:14:51 ครับ
00:14:51 → 00:14:55 ถ้าเราโดนเหยียบไปแล้วแล้วก็หรือว่าตรง
00:14:55 → 00:14:56 ตรงไหนกล้ามเนื้อตายเนี่ยมันจะมีโอกาส
00:14:56 → 00:14:59 เกิดเป็นชุดสูงมากจากกดแคลเซียมที่มันสูง
00:14:59 → 00:15:03 ๆการทำ CPR ปกติไม่สามารถแก้ภาวะนี้ได้
00:15:03 → 00:15:04 ครับ
00:15:04 → 00:15:06 หัวใจมันจะไม่กลับมาเหมือนเดิมมันจะกลับ
00:15:06 → 00:15:08 มาดูเหมือนเดิมได้แค่อาจจะชั่วคราวแล้ว
00:15:08 → 00:15:09 เดี๋ยวมันก็กลับไปใหม่เพราะว่าโพแทสเซียม
00:15:09 → 00:15:13 มันไม่หายไปไหนนะครับวิธีในการแก้ไขก็คือ
00:15:13 → 00:15:16 การฉีดแคลเซียมกลูโคเนตเข้าไปตอนนั้นนะ
00:15:16 → 00:15:18 ครับฉีดเข้าไปเลยนะครับเราไม่ต้องกลัวว่า
00:15:18 → 00:15:20 จะฉีดเยอะไม่เยอะแล้วฉีดเข้าไปเยอะๆก็ไม่
00:15:20 → 00:15:22 เกิดอะไรขึ้นที่มันทำก็คือแคลเซียมพวกนี้
00:15:22 → 00:15:25 มันจะไปทำให้เยื่อหุ้มหัวใจเป็นทำให้
00:15:25 → 00:15:28 กล้ามเนื้อหัวใจทุกๆอย่างเนี่ยมันตอบสนอง
00:15:28 → 00:15:32 ต่อโพแทสเซียมยากขึ้นนะครับอันนี้อันที่ 1
00:15:32 → 00:15:35 นะครับนะมันตอบสนองต่อประธานาธิบดีมาก
00:15:35 → 00:15:37 ขึ้นมันก็จะไม่เกิดการสั่นพลิ้วแบบนี้
00:15:37 → 00:15:39 แล้วการทำ CPR ของเราก็จะได้ผลมากขึ้นนะ
00:15:39 → 00:15:42 ครับแน่นอนถ้ามีแค่คนคนเดียวซึ่งเกิดการ
00:15:42 → 00:15:45 โดนเหยียบอันนี้จะไม่ยากละนะครับเพราะว่า
00:15:45 → 00:15:48 อะไรเรามาถึงนะถ้าเราเจอการเต้นของหัวใจ
00:15:48 → 00:15:50 เป็นแบบนั้นเป็นแบบสั่นพลิ้วแล้วก็ทำ CPR
00:15:50 → 00:15:52 ไปแล้วเราก็อาจจะติดเครื่องเครื่องดูของ
00:15:52 → 00:15:55 หัวใจได้ว่าเออเราวัดออกมาแล้วมันจะมี
00:15:55 → 00:15:58 ลักษณะของ ekt หรือว่าเครื่องฟ้าหัวใจบาง
00:15:58 → 00:15:59 อย่างซึ่งบอกว่าคนเนี้ยนี้โพแทสเซียมมัน
00:16:00 → 00:16:02 สูงเกินแล้วนะครับมันจะเรียกว่า Peak นะ
00:16:02 → 00:16:05 ครับก็คือปกติจะมีบริเวณนึงอันนี้ที่
00:16:05 → 00:16:08 แพทย์เขาจะดูออกนะว่าเนี่ยเป็นเว็บแต่ถ้า
00:16:08 → 00:16:11 คนจำนวนมากขนาดนั้นมาเป็นแบบนั้นเนี่ยไม่
00:16:11 → 00:16:13 มีทางที่จะทำคลื่นไฟฟ้าหัวใจได้ทุกคนแน่
00:16:13 → 00:16:16 นอนเป็นไปไม่ได้ครับเป็นไปไม่ได้เลยดัง
00:16:16 → 00:16:18 นั้นเนี่ยการฉีดแคลเซียมเข้าไปในคนเหล่า
00:16:18 → 00:16:21 นี้เนี่ยช่วยได้มหาศาลนะครับช่วยได้
00:16:21 → 00:16:23 มหาศาลเลยเพราะว่ามันจะไปช่วยทำให้หัวใจ
00:16:23 → 00:16:25 มันทำงานได้อีกครั้งหนึ่งนะครับ
00:16:25 → 00:16:28 แล้วนอกเหนือจากนั้นคนที่ไปช่วยปั๊มคนไข้
00:16:28 → 00:16:32 จะต้องทราบว่ามีภาวะ New motorus หรือ
00:16:32 → 00:16:36 ปลอดที่มีลมรั่วหรือยังทำไมเพราะถ้าท่าน
00:16:36 → 00:16:38 ปั๊มหัวใจไปเรื่อยๆนะครับไล่ลมนี่มันรั่ว
00:16:38 → 00:16:42 ไปเรื่อยๆยังไงคนไข้ก็จะไม่ฟื้นไม่มีทาง
00:16:42 → 00:16:46 จะต้องทำการเจาะปอดเดียวนั้นนะครับเจาะ
00:16:46 → 00:16:48 เดี๋ยวนั้นเลยไม่ต้องสนใจเรื่องอะไรแล้ว
00:16:48 → 00:16:50 ไม่ต้องสนใจความปลอดภัยหรือว่าเราจะเจาะ
00:16:50 → 00:16:53 ผิดเจาะถูกมันต้องเจาะครับในสถานการณ์
00:16:53 → 00:16:56 ฉุกเฉินแบบนั้นถามว่าเจาะยังไง
00:16:56 → 00:16:59 เข็มอันที่ใหญ่ที่สุดและยาวที่สุดที่สุด
00:16:59 → 00:17:02 เท่าที่เรามีมีในบุคลากรทางการแพทย์ที่
00:17:02 → 00:17:04 เราจะหาได้นะครับเข็มเบอร์ 16 ปกติเรา
00:17:04 → 00:17:06 เจาะเลือดเราก็จะใช้เข็มเบอร์ประมาณ 22
00:17:06 → 00:17:09 23 กันนะครับหรือเข็มน้ำเกลือเราก็
00:17:09 → 00:17:11 ประมาณ 24 อย่างนี้หรืออาจจะ 22
00:17:11 → 00:17:14 เข็มเบอร์ 16 เนี่ยมันตัวเลขน้อยมันจะคือ
00:17:14 → 00:17:16 มันจะใหญ่นะครับเข็มเบอร์ 16 ก็ใหญ่ๆเลย
00:17:16 → 00:17:20 ใหญ่ๆหัวเหล็กเป็นเข็มเหล็กนะครับคมๆยาวๆ
00:17:20 → 00:17:22 ยาวสักประมาณเท่านี้นะครับ
00:17:22 → 00:17:26 จิ้มเข้าไปเลยนะครับเราจิ้มยังไงตรงนี้นะ
00:17:26 → 00:17:29 ครับไหปลาร้าถ้าเราทำไหปลาร้านะครับแบ่ง
00:17:29 → 00:17:33 ครึ่งไหปลาร้านับช่องซี่โครงเราทำซี่โครง
00:17:33 → 00:17:38 ของเขานะครับ 1 2 ช่องที่ 2 ช่องที่ 2
00:17:38 → 00:17:40 ของนั้น
00:17:40 → 00:17:43 เอาเข็มเนี่ยนะครับติดกับไซริงค์แล้วจับ
00:17:43 → 00:17:46 อย่างนี้ครับปักเหมือนเราเอามีทิ่มคนนะ
00:17:46 → 00:17:51 ครับอย่าลังเลมันช่วยคนไข้ได้นะครับอย่า
00:17:51 → 00:17:54 ลังเลเด็ดขาดนะครับถ้าท่านไม่ทำคนนั้นตาย
00:17:54 → 00:17:58 ถ้ามีอาการปอดรั่วนะครับสำหรับผม
00:17:58 → 00:18:01 ถ้าเจอเหตุการณ์กรณีแบบนี้แล้วผมมีเข็ม
00:18:01 → 00:18:04 อยู่ในมือผมไม่เสียเวลาตรวจเลยว่าคนนี้มี
00:18:04 → 00:18:06 ภาวะต่อลมรั่วหรือเปล่าเพราะว่ามันต้อง
00:18:06 → 00:18:09 ใช้อย่างอื่นตรวจเช่นใช้หูฟังตรวจต้อง
00:18:09 → 00:18:11 เคาะปอดแล้วก็ดูว่ามันมีข้างนั้นมันโปร่ง
00:18:11 → 00:18:13 กว่าอีกข้างนึงหรือเปล่าถ้ามันโปร่งกว่า
00:18:13 → 00:18:14 ข้างนึงแปลว่าข้างนั้นนี่น่าจะมีลมรั่ว
00:18:14 → 00:18:17 ถ้าผมมีเวลาทำแบบนั้นผมจะตรวจเสร็จก่อน
00:18:17 → 00:18:19 แล้วค่อยเจาะแต่ถ้ามันมาทีเดียวเยอะๆแบบ
00:18:19 → 00:18:21 นี้เราต้องทำให้มันเหมือนกันนะครับไม่
00:18:21 → 00:18:24 งั้นมันจะไม่ทันคือถ้าสมมุติเป็นผมอยู่
00:18:24 → 00:18:26 ตรงนั้นผมจะเอาเขียนแบบนี้มาแล้วแทงไว้
00:18:26 → 00:18:29 ทั้งสองข้างเลยเจาะปุ๊บๆ 2 ข้างเลยแล้วก็
00:18:29 → 00:18:31 เปิดให้ลมมันออกมาระบายนะครับถ้ามันไป
00:18:31 → 00:18:33 จิ้มโดนปอดไม่เป็นไรครับไม่เกิดอะไรขึ้น
00:18:33 → 00:18:36 ปอดมันสมานรอยรั่วของมันได้ทีหลังซึ่งไป
00:18:36 → 00:18:39 ทำเอาที่โรงพยาบาลได้อันที่ 2 คือจะฉีด
00:18:39 → 00:18:40 แคลเซียมเข้าไปเดี๋ยวนั้นเลยนะครับเพราะ
00:18:40 → 00:18:42 ว่าเราไม่มีวิธีมานั่งดูแน่นอนว่าคนเนี้ย
00:18:42 → 00:18:45 มันอยู่ในจังหวะการเต้นแบบเว้นที่
00:18:45 → 00:18:48 ไปเลชั่นรึเปล่าที่เป็นจากโพแทสเซียมหรือ
00:18:48 → 00:18:50 เปล่าเราไม่มีวิธีรู้จนกว่าเราจะไปโรง
00:18:50 → 00:18:52 พยาบาลแล้วตรวจเอาหรือเราจะมีคนที่มาวัด
00:18:52 → 00:18:55 การตรวจ ekg เครื่องไฟฟ้าหัวใจให้เราได้
00:18:55 → 00:18:59 นะครับดังนั้นเรื่องนี้เนี่ยก็จะบอกว่า
00:18:59 → 00:19:02 เราต้องหัดทำ CPR ให้ถูกต้องนะครับถ้า
00:19:02 → 00:19:05 เป็นในคนทั่วไปเดี๋ยวผมจะเอามาสอนอีกที
00:19:05 → 00:19:07 ว่าทำ CPR ให้ถูกต้องมันทำยังไงนะครับ
00:19:07 → 00:19:10 แล้วก็อีกอย่างหนึ่งคือจะต้องรู้ว่า Class
00:19:10 → 00:19:13 injury พอมาติด sqiation มีกลไกการเกิด
00:19:13 → 00:19:16 อย่างไรแล้วมีการเกิดลมรั่วในปอดหรือ
00:19:16 → 00:19:20 เปล่าถ้ามีจะต้องทำการแทงเพื่อที่จะระบาย
00:19:20 → 00:19:22 ลมออกให้ได้จะต้องไม่ลังเลนะครับไม่ลังเล
00:19:22 → 00:19:25 คนหลายคนจะไม่กล้าทำต้องกล้าครับเพราะว่า
00:19:25 → 00:19:28 ไม่กล้าเขาตายครับพิเศษอย่างหนึ่งก็คือ
00:19:28 → 00:19:30 เรื่องของแคลเซียมซึ่งในกรณีครัช
00:19:30 → 00:19:34 เอ็นจิรี่จำเป็นมากถ้าเราช่วยเขามาได้
00:19:34 → 00:19:38 แล้วแต่ว่าหัวใจเขาหยุดเต้นมันเจอได้นะ
00:19:39 → 00:19:42 ครับเราเจอได้บ่อยเลยนะครับคือในจนในภาษา
00:19:42 → 00:19:43 ทางการแพทย์เนี่ยบางทีเราจะเรียกว่า
00:19:43 → 00:19:47 smiring Dash นะครับตายด้วยรอยยิ้มคือ
00:19:47 → 00:19:48 อะไร
00:19:48 → 00:19:52 มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้านะครับเช่นว่าคน
00:19:52 → 00:19:55 ไปติดอยู่ในซากตึกนะครับโดนทับเป็นเวลา
00:19:55 → 00:19:57 นานนะฮะแล้วบังเอิญเนี่ยผ่านไป 10
00:19:57 → 00:19:59 ชั่วโมง 20 ชั่วโมงชั่วโมงแล้วมีคนหน่วย
00:20:00 → 00:20:02 กู้ภัยเข้าไปช่วยได้เขาโดนทัพมาเป็นเวลา
00:20:02 → 00:20:05 นานบริเวณที่โดนทับเซลล์ตายหมดนะครับ
00:20:05 → 00:20:07 โพแทสเซียมเยอะแยะไปหมดแต่มันโดนทับไว้
00:20:07 → 00:20:10 อ่ะครับพอเราดึงที่ทับออกเกิดอะไรขึ้น
00:20:10 → 00:20:12 ครับทุกๆอย่างที่เป็นโพแทสเซียมที่เป็น
00:20:12 → 00:20:15 ของเสียจากบริเวณนั้นน่ะเข้ากระแสเลือด
00:20:15 → 00:20:17 หมดเลยเดี๋ยวนั้นเลยนะครับจากตอนแรกที่ดู
00:20:18 → 00:20:19 ไม่เป็นอะไรยังยิ้มได้ยิ้มได้ที่คนมาช่วย
00:20:19 → 00:20:23 แล้วผ่านไปไม่กี่นาทีตายเลยครับตายเพราะ
00:20:23 → 00:20:26 ว่าหัวใจหยุดเต้นด้วยการเกิดฟลิปชั่นของ
00:20:26 → 00:20:29 bentrical เพราะว่าโพแทสเซียมวิ่งเข้า
00:20:29 → 00:20:31 กระแสเลือดอย่างรวดเร็ววิธีการช่วยเหลือ
00:20:31 → 00:20:35 ในกรณีนั้นดีที่สุดก็คือรีบให้สารน้ำรีบ
00:20:35 → 00:20:38 ให้แคลเซียมเข้าไปเยอะๆนะครับ
00:20:38 → 00:20:40 แต่ผมไม่ได้บอกเรื่องของสารน้ำก่อนเพราะ
00:20:40 → 00:20:43 ว่าการที่กระจายสระน้ำไปให้ทุกคนมันช้านะ
00:20:43 → 00:20:45 ครับแคลเซียมมันให้เข้าไปได้รวดเร็วนะ
00:20:45 → 00:20:47 ครับเราต้องให้แคลเซียมเข้าไปก่อนอย่าง
00:20:47 → 00:20:49 รวดเร็วนะครับถ้าให้เข้ามาได้จะดีมากนะฮะ
00:20:49 → 00:20:51 ถ้านอกเหนือจากนั้นคือจะต้องพยายามให้สาร
00:20:51 → 00:20:53 น้ำก็คือให้น้ำเกลือนี่แหละครับ Normal
00:20:53 → 00:20:55 celline หรือว่าจะเป็นริงเกอร์แลคtage
00:20:55 → 00:20:57 solution ก็ได้นะครับสำหรับคนที่เป็นหมอ
00:20:57 → 00:20:58 หรือว่าเป็น
00:20:58 → 00:21:00 เอ่อพนักงานฉุกเฉินที่เข้ามาฟังนะครับคือ
00:21:00 → 00:21:02 ต้องให้ ringer raped เร็วๆเลยนะครับให้
00:21:03 → 00:21:06 เร็วๆแล้วก็ฉีดแคลเซียมถูกคนอื่นเดี๋ยว
00:21:06 → 00:21:08 นั้นนะครับมันถึงจะช่วยได้ไม่งั้นช่วยไม่
00:21:08 → 00:21:11 ได้นะครับการไปทำทัวร์ริเก้การผูกสมมุติ
00:21:11 → 00:21:13 ผมโดนทับแขนแล้วเอาออกมาได้กันไปเอาอะไร
00:21:13 → 00:21:17 รัดไว้อ่ะไม่ช่วยนะครับไม่ช่วยเลยนะไม่
00:21:17 → 00:21:19 ต้องทำนะครับฉีดแคลเซียมใช้น้ำเกลือเข้า
00:21:19 → 00:21:21 ไปเร็วๆช่วยได้มากกว่านะครับส่วนที่เหลือ
00:21:21 → 00:21:24 ถ้ารอดไปถึงโรงพยาบาลได้แล้วตรงนั้นก็
00:21:24 → 00:21:26 เป็นหน้าที่ของหมอแล้วล่ะครับที่จะช่วย
00:21:26 → 00:21:28 เหลือคนไข้เพราะว่าคนพวกนี้มันจะต้องมา
00:21:28 → 00:21:31 อาจจะต้องใส่ท่อช่วยหายใจช่วยใส่สายระบาย
00:21:31 → 00:21:33 ปอดแทนที่จะเป็นอีกเข็มเล็กๆเราจะต้องใส่
00:21:33 → 00:21:35 ท่อที่มันใหญ่ๆเพื่อที่จะระบายได้อย่างดี
00:21:35 → 00:21:38 นะครับเราก็จะต้องดูภาวะของปอดด้วยเพราะ
00:21:38 → 00:21:41 ว่าพวกเนี้ยถ้าเราให้สระน้ำเยอะๆน้ำท่วม
00:21:41 → 00:21:43 ปอดได้ง่ายๆเพราะว่าปอดมันจะมีการอักเสบ
00:21:43 → 00:21:46 จากการโดนทับพวกนี้ได้นะครับอ่านั่นก็คือ
00:21:46 → 00:21:49 เป็นสิ่งหนึ่งซึ่งผมอยากจะบอกไว้นะครับ
00:21:49 → 00:21:52 ดังนั้นโดยสรุปแล้วนะครับเหตุการณ์ที่คน
00:21:52 → 00:21:56 จำนวนเยอะๆแบบนี้นะครับในฐานะถ้าเราไป
00:21:56 → 00:21:58 อยู่ในเหตุการณ์แบบนั้นจริงๆเลี่ยงได้
00:21:58 → 00:22:00 เลี่ยงดีกว่าครับครับเลี่ยงได้เลี่ยงดี
00:22:00 → 00:22:01 กว่าเพราะว่านอกเหนือจากการที่เสี่ยงต่อ
00:22:01 → 00:22:03 เหตุการณ์แบบนี้การที่เราไปติดเชื้ออะไร
00:22:03 → 00:22:05 ที่มาทางเดินหายใจเราจะเยอะขึ้นนะครับ
00:22:05 → 00:22:08 โควิดอะไรพวกนี้หรือว่าชื้นอื่นเช่น rsv
00:22:08 → 00:22:11 ไข้หวัดใหญ่ต่างๆมันจะเยอะนะครับติดง่าย
00:22:11 → 00:22:14 นะครับแล้วอันที่ 2 คือถ้าสมมุติว่าเราไป
00:22:14 → 00:22:17 แล้วเรากลัวเราอยากไปทานแอลกอฮอล์เยอะๆ
00:22:17 → 00:22:19 โดยเฉพาะที่อยู่แบบนั้นถ้าทานถ้าท่านเมา
00:22:19 → 00:22:22 เหยียบท่านโอกาสช่วยเหลือตัวเองน้อยมากนะ
00:22:22 → 00:22:24 ครับยิ่งเป็นไปไม่ได้เลยนะครับสารเสพติด
00:22:24 → 00:22:27 ยิ่งไม่ต้องพูดถึงนะครับไม่ต้องทำนะการ
00:22:27 → 00:22:29 สูบบุหรี่ในบริเวณนั้นยิ่งสูบยิ่งไม่มี
00:22:29 → 00:22:32 อากาศหายใจนะครับยิ่งแย่นะครับถ้าท่าน
00:22:32 → 00:22:34 เดินเอามือไว้ข้างหน้ากันตัวเองหน่อยนะ
00:22:34 → 00:22:37 ครับเดินเท้าที่แทนที่ปกติอย่างนี้ให้
00:22:37 → 00:22:39 ห่างออกมานิดนึงแล้วก็แบะเท้าไปด้านข้าง
00:22:39 → 00:22:41 ให้มัน 45 องศานิดนึงนะครับย่อเข่าลงนิด
00:22:41 → 00:22:43 นึงเพื่อให้ศูนย์ถ่วงของเรามันต่ำแล้วก็
00:22:43 → 00:22:45 แข็งแรงเดินเราก็มั่นคงขึ้นไม่ต้องเดิน
00:22:45 → 00:22:47 ก้าวใหญ่เดินก้าวเล็กๆแล้วกันตัวอย่างนี้
00:22:47 → 00:22:50 นะครับแต่ถ้าท่านล้มลงไปแล้วเนี่ยอย่างดี
00:22:50 → 00:22:52 ที่สุดคือพยายามเอามือเข้าไปใต้ตัวเอง
00:22:52 → 00:22:55 กั้นไว้นะครับแล้วเกร็งตัวให้มากที่สุดนะ
00:22:55 → 00:22:57 ครับเพราะว่าถ้าท่านไม่มีมือแล้วเนี่ย
00:22:57 → 00:23:01 เกิดอะไรขึ้นถ้าถ้าไม่มีมือปอดของท่านโดน
00:23:01 → 00:23:04 ที่พื้นท่านตายแน่ๆครับแต่ถ้าท่านยังพอมี
00:23:04 → 00:23:06 มืออย่างนี้อยู่ท่านหล่นลงไปที่พื้นมัน
00:23:06 → 00:23:10 ยังพอมีช่องระหว่างพื้นนะครับกับตัวหน้า
00:23:10 → 00:23:12 อกท่านนะครับคือตรงนี้เราแขนกันไว้อย่าง
00:23:12 → 00:23:14 นี้นะครับเราก็ยังพอหายใจได้บ้างได้บ้าง
00:23:14 → 00:23:17 นะครับอาจจะไม่ได้ดีนะตรงนั้นก็คือเป็น
00:23:17 → 00:23:20 ทางช่วยเหลือนะครับส่วนผู้ที่จัดงานแถว
00:23:20 → 00:23:22 นั้นก็จะต้องอาจจะต้องมีการแบ่งแล้วนะ
00:23:22 → 00:23:24 ครับว่าคนเข้าได้จำนวนเท่านี้เราต้องมี
00:23:24 → 00:23:26 การโซนคือกั้นโซนที่มันว่างๆลงๆไม่ให้มี
00:23:26 → 00:23:29 คนเดินเยอะนะครับเอาอะไรมากั้นก็ได้นะ
00:23:29 → 00:23:32 แบ่งเข้าไปร้อยคนถ้าสมมุติว่า 100 คนเข้า
00:23:32 → 00:23:34 ตรงนี้ตรงนี้ต้องมีพื้นที่ว่างแล้วมีพื้น
00:23:34 → 00:23:36 ที่ว่างระหว่างช่วงเยอะๆเพื่อที่จะเกิด
00:23:36 → 00:23:39 เหตุฉุกเฉินก็ดึงคนออกมาได้ทันนะครับอ่า
00:23:39 → 00:23:41 มันต้องเป็นแบบนี้นะฮะส่วนท่านที่มี
00:23:41 → 00:23:44 Planet อยู่แล้วมีโรคประจำตัวก็ก็อย่าไป
00:23:44 → 00:23:46 ดีกว่านะครับไม่งั้นก็อาจจะเกิดแบบนี้
00:23:46 → 00:23:49 ขึ้นมาได้นะฮะส่วนคนที่เป็นคนช่วยเหลือ
00:23:49 → 00:23:52 พนักงานฉุกเฉินต่างๆนะครับผมอยากให้คิด
00:23:52 → 00:23:55 ไว้ในหัวก่อนเลยว่าโอกาสที่ท่านจะต้องทำ
00:23:55 → 00:23:59 การเจาะปอดเพื่อที่จะระบายลมสูงมากคิดไว้
00:23:59 → 00:24:01 ในหัวก่อนว่าคนไข้คนนั้นอาจจะมีนะครับอาจ
00:24:01 → 00:24:04 จะมีถ้าท่านมีเวลามีหูฟังตรวจเนี่ยแน่นอน
00:24:04 → 00:24:07 ข้างนั้นลมไม่เข้าฟังแล้วเสียงลมไม่เข้า
00:24:07 → 00:24:10 เคาะข้างนั้นแล้วมันโปร่งมากขึ้นอันนั้น
00:24:10 → 00:24:12 น่าจะมีภาวะนีโมฟอแรกซ์ข้างนั้นจิ้มเลย
00:24:12 → 00:24:14 ครับจิ้มเลยไม่ต้องลังเลนะครับระหว่างที่
00:24:14 → 00:24:17 ท่านทำ CPR นะครับอันที่ 2 คือต้องระวัง
00:24:17 → 00:24:20 ภาวะที่โพแทสเซียมในร่างกายสูงเสมอเพราะ
00:24:20 → 00:24:22 ว่าถ้ามันมีต่อให้ท่าน CBR ให้ตายยังไงคน
00:24:22 → 00:24:24 ไข้ก็จะไม่ฟื้นถ้าฟื้นแล้วเดี๋ยวก็จะตาย
00:24:24 → 00:24:26 ใหม่นะครับจะต้องฉีดแคลเซียมกลูโคเนติก
00:24:26 → 00:24:29 เข้าไปนะครับเตรียมไว้ที่ตัวเองเลยถ้า
00:24:29 → 00:24:32 เป็นผมผมก็จะเตรียมไว้แบบเอ่อ 2-3 แอมป์
00:24:32 → 00:24:36 นะกำ 2 กำอ่ะเก็บไว้เลยเก็บไว้เยอะๆเลยนะ
00:24:36 → 00:24:38 ครับเก็บไว้กับตัวนะครับแล้วฉีดเข้าไปเลย
00:24:38 → 00:24:41 ไม่ต้องกังวลฉีดแคลเซียมเยอะคนไข้ไม่ตาย
00:24:41 → 00:24:43 นะครับแต่คนไข้จะตายเพราะโบแทสเซียมนะฮะ
00:24:43 → 00:24:45 ถ้าคนไข้คนนั้นบังเอิญโพแทสเซียมไม่สูง
00:24:45 → 00:24:47 แล้วท่านฉีดเข้าไป 3-4 แอมป์เนี่ยไม่ต่าง
00:24:47 → 00:24:50 ไม่มีปัญหาอะไรนะครับไม่ต้องกังวลนะครับ
00:24:50 → 00:24:53 ฉีดได้อ่านะครับแล้วก็เตรียมสารน้ำเกลือ
00:24:54 → 00:24:55 ดังนั้นเตรียมอะไรบ้างเตรียมเข็มที่จะใช้
00:24:55 → 00:25:00 เจาะปอดนะครับอันที่ 2 คือเตรียมแคล