00:00:06 → 00:00:09 สมองเราเนี่ยก็จะดีถ้าเกิดว่าเราได้ออก
00:00:09 → 00:00:12 กำลังกายพักผ่อนอย่างเพียงพอรู้จักวิธี
00:00:12 → 00:00:16 การจัดการความเครียดอย่างเหมาะสมนะคะถ้า
00:00:16 → 00:00:18 เกิดเมื่อไหร่ที่เราเครียดเครียดซ้ำๆแล้ว
00:00:18 → 00:00:20 ก็วนอยู่กับความเครียดเหล่านั้นนะคะความ
00:00:21 → 00:00:22 เครียดบางอย่างเป็นความเครียดที่เป็นพิษ
00:00:22 → 00:00:26 อย่างเช่นความจนการถูกทารุณกรรมการถูกการ
00:00:26 → 00:00:28 ทะเลาะเบาะแว้งอย่างต่อเนื่องในครอบครัว
00:00:28 → 00:00:30 อย่างนี้ค่ะอันนี้เป็นความเครียดที่เรียก
00:00:30 → 00:00:33 ว่า toxic Red เป็นความเครียดที่ทำให้
00:00:33 → 00:00:34 ตัวเซลล์สมองตาย
00:00:34 → 00:00:36 [เพลง]
00:00:36 → 00:00:40 ฟังทุกเรื่องสุขภาพอัปเดตทุกโรคภัยฟังราย
00:00:40 → 00:00:46 การโรงหมอกิตฉันสุรีพรวงสถิตย์พรค่ะ
00:00:46 → 00:00:49 คุณผู้ฟังคะสำหรับในวันนี้ถึงแม้เราจะโต
00:00:49 → 00:00:52 แล้วก็จริงค่ะแต่ทำไมยังต้องมีการฝึก
00:00:52 → 00:00:56 ทักษะความจำพูดคุยกับผู้ช่วยศาสตราจารย์
00:00:56 → 00:00:59 ดรกรรณิการ์เพิ่มพูนพัฒนาอาจารย์สาขาวิชา
00:00:59 → 00:01:01 พัฒนาการมนุษย์สถาบันแห่งชาติเพื่อการ
00:01:01 → 00:01:04 พัฒนาเด็กและครอบครัวมหาวิทยาลัยมหิดลค่ะ
00:01:04 → 00:01:08 สวัสดีค่ะอาจารย์คะสวัสดีค่ะอาจารย์คะอัน
00:01:08 → 00:01:11 นี้เป็นเรื่องของคนโตแล้วยังหลายๆคนที่
00:01:11 → 00:01:15 ฟังรายการอยู่ตอนนี้นะคะบางคนก็เอาหลายๆ
00:01:15 → 00:01:18 คนเลยบางคนก็ความจำดี๊ดีคือแหมอายุมาก
00:01:18 → 00:01:20 แล้วก็ยังจำได้ดีอยู่เลยแต่ในขณะเดียวกัน
00:01:20 → 00:01:25 ที่บางคนอาจจะความจำไม่ค่อยดีเท่าไหร่จำ
00:01:25 → 00:01:26 ได้บ้างไม่ได้บ้างอันนี้ยังไม่ได้พูดถึง
00:01:26 → 00:01:29 เกี่ยวกับเรื่องปัจจัยที่เป็นโรคบางอย่าง
00:01:29 → 00:01:33 นะคะแต่ว่าในเรื่องของทักษะความจำพอเวลา
00:01:33 → 00:01:36 ที่เราโตแล้วเงี้ยค่ะอาจารย์มันเป็นไปได้
00:01:36 → 00:01:38 ไม่ว่าด้วยความที่เรามีเรื่องคิดเยอะเรา
00:01:38 → 00:01:41 จะทำให้เราแบบความจำเราอ่ะอาจจะไม่ได้แบบ
00:01:41 → 00:01:43 เต็มร้อยสักเท่าไหร่เดี๋ยวจำเรื่องนั้น
00:01:43 → 00:01:45 ได้จำเรื่องนี้ไม่ได้อ่ะค่ะอาจารย์ใช่ค่ะ
00:01:45 → 00:01:49 ความแต่ละคนก็จะแตกต่างกันนะคะด้วยส่วน
00:01:49 → 00:01:52 หนึ่งเนี่ยอายุเนี่ยเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำ
00:01:52 → 00:01:55 ให้ความจำของเราเสื่อมลงแต่ว่ายิ่งอายุ
00:01:55 → 00:01:58 เยอะขึ้นนะคะเรื่องของทักษะความจำของเรา
00:01:58 → 00:02:01 เนี่ยก็จะเสื่อมลงนะคะก็จะลดลงอยู่ละด้วย
00:02:01 → 00:02:04 ตามช่วงวัยแต่แต่ละคนก็ลดลงไม่เท่ากันค่ะ
00:02:04 → 00:02:07 นะคะขึ้นอยู่กับปัจจัยอะไรบ้างอันแรกก็
00:02:07 → 00:02:10 คือพันธุกรรมนะคะแตกต่างกันตั้งแต่แรกเลย
00:02:10 → 00:02:13 นะคะยกตัวอย่างเช่นถ้าตั้งแต่ในวัยเด็ก
00:02:13 → 00:02:16 เนี่ยเราก็พบว่าถ้าเมื่อไหร่ที่เด็กที่
00:02:16 → 00:02:20 พ่อแม่นะคะมีความมีทักษะในเรื่องความจำดี
00:02:20 → 00:02:23 ก็พบว่าลูกก็จะดีด้วยเช่นกันเพราะฉะนั้น
00:02:23 → 00:02:26 เนี่ยทักษะความจำที่ดีก็จะแตกต่างกันตั้ง
00:02:26 → 00:02:28 แต่แรกเลยนะคะเพราะฉะนั้นเนี่ยพันธุกรรม
00:02:28 → 00:02:31 เป็นปัจจัยหนึ่งนะคะที่ทำให้แต่ละคนเนี่ย
00:02:31 → 00:02:34 มีระดับความจำที่แตกต่างกันแต่ไม่ใช่แค่
00:02:34 → 00:02:36 พันธุกรรมอย่างเดียวที่จะเป็นตัวกำหนดนะ
00:02:36 → 00:02:39 คะการฝึกฝนนะคะแปลว่าถ้าเราเป็นผู้สูง
00:02:39 → 00:02:41 อายุละแต่เรายังเป็นผู้สูงอายุที่เขา
00:02:41 → 00:02:44 เรียกว่า Active a จริงอย่างของ Active
00:02:44 → 00:02:47 อยู่นะคะก็คือดูดูแลรักษาร่างกายให้มี
00:02:48 → 00:02:51 สุขภาพที่ดีนะคะมีกิจกรรมทำนะคะยังคงมี
00:02:51 → 00:02:54 productivity อยู่นะคะมีส่วนร่วมในสังคม
00:02:54 → 00:02:57 นะคะมีเรื่องของการทำกิจกรรมอย่างว่าง
00:02:57 → 00:03:00 เพื่อพักผ่อนหย่อนใจนะคะพวกนี้ก็จะเป็น
00:03:00 → 00:03:02 ตัวช่วยที่ทำให้เรื่องของความจำเนี่ย
00:03:02 → 00:03:06 โอกาสที่จะเสื่อมเนี่ยก็จะมีอัตราที่ช้า
00:03:06 → 00:03:07 ลง
00:03:07 → 00:03:11 อีกอย่างหนึ่งก็คือสุขภาพสมองนะคะก็เป็น
00:03:11 → 00:03:14 อีกตัวนึงยกตัวอย่างเช่นสมองเราเนี่ยก็จะ
00:03:14 → 00:03:17 ดีถ้าเกิดว่าเราได้ออกกำลังกายพักผ่อน
00:03:17 → 00:03:20 อย่างเพียงพอนะคะรู้จักวิธีการจัดการความ
00:03:20 → 00:03:23 เครียดนะคะอย่างเหมาะสมนะคะถ้าเกิดเมื่อ
00:03:23 → 00:03:26 ไหร่ที่เราเครียดเครียดซ้ำๆแล้วก็วนอยู่
00:03:26 → 00:03:28 กับความเครียดเหล่านั้นนะคะความเครียด
00:03:28 → 00:03:32 จริงๆมีหลายแบบนะคะเครียดที่เป็นแบบ
00:03:32 → 00:03:35 Healthy stress นะคะก็คือเครียดที่แบบ
00:03:35 → 00:03:38 ทำให้ยังคงสุขภาพดีนะคะยกตัวอย่างเช่น
00:03:38 → 00:03:41 เอ่อเวลาเราเจอสิ่งแวดล้อมใหม่ๆเจอคนใหม่
00:03:41 → 00:03:45 ๆหรือว่าวันนี้มีโอกาสที่จะเอ่อได้รับ
00:03:45 → 00:03:47 รางวัลสมมุติอย่างเป็นการได้รับรางวัล
00:03:47 → 00:03:50 แล้วต้องไปพูดขึ้นมาเวลาเราจะต้องพูดต่อ
00:03:50 → 00:03:52 หน้าคนเนี่ยเราก็จะตื่นเต้นใช่ไหมคะเราก็
00:03:52 → 00:03:55 จะเครียดณเวลานั้นแต่ความเครียดนั้นจะ
00:03:55 → 00:03:57 เป็นความเครียดที่เรียกว่าความเครียดที่
00:03:57 → 00:04:00 ไม่ได้เป็นพิษค่ะแต่ความเครียดบางอย่าง
00:04:00 → 00:04:02 เป็นความเครียดที่เป็นพิษอย่างเช่นความจน
00:04:02 → 00:04:06 ความอดอยากนะคะการถูกทารุณกรรมการถูกการ
00:04:06 → 00:04:09 ทะเลาะเบาะแว้งอย่างต่อเนื่องในครอบครัว
00:04:09 → 00:04:11 อย่างนี้ค่ะอันนี้เป็นความเครียดที่เรียก
00:04:11 → 00:04:14 ว่า toxic เป็นความเครียดที่ทำให้ตัว
00:04:14 → 00:04:15 เซลล์สมองตาย
00:04:15 → 00:04:18 เพราะฉะนั้นอันนี้ก็จะเป็นอีกปัจจัยหนึ่ง
00:04:18 → 00:04:20 คือถ้าเมื่อไหร่ที่เราเจอความเครียดและ
00:04:20 → 00:04:21 เราไม่สามารถที่จะจัดการความเครียดนั้น
00:04:21 → 00:04:24 ได้ความเครียดก็จะทำไปให้ทำให้เซลล์สมอง
00:04:24 → 00:04:27 ตายเมื่อเซลล์สมองตายปุ๊บก็เกิดภาวะความ
00:04:27 → 00:04:30 จำเสื่อมขึ้นได้เช่นกันนะคะแล้วก็เรื่อง
00:04:30 → 00:04:34 ของการฝึกฝนฝึกความจำนะคะยังคง Active
00:04:34 → 00:04:37 อยู่เสมอยังคงเอ่อต่อให้เราเกษียณอายุ
00:04:37 → 00:04:40 แล้วแต่เรายังหางานอดิเรกทำหรืองานที่ทำ
00:04:40 → 00:04:43 ให้เรามีรายได้เล็กๆน้อยๆนะคะสนุกสนาน
00:04:43 → 00:04:46 ขนาดที่ทำงานนั้นก็จะเป็นตัวที่จะช่วยให้
00:04:46 → 00:04:50 เราชะลอความจำเสื่อมได้เช่นกันค่ะอ๋อก็
00:04:50 → 00:04:52 จริงๆมันก็อาจจะมีหลายปัจจัยเป็นตัวที่ทำ
00:04:52 → 00:04:56 ให้เราความจำอาจจะไม่ไม่ค่อยดีอันด้วย
00:04:56 → 00:04:59 อายุก็เป็นไปตามปกติอยู่แล้วอ่ะนะคะตามพอ
00:04:59 → 00:05:01 อายุมากๆขึ้นก็เป็นไปตามธรรมชาติเนาะแต่
00:05:01 → 00:05:04 ว่ามันก็ยังมีอีกหลายปัจจัยที่เป็นตัวทำ
00:05:04 → 00:05:07 ให้เราเนี่ยความจำไม่ได้เหมือนเดิมแล้ว
00:05:07 → 00:05:09 ซึ่งอันเนี้ยเราก็ยังสามารถที่จะฝึกแล้ว
00:05:09 → 00:05:13 ก็ป้องกันไม่ให้มันความจำลดน้อยถอยลงอัน
00:05:13 → 00:05:16 นี้เราฝึกกันได้ใช่ไหมคะหมายหมายถึงว่า
00:05:16 → 00:05:17 เราแบบป้องกันได้
00:05:17 → 00:05:20 ป้องกันได้คืออย่างแรกในเรื่องของการป้อง
00:05:20 → 00:05:23 กันก็คือการดูแลเรื่องของสุขภาพยกตัว
00:05:23 → 00:05:26 อย่างเช่นถ้าเราเป็นโรคที่โรคติดเชื้อโรค
00:05:27 → 00:05:30 ที่ไม่ติดเชื้อนะคะโรคเรื้อรังที่ไม่ติด
00:05:30 → 00:05:33 เชื้อยกตัวอย่างเช่นโรคความดันโลหิตโรคไข
00:05:33 → 00:05:35 มันในเส้นเลือดโรคหัวใจพวกนี้ค่ะโรคเหล่า
00:05:35 → 00:05:38 นี้เป็นตัวปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดภาวะ
00:05:38 → 00:05:41 สมองเสื่อมได้นะคะเพราะฉะนั้นเนี่ยเมื่อ
00:05:41 → 00:05:44 ไหร่ที่เราเป็นโรคเนอะตามตามช่วงวัยรักษา
00:05:44 → 00:05:45 ของ
00:05:45 → 00:05:48 การเกิดโรคเหล่านี้ก็จะมีความถี่ที่เพิ่ม
00:05:48 → 00:05:50 ขึ้นเมื่อเราอายุมากขึ้นเพราะฉะนั้นเนี่ย
00:05:50 → 00:05:52 ต้องการไม่ให้เกิดโรคเหล่านี้เป็นสิ่งที่
00:05:52 → 00:05:54 สำคัญก็ยกตัวอย่างเช่นการกินอาหารที่
00:05:54 → 00:05:58 เหมาะสมนะคะลดพวกไขมันต่างๆการออกกำลัง
00:05:58 → 00:06:01 กายการนอนพักผ่อนที่เพียงพอก็จะทำให้
00:06:01 → 00:06:04 โอกาสที่จะเป็นโรคเหล่านี้ก็น้อยลงแต่ถ้า
00:06:04 → 00:06:06 เมื่อไหร่เป็นโรคเหล่านี้แล้วก็ควรที่จะ
00:06:06 → 00:06:10 ต้องดูแลรักษาด้วยนะคะก็จะช่วยป้องกันโรค
00:06:10 → 00:06:12 ของภาวะสมองเสื่อมได้อันนี้เป็นการป้อง
00:06:12 → 00:06:17 กันแต่กรณีที่เกิดภาวะสมองเสื่อมนะคะแล้ว
00:06:17 → 00:06:19 เราอยากจะส่งเสริมเราอยากจะป้องกันไม่ให้
00:06:19 → 00:06:22 มันเสื่อมลงไปเรื่อยๆก็สามารถที่จะทำได้
00:06:22 → 00:06:25 นะคะยกตัวอย่างเช่นก็เรื่องของการกินการ
00:06:25 → 00:06:28 ออกกำลังกายการนอนหลับพักผ่อนพวกนี้ก็จะ
00:06:28 → 00:06:30 เป็นตัวช่วยที่ทำให้มันไม่เสื่อมลงเรื่อย
00:06:30 → 00:06:32 ๆด้วยและอีกอย่างก็คือเรื่องของการฝึก
00:06:33 → 00:06:36 เพื่อความจำนะคะการยังคงอ่านหนังสืออยู่
00:06:36 → 00:06:40 นะคะการยังคงช่วยเหลือตัวเองอยู่นะคะถ้า
00:06:40 → 00:06:42 เกิดว่าผู้สูงอายุเราเห็นว่าเขาแก่แล้ว
00:06:42 → 00:06:45 อ่ะแม่เราแก่แล้วเพราะฉะนั้นเราจะทำให้
00:06:45 → 00:06:48 ทุกอย่างเลยเราจะทำกับข้าวให้เราจะไม่ให้
00:06:48 → 00:06:50 แกทำอะไรเลยอันนี้จริงๆแล้วเป็นสิ่งที่
00:06:51 → 00:06:54 ไม่ดีเพราะว่าการที่ผู้สูงอายุได้จำนะคะ
00:06:54 → 00:06:57 ขั้นตอนในเรื่องของการทำกิจกรรมต่างๆทำ
00:06:57 → 00:07:00 กับข้าวทำเมนูใหม่ๆอันนี้เป็นการฝึกความ
00:07:00 → 00:07:04 จำให้เขาเป็นอย่างดีเลยอ้อแต่เราก็อาจจะ
00:07:04 → 00:07:06 ไปมองอีกมุมนึงว่าไม่อยากจะให้เข้าไปทำ
00:07:06 → 00:07:09 ครัวอาจจะแบบกลัวว่าเดี๋ยวจะไปโดนความ
00:07:09 → 00:07:11 ร้อนเอาเดี๋ยวจะแบบมีดบาดเอาอะไรอย่าง
00:07:11 → 00:07:12 นั้นแต่จริงๆ
00:07:12 → 00:07:15 เราก็อาจจะต้องดูแลอยู่ข้างในชิดก็ได้
00:07:15 → 00:07:17 เนาะค่ะหรือว่าเราอาจจะปรับสิ่งแวดล้อม
00:07:17 → 00:07:19 ให้มันปลอดภัยแล้วก็เหมาะกับช่วงวัยของ
00:07:19 → 00:07:22 เขายกตัวอย่างเช่นเรื่องของ
00:07:22 → 00:07:26 มีคมอย่างนี้ค่ะถ้าเกิดว่าเขาเขามีความ
00:07:26 → 00:07:28 เสี่ยงอย่างเช่นสายตาเลือนลางหรืออะไร
00:07:28 → 00:07:31 อย่างนี้ค่ะเราอาจจะลดขั้นตอนนั้นคือเรา
00:07:31 → 00:07:33 อาจจะเป็นคนหั่นผักให้เขาก็ได้หรือว่าเขา
00:07:33 → 00:07:35 อาจจะทำขั้นตอนอื่นอย่างเช่นเน็ตไม่
00:07:35 → 00:07:38 กระเพราที่ไม่ต้องใช้นะคะอุปกรณ์ที่มัน
00:07:38 → 00:07:41 ที่จะมีโอกาสที่จะเป็นอันตรายให้กับเขานะ
00:07:41 → 00:07:44 คะอ่าก็คือเป็นเรื่องของการปรับวิธีการใน
00:07:44 → 00:07:47 เรื่องของการทำกิจกรรมนั้นปรับอุปกรณ์ที่
00:07:47 → 00:07:50 ใช้นะคะอย่างเช่นถ้ามีดคมมากเลยเราก็อาจ
00:07:50 → 00:07:52 จะใช้มีดพลาสติกที่สามารถที่จะหั่นผักได้
00:07:52 → 00:07:57 นะคะให้เขาได้มีโอกาสได้ทำนะคะได้นึกถึง
00:07:57 → 00:08:00 ขั้นตอนในเรื่องการทำกิจกรรมต่างๆตัวนี้
00:08:00 → 00:08:02 จะเป็นช่วยทำให้ชะลอเรื่องภาวะความเสื่อม
00:08:03 → 00:08:06 ของเขาค่ะแล้วสิ่งความจำอะไรต่างๆเหล่า
00:08:06 → 00:08:09 นี้ทักษะพวกนี้ค่ะเราต้องเตรียมพร้อมมา
00:08:09 → 00:08:12 ตั้งแต่อ่ะตั้งแต่เด็กมาจนแบบ
00:08:12 → 00:08:15 มาจนถึงแม่โตแล้วก็ยังต้องฝึกกันอยู่
00:08:15 → 00:08:18 เรื่อยๆถูกไหมคะเพื่อให้แบบความจำยังคง
00:08:18 → 00:08:21 อยู่ในระยะยาวเพื่อแบบเอาเราสามารถเอามา
00:08:21 → 00:08:24 ใช้ได้ใช่ค่ะจริงๆแล้วเนี่ยตั้งแต่เล็กๆ
00:08:24 → 00:08:27 เลยนะคะเพราะว่าตั้งแต่เด็กเล็กถ้าเราฝึก
00:08:27 → 00:08:30 ใช่ไหมคะมันจะไปส่งผลกระทบต่อเรื่องของผล
00:08:30 → 00:08:32 สัมฤทธิ์ทางการเรียนแปลว่าจากการวิจัย
00:08:32 → 00:08:35 เนี่ยพบว่าทักษะความจำในการใช้งานนะคะ
00:08:35 → 00:08:37 หรือว่าความจำเนี่ยมันเป็นพื้นฐานเรื่อง
00:08:37 → 00:08:41 ของการเรียนรู้นะคะเด็กที่มีความจำที่ดี
00:08:41 → 00:08:43 ก็มีโอกาสที่จะมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
00:08:43 → 00:08:45 ที่ดีก็คือเรียนเรียนได้คะแนนดีนั่นแหละ
00:08:45 → 00:08:48 ได้เกรดดีนั่นแหละแล้วคนที่เรียนได้เกรด
00:08:48 → 00:08:52 ดีก็มีโอกาสที่จะทำงานนะคะที่มีรายได้
00:08:52 → 00:08:56 ค่อนข้างสูงนะคะทำงานที่มีลักษณะงานที่
00:08:56 → 00:08:59 มั่นคงนะคะเพราะฉะนั้นเนี่ยลักษณะงานเรา
00:08:59 → 00:09:02 นี้นะคะหรือว่าการที่มีรายได้ที่ดีเนี่ย
00:09:02 → 00:09:05 ก็จะส่งผลให้เรื่องของความเครียดนะคะของ
00:09:05 → 00:09:07 เขาก็จะน้อยด้วยนะคะและเท่านั้นไม่พอก็
00:09:07 → 00:09:09 คือเรื่องของความสามารถความดันในการใช้
00:09:09 → 00:09:11 งานจะไปส่งผลทำให้คนเนี่ยสามารถที่จะวาง
00:09:11 → 00:09:14 แผนจัดการตลอดเวลาทำอะไรได้ดีขึ้นจริงๆ
00:09:14 → 00:09:17 ถามว่ามันมันเป็นปัจจัยที่ตั้งแต่แรกเลย
00:09:17 → 00:09:20 กำหนดตั้งแต่แรกแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเนี่ย
00:09:20 → 00:09:22 ก็สามารถที่จะฝึกได้ไม่ได้หมายความว่าเอ
00:09:22 → 00:09:25 ตอนแรกเริ่มต้นมาชีวิตเราเนี่ยมันมันไม่
00:09:25 → 00:09:28 ได้ถูกฝึกมาแปลว่าเราจะไม่สามารถแก้ไข
00:09:28 → 00:09:30 อะไรได้อีกแล้วก็จะไม่ใช่เราก็สามารถที่
00:09:30 → 00:09:31 จะแก้ไขได้
00:09:31 → 00:09:35 มันด้วยกระบวนการที่เราพอเจอประสบการณ์
00:09:35 → 00:09:37 หรือว่าเจอเรื่องราวหรือมันก็เป็นตัวค่อย
00:09:37 → 00:09:40 ๆฝึกเราไปในตัวด้วยใช่ไหมคะอาจารย์ในการ
00:09:40 → 00:09:45 ที่จะคิดแก้ไขวางแผนในการทำงานการใช้
00:09:45 → 00:09:47 ชีวิตหรือว่ามีปัญหาอะไรเราสามารถที่จะ
00:09:47 → 00:09:49 ขจัดเอ่อจัดการกับปัญหาต่างๆเหล่านั้นได้
00:09:49 → 00:09:52 ด้วยประสบการณ์ที่เราค่อยๆค่อยๆเจอมาเติบ
00:09:52 → 00:09:55 โตมาที่แบบอาจจะไม่เคยฝึกทักษะมาตั้งแต่
00:09:55 → 00:09:57 เด็กเพราะจำได้ค่ะอาจารย์สมัยเด็กๆนี่
00:09:57 → 00:10:01 ความจำเราไม่ค่อยได้จำแบบที่เด็กสมัยนี้
00:10:01 → 00:10:05 เขาเรียนนะคะแต่เป็นการท่องจำมากกว่า
00:10:05 → 00:10:09 โอ้บางอย่างเนี่ยเราโตเรามาทำงานแล้วเรา
00:10:09 → 00:10:13 เราไม่ได้ใช้มันเลยค่ะแต่เราเรียน
00:10:13 → 00:10:16 เพราะฉะนั้นความจำบางอย่างนะคะก็อาจจะไม่
00:10:16 → 00:10:18 ได้จำเป็นนะคะเพราะฉะนั้นการเรียนรู้ที่
00:10:18 → 00:10:20 ดีที่สุดก็คือการเรียนรู้ผ่านการลงมือ
00:10:20 → 00:10:23 กระทำนะคะจะเป็นการให้โอกาสเขาให้
00:10:23 → 00:10:26 ประสบการณ์เพราะถ้าเมื่อไหร่ที่เขาได้ลง
00:10:26 → 00:10:28 มือกระทำด้วยความจำเหล่านั้นมันจะเป็น
00:10:28 → 00:10:30 ความจำที่เป็นระยะยาวสำหรับเขาเป็นความจำ
00:10:30 → 00:10:33 ที่สามารถดึงออกมาใช้งานได้นะคะเมื่อก่อน
00:10:33 → 00:10:36 เนี่ยสมัยตัวเองเรียนก็เช่นกันเพราะตัว
00:10:36 → 00:10:39 เองเรียนสอบจบเสร็จแล้วปึ๊บก็บ๊ายบายแล้ว
00:10:39 → 00:10:42 ก็คืนความรู้ให้ครูส่วนเราได้เกรดใบทาน
00:10:42 → 00:10:44 สคริปต์เท่านั้นอย่างเงี้ยค่ะก็ก็จะเข้า
00:10:44 → 00:10:47 ใจว่าแล้วเมื่อได้มีประสบการณ์ในเรื่อง
00:10:47 → 00:10:50 การสอนเด็กก็จะรู้ว่าเอ๊ะเมื่อไหร่ที่เรา
00:10:50 → 00:10:52 ลักษณะการจัดการเรียนการสอนที่เด็กได้มี
00:10:52 → 00:10:55 ประสบการณ์เป็นลักษณะของ Active Learning
00:10:55 → 00:10:58 มีเด็กเป็นจุดศูนย์กลางเขาจะสามารถที่จะ
00:10:58 → 00:11:02 จำได้ดีนะคะเอ่อสิ่งที่เราให้ไปเนี่ยเขา
00:11:02 → 00:11:05 สามารถที่จะ Apply สามารถที่จะนำไปใช้
00:11:05 → 00:11:06 ประโยชน์ได้
00:11:06 → 00:11:11 จริงค่ะอาจารย์เพราะว่าในเรียนมาบางอย่าง
00:11:11 → 00:11:14 อ่ะเรียนมาจริงๆนะคะเอาสอบผ่านมาได้แหละ
00:11:14 → 00:11:17 แต่พอถึงเวลาปุ๊บในชีวิตจริงไม่ได้ใช้เลย
00:11:17 → 00:11:20 ค่ะลืมหมดแล้วค่ะตอนนี้
00:11:20 → 00:11:24 ใช่ค่ะแต่ว่าเดี๋ยวนี้ก็ดีหน่อยที่ว่ากัน
00:11:24 → 00:11:26 ในเรื่องของการสืบหาข้อมูลอย่างนี้ค่ะ
00:11:26 → 00:11:28 ทักษะในเรื่องของการเรียนรู้ตลอดชีวิต
00:11:28 → 00:11:31 จริงๆก็เป็นเป็นตัวนึงที่ช่วยฝึกความจำ
00:11:31 → 00:11:34 เราได้เช่นกันนะคะเพราะฉะนั้นเมื่อไหร่
00:11:34 → 00:11:37 ที่เราคิดว่าตัวนี้ไม่ได้ใช้แต่ว่าเรา
00:11:37 → 00:11:39 สามารถที่จะรู้วิธีการในการที่จะสืบค้น
00:11:39 → 00:11:41 หรือค้นหาองค์ความรู้นั้นเมื่อที่จะใช้
00:11:41 → 00:11:44 เพื่อที่จะเอามาใช้ก็จะเป็นวิธีการใน
00:11:44 → 00:11:46 เรื่องการฝึกความจำของเราได้เช่นกันนะคะ
00:11:46 → 00:11:49 ก็อันนี้คือถ้าเกิดว่าต่อให้ตอนนี้โอเค
00:11:49 → 00:11:53 ว่าเราอยู่ในระดับที่โตแล้วทำงานแล้วนะคะ
00:11:53 → 00:11:55 หรือว่าบางคนเรียนมหาวิทยาลัยอยู่หรือ
00:11:55 → 00:11:57 อะไรก็แล้วแต่คือเป็นเป็นคนที่ต่อแล้ว
00:11:57 → 00:12:00 แหละนะคะเราก็สามารถที่จะเอ่อทบทวนฝึก
00:12:00 → 00:12:04 ทักษะในด้านความจำในการจดจำเนี่ยได้
00:12:04 → 00:12:08 เหมือนกันจากผ่านในหลายๆอย่างที่มีอยู่
00:12:08 → 00:12:12 รอบตัวในการ search หาข้อมูลในการฝึกฝน
00:12:12 → 00:12:15 ในการจำอะไรบางอย่างหรือทำอะไรบางอย่าง
00:12:15 → 00:12:18 แล้วมันจะจำโดยอัตโนมัติอันนี้คือสิ่งที่
00:12:18 → 00:12:20 เห็นชัดเจนเลยค่ะอาจารย์ว่าอะไรบางอย่าง
00:12:20 → 00:12:24 ที่เราได้ลองทำแล้วมันจะจำได้ค่ะอาจารย์
00:12:24 → 00:12:26 ดีกว่าไหม
00:12:26 → 00:12:30 อ่านไปแต่แบบนึกไม่ออกมันก็จะอาจจะไม่ได้
00:12:30 → 00:12:33 เราสืบค้นแล้วแต่เราไม่ลงมือกระทำเราจะ
00:12:33 → 00:12:37 แค่จำได้นะคะแต่สักพักถ้าเราไม่ได้ไม่ได้
00:12:37 → 00:12:40 ใช้มันแล้วก็จะลืมสิ่งนั้นอีกแต่ถ้าเกิด
00:12:40 → 00:12:42 ว่าเราสืบค้นเสร็จแล้วปุ๊บเราลงมือทำ
00:12:42 → 00:12:45 อย่างเช่นเราบอกว่าเฮ้ยอยากจะทำเค้กอัน
00:12:45 → 00:12:48 นี้จังเลยนะคะเสร็จแล้วเราไปสืบค้นมาแล้ว
00:12:48 → 00:12:52 เราลงมือกระทำจริงๆนะคะเราจะทำขั้นตอนเรา
00:12:52 → 00:12:55 จะจำขั้นตอนหลังจากนั้นเนี่ยถ้าเราต้องมา
00:12:55 → 00:12:58 ลงมือทำซ้ำอีกครั้งนึงขั้นตอนต่างๆเราก็
00:12:58 → 00:13:02 จะสามารถที่จะจำได้เร็วขึ้นนะคะทำซ้ำบ่อย
00:13:02 → 00:13:04 ๆคราวนี้จะทำได้โดยที่ไม่ต้องงงไม่ต้อง
00:13:04 → 00:13:07 เปิดอะไรดูอีกแล้วอย่างเงี้ยค่ะแล้วอย่าง
00:13:07 → 00:13:09 ผู้ใหญ่ยังต้องใช้ทักษะความจำฝึกแบบ
00:13:09 → 00:13:11 เหมือนเด็กไหมคะที่เราอาจจะต้องใช้เอ่อ
00:13:12 → 00:13:16 การเป็นฟังการมองเห็นกันสัมผัสหรืออะไร
00:13:16 → 00:13:18 อย่างนี้เรายังต้องใช้อยู่เรื่อยๆใช่ไหม
00:13:18 → 00:13:21 คะเพราะไม่งั้นเดี๋ยวมันจะมันก็จะเขา
00:13:21 → 00:13:24 เรียกว่าอะไรนะไม่ทำให้เราจำได้ดีหรือว่า
00:13:24 → 00:13:27 เรามีโอกาสได้ใช้ทักษะเพื่อใช้งานได้
00:13:27 → 00:13:30 อย่างสมบูรณ์แบบเต็มประสิทธิภาพในส่วนของ
00:13:30 → 00:13:32 ผู้ใหญ่อย่างนี้ค่ะผู้ใหญ่ก็จะมีบทบาท
00:13:32 → 00:13:35 หน้าที่ของเขาเนาะอย่างเช่นเป็นพ่อแม่นะ
00:13:35 → 00:13:38 มีบทบาทเป็นพ่อแม่มีบทบาทเป็นลูกนะคะต้อง
00:13:38 → 00:13:42 ทำงานนะคะต้องดูแลตัวเองกิจวัตรประจำวัน
00:13:42 → 00:13:45 ต่างๆนะคะในเรื่องของการทำกิจวัตรประจำ
00:13:45 → 00:13:47 วันหรือเขาเรียกว่ากิจกรรมการดำเนินชีวิต
00:13:47 → 00:13:50 ท่านเรียกรวมทั้งหมดเลยคือกิจกรรมการ
00:13:50 → 00:13:53 ดำเนินชีวิตกิจกรรมการดำเนินชีวิตเนี่ยจะ
00:13:53 → 00:13:56 รวมตั้งแต่นอนหลับนอนหลับพักผ่อนตื่นเช้า
00:13:56 → 00:13:58 มาใส่เสื้อผ้าแต่งตัวอันนี้เขาเรียกว่า
00:13:58 → 00:14:00 กิจวัตรประจำวันหรือว่าการช่วยเหลือตัว
00:14:00 → 00:14:03 เองขั้นพื้นฐานนะคะอ่าหลังจากนั้นปุ๊บเขา
00:14:03 → 00:14:05 ไปทำงานก็จะเป็นเรื่องของ Education เอ่อ
00:14:05 → 00:14:08 Education กับ work ถ้าเป็นวัยรุ่นหรือ
00:14:08 → 00:14:11 นักเรียนนะคะวัยเด็กก็จะเป็นยังคงเรียน
00:14:11 → 00:14:13 หนังสืออยู่ก็จะเรียกว่า Education ใช่
00:14:13 → 00:14:15 ไหมคะแต่ถ้าเป็นผู้ใหญ่ก็จะเป็นการทำงาน
00:14:15 → 00:14:18 ละนะคะเวลาทำงานเวลาไปสังสรรค์กับเพื่อน
00:14:18 → 00:14:21 จะมีเขาเรียกว่ามีอ่า
00:14:21 → 00:14:24 ปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นหรือโซเชียล
00:14:24 → 00:14:26 participation หรือการมีส่วนร่วมในสังคม
00:14:26 → 00:14:29 ต่างๆเมื่อมีย้ำว่างนะคะก็ทำกิจกรรมยาม
00:14:29 → 00:14:32 ว่างคือจริงๆแล้วในกิจกรรมเหล่านี้ใน
00:14:32 → 00:14:35 ชีวิตประจำวันถ้าเราสามารถที่จะ Balance
00:14:35 → 00:14:37 นะคะคล้ายๆกับ work Life Balance นั่น
00:14:37 → 00:14:40 แหละนะคะถ้าเราสามารถจะ Balance ได้ใน
00:14:40 → 00:14:44 กิจกรรมต่างๆเหล่านี้นะคะมีกิจกรรมย้ำว่า
00:14:44 → 00:14:47 มีการออกกำลังกายรับประทานอาหารอย่าง
00:14:47 → 00:14:50 เหมาะสมนะคะแล้วยังคงทำกิจกรรมทุกอย่าง
00:14:50 → 00:14:54 ของตัวเองอย่างถูกต้องเหมาะสมตามเวลาตาม
00:14:54 → 00:14:57 สมควรตัวจุดนี้จะเป็นตัวช่วยที่จะทำให้
00:14:57 → 00:15:00 ทักษะความจำในการใช้งานหรือว่าความจำทั่ว
00:15:00 → 00:15:03 ไปด้วยค่ะความจำระยะสั้นความจำระยะยาว
00:15:03 → 00:15:06 เนี่ยก็จะเอ่อมีโอกาสในการที่เสื่อมน้อย
00:15:06 → 00:15:09 ลงลองนึกดูถ้าเราเป็นคนที่บ้านงานมากๆเลย
00:15:09 → 00:15:13 ทำงานทำงานเครียดเพราะฉะนั้นเนี่ยเวลานี้
00:15:13 → 00:15:16 ควรจะต้องนอนละแต่ไม่นอนชั้นจะทำงานเวลา
00:15:16 → 00:15:18 นี้ควรจะต้องพักผ่อนหย่อนใจจะต้องไป
00:15:18 → 00:15:23 สมมุติไปเดินเล่นไปต้นไม้ไปเลี้ยงปลาแต่
00:15:23 → 00:15:26 ไม่มีเลยไปนั่งฟังเพลงแต่ไม่มีเลยฉันจะทำ
00:15:26 → 00:15:30 งานนะคะเพราะฉะนั้นหนักพอเกิด work Life
00:15:30 → 00:15:32 ไม่ Balance ขึ้นมาความเครียดที่เกิดขึ้น
00:15:32 → 00:15:35 สะสมนะคะไม่มีการผ่อนคลายความเครียดโดย
00:15:35 → 00:15:38 การทำกิจกรรมยามว่างโต๊ะจุดนี้เป็นตัวที่
00:15:38 → 00:15:42 ทำให้เกิดความเสื่อมของสมองและไปส่งผล
00:15:42 → 00:15:45 กระทบทำให้ความจำเสื่อมลงด้วยเช่นกัน
00:15:45 → 00:15:48 เข้าใจแล้วที่เป็นทุกวันนี้น่าจะเป็นข้อ
00:15:48 → 00:15:51 มูลในชีวิตประจำวันเลยเป็นการฝึกเราอ๋อ
00:15:51 → 00:15:54 แล้วก็บวกกับพฤติกรรมในด้านอื่นที่เราอาจ
00:15:54 → 00:15:56 จะทำให้มันแย่ลงไปอีกกว่าเดิมก็ได้ใช่ไหม
00:15:57 → 00:16:01 คะแบบพวกเอ่อไม่ออกกำลังกายเนี่ยทำงาน
00:16:01 → 00:16:03 ตลอดมันก็มีความเครียดอยู่แล้วไม่พักผ่อน
00:16:03 → 00:16:06 ด้วยแล้วก็ไหนจะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์พวก
00:16:06 → 00:16:08 นี้ก็มีผลใช่ไหมคะอาจารย์
00:16:08 → 00:16:10 คือสมัยตัวเองเรียนปริญญาเอกเนี่ยตัวเอง
00:16:10 → 00:16:14 ศึกษาเรื่องพวกยาเสพติดค่ะยาเสพติดเนี่ย
00:16:14 → 00:16:17 ทำให้เกิดความจำเสื่อมนะคะแต่ว่าตัวที่
00:16:17 → 00:16:20 ศึกษาหลักจะเป็นอ่ากลุ่มยาบ้าค่ะเม็ด
00:16:20 → 00:16:23 เต็มเฟตามีนใช่พบว่าคนที่ใช้สารเสพติด
00:16:23 → 00:16:26 กลุ่มนี้มีลักษณะความจำเสื่อมที่คล้ายกับ
00:16:26 → 00:16:29 คนที่เป็นโรคพาร์กินสันและอัลไซเมอร์นะคะ
00:16:29 → 00:16:33 เพราะฉะนั้นพอดูไปที่สมองของสัตว์ทดลอง
00:16:33 → 00:16:36 ที่ที่เราใช้ให้สารเสพติดลงไปเพราะว่า
00:16:36 → 00:16:38 เซลล์สมองในส่วนที่เกี่ยวข้องกับความจำ
00:16:38 → 00:16:42 เนี่ยปริมาณของเซลล์ลดลงแล้วหนูก็มีความ
00:16:42 → 00:16:46 จำที่ลดลงด้วยนะคะเพราะฉะนั้นการใช้สาร
00:16:46 → 00:16:49 เสพติดการใช้บุหรี่การใช้
00:16:49 → 00:16:52 แอลกอฮอล์หรือการใช้สารเสพติดพวกอื่นที่
00:16:52 → 00:16:54 เป็นกลุ่มกระตุ้นทำให้เรารู้สึกว่าเราทำ
00:16:54 → 00:16:57 งานได้ดีขึ้นอย่างเงี้ยค่ะก็จะเป็นตัวทำ
00:16:57 → 00:17:00 ให้เกิดภาวะสมองเสื่อมได้เช่นกันมันกลาย
00:17:00 → 00:17:03 เป็นเหมือนว่าใช้ยาเสพติดเป็นตัวกระตุ้น
00:17:03 → 00:17:05 มันเหมือนเป็นแบบเราอยู่ในโรงงาน
00:17:05 → 00:17:06 อุตสาหกรรมเหมือนเป็นหุ่นยนต์น่ะค่ะก็คือ
00:17:06 → 00:17:09 ทำได้แหละแต่ว่ามันไม่ได้มีการคิดหรือว่า
00:17:09 → 00:17:12 อะไรเลยมันก็คือแค่มีพลังเพิ่มขึ้นอย่าง
00:17:12 → 00:18:13 เงี้ยค่ะ
00:18:13 → 00:18:16 ก็จะแบบเออจำได้แล้วก็หรือบางทีบางคำหรือ
00:18:16 → 00:18:18 อะไรอย่างนี้ค่ะถ้าเกิดแบบเรารู้สึกว่า
00:18:18 → 00:18:22 มันยากไงเราจะเขียนซ้ำๆๆๆแล้วเดี๋ยวมันก็
00:18:22 → 00:18:23 จะทำได้ค่ะอาจารย์อันนี้ก็ถือว่าเป็นการ
00:18:23 → 00:18:26 ฝึกทักษะได้อีกแบบนึงใช่ไหมคะในการ
00:18:26 → 00:18:27 กระตุ้น
00:18:27 → 00:18:31 ใช่ค่ะก็เป็นวิธีการฝึกฝนสมองอย่างหนึ่ง
00:18:31 → 00:18:34 นะคะแล้วก็ในกลุ่มผู้สูงอายุอ่ะค่ะถ้า
00:18:34 → 00:18:37 เกิดว่าเขามีปัญหาเรื่องความจำเราก็จะใช้
00:18:37 → 00:18:39 ตัวตัวรุ่นของการเขียนเช่นการเขียนเป็น
00:18:39 → 00:18:43 โน๊ตนะคะใส่สีให้เขามองเห็นว่าเฮ้ยขั้น
00:18:43 → 00:18:45 ตอนแต่ละขั้นตอนที่เขาควรจะต้องทำเนี่ย
00:18:45 → 00:18:47 มันมีอะไรบ้างอย่างเงี้ยค่ะเพราะฉะนั้นก็
00:18:47 → 00:18:49 จะเป็นตัวช่วยเขาในเรื่องของการกระตุ้น
00:18:49 → 00:18:52 ความจำนะคะแต่ที่สำคัญที่สุดคือผู้เลี้ยง
00:18:52 → 00:18:56 ดูหรือผู้ดูแลเขานะคะจะต้องให้โอกาสนะคะ
00:18:56 → 00:18:59 ในการที่เขาจะทำถึงแม้ว่าณตอนนี้เขาเกิด
00:18:59 → 00:19:02 มีภาวะความจำเสื่อมอยู่ละแล้วเขาก็ทำอะไร
00:19:02 → 00:19:05 ไม่ได้ตลอดทุกขั้นตอนแต่ว่ายกตัวอย่าง
00:19:05 → 00:19:08 เช่นทำกับข้าวเขาไม่สามารถที่จะจำขั้นตอน
00:19:08 → 00:19:10 ในเรื่องของการทำกับข้าวทำผัดผักบุ้งได้
00:19:10 → 00:19:13 ตลอดทุกขั้นตอนเพราะฉะนั้นเนี่ยในในส่วน
00:19:13 → 00:19:16 ของคนดูแลก็รู้สึกว่าไม่ต้องให้ทำหรอก
00:19:16 → 00:19:19 เสียเวลานะคะเราทำให้ไปเลยแป๊บเดียว
00:19:19 → 00:19:22 เดี๋ยวก็เสร็จแต่จริงๆแล้วการที่ทำให้เขา
00:19:22 → 00:19:25 การทำให้เขาดูเหมือนจะหวังดีแต่จริงๆแล้ว
00:19:25 → 00:19:28 เนี่ยจะทำให้เขามีโอกาสในร่วมการฝึกฝน
00:19:28 → 00:19:31 หรือว่าการลดความเสี่ยงต่อการเกิดความจำ
00:19:31 → 00:19:34 ที่เสื่อมลงไปอีกเนี่ยน้อยเพิ่มมากขึ้น
00:19:34 → 00:19:36 อีกแปลว่าคือถ้าเมื่อไหร่ไม่ให้ทำเมื่อ
00:19:36 → 00:19:39 นั้นโอกาสที่จะความจำจะเสื่อมไปเรื่อยๆ
00:19:39 → 00:19:42 แล้วก็แย่ลงเรื่อยๆเนี่ยก็จะเพิ่มมากขึ้น
00:19:42 → 00:19:44 [เพลง]
00:19:44 → 00:19:47 มันต้องทำบ่อยๆคุณแม่จะอีกก็อายุมากแล้ว
00:19:48 → 00:19:50 เนาะคือตัวเองก็จะเป็นตัวส่งเสริมทำให้
00:19:50 → 00:19:54 อยากให้แม่เนี่ยมีกิจกรรมที่ทำนะคะคุณแม่
00:19:54 → 00:19:56 ชอบปลูกต้นไม้ตัวเองก็จะใช้วิธีการก็คือ
00:19:56 → 00:19:58 ซื้อต้นไม้ไปให้เขาแล้วหลังจากนั้นปุ๊บ
00:19:58 → 00:20:01 เนี่ยเขาก็จะมีตอนเช้าตื่นขึ้นมาโดยปกติ
00:20:01 → 00:20:04 เขาอาจจะไม่มีอะไรทำเพราะฉะนั้นเนี่ยพอมี
00:20:04 → 00:20:07 ต้นไม้ให้เค้าเค้าจะมารดน้ำต้นไม้มาขยาย
00:20:07 → 00:20:09 พันธุ์ต้นไม้อย่างเงี้ยค่ะเค้าก็จะมี
00:20:09 → 00:20:13 กิจกรรมย้ำว่าของเขาเมื่อเขาเห็นดอกไม้
00:20:13 → 00:20:15 ที่เขาปลูกมีดอกเขาก็รู้สึกภาคภูมิใจมี
00:20:15 → 00:20:19 ความสุขก็จะเป็นตัวช่วยป้องกันภาวะความ
00:20:19 → 00:20:22 เสื่อมของเขาทำให้เขาเป็น activate จริง
00:20:22 → 00:20:25 นะคะเป็นคนแก่ที่ยังคงสามารถที่จะทำ
00:20:25 → 00:20:30 กิจกรรมต่างๆได้แต่ว่ากิจกรรมก็ต้องไม่ดู
00:20:30 → 00:20:33 อันตรายหรือโลดโผนหรือว่าต้องใช้แรงอะไร
00:20:33 → 00:20:36 หรือว่ามีความเสี่ยงในการจะล้มหรือจะอะไร
00:20:36 → 00:20:39 อย่างนี้ด้วยอะเนอะต้องดูอะไรถ้าเกิดเรา
00:20:39 → 00:20:43 บอกว่าโอ้ฟังรายการวันนี้รายการบอกว่าให้
00:20:43 → 00:20:46 แม่ทำงานเพราะฉะนั้นเนี่ยเรายังคงให้แม่
00:20:46 → 00:20:50 แบกหามอยู่ทุกวันนี้เราเห็นเราเรากำลัง
00:20:50 → 00:20:53 นึกเรากำลังคิดถึงแม่อยู่เรากำลังหวังดี
00:20:53 → 00:20:55 กับแม่อยู่อะไรก็ทำให้ไม่เหมาะสมเพราะว่า
00:20:55 → 00:20:59 ในวัยแก่ในวัยสูงอายุนะคะความเสื่อมของ
00:20:59 → 00:21:01 ระบบต่างๆก็มาเพราะฉะนั้นเนี่ยเรื่องของ
00:21:01 → 00:21:04 กระดูกเรื่องของข้อต่อต่างๆนะคะการที่เขา
00:21:04 → 00:21:07 ไปยกของหนักโดยไม่เหมาะสมตามท่าทางเนี่ย
00:21:07 → 00:21:10 ก็จะส่งผลกระทบต่อเรื่องของภาวะการการ
00:21:10 → 00:21:13 เคลื่อนของกระดูกสันหลังอีกเช่นกัน
00:21:13 → 00:21:16 เพราะฉะนั้นก็เป็นลักษณะของกิจกรรมควร
00:21:16 → 00:21:18 เป็นกิจกรรมที่อยู่ภายใต้ความสนใจของเขา
00:21:18 → 00:21:20 นะคะแล้วก็
00:21:20 → 00:21:24 เป็นกิจกรรมที่เขาสามารถที่จะทำในเวลายาม
00:21:24 → 00:21:27 ว่างของเขาได้น่าสนใจรู้สึกว่าจะต้อง
00:21:27 → 00:21:29 เตรียมตัวแล้วค่ะ
00:21:29 → 00:21:33 ตัวเองต้องเตรียมตัวหากิจกรรมยามว่างที่
00:21:33 → 00:21:36 เหมาะสมแล้วแต่จริงๆนะคะอาจารย์คือหลายคน
00:21:36 → 00:21:39 อาจจะบอกว่าโอ๊ยไม่หลอกเดี๋ยวถึงตอนนั้น
00:21:39 → 00:21:41 เดี๋ยวค่อยว่ากันอายุมากๆก่อนเราคงไม่ถึง
00:21:41 → 00:21:43 ขนาดนั้นหรอกมั้งอะไรเงี้ยใครจะไปรู้คะ
00:21:43 → 00:21:45 วันหนึ่งวันข้างหน้าที่เราอายุมากขึ้นไป
00:21:45 → 00:21:47 กว่านี้อยู่ในวัยที่แบบเป็นผู้สูงอายุ
00:21:47 → 00:21:50 แล้วเนี่ยเราอาจจะแบบหืมตอนนั้นทำอะไรไม่
00:21:50 → 00:21:52 ได้ไปแล้วก็ได้หมายถึงว่าเราไม่รู้จะทำ
00:21:52 → 00:21:55 อะไรหรือจำอะไรไม่ค่อยได้ไปแล้วสู้ว่าเรา
00:21:55 → 00:21:57 เริ่มตั้งแต่ตอนเนี้ยคุณผู้ฟังที่ฟังราย
00:21:57 → 00:21:59 การอยู่ก็มีหลากหลายวัยอ่ะนะคะเริ่มกัน
00:21:59 → 00:22:02 ตั้งแต่ตอนเนี้ยฝึกทักษะความจำกันไป
00:22:02 → 00:22:04 เรื่อยๆนะคะเพราะเดี๋ยวนี้โอ้โหอาจารย์คะ
00:22:04 → 00:22:07 ที่เคยเห็นน้องๆเวลาเค้าเรียนเนี่ยค่ะ
00:22:07 → 00:22:11 หลายคนเขาจะมีปากกาหลายๆสีค่ะอาจารย์จด
00:22:11 → 00:22:59 เป็นหัวข้อมีการ
00:22:59 → 00:23:12 [เพลง]
00:23:12 → 00:23:15 ใช่ท้ายนี่ค่ะอาจารย์มีอะไรอยากจะฝากคุณ
00:23:15 → 00:23:18 ผู้ฟังถึงเรื่องของการฝึกทักษะความจำ
00:23:18 → 00:23:20 เพื่อใช้งานของในวัยผู้ใหญ่ในวัยสูงอายุ
00:23:20 → 00:23:24 หน่อยไหมคะในวัยสูงอายุเนี่ยก็คือสิ่งที่
00:23:24 → 00:23:27 สำคัญที่สุดก็คือในช่วงที่เราเตรียมเข้า
00:23:27 → 00:23:29 ช่วงสูงอายุเนาะจริงๆก็คือตั้งแต่วัยรุ่น
00:23:29 → 00:23:33 วัยทำงานมานะคะจนถึงวัยที่ก่อนที่จะ
00:23:33 → 00:23:35 เกษียณอายุเนี่ยการรักษาสุขภาพเป็นสิ่ง
00:23:35 → 00:23:38 ที่สำคัญมากนะคะเพราะว่าภาวะโรคต่างๆนะคะ
00:23:38 → 00:23:42 ที่เป็นโรคเรื้อรังเป็นตัวนำไปสู่เรื่อง
00:23:42 → 00:23:45 ของภาวะสมองเสื่อมได้นะคะการออกกำลังกาย
00:23:45 → 00:23:48 การทานอาหารให้เหมาะสมนะคะการจัดการต่อ
00:23:48 → 00:23:51 ความเครียดการพักผ่อนให้เพียงพอนะคะสิ่ง
00:23:51 → 00:23:53 เหล่านี้เป็นตัวช่วยที่จะทำให้เราเนี่ยมี
00:23:53 → 00:23:56 ภาวะสมองเสื่อมได้ช้าลงแต่ทั้งนี้ทั้ง
00:23:56 → 00:23:59 นั้นนะคะเมื่อไหร่ที่เรามีเริ่มที่จะมี
00:23:59 → 00:24:01 ภาวะสมองเสื่อมก็สามารถที่จะส่งเสริมได้
00:24:01 → 00:24:05 นะคะวิธีการที่จะส่งเสริมก็คือการออก
00:24:05 → 00:24:08 กำลังกายการทานอาหารที่มีเอ่อประโยชน์นะ
00:24:08 → 00:24:11 คะและนอกจากนั้นก็คือการทำตัวให้ยังคง
00:24:11 → 00:24:12 Active อยู่
00:24:12 → 00:24:15 นะคะยกตัวอย่างเช่นเป็นผู้สูงอายุยังคง
00:24:15 → 00:24:17 ช่วยเหลือตัวเองอยู่นะคะทำกิจกรรมทุก
00:24:17 → 00:24:21 อย่างตามความตามศักยภาพที่ตัวเองมีนะคะทำ
00:24:21 → 00:24:24 กิจกรรมยามว่างหาหนังสืออ่านนะคะหรือถ้า
00:24:24 → 00:24:26 ชอบประดิษฐ์ประดอยนะคะชอบ
00:24:26 → 00:24:29 เย็บปักถักร้อยก็หากิจกรรมเหล่านั้นมาทำ
00:24:29 → 00:24:33 นะคะโดยที่ไม่อยู่ว่างๆแล้วก็ทำให้เกิด
00:24:33 → 00:24:35 ภาวะความเครียดเพราะว่าความภาวะความ
00:24:35 → 00:24:37 เครียดก็จะเป็นตัวหนึ่งที่ทำให้เกิดภาวะ
00:24:37 → 00:24:40 สมองเสื่อมได้เช่นกันนะคะเพราะฉะนั้นณตอน
00:24:40 → 00:24:43 นี้นะคะถ้ายังไม่เสื่อมก็ป้องกันแต่ถ้า
00:24:43 → 00:24:46 เสื่อมแล้วก็สามารถที่จะส่งเสริมได้ค่ะนะ
00:24:46 → 00:24:48 คะนี่ก็เป็นวิธีการนะคะซึ่งไม่ได้ยากเลย
00:24:48 → 00:24:50 มันอยู่ในชีวิตประจำวันของเราแล้วแหละ
00:24:50 → 00:24:52 เพียงแต่ว่าบางทีเราอาจจะไม่คิดว่านี่คือ
00:24:52 → 00:24:54 การฝึกทักษะแต่มันคือการฝึกทักษะอย่างนึง
00:24:54 → 00:24:57 นั่นเองนะคะแล้วก็จอยๆไปกับมันค่ะไม่ต้อง
00:24:57 → 00:24:59 เราไม่ต้องรู้สึกว่ามันน่าเบื่อนะอาจจะหา
00:24:59 → 00:25:02 กิจกรรมอย่างอื่นทำด้วยก็ได้นะคะวันนี้
00:25:02 → 00:25:04 ต้องขอบคุณอาจารย์กรรณิการ์นะคะที่มาร่วม
00:25:04 → 00:25:06 พูดคุยกับรายการโรงหมอของเราค่ะขอบคุณค่ะ
00:25:06 → 00:25:10 อาจารย์คะสวัสดีค่ะขอบคุณค่ะคุณผู้ฟังหมด
00:25:10 → 00:25:12 เวลาแล้วนะคะเราจะกลับมาพบกันใหม่ครั้ง
00:25:12 → 00:25:15 หน้ากับรายการโรงหมอทาง Thai PBS
00:25:15 → 00:25:17 podcast สำหรับวันนี้หมดเวลาแล้วนะคะ
00:25:17 → 00:25:19 ขอบคุณที่ติดตามรับฟังวันนี้ลาไปก่อน
00:25:19 → 00:25:22 สวัสดีค่ะ This Is Thai PBS podcast
00:25:22 → 00:25:25 อยากเลี้ยงกระต่ายเรื่องอะไรต้องรู้ทั้ง
00:25:25 → 00:25:27 พฤติกรรมและความเข้าใจผิดเกี่ยวกับอาหาร
00:25:27 → 00:25:30 ผู้ช่วยศาสตราจารย์นายสัตวแพทย์ดรธีรดิษ
00:25:30 → 00:25:33 รุ่งเรืองกิจไกลจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
00:25:33 → 00:25:35 มาเล่าให้ฟังครับ
00:25:35 → 00:25:40 เวลาที่เราจะเริ่มเลี้ยงกระต่ายสิ่งแรก
00:25:40 → 00:25:42 เลยคือเราต้องเรียนรู้พฤติกรรมของเขาว่า
00:25:42 → 00:25:44 เขาต้องการยังไงยังบางคนที่ชอบเลี้ยงหนู
00:25:44 → 00:25:47 ก็จะมีวงล้อเพื่อให้หนูได้ออกกำลังคือเรา
00:25:47 → 00:25:51 จะพยายามจำลองสภาพที่เขาต้องการให้อยู่ใน
00:25:51 → 00:25:55 กล่องในกรงตัวเล็กๆที่เราต้องการจะให้เขา
00:25:55 → 00:25:57 อยู่น่ะแต่ต้องพยายามทำให้คุณภาพชีวิตเขา
00:25:57 → 00:26:01 ดีที่สุดเหมาะสมแล้วก็คล้ายกับชีวิตที่
00:26:01 → 00:26:02 เขาต้องการให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้เพราะ
00:26:03 → 00:26:05 บางทีจะให้เหมือนแบบ 100% ไม่ได้แต่ก็
00:26:05 → 00:26:07 ต้องจำลองให้ให้มีความใกล้เคียงและให้
00:26:07 → 00:26:10 เหมาะสมกับพฤติกรรมแล้วก็สัญชาตญาณของเขา
00:26:10 → 00:26:13 นะครับไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารการการกิน
00:26:13 → 00:26:15 เรื่องที่อยู่เรื่องการออกกำลังกายการออก
00:26:15 → 00:26:17 กำลังกายสำคัญมันไม่ได้อยู่แค่ในกรงเล็กๆ
00:26:17 → 00:26:20 แล้วก็อยู่นิ่งๆแต่มันก็ต้องมีพื้นที่
00:26:20 → 00:26:23 เพียงพอให้เขาได้กระโดดได้ขยับได้ไปไหนมา
00:26:23 → 00:26:25 ไหนบ้างเสด็จที่ 2 คือต้องมาดูเรื่อง
00:26:25 → 00:26:28 อาหารการกินในชีวิตประจำวันเขาไม่ใช่แค่
00:26:28 → 00:26:31 อาหารเม็ดหลายๆคนมองว่าก็เดี๋ยวนี้สะดวก
00:26:31 → 00:26:34 ซื้ออาหารเม็ดมาให้กินแล้วก็จบสิ้นผิดเขา
00:26:34 → 00:26:35 บอกว่าเป็นการเลี้ยงเป็นความเข้าใจที่ผิด
00:26:36 → 00:26:38 มากๆเลยกระต่ายไม่ได้ต้องการอาหารเม็ด
00:26:38 → 00:26:41 อย่างเดียวเนื่องจากธรรมชาติของกระต่าย
00:26:41 → 00:26:43 กระต่ายเป็นสัตว์ที่ไม่เหมือนกับสุนัขไม่
00:26:43 → 00:26:47 เหมือนแมวกระต่ายกินพืชเป็นอาหารแล้วต้อง
00:26:47 → 00:26:51 มีการย่อยมีการหมักของจุลินทรีย์ในทาง
00:26:51 → 00:26:54 เดินอาหารที่บริเวณลำไส้ใหญ่ส่วนปลายๆดัง
00:26:54 → 00:26:57 นั้นเมตาบอลิซึมอะไรต่างๆของร่างกายก็จะ
00:26:57 → 00:26:59 ไม่เหมือนสัตว์อื่นๆและอันที่ 2 คือ
00:26:59 → 00:27:02 ลักษณะของฟันฟันกระต่ายฟันหน้ากระต่าย
00:27:02 → 00:27:06 เนี่ยจะเป็นฟันที่มีการเจริญยืดงอกขึ้นมา
00:27:06 → 00:27:09 ตลอดชีวิตจะเห็นว่าในการเลี้ยงธรรมชาตินะ
00:27:09 → 00:27:11 ครับปกติแล้วจะมีการแทะการกัดอาหารที่กิน
00:27:12 → 00:27:15 ก็จะมีมีทั้งหญ้ามีอะไรที่มีการบดเสียดสี
00:27:15 → 00:27:17 เป็นการรับฟันอยู่ตลอดเวลาถ้าปล่อยทิ้ง
00:27:17 → 00:27:20 เอาไว้หลายๆรายที่เห็นตามคลินิกฟันหน้า
00:27:21 → 00:27:23 ทั้ง 2 ข้างยื่นมาจนกระทั่งทะลุเพดานป่า
00:27:23 → 00:27:27 แล้วก็บางทีฟันบนก็เจาะลงไปที่บริเวณริม
00:27:27 → 00:27:29 ฝีปากล่างอะไรลักษณะแบบนั้นแต่ว่าการแก้
00:27:29 → 00:27:32 ไขก็คือคุณหมอก็ต้องตัดแล้วก็เล็มให้มัน
00:27:32 → 00:27:36 มันมาดุลให้มันเป็นปกติแต่มันก็จะมีความ
00:27:36 → 00:27:39 ยาวตลอดเวลาถ้าพฤติกรรมการเลี้ยงการให้
00:27:39 → 00:27:41 อาหารของเรายังเป็นแบบเดิมและเป็นแบบที่
00:27:41 → 00:27:52 ผิดๆอยู่ปัญหาก็จะเกิดขึ้นมาตลอดเวลา
00:27:52 → 00:27:54 ติดตามรายการทางเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่น
00:27:54 → 00:27:56 ของไทยพีแดช็อต
00:27:56 → 00:28:09 spotify Sound Google
00:28:09 → 00:28:14 [เพลง]