00:00:00 → 00:00:03 สวัสดีครับวันนี้ผมจะพาทุกคนมาพูดคุย
00:00:03 → 00:00:05 เกี่ยวกับโซเดียมกันนะครับ
00:00:05 → 00:00:08 เราจะมาดูกันว่าโซเดียมเนี่ยมีบทบาทยังไง
00:00:08 → 00:00:11 กับร่างกายของเราบ้างแน่นอนว่าโซเดียม
00:00:11 → 00:00:14 เป็นแร่ธาตุที่จำเป็นต่อฟังก์ชันของร่าง
00:00:14 → 00:00:15 กายของเรานะครับ
00:00:15 → 00:00:18 แต่ก็ยังมีหลายคนที่อาจจะกลัวโซเดียมมาก
00:00:18 → 00:00:22 เกินไปบางคนคือตัดโซเดียมจนแทบจะไม่เหลือ
00:00:22 → 00:00:25 เลยแต่ก็แน่นอนครับถ้าเราได้รับในปริมาณ
00:00:25 → 00:00:29 ที่มากเกินไปเนี่ยก็ไม่ดีแน่นอนดังนั้น
00:00:29 → 00:00:31 เราจึงต้องมาทำความเข้าใจกันว่าเรา
00:00:31 → 00:00:33 ต้องการปริมาณโซเดียมเท่าไหร่กันแน่และ
00:00:33 → 00:00:36 มันจะส่งผลต่อสุขภาพร่างกายของเรายังไง
00:00:36 → 00:00:37 บ้างนะครับ
00:00:37 → 00:00:40 ก่อนอื่นเราต้องรู้ก่อนว่าโซเดียมเนี่ยมี
00:00:40 → 00:00:43 บทบาทยังไงต่อร่างกายของเราบ้างและถ้าเรา
00:00:43 → 00:00:46 ได้รับในปริมาณที่มากหรือน้อยเกินไปเนี่ย
00:00:46 → 00:00:48 จะเกิดอะไรขึ้นนะครับ
00:00:48 → 00:00:52 โดยหน้าที่หลักอย่างหนึ่งของโซเดียมเนี่ย
00:00:52 → 00:00:55 ก็คือช่วยรักษาสมดุลของของเหลวภายในและ
00:00:55 → 00:00:58 ภายนอกเซลล์นะครับโดยโซเดียมเนี่ยคือ
00:00:58 → 00:01:01 อิเล็กโทรไลต์ซึ่งมีประจุไฟฟ้าที่ช่วยใน
00:01:01 → 00:01:03 การเคลื่อนที่เข้าและออกจากเซลล์ได้นั่น
00:01:03 → 00:01:04 เองนะครับ
00:01:05 → 00:01:08 นอกจากนี้การเคลื่อนไหวของโซเดียมเนี่ย
00:01:08 → 00:01:12 ยังสำคัญต่อการควบคุมความดันโลหิตน้ำแล้ว
00:01:12 → 00:01:15 ก็การทำงานของเซลล์อีกด้วยนะครับ
00:01:15 → 00:01:18 โดยในการควบคุมความดันโลหิตเนี่ยเมื่อเรา
00:01:18 → 00:01:21 กินโซเดียมที่มากเกินไปนะครับร่างกายจะ
00:01:21 → 00:01:24 ปรับสมดุลโดยการกักเก็บน้ำไว้มากขึ้นนะ
00:01:24 → 00:01:26 ครับเพื่อเป็นการเจือจางโซเดียมส่วนเกิน
00:01:26 → 00:01:29 นั่นเองซึ่งสิ่งเหล่านี้เนี่ยทำให้เกิด
00:01:29 → 00:01:32 อาการบวมน้ำนั่นเองนะครับแล้วทีนี้เนี่ย
00:01:32 → 00:01:35 เมื่อน้ำเพิ่มขึ้นก็จะทำให้เกิดการตึง
00:01:35 → 00:01:36 เครียดที่หลอดเลือด
00:01:36 → 00:01:39 เลยอาจส่งผลให้เกิดความดันโลหิตสูงได้
00:01:39 → 00:01:40 นั่นเองนะครับ
00:01:40 → 00:01:43 ในทางกลับกันเนี่ยถ้าเราได้รับโซเดียม
00:01:43 → 00:01:46 น้อยเกินไปร่างกายก็จะหลั่งฮอร์โมนที่ทำ
00:01:46 → 00:01:49 ให้หลอดเลือดตีบนั่นเองนะครับซึ่งอาจทำ
00:01:49 → 00:01:52 ให้ความดันที่หลอดเลือดเนี่ยเพิ่มขึ้นได้
00:01:52 → 00:01:56 นอกจากบทบาทในการปรับสมดุลของของเหลวแล้ว
00:01:56 → 00:01:58 ก็การควบคุมความดันโลหิตแล้วนะครับ
00:01:58 → 00:02:02 โซเดียมยังมีบทบาทสำคัญในระบบประสาทและ
00:02:02 → 00:02:04 ระบบกล้ามเนื้อของเราอีกด้วยนะครับโดยมี
00:02:04 → 00:02:07 บทบาทในการส่งกระแสประสาทและการหดตัวของ
00:02:07 → 00:02:10 กล้ามเนื้อรวมถึงหัวใจของเราอีกด้วยนะ
00:02:10 → 00:02:11 ครับ
00:02:11 → 00:02:14 ดังนั้นเนี่ยเมื่อระดับโซเดียมต่ำเกินไป
00:02:14 → 00:02:16 นะครับก็อาจส่งผลให้เกิดอาการต่างๆได้
00:02:16 → 00:02:19 อย่างในระบบประสาทถ้าระดับโซเดียมต่ำเกิน
00:02:19 → 00:02:22 ไปก็อาจทำให้เกิดอาการทางระบบประสาทได้
00:02:22 → 00:02:28 เช่นปวดหัวมีอาการมึนงงเกิดอาการชักแล้ว
00:02:28 → 00:02:32 ถึงขั้นโคม่าได้เลยนะครับเนื่องจากไอออน
00:02:33 → 00:02:35 ของโซเดียมเนี่ยมีความจำเป็นสำหรับการส่ง
00:02:35 → 00:02:38 กระแสประสาทที่จะช่วยให้ระบบประสาทเนี่ย
00:02:38 → 00:02:40 ทำงานได้อย่างถูกต้องนั่นเองนะครับ
00:02:40 → 00:02:45 ส่วนในระบบกล้ามเนื้อเนี่ยถ้าหากโซเดียม
00:02:45 → 00:02:48 ต่ำเกินไปก็อาจทำให้เกิดอาการอ่อนล้าเป็น
00:02:48 → 00:02:51 ตะคริวหรืออาจจะเป็นกล้ามเนื้อกระตุกได้
00:02:51 → 00:02:54 นะครับส่วนมากอาการเหล่านี้เนี่ยจะเกิด
00:02:54 → 00:02:57 กับคนที่มีอาการเสียน้ำออกจากร่างกายมากๆ
00:02:57 → 00:03:00 นะครับหรือคนที่เหงื่อออกเยอะๆจากอากาศ
00:03:00 → 00:03:03 ที่ร้อนหรือว่าจากการออกกำลังกายนั่นเอง
00:03:03 → 00:03:04 นะครับ
00:03:04 → 00:03:08 จะเห็นได้ว่าการกวนโซเดียมมากเกินไปเนี่ย
00:03:08 → 00:03:11 จนทำให้บางคนอาจตัดโซเดียมและทำให้ได้รับ
00:03:11 → 00:03:13 โซเดียมไม่เพียงพอก็อาจทำให้เกิดผลเสีย
00:03:13 → 00:03:17 ต่อร่างกายของเราได้เช่นกันนะครับแต่ก็จะ
00:03:17 → 00:03:19 มีคนส่วนใหญ่เลยแหละที่ได้รับโซเดียมมาก
00:03:19 → 00:03:22 เกินไปอยู่ดีนะครับดังนั้นคนเหล่านี้
00:03:22 → 00:03:25 เนี่ยก็ควรลดปริมาณโซเดียมที่ได้รับในแต่
00:03:25 → 00:03:27 ละวันลงนั่นเองนะครับ
00:03:27 → 00:03:30 อาจทำได้ง่ายๆด้วยการลดเครื่องปรุงในการ
00:03:30 → 00:03:34 ทำอาหารลงนะครับหรือคนที่ชอบกิน
00:03:34 → 00:03:36 ก๋วยเตี๋ยวหรือว่าพวกอาหารที่มีเป็นน้ำๆ
00:03:36 → 00:03:39 นะครับเราก็อาจจะไม่ต้องปรุงเพิ่ม
00:03:39 → 00:03:42 แล้วก็พยายามอย่ากินน้ำซุปมากเกินไป
00:03:42 → 00:03:46 และอีกอย่างก็คือลดการกินพวกอาหารแปรรูป
00:03:46 → 00:03:49 หรือว่าอาหารสำเร็จรูปนะครับอย่างพวก
00:03:49 → 00:03:53 บะหมี่กึ่งหรือว่าพวกของเว็บต่างๆในร้าน
00:03:53 → 00:03:57 สะดวกซื้อเพราะว่าอาหารพวกนี้เนี่ยมักจะ
00:03:57 → 00:04:00 มีปริมาณโซเดียมที่สูงนะครับแต่ก็ไม่ได้
00:04:00 → 00:04:03 ห้ามไม่ให้กินนะครับแต่แค่กินในปริมาณที่
00:04:03 → 00:04:05 น้อยลงก็พอนะครับ
00:04:05 → 00:04:07 ซึ่งการทำแบบนี้เนี่ยจะช่วยลดปริมาณ
00:04:07 → 00:04:10 โซเดียมส่วนเกินในแต่ละวันได้นั่นเองนะ
00:04:10 → 00:04:11 ครับ
00:04:11 → 00:04:16 ส่วนปริมาตรโซเดียมที่เราควรได้รับในแต่
00:04:16 → 00:04:19 ละวันนะครับก็ขึ้นอยู่กับอายุเพศและ
00:04:19 → 00:04:21 สุขภาพของแต่ละคนด้วยนะครับ
00:04:21 → 00:04:25 แต่ที่แนะนำในผู้ใหญ่ก็ควรบริโภคไม่เกิน
00:04:25 → 00:04:28 2,300 มิลลิกรัมต่อวันนั่นเองนะครับ
00:04:28 → 00:04:31 ทั้งนี้เนี่ยก็ต้องปรึกษาแพทย์หรือว่านัก
00:04:31 → 00:04:33 โภชนาการ
00:04:33 → 00:04:36 เพื่อกำหนดปริมาณโซเดียมที่เหมาะสมของแต่
00:04:36 → 00:04:38 ละคนด้วยนั่นเองนะครับ
00:04:38 → 00:04:42 โดยสรุปก็คือเราไม่จำเป็นต้องกลัวโซเดียม
00:04:42 → 00:04:45 ขนาดนั้นนะครับเพราะโซเดียมก็ยังจำเป็น
00:04:45 → 00:04:48 ต่อฟังก์ชันของร่างกายของเราอยู่ดีนะครับ
00:04:48 → 00:04:51 แต่การได้รับโซเดียมมากเกินไปก็ไม่ดี
00:04:51 → 00:04:54 เหมือนกันดังนั้นเราจึงต้องบริโภคโซเดียม
00:04:54 → 00:04:57 ให้พอดีไม่มากไม่น้อยเกินไปนะครับและถ้า
00:04:57 → 00:05:00 ใครมีปัญหาสุขภาพหรือไม่แน่ใจว่าตัวเอง
00:05:00 → 00:05:03 เนี่ยต้องได้รับปริมาณโซเดียมต่อวันเท่า
00:05:03 → 00:05:06 ไหร่นะครับก็สามารถปรึกษาแพทย์หรือว่านัก
00:05:06 → 00:05:08 โภชนาการได้นั่นเองนะครับ
00:05:08 → 00:05:12 สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณท่านผู้ชมท่านผู้
00:05:12 → 00:05:15 ฟังที่ติดตามกันจนมาถึงตอนนี้แล้วเจอกัน
00:05:15 → 00:05:18 ใน Episode ต่อไปครับ