00:00:00 → 00:00:03 This Is tha PBS podcast View the
00:00:03 → 00:00:04 world vi The
00:00:05 → 00:00:08 Voice การคุคำทางเพศเนี่ยหรือที่ภาษา
00:00:08 → 00:00:11 อังกฤษเเรียกว่า sexual harassment ก็
00:00:11 → 00:00:13 คือพฤติกรรมที่ฝ่ายหนึ่งเนี่ยแสดงออกถึง
00:00:14 → 00:00:16 นัยยะทางเพศอนะคะไม่ว่าคนนั้นเนี่ยเป็น
00:00:16 → 00:00:19 ผู้หญิงหรือผู้ชายนะเพราะอย่าคิดว่าการคุ
00:00:19 → 00:00:22 ขามทางเพศนี่มีแต่ชายทำต่อหญิงนะคะเคยมี
00:00:22 → 00:00:25 หญิงทำต่อชายก็มีนะคะทำแล้วเนี่ยเหยื่อจะ
00:00:25 → 00:00:28 รู้สึกไม่ดีนะคะรู้สึกถูกคุกคามรู้สึกไม่
00:00:28 → 00:00:32 ปลอดภัยเกิดความรู้สึกอึดอัดหรืออับอาย
00:00:32 → 00:00:34 เคยเห็นไหมคะที่เราเรียกว่านายตาลามกอ่ะ
00:00:34 → 00:00:37 ค่ะเป็นลักษณะของการจ้องมองหน้าอกมองหน้า
00:00:38 → 00:00:41 แล้วก็แลบลิ้นเลียรอบปากมองขาอ่อนหรือชาย
00:00:41 → 00:00:44 กระโปรงผู้หญิงนะฮะหรือจ้องเข้าไปในคอ
00:00:44 → 00:00:48 เสื้อนะคะหรือว่ายักคิ้วหลิวตาอะไรก็แล้ว
00:00:48 → 00:00:52 แต่ฟังทุกเรื่องสุขภาพอัปเดตทุกโรคไทยฟัง
00:00:52 → 00:00:58 รายการโรงหมอกับดิฉันสุรีพรวงพรค่ะ
00:00:58 → 00:01:02 PS วันนี้มาคุยกันค่ะถึงวิธีการหนีจาก
00:01:02 → 00:01:06 การถูกคุกคามทางเพศนะคะรูปแบบไหนที่เป็น
00:01:06 → 00:01:09 การคุกคามทางเพศวันนี้เราก็มาฟังกันแล้ว
00:01:09 → 00:01:11 เราจะได้ระมัดระวังตัวเองเพราะว่าบางที
00:01:11 → 00:01:14 อาจจะมาในรูปแบบเนียนๆหรือเราไม่รู้ว่า
00:01:14 → 00:01:17 นี่คือการคุกคามทางเพศนะคะเดี๋ยวคุยกับ
00:01:17 → 00:01:19 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ดรจันทร์วิภาดิโล
00:01:19 → 00:01:22 สัมพันธ์ผู้ทรงคุณวุฒิมหาวิทยาลัยราชภัฏ
00:01:22 → 00:01:24 บ้านสมเด็จเจ้าพระยาผู้เชี่ยวชาญด้านความ
00:01:24 → 00:01:27 สัมพันธ์และครอบครัวค่ะสวัสดีค่ะอาจารย์
00:01:27 → 00:01:30 ขาค่ะสวัสดีค่ะสวัสดีค่ะท่านผู้ฟังทุก
00:01:30 → 00:01:32 ท่านค่ะวันนี้ก็เป็นอีกหัวข้อนึงที่ต้อง
00:01:32 → 00:01:37 คุยกันแบบจริงจังนะคะคือทั้งที่เป็นข่าว
00:01:37 → 00:01:39 และที่ไม่เป็นข่าวบ้างหรือบางทีเราไม่รู้
00:01:39 → 00:01:42 ว่าเอ๊นี่คือการคุกคามหรือเปล่าอาจจะมี
00:01:42 → 00:01:45 เอ๊ะๆอยู่บ้างแต่ไม่แน่ใจเกิดอีกฝ่ายบอก
00:01:45 → 00:01:47 ว่าเฮ้ยไม่ได้อะไรซะหน่อยหรืออะไรอย่าง
00:01:47 → 00:01:49 เงี้ก็อาจจะแบบมีปัญหากันขึ้นมาได้แต่ที
00:01:50 → 00:01:54 นี้ก็ต้องมาถามอาจารย์ล่ะค่ะว่าเอ้อไอ้คำ
00:01:54 → 00:01:57 ว่าการคุกคามทางเพศหรืออะไรเงี้ยมันมี
00:01:57 → 00:02:00 นิยามมีความหมายมีอะไรให้เราพอจะแบบได้
00:02:00 → 00:02:03 เข้าใจคำๆนี้หน่อยมั้ยคะค่ะค่ะมีค่ะชัด
00:02:03 → 00:02:06 เจนขึ้นนะคะเพราะสมัยก่อนเี่ยังไม่มีกฎ
00:02:06 → 00:02:09 หมายมีอะไรที่มาคุ้มครองตรงนี้มากนักนะคะ
00:02:09 → 00:02:12 แล้วก็คนก็ไม่ค่อยไม่ค่อยจะประจักษ์ใน
00:02:12 → 00:02:15 เรื่องนี้เพราะว่าเนื่องจากสมัยก่อนเนี่ย
00:02:15 → 00:02:18 เรามีเรื่องของคุณธรรมเข้ามามากถูกมั้ยคะ
00:02:18 → 00:02:21 ก็คือรู้ว่าการกระทำนี้ดีไม่ดีจากรุ่นสู่
00:02:21 → 00:02:24 รุ่นสอนกันผู้ปกครองบ้านเมืองหรือผู้นำ
00:02:24 → 00:02:27 ประเทศอะไรก็เป็นคนดีมีคุณธรรมแต่เดี๋ยว
00:02:27 → 00:02:29 นี้เราจะเห็นว่าในเรื่องของคุณธรรมและศีล
00:02:29 → 00:02:32 ธรรมเนี่ยมันเสื่อมโทรมลงทุกวันแล้วมันก็
00:02:32 → 00:02:35 จะมีพวกตัวแสบตัวร้ายทั้งหลายเนี่ยเข้ามา
00:02:35 → 00:02:38 ในเรื่องนี้และเรื่องเพศก็เป็นเรื่องนึง
00:02:38 → 00:02:42 ที่ทำให้เกิดการถูกทำร้ายถูกการคุกคามบาง
00:02:42 → 00:02:44 คนเนี่ยถูกทำร้ายหรือถูกคุกคามทางด้านเ
00:02:44 → 00:02:46 ยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเนี่ยคือเขาค
00:02:46 → 00:02:48 คุกคามเราและค่ะนึกออกมั้ยคะแล้วยิ่ง
00:02:48 → 00:02:51 เดี๋ยวเมันมีสื่อนะคะไม่ว่าจะเป็นโรค
00:02:51 → 00:02:55 โซเชียลสื่ออื่นๆเนี่ยมันไวมากมันถึงเร็ว
00:02:55 → 00:02:58 มากนะฮะเพราะฉะนั้นก็อยากจะให้มาลองเข้า
00:02:58 → 00:03:02 ใจคำจำกัดบัดความนี้ก่อนนะคะว่าการคุคาม
00:03:02 → 00:03:04 ทางเพศเนี่ยหรือที่ภาษาอังกฤษเเรียกว่า
00:03:04 → 00:03:08 sexual harassment นะคะก็คือพฤติกรรม
00:03:08 → 00:03:12 ที่ฝ่ายหนึ่งเนี่ยแสดงออกถึงนัยยะทางเพศอ
00:03:12 → 00:03:13 นะคะไม่ว่าคนนั้นเนี่ยเป็นผู้หญิงหรือผู้
00:03:13 → 00:03:16 ชายนะเพราะอย่าคิดว่าการคุกคามทางเพศนี่
00:03:16 → 00:03:19 มีแต่ชายทำต่อหญิงนะคะเคยมีหญิงทำต่อชาย
00:03:19 → 00:03:23 ก็มีนะคะเพื่อให้เหยื่อเนี่ยนะคะทำแล้ว
00:03:23 → 00:03:26 เนี่ยเหยื่อจะรู้สึกไม่ดีนะคะรู้สึกถูก
00:03:26 → 00:03:29 คุกคามรู้สึกไม่ปลอดภัยเกิดความรู้สึกอึ
00:03:29 → 00:03:33 อึดอัดหรืออับอายนะฮะหรือถูกลดทอนศักดิ์
00:03:33 → 00:03:36 ศรีคุณค่าของความเป็นมนุษย์นะคะอันนี้คือ
00:03:36 → 00:03:39 คำจำกัดความที่เขาให้ไว้นะคะซึ่งมีหลาย
00:03:39 → 00:03:43 รูปแบบด้วยกันทุกรูปแบบล้วนแต่สร้างบาด
00:03:43 → 00:03:46 แผลทางจิตใจให้กับเหยื่อได้ทั้งสิ้นเลยนะ
00:03:46 → 00:03:48 คะเราลองมาดูิว่ามันมีการกระทำอะไรได้
00:03:48 → 00:03:51 บ้างเพราะว่าหลายคนเนี่ยไม่เข้าใจนะซึ่ง
00:03:51 → 00:03:53 ตรงเนี้ยจารย์วิภาดีใจว่าในปัจจุบันเนี่ย
00:03:53 → 00:03:57 นะคะหลายหน่วยงานจารย์วิภาเปิดเข้าไปดูใน
00:03:57 → 00:03:59 เว็บเนี่ยเพราะว่ามีหลายหน่วยงานมากเลย
00:03:59 → 00:04:03 ทั้งภาคเอกชนและภาครัฐที่ตั้งเป็นอะไรนะ
00:04:03 → 00:04:07 คะเป็นเหมือนกับประกาศหรือนโยบายหรืออะไร
00:04:07 → 00:04:10 ต่างๆเนี่ยนะคะในการคุ้มครองในเรื่องของ
00:04:10 → 00:04:13 การคุกคามทางเพศให้กับคนในหน่วยงานของตัว
00:04:13 → 00:04:16 เองดีมากๆเลยค่ะนะคะค่ะเอาล่ะค่ะเรามาดู
00:04:16 → 00:04:19 ทีลักการกระทำการกระทำแรกคือการสัมผัสทาง
00:04:20 → 00:04:22 กายก็คือการใช้อวัยวะส่วนหนึ่งส่วนใดของ
00:04:22 → 00:04:26 ผู้กระทำเนี่ยนะฮะสัมผัสกับร่างกายของ
00:04:26 → 00:04:29 เหยื่อโดยไม่ขออนุญาตก่อนนะฮะเช่นการแตะ
00:04:29 → 00:04:34 เนื้อต้องตัวนะคะการลูบไล้การถูไถการกอด
00:04:34 → 00:04:38 รัดการจูบนะฮะการฉวยโอกาสหรือดึงมานั่งบน
00:04:38 → 00:04:41 ตักนะฮะหรือโน้มตัวเอาหรือเอาหน้าเข้าไป
00:04:41 → 00:04:44 ใกล้ๆเมันใช่หมดเลยนะฮะต่อให้ไม่ได้
00:04:44 → 00:04:47 สัมผัสเนี่ยแม้แต่ใกล้ๆก็ไม่ได้นึกถึง
00:04:47 → 00:04:50 เหมือนเห็นในละครเยอะนะแนวเเยใช่ค่ะๆค่ะ
00:04:50 → 00:04:53 มันจะใช้คำว่าถ้าคนที่จะเริ่มคุกคามทาง
00:04:53 → 00:04:55 เพศหนักขึ้นเนี่ยก็จะเริ่มจากน้อยๆก่อน
00:04:55 → 00:04:58 นึกออกมั้ยคะก็จะคอยดูว่าเหยื่อว่าอะไร
00:04:58 → 00:05:02 มั้ยหรือเื่อคิดอะไรมั้ยอะไรอย่างใช่ค่ะ
00:05:02 → 00:05:05 เป็นลักษณะนั้นอันที่ 2 ค่ะเป็นลักษณะของ
00:05:05 → 00:05:09 คำพูดนะฮะคำพูดเป็นสิ่งที่พบบ่อยมากเมื่อ
00:05:09 → 00:05:12 เหยื่อเนี่ยทำท่าไม่พอใจกับคำพูดเหล่า
00:05:12 → 00:05:15 นั้นนะฮะหรือทำสีหน้าที่ไม่ดีออกมาก็มัก
00:05:15 → 00:05:19 จะแก้ตัวว่าเอ้ยล้อเล่นนะฮะคิดมากไปได้
00:05:19 → 00:05:22 อะไรอย่างเงี้ยนะฮะเพราะฉะนั้นเนี่ยมันมี
00:05:22 → 00:05:25 คำพูดตั้งแต่การวิจารณ์รูปร่างหน้าตาการ
00:05:25 → 00:05:29 แต่งกายของเขานะฮะหรือชักชวนไปในที่รับ
00:05:29 → 00:05:34 หรือพูดจาแทะโลมพูดจาลามกพูดเดอตี้โจ๊กนะ
00:05:34 → 00:05:37 ฮะหรือเรียกชื่อที่ส่อไปในทางต่างๆที่
00:05:37 → 00:05:42 เป็นในเรื่องเพศอ่ะนะคะแล้วก็อาจจะสนทนา
00:05:42 → 00:05:45 หรือคุยในเรื่องเซ็กซ์นะฮะเอ่อพูดถึงรส
00:05:45 → 00:05:48 นิยมเรื่องเซ็กซ์นะฮะการถามประสบการณ์ทาง
00:05:48 → 00:05:51 เพศการพูด 2 แง่ 2 ง่ามนะคะหรือการสร้าง
00:05:51 → 00:05:54 เรื่องโกหกหรือข่าวลือทางเรื่องเพศเกี่ยว
00:05:54 → 00:05:56 กับเหยื่อเนี่ยค่ะอย่างเงี้ยถือว่าเป็นใน
00:05:56 → 00:05:59 เรื่องของการใช้คำพูดหมดอจพูดทั่วๆทั่วไป
00:06:00 → 00:06:01 อย่างที่บอกนี่แล้วเนี่ยบางครั้งมีการข่ม
00:06:01 → 00:06:05 ขู่นะคะมีการการพูดเพื่อแลกเปลี่ยนผล
00:06:05 → 00:06:09 ประโยชน์บางอย่างเช่นเอ้อเนี่ยว่างไปกิน
00:06:09 → 00:06:11 ข้าวกับผมสักมื้อสิถ้าไปกินข้าวสักมื้อ
00:06:11 → 00:06:14 เนี่ยเดี๋ยวผมอาจจะดูว่าปีนี้อาจจะ
00:06:14 → 00:06:17 พิจารณา 2 ขั้นนะอะไรอย่างเงี้ยนึกออก
00:06:17 → 00:06:21 มั้ยคะอะไรทำนองเนี้ยนะฮะที่จะมันจะส่อไป
00:06:21 → 00:06:24 ทางทางนั้นน่ะแต่ถ้าเห็นว่าเหยื่อตกใจ
00:06:24 → 00:06:28 หรือมีท่าทีต่อต้านก็จะพูดว่าเอ้ยพูดเล่น
00:06:28 → 00:06:30 อะไรอย่างเงี้ยนะล้อเลแค่นี้เองอะไรอย่าง
00:06:30 → 00:06:34 เงี้ยนะคะค่ะอันที่ 3 นะคะการใช้สายตา
00:06:34 → 00:06:38 หรือสีหน้าถึงแม้จะระบุยากเพราะมันแว๊บ
00:06:38 → 00:06:41 เดียวใช่มั้ยคะบางทีอ่ะการส่งสายตาหรือ
00:06:41 → 00:06:44 แสดงออกหรือสีหน้าส่อถึงเรื่องเพศโดยที่
00:06:45 → 00:06:48 เหยื่อรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ได้นะฮะอ่ะ
00:06:48 → 00:06:52 บางทีอาจจะหันไปเห็นพอดีนะฮะแล้วก็ทำให้
00:06:52 → 00:06:55 รู้สึกกลัวหรือขยะแขยงนะคะอันนี้คือ
00:06:55 → 00:06:57 เหยื่อเผอิญหันไปเห็นเพราะพวกเนี้ยบางที
00:06:57 → 00:07:00 มันจ้องฝ่ายเดยวถูกมั้ยคะเห็นมั้ยคะที่
00:07:00 → 00:07:03 เราเรียกว่านตาลามกอ่ะค่ะอ่าเคยมั้ยคะเคย
00:07:03 → 00:07:05 เคยเห็นสายตาแบบนี้แต่ว่าไม่ได้เกิดขึ้น
00:07:05 → 00:07:08 กับตัวเองนะคะค่ะนะคะบางทีก็เป็นลักษณะ
00:07:08 → 00:07:11 ของการจ้องมองหน้าอกนะฮะมองหน้าแล้วก็แลบ
00:07:11 → 00:07:14 ลิ้นเลียรอบปากมองขาอ่อนหรือชายกระโปรง
00:07:15 → 00:07:18 ผู้หญิงนะฮะหรือจ้องเข้าไปในคอเสื้อนะคะ
00:07:18 → 00:07:21 หรือว่ายักษคิ้วหลิวตาอะไรก็แล้วแต่นะคะ
00:07:21 → 00:07:25 เคยมีลูกศิษย์สาวๆถามบอกว่าแม่คะตาสายตา
00:07:25 → 00:07:29 หื่นเมันเป็นยังไงโอ้ลูกอยากเห็นใช่มั้ย
00:07:29 → 00:07:32 มั้ยอ่ะเปิดให้เขาดูอะไรรู้มั้ยคะคลิปที่
00:07:32 → 00:07:36 แสดงมอเตอร์โชว์อ่าอ่าคุณสุรีพรนึกออก
00:07:36 → 00:07:40 มั้ยคลิปที่ตากล้องทั้งหลายเนี่ยนะฮะไป
00:07:40 → 00:07:43 ถ่ายรูปสาวๆที่อยู่ในมอเตอร์โชว์ที่เธอ
00:07:43 → 00:07:47 นุ่งสั้นๆน่ะอืแล้วบางคนนี่สีหน้าหื่นชัด
00:07:47 → 00:07:50 เจนมากก็ขยายให้ลูกศิษย์ดูว่าเนี่ยลูก
00:07:50 → 00:07:53 เห็นมยว่าตาหื่นมันเป็นยังไงอ่านะคะเพราะ
00:07:53 → 00:07:57 ว่าบางทีเอ่อแสดงออกโดยไม่รู้ตัวว่ากล้อง
00:07:57 → 00:08:00 อื่นเขาจับเราอยู่เหมือนกันนะฮะมันก็ปลด
00:08:00 → 00:08:04 ปล่อยออกมาเต็มที่ในลักษณะแบบนั้นนะคะค่ะ
00:08:04 → 00:08:09 อันต่อไปค่ะการส่งข้อความนะฮะหรือรูปภาพ
00:08:09 → 00:08:13 หรือการเป็นเขียนนะฮะหรือพิมพ์นะคะเอ่อ
00:08:13 → 00:08:17 ทั้งในโลกจริงนะคะที่อาอาจจะไปแอบวางไว้
00:08:17 → 00:08:21 หรือเอาโิไปติดแปะไว้ใกล้ๆโต๊ะของผู้หญิง
00:08:21 → 00:08:24 หรือหรือผู้ชายที่เราจะล่วงละเมิดเค้า
00:08:24 → 00:08:27 คุกคามเค้าเนี่ยนะฮะหรือจะลงในโลกของ
00:08:27 → 00:08:30 ออนไลน์นะฮะหรือจะเป็นลักษณะของการ
00:08:30 → 00:08:33 คอมเมนต์ที่พูดอะไรมาเโพสต์อะไรแล้วเราก็
00:08:33 → 00:08:36 คอมเมนต์กลับมาในเงี้ยที่สื่อในเรื่องเพศ
00:08:36 → 00:08:40 หรือเป็นการแทะโลมหรือเป็นการที่เอ่อส่ง
00:08:40 → 00:08:43 สิ่งลามกอนาจารย์ไปให้เขาดูนะคะอย่างนี้
00:08:43 → 00:08:47 เป็นต้นนะฮะอแล้วก็ประการสุดท้ายในเรื่อง
00:08:47 → 00:08:50 ของท่าทางนะฮะท่าทางเนี่ยเป็นเชิง
00:08:50 → 00:08:52 สัญลักษณ์หรือเป็นที่รู้กันว่ามีความหมาย
00:08:52 → 00:08:56 ทางเพศนะฮะตั้งแต่ทำท่าน้ำลายหกผิวปากนะ
00:08:56 → 00:09:02 ฮะส่งจูบยืนชิดเกินไปไปไล่ต้อนให้เข้ามุม
00:09:02 → 00:09:06 หรือกั้นขวางทางเดินนะฮะลักษณะของการตาม
00:09:06 → 00:09:10 ตื้อติดตามตามรังควานนะฮะแล้วก็การกระทำ
00:09:10 → 00:09:12 ที่ทำให้เหยื่อเนี่ยรู้สึกไม่ปลอดภัยทาง
00:09:12 → 00:09:15 เพศอ่ะค่ะทั้งหมดเลยอันเนี้ยอันนี้คือ
00:09:15 → 00:09:20 พึ่งเกิดขึ้นกับอ่าน้องที่ทำงานค่ะเจอ
00:09:20 → 00:09:23 เอ่ออายุมากกว่าน่าจะรุ่นพ่อเลยแหละค่ะ
00:09:23 → 00:09:27 ค่ะมาคุกคามคือตามค่ะไปไหนก็ตามถึงบ้านก็
00:09:27 → 00:09:31 ตามคือค่ะคือที่พักเลยนะคะแล้วก็ถึงขั้น
00:09:31 → 00:09:34 แบบว่าอันนี้มันมันเจตนาชัดเจนแล้วก็มี
00:09:34 → 00:09:37 การทำอันตรายกับน้องด้วยล็อคคออย่างเงี้
00:09:37 → 00:09:41 ค่ะคือแบบอันนี้คือเกินไปโชคดีว่าเ่อ
00:09:41 → 00:09:43 เรื่องเนี้ยถึงผู้ใหญ่ก็เลยได้แบบช่วย
00:09:43 → 00:09:45 เหลือกันอแต่ก็ยังตามอยู่นะคะทุกวันนี้
00:09:45 → 00:09:48 ยังมาอยู่เลยนะคะไม่รู้จะทำยังไงเหมือน
00:09:48 → 00:09:51 กันเก็เดี๋ยวมาดูกันว่าเราจะทำยังไงอ่า
00:09:51 → 00:09:55 เราจะมีบอกว่าควรจะทำยังไงนะคะแต่ก่อนที่
00:09:55 → 00:09:57 จะไปถึงตรงนั้นเนี่ยอยากจะบอกว่าไอ้สิ่ง
00:09:57 → 00:09:59 เหล่านี้บางคนบอกเอก็ไม่เห็นเป็นไรเลยยัง
00:09:59 → 00:10:01 ไม่ได้ถูกตัวยังไม่ได้ทำอะไรนะฮะก็บอกเลย
00:10:02 → 00:10:05 ว่าแค่ตรงเนี้ยแค่คุกคาม่ะนะคะมันก็ส่ง
00:10:05 → 00:10:08 กับผลกระทบแล้วนะฮะทั้งทางด้านร่างกายและ
00:10:08 → 00:10:12 จิตใจของเหยื่อค่ะถ้าผลกระทบต่อร่างกาย
00:10:12 → 00:10:16 เนี่ยนะคะมันก็จะมีปฏิกิริยาออกมาชัดเจน
00:10:16 → 00:10:18 ก็คือในเรื่องของเ่อความเครียดที่เกิด
00:10:18 → 00:10:22 ขึ้นมันก็ส่งผลต่อร่างกายนะชัดเจนเช่นปวด
00:10:22 → 00:10:25 หัวปวดท้องขืนไส้อาเจียนเจ็บปวดส่วนนั้น
00:10:25 → 00:10:28 ส่วนนี้เมื่อเมื่อเมื่อยล้าอ่อนเพียกิน
00:10:28 → 00:10:31 ไม่ได้ได้นอนไม่หลับวิตกกางบนเห็นมั้ยคะ
00:10:31 → 00:10:34 นะฮะเพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้มันมาทางกาย
00:10:34 → 00:10:38 ทั้งสิ้นนะคะพ้นต่อจิตใจยิ่งชัดเจนเลยนะ
00:10:38 → 00:10:41 คะก็คือว่าตั้งแต่กังวลซึมเศร้าโกรธรู้
00:10:41 → 00:10:44 สึกผิดโทษตัวเองบางคนเโทษตัวเองว่าเอ๊ะ
00:10:44 → 00:10:46 ฉันทำอะไรเถึงได้มาทำอย่างนี้กับฉันเอ๊ะ
00:10:46 → 00:10:49 ฉันนุ่งสั้นไปหรือเปล่าฉันแต่งตัวไม่ดี
00:10:49 → 00:10:53 หรือเปล่านะฮะหมดความมั่นใจในตัวเองหวาด
00:10:53 → 00:10:56 หวั่นกับอนาคตนะฮะว่าเอ๊ะฉันจะทำงานที่
00:10:56 → 00:10:58 นี่ต่อไปได้มแล้วฉันไม่ทำที่นี่แล้วฉันจะ
00:10:58 → 00:11:00 เกิดอะไรขึ้นกับ
00:11:00 → 00:11:04 อนค่ะรู้สึกอ่อนแอไม่สามารถปกป้องตัวเอง
00:11:04 → 00:11:07 ได้หนักเข้าหนักเข้าเนี่ยป่วยทางจิตเลย
00:11:07 → 00:11:09 ค่ะเช่นซึมเศร้าหรือว่าอาจจะเป็นโรควิตก
00:11:09 → 00:11:13 กังวลนะคะซึ่งตรงเมันมีทั้งระยะสั้นและ
00:11:13 → 00:11:15 ระยะยาวมันไม่ใช่กระทบกระทบกระเทือนต่อ
00:11:15 → 00:11:19 จิตใจของเหยื่อเท่านั้นนะคะความหวาดกลัว
00:11:19 → 00:11:22 กันถูกคุกคามเนี่ยไม่ปลอดภัยเนี่ยมันก็
00:11:22 → 00:11:26 ส่งผลถึงองค์กรคือตัวที่ทำงานเองทำงานไม่
00:11:26 → 00:11:30 ดีอ่ะนะส่งผลถึงครอบครัวครอบครัวก็มีไม่
00:11:30 → 00:11:33 มีความสุขไปด้วยอย่างนี้เป็นต้นนะใช่คือ
00:11:33 → 00:11:35 ถ้าเกิดแบบเราอาจจะมองเราไม่ได้มองในมุม
00:11:35 → 00:11:37 มองของความเป็นเหยื่อค่ะถ้าคนเป็นเหยื่อ
00:11:37 → 00:11:39 เขาเไม่โอเคอะไรแบบนี้อยู่แล้วอ่ะนะคะ
00:11:39 → 00:11:42 เพราะฉะนั้นก็ค่ะต้องเห็นใจค่ะนะคะการถูก
00:11:42 → 00:11:46 คุกคามค่ะทีนี้อย่างที่คุณสุรีพรถามเมื่อ
00:11:46 → 00:11:48 กี้ว่าอ่ะน้องโดนอย่างงี้แล้วจะทำยังไงนะ
00:11:48 → 00:11:51 คะแล้วก็บอกว่าถ้าคนที่อยู่ใกล้เราเนี่ย
00:11:51 → 00:11:54 นะคะถูกคุกคามทางเพศเนี่ยเราจะช่วยเหลือ
00:11:54 → 00:11:57 อะไรได้บ้างหรือตัวเขาจะทำอะไรได้บ้างนะ
00:11:57 → 00:12:00 คะเพราะว่าหลายตอนเนี้ยอย่างที่บอกว่าดี
00:12:00 → 00:12:03 ใจที่หลายหน่วยงานเนี่ยเเริ่มจัดทำแนวทาง
00:12:03 → 00:12:05 ปฏิบัติเพื่อการป้องกันและแก้ปัญหาการถูก
00:12:05 → 00:12:09 ทุกคำในเพศทางเพศในที่ทำงานแล้วนะฮะเพราะ
00:12:09 → 00:12:11 มันมีข่าวตรงนั้นตรงนี้อยู่เรื่อยโดย
00:12:11 → 00:12:14 เฉพาะถ้าคนที่คุกคามนั้นเป็นผู้ใหญ่มี
00:12:14 → 00:12:17 อำนาจอะไรต่างๆเหล่าเนี้ยนะฮะก็จะเห็นว่า
00:12:17 → 00:12:20 ผู้น้อยเนี่ยตกเป็นเหยื่อที่ไม่มีทางหนี
00:12:20 → 00:12:24 ไปไหนได้นะฮะยิ่งทุกข์หนักเข้าไปใหญ่นะคะ
00:12:24 → 00:12:27 เพราะฉะนั้นตรงเนี้ยนะคะมันอาจจะมีผลต่อ
00:12:27 → 00:12:29 การให้คุณให้โทษอะไรต่างๆเหล่าเนี้ยแล้ว
00:12:30 → 00:12:32 เหยื่อเนี่ยกลายเป็นคนเชื่อว่าเหยื่อ
00:12:32 → 00:12:34 เนี่ยเป็นคนไม่ดีนึกออกมั้ยฮะกลายเป็น
00:12:34 → 00:12:38 อย่างนั้นไปนะคะเพราะว่าบางทีก็ถูกข่มขู่
00:12:38 → 00:12:40 นะฮะแล้วเหยื่อก็ไม่สามารถที่จะไปบอกใคร
00:12:40 → 00:12:42 หรือขอความช่วยเหลือจากใครได้เพราะว่า
00:12:42 → 00:12:45 อำนาจราชศักดิ์ของคนที่มันทำอยู่หรือมี
00:12:45 → 00:12:48 อำนาจในการให้คุณให้โทษนี่แหละนะคะอย่าง
00:12:48 → 00:12:51 แรกเลยนะฮะเขาคแนะนำว่าถ้าโดนที่ไหนก็ตาม
00:12:51 → 00:12:54 พยายามเอาตัวออกมาจากตรงนั้นนะคะหรือ
00:12:54 → 00:12:57 สถานการณ์เสี่ยงตรงนั้นให้มาอยู่ในกลุ่ม
00:12:57 → 00:13:00 ชนหรืออะไรก็ตามนะคะหลีหเลี่ยงการอยู่ใน
00:13:00 → 00:13:03 กลุ่มของคนหรือสถานการณ์ที่เสี่ยงเกิน
00:13:03 → 00:13:06 ความจำเป็นแต่ถ้าหากจำเป็นเนี่ยก็ต้องคิด
00:13:06 → 00:13:09 หาวิธีป้องกันตัวเองหรือหาทางหนีทีไล่อื
00:13:09 → 00:13:11 เช่นเอ่อเรารู้แล้วว่าครั้งที่ 1 คือไม่
00:13:11 → 00:13:14 มีใครหรอกที่มันตะปบเบี่ทันทีนึกออกมั้ย
00:13:14 → 00:13:17 คะมันก็จะมีไรานมาก่อนว่าเริ่มทีละนิดที
00:13:17 → 00:13:20 ละนิดนะคะแล้วก็อาจจะมีการส่งสัญญาณกับ
00:13:20 → 00:13:23 เพื่อนสนิทหรือคนที่เราคิดว่าเราจะพึ่งพา
00:13:23 → 00:13:26 ได้เนี่ยว่าเอ้ยถ้าต้องเข้าไปในห้องเนี้ย
00:13:26 → 00:13:29 นะถ้านานไปนิดนึงเนี่ยโทรศัพท์เลยนะเข้า
00:13:29 → 00:13:31 มาในเครื่องนะอะไรอย่างเงี้ยเพื่อให้มัน
00:13:31 → 00:13:34 มีเสียงให้รู้ว่าเอ่อหรือบางทีเนี่ยก็จะ
00:13:34 → 00:13:38 มีบอกว่าแม่โทรมาที่บ้านโทรมาอะไรเงี้ย
00:13:38 → 00:13:41 ให้รีบกลับอ่าดึงเนี้ยออกมาจากตรงนั้นคือ
00:13:41 → 00:13:44 ต้องมีเพื่อนที่คอยช่วยส่งสัญญาณให้
00:13:44 → 00:13:47 เพื่อนดึงออกมาจากตรงนั้นนะคะเพราะว่าเรา
00:13:47 → 00:13:50 ออกมาเองเนี่ยบางทีมันไม่ได้นึกออกมั้ยคะ
00:13:50 → 00:13:54 หรือบางทีก็จะสมมุตินะฮะว่าหัวหน้ากองกอง
00:13:54 → 00:13:56 นึงเนี่ยทำอย่างนี้กับเราเราก็อาจจะให้
00:13:56 → 00:13:59 หัวหน้ากองอีกกองนึงที่ใหญ่กว่าเนี่ยรับ
00:13:59 → 00:14:01 รู้หรืออะไรอันนี้เป็นเป็นในลักษณะของการ
00:14:01 → 00:14:04 สนิทก่อนนะคะว่าให้โทรว่าหัวหน้าคนเนี้ย
00:14:04 → 00:14:06 ตามอะไรอย่างเงี้ยนึกออกมั้ยคะบางทีไป
00:14:06 → 00:14:09 อยู่ในห้องที่เป็นห้องส่วนตัวอย่างเงี้ย
00:14:09 → 00:14:11 เราออกมาลำใชฮะอย่างนี้เป็นต้นอันนี้ยก
00:14:11 → 00:14:15 ตัวอย่างนะคะอบางคนก็ใช้ลักษณะเนี้ยค่ะ
00:14:15 → 00:14:19 กับครูนึกออกมั้ยคะในบางที่ที่ครูบางคนก็
00:14:19 → 00:14:21 ดูไม่น่าไว้ใจแล้วเรียกเด็กเข้าไปอย่า
00:14:21 → 00:14:23 เงี้ยเพื่อนก็จะโทรศัพท์เข้าไปแล้วก็บอก
00:14:23 → 00:14:25 เฮ้ยแม่มาตามแล้วแม่มารับแล้วอะไรอย่าง
00:14:25 → 00:14:29 เงี้เป็นต้นก็ให้ช่วยเหลือกันนะคะออที่ 2
00:14:29 → 00:14:33 ค่ะปฏิเสธบอกปฏิเสธกับผู้ที่กระทำเราไป
00:14:33 → 00:14:37 เลยแล้วตั้งสติให้ดีนะคะการบอกปฏิเสธเช่น
00:14:37 → 00:14:40 เคทำอะไรเราก็ตามเนี่ยแล้วบอกอย่านะไม่
00:14:40 → 00:14:43 ไม่เอานะไม่ถูกนะอะไรเงี้ยนะคะเพื่อ
00:14:43 → 00:14:46 ตระหนักรู้ว่าตัวเราเนี่ยกำลังถูกคุกคาม
00:14:46 → 00:14:49 นะไม่ใช่มาถามว่าทำอะไรอ่ะทำอะไรอ่ะไม่
00:14:49 → 00:14:52 ใช่นะต้องบอกว่าหยุดอย่านะอออไม่ถูกนะ
00:14:52 → 00:14:55 อย่ามาทำอย่างนี้กับเรานะไม่ได้นะนะคะคอ
00:14:55 → 00:14:58 ถ้าเป็นไปได้เนี่ยให้พาตัวเองออกมาแล้วก็
00:14:58 → 00:15:01 กล้ากล้าที่จะปฏิเสธนะคะมองผู้กระทำว่า
00:15:01 → 00:15:03 สิ่งที่เขากระทำอยู่นะเป็นสิ่งที่ไม่ดี
00:15:03 → 00:15:06 ต้องบอกเลยว่าอย่าทำนะไม่ได้นะหรือส่ง
00:15:06 → 00:15:09 เสียงร้องหรือเรียกให้ผู้อื่นช่วยนะคะ
00:15:09 → 00:15:12 อย่านิ่งๆแล้วเบอกทำอะไรอ่ะทำอะไรอ่ะถาม
00:15:12 → 00:15:14 อยู่อย่างงั้นไม่ได้นะคะต้องส่งเสียงร้อง
00:15:14 → 00:15:17 เพราะเวลาที่เขาสืบสอบเนี่ยเขาจะถามเลย
00:15:17 → 00:15:20 ว่าเราปฏิเสธมั้ยอ๋อเราขอความช่วยเหลือ
00:15:20 → 00:15:24 มั้ยเราอะไรมั้ยเออ่าคือบางทีเนี่ยเรา
00:15:24 → 00:15:27 ตั้งสติไม่ทันน่ะเราก็ไม่ได้ทำสิ่งเหล่า
00:15:27 → 00:15:31 เนี้ยกลายเป็นเราสมยอมค่ะเออนะคะต้องอัน
00:15:31 → 00:15:33 นี้ต้องระวังอ่าอันต่อไปนะคะถ้าออกมาพ้น
00:15:33 → 00:15:37 จากตรงนั้นแล้วเล่าให้คนอื่นฟังค่ะนะฮะ
00:15:37 → 00:15:40 ว่าเล่าเรื่องหรือระบายความรู้สึกที่เกิด
00:15:40 → 00:15:42 ขึ้นกับเราเนี่ยให้คนที่ไว้ใจก่อนไม่ใช่
00:15:42 → 00:15:45 ขาเมท์ที่ไปพณทนานะคะเพราะเราต้องดูทาง
00:15:45 → 00:15:47 หนีทีไล่ให้ดีเพราะว่าบางทีคนที่เขาทำ
00:15:47 → 00:15:50 เนี่ยมีอำนาจหรือบางทีเนี่ยในสายตาคนอื่น
00:15:50 → 00:15:54 เเขาคเป็นคนดีคนดีอ่ะเรามาพูดแล้วไม่มี
00:15:54 → 00:15:57 ใครเชื่อบอกอูคนนี้ยังกตาสีมาพูดได้ว่า
00:15:57 → 00:16:01 ไม่ดีนะะเพราะฉะนั้นดูทางหนีทีไล่ก่อนแต่
00:16:01 → 00:16:03 ว่าเล่าให้คนที่เราไว้ใจได้แล้วเป็น
00:16:03 → 00:16:06 เพื่อนที่ไว้อะไรจริงใจต่อกันเนี่ยให้รับ
00:16:06 → 00:16:09 ฟังนะคะอาจจะขอความปรึกษาหรือขอความช่วย
00:16:09 → 00:16:11 เหลือกับคนที่อาจจะเป็นเพื่อนหรือคนที่
00:16:12 → 00:16:16 อาวุโสกว่าหรืออะไรก็แล้วแต่นะคะเพราะว่า
00:16:16 → 00:16:18 บางทีเรามาใหม่เราไม่รู้ว่าใครเป็นใคร
00:16:18 → 00:16:22 แล้วคนเนี้โอ้โหหลายคนเลยค่ะที่บอกว่ามี
00:16:22 → 00:16:25 เหตุข่มขืนเแล้วบอกคนนี้ทำอุ๊ยไม่เชื่อคน
00:16:25 → 00:16:28 นี้ดีจะตายเป็นคนดีเหลือเกินอะไรอย่าง
00:16:28 → 00:16:32 เงี้ยนะเจอมาเยอะค่ะนะคะที่ใช้คำว่านัก
00:16:32 → 00:16:35 บุญเอ่อในคราบนักบุญน่ะมารในคราบนักบุญ
00:16:35 → 00:16:39 น่ะเจอมาเยอะล่ะค่ะอันต่อไปนะคะแจ้งให้
00:16:39 → 00:16:41 ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบให้ดำเนินการ
00:16:41 → 00:16:45 เรื่องนี้นะฮะโดยการคิดแผนให้รอบคอบว่าจะ
00:16:45 → 00:16:48 แจ้งใครโอ้เดี๋ยวนี้โชคดีนะคะมันมีหน่วย
00:16:48 → 00:16:52 งานต่างๆเนาะที่ดังๆในสังคมเนี่ยที่เขมา
00:16:52 → 00:16:54 พร้อมมาช่วยเหลือเรานะคะในรูปแบบไหนได้
00:16:54 → 00:16:57 บ้างเยอะแยะเลยนะคะและบางครั้งเพราะว่า
00:16:57 → 00:17:00 การที่เราจะลองแลแหกกเชอไปคนเดียวเนี่ย
00:17:00 → 00:17:02 การร้องเรียนเนี่ยบางครั้งยิ่งถูกกลั่น
00:17:02 → 00:17:04 แกล้งหนักกว่าเดิมอีกเพราะว่าคนนั้นเนี่ย
00:17:04 → 00:17:07 เขามีอำนาจวาสนามากกว่าเรานะฮะเพราะ
00:17:07 → 00:17:10 ฉะนั้นต้องอาศัยการแจ้งหลายหน่วยงานนะคะ
00:17:10 → 00:17:14 หลายคนและต้องมีพยานนะฮะเพราะฉะนั้นสิ่ง
00:17:14 → 00:17:16 เหล่านี้ต้องมีหลักฐานที่จะยืนยันได้
00:17:16 → 00:17:18 เพราะหน่วยงานต่างๆเนี่ยเราไปบอกเปาก
00:17:18 → 00:17:20 เปล่าเพราะเไม่เชื่อหรอกค่ะนะฮะต้อง
00:17:20 → 00:17:24 พยายามมาถึงข้อ 5 นะฮะคือการบันทึกและรวบ
00:17:24 → 00:17:27 รวมหลักฐานอืนะคะ 4 กับ 5 นี่ไปด้วยกันนะ
00:17:27 → 00:17:31 คะบันึกและรวบรวมหลักฐานในรูปแบบต่างๆไม่
00:17:31 → 00:17:33 ว่าจะเป็นบันทึกเหตุการณ์เช่นสมมุติว่า
00:17:33 → 00:17:35 เรากลับมาแล้วเรามาจดบันทึกใส่สมุดเราไว้
00:17:35 → 00:17:37 เลยว่าครั้งที่ 1 วันที่นี้เาทำอย่างงี้
00:17:37 → 00:17:40 อย่างี้กับเราถัดไปอีก 2 วันเอาอีกและ
00:17:40 → 00:17:42 บันทึกไว้เพราะมันเขียนย้อนหลังไม่ได้ถูก
00:17:42 → 00:17:44 มั้ยคะนะ
00:17:44 → 00:17:47 คะเช่นก็นอกจากการบันทึกแล้วก็เป็นอันอัด
00:17:47 → 00:17:51 เสียงอัดคลิปนะคะถ่ายภาพเขียนบันทึกไดรี่
00:17:51 → 00:17:54 อย่างที่บอกอ่ะนะฮะอย่างคนที่เชอบเขียน
00:17:54 → 00:17:56 ไดรี่อยู่แล้วเนี่ยเคก็จะบันทึกเหตุการณ์
00:17:56 → 00:17:59 ประจำวันของเาเนี่ยนะคะแล้วก็มีการแคปข้อ
00:17:59 → 00:18:01 ความเก็บไว้อย่างเช่นสว่ามีการ LINE มี
00:18:01 → 00:18:04 อะไรที่เป็นลักษณะชู้สาวหรือพูดทางเพศ
00:18:04 → 00:18:07 อะไรอย่างเงี้ยแคปไว้เลยนะฮะแล้วเพื่อใช้
00:18:07 → 00:18:10 ในการดำเนินการสอบสวนทางกฎหมายนะคะเรียก
00:18:10 → 00:18:12 ว่าถ้าเอาเรื่องต้องเอาให้อยู่ถ้าเอาไม่
00:18:12 → 00:18:15 อยู่เนี่ยเค้าก็ดิ้นไปอย่างอื่นอีกเพราะ
00:18:15 → 00:18:17 ฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นบันทึกเหตุการณ์วัน
00:18:17 → 00:18:20 เวลาสถานที่บุคคลที่เป็นพยานต้องมีพวกนี้
00:18:20 → 00:18:23 ให้มากที่สุดเที่จะทำได้นะฮะคนเหล่านี้
00:18:23 → 00:18:27 มันถึงจะเข็ดที่จะลงโทษหรือจะทำอะไรก็
00:18:27 → 00:18:32 แล้วแต่นะฮะอืค่ะทีนี้เมื่อเราทำสิ่ง
00:18:32 → 00:18:35 เหล่านี้แล้วนะคะมันก็ต้องมีการเยียวยา
00:18:35 → 00:18:39 เยียวยาฮีลใจตัวเองนะคะเพราะว่าเราเนี่ย
00:18:39 → 00:18:42 จะอย่างที่บอกบางทีสังคมก็มองกลับจาก
00:18:42 → 00:18:46 เหยื่อก็กลายเป็นยายตัวแสบยายตัวร้ายไปป
00:18:46 → 00:18:50 เือเาอย่างเงี้ยค่ะจะเป็นลักษณะนั้นน่ะนะ
00:18:50 → 00:18:53 ฮะมันจะถูกบูลี่ 2 ทางเสมอเพราะฉะนั้นมัน
00:18:53 → 00:18:55 ก็จะมีการเหยี่ยวยาอย่างแรกเลยขอให้ปรับ
00:18:56 → 00:18:59 วิธีคิดว่าเราไม่ใช่ฝ่ายผิดนะฮะอย่างที่
00:18:59 → 00:19:03 บอก่ะยิ่งสมัยคมสังคมสมัยก่อนนะคะที่ผู้
00:19:03 → 00:19:06 หญิงเนี่ยาจารย์วิภาขอย้อนหลังไปสัก 70
00:19:06 → 00:19:09 80 ปีที่แล้วเนี่ยนะฮะผู้หญิงข่มขืน
00:19:09 → 00:19:12 เนี่ยนะคะถูกสังคมประนามหยามเหยียดมากเลย
00:19:12 → 00:19:15 ใครถูกข่มขืนในทั้งๆที่เป็นเหยื่อนะแต่
00:19:15 → 00:19:18 กลับถูกสังคมตราหน้ามากเลยเพราะฉะนั้นไม่
00:19:18 → 00:19:21 มีใครกล้าบอกว่าถูกข่มขืนนะฮะเพราะฉะนั้น
00:19:21 → 00:19:23 เนี่ยให้ปรับวิธีคิดใหม่ว่าเราไม่ใช่ฝ่าย
00:19:23 → 00:19:28 ผิดนะคะอย่าไปโทษตัวเองขอให้ตั้งสติให้ดี
00:19:28 → 00:19:31 ทำความเข้าใจว่าเหยื่อไม่ใช่เป็นฝ่ายผิด
00:19:31 → 00:19:34 แล้วก็ไม่ใช่เป็นเรื่องน่าอับอายเราไม่
00:19:34 → 00:19:36 ได้เป็นฝ่ายกระทำไอ้คนกระทำเ่ะมันต้อง
00:19:36 → 00:19:40 เป็นคนอายนะฮะอใช่คนอื่นที่ทำสิ่งไม่ดี
00:19:40 → 00:19:43 เหล่านี้แหละเป็นคนที่ต้องอายไม่ใช่เรานะ
00:19:43 → 00:19:47 ฮะอันที่ 2 ค่ะมองหาข้อดีหรือสร้างความ
00:19:47 → 00:19:50 มั่นใจในตัวเองให้มากขึ้นเพราะว่าคนที่
00:19:50 → 00:19:53 ถูกกระทำเนี่ยมันจะมีความเชื่อมั่นในตัว
00:19:53 → 00:19:57 เองเนี่ยต่ำลงมากๆนะคะเอ่ออาจจะถูกสังคม
00:19:57 → 00:20:01 ต่อว่าครครอบครัวเองอาจจะโทษว่าเราเนี่ย
00:20:01 → 00:20:05 แหละฝ่ายผิดใช่มั้ยเราไปอยู่ทำไมดึกๆเรา
00:20:05 → 00:20:08 ไปทำไมในที่เปี่ยวๆทำไมเราแต่งตัวโป๊ๆแบบ
00:20:08 → 00:20:12 นี้อะไรอย่างเงี้ยค่ะนะฮะไอ้ไอการแต่งตัว
00:20:12 → 00:20:15 อะไเี่มันเป็นเรื่องที่ควรระมัดระวังนะคะ
00:20:15 → 00:20:18 แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเราทำแล้วเราผิดนะคะบาง
00:20:18 → 00:20:20 ครั้งมันมีความจำเป็นบางครั้งมันมีอะไร
00:20:20 → 00:20:23 ต่ออะไรนะคะที่การรู้เท่าไม่ถึงการอะไรก็
00:20:23 → 00:20:25 แล้วแต่เพราะฉะนั้นการฮีลตัวเองเนี่ยเรา
00:20:25 → 00:20:28 ต้องพยายามหาข้อดีของตัวเองค่ะหาข้อที่จะ
00:20:28 → 00:20:30 เชื่อชื่นชมตัวเองเพื่อจะเรียกความเชื่อ
00:20:30 → 00:20:33 มั่นกลับคืนมาให้ได้นะฮะเพราะฉะนั้นการ
00:20:33 → 00:20:36 กระทำบางอย่างเนี่ยเช่นเราตั้งเป้าเอาไว้
00:20:36 → 00:20:39 แล้วเราทำสำเร็จนะฮะการทำสำเร็จเี่ก็จะทำ
00:20:39 → 00:20:41 ให้เรารู้สึกอือชีวิตมันกระชุ่มกระชวย
00:20:41 → 00:20:45 ขึ้นอะไรขึ้นนะฮะควบคุมตัวเองได้ดีขึ้น
00:20:45 → 00:20:47 หรือถามคนรอบข้างถ้านึกไม่ออกมันกำลัง
00:20:47 → 00:20:51 ตื้อฉันมีอะไรดีมงอ่ะช่วยบอกฉันหน่อยสินะ
00:20:51 → 00:20:54 ฮะฉันจะได้เอามาชื่นชมตัวเองมันกู้ค่ะ
00:20:54 → 00:20:56 เข้าใจมั้ยคะมันเป็นการกู้ความรู้สึกของ
00:20:56 → 00:21:00 ตัวเองเนี่ยกลับมานะคะเพราะหลายคนเนี่ยจะ
00:21:01 → 00:21:04 ยังไงอ่ะรู้สึกเศร้ารู้สึกผิดรู้สึกอะไร
00:21:04 → 00:21:07 ต่างๆนะคะไม่เชื่อคุณสุรีพรก็ลองไปถาม
00:21:07 → 00:21:09 น้องคนนั้นก็ได้ว่าที่ถูกคุกคามอยู่ทุก
00:21:09 → 00:21:12 วันเนี้ยเค้าก็ยังรู้สึกแย่กับตัวเองอยู่
00:21:12 → 00:21:15 นั่นแหละเนะฮะใช้ชีวิตแบบไม่ปกติอ่ะระวง
00:21:15 → 00:21:18 ตลอดเวลาอย่าเงี้ยค่ะอือเป็นเด็กใชแล้ว
00:21:18 → 00:21:21 ประการสุดท้ายของการฮีลตัวเองเนี่ยนะคะก็
00:21:21 → 00:21:25 คือว่าถ้ามีความคิดนะฮะหรืออารมณ์หรือ
00:21:25 → 00:21:28 พฤติกรรมเนี่ยเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากๆนะ
00:21:28 → 00:21:29 ฮะ
00:21:29 → 00:21:32 ต้องไปพบผู้เชี่ยวชาญแล้วค่ะเช่นแบบว่า
00:21:32 → 00:21:36 เราอาจจะเช่นกังวลมากใช่่ะเช่นเอ่อบางที
00:21:36 → 00:21:39 มีปัญหาทั้งร่างกายและจิตใจเช่นปวดท้อง
00:21:39 → 00:21:42 ไม่เลิกสักทีนะฮะหรือปวดหัวหรืออะไรอย่าง
00:21:42 → 00:21:46 เงี้ยนะคะอเอ่อบางคนอาจจะหายได้เองหายได้
00:21:46 → 00:21:48 เร็วแต่บางคนเนี่ยมันเป็นแบบแผลทางจิตใจ
00:21:48 → 00:21:51 ไปอีกนานมีอาการผิดปกติอาจจะคิดวนเวียน
00:21:51 → 00:21:54 คิดเรื่องร้ายๆซ้ำแล้วซ้ำอีกนอนไม่หลับนะ
00:21:54 → 00:21:58 ฮะสมาธิความจำแย่ลงอะไรอย่างเงี้ยก็แนะนำ
00:21:58 → 00:22:01 ให้ไปหาผู้เชี่ยวชาญไม่ว่าจะเป็นจิตแพทย์
00:22:01 → 00:22:05 นักจิตวิทยาหรือเป็นแพทย์นะคะที่เขาอาจจะ
00:22:05 → 00:22:09 ต้องให้การรักษาหรือให้ให้วินิจฉัยก่อน
00:22:09 → 00:22:11 ให้วินิจฉัยก่อนแล้วให้การรักษาอาจจะต้อง
00:22:11 → 00:22:14 ใช้ยาบางตัวช่วยอะไรอย่างเงี้ยค่ะเพื่อ
00:22:14 → 00:22:16 ให้ดีขึ้นขายความวิตกกังวลอะไรพวกเเนาะ
00:22:16 → 00:22:19 เออใช่ใช่บางเพราะบางคนมันจะระแวงตลอดเลย
00:22:19 → 00:22:22 ค่ะใช่อาจจะโดนหนักมากอะไรอย่างเงี้ยนะคะ
00:22:22 → 00:22:26 แล้วบางทีเขาอาจจะไม่กล้าที่จะเอ่ยปากบอก
00:22:26 → 00:22:28 ใครแล้วเก็บเอาไว้แล้วโดนคุกคามอยู่นั่น
00:22:28 → 00:22:31 แหละเออั้นนานๆอย่าเงี้โใช่ค่ะมันเป็น
00:22:31 → 00:22:34 อะไรที่แย่มากเลยค่ะนะฮะเพราะฉะนั้นคนที่
00:22:34 → 00:22:36 ไม่ได้โดนกับตัวเองเนี่ยไม่รู้หรอกว่ามัน
00:22:36 → 00:22:39 ทุกข์ขนาดไหนนะฮะอืค่ะแล้วคนจะมาบอกว่า
00:22:39 → 00:22:42 เอ้ยลืมๆมันไปไม่มีอะไรหรอกนิดๆหน่อยๆมัน
00:22:42 → 00:22:46 ไม่จริงอ่ะค่ะมันเป็นแผลเป็นที่ฝังอยู่จน
00:22:46 → 00:22:49 กระทั่งย่ำแย่ไปในที่สุดนะฮะหรือจะมีผล
00:22:49 → 00:22:52 ต่ออนาคตของการมีคู่ครองมีอะไรต่อไปอีกใน
00:22:52 → 00:22:55 อนาคตก็ได้อืชีวิตก็แบบพังอ่ะคือไม่ได้
00:22:55 → 00:22:57 พังคนเดียวบางทีเาอาจจะเป็นเสาหลักของ
00:22:57 → 00:23:01 ครอบครัวก็ได้เนะฮโอ้โหเพราะว่ามันมันมี
00:23:01 → 00:23:03 มาทุกยุคทุกสมัยเลยมั้ยคะอาจารย์ไกับการ
00:23:03 → 00:23:07 คุกคามอ่ะใช่คเพราะยังไงก็ตามเนี่ยเอ่อ
00:23:07 → 00:23:10 ต้องใช้คำว่าเพศหญิงเนี่ยมันจะถูกคุกคาม
00:23:10 → 00:23:12 มากนะคะเนื่องจากว่ามีภาวะร่างกายที่อ่อน
00:23:12 → 00:23:16 แอกว่าอะไรกว่าแล้วก็สังคมเนี่ยผู้ชายมัก
00:23:16 → 00:23:19 จะเป็นใหญ่ค่ะนึกออกมั้ยฮะเพราะฉะนั้นก็
00:23:19 → 00:23:22 จะมาอยู่ในการปกครองของผู้ชายที่เป็นใหญ่
00:23:22 → 00:23:25 เพราะฉะนั้นถ้าผู้ชายเนี่ยไม่มีคุณธรรมนะ
00:23:25 → 00:23:27 คะหรือเป็นคนที่มักมากในเรื่องเหล่านี้
00:23:27 → 00:23:31 อะไรเงี้ยก็เป็นเหยื่อล่ะค่ะนะฮะแต่ก็มี
00:23:31 → 00:23:33 ในปัจจุบันเนี่ยที่ผู้หญิงเป็นฝ่ายคุกคาม
00:23:33 → 00:23:37 เพราะฉะนั้นเด็กเนี่ยใช่ใครที่อยู่ในใช้
00:23:37 → 00:23:40 คำว่าในปกครองอ่ะค่ะตั้งแต่โรงเรียนมา
00:23:40 → 00:23:44 อะไรมาเนี่ยก็มีอยู่นะคะที่ว่าครูคุกคาม
00:23:44 → 00:23:48 เด็กหรือว่าเอ่อผู้พี่เลี้ยงอะไรต่างๆ
00:23:48 → 00:23:50 เหล่านี้ก็มีการคุกคามกันแบบนี้โดยที่
00:23:50 → 00:23:52 เด็กเองบางครั้งก็ไม่รู้ตัวว่าเคคุกคาม
00:23:52 → 00:23:55 ตัวค่ะอันนี้ก็ไม่ได้อยากจะบอกว่าให้ไป
00:23:55 → 00:23:58 เหมาเรื่องของเอ่ออาชีพหรืออะไรนะคือมัน
00:23:58 → 00:24:01 เป็นเรื่องของบุคคลคนิสัยคือคือที่ยกตัว
00:24:01 → 00:24:03 อย่างโรงเรียนเนี่ยก็เพราะว่าเด็กเมันก็
00:24:03 → 00:24:06 ต้องอยู่ในโรงเรียนถูกมั้ยคะอยู่กับครู
00:24:06 → 00:24:08 เป็นส่วนใหญ่อะไรอย่างเนี้ยแต่ก็ไม่ใช่
00:24:08 → 00:24:11 ว่าครูทุกคนต้องใช้คำว่า 1 ในล้าน 1 ใน
00:24:11 → 00:24:13 หมื่น 1 ในแสนอะไรอย่างเยที่มันจะเป็น
00:24:13 → 00:24:16 อย่างนั้นมันเป็นแค่เฉพาะบุคคลนะคะเพราะ
00:24:16 → 00:24:19 ว่าก็อ่ะแต่ว่าเราก็ได้เรียนรู้แล้วนะคะ
00:24:19 → 00:24:22 ว่ามันมีวิธีการแบบรูปแบบไหนเนาะจากการ
00:24:22 → 00:24:25 พูดการกระทำจะอะไรก็แล้วแต่สายตานี้ก็ใช่
00:24:25 → 00:24:27 หมดแหละนะคค่ะคือถ้ารู้ว่าเคเริ่มคุกคาม
00:24:27 → 00:24:30 เนี่ยเอ่ออย่างที่บอกว่าอย่ายอมให้เขาทำ
00:24:30 → 00:24:33 ต่ออต้องบอกเลยว่าหยุดนะอะไรนะเอ่อวัน
00:24:33 → 00:24:37 ก่อนนี่จะมีเคสที่เด็กเอาแคปที่ครูอพูด
00:24:38 → 00:24:41 กับเด็กมาออกทีวีอ่ะนะฮะเด็กใช้ได้เลยนะ
00:24:41 → 00:24:43 คะเด็กฉลาดมีการเตือนครูอีกว่าครูเป็นครู
00:24:43 → 00:24:47 นะครูอย่าทำอย่างงี้ไม่ถูกนะไม่ดีนะเออ
00:24:47 → 00:24:49 เนี่ยเด็กเราเก่งนะคะเด็กเราเก่งคือไม่
00:24:49 → 00:24:52 ใช่ว่าเคทำแล้วก็ยอมให้เคพูดเรื่อยเจืไป
00:24:52 → 00:24:54 เรื่อยเค้าก็จะยิ่งมากขึ้นมากขึ้นมากขึ้น
00:24:54 → 00:24:56 อใช่เพราะฉะนั้นต้องบอกให้เขาคหยุดค่ะไม่
00:24:56 → 00:24:58 ใช่ว่า
00:24:58 → 00:25:00 ทำไมอ่ะทำไมถามอย่างงี้ทำไมทำอย่างงี้
00:25:01 → 00:25:04 ทำไมอย่างงี้ล่ะไม่ใช่คำถามลค่ะต้องบอก
00:25:04 → 00:25:07 ว่าหยุดอย่าทำมันผิดนะมันเลวนะใช่แล้ว
00:25:07 → 00:25:13 ยิ่งแบบคุณแบบเป็นอาจงอาจารย์เเออก็อัน
00:25:13 → 00:25:15 นี้ก็เป็นส่วนนึงนะคะที่วันนี้ได้มาให้
00:25:15 → 00:25:18 เป็นแนวทางสำหรับคุณผู้ฟังไว้แล้วก็ช่วยๆ
00:25:18 → 00:25:20 กันดูแลซึ่งกันและกันในที่ทำงานด้วยนะคะ
00:25:20 → 00:25:23 ขอบคุณอาจารย์จันวิภาค่ะยินดีค่ะสวัสดี
00:25:23 → 00:25:26 ค่ะหมดเวลาแล้วค่ะคุณผู้ฟังพบกันใหม่
00:25:26 → 00:25:28 ครั้งหน้ากับรายการโรงหมอทางไทย P
00:25:28 → 00:25:31 podcast นะคะวันนี้ลาไปก่อนสวัสดีค่ะ
00:25:31 → 00:25:34 This Is Toy PBS podcast เค็มเป็นรส
00:25:34 → 00:25:37 ชาติอร่อยแต่กลับก่ออาการและโรคได้มากมาย
00:25:37 → 00:25:39 ปัจจุบันตรวจพบคนไทยเป็นโรคอะไรจากความ
00:25:39 → 00:25:41 เค็มมากที่สุดรองศาสตราจารย์นายแพทย์
00:25:41 → 00:25:44 สุรศักดิ์กันตชูเวสสิริจากโรงพยาบาล
00:25:44 → 00:25:48 รามาธิบดีมาเล่าให้ฟังครับความเค็มส่วน
00:25:48 → 00:25:51 ใหญ่ได้มาจากการกินเกลือเครื่องปรุงรสใช่
00:25:51 → 00:25:53 มั้ยครับซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นสารที่เรียก
00:25:53 → 00:25:55 ว่าโซเดียมคลอไรด์แต่จริงๆสารที่มี
00:25:56 → 00:25:59 ประโยชน์แล้วก็ควบคุมการทำงานของระบบไหล
00:25:59 → 00:26:02 เวียนโลหิตระบบกล้ามเนื้อระบบประสาทคือ
00:26:02 → 00:26:05 โซเดียมตัวโซเดียมเนี่ยมันอยู่ในอาหาร
00:26:05 → 00:26:07 หลายประเภทรวมทั้งอาหารที่ไม่เค็มด้วยนะ
00:26:07 → 00:26:09 อย่างเช่นผงชูรสผงฟูหรือโซเดียม
00:26:09 → 00:26:13 ไบคาร์บอเนตแต่จริงๆที่พบบ่อยปัจจุบันก็
00:26:13 → 00:26:15 ยังเป็นโซเดียมคลอไรด์หรือว่าเกลือแกง
00:26:15 → 00:26:17 เกลือแกงหรือว่าน้ำปลาซีอิ๊วนี่แหละอ่า
00:26:17 → 00:26:19 อันนั้นก็เป็นแหล่งที่สำคัญคือในกรณีที่
00:26:19 → 00:26:23 ร่างกายเสียน้ำเสียเกลือแร่ความดันเลือด
00:26:23 → 00:26:25 จะตกความดันโลหิตต่ำอย่างเช่นเราท้องเสีย
00:26:25 → 00:26:27 อย่าเงี้ยเราไปโรงพยาบาลหมอก็จะให้น้ำ
00:26:27 → 00:26:30 เกลือใช่ที่จะทำพยุงความโลหิตให้กลับมา
00:26:30 → 00:26:34 ปกตินะครับเพิ่มแรงดันเลือดอะไรต่างๆซึ่ง
00:26:34 → 00:26:37 ก็ทำให้ร่างกายทำงานปกติไทำงานปกติอันนี้
00:26:37 → 00:26:40 ก็คือในกรณีที่ร่างกายขัดเกลือแร่นะครับ
00:26:40 → 00:26:42 ซึ่งอันนี้ก็เป็นสิ่งที่จำเป็นที่เราต้อง
00:26:42 → 00:26:45 กินเกลือบ้างอืแต่ปัจจุบันคนไทยอาจจะกิน
00:26:45 → 00:26:48 เกลือมากเกินไปอาจจะเป็นวว่าชินนะคือความ
00:26:48 → 00:26:51 เคยชินกับกินมาตั้งแต่เด็กค่ะวัฒนธรรมการ
00:26:51 → 00:26:54 กินกินอาหารหกดองหรือว่ากินปลาเค็มเนื้อ
00:26:54 → 00:26:56 เค็มตั้งแต่เด็กก็ทำให้ลิ้นเติดกับความ
00:26:56 → 00:26:58 เค็มเราก็ไม่รู้ตัวว่าเรากินเค็มหรือหรือ
00:26:58 → 00:27:00 บางทีเรากินเกลือแฝงเกลือแฝงที่ไม่เค็ม
00:27:00 → 00:27:04 อย่างเช่นผงชูรสซุปก้อนหรือว่าผงฟูขนม
00:27:04 → 00:27:06 เบเกอรี่ต่างๆพวกนี้ก็จะเป็นเกลือแฝงที่
00:27:06 → 00:27:09 เราไม่รู้ไม่รู้ตัวครับแล้วปัจจุบันพบว่า
00:27:09 → 00:27:11 คนที่เป็นโรคที่เกิดจากการกินเค็มเช่น
00:27:11 → 00:27:14 ความโลหิตสูงโรคไตเนี่ยพบคนไข้อายุน้อยลง
00:27:14 → 00:27:18 ความนำโลหิตสูงปกติในอดีตเราพบ 30-35 ปี
00:27:18 → 00:27:21 เริ่มเป็นแต่ตอนนี้เราเจอคนที่เรียน
00:27:21 → 00:27:24 หนังสืออยู่มหาวิทยาลัย 20 25 เป็นความิ
00:27:24 → 00:27:27 สูงแล้วก็ 100 คนกินยาความนสัก 10 คนเรา
00:27:27 → 00:27:31 ก็ตกใจะในวัยที่อยู่มหาวิทยาลัยเนาะความ
00:27:31 → 00:27:33 ดันริตสูงถ้าไม่รักษาเนี่ยโรคแทรกซ้อนมัน
00:27:33 → 00:27:37 จะมาเยอะอเช่นโรคไตโรคหัวใจความดันเ่อ
00:27:37 → 00:27:39 อัมพฤกษ์อัมพาตปัจจุบันคนไทยที่ป่วยก็
00:27:39 → 00:27:43 เป็นความิสูงเนี่ยพบถึง 23% เกือบๆ 1 ใน 4
00:27:43 → 00:27:46 ของผู้ใหญ่เนาะคนเดินมาตบลท้องถนนผู้ใหญ่
00:27:46 → 00:27:48 4 คนจะมีคนที่เป็นความสริตสูง 1 คนแล้ว
00:27:48 → 00:27:51 ก็ต้องกินยาความสถิตสูง 1 คนคิดเป็นตัว
00:27:51 → 00:27:53 เลขก็จะประมาณ 13 ล้านคนลิ้นคนไทยมักจะ
00:27:53 → 00:27:56 ชินกับความเค็มนะพอเรากินเริ่มระยะหลัง
00:27:56 → 00:27:59 เรากินอาหารนอกบ้านบ่อยแล้วก็พอพอกินเค็ม
00:27:59 → 00:28:01 อย่านามันติดอ่ะจะต้องเติมเพิ่มคราวนี้
00:28:01 → 00:28:04 การการเติมเพิ่มเนี่ยถ้าเติมรสชาติที่แบบ
00:28:04 → 00:28:08 จัดจ้านนะหมอแนะนำว่ากินเปรี้ยวจน้มะนาว
00:28:08 → 00:28:12 กินเผ็ดจากพริกอันนี้ปลอดภัยไม่อันตรายมี
00:28:12 → 00:28:15 ข้อมูลว่าการกินเผ็ดเนี่ยป้องกันโรคหัวใจ
00:28:15 → 00:28:18 หลอดเลือดได้ลดความดันได้นะครับอเพราะ
00:28:18 → 00:28:20 ฉะนั้นการกินเผ็ดในในคนไทยก็เป็นข้อดี
00:28:20 → 00:28:23 อย่างหนึ่งค่ะแต่ว่ากินหวานกับกินเค็ม
00:28:23 → 00:28:25 เนี่ยมีปัญหาผมก็แนะนำว่าถ้าเป็นไปได้ก็
00:28:25 → 00:28:28 พยายามเติมเครื่องปรุงน้อยหน่อยอือโดย
00:28:28 → 00:28:30 เฉพาะกินอาหารนอกบ้านนะก็ปรุงมาแล้วนะบน
00:28:30 → 00:28:34 โต๊ะอาหารก็อย่าปรุง
00:28:34 → 00:28:38 เพิ่ม This Is Thai PBS
00:28:38 → 00:28:42 podcast ติดตามรายการทางเว็บไซต์และ
00:28:42 → 00:28:45 แอปพลิเคชันของ Thai PBS podcast
00:28:45 → 00:28:47 spotify soundcloud Google podcast
00:28:47 → 00:28:50 Apple podcast และ YouTube Channel
00:28:50 → 00:28:54 Thai PBS podcast thap PBS podcast
00:28:54 → 00:28:57 View the world via The
00:28:57 → 00:29:01 Voice แ