00:00:00 → 00:00:02 ประวัติศาสตร์เนี่ยจริงๆผมก็ยังเชื่อว่า
00:00:02 → 00:00:05 ยังไม่มีใครรู้จริงหรอกครับรู้มากรู้น้อย
00:00:05 → 00:00:08 แค่นั้นที่มันเกิดระหว่าง 2 ขั้วตอนนี้นะ
00:00:09 → 00:00:12 ค่ะก็คือรุ่นรุ่นเจนก่อนๆที่คิดว่ารู้
00:00:12 → 00:00:16 ประวัติศาสตร์ผ่านมาแล้วกับเจนปัจจุบัน
00:00:16 → 00:00:19 ที่เสพประวัติศาสตร์ได้มากกว่าผ่านทาง
00:00:19 → 00:00:20 สื่อ
00:00:20 → 00:00:25 โซเชียลผ่านทางข้อมูลเยอะแยะไปหมดเลยค่ะ
00:00:25 → 00:00:28 ปัญหาสังคมอันนึงรุ่นนึงก็ดู
00:00:28 → 00:00:31 ประวัติศาสตร์มาในอีกมุมนึงรุ่นใหม่ก็เสพ
00:00:31 → 00:00:35 ประวัติศาสตร์มาอีกมุมนึงต่างคนต่างมอง
00:00:35 → 00:00:38 ต่างคนต่างมีข้อมูลไม่เหมือนกันค่ะแล้วก็
00:00:38 → 00:00:40 อย่างที่คุณครูบอกว่ามันมันไม่มีอะไรถูก
00:00:40 → 00:00:43 ผิดแต่มันขึ้นอยู่ว่าแต่ละคนวิเคราะห์
00:00:43 → 00:00:46 อย่างไรค่ะทีนี้ปัญหาคือว่าพอ 2 ขั้ว
00:00:46 → 00:00:49 เนี่ยมันเห็นต่างหรือเสพข้อมูลมาไม่ค่อย
00:00:49 → 00:00:51 คล้ายกันหรือวิเคราะห์มาไม่ค่อยตรงกัน
00:00:51 → 00:00:55 เนี่ยมันเกิดการปะทะกันการเห็นต่างมันก็
00:00:55 → 00:01:00 เลยเกิดปัญหาการแก้ปัญหาไม่ไม่จบเพราะ
00:01:00 → 00:01:03 ต่างเจนเห็นต่างมุมในฐานะครูสอน
00:01:03 → 00:01:09 ประวัติศาสตร์อยากจะแนะนำอย่าง
00:01:09 → 00:01:14 ไรการเป็นนักประวัติศาสตร์ที่ดีคือต้อง
00:01:14 → 00:01:19 ฟังต้องค้นหาต้องเอ่อ
00:01:19 → 00:01:25 เปิดทุกมุมไม่ใช่ว่าเจนเจนรุ่นใหม่หรือ
00:01:25 → 00:01:29 เจนรุ่นเก่าเ่าจะผิดนะคะแต่หมายความว่า
00:01:29 → 00:01:34 ทั้ง 2 เจนเนี่ยอ่าอาจจะรับข้อมูลในด้าน
00:01:34 → 00:01:39 เดียวก็คือการแก้ไขก็น่าจะต้องพยายามเปิด
00:01:39 → 00:01:43 การรับข้อมูลในทุกๆด้านเจนใหม่ก็ต้องกลับ
00:01:43 → 00:01:48 กลับมาดูถึงเหตุผลที่มาที่ไปของการเอ่อ
00:01:48 → 00:01:52 ของของความคิดของรุ่นเก่าว่าทำไมเขาถึง
00:01:52 → 00:01:55 คิดอย่างนั้นเอ่อการเรียนถ้าในฐานะนัก
00:01:55 → 00:01:59 ประวัติศาสตร์ก็คือความคิดของคนมันก็ถูก
00:01:59 → 00:02:04 เชฟไปกับสถานการณ์ที่เค้า
00:02:04 → 00:02:08 เอิ่ที่เขาถูกลายล้อมณณตอนนั้นในเมื่อ
00:02:08 → 00:02:12 สถานการณ์ในช่วงนั้นของคนยุคนึงเขาหล่อ
00:02:12 → 00:02:16 หลอมให้เขามีความคิดเป็นแบบนึงเราก็ต้อง
00:02:16 → 00:02:19 treat เ with respect แต่ว่าถ้าคนรุ่น
00:02:19 → 00:02:24 ใหม่เราเรามีมุมมองใหม่เราได้เสพอย่างที่
00:02:24 → 00:02:27 อย่างที่หมอบอกเราได้เสพข้อมูลใหม่ๆที่
00:02:27 → 00:02:28 มัน
00:02:28 → 00:02:33 เอ่อที่เคิดว่ามันคือข้อมูลที่ถูกต้องแต่
00:02:33 → 00:02:36 อย่าลืมว่าสถานการณ์มันเปลี่ยนไปในยุคที่
00:02:36 → 00:02:40 เขายืนอยู่กับยุคของคนรุ่นเก่าที่เขาก่อน
00:02:40 → 00:02:43 หน้านี้เขาเป็นยังไงก็คือถ้ากับนักศึกษา
00:02:43 → 00:02:47 ที่ที่ที่ได้สอนอยู่ณปัจจุบันก็ค่อนข้าง
00:02:47 → 00:02:50 มีความมั่นใจว่าเขาจะตระหนักถึงความแตก
00:02:50 → 00:02:54 ต่างนี้อไม่ได้มองว่ามันจะต้องแชไม่ได้
00:02:54 → 00:02:59 มองว่ามันคือสิ่งที่อ่าโอ้คนรุ่นกล่าวผิด
00:02:59 → 00:03:02 อถ้าถ้าพูดในมุมของของนักศึกษาที่ได้
00:03:02 → 00:03:06 สัมผัสณปัจจุบันนะคะเอิ่มที่ได้ที่ได้สอน
00:03:06 → 00:03:09 เอิไม่ได้ว่านักศึกษาเราจะดีจะดีกว่าที่
00:03:09 → 00:03:12 อื่นแต่ว่าเราคิดว่าเขามีความเข้าใจว่า
00:03:12 → 00:03:16 โ้อ้เหตุผลที่มาที่ไปของความคิดที่เขาบอก
00:03:16 → 00:03:19 ที่เขาเลเบลว่ามันเป็นแบบเก่าเนี่ยมันก็
00:03:19 → 00:03:23 มีเหตุผลมีที่มาที่ไปมีว่าเาทำไมถึงคิด
00:03:23 → 00:03:27 อย่างนั้นแล้วทำไมต้องแสดงออกแบบนั้นอือ
00:03:27 → 00:03:31 นี่ก็คือการการเปิดใจอย่างในการรับข้อมูล
00:03:31 → 00:03:35 อือคือเราก็มองแบบนี้เรา criticize ได้อ
00:03:35 → 00:03:37 แต่ไม่จำเป็นต้อง
00:03:37 → 00:03:40 แชครับค่ะ
00:03:40 → 00:03:44 อืครับเห็นภาพเลยแล้วก็ก็คืออีกอย่างนึง
00:03:44 → 00:03:46 ก็คือก็ต้องเอาข้อมูลทั้ง 2 ด้านนี่แหละ
00:03:46 → 00:03:49 มา Balance มารวมกัน
00:03:49 → 00:03:54 เอิมอีกพอย์นึงที่ที่อยากจะเสนอไว้ด้วย
00:03:54 → 00:03:57 ตรงนี้ก็คือว่าเวลาเราเราเรียน
00:03:57 → 00:04:01 ประวัติศาสตร์อ่ะค่ะในในในในในระบบไทย
00:04:01 → 00:04:03 ซึ่งไม่รู้ว่าตอนนี้ได้เปลี่ยนแปลงไปบ้าง
00:04:03 → 00:04:07 หรือยังนะคะเราจะเราจะเรียนถึงแค่ข้อมูล
00:04:07 → 00:04:10 แต่เราไม่ได้เรียนรู้ว่าการเขียน
00:04:10 → 00:04:12 ประวัติศาสตร์นั้นเกิดขึ้นอย่างไรหรือที่
00:04:12 → 00:04:16 ฝรั่งเภาษาอังกฤษก็คือ historiography อื
00:04:16 → 00:04:19 มันก็แปลว่าการเขียนประวัติศาสตร์อือคือ
00:04:19 → 00:04:22 เวลาเราเรียนประวัติศาสตร์สิ่งที่สำคัญ
00:04:22 → 00:04:25 กว่าประวัติศาสตร์จริงๆแล้วคือการเขียน
00:04:25 → 00:04:28 ประวัติศาสตร์เพราะว่าถ้าเรารู้ว่าเค้า
00:04:28 → 00:04:30 เขียนมายังไง
00:04:30 → 00:04:34 เช่น motive อย่างที่บอกอ่ะค่ะสมมุติคนๆ
00:04:34 → 00:04:38 นี้เป็นคนร่างประวัติศาสตร์ของประเทศนี้
00:04:38 → 00:04:42 ขึ้นมาเราต้องดูว่าคนๆนั้นเป็นใครเขา
00:04:42 → 00:04:47 เขียนขึ้นสมัยไหนอแล้วเขามีเต้องการที่จะ
00:04:47 → 00:04:52 สื่ออะไรกับคนอ่านอาฮะซึ่งในตอนนั้นอาจจะ
00:04:52 → 00:04:57 เป็นการสร้างชาติอืนน่าจะพูดได้ถึงอย่าง
00:04:57 → 00:05:00 เช่นประวัติศาสตร์ชาติไทยอือฮึความเป็น
00:05:00 → 00:05:05 ชาติชาติไทยเนี่ยมันเกิดขึ้น
00:05:05 → 00:05:10 อ่าเมื่อกรมพยาดำรงราชานุภาพเป็นคนร่าง
00:05:10 → 00:05:13 ประวัติศาสตร์ขึ้นมาที่บอกว่าเอ่อเมือง
00:05:13 → 00:05:17 หลวงของประเทศไทยที่แรกคือสุโขทัยแล้วก็
00:05:17 → 00:05:20 ย้ายมาอยุธยาแล้วก็อะไรพวกเค่ะมันก็คือ
00:05:20 → 00:05:23 ตอบโจทย์เตอนนั้นว่าเราต้องการจะสร้าง
00:05:23 → 00:05:26 ชาติสร้างชาติไทยให้เกิดขึ้น
00:05:26 → 00:05:30 เอ่อ define ว่าคนไทยคือคือใครอะไรอย่าง
00:05:30 → 00:05:34 เงี้ยค่ะแต่ว่าเราเราเราก็รู้แล้วว่า
00:05:34 → 00:05:37 motive ของท่านณตอนนั้นคือเรื่องนี้แต่
00:05:37 → 00:05:40 ถามว่าถ้าเรามองในมุมของฝรั่งที่มองไทย
00:05:40 → 00:05:44 เราไปอ่านหนังสือของเอ่อบันทึกของ
00:05:44 → 00:05:49 missionary เคก็อาจจะมองอีกมุมนึงว่าไม่
00:05:49 → 00:05:51 ใช่แบบนี้หรือนักหรือนักประวัติศาสตร์
00:05:51 → 00:05:55 สมัยใหม่เขาก็จะมองกันว่ามันไม่ใช่ประเทศ
00:05:55 → 00:05:58 ไทยไม่ได้สร้างมาแบบนั้นถามว่ามันต้องแช
00:05:58 → 00:06:01 มั้ยอืโอ้เราต้องไปต่อสู้เพื่อจะรื้อฟื้น
00:06:01 → 00:06:04 ประวัติศาสตร์เขียนใหม่มันก็ไม่ใช่ค่ะแต่
00:06:04 → 00:06:07 เราน่าจะสอดแทรกการความเข้าใจของการเขียน
00:06:07 → 00:06:09 ประวัติศาสตร์เข้าไป
00:06:09 → 00:06:14 โอ้โหสุดยอดคุณครูขนลุกเลยนะฮะแล้วก็สุด
00:06:14 → 00:06:19 ยอดครับเห็นภาพคุณครูกำลังจะบอกว่ามัน
00:06:19 → 00:06:22 ต่างกันได้อยู่แล้วแต่อย่าไปแชกันแนนนอัน
00:06:22 → 00:06:25 ที่ 1 อันที่ 2 คือเปิดข้อมูลของแต่ละ
00:06:25 → 00:06:28 ด้านแล้วมาวิเคราะห์แล้วรวบรวมข้อมูลให้
00:06:29 → 00:06:33 มากที่สุดแลอันที่ 3 คุณครูเสนอว่านอกจาก
00:06:33 → 00:06:36 จะดูที่มาที่ไปของคนที่เขียนแล้วหรือ
00:06:36 → 00:06:39 เรียก history ให้ดูจากคนนอก his
00:06:39 → 00:06:43 historiography ค่ะ historiography นอก
00:06:43 → 00:06:47 จากจะดูของคนในเขียนให้กับตนเองแล้วให้ดู
00:06:47 → 00:06:50 คนนอกที่เขามองเราหรือเขียนให้กับเรามา
00:06:51 → 00:06:55 โผมมันเป็นมันเป็นการวิเคราะห์มากๆเลยนะ
00:06:55 → 00:06:57 ผมเพิ่งเข้าใจว่าการเรียนประวัติศาสตร์
00:06:57 → 00:07:01 จริงๆมันมันคือการวิวิเคราะห์แล้วมันมัน
00:07:01 → 00:07:04 ต้องรวบรวมหลักฐานมากๆเลยนะเพื่อที่จะค่ะ
00:07:04 → 00:07:07 นำมาสู่การสรุปแล้วหลักฐานพวกนี้มันไปหา
00:07:07 → 00:07:10 ได้จากไหนมันยมีคนเก็บเหรอฮะคุณครูค่ะ
00:07:10 → 00:07:14 อันเนี้ยค่ะเป็นเป็นข้อสำคัญที่จริงๆแล้ว
00:07:14 → 00:07:17 อาจจะเชื่อมไปถึงคำถามของคุณหมอด้วยว่า
00:07:17 → 00:07:20 อนาคตของการเรียนประวัติศาสตร์มันควรจะ
00:07:20 → 00:07:22 พัฒนาที่อะไร
00:07:22 → 00:07:25 เอิมตามหลักการแล้วการเรียนประวัติศาสตร์
00:07:25 → 00:07:29 เอกาเอกสารประวัติศาสตร์ที่เป็นเอกสาร
00:07:29 → 00:07:33 official หรือเอกสารทางทางเอ่อทางราชการ
00:07:33 → 00:07:37 เนี่ยจะถูกเก็บที่ที่เราเรียกว่าหอจดหมาย
00:07:37 → 00:07:40 เหตุอือฮึเคยเคยได้ยินมยคะไม่เคยครับ
00:07:40 → 00:07:42 เนี่ยแหละค่ะก็เป็นคำถามที่ถามนักศึกษา
00:07:42 → 00:07:45 อยู่ทุกอยู่ทุกเทอมค่ะว่าอ๋อจดหมายเหตุหอ
00:07:45 → 00:07:48 จดหมายเหตุแห่งชาติมีใครรู้มว่าอยู่ที่
00:07:48 → 00:07:53 ไหนไม่รู้เลยครับก็อยู่ที่หอสมุทรแห่ง
00:07:53 → 00:07:55 ชาติค่ะอซึ่งก็อีกค่ะนักศึกษาเราก็ไม่รู้
00:07:55 → 00:07:59 เหมือนกันค่ะว่าอยู่ที่ไหนเิมแต่ถ้าเราถ
00:07:59 → 00:08:03 เราไปเมืองนอกถ้าเราไป
00:08:03 → 00:08:06 ยุโรปทุกคนไปเที่ยว National Library
00:08:06 → 00:08:09 ของประเทศนั้นๆใช่มั้ยคะใช่เพราะมันสวยไป
00:08:09 → 00:08:13 ถ่ายรูปไปนู่นไปนี่แต่เราไม่รู้ว่าหอ
00:08:13 → 00:08:16 สมุทรแห่งชาติประเทศเราอยู่ที่ไหน
00:08:17 → 00:08:20 เย่ะผมรู้สึกผิดทันทีเลยครับคุณุจริงๆ
00:08:20 → 00:08:23 ต้องรู้สึกผิดแล้วค่ะมันก็ไม่ใช่ความผิด
00:08:23 → 00:08:30 ของของใครมันก็น่าจะเป็นก็ถ้าจะถ้าจะให้
00:08:30 → 00:08:33 ให้ให้คิดถึงอนาคตของการเรียน
00:08:33 → 00:08:36 ประวัติศาสตร์เราก็ต้องมาดูถึง
00:08:36 → 00:08:40 facilities ว่ามันอำนวยต่อการเรียนหรือ
00:08:40 → 00:08:42 ไม่ค่ะอย่างเช่นอย่างที่บอกค่ะหอจดหมาย
00:08:42 → 00:08:45 เหตุแห่งชาติคือที่ที่จริงๆแล้วสำคัญที่
00:08:45 → 00:08:48 สุดสำหรับชาติเราเลยเป็นที่ที่เก็บเอกสาร
00:08:48 → 00:08:52 ทั้งเป็นความลับและไม่เป็นความลับเอิ่ม
00:08:52 → 00:08:56 ตั้งแต่สมัยที่เราเริ่มมีการเขียนเ่อ
00:08:56 → 00:08:58 อย่างประเทศไทยนะคะก็คือหอจดหมายเหตุแห่ง
00:08:58 → 00:09:01 ชาติก็อยู่ในรั้วเดียวกันกับหอสมุดรแห่ง
00:09:01 → 00:09:05 ชาติที่อยู่สามเสนอยู่ตรงสามเศนอ่ามก็จะ
00:09:05 → 00:09:09 เป็นที่เก็บเอกสารถ้าเอาแบบเก่าที่สุดก็
00:09:09 → 00:09:14 คือตั้งแต่ร 4 อือฮึเพราะถึงจะเริ่มมีการ
00:09:14 → 00:09:18 เขียนบันทึกอือเอ่อแล้วก็จนเอ่อก็จะเป็น
00:09:18 → 00:09:21 เอกสารทั้งราชการต่างๆอ่ะค่ะ
00:09:21 → 00:09:25 สนธิสัญญาประกาศที่เป็นในเช official
00:09:25 → 00:09:27 ต่างๆอ่ะค่ะก็คือก็ถ้าเป็นนัก
00:09:27 → 00:09:29 ประวัติศาสตร์เราก็จะต้องไปที่นั่นเพื่อ
00:09:29 → 00:09:32 ไปค้นขวาคุณหมอรู้มยคะว่าถ้าเกิดเราอยาก
00:09:32 → 00:09:35 ไปดูหนังสือพิมพ์เก่าๆอืสมมุติเรา
00:09:35 → 00:09:41 รีเสิร์ชเรื่องสมัยจอมพลปอือแล้วเรารู้
00:09:41 → 00:09:43 แล้วว่าบ้านเรามีหนังสือพิมพ์ใช่มั้ยคะ
00:09:43 → 00:09:47 เราจะไปหาที่ไหนจริงๆหอสมุดรแห่งชาติมีมี
00:09:47 → 00:09:51 ห้องที่เก็บหนังสือพิมพ์โดยเฉพาะอืหรือ
00:09:51 → 00:09:53 แม้กระทั่งใหม่กว่านั้นเช่นสมมุติว่ายุค
00:09:53 → 00:09:59 ต้มยำกุ้งยุคเอ่อ 1997 เอ่ออยากไปดูดูว่า
00:09:59 → 00:10:02 เรียนรู้ว่าเอ๊ะสมัยนั้นมันรุนแรงขนาดไหน
00:10:02 → 00:10:04 เพราะเด็กสมัยนี้ก็เกิดไม่ทันแล้วเรียน
00:10:04 → 00:10:06 มหาลัยก็เกิดยุค 2,000 กันหมดแล้วใช่มั้ย
00:10:06 → 00:10:10 คะอเอิ่มไม่มีใครรู้ว่าต้มยำกุ้งสมัยเรา
00:10:10 → 00:10:13 เป็นเด็กๆเนี่ยว่ามันมันกระทบกับสังคม
00:10:13 → 00:10:16 ขนาดไหนไปดูเลยค่ะมีหนังสือพิมพ์ที่เก็บ
00:10:16 → 00:10:20 ไว้ตั้งแต่สมัยนั้นมันมีอยู่แต่ว่าไม่มี
00:10:20 → 00:10:25 ใครรู้เท่าไหร่เพราะอะไรอ่ะก็น่าจะเป็น
00:10:26 → 00:10:28 เป็นมันก็ต้องพัฒนาจากการจากการเรียน
00:10:28 → 00:10:31 ประวัติศาสตร์ค่ะอย่างเช่นที่บอกว่ามัน
00:10:31 → 00:10:34 เป็นความเข้าใจผิดและก็อาจจะระบบก็ไม่ได้
00:10:35 → 00:10:39 อำนวยให้เกิดการพัฒนาเท่าไหร่เอ่อการเข้า
00:10:39 → 00:10:42 ใจผิดที่ที่ว่าเราเราครูผู้สอนเสอนตาม
00:10:42 → 00:10:46 textbook เขียนมายังไงก็สอนตามนั้นเด็ก
00:10:46 → 00:10:49 ก็อ่านตามนั้นแต่ว่าถ้าเกิดมันมีการสอด
00:10:49 → 00:10:52 แทรกอย่างเช่นเราได้เอ่อคุณหมอได้สรุป
00:10:52 → 00:10:57 ก่อนหน้านี้ว่ามีิทริป eld ทริปไปดูหอ
00:10:58 → 00:11:00 สมุทรแห่งชาติไปดูว่าเคเก็บอะไรกันบ้าง
00:11:00 → 00:11:03 อย่างเงี้ยมันก็สก็เด็กก็จะรู้มากขึ้น
00:11:03 → 00:11:06 แล้วก็รู้ว่าอ๋อจริงๆแล้วเราไม่ต้องไป
00:11:06 → 00:11:09 อ่านหนังสืออย่างเดียวอือเราไปเราไปดูจาก
00:11:09 → 00:11:12 ของจริงๆก็ได้นะแล้วมันก็จะเกิดความตื่น
00:11:12 → 00:11:16 เต้นค่ะเหมือนเหมือนตัวตัวนั้นเองที่ได้
00:11:16 → 00:11:20 ได้เจอเอกสารบันทึกครั้งแรกอุ๊ยลงชื่อร 5
00:11:20 → 00:11:24 อย่างเงี้ยค่ะเฮ้ยมันเก่ามากนะมันเป็นรปี
00:11:24 → 00:11:28 แล้วเราได้จับอ่ะไม่รู้มันมันรู้สึกว่า
00:11:28 → 00:11:31 มันมันปารจอยมันมันรู้สึกตื่นเต้นมันรู้
00:11:31 → 00:11:34 สึกมีความสุขก็อาจจะไม่ใช่เกิดขทุกคนน่ะ
00:11:34 → 00:11:37 ค่ะแต่ว่ามันก็มันก็สสามารถสนับสนุนการ
00:11:37 → 00:11:40 การเรียนรู้ได้ถ้าเราได้มีโอกาสแต่แต่ก็
00:11:40 → 00:11:42 คือไม่ได้มีโอกาสเหมือนกันตอนเด็กๆก็ไม่
00:11:42 → 00:11:46 รู้เหมือนกันค่ะว่าเอิ่ม National
00:11:46 → 00:11:49 archive หรือหรือหรือหอจดไหยเหตุแห่ง
00:11:49 → 00:11:53 ชาตินี่อยู่ที่ไหนจนกระทั่งจนกระทั่งโต
00:11:53 → 00:11:55 แล้วค่ะแต่ว่าก็คิดว่าถ้ามีโอกาสได้ไป
00:11:55 → 00:11:58 ตั้งแต่เด็กๆเนี่ยก็น่าจะยิ่งสนุกสนุก
00:11:58 → 00:12:02 กว่านี้อืแต่ในขณะเดียวกันในต่างประเทศ
00:12:03 → 00:12:07 เนี่ยเค้าเคทำให้มันสนุกในการเรียนรู้เค
00:12:07 → 00:12:08 ทำให้
00:12:08 → 00:12:12 มันสะดวกด้วยซ้ำค่ะไป
00:12:12 → 00:12:15 เวลาเวลาเราไปขอดูเอกสารอย่างเช่นที่ที่
00:12:15 → 00:12:19 ลอนดอนที่อังกฤษคือเราจองไปออนไลน์แล้ว
00:12:19 → 00:12:21 เขาก็เอามาตั้งไว้ให้เราเลยเป็นเป็นการ
00:12:21 → 00:12:24 จองเป็นการจองที่นั่งเขาก็จะรู้ว่าเรา
00:12:24 → 00:12:27 seat Number นี้แล้วก็เราไปถึงปุ๊บ
00:12:27 → 00:12:29 เอกสารจะอยู่ตรงหน้าเราเลย
00:12:29 → 00:12:34 อืก็มันก็เป็นความแตกต่างนะคะแต่ในขณะ
00:12:34 → 00:12:38 เดียวกันประเทศไทยคือออนไลน์ก็ไม่ค่อยมี
00:12:38 → 00:12:43 เอ่อเราต้องไปดูแคตาลอกเอ่อไล่ไล่ไล่ดูไป
00:12:43 → 00:12:45 อ่ะค่ะว่าเราจะหาเอกสารอะไรแล้วเราก็ไป
00:12:45 → 00:12:49 Request รอให้เขาเอาเอกสารมาวางให้บางที
00:12:49 → 00:12:53 ก็ฝุ่นจับอืเอกสารคือไม่ได้ธนุบำรุงหรือ
00:12:53 → 00:12:56 บางทีก็หายไปแล้วอยู่ในแคตาลอกแต่พอ
00:12:56 → 00:12:59 Request ไปเอกสารจริงไม่มีอย่าเงี้ยค่ะ
00:12:59 → 00:13:04 อืมันก็คือการทำทานุบำรุง
00:13:04 → 00:13:09 เอ่อเอกสารประวัติศาสตร์อืคุณครูคิดว่า
00:13:09 → 00:13:11 เด็กเราล้าหลังมครับถ้าเทียบกับเด็กคน
00:13:11 → 00:13:15 อื่นไม่ล้าหลังหรอกค่ะคุณหมอแต่ว่าไอล้า
00:13:15 → 00:13:18 หลังนี่ไม่ลไม่ล้าหลังแน่นอนเด็กเรามี
00:13:18 → 00:13:22 ศักยภาพที่มันขาดน่าจะเป็นความใฝ่รู้
00:13:22 → 00:13:27 อืคือเค้าน่าจะ expect ว่าทุกอย่างเป็น
00:13:27 → 00:13:33 การตอนให้แต่ไม่ได้ไปใฝ่รู้เรียนเองเอ่อ
00:13:33 → 00:13:36 เอกสารประวัติศาสตร์หลายๆอย่างมันไม่ได้
00:13:36 → 00:13:40 จำเป็นที่จะต้องไปที่สถานที่เดี๋ยวนี้
00:13:40 → 00:13:43 ยิ่งๆยิ่งหลังจากยุคโควิดเนี่ยทุกอย่าง
00:13:43 → 00:13:50 มันก็ออนไลน์มากขึ้นอเอ่อเราสามารถดูโอ
00:13:50 → 00:13:53 สนธิสัญญาอะไรก็ตามอ่ะค่ะที่มันสำคัญใน
00:13:53 → 00:13:56 ประวัติศาสตร์หาออนไลน์ได้ทันทีเลยอืแต่
00:13:56 → 00:14:01 ว่าถามว่าเด็กจะอยากไปอ่านมอืก็ไม่เค้า
00:14:01 → 00:14:04 บอกว่าจะอก็อ่านอ่านไปทำไมถ้าไม่ถ้าไม่
00:14:04 → 00:14:07 ถ้าไม่ต้องสอบแต่เ้าอ่านเอ่ออ่านเพื่อ
00:14:07 → 00:14:10 ความสนใจมั้ยก็อาจจะมีบ้างบางคนอืถ้าจะ
00:14:10 → 00:14:15 ขาดก็ขาดความใฝ่รู้มากกว่าค่ะอืถ้าคุณครู
00:14:15 → 00:14:19 อยากจะเปลี่ยนระบบการเรียนการสอนของ
00:14:19 → 00:14:23 ประวัติศาสตร์ของเมืองไทยสมมุติค่ะคุณครู
00:14:23 → 00:14:26 อยากจะเปลี่ยนอะไรครับ
00:14:26 → 00:14:29 [เพลง]