00:00:03 → 00:00:07 med cmu podcast fung for
00:00:07 → 00:00:10 Hell f for Health
00:00:10 → 00:00:13 podcast รายการที่จะมาพูดคุยเรื่องราว
00:00:13 → 00:00:16 ของสุขภาพและแบ่งปันประสบการณ์จากแพทย์
00:00:16 → 00:00:20 ผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆของคณะแพทยศาสตร์
00:00:20 → 00:00:22 มหาวิทยาลัย
00:00:22 → 00:00:28 เชียงใหม่เพราะสุขภาพที่ดีเริ่มได้จากตัว
00:00:28 → 00:00:32 เราสวัสดีค่ะขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่ฟัง
00:00:32 → 00:00:35 for Health podcast อยู่กับดิฉันฟ้า
00:00:35 → 00:00:38 ธัญญลักษณ์สดสวยนักประชาสัมพันธ์คณะ
00:00:38 → 00:00:41 แพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ผู้ฟังคะ
00:00:41 → 00:00:44 สำหรับเรื่องที่จะมาพูดคุยกันเป็นเรื่อง
00:00:44 → 00:00:47 เกี่ยวกับเยื่อหุ้มสมองอักเสบค่ะเรื่อง
00:00:47 → 00:00:49 นี้ดูเหมือนจะไกลตัวหลายๆคนนะคะแต่เรา
00:00:49 → 00:00:51 อยากจะมาทำความรู้จักค่ะเนื่องจากวันที่
00:00:52 → 00:00:54 24 เมษายนของทุกๆปีเนี่ยเขารณรงค์ให้
00:00:54 → 00:00:57 เป็นวันเยื่อหุ้มสมองอักเสบโลกเลยหยิบยก
00:00:58 → 00:01:00 เอาประเด็นนี้มาพูดคุยกันค่ะเราจะมาทำ
00:01:00 → 00:01:02 ความรู้จักว่าเยื่อหุ้มสมองอักเสบคืออะไร
00:01:02 → 00:01:05 แล้วมันเกิดจากสาเหตุอะไรนะคะอาการของโรค
00:01:05 → 00:01:08 นี้เป็นยังไงบ้างผู้ที่จะมาให้ข้อมูลกับ
00:01:09 → 00:01:11 เราท่านคืออาจารย์นายแพทย์ชุติเทพทีคพุท
00:01:11 → 00:01:14 อาจารย์ประจำหน่วยโรคประสาทและสมองภาค
00:01:14 → 00:01:17 วิชายุธศาสตร์คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัย
00:01:17 → 00:01:20 เชียงใหม่ค่ะสวัสดีค่ะอาจารย์หมอสวัสดี
00:01:20 → 00:01:23 ครับเรื่องที่จะมาพูดคุยกันนะคะดูเหมือน
00:01:23 → 00:01:26 จะไกลตัวหรือเปล่าสำหรับวันเยื่อหุ้มสมอง
00:01:26 → 00:01:28 อักเสบโลกค่ะอย่าให้อาจารย์พูดถึงเรื่อง
00:01:28 → 00:01:31 นี้สักนิดนึงค่ะว่าเยี่ยวหุ้มสมองอักเสบ
00:01:31 → 00:01:33 เนี่ยมันคืออะไรคะมันเพิ่งมามีหรือมีมา
00:01:33 → 00:01:37 นานแล้วค่ะจริงๆแล้วคำว่าเยี่ยหุ้มสมอง
00:01:37 → 00:01:39 เนี่ยเป็นคำที่มีมานานแล้วนะครับผมคือ
00:01:39 → 00:01:42 ก่อนที่เราจะเข้าว่าเอ๊ะวันเยื่อหุ้มสมอง
00:01:42 → 00:01:44 อักเสบโรคคืออะไรอย่างเงี้ยจริงๆแล้วเรา
00:01:44 → 00:01:46 ต้องรู้กับว่าเยื่อหุ้มสมองมันอยู่ตรงไหน
00:01:46 → 00:01:49 ของเราใช่มั้ยครับจริงๆบางคนหลายๆท่าน
00:01:49 → 00:01:51 เนี่ยเรารู้แค่ว่าอ๋อเวลาเราคุยเรื่อง
00:01:51 → 00:01:52 ระบบประสาทเนี่ยเราจะรู้แค่ว่ามีเรื่อง
00:01:52 → 00:01:55 ของสมองกับไผสันหลังอะไรพวกนี้เนาะเส้น
00:01:55 → 00:01:58 ประสาทแต่เราลืมโครงสร้างอย่างหนึ่งไป
00:01:58 → 00:02:01 ครับที่สำคัญมากมากเลยก็คือเรียกว่าเยื่อ
00:02:01 → 00:02:04 หุ้มสมองชื่อมันบอกคือเยื่อหุ้มแปลว่ามัน
00:02:04 → 00:02:07 เหมือนถุงหุ้มก็แปลว่าจริงๆแล้วหน้าที่
00:02:07 → 00:02:09 หลักๆของมันจริงๆมันอยู่ติดกับสมองแล้วก็
00:02:09 → 00:02:11 ไขสัตหลังต่างๆนี่แหละครับค่ะลักษณะของ
00:02:11 → 00:02:13 มันเป็นลักษณะเหมือนเยื่อหุ้มเป็นถุงหุ้ม
00:02:13 → 00:02:15 ของมันมาอีกทีนึงแล้วก็นึกทราบตามว่า
00:02:15 → 00:02:18 เหมือนมีถุงสมองใช่ถใช่ก็เหมือนกับถ้าเรา
00:02:18 → 00:02:21 นึกภาพก็คือเหมือนสมองนึกว่าสมองมีสมอง
00:02:21 → 00:02:23 ลอยอยู่แล้วก็ข้างนอกสมองเราไม่ได้สมองใน
00:02:23 → 00:02:26 ไม่ได้แตะกับสิ่งภายนอกโดยตรงจะมีเหมือน
00:02:26 → 00:02:29 กับห่อปกไว้ห่อหุ้มไว้ด้วยอีกชั้นนึงซึ่ง
00:02:29 → 00:02:31 ชั้นน่ะเรียกว่าเยี่ยวหุ้มสมองเพราะ
00:02:31 → 00:02:34 ฉะนั้นถ้าเราดูลักษณะของคำศัพท์แล้วเนี่ย
00:02:34 → 00:02:36 แล้วก็ดูลักษณะของตำแหน่งที่อยู่ของมัน
00:02:36 → 00:02:40 จริงๆแล้วหน้าที่ของมันหลักๆเลยคือปกป้อง
00:02:40 → 00:02:43 สมองค่ะไม่ให้ถูกกระทบกระเทือนไม่ให้ถูก
00:02:43 → 00:02:46 รบกวนด้วยสารเคมีหรือสารที่ิต่างๆที่ได้
00:02:46 → 00:02:48 รับมาในแต่ละวันอันนี้คือหน้าที่สำคัญคือ
00:02:48 → 00:02:51 พยายามปกป้องเราให้มากที่สุดเพราะฉะนั้น
00:02:51 → 00:02:54 แล้วเมื่อไรก็ตามที่มีความผิดปกติของ
00:02:54 → 00:02:57 เยื่อหุ้มสมองโดยเฉพาะการอักเสบของเยื่อ
00:02:57 → 00:02:59 หุ้มสมองเนี่ยก็จะทำให้เกิดภาวะที่ทำ
00:02:59 → 00:03:02 เรียกว่าเยื่อหุ้มสมองอักเสบถามว่าแล้ว
00:03:02 → 00:03:04 ถ้ามันอักเสบแล้วมันมีปัญหาอะไรก็ดู
00:03:04 → 00:03:06 อักเสบก็ปล่อยไปอย่าลืมเนาะว่าเยื่อหุ้ม
00:03:06 → 00:03:09 สมองมันทำหน้าที่อะไรครับปกป้องสมองของ
00:03:09 → 00:03:12 เราการที่มันอักเสบที่เยื่อหุ้มแปลว่าสุด
00:03:12 → 00:03:14 ท้ายแล้วเนี่ยการอักเสบถ้าคุมไม่ได้ก็จะ
00:03:14 → 00:03:17 ลุกลามแล้วก็เข้าไปถูที่เนื้อสมองก็ทำให้
00:03:17 → 00:03:20 เกิดสมองอักเสบขึ้นมาต่อไปก็เกิดปัญหา
00:03:20 → 00:03:22 ขึ้นมาครับเหมือนเกราะป้องกันของเราเนี่ย
00:03:22 → 00:03:25 มันอักเสบนั่นเองนะคะเราก็พอจะได้รู้แล้ว
00:03:25 → 00:03:27 ค่ะว่าหน้าที่ของเยืหุ้มสมองเนี่ยคือทำ
00:03:27 → 00:03:30 หน้าที่แบบนี้นะแล้วพอมันอักเสบขึ้นมา
00:03:30 → 00:03:33 เนี่ยมันเกิดจากสาเหตุอะไรคะอาจารย์ขา
00:03:33 → 00:03:35 จริงๆแล้วเกิดได้หลายสาเหตุเนาะแต่ว่าที่
00:03:35 → 00:03:37 เราเจอได้บ่อยเนี่ยส่วนมากแล้วเกิดจาก
00:03:37 → 00:03:39 สาเหตุอันดับ 1 เลยคือการติดเชื้อการจิด
00:03:39 → 00:03:41 เชื้อต่างๆซึ่งถามว่าแล้วมันติดเชื้อตัว
00:03:41 → 00:03:43 ส่วนไหนของร่างกายส่วนมากแล้วเนี่ยครับก็
00:03:43 → 00:03:46 คือติดเชื้อได้ทุกที่เลยเนาะปัญหาของการ
00:03:46 → 00:03:48 ติดเชื้อนี่ก็คือสมมุติว่าเราที่เจอบ่อย
00:03:48 → 00:03:50 ก็คือติดเชื้อได้ทางเรือนหายใจหรือระบบ
00:03:50 → 00:03:53 ทางเรือนปัสสาวะเนี่ยถ้าเราคุมหมายความ
00:03:53 → 00:03:55 ว่าคุมการติดเชื้อได้มันก็จะจบแค่ทาเนน
00:03:55 → 00:03:58 หายใจหรือแค่ทาเนนปัสสาวะเนาะแต่ถ้ามัน
00:03:58 → 00:04:00 คุมไม่ได้ปัญหาของมันก็คือว่ามันจะเริ่ม
00:04:00 → 00:04:02 เกิดกระบวนการที่เรียกว่าติดเชื้อในกระแส
00:04:02 → 00:04:04 เลือดเกิดขึ้นก็คือมันลุกลามเนาะเพราะเรา
00:04:05 → 00:04:07 ได้เยินคำว่าติดเชื้อในกระแสเลือดดูแดู
00:04:07 → 00:04:10 ลุกลามพอเลือดเนี่ยอุดมไปด้วยแบคทีเรีย
00:04:10 → 00:04:12 หรือเชื้อโรคต่างๆเกิดขึ้นเนี่ยพวกเนี้ย
00:04:12 → 00:04:14 เลือดมันก็จะต้องไปเลี้ยงพวกสมองเามันก็
00:04:14 → 00:04:17 จะไปฉาบอยู่ตามเยืหุ้มสมองต่างๆเพราะ
00:04:17 → 00:04:19 ฉะนั้นมันก็จะมีโอกาสที่เชื้อโรคอ่ะครับ
00:04:19 → 00:04:21 มันแพร่ไปตามเลือดแล้วก็ไปเกาะบริเวณ
00:04:21 → 00:04:24 เยื่อหุ้มสมองทำให้เกิดการอักเสบเกิดขึ้น
00:04:24 → 00:04:26 เพราะฉะนั้นเนี่ยสาเหตุส่วนใหญ่ก็คือเกิด
00:04:26 → 00:04:29 จากการติดเชื้อได้ทุกระบบเนาะแล้วสุดท้าย
00:04:29 → 00:04:32 มันจะจบกันที่เยี่ยวหุ้มสมองอักเสบแต่มัน
00:04:32 → 00:04:35 ก็มีสาเหตุที่เจอไม่บ่อยเจอน้อยลงกว่า
00:04:35 → 00:04:37 ส่วนมากแล้วเนี่ยอีกสาเหตุอีกกลุ่มนึงก็
00:04:37 → 00:04:41 คือเกิดจากพวกภูมิคุ้มกันที่ทำงานผิดปกติ
00:04:41 → 00:04:43 อันนี้เราอธิบายง่ายๆว่าให้เรานึกภาพว่า
00:04:43 → 00:04:46 ภูิคุ้มกันก็เหมือนทหารพวกเมเลือดขาวพวก
00:04:46 → 00:04:48 นี้เราทำหน้าที่กำจัดเชื้อโรคพวกนี้เนาะ
00:04:48 → 00:04:52 แต่บังเอิญว่ามันมีโรคบางโรคที่อยู่ดีๆก็
00:04:52 → 00:04:55 มันงงหมายความว่าอย่างเช่นมันเข้าใจผิด
00:04:55 → 00:04:58 ว่าเยี่ยมสมองคือเชื้อโรคเหมือนกับลืม
00:04:58 → 00:05:01 อะไรบางอย่างแทนที่เราจะฆ่าเชื้อโรคมัน
00:05:01 → 00:05:03 กลับเข้าใจว่าตัวเราเองเี่เป็นเชื้อโรค
00:05:03 → 00:05:05 เยื่อหุ้มสมองของเราเป็นเชื้อโรคแล้วมัน
00:05:06 → 00:05:08 ก็เริ่มทำลายเยื่อหุ้มสมองก็เกิดอัน
00:05:08 → 00:05:10 อักเสบเกิดขึ้นเพราะฉะนั้นถ้านกล่าวโดย
00:05:10 → 00:05:13 สรุปง่ายๆก็คือว่าการอักเสบเนี่ยเกิดได้ 2
00:05:13 → 00:05:16 สาเหตุใหญ่ๆคือ 1 เกิดจากการที่ติดเชื้อ
00:05:16 → 00:05:18 ต่างๆจากระบบต่างๆอีกอันนึงคือเกิดจาก
00:05:18 → 00:05:22 ระบบการทำงานของภูผู้กันที่ผิดปกติไปครับ
00:05:22 → 00:05:25 ผมอแล้วตัวอาการของโรคนี่จะเป็นยังไงบ้าง
00:05:25 → 00:05:29 คะคุณหมอคะอาการของโรคยุมสมองอักเสบเนาะ
00:05:29 → 00:05:31 ที่เจอได้บ่อยๆก็คือมีนึ่งมีไข้อันนี้แน่
00:05:31 → 00:05:33 นอนอยู่ละเป็นเรื่องของการอักเสบต้องมี
00:05:33 → 00:05:36 เรื่องไข้อันดับ 1 ละอันที่ 2 คือส่วนมาก
00:05:36 → 00:05:39 จะมาด้วยอาการปวดศีรษะซึ่งอาการปวดศีรษะ
00:05:39 → 00:05:41 เนี่ยมักจะเป็นอาการปวดศีรษะที่ค่อนข้าง
00:05:41 → 00:05:44 รุนแรงนะครับเนาะก็คือจะปวดแบบทนไม่ได้
00:05:44 → 00:05:47 เลยรับประทานยาลดอาการปวดเนี่ยก็จะไม่
00:05:47 → 00:05:49 ค่อยช่วยแล้วบางส่วนก็จะมีอาการเเรียกว่า
00:05:49 → 00:05:52 คอแข็งหมายความว่าหมายความว่ามีอาการขยับ
00:05:52 → 00:05:55 คอลำบากเหมือนคอมันจะหมุนซ้ายหมุนขวาก้ม
00:05:55 → 00:05:57 หน้านี่ก้มคอไม่ค่อยได้อันนี้จะเป็น
00:05:57 → 00:06:00 ลักษณะคอแข็งเนาะแลบางส่วนส่วจะมีลักษณะ
00:06:00 → 00:06:03 ของแพ้แสงแพ้เสียงก็คำว่าแพ้แสงแพ้เสียง
00:06:03 → 00:06:06 เนี่ยหมายความว่าเวลาเจอแสงจ้าๆหรือเสียง
00:06:06 → 00:06:10 ดังๆเนี่ยก็จะมีอาการปวดศีรษะตามมาได้
00:06:10 → 00:06:12 เพราะฉะนั้นแล้วเนี่ยเขาเลยบอกว่าจริงๆ
00:06:12 → 00:06:14 อาการที่เด่นชัดเลยสำหรับคนไข้มีกลุ่มนี้
00:06:15 → 00:06:17 ที่แตกต่างจากการเป็นติดเชื้ออื่นๆที่
00:06:17 → 00:06:20 ระบบอื่นๆหรือว่าอวัยวะอื่นอักเสบเนี่ยก็
00:06:20 → 00:06:24 คือ 1 มีไข่ 2 มีเรื่องของอาการแพ้แสงะ
00:06:24 → 00:06:27 อันที่ 3 ก็คือมีอาการคอแข็งอือือันนี้
00:06:27 → 00:06:30 เป็นสิ่งสำคัญเจอใช่อาการเหล่านี้ด้วยนะ
00:06:31 → 00:06:34 คะเราพอจะรู้อาการค่ะรับความเสี่ยงในช่วง
00:06:34 → 00:06:36 วัยไหนคะอาจารย์หมอคะใครบ้างล่ะที่มีความ
00:06:36 → 00:06:39 เสี่ยงที่จะเป็นโรคนี้ค่ะต้องบอกก่อนว่า
00:06:39 → 00:06:42 จริงๆแล้วเนี่ยเยี่ยวหุ้มสมองเมันแข็งแรง
00:06:42 → 00:06:45 มากจริงๆเราเจอไม่บ่อยนะต้องภาวะนี้นะ
00:06:45 → 00:06:47 ครับเจอไม่บ่อยเพราะว่าโดยหลักการของมัน
00:06:47 → 00:06:50 หน้าที่ของมันคือเหมือนเป็นกำแพงอ่ะเป็น
00:06:50 → 00:06:52 ซีเมนต์หนาๆกั้นไว้ฉาไว้เพราะฉะนั้นถ้า
00:06:52 → 00:06:55 อยู่ดีๆซีเมนมันพังง่ายมันก็คงไม่ใช่ค่ะ
00:06:56 → 00:06:58 หน้าที่ของมันหลักๆใช่มครับแต่มันแปลว่า
00:06:58 → 00:07:00 อะไรการที่คนไข้ส่วนบางส่วนเที่เขาเป็น
00:07:00 → 00:07:03 โรคเยื่อหุ้มสมองคือกำแพงที่มันรั้วที่
00:07:03 → 00:07:05 มันถุงหุ้มมันอักเสบเนี่ยเกิดจากอะไรก็
00:07:05 → 00:07:07 คือต้องมีภาวะอะไรบางอย่างที่ร่างกายเรา
00:07:07 → 00:07:10 ทำงานผิดปกติอืที่เราเจอได้บคือ 1 อายุ
00:07:10 → 00:07:13 เยอะพออายุเยอะๆเนี่ยก็คือระบบูคุ้มกัน
00:07:13 → 00:07:16 ระบบปราการต่างๆที่ควบคุมป้องกันสมองของ
00:07:16 → 00:07:18 เราก็จะเริ่มเสื่อมไปตามอายุอันนี้ก็เจอ
00:07:18 → 00:07:21 ได้บ่อยเกิน 50 ปีขึ้นไปก็เป็นความเสี่ยง
00:07:21 → 00:07:24 เนาะอันที่ 2 ก็คือเป็นเรื่องของการได้ยา
00:07:24 → 00:07:27 กดภูมิคุ้มกันต่างๆผู้ป่วยบางคนจะมีโรคเ
00:07:27 → 00:07:30 เรียกว่าแพ้ภูมิตัวเองอย่างเช่นโรค sle
00:07:30 → 00:07:32 มีโรครูมาตอยอย่างเงี้ยก็เราเคยได้ยินนะ
00:07:32 → 00:07:35 ครับเนาะหรือว่าโรคอ่าที่ต้องได้รับยากด
00:07:35 → 00:07:38 ภูมิอื่นๆพวกเนี้ยภูมิมันโดนกดอยู่แล้ว
00:07:38 → 00:07:40 ด้วยยาเพราะฉะนั้นโอกาสที่มันจะเกิดการ
00:07:40 → 00:07:43 อักเสบติดเชื้อก็จะเพิ่มสูงขึ้นค่ะอีก
00:07:43 → 00:07:46 กลุ่มหนึ่งที่เจอได้บ่อยขึ้นในปัจจุบันก็
00:07:46 → 00:07:47 คือกลุ่มผู้ป่วยที่ได้รับการปลูกไถย
00:07:47 → 00:07:51 อวัยวะอ๋อใช่ครับเหมือนที่โรงพยยาบาลของ
00:07:51 → 00:07:53 เราก็จะมีบริการการปลูกไถยอวัยวะเนาะทั้ง
00:07:53 → 00:07:56 ในแง่ของอวยวะที่เป็นเป็นเป็นตับเป็นไต
00:07:56 → 00:07:58 เป็นหัวใจอะไรอย่างงี้หรือว่าบางส่วนก็จะ
00:07:58 → 00:08:00 เป็นเค้าเรียกว่าว่าปลูกถ่ายแว่าอย่าง
00:08:00 → 00:08:02 เช่นเป็นปลูกถ่ายเซลล์เม็ดเลือดที่เรา
00:08:02 → 00:08:04 เริ่มที่เราได้เปิดไปครับเพราะฉะนั้น
00:08:04 → 00:08:06 เนี่ยอันนี้เป็นสิ่งที่ต้องระมัดระวังมาก
00:08:06 → 00:08:08 เลยเพราะฉะนั้นคนไข้กลุ่มนี้ก็จะมีความ
00:08:08 → 00:08:11 เสี่ยงค่ะมากขึ้นเมื่อเทียบกับคนทั่วไปนะ
00:08:11 → 00:08:13 ครับเนาะเออเพราะฉะนั้นเอ่อถามกลุ่มอื่นๆ
00:08:13 → 00:08:16 ก็จะมีอย่างเช่นเป็นความผิดปกติเอ่อที่
00:08:16 → 00:08:19 เรียกว่าอาจจะเกี่ยวกับการรับประทานอาหาร
00:08:19 → 00:08:23 บางอย่างคือูคูกันเราดีนะแต่บางเกิดกับ
00:08:23 → 00:08:26 พฤติกรรมที่ไม่ค่อเหมาะสมอย่างเช่นที่เรา
00:08:26 → 00:08:30 เจอบ่อยก็คือโรคหูดับหูดับเกิดจากการรับ
00:08:30 → 00:08:32 ประทานนั่นเองใช่เราอาจจะสงสัยเนาะเอ๊ะ
00:08:32 → 00:08:35 จริงๆแล้วอาจารย์ควรจะพูดเรื่องไอ้โรคหมู
00:08:36 → 00:08:38 ดิบหูดับอะไรเยอีกเรื่องนึงมันไม่เกี่ยว
00:08:38 → 00:08:41 ข้องกันแต่เราลืมไปครับว่าจริงๆแล้วเนี่ย
00:08:41 → 00:08:44 โรคพวกเนี้ยแบคทีเรียที่มันเกิดที่ชื่อ
00:08:44 → 00:08:46 ว่า strp ซูอีเนี่ยครับที่อยู่ในหมูดิบ
00:08:46 → 00:08:48 เนี่ยเนาะที่เรากินหลาบดิบอะไรของเรา
00:08:48 → 00:08:51 เนี่ยแล้วทำให้หูดับก่อนที่จะหูดับนะจะ
00:08:51 → 00:08:54 ต้องผ่านกระบวนการที่เรียกว่าเยื่อหุ้ม
00:08:54 → 00:08:57 สมองอักเสบก่อนเสมอเพราะว่าเกี่ยกันเซล
00:08:57 → 00:09:01 ประสาทที่รับเสียงน่ะมันจะถูกหุ้มด้วย
00:09:01 → 00:09:03 เยี่หุ้มสมองอีกทีนึงอยู่นะเพราะฉะนั้น
00:09:03 → 00:09:06 น่ะคนไข้จะต้องผ่านกระบวนการเยี่หุ้มสมอง
00:09:06 → 00:09:09 เส็จมาก่อนแล้วถึงจะหูดับเพราะฉะนั้นจริง
00:09:09 → 00:09:12 ๆแล้วมันลิ้งกันหมดเลยใช่ค่ะเข้าตีมกับ
00:09:12 → 00:09:15 เดือนนี้พอดีเลยค่ะเราก็รณรงค์กันไปนะคะ
00:09:15 → 00:09:17 สำหรับช่วงเมษายนที่เรารู้เองว่าทางคน
00:09:17 → 00:09:21 เหนือของเราหรือว่าหลายๆภาคนะคะที่นิยม
00:09:21 → 00:09:25 รับประทานลาบดิบนะคะเข้าเลยแล้วใครใครบอก
00:09:25 → 00:09:27 ว่าไกลตัวเริ่มรู้สึกเอ๊ะความเสี่ยงมัน
00:09:27 → 00:09:30 ใกล้เข้ามาเรื่อยๆนะถ้าพฤติกรรมที่เราทำ
00:09:30 → 00:09:32 เนี่ยมันเป็นสิ่งที่เราควบคุมได้นะคะ
00:09:32 → 00:09:34 อาจารย์หมอคะแต่ถ้าเกิดบางอย่างที่ไม่ได้
00:09:34 → 00:09:37 เกิดจากพฤติกรรมเพอเข้าใจได้ค่ะแต่ถ้าเรา
00:09:37 → 00:09:40 เลี่ยงได้ก็จะดีมากๆเลยนะคะเพื่อที่จะให้
00:09:40 → 00:09:43 เราห่างไกลจากโรคนี้ค่ะครับผมแล้วสำหรับ
00:09:44 → 00:09:46 การรักษาในปัจจุบันค่ะถ้าเป็นโรคนี้ต้อง
00:09:46 → 00:09:49 รักษายังไงบ้างคะอาจารย์หรือว่าตามอาการ
00:09:49 → 00:09:54 ตามเคสไปค่ะก็พวกนี้ต้องลิงก์มาตามที่เ่อ
00:09:54 → 00:09:56 สาเหตุเนาะเหมือนที่ผมบอกว่าส่วนใหญ่เกิด
00:09:56 → 00:09:59 จากการติดเชื้อใช่มชุไหนก็ได้รวมถึงส่วน
00:09:59 → 00:10:01 นึงเกิดจากหมูดิกพวกนี้เนาะครับเนาะค่ะ
00:10:01 → 00:10:03 เพราะฉะนั้นแล้วเนี่ยเมื่อมีการติดเชื้อ
00:10:03 → 00:10:07 แปลว่าต้องรับการรักษาโดยการให้ยาปฏิชีวา
00:10:07 → 00:10:09 ทั้งนี้ทั้งนั้นถามว่าให้ตัวไหนดีอันนี้
00:10:09 → 00:10:12 ก็ให้คุณหมอเขาจะตัดสินใจเนาะแต่ว่าส่วน
00:10:12 → 00:10:15 มากก็คือเราก็ใช้ยาปฏิชีวะในโรงพยาบาลก็
00:10:15 → 00:10:18 คือต้องมาโรงพยาบาลนั่นแหละค่ะใช่ครับแต่
00:10:18 → 00:10:21 ถ้าเกิดจากอ่าอีกสาเหตุที่เจอไม่บ่อยกว่า
00:10:21 → 00:10:23 ก็คือเกิดจากพวกการภูคุ้มการทำงานปกติพวก
00:10:23 → 00:10:26 นี้ก็จะรักษาด้วยการให้ยากอดภูมิเงี้ยก็
00:10:26 → 00:10:30 จะรักษาแตกต่างกันอก็สามารถหายขาดได้ไข
00:10:30 → 00:10:32 ขาดได้ใช่ครับคือเราต้องเรียนให้ทราบว่า
00:10:32 → 00:10:36 จริงๆปัญหาเรื่องของโรคเยืหุ้มสมอักเสบ
00:10:36 → 00:10:39 เนี่ยจริงๆบ้านเราเนี่ยยังถือว่าโชคดี
00:10:39 → 00:10:41 เอ่อจะเล่าให้ฟังว่าจริงๆแล้วเนี่ยบนโลก
00:10:41 → 00:10:44 ใบเนี้ยมันจะมีคำศัพท์อย่างเรียกว่าแนว
00:10:44 → 00:10:47 เข็มขัดของโรคเยี่ยหุ้มสมองอักเสบเป็นยัง
00:10:47 → 00:10:50 ไงคะคือภาษาถ้าแปลภาษาอาจจะงงแต่ภาษา
00:10:50 → 00:10:53 อังกฤษเขาใชว่าเจิเิิก็คือโรครเยี่ยหุ้ม
00:10:53 → 00:10:56 สมองอักเสบนะครับเมิจะติดเบลเบที่แปลว่า
00:10:56 → 00:10:59 เข็มขัดเข็มขัดค่ะแปลว่าอะไรแปลว่าบาง
00:10:59 → 00:11:03 บริเวณของโลกใบเนี้ยมีบางกลุ่มประเทศเที่
00:11:03 → 00:11:07 มีการระบาดของโรคยสเยอะกว่าพื้นที่อื่นอื
00:11:07 → 00:11:09 คือมันเป็นจุดพีคเลยเหมือนกับเป็นตำแหน่ง
00:11:09 → 00:11:11 นี้เป็นเยอะสุดซึ่งบังเอิญว่าโชคดีว่า
00:11:11 → 00:11:13 บ้านเราไม่ใช่แหล่งระบาดนั้นแต่ว่าส่วน
00:11:13 → 00:11:16 มากจะอยู่แถวทำแอฟริกาค่ะใช่ประเททาง
00:11:16 → 00:11:19 แอฟริกาแถวๆทางเส้นสูงสูครับแถวๆทาง
00:11:19 → 00:11:23 อียิปต์แถวโซแถวๆโซนนั้นหมดเลยนะแต่ว่า
00:11:23 → 00:11:26 ไม่ได้แปลว่าเราไม่ได้อยู่ในแรงระบาดแล้ว
00:11:26 → 00:11:29 ก็ไม่ต้องระวังอยากทำอะไรก็ทำจริงๆมันมี
00:11:29 → 00:11:32 การรายงานอยู่เป็นครั้งคราวเนาะค่ะผมอัน
00:11:32 → 00:11:35 นี้ผมเริ่มขู่ให้เราเหความสำคัญเพราะว่า
00:11:35 → 00:11:37 ใช่ๆตอนแรกเราอาจจะคิดว่าไม่ได้ใกล้ตัว
00:11:37 → 00:11:40 นี้ดูมันห่างไกลเนาะมันถึงเถึงรณรงทั้ง
00:11:40 → 00:11:42 โลกใช่มั้ยครับที่เราบอกจะบอกนิดนึงว่า
00:11:42 → 00:11:44 จริงๆแล้วถึงแม้ว่าบ้านเราจะไม่ใช่แหร่ง
00:11:44 → 00:11:46 ระบาดนะแต่อย่างน้อยมีปีละประมาณ 1,000
00:11:46 → 00:11:50 รายเนาะที่เสียชีวิตจากโรคเยี่หุ้มสมอง
00:11:50 → 00:11:53 อักเสเยอะกว่าอุบัตเหต้านะถ้าเราถ้าเราดู
00:11:53 → 00:11:56 อุบัติเหตุในแต่ละปีเนาะสช่วงสงกรานต์ที่
00:11:56 → 00:11:59 ผ่านมาเนี่ยครับเราก็จะเห็นว่าหลักเ่อผู้
00:11:59 → 00:12:02 เสียชีวิตก็จะประมาณหลักรประมาณนี้เนาะ
00:12:02 → 00:12:06 แต่เนี้ยคือหลักพันหนนะหลักพันแล้วมียัง
00:12:06 → 00:12:10 ไม่รวมอ่าคนค่าที่รอดชีวิตนะแต่พิกลพิก
00:12:10 → 00:12:12 อย่างเช่นหูดับบ่าที่แล้วพวกนี้มันไม่
00:12:13 → 00:12:16 ฟื้นมันจะดับยาวเลยเเนี้ยอีกเป็นหมืนะ
00:12:16 → 00:12:18 เริ่มมีความกังวลใจขึ้นมาบ้างตอนแรกคิด
00:12:18 → 00:12:23 ว่าอเรื่องนี้ดูห่างตัวจังเลยใหอกพพอเจัด
00:12:23 → 00:12:26 ขึ้นมาให้มีการรณรงคทุกวันที่ 24 เมษายน
00:12:26 → 00:12:29 เนี่ยค่ะก็ให้เป็นวันเยี่หุมสมองอโลเพราะ
00:12:29 → 00:12:31 ฉะนั้นพอเราได้มาเรียนรู้เรื่องนี้ได้มา
00:12:31 → 00:12:34 ทำความเข้าใจอะไรที่เป็นพฤติกรรมที่
00:12:34 → 00:12:38 เสี่ยงก็เว้นได้ก็เว้นนะคะเพราะฉะนั้นนำ
00:12:38 → 00:12:41 มาสู่ช่วงสุดท้ายของรายการค่ะเราสามารถ
00:12:41 → 00:12:44 ป้องกันตัวเองให้ห่างไกลจากโรกนี้ได้ยัง
00:12:44 → 00:12:47 ไงบ้างคะอาจารย์ขาย้ำอีกทีนึงค่ะง่ายที่
00:12:47 → 00:12:50 สุดเนาะอันนี้เราต้องเน้นย้ำสิ่งที่เราจะ
00:12:50 → 00:12:52 คุยกันเรื่องการป้องกันแปลว่าสิ่งนั้นน่ะ
00:12:52 → 00:12:54 เป็นปัจจัยเสียบที่เราป้องกันได้เพราะ
00:12:54 → 00:12:57 ฉะนั้นอะไรที่ป้องกันไม่ได้เนี่ยเราคงอาจ
00:12:57 → 00:12:59 จะต้องทำใจเนอย่างเช่นอายุที่เพิ่มขึ้น
00:12:59 → 00:13:01 อะไรเงี้ยเราคงลดอายุไม่ได้ใช่มั้ยครับ
00:13:01 → 00:13:03 แต่ว่าส่วนมากแล้วเนี่ยปัจจัยที่ป้องกัน
00:13:03 → 00:13:06 ได้อย่างเช่นอะไรที่เราคุยกันแล้ว 1
00:13:06 → 00:13:10 อาหารการกินอืต้องสุกสะอาดใช่มครับอาหาร
00:13:10 → 00:13:13 ดิบนี่เป็นตัวนำพาเชื้อโรคได้ดีอันดับ 1
00:13:13 → 00:13:16 ต้นๆเลยเนาะของเพราะฉะนั้นน่ะเราต้อง
00:13:16 → 00:13:19 เรื่องอาหารการกินต้องสุกสะอาดน้ำต้องสุก
00:13:19 → 00:13:22 สะอาดเออนะผักดิบผักสดนี่ก็พยายามหลีก
00:13:22 → 00:13:24 เลี่ยงถ้าเป็นไปได้เนาะอันที่ 2 ก็คือ
00:13:24 → 00:13:27 ต้องพยายามรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง
00:13:27 → 00:13:29 อยู่เสมอมันออกกำลังกายเพะเราก็บอกไปแล้ว
00:13:29 → 00:13:32 ครับว่าปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ร่างกายมันติด
00:13:32 → 00:13:34 เชื้อง่ายพวกนี้นะก็คือเกิดจากการที่ร่าง
00:13:34 → 00:13:37 กายไม่แข็งแรงภูพุ้มกันมันตกเพราะฉะนั้น
00:13:37 → 00:13:39 แล้วเนี่ยเราก็พยายามทำยังไงก็ได้ให้ภูกุ
00:13:39 → 00:13:42 กันไม่ตกโดยการที่เราพยายามดูแลรักษาตัว
00:13:42 → 00:13:46 เองให้แข็งแรงอยู่สม่ำเสมอนะครับครับใช่
00:13:46 → 00:13:49 แล้วก็อย่าไปซื้อยากินเองเนาะยาหม้อยาต้ม
00:13:49 → 00:13:54 อะไใชมาใช่ปัญหาของคนในภาคเหนือหรือภาค
00:13:54 → 00:13:58 อื่นๆด้วยก็คือยาเมืองยาหม้อพวกเนี้ยบาง
00:13:58 → 00:14:02 ทีมีส่วนประกอบของสารสเตียรอยด์ซึ่งเราคง
00:14:02 → 00:14:05 รู้อยู่ละมีคนลงบๆยาลูกถ้าเป็นภาคกลางนี้
00:14:05 → 00:14:06 จะเป็นยาลูกกลอนอะไรเงี้ยมีสเตียรอยด์แต่
00:14:06 → 00:14:09 ว่าภาคเหนือจะเป็นยาต้มมากกว่าค่ะยาต้ม
00:14:09 → 00:14:11 พวกนี้จะมีส่วนประกอบของสเตียรอยด์อยู่
00:14:11 → 00:14:13 ซึ่งสเตียรอยด์เนี่ยจริงๆแล้วเนี่ยมัน
00:14:13 → 00:14:16 เป็นยากดภูมิชนิดหนึ่งึเราใช้ในการรักษา
00:14:16 → 00:14:19 คนไข้แบบเราคุมคุ้มกันอยู่เพราะฉะนั้นใน
00:14:19 → 00:14:22 การต้มยากินอะไรเองโดยที่คุณหมอเไม่ได้
00:14:22 → 00:14:24 รับทราบไม่ได้รู้มาก่อนโดยที่ไม่มีข้อบ่ง
00:14:24 → 00:14:27 ชี้นะครับอาจจะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงที่
00:14:27 → 00:14:31 ทำให้เาเรียกว่ามีภูกันที่ตกโดยไม่จำเป็น
00:14:31 → 00:14:32 เพราะฉะนั้นต้องระมัดระวังเพราะฉะนั้นก็
00:14:33 → 00:14:35 กล่าในสุดก็คือดูแลตัวเองเนาะออกกำลังกาย
00:14:35 → 00:14:38 รับประทานอาหารให้สุขสะอาดพักป่อนให้
00:14:38 → 00:14:40 เพียงพอแล้วก็อย่าไปซื้อยาหม้อยาต้มยา
00:14:40 → 00:14:42 อะไรเนี่ยมากินเองโดยที่คุณหมอไม่ได้
00:14:42 → 00:14:45 อนุญาตนะสำคัญมากๆเลยค่ะเพราะว่าได้เห็น
00:14:46 → 00:14:49 โฆษณาเชิญชวนเยอะมากค่ะเกี่ยวกับยาตัวนี้
00:14:49 → 00:14:51 รักษาแบบนี้แบบนี้ซึ่งไม่ได้มีงานวิจัย
00:14:51 → 00:14:55 รองรับแล้วก็ไม่ได้อ่าโดยแพทย์เลยไม่มีคำ
00:14:55 → 00:14:58 แนะนำจากแพทย์เลยนะคะเพราะฉะนั้นค่ะการ
00:14:58 → 00:15:01 เสพข้อมูลข่ะเป็นเรื่องสำคัมากๆยาตัวไหน
00:15:01 → 00:15:04 ที่บอกต่อกันไม่มีแ่งความน่าเชื่อถือนะคะ
00:15:04 → 00:15:07 ก็ต้องระมัดระวังในการรับประทานให้มากๆนะ
00:15:07 → 00:15:10 คะคุณหมอมาย้ำเตือนแล้วก็ให้ความเป็นห่วง
00:15:10 → 00:15:12 กับผู้ฟังทุกๆท่านเลยสำหรับวันนี้เป็น
00:15:12 → 00:15:14 ช่วงเวลาที่มีคุณค่ามากๆค่ะอาจารย์ขาที่
00:15:14 → 00:15:17 ได้มาพูดคุยกันต้องขอบพระคุณอาจารย์หมอ
00:15:17 → 00:15:22 มากๆเลยค่ะขอบระคุณนะครับสวัสดี
00:15:23 → 00:15:27 ค่ะเพราะสุขภาพที่ดีเริ่มได้จากตัว
00:15:27 → 00:15:31 เราอ