00:00:00 → 00:00:04 แลคตาซอยงาดำเข้มประโยชน์ทุกคำหอมงาดำ
00:00:04 → 00:00:08 อร่อยมากทำความรู้จักฮีโมฟิเลียโรคเลือด
00:00:08 → 00:00:11 ออกง่ายหยุดยากหากไม่ระวังอันตรายถึง
00:00:11 → 00:00:15 ชีวิตเปิดวิธีการรักษาและข้อควรปฏิบัติใน
00:00:15 → 00:00:18 การดูแลตัวเองเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะ
00:00:18 → 00:00:20 เลือดออกง่ายหยุด
00:00:20 → 00:00:24 ยากสุดยอดอาหารเพิ่มเกล็ดเลือดหารับ
00:00:24 → 00:00:27 ประทานง่ายตัวช่วยฟื้นฟูร่างกายให้แข็ง
00:00:27 → 00:00:31 แรงติดตามเรื่องราวทั้งหมดได้ในรายการ tn
00:00:31 → 00:00:36 and Health วัน
00:00:36 → 00:00:40 นี้สวัสดีค่ะขอต้อนรับเข้าสู่รายการ TNN
00:00:40 → 00:00:43 Health เข้าถึงทุกสาระสุขภาพเสริมภูมิ
00:00:43 → 00:00:46 คุ้มกันรู้ทันโรคไปกับ TNN He ค่ะและ
00:00:46 → 00:00:50 ดิฉันหมอดาวแพทย์หญิงฉัดาวจังวังกรแพทย์
00:00:50 → 00:00:53 เฉพาะทางสาขาเวชศาสตร์ครอบครัวพร้อมที่จะ
00:00:53 → 00:00:56 รับหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการพาคุณผู้ชม
00:00:56 → 00:01:03 มาเข้าถึงสาระสุขภาพดีๆกันค่ะ
00:01:03 → 00:01:13 [เพลง]
00:01:13 → 00:01:16 สำหรับวันนี้นะคะเราจะมาพูดถึงโรคเลือด
00:01:16 → 00:01:20 อย่างหนึ่งนั่นก็คือโรคฮีโมฟีเลียเลือด
00:01:20 → 00:01:23 ออกง่ายหยุดยากหากไม่ระวังอันตรายถึง
00:01:23 → 00:01:25 ชีวิตได้โรคฮีโมฟิเลียเป็นอย่างไรนั้นไป
00:01:26 → 00:01:30 ฟังพร้อมๆกันค่ะฮีโมฟีเลียหรือโรคโรค
00:01:30 → 00:01:33 เลือดออกง่ายหยุดยากเป็นโรคทางพันธุกรรม
00:01:33 → 00:01:36 ซึ่งมีความผิดปกติเฉพาะในโครโมโซม x ทำ
00:01:36 → 00:01:39 ให้ผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้มีอาการเลือดออก
00:01:39 → 00:01:43 นานกว่าคนปกติทั่วไปเมื่อได้รับบาดเจ็บ
00:01:43 → 00:01:46 และอันตรายมากหากมีเลือดออกในร่างกายโดย
00:01:46 → 00:01:50 เฉพาะตามข้อศอกข้อเท้าหัวเข่าอาจร้ายแรง
00:01:51 → 00:01:54 จนถึงขั้นเสียชีวิตปัจจุบันยังไม่มีวิธี
00:01:54 → 00:01:57 รักษาให้หายขาดแต่การดูแลตัวเองเป็นอย่าง
00:01:57 → 00:02:01 ดีก็สามารถทำให้ผู้ป่วยดำเนินชีวิตได้
00:02:01 → 00:02:04 อย่างปกติและมีความสุขเหมือนคนทั่วไป
00:02:04 → 00:02:07 อาการโดยทั่วไปของผู้ป่วยโรคฮีโมฟิเลีย
00:02:07 → 00:02:11 คือเลือดไหลนานและห้ามเลือดยากเมื่อสูญ
00:02:11 → 00:02:13 เสียเลือดเนื่องจากเลือดไม่แข็งตัวความ
00:02:13 → 00:02:16 รุนแรงของอาการขึ้นอยู่กับชนิดของโรคและ
00:02:16 → 00:02:19 ปริมาณโปรตีนจับลิ่มเลือดซึ่งเป็นสารทำ
00:02:19 → 00:02:22 ให้เลือดแข็งตัวในผู้ป่วยที่มีอาการ
00:02:22 → 00:02:25 รุนแรงมากอาจมีภาวะเลือดออกตั้งแต่เด็ก
00:02:25 → 00:02:28 โดยเฉพาะตามข้อในร่างกายและบริเวณที่ต้อง
00:02:28 → 00:02:31 รับน้ำหนักหรืออาจรุนแรงจนถึงขั้นมีเลือด
00:02:31 → 00:02:35 ออกที่อวัยวะภายในเช่นระบบทางเดินอาหาร
00:02:35 → 00:02:38 ทางเดินปัสสาวะและสมองเป็นต้นส่วนผู้ป่วย
00:02:38 → 00:02:41 ที่มีอาการรุนแรงน้อยอาจมีภาวะเลือดออก
00:02:41 → 00:02:44 และหยุดยากเมื่อได้รับอุบัติเหตุหรือหลัง
00:02:44 → 00:02:48 การผ่าตัดอาการและสัญญาณเตือนของโรค
00:02:48 → 00:02:52 ฮีโมฟิเลียที่สังเกตได้มีดังนี้ 1 เลือด
00:02:52 → 00:02:56 ออกปริมาณมากผิดปกติหลังมีดบาตรทำฟันหรือ
00:02:56 → 00:03:00 ผ่าตัด 2 มีรอยฟกช้ำจ้ำใหญ่ทั่วร่างกาย
00:03:00 → 00:03:03 3 เลือดออกผิดปกติหลังฉีดวัคซีน 4 เลือด
00:03:03 → 00:03:08 กำเดาไหลไม่มีสาเหตุ 5 ปัสสาวะหรืออุจจระ
00:03:08 → 00:03:12 เป็นเลือดสด 6 ปวดตึงที่ข้อต่อ 7 หากเป็น
00:03:12 → 00:03:16 นายเด็กทารกอาจจะร้องไห้ไม่มีสาเหตุนอก
00:03:16 → 00:03:18 จากอาการที่กล่าวมานะคะคุณผู้ชมยังมี
00:03:18 → 00:03:21 สัญญาณเตือนบางอย่างค่ะที่ถ้าคุณผู้ชม
00:03:21 → 00:03:24 เป็นหรือว่าคนใกล้ตัวเป็นค่ะต้องระวัง
00:03:24 → 00:03:27 เป็นอย่างยิ่งมีดังนี้ 1 ปวดและบวมตามข้อ
00:03:27 → 00:03:31 แบบเฉียบพลันเช่นหัวลข้อศอกสะโพกหัวเข่า
00:03:31 → 00:03:34 กล้ามเนื้อขาและแขนเป็นต้น 2 เลือดไหลไม่
00:03:34 → 00:03:38 หยุดเมื่อบาดเจ็บ 3 ปวดศีรษะรุนแรง 4 ปวด
00:03:38 → 00:03:43 คอ 5 อาเจียนบ่อย 6 เห็นภาพซ้อน 7
00:03:43 → 00:03:46 เหนื่อยล้ามากนอกจากนี้แล้วนะคะถ้าหาก
00:03:46 → 00:03:49 สงสัยว่าเรามีภาวะโรคฮีโมฟีเลียหรือเปล่า
00:03:49 → 00:03:51 หรือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงหรือไม่ค่ะให้รีบ
00:03:51 → 00:03:55 ไปพบแพทย์โดยดูสัญญาณดังต่อไปนี้ค่ะ 1
00:03:55 → 00:03:59 กำลังตั้งครรภ์หรือวางแผนจะมีบุตรโดย
00:03:59 → 00:04:02 เฉพาะในกรณีที่คนในครอบครัวเคยป่วยด้วย
00:04:02 → 00:04:06 โรคฮีโมฟิเลีย 2 เกิดรอยช้ำตามร่างกาย
00:04:06 → 00:04:09 ง่ายและเลือดไหลไม่หยุดเมื่อบาดเจ็บ 3
00:04:09 → 00:04:12 เกิดภาวะเลือดออกตามข้อต่อและมีอาการอื่น
00:04:12 → 00:04:16 ร่วมด้วยเช่นปวดแปลบเมื่อยตามข้อมีอาการ
00:04:16 → 00:04:19 ตึงร้อนและบวมเป็นต้น 4 โรคฮีโมฟิเลีย
00:04:19 → 00:04:22 เป็นโรคที่มักพบในเด็กซึ่งอาจแสดงอาการ
00:04:22 → 00:04:26 ได้ในเด็กที่เพิ่งเริ่มคลานและหัดเดินโดย
00:04:26 → 00:04:29 อาจพบจ้ำเลือดหรือเกิดภาวะเลือดหยุดยาก
00:04:29 → 00:04:32 แม้จะจะทำกิจกรรมที่ไม่รุนแรงหากสังเกตพบ
00:04:32 → 00:04:36 ว่าเด็กมีอาการเหล่านี้ควรรีบพาไปพบแพทย์
00:04:36 → 00:04:39 สาเหตุของโรคเลือดไหลไม่หยุดโดยปกติแล้ว
00:04:39 → 00:04:42 เมื่อเลือดออกร่างกายจะสร้างกลไกการห้าม
00:04:42 → 00:04:45 เลือดขึ้นโดยอาศัยการทำงานร่วมกันระหว่าง
00:04:45 → 00:04:48 การหดตัวของหลอดเลือดการเกาะกลุ่มของ
00:04:48 → 00:04:51 เกล็ดเลือดและการเกิดลิ่มเลือดซึ่งเกิด
00:04:51 → 00:04:54 จากการทำงานร่วมกันของโปรตีนหลายชนิด
00:04:54 → 00:04:57 ฮีโมฟิเลียเกิดขึ้นเมื่อขาดโปรตีนชนิดใด
00:04:57 → 00:05:01 ชนิดหนึ่งไปแม้จะเป็นโรคทางพันธุกรรมแต่
00:05:01 → 00:05:03 ผู้ป่วยที่ไม่เคยมีประวัติคนในครอบครัว
00:05:03 → 00:05:06 ป่วยด้วยโรคนี้มาก่อนก็เป็นโรคนี้ได้โดย
00:05:06 → 00:05:09 อาจมีสาเหตุจากการเปลี่ยนแปลงของยีนหรือ
00:05:09 → 00:05:12 spontaneous Mutation ภาวะเลือดออกใน
00:05:12 → 00:05:16 สมองซึ่งเป็นภาวะที่รุนแรงคือสาเหตุที่ทำ
00:05:16 → 00:05:18 ให้เด็กซึ่งป่วยเป็นโรคฮีโมฟีเลียเสีย
00:05:18 → 00:05:21 ชีวิตมากที่สุดอาการของโรคฮีโมฟิเลียมี
00:05:21 → 00:05:24 การรุนแรงที่ต่างกันตามชนิดของปัจจัยการ
00:05:24 → 00:05:27 แข็งตัวของเลือดที่บกพร่องไปโดยมีอาการ
00:05:27 → 00:05:31 ดังต่อไปนี้ค่ะ 1 ฮีโมฟิเลีย a พบมากที่
00:05:31 → 00:05:34 สุดในผู้ป่วยโรคฮีโมฟิเลียเกิดจากการขาด
00:05:34 → 00:05:38 โปรตีนจับลิ่มเลือดที่เรียกว่า Factor AG
00:05:38 → 00:05:43 หรือ factor 8 2 ฮีโมฟิเลีย B พบมากที่
00:05:43 → 00:05:47 สุดรองลงมาจากชนิด a เกิดจากการขาดโปรตีน
00:05:47 → 00:05:51 จับิมเลือดที่เรียกว่า Factor n หรือ 9
00:05:51 → 00:05:56 3 ีิีเป็นอาการที่ไม่รุนแรงมากเกิดจาก
00:05:56 → 00:06:00 การขาดโปรตีนจับลิ่มเลือดที่เรียกว่า
00:06:00 → 00:06:04 Factor 11 หรือ Factor 11 ได้รู้จัก
00:06:04 → 00:06:07 โรคฮีโมฟิเลียโรคเลือดออกง่ายหยุดยากกัน
00:06:07 → 00:06:10 ไปคร่าวๆแล้วนะคะในช่วงนี้นะคะเรายังอยู่
00:06:10 → 00:06:13 กันที่ฮีโมฟีเลียโรคเลือดออกง่ายหยุดยาก
00:06:13 → 00:06:16 อันตรายถึงชีวิตได้และในช่วงนี้นะคะเราจะ
00:06:16 → 00:06:20 ไปคุยกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนี้กัน
00:06:20 → 00:06:23 ค่ะสวัสดีค่ะอาจารย์ขอเริ่มต้นที่คำถาม
00:06:23 → 00:06:25 แรกเลยนะคะ
00:06:25 → 00:06:32 [เพลง]
00:06:32 → 00:06:35 อาจารย์คะโรคเลือดออกง่ายหยุดยาก
00:06:35 → 00:06:39 ฮีโมฟิเลียนั้นอันตรายแค่ไหนคะค่ะโรคนี้
00:06:39 → 00:06:43 จะมี 3 ระดับความรุนแรงนะคะระดับแรกก็คือ
00:06:43 → 00:06:47 รุนแรงมากนะคะก็จะมีเลือดออกจากกล้าม
00:06:47 → 00:06:50 เนื้อและข้อได้โดยไม่ได้มีอุบัติเหตุ
00:06:50 → 00:06:53 กระทบกระแทกอะไรเลยนะคะระดับที่ 2 เนี่ย
00:06:53 → 00:06:56 จะเป็นระดับความรุนแรงปานกลางก็จะมีเลือด
00:06:56 → 00:06:59 ออกได้แม้ว่าเราจะมีอุบัติเหตุเพียงแค่
00:06:59 → 00:07:03 เล็กน้อยนะคะระดับที่ 3 ก็คือมีความ
00:07:03 → 00:07:06 รุนแรงน้อยนะคะก็คือมักจะไม่มีอาการแสดง
00:07:07 → 00:07:10 เลยจนกระทั่งเรามีการผ่าตัดหรือว่ามี
00:07:10 → 00:07:13 อุบัติเหตุก็จะทำให้มีเลือดออกปริมาณมาก
00:07:14 → 00:07:17 แล้วก็มานานกว่าปกติได้ค่ะสัญญาณที่บอก
00:07:17 → 00:07:22 ว่าเป็นฮีโมฟิเลียสังเกตได้จากอะไรคะค่ะ
00:07:22 → 00:07:24 อาการหลักๆก็จะเป็นอาการเลือดออกตาม
00:07:24 → 00:07:28 อวัยวะต่างๆโดยที่ไม่มีสาเหตุนะคะที่
00:07:28 → 00:07:31 สังเกตได้ง่ายก็คือจ้ำเลือดตามตัวนะคะ
00:07:31 → 00:07:34 แล้วก็โรคนี้จะมีลักษณะเด่นก็คือเลือดออก
00:07:34 → 00:07:37 ในกล้ามเนื้อและข้อนะคะส่วนเลือดออกที่
00:07:37 → 00:07:40 บริเวณอื่นๆเนี่ยก็จะเป็นอาการได้หมดค่ะ
00:07:40 → 00:07:44 อย่างเช่นเลือดออกตามไรฟันเลือดกำเดาไหล
00:07:44 → 00:07:47 บ่อยนะคะแล้วก็มีเลือดออกทางเดินอาหารได้
00:07:47 → 00:07:50 อย่างเช่นถ่ายดำถ่ายเป็นเลือดอุจจาระเป็น
00:07:50 → 00:07:54 เลือดได้นะคะมีเลือดออกทางเดินปัสสวะได้
00:07:54 → 00:07:57 ค่ะถ้ามีการฉีดวัคซีนเนี่ยบริเวณที่ฉีดก็
00:07:57 → 00:08:01 จะมีอาการบวมแดงแล้วแล้วก็เลือดออกบริเวณ
00:08:01 → 00:08:04 กล้ามเนื้อใต้ผิวหนังได้ค่ะผู้หญิงที่มี
00:08:04 → 00:08:06 ประจำเดือนมากค่ะและนานกว่าปกติถือว่า
00:08:06 → 00:08:08 เป็นโรคฮีโมฟิเลียทุกคนหรือเปล่าคะ
00:08:09 → 00:08:11 อาจารย์โรคฮีโมฟิเลียเนี่ยเป็นโรคที่พบ
00:08:11 → 00:08:14 บ่อยในเพศชายมากกว่าเพศหญิงโอกาสที่เพศ
00:08:14 → 00:08:17 หญิงจะเป็นเนี่ยก็คือจะน้อยกว่ามากนะคะ
00:08:17 → 00:08:21 ดังนั้นถ้าเรามีอาการเรื่องประจำเดือนมา
00:08:21 → 00:08:23 มากเนี่ยอย่างแรกที่จะต้องทำก็คือต้อง
00:08:23 → 00:08:26 ประเมินหาสาเหตุก่อนสาเหตุที่พบได้บ่อย
00:08:26 → 00:08:30 เนี่ยค่ะก็จะเป็นสาเหตุเช่นฮอมนไม่สมดุล
00:08:30 → 00:08:33 หรือว่ามีเนื้องอกในมดลูกหรือว่ามีเยื่อ
00:08:34 → 00:08:37 บุมดลูกเจริญผิดที่นะคะถ้าเราหาสาเหตุ
00:08:37 → 00:08:40 แล้วไม่พบก็จะมาหาสาเหตุเรื่องโรคเลือด
00:08:40 → 00:08:44 ออกง่ายหยุดยากอีกครั้งหนึงนะคะซึ่งโรค
00:08:44 → 00:08:47 เลือดออกง่ายหยุดยากนะคะจะมีอีกชนิดนึง
00:08:47 → 00:08:51 ที่พบได้ทั้งในเพศหญิงและเพศชายนะคะชื่อ
00:08:51 → 00:08:55 ว่าโรคเลือดออกง่ายอวบนนะคะเกิดจากการขาด
00:08:55 → 00:08:59 สารการแข็งตัวของเลือดที่ชื่อว่าวนนะคะก็
00:08:59 → 00:09:02 ก็ตัวนี้โรคนี้ก็พบได้บ่อยเช่นเดียวกันนะ
00:09:02 → 00:09:06 คะสโดยมากเนี่ยจะมีอาการรุนแรงน้อยกว่า
00:09:06 → 00:09:10 โรคฮีโมฟิเลียนะคะจะเป็นการขาดสารแฟตรที่
00:09:10 → 00:09:13 ใช้ในการแข็งตัวของเลือดตัวต่างๆกันค่ะ
00:09:13 → 00:09:17 ถ้าเป็นฮีโมฟิเลียเนี่ยก็จะขาดเป็นสาร
00:09:17 → 00:09:20 แฟกเตอร์ 8 หรือว่าแฟกเตอร์ 9 ถ้าขาด
00:09:20 → 00:09:22 แฟกเตอร์ 8 เนี่ยค่ะก็จะเป็นฮีโมฟิเลีย
00:09:22 → 00:09:26 ชนิด a ค่ะแต่ค่าขาดสารที่ชื่อว่า Factor
00:09:26 → 00:09:29 9 ก็จะเป็นฮีโมฟิเลียชนิด B ค่ะส่วนโรค
00:09:29 → 00:09:32 วิีแนดเนี่ยค่ะก็จะเป็นการขาดสารที่ชื่อ
00:09:32 → 00:09:33 ว่า
00:09:33 → 00:09:38 อวบนโรคฮีโมฟิเลียและโรคทีเมียค่ะมีความ
00:09:38 → 00:09:41 เหมือนหรือว่าแตกต่างกันอย่างไรคะทั้ง 2
00:09:41 → 00:09:43 โรคนะคะเป็นโรคทางพันธุกรรมเช่นเดียวกัน
00:09:43 → 00:09:46 นะคะโรคฮีโมฟิเลียเนี่ยก็จะเป็นโรคเลือด
00:09:46 → 00:09:49 ออกง่ายหยุดยากทางพันธุกรรมพบบ่อยในเพศ
00:09:49 → 00:09:54 ชายนะคะส่วนโรคทาซิมเนี่ยเป็นโรคโลหิตจาง
00:09:54 → 00:09:57 เรื้อรังนะคะพบได้ทั้งในเพศชายและเพศหญิง
00:09:57 → 00:10:00 นะคะก็จะเป็นโรคที่พบป่อยในประเทศไทยเลย
00:10:00 → 00:10:04 โดยโรคนี้ก็จะมีอาการเด่นก็คือมีอาการซีด
00:10:04 → 00:10:07 เรื้อรังนะคะอ่อนเพียเรื้อรังตัวเหลืองตา
00:10:07 → 00:10:10 เหลืองได้นะคะซึ่งเป็นโรคที่ส่งผลต่อ
00:10:10 → 00:10:13 คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยมากเหมือนกันเพราะ
00:10:13 → 00:10:16 ถ้ามีอาการรุนแรงก็จะต้องได้รับเลือดเป็น
00:10:16 → 00:10:19 ประจำนะคะซึ่งถ้าได้รับเลือดเป็นประจำ
00:10:19 → 00:10:22 เนี่ยก็จะทำให้เกิดภาวะธาตุเหล็กเกินขึ้น
00:10:22 → 00:10:25 มาซึ่งถ้าไปเกินตามอวัยวะต่างๆอย่างเช่น
00:10:25 → 00:10:28 ที่พบบ่อยก็จะเป็นที่ตับที่หัวใจแล้วก็
00:10:28 → 00:10:31 ตับอ่อนนะนะคะจะทำให้การทำงานของอวัยวะ
00:10:31 → 00:10:35 เหล่านั้นผิดปกติได้ค่ะผู้ป่วยโรคนี้มี
00:10:35 → 00:10:38 โอกาสที่จะเกิดภาวะอื่นๆแทรกซ้อนได้หรือ
00:10:38 → 00:10:41 ไม่คะภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อยนะคะในโรค
00:10:41 → 00:10:45 ฮีโมฟีเลียนะคะก็จะเป็นภาวะแทรกซ้อนทาง
00:10:45 → 00:10:48 กล้ามเนื้อและข้อเป็นหลักนะคะเนื่องจากคน
00:10:48 → 00:10:51 ไข้เนี่ยจะมีเลือดออกในข้อและกล้ามเนื้อ
00:10:51 → 00:10:55 เป็นเวลานานนะคะก็จะทำให้มีข้ออักเสบข้อ
00:10:55 → 00:10:58 เสื่อมเรื้อรังนะคะทำให้มีอาการปวดเรื้อ
00:10:58 → 00:11:02 รังขยับข้อได้ลดลงแล้วก็ถ้ามีอาการมาก
00:11:02 → 00:11:05 เนี่ยอาจจะต้องปรึกษาคุณหมอศัลยกรรม
00:11:05 → 00:11:08 กระดูกและข้อเพื่อทำการผ่าตัดนะคะอาจจะ
00:11:08 → 00:11:11 ต้องใช้เวลาในการรักษาและกายภาพบำบัดเป็น
00:11:11 → 00:11:15 เวลานานด้วยค่ะในอดีตที่การรักษาโรคเนี้ย
00:11:15 → 00:11:19 ใช้ส่วนประกอบของเลือดเป็นหลักในการรักษา
00:11:19 → 00:11:23 นะคะก็จะมีอุบัติการณ์ของการเกิดโรคติด
00:11:23 → 00:11:25 เชื้อที่มาจากเลือดในผู้ป่วยกลุ่มเนี้ย
00:11:25 → 00:11:28 สูงขึ้นโรคติดเชื้อที่พบได้บ่อยอ่ะค่ะก็
00:11:28 → 00:11:31 จะเป็นโรค HIV โรคไวรัสตับอักเสบ B แล้ว
00:11:31 → 00:11:35 ก็ไวรัสตับอักเสบ C ด้วยนะคะจริงๆโอกาส
00:11:35 → 00:11:37 ที่จะเกิดการติดเชื้อจากส่วนประกอบของ
00:11:37 → 00:11:39 เลือดเนี่ยเกิดน้อยมากอยู่แล้วเนื่องจาก
00:11:39 → 00:11:42 ผู้ป่วยในกลุ่มเนี้ยอาจจะต้องได้รับส่วน
00:11:42 → 00:11:44 ประกอบของเลือดเป็นปริมาณมากและเป็นเวลา
00:11:44 → 00:11:47 นานทำให้มีโอกาสเกิดโรคติดเชื้อได้ง่าย
00:11:47 → 00:11:50 ค่ะอีกอย่างนึงก็คือถ้าเราได้รับแฟตรหรือ
00:11:50 → 00:11:53 ส่วนประกอบของเลือดเป็นเวลานานเนี่ยร่าง
00:11:53 → 00:11:57 กายอาจจะผลิตสารที่ต้าน Factor ขึ้นมาได้
00:11:57 → 00:12:01 ค่ะทำให้ตัวโรคฮีโมฟิเลียเนี่ยรุนแรงขึ้น
00:12:01 → 00:12:03 มีอาการเลือดออกรุนแรงขึ้นแล้วก็ควบคุม
00:12:03 → 00:12:07 ได้ยากขึ้นด้วยค่ะอาจารย์คะแล้วอาการแบบ
00:12:07 → 00:12:11 ไหนคะที่ควรรีบนำส่งโรงพยาบาลอาการที่
00:12:11 → 00:12:14 ต้องรีบนำส่งโรงพยาบาลก็จะเป็นอาการเลือด
00:12:14 → 00:12:17 ออกเป็นหลักนะคะเลือดออกตามที่ต่างๆที่
00:12:17 → 00:12:19 ต้องระมัดระวังเนี่ยก็อย่างเช่นเลือดออก
00:12:19 → 00:12:22 ทางเดินอาหารมีถ่ายเป็นเลือดอาเจียนเป็น
00:12:22 → 00:12:26 เลือดมีปัสสาวะเป็นเลือดได้นะคะก็จะทำให้
00:12:26 → 00:12:30 มีอาการรุนแรงได้แล้วก็มีอาการปวดศีรษะ
00:12:30 → 00:12:33 มากค่ะซึมลงหรือว่าอ่อนแรงแขนขาเพราะว่า
00:12:33 → 00:12:36 อาการเหล่าเอาจจะเป็นอาการที่บ่งบอกถึง
00:12:36 → 00:12:40 ว่ามีเลือดออกในสมองได้ค่ะแล้วก็ถ้าเกิด
00:12:40 → 00:12:43 เลือดออกในบริเวณทางเดินหายใจปากและลำคอ
00:12:43 → 00:12:46 ถ้ามีลิ่มเลือดขนาดใหญ่เนี่ยจะสามารถอุด
00:12:46 → 00:12:49 กั้นทางเดินหายใจได้ซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉิน
00:12:49 → 00:12:52 ที่ต้องรีบมาโรงพยาบาลเช่นเดียวกันค่ะ
00:12:52 → 00:12:54 ปัจจุบันมีวิธีการรักษาโรคฮีโมฟีเลียนี้
00:12:54 → 00:12:57 อย่างไรคะปัจจุบันในการรักษาโรค
00:12:57 → 00:13:00 ฮีโมฟิเลียนะคะการรักษาหลักยังเป็นการให้
00:13:00 → 00:13:03 สารที่ช่วยเพิ่มการแข็งตัวของเลือดที่
00:13:03 → 00:13:05 เรียกว่า Factor นะคะเป็นหลักเพื่อป้อง
00:13:05 → 00:13:10 กันแล้วก็หยุดเลือดออกตามอวัยวะต่างๆนะคะ
00:13:10 → 00:13:14 แล้วก็มีการรักษาใหม่ๆอย่างเช่นการรักษา
00:13:14 → 00:13:17 ด้วยการให้สารเพิ่มการแข็งตัวของเลือดที่
00:13:17 → 00:13:20 ไม่ใช่แฟตรนะคะแล้วก็มีการรักษาใหม่เลย
00:13:20 → 00:13:23 เป็นการรักษาที่เรียกว่าพันธุกรรมบำบัดนะ
00:13:23 → 00:13:27 คะหรือว่าที่เรียกว่ายีนเปีนะคะจะเป็นการ
00:13:27 → 00:13:31 นำไวรัสมาใส่สารพันธุกรรมเพิ่มก็จะเป็น
00:13:31 → 00:13:34 สารพันธุกรรมที่ช่วยในการสร้างแฟกเตอร์ใน
00:13:34 → 00:13:37 การแข็งตัวของเลือดนะคะฉีดเข้าที่หลอด
00:13:37 → 00:13:40 เลือดดำไวรัสเนี่ยก็จะเป็นตัวนำพาสาร
00:13:40 → 00:13:43 พันธุกรรมเข้าสู่ร่างกายเพื่อทำให้ร่าง
00:13:43 → 00:13:46 กายเนี่ยผลิตแฟกเตอร์นั้นๆได้มากขึ้นค่ะ
00:13:46 → 00:13:49 ก็ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยเนี่ยมีอาการเลือด
00:13:49 → 00:13:52 ออกดีขึ้นค่ะแล้วก็ปริมาณแฟกเตอร์ในร่าง
00:13:53 → 00:13:55 กายก็จะเพิ่มขึ้นโอกาสเลือดออดรุนแรงก็จะ
00:13:55 → 00:13:59 น้อยลงค่ะโรคนี้สามารถรักษาให้ให้หายขาด
00:13:59 → 00:14:02 ได้หรือไม่คะค่ะในปัจจุบันโรคฮีโมฟิเลีย
00:14:02 → 00:14:05 ก็ยังถือว่าเป็นโรคที่ไม่ได้รักษาให้หาย
00:14:05 → 00:14:09 ขาดได้นะคะแต่การรักษาเนี่ยจะเน้นป้องกัน
00:14:09 → 00:14:12 แล้วก็รักษาภาวะแทรกซ้อนจากอาการเลือดออก
00:14:12 → 00:14:16 นะคะส่วนการรักษาด้วยวิธีพันธุกรรมบำบัด
00:14:16 → 00:14:20 หรือว่ายีนเปีนะคะก็ยังอยู่ในขั้นตอนการ
00:14:20 → 00:14:23 วิจัยว่าจะเป็นความหวังใหม่ๆในการรักษา
00:14:24 → 00:14:26 ผู้ป่วยในกลุ่มนี้ให้หายขาดได้หรือไม่ค่ะ
00:14:26 → 00:14:29 ข้อควรหลีกเลี่ยงเพื่อป้องกันไม่ให้มี
00:14:29 → 00:14:32 ภาวะเลือดออกง่ายทำได้อย่างไรบ้างคะ
00:14:32 → 00:14:36 อาจารย์วิธีการป้องกันเรื่องโรคเลือดออก
00:14:36 → 00:14:39 ง่ายหยุดยากฮีโมฟีเลียนะคะเนื่องจากโรค
00:14:39 → 00:14:42 นี้เนี่ยเป็นโรคทางพันธุกรรมและผู้หญิงจะ
00:14:42 → 00:14:47 เป็นพาหะนำถ่ายทอดยีนที่ผิดปกติค่ะดัง
00:14:47 → 00:14:49 นั้นถ้าเราจะป้องกันโรคเนี้ยเราก็จะต้อง
00:14:49 → 00:14:52 เริ่มตั้งแต่ก่อนการตั้งครรภ์นะคะโดยผู้
00:14:52 → 00:14:54 หญิงที่เป็นกลุ่มเสี่ยงว่าจะเป็นพาหะ
00:14:54 → 00:14:57 อย่างเช่นมีบุคคลในครอบครัวเป็นโรค
00:14:57 → 00:15:00 ฮีโมฟิเลียหรือหรือว่าเคยมีบุตรที่เป็น
00:15:00 → 00:15:03 โรคฮีโมฟิเลียก็จะต้องแนะนำตรวจคัดกรอง
00:15:03 → 00:15:06 โรคฮีโมฟิเลียก่อนที่จะทำการตั้งครรภ์นะ
00:15:06 → 00:15:10 คะและสุดท้ายค่ะอยากให้อาจารย์นะคะฝากคุณ
00:15:10 → 00:15:13 ผู้ชมถึงวิธีการดูแลตัวเองเมื่อมีภาวะ
00:15:13 → 00:15:15 เลือดออกง่ายหยุดยากต้องทำอย่างไรค่ะก็
00:15:16 → 00:15:19 อย่างแรกแนะนำมีบัตรประจำตัวนะคะแสดงว่า
00:15:19 → 00:15:22 เราเป็นโรคเลือดออกง่ายหยุดยากชนิดใด
00:15:22 → 00:15:24 เผื่อว่ามีเหตุการฉุกเฉินหรือว่า
00:15:24 → 00:15:28 อุบัติเหตุก็จะได้รักษาให้มีแนวทางที่ถูก
00:15:28 → 00:15:31 ต้องนะคะคะอย่างที่ 2 ก็คือแนะนำออกกำลัง
00:15:31 → 00:15:34 กายให้สม่ำเสมอนะคะเพื่อเพิ่มความแข็งแรง
00:15:34 → 00:15:38 ของกระดูกและข้อนะคะแล้วก็หลีกเลี่ยง
00:15:38 → 00:15:41 กิจกรรมที่อาจจะมีการกระทบกระแทกได้สูง
00:15:41 → 00:15:45 อย่างเช่นกีฬาฟุตบอลบาสเกตบอลวอลเลย์บอล
00:15:45 → 00:15:49 นะคะถ้าเรามีกิจกรรมเนี่ยแนะนำสวมอุปกรณ์
00:15:49 → 00:15:52 ป้องกันให้เหมาะสมกับกิจกรรมที่ทำนะคะ
00:15:52 → 00:15:55 อย่างเช่นถ้าเกิดเป็นการขี่จักรยานก็แนะ
00:15:55 → 00:15:59 นำสวมหมวกกันน็อคด้วยแล้วก็แนะนำสวมสนับ
00:15:59 → 00:16:02 เข่าแล้วก็สอเพื่อป้องกันการบาดเจ็บของ
00:16:02 → 00:16:05 ข้อนะคะผู้ป่วยที่เป็นโรคฮีโมฟิเลียนะคะ
00:16:05 → 00:16:08 ก็ไม่ต้องกังวลใจตอนนี้เราก็มีแนวทางใน
00:16:08 → 00:16:11 การรักษาเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนนะคะก็
00:16:11 → 00:16:15 แนะนำรักษาร่างกายให้แข็งแรงตรวจสุขภาพ
00:16:15 → 00:16:17 เป็นประจำทุกปีทานอาหารที่มีประโยชน์
00:16:17 → 00:16:20 หมั่นสังเกตอาการเลือดออกแล้วก็รีบมาพบ
00:16:20 → 00:16:23 แพทย์เมื่อมีอาการผิดปกตินะ
00:16:23 → 00:16:26 คะขอบพระคุณอาจารย์หมอนะคะที่มาให้ความ
00:16:26 → 00:16:28 รู้ความเข้าใจในเรื่องของโรคฮีโมฟิเลีย
00:16:28 → 00:16:31 กันค่ะและอย่างที่บอกในช่วงนี้นะคะหมอดาว
00:16:31 → 00:16:34 จะพาคุณผู้ชมไปรู้จักกับสุดยอดอาหารเพิ่ม
00:16:34 → 00:16:37 เกล็ดเลือดค่ะที่หารับประทานได้ง่ายไปฟัง
00:16:37 → 00:16:42 พร้อมๆกันค่ะ 1 ปวยเล้งปวยเล้งเป็นผักที่
00:16:42 → 00:16:45 มีโฟเลตสูงซึ่งสารอาหารชนิดนี้จะมีความ
00:16:45 → 00:16:47 สำคัญต่อทั้งกระบวนการสร้างเกล็ดเลือด
00:16:47 → 00:16:50 เซลล์เม็ดเลือดแดงและเซลล์เม็ดเลือดขาว
00:16:50 → 00:16:53 ของร่างกายนอกจากนี้ป่วยเล้งยังมีธาตุ
00:16:53 → 00:16:56 เหล็กที่เป็นสารอาหารสำคัญที่ช่วยให้
00:16:56 → 00:16:58 เซลล์เม็ดเลือดแดงของร่างกายมีความแข็ง
00:16:58 → 00:17:01 แรงอีกด้วยสำหรับผู้ที่ไม่สะดวกรับประทาน
00:17:01 → 00:17:04 ปวยเล้งแหล่งอาหารอื่นที่มีโฟเลตและธาตุ
00:17:04 → 00:17:07 เด็กสูงชนิดอื่นก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่
00:17:07 → 00:17:10 ดีเช่นกันเช่นอะโวคาโดถั่วลิสงหน่อไม้
00:17:10 → 00:17:14 ฝรั่งบล็อกโคลี่เม็ดมะม่วงหิมพานเต้าหู้
00:17:14 → 00:17:17 ถั่วแดงและเนื้อสัตว์ที่ไม่ติด
00:17:17 → 00:17:21 มัน 2 เห็ดพืชตระกูลเห็ดเป็นกลุ่มอาหาร
00:17:21 → 00:17:24 ที่มีสารอาหารสำคัญต่อทั้งกระบวนการสร้าง
00:17:24 → 00:17:27 เกล็ดเลือดอย่างโปรตีนและการมีสุขภาพ
00:17:27 → 00:17:31 เกล็ดเลือดที่ดีอย่างวิตามิน B12 เห็ดยัง
00:17:31 → 00:17:34 มีสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งเป็นกลุ่มสาร
00:17:34 → 00:17:37 อาหารที่มีความเป็นไปได้ว่าอาจมีส่วนช่วย
00:17:37 → 00:17:40 ต่อการสร้างเตร็ดเลือดได้นอกจากนี้การขาด
00:17:40 → 00:17:43 วิตามินบีเช่นวิตามิน B12 ยังเป็นปัจจัย
00:17:44 → 00:17:46 สำคัญที่อาจส่งผลให้ระดับเกล็ดเลือดใน
00:17:46 → 00:17:50 ร่างกายต่ำลงได้อีกด้วยอย่างไรก็ตาม
00:17:50 → 00:17:53 สำหรับผู้ที่ไม่สามารถรับประทานเห็ดอาหาร
00:17:53 → 00:17:56 ชนิดอื่นที่มีโปรตีนหรือวิตามิน B12 ก็
00:17:56 → 00:17:58 เป็นอีกตัวเลือกที่สามารถรับประทานได้
00:17:58 → 00:18:02 เช่นกันเช่นอกไก่ที่มีโปรตีนสูงไข่ไก่ที่
00:18:02 → 00:18:05 มีทั้งโปรตีนและวิตามิน B12 สูงและหอยที่
00:18:05 → 00:18:10 มีวิตามิน B12 สูง 3 ตับวัวเป็นอีกแหล่ง
00:18:10 → 00:18:13 ของสารอาหารสำคัญต่อการมีสุขภาพเกล็ด
00:18:13 → 00:18:16 เลือดที่ดีอย่างวิตามิน B12 เช่นกันอีก
00:18:16 → 00:18:18 ทั้งยังเป็นแหล่งของโปรตีนซึ่งเป็นส่วน
00:18:18 → 00:18:20 สำคัญต่อกระบวนการสร้างเกล็ดเลือดอีกด้วย
00:18:20 → 00:18:22 ทั้งนี้ด้วยความที่ตับเป็นอาหารที่มี
00:18:22 → 00:18:25 วิตามินเอและกรดยูริกสูงผู้ที่กำลังตั้ง
00:18:25 → 00:18:28 ครรภ์และผู้ป่วยโรคเก๊าจึงควรหลีกเลี่ยง
00:18:28 → 00:18:32 หรือรับประทานในปริมาณที่เหมาะสมไข่ไก่
00:18:32 → 00:18:35 ไข่ไก่เป็นอาหารที่พวกเรารู้กันดีนะคะว่า
00:18:35 → 00:18:38 หารับประทานได้ง่ายราคาย่อมยาวด้วยที่
00:18:38 → 00:18:41 สำคัญค่ะไข่ไก่มีทั้งโปรตีนวิตามิน B12
00:18:41 → 00:18:45 ที่ช่วยในการเสริมสร้างเต็ดเลือดค่ะ 5
00:18:45 → 00:18:49 ส้มส้มเป็นผลไม้ที่มีทั้งโฟเลตวิตามินซี
00:18:49 → 00:18:52 และสารต้านอนุมูลอิสระสูงโดยวิตามินซีจะ
00:18:52 → 00:18:55 เป็นสารอาหารสำคัญที่ช่วยให้ร่างกายดูด
00:18:55 → 00:18:58 ซึมธาตุเหล็กได้ดีขึ้นอีกทั้งยังเป็นสาร
00:18:58 → 00:18:59 อาหาร
00:18:59 → 00:19:01 ที่มีส่วนช่วยต่อกระบวนการแข็งตัวของ
00:19:01 → 00:19:05 เกล็ดเลือดอีกด้วยนอกจากส้มแล้วอาหารชนิด
00:19:05 → 00:19:08 อื่นที่มีวิตามินซีสูงก็เช่นบรอกโคลี่
00:19:08 → 00:19:10 มะเขือเทศสตรอเบอร์รี่และ
00:19:11 → 00:19:15 แคนตาลูป 6 ผักคะน้าเป็นผักที่พบได้ใน
00:19:15 → 00:19:18 อาหารหลายๆเมนูโดยสารอาหารหลักในผักชนิด
00:19:18 → 00:19:22 นี้ก็คือวิตามิน K ทั้งนี้แม้วิตามิน K
00:19:22 → 00:19:25 จะไม่ใช่สารอาหารที่ช่วยเพิ่มเกล็ดเลือด
00:19:25 → 00:19:28 แต่วิตามิน K ก็เป็นสารอาหารสำคัญใน
00:19:28 → 00:19:31 กระบวนการทำงานของเกล็ดเลือดดังนั้นการ
00:19:31 → 00:19:34 รับประทานอาหารที่มีวิตามินเอย่างผัก
00:19:34 → 00:19:37 คะน้าก็ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้
00:19:37 → 00:19:39 อาหารกลุ่มอื่นๆเช่น
00:19:39 → 00:19:42 กันข้อควรรู้เกี่ยวกับอาหารเพิ่มเกล็ด
00:19:42 → 00:19:45 เลือดอย่างที่บอกไปนะคะว่าอาหารบางอย่าง
00:19:45 → 00:19:48 ค่ะจะมีส่วนช่วยในการสร้างเกล็ดเลือดหรือ
00:19:48 → 00:19:50 ว่าเพิ่มเกล็ดเลือดแต่ก็มีอาหารบางอย่าง
00:19:50 → 00:19:52 ที่คุณผู้ชมควรหลีกเลี่ยงเช่นเดียวกัน
00:19:52 → 00:19:56 เพราะจะมีผลในการลดการสร้างเกล็ดเลือดค่ะ
00:19:56 → 00:19:59 ตัวอย่างอาหารที่อาจส่งผลให้ระดับกลด
00:19:59 → 00:20:03 เลือดในร่างกายลดลงได้เช่น 1 เครื่องดื่ม
00:20:03 → 00:20:07 ที่มีแอลกอฮอล์ 2 ธัญพืชที่ผ่านการขัดสี
00:20:07 → 00:20:11 เช่นแป้งข้าวโพดและขนมปังขาว 3 อาหารที่
00:20:12 → 00:20:16 มีไขมันอิ่มตัวสูงเช่นเนื้อสัตว์ที่มีไข
00:20:16 → 00:20:20 มันสูงอย่างเช่นหนังสัตว์และอาหารแปรรูป 4
00:20:21 → 00:20:25 อาหารที่มีโซเดียมหรือเกลือสูง 5 อาหาร
00:20:25 → 00:20:27 หรือเครื่องดื่มที่มีสารให้ความหวานแทน
00:20:27 → 00:20:31 น้ำตาลสูงนอกจากการรับประทานอาหารเพิ่ม
00:20:31 → 00:20:34 เกล็ดเลือดแล้วยังมีสิ่งอื่นๆที่ผู้ที่
00:20:34 → 00:20:37 ต้องการเพิ่มเกล็ดเลือดควรทำควบคู่ไปด้วย
00:20:37 → 00:20:41 อีกเช่นกันไม่ว่าจะเป็นการงดหรือหลีก
00:20:41 → 00:20:44 เลี่ยงการสูบบุหรี่การหลีกเลี่ยงการดื่ม
00:20:44 → 00:20:47 เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์การหลีกเลี่ยง
00:20:47 → 00:20:50 การทำกิจกรรมที่ทำให้เสี่ยงต่อการกระแทก
00:20:50 → 00:20:53 หรือเกิดแพรเลือดออกและหากต้องการใช้
00:20:53 → 00:20:56 ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมใดๆนั้นควรปรึกษา
00:20:56 → 00:21:00 แพทย์ก่อนค่ะเป็นอย่างไรกันบ้างคะกับสาระ
00:21:00 → 00:21:03 สุขภาพดีๆที่ TNN He นำมาฝากคุณผู้ชมกัน
00:21:03 → 00:21:05 ในวันนี้หวังเป็นอย่างยิ่งค่ะว่าคุณผู้ชม
00:21:05 → 00:21:08 จะสามารถนำสาระสุขภาพที่ๆที่ได้นะคะไปดู
00:21:08 → 00:21:12 แลตัวเองและครอบครัวกันและขอบคุณคุณผู้ชม
00:21:12 → 00:21:15 นะคะที่ติดตามรับชมรายการ tn มาตลอดทั้ง
00:21:15 → 00:21:18 รายการเลยคุณผู้ชมค่ะสามารถติดตามรับชม
00:21:18 → 00:21:21 รายการ tn Health ได้ค่ะทุกวันเสาร์นะคะ
00:21:21 → 00:21:24 เวลาดี 15 น -
00:21:24 → 00:21:28 15:30 นที่นี่ TNN ช่อง 16 ค่ะและต้อง
00:21:28 → 00:21:31 ไม่ลืมืนะคะที่จะกดไลกดแชร์กด Subscribe
00:21:31 → 00:21:33 ค่ะเป็นกำลังใจให้หมอดาวและทีมงาน TNN
00:21:33 → 00:21:36 Health ในช่องทางโซเชียล Network ต่างๆ
00:21:36 → 00:21:38 ไม่ว่าจะเป็น YouTube tiktok Facebook
00:21:38 → 00:21:41 Instagram และ LINE official ค่ะเพื่อ
00:21:41 → 00:21:44 ที่จะเข้าถึงสาระสุขภาพเสริมภูมิคุ้มกัน
00:21:44 → 00:21:47 รู้ทันโรคไปด้วยกันและวันนี้นะคะหมอดาว
00:21:47 → 00:21:49 และทีมงาน tn and Health ต้องขอตัวลา
00:21:49 → 00:21:53 คุณผู้ชมไปก่อนสำหรับวันนี้สวัสดีค่ะ
00:21:53 → 00:21:58 [เพลง]
00:21:58 → 00:22:00 เ
00:22:00 → 00:22:22 [เพลง]