00:00:00 → 00:00:06 อันนี้มีซูคราโลส เอซีซัลเฟม โปแตสเซียม เหมือนกับ ตัวก่อนแล้วก็มีแอสปาแตม แอสปาแตมคือ
00:00:06 → 00:00:10 น้ำตาลเทียมที่ใช้เยอะมากๆในหลายผลิตภัณฑ์ เลยนะครับ แอสปาแตมมีความหวานมากกว่า
00:00:10 → 00:00:16 น้ำตาล 200 เท่า เพราะว่าในคนไข้เบาหวาน การใช้ซูคราโลสจะทำให้ความไวต่อ
00:00:16 → 00:00:23 อินซูลินลดลง ทำให้เบาหวานแย่ลงได้ ถ้าเราเอาน้ำตาลเทียมมาใช้แทนน้ำตาล น้ำหนักเราจะลดลงแน่นอน
00:00:25 → 00:00:27 สวัสดีครับ ขอต้อนรับเข้าสู่หมออ๊อกบอกเล่า
00:00:27 → 00:00:31 คลิปนี้ผมจะเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับสารสังเคราะห์ที่ให้ความหวานแทนน้ำตาล
00:00:31 → 00:00:39 หรือที่เรียกกันง่ายๆว่า น้ำตาลเทียม นะครับ ตอนนี้เราจะเห็นว่ามีผลิตภัณฑ์หลายอย่างที่มีน้ำตาลเทียมเป็นส่วนผสม
00:00:39 → 00:00:44 เราก็ได้ยินข่าวเป็นระยะๆว่าสารพวกนี้มีผลต่อสุขภาพ หลายคน
00:00:44 → 00:00:50 ก็สับสนว่าจะเอายังไงดี ตกลงสารพวกนี้กิน แล้วปลอดภัยไหม คลิปนี้ผมเลยจะมาเล่าให้ฟัง
00:00:50 → 00:00:56 ว่าสารพวกนี้มันคืออะไร เจอบ่อย แค่ไหน มีกี่ตัวกี่แบบ สารตัวไหนน่ากลัว
00:00:56 → 00:01:01 ตัวไหนพอไหว แล้วที่เขาบอกว่ากินน้ำตาลเทียม บ่อยๆแล้วจะกลายเป็นคนติดหวาน
00:01:01 → 00:01:05 หรือว่ากินแล้วจะอ้วนน้ำหนักขึ้น หรือกิน แล้วจะเป็นเบาหวาน พวกนี้จริงหรือเปล่า
00:01:05 → 00:01:12 แล้วผมก็จะสรุปจากงานวิจัยนะครับว่า คนที่เป็นโรคหรือมีความเสี่ยงของโรคหัวใจ
00:01:12 → 00:01:17 สมอง เบาหวาน หรือว่าโรคไต ควรหลีก เลี่ยงน้ำตาลเทียมตัวไหน คลิปนี้ผมได้ทำ
00:01:17 → 00:01:22 สารบัญไว้ตรงข้างล่างนะครับ ถ้าสนใจเรื่อง ไหนเป็นพิเศษอาจลองเลือกดูได้เลยครับ
00:01:22 → 00:01:27 มาทำความรู้จักสารให้ความหวานกันก่อน นะครับ เราอาจจะแบ่งสารให้ความหวาน
00:01:27 → 00:01:31 ออกได้เป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกก็คือพวกทำ ธรรมชาติ อีกกลุ่มนึงก็คือพวกสังเคราะห์
00:01:31 → 00:01:39 พวกธรรมชาติก็อย่างเช่น น้ำผึ้ง น้ำตาลน้ำ ตาลจากอ้อย เมเปิลซีรัป อะกาเว่ซีรัป น้ำตาลจาก
00:01:39 → 00:01:43 หญ้าหวาน หรือน้ำตาลจากหล่อฮั้งก้วย และอีกกลุ่มนึงก็คือเป็นพวกกลุ่ม
00:01:43 → 00:01:48 สังเคราะห์ เรามาดูกันว่ากลุ่มสังเคราะห์ หรือกลุ่มน้ำตาลเทียมพวกนี้ มันใกล้ตัว
00:01:48 → 00:01:53 เราแค่ไหน เริ่มด้วยตัวน้ำอัดลมปราศจาก น้ำตาลนะครับ กลุ่มนี้ตัวนี้ก็จะเห็นว่า
00:01:53 → 00:01:59 มีซูคราโลส เอซีซัลเฟม โปแตสเซียม ตัว ซูคราโลสจะหวานกว่าน้ำตาล 600 เท่า
00:01:59 → 00:02:05 แล้วก็เป็นตัวที่ทนความร้อนได้ แต่ก็ ทนได้แค่ระดับนึงเท่านั้น ส่วน
00:02:05 → 00:02:10 เอซีซัลเฟม โปแตสเซียม ตัวนี้จะหวานกว่าน้ำตาล 200 เท่า แล้วก็ใช้เยอะในหลายผลิตภัณฑ์
00:02:10 → 00:02:17 แล้วก็อาจจะเจอในพวกเบเกอรี่ได้ ต่อมานะ ครับ อันนี้มีซูคราโลส เอซีซัลเฟม โปแตสเซียม
00:02:17 → 00:02:21 เหมือนกับตัวก่อน แล้วก็มีแอสปาแตม แอสปาแตมคือ น้ำตาลเทียมที่ใช้เยอะมากๆใน
00:02:21 → 00:02:27 หลายผลิตภัณฑ์เลยนะครับ แอสปาแตมมีความหวาน มากกว่าน้ำตาล 200 เท่า สำหรับอันนี้
00:02:27 → 00:02:34 ก็จะมีตัวซูคราโลส เอซีซัลเฟม โปแตสเซียม เหมือนกับ 2 ตัวที่แล้ว และก็มีโซเดียมไซคลาเมต
00:02:34 → 00:02:40 ไซคลาเมต ตัวนี้หวานกว่าน้ำตาล 30-50 เท่า ชื่อพวกนี้ตอนแรกอาจจะไม่ค่อย
00:02:40 → 00:02:45 คุ้นเคยนะครับ เดี๋ยวพอเราเจอบ่อยๆก็จะ ค่อยๆคุ้นหูมากขึ้น ต่อมามาดูพวก
00:02:45 → 00:02:50 น้ำวิตามินกัน พวกนี้ส่วนใหญ่ยังใส่น้ำตาล อยู่นะครับ แต่ใส่น้อยกว่าแล้วก็มีการ
00:02:50 → 00:02:55 เติมน้ำตาลเทียมเข้าไปด้วย อย่างเช่นอัน นี้จะเห็นว่ามีซูคราโลส และก็มี
00:02:55 → 00:03:01 เอซีซัลเฟม โปแตสเซียม แล้วก็มีสารอีกตัว ชื่อว่าอิรีทริทอล อิรีทริทอล สารตัวเเป็นน้ำตาลเทียม
00:03:01 → 00:03:06 ที่ใช้เยอะเหมือนกันนะครับ มักจะทน ความร้อนได้ดีหน่อย อาจจะเจอตัวนี้ในพวก
00:03:06 → 00:03:13 เค้กคีโตสำหรับคนที่ทำคีโตไดเอท ยี่ห้อนี้ ซูคราโลส เอซีซัลเฟม โปแตสเซียม ต่อมามาดูลูกอม
00:03:13 → 00:03:17 กันนะครับ ลูกอมอันนี้มีซูคราโลส และก็ไอโซมอลท์ อันนี้เป้นหมากฝรั่งครับ
00:03:18 → 00:03:22 มีน้ำตาลเทียมเยอะเลย เราได้พอรู้จักชื่อน้ำ ตาลเทียมกันแล้วนะครับ ก่อนที่จะไปถึงว่า
00:03:22 → 00:03:28 น้ำตาลเทียมจะเสี่ยงกับสุขภาพยังไง เรามาดูข้อดีของพวกเขากันก่อนดีกว่า
00:03:28 → 00:03:32 อันแรกเลยก็คือข้อดีในเรื่องของการควบคุม ระดับน้ำตาลในเลือด คือคนที่เป็นเบาหวาน
00:03:32 → 00:03:37 นะครับ แต่อยากได้รสชาติความหวานอยู่ ก็ใช้น้ำตาลเทียมได้ คือไม่ต้องกินน้ำตาล
00:03:37 → 00:03:42 น้ำตาลในเลือดก็ไม่สูง ก็ควบคุมเบาหวานได้ดีขึ้น น้ำตาลเทียมก็ยังใช้ในการ
00:03:42 → 00:03:47 ควบคุมน้ำหนักได้นะครับ เพราะว่าสารพวกนี้ ไม่มีแคลอรี่หรือบางตัวมีแคลอรี่ต่ำ
00:03:47 → 00:03:53 แล้วก็น้ำตาลเทียมบางตัวเช่น ไซลิทอลก็ ช่วยลดฟันผุได้ ก็เลยจะเจอสารตัวนี้ใน
00:03:53 → 00:03:58 ลูกอมหรือว่าในหมากฝรั่ง ก่อนไปต่อผมฝากช่วย กดถูกใจ Subscribe แล้วถ้าเห็นว่าคลิปนี้
00:03:58 → 00:04:02 มีประโยชน์กับคนอื่น รบกวนช่วยแชร์ด้วย นะครับ ขอบคุณครับ คราวนี้เรามาดูเรื่อง
00:04:02 → 00:04:07 ความเสี่ยงกับสุขภาพกันนะครับ มีงานวิจัย เกี่ยวกับน้ำตาลเทียมมากมายเลยนะครับ
00:04:07 → 00:04:11 มีงานวิจัยหนึ่งที่คนส่วนใหญ่ตกใจ แล้ว ผมก็ตกใจตอนนั้นเพราะว่าผมก็ชอบดื่ม
00:04:11 → 00:04:18 น้ำอัดลมที่มีน้ำตาลเทียม ตอนนั้นในปี 2560 มีงานวิจัยที่บอกว่าการดื่มน้ำอัดลม
00:04:18 → 00:04:23 ปราศจากน้ำตาล วันละ 1 กระป๋องหรือ มากกว่า 1 กระป๋อง จะเพิ่มความเสี่ยง
00:04:23 → 00:04:27 ของการเป็นสโตรก อันนี้ผมว่าคนส่วนใหญ่ ที่กำลังชื่นชอบ(น้ำตาลเทียม) ถึงกับชะงักหรือว่า
00:04:27 → 00:04:32 บางคนอาจจะเลิกกินไปเลย แล้วหลังจากนั้น ก็มีงานวิจัยออกมาเรื่อยๆเลย
00:04:32 → 00:04:37 ซึ่งรายละเอียดบางส่วนของงานวิจัยที่น่า สนใจหรือเป็นตำนาน ผมอธิบายไว้ใน
00:04:37 → 00:04:43 Description หรือในคอมเมนต์แล้วนะครับสน ใจไปหาอ่านกันได้ ผมจะขอแบ่งตามโรกเลยนะครับ
00:04:43 → 00:04:47 ว่าคนป่วยเป็นโรคอะไรควรหลีก เลี่ยงน้ำตาลเทียมตัวไหน อันนี้เป็นข้อมูล
00:04:47 → 00:04:53 ที่ผมสรุปจากงานวิจัยนะครับ สำหรับคนที่มี ภาวะหัวใจหรือว่ามีความเสี่ยงของสโตรก
00:04:53 → 00:05:00 ควรหลีกเลี่ยงตัว อิรีทริทอล แอสปาแตม เอซีซัลเฟม โปแตสเซียม เพราะว่า แอสปาแตม กับ เอซีซัลเฟม โปแตสเซียม
00:05:00 → 00:05:05 เพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ และสโตรกครับ เพราะฉะนั้นคนที่มีความเสี่ยงอยู่แล้ว
00:05:05 → 00:05:09 ก็ควรจะหลีกเลี่ยง ราย ละเอียดผมใส่ไว้ใน Description หรือ
00:05:09 → 00:05:14 คอมเมนท์นะครับ ผมไม่ขออธิบายตรงนี้ว่ามัน เพิ่มความเสี่ยงเท่าไหร่ยังไง
00:05:14 → 00:05:18 ส่วน อิรีทริทอล มีงานวิจัยที่แย้งกันอยู่ ในเรื่องของการเกิดลิ่มเลือด บางงานวิจัย
00:05:18 → 00:05:22 บอกว่าเกิดลิ่มเลือด บางงานบอกว่าไม่ เกี่ยวนะ ถ้ามันยังแย้งกันอยู่อย่างนี้
00:05:22 → 00:05:27 ผมแนะนำว่า คนที่มีความเสี่ยงมากๆ อาจ จะงดตัวนี้ไปก่อน สำหรับคนที่เป็นเบาหวาน
00:05:27 → 00:05:33 นะครับ ควรหลีกเลี่ยงตัวซูคราโลส เพราะว่าในคน ไข้เบาหวานการใช้ซูคราโลส จะทำให้
00:05:33 → 00:05:39 ความไวต่ออินซูลินลดลง ทำให้เบาหวานแย่ลง ได้ ส่วนคนที่เสี่ยงเป็นเบาหวานแต่ยัง
00:05:39 → 00:05:44 ไม่ได้เป็นเบาหวานนะครับ พบว่าตัวซูคราโลส สามารถทำให้คุณเป็นเบาหวานขึ้นมาได้
00:05:44 → 00:05:50 สำหรับคนที่เป็นไตวายนะครับ ควรหลีกเลี่ยง ตัวไซคลาเมต เพราะว่าตัวนี้จะขับออกทางไต
00:05:50 → 00:05:55 เป็นหลัก ถ้าไตไม่ดีขับไซคลาเมตออกไม่ ได้ ก็จะทำให้ไซคลาเมตคั่งในเลือดเกิดพิษ
00:05:55 → 00:06:01 หรือเกิดผลข้างเคียงขึ้นมาได้ สำหรับคนที่ ไม่แน่ใจนะครับว่าจะใช้สารดังกล่าวพวกนี้
00:06:01 → 00:06:06 ได้หรือเปล่า อาจจะเลี่ยงไปใช้พวกไซลิทอล แมนนิทอล ไอโซมอลท์ พวกนี้อาจจะมีผลข้างเคียงบ้างนะครับ
00:06:06 → 00:06:13 อาจจะทำให้ท้องอืด หรือว่าถ้ากินเยอะอาจจะถ่ายท้อง แต่ผลข้างเคียงระยะยาวพวกนี้ยังไม่มีข้อสรุป
00:06:13 → 00:06:19 ที่ชัดเจน แต่ว่าก็มีแนวโน้มไปในทางที่ดี สำหรับคนที่แข็งแรงไม่มีโรคประจำตัวหรือ
00:06:19 → 00:06:25 ว่าคนทั่วๆไป ผมแนะนำว่าถ้าจะทานน้ำ ตาลเทียม ควรทานแต่พอดีไม่มากเกินไป
00:06:25 → 00:06:30 ผมขอเน้นตัวไซลิทอลนึงนะครับ ตัวนี้ห้ามให้ ในน้องหมานะครับ เพราะว่าตัวนี้แม้แต่
00:06:30 → 00:06:36 นิดเดียวจะทำให้กระตุ้นการหลั่ง อินซูลินในน้องหมา ทำให้เขาน้ำตาลต่ำ
00:06:36 → 00:06:41 เกิดภาวะช็อก หรือเกิดตับวายแล้วก็เสียชีวิต ได้ ผมขอเพิ่มเติมเรื่องน้ำตาลเทียมกับ
00:06:41 → 00:06:47 เบาหวานนะครับ คนที่เป็นเบาหวานเอาจจะ ต้องระวังตัวซูคราโลส การศึกษา 20 ปีพบว่า
00:06:47 → 00:06:54 ซูสเนี่ยจะทำให้ความไวต่ออินซูลินเลดลงทำ ให้เบาหวานแย่ลงได้ สำหรับคนที่ยังไม่เป็น
00:06:54 → 00:06:58 เบาหวานนะครับ แต่มีความเสี่ยงในเรื่องของ เบาหวาน อันนี้เป็นการศึกษาแบบมี
00:06:58 → 00:07:04 กลุ่มควบคุมเลยนะครับ ทดสอบโดยให้ซูคราโลส 2 โดส แต่เป็นโดสที่มากกว่าปกติเ พบว่าจะทำ
00:07:04 → 00:07:09 ให้คนที่มีความเสี่ยงเป็นเบาหวาน สามารถเป็นเบาหวานขึ้นมาได้ สำหรับคนที่
00:07:09 → 00:07:14 ไม่มีความเสี่ยงเป็นเบาหวาน งานวิจัย ส่วนใหญ่เป็นในทางที่ว่าซูคราโลสไม่ได้ทำ
00:07:14 → 00:07:19 ให้เป็นเบาหวานขึ้นมา แต่บางงานวิจัยก็บอก ว่าอาจจะเป็นไปได้ คือยังบวกลบอยู่
00:07:19 → 00:07:27 ส่วนสารตัวอื่นๆเช่น พวก แอสปาแตม แซคคาริน หรือว่า เอซีซัลเฟม โปแตสเซียม พวกนี้ผลก็ยังบวกลบ
00:07:27 → 00:07:32 เหมือนกัน คือไม่แน่ใจว่าทำให้เป็นเบาหวาน ได้หรือเปล่า จะคล้ายๆกันเหมือนกันหมดก็
00:07:32 → 00:07:37 คือว่าขึ้นอยู่กับปริมาณแล้วก็ระยะเวลา ที่ทานด้วย สำหรับเรื่องน้ำหนักหรือการควบคุม
00:07:37 → 00:07:43 น้ำหนัก มีงานวิจัยใน JAMA บอกว่าถ้า เราเอาน้ำตาลเทียมมาใช้แทนน้ำตาล
00:07:43 → 00:07:48 น้ำหนักเราจะลดลง แน่นอนควบคุมน้ำ หนักได้แน่ แต่ถ้าเรากินน้ำตาลเทียมแต่
00:07:48 → 00:07:53 ไม่ได้ลดแป้ง ไม่ได้ลดน้ำตาล แบบนี้น้ำ หนักยังไงก็ไม่ลดครับ คือพูดง่ายๆ
00:07:53 → 00:07:59 ตัวน้ำตาลเทียมไม่ได้ไปลดน้ำหนักโดยตรง มีคนกังวลครับว่ากินน้ำตาลเทียมอาจ
00:07:59 → 00:08:04 ทำให้เราติดหวาน ที่เป็นอย่างนั้น เขาก็อธิบายว่า อาจจะเป็นเพราะความหวานของ
00:08:04 → 00:08:09 น้ำตาลเทียมมีความหวานฉ่ำมากกว่าน้ำตาล ธรรมชาติ อาจจะทำให้เราติดใจ แล้วก็มี
00:08:09 → 00:08:14 ในเรื่องของกลไกของร่างกายด้วยนะครับ คือ ปกติคนเราเวลากินน้ำตาล เมื่อลิ้น
00:08:14 → 00:08:19 รับรสความหวานเนี่ยก็จะส่งสัญญาณไปที่สมอง แล้วก็จะหลั่งสารที่มีความสุขออกมา
00:08:19 → 00:08:23 คราววนี้น้ำตาลมันมีพลังงานใช่มั้ยครับ สมอง ก็จะรับรู้ว่าโอเคมีความหวานมาแล้ว
00:08:23 → 00:08:29 เดี๋ยวก็ต้องได้พลังงานมานะ โดยรับรู้ผ่านกลไก ของร่างกาย คราวนี้พอเราทานพวกน้ำตาลเทียม
00:08:29 → 00:08:34 สมองก็รับรู้ว่ามีความหวานมาแล้วนะ แต่เอ๊ะ ทำไมไม่มีพลังงานมา ไม่มีแคลอรี่มา
00:08:34 → 00:08:39 นานๆไปก็ทำให้ระบบของสมองที่เกี่ยวข้อง กับความอยากอาหาร ในเรื่องของรสชาติ
00:08:39 → 00:08:44 ในเรื่องของพลังงานมันรวนไปหมด สมองก็ จะงงว่ากินหวานก็ต้องมีพลังงานมาสิ ทำไม
00:08:44 → 00:08:50 ไม่มีพลังงานมาให้เลย สมองก็เลยมีแนวโน้ม ที่จะสั่งให้กินหวานมากขึ้นนั่นเองครับ
00:08:50 → 00:08:56 นี่คือคำอธิบายทางชีววิทยานะครับ ยาวเลย แต่การศึกษาแบบมีกลุ่มควบคุมหรือว่า
00:08:56 → 00:09:00 randomized control trial ในเรื่อง นี้สรุปสั้นๆเลยนะครับ การกิน
00:09:00 → 00:09:05 น้ำตาลเทียมไม่ได้มีผลทำให้รู้สึกอยากกิน ความหวานมากขึ้น ก็คือกลุ่มตัวอย่างใน
00:09:05 → 00:09:10 งานวิจัยไม่ได้รู้สึกว่ากระหายอยากกิน หวานมากกว่าปกติ สรุปว่าน้ำตาลเทียม
00:09:10 → 00:09:15 นะครับ มีความเสี่ยงต่อสุขภาพมากน้อยต่าง กัน งานวิจัยที่บอกว่าน้ำตาลเทียม
00:09:15 → 00:09:21 มีความเสี่ยงนั้นส่วนมากตอนนี้เป็นงาน วิจัยแบบสังเกต ไม่ใช่งานวิจัยแบบมี
00:09:21 → 00:09:27 กลุ่มควบคุม ทำให้การแปรผลหรือการนำไปใช้ ยังไม่สามารถสรุปได้ 100% แต่ก็มีแนวโน้ม
00:09:27 → 00:09:31 เหมือนกันอย่างนึงเลยนะครับว่า ความเสี่ยง ที่เกิดขึ้นมักจะสัมพันธ์กับ
00:09:31 → 00:09:38 ความเสี่ยงของโรคที่เป็นอยู่ ปริมาณที่ทานแล้ว ก็ระยะเวลาที่ทาน ยิ่งทานมากหรือทานนาน
00:09:38 → 00:09:44 ต่อกันเนี่ย ความเสี่ยงก็มากขึ้น เพราะงั้น ถ้าจะใช้น้ำตาลเทียมนะครับ อาจจะต้อง
00:09:44 → 00:09:50 เลือกให้เหมาะสุขภาพหรือความเจ็บป่วยของเราเอง ด้วย ส่วนคนที่แข็งแรงปกตินะครับ ถ้าจะทาน
00:09:50 → 00:09:57 ก็ทานได้แต่ ทานแบบพอดีๆ ไม่มากเกินไป แล้ว ก็ไม่ควรทานติดต่อกันเป็นเวลานานๆเกินไป
00:09:57 → 00:10:02 ถ้าเป็นไปได้ก็อาจจะใช้น้ำตาลธรรมชาติแทน ก็อย่างเช่นน้ำตาลจากหญ้าหวาน หรือ
00:10:02 → 00:10:08 น้ำตาลจากหล่อฮั้งก้วย แบบนี้ก็ได้ครับ ขอบคุณที่รับชมนะครับ รบกวนฝากกดไลก์
00:10:08 → 00:10:12 Subscribe และถ้าเห็นว่าคลิปนี้มี ประโยชน์กับคนอื่น รบกวนช่วยแชร์ด้วยนะครับ
00:10:12 → 00:10:17 ถ้าใครมีคำถาม ความเห็น หรืออยากให้ผม เล่าเรื่องอะไร ลองฝากเม้นต์มาได้เลยนะครับ
00:10:17 → 00:10:22 พบกันใหม่คลิปหน้า สวัสดีครับ
00:10:22 → 00:10:27 [เพลง]