00:00:00 → 00:00:02 สำหรับใครที่พลาดงาน The Standard
00:00:02 → 00:00:05 Economic forum 2023 โอกาสสุดท้ายของ
00:00:05 → 00:00:07 คุณครับเราเปิดจำหน่ายบัตรรับชมย้อนหลัง
00:00:07 → 00:00:11 แล้ววันนี้ชมย้อนหลังออนไลน์ได้ทุกที่
00:00:11 → 00:00:13 ทั่วโลกดูย้อนหลังได้นานถึง 6 เดือนตั้ง
00:00:13 → 00:00:17 แต่วันที่ 1 ธันวาคม 2566 ถึง 31 พฤษภาคม
00:00:17 → 00:00:20 2567 รับสรุปเนื้อหา Visual summary
00:00:20 → 00:00:23 ทุกเวทีราคาพิเศษ 2,500 บาทตั้งแต่วันนี้
00:00:23 → 00:00:26 ถึง 31 ธันวาคมนี้เท่านั้นซื้อบาตรย้อน
00:00:26 → 00:00:28 หลังได้ที่ zip Event หรือสแกน QR coe
00:00:28 → 00:00:32 บนหน้าจอได้เลยครับ
00:00:32 → 00:00:34 [เพลง]
00:00:34 → 00:00:37 เวลาเราพูดถึงความแก่ว่าร่างกายเราแก่มาก
00:00:37 → 00:00:39 ขึ้นแค่ไหนหรืออวัยวะเราแก่มากขึ้นแค่ไหน
00:00:39 → 00:00:41 นะครับมีอีก 1 มาเกอร์หรือ 1
00:00:41 → 00:00:44 อินดิเคเตอร์สำคัญเลยคือนักวิทยาศาสตร์
00:00:44 → 00:00:47 เนี่ยเขาจะดูอวัยวะของเซลล์อวัยวะหนึง
00:00:47 → 00:00:49 ครับชื่อว่าไมโทคอนเดรียซึ่งเป็นโรงงาน
00:00:49 → 00:00:51 ผลิตพลังงานให้กับเซลล์ว่าเจ้า
00:00:51 → 00:00:53 ไมโทคอนเดรียเนี่ยมันยังทำงานได้ดีมี
00:00:53 → 00:00:55 ประสิทธิภาพหรือเปล่านะครับเพราะว่าการ
00:00:55 → 00:00:58 สร้างพลังงานให้เซลล์เป็นสิ่งสำคัญมาก
00:00:58 → 00:01:00 เมื่อไหร่ก็ตามที่เซลล์ของเราเนี่ยสร้าง
00:01:00 → 00:01:03 พลังงานได้ไม่ค่อยดีหรือไม่มีประสิทธิภาพ
00:01:03 → 00:01:06 เนี่ยก็หมายความว่าเซลล์ของเรารวมไปถึง
00:01:06 → 00:01:08 อวัยวะของเราแล้วก็ร่างกายของเราเนี่ยมัน
00:01:08 → 00:01:11 เริ่มแก่แล้วก็ทรุดโทรมลงนั่นเองครับ
00:01:11 → 00:01:13 เดี๋ยววันนี้ครับเราจะมาดูกันว่าจะมีวิธี
00:01:13 → 00:01:16 ในการดูแลอวัยวะที่ชื่อว่าไมโตคอรที่เป็น
00:01:16 → 00:01:20 อวัยวะสำคัญของเซลล์ยังไงให้เราแก่ช้าลง
00:01:20 → 00:01:23 แล้วก็มีสุขภาพที่ดียิ่งขึ้นครับ This is
00:01:23 → 00:01:26 the Standard podcast Eye Opening
00:01:26 → 00:01:27 for your
00:01:27 → 00:01:31 ears Top to Toe podcast สุขภาพที่
00:01:31 → 00:01:35 ใช้วิทยาศาสตร์ไขปัญหาตั้งแต่หัวจด
00:01:35 → 00:01:39 เท้าเวลาพูดถึงความเสื่อมโรคชราหรือว่า
00:01:39 → 00:01:41 อวัยวะมันเริ่มเสื่อมเนี่ยนะครับจริงๆ
00:01:41 → 00:01:44 แล้วเนี่ยมันมักจะมี Root C อยู่ไม่เกิน
00:01:44 → 00:01:46 2 อย่างเนี้ยครับอย่างแรกคือ Free
00:01:46 → 00:01:50 Radical คือสารอนุมูลอิสระเราพูดถึง Free
00:01:50 → 00:01:51 Radical ไปค่อนข้างเยอะเนาะว่าถ้าเกิด
00:01:51 → 00:01:54 ว่าร่างกายเรามี Free Radical เยอะเนี่ย
00:01:54 → 00:01:57 ร่างกายเราก็จะแก่ชราเร็วเซลล์ก็จะแบบแก่
00:01:57 → 00:02:00 เร็วตายเร็วนะครับอย่างที่ 2 ก็คือเซลล์
00:02:00 → 00:02:04 เนี่ยผลิตพลังงานได้น้อยลงหรือว่าผลิต
00:02:04 → 00:02:07 พลังงานได้ไม่พอแน่นอนครับเซลล์อวัยวะ
00:02:07 → 00:02:10 ต่างๆเวลามันจะทำงานได้เนี่ยมันต้องมี
00:02:10 → 00:02:13 พลังงานถูกมยแล้วเมื่อไหร่ก็ตามที่เซลล์
00:02:13 → 00:02:15 หรืออวัยวะเนี่ยผลิตพลังงานได้ไม่พอเมื่อ
00:02:15 → 00:02:18 นั้นเนี่ยมันก็จะอ่อนแอแล้วมันก็อาจจะตาย
00:02:18 → 00:02:21 ไปนะครับเพราะฉะนั้นวันนี้เราจะมาโฟกัส
00:02:21 → 00:02:24 กันเรื่องการสร้างพลังงานของเซลล์มาโฟกัส
00:02:24 → 00:02:26 กันว่าจะทำยังไงให้เซลล์เนี่ยมันสร้าง
00:02:26 → 00:02:29 พลังงานได้ดีมีประสิทธิภาพแล้วก็จะทำให้
00:02:29 → 00:02:32 ร่างกายของเรารู้สึก Healthy รู้สึก
00:02:32 → 00:02:34 กระปี้กระเป๋่าแล้วทำให้เราแก่ช้าลงด้วย
00:02:34 → 00:02:36 นะครับแล้วเซลล์เนี่ยมันสร้างพลังงานได้
00:02:36 → 00:02:38 ยังไงครับในเซลล์ของเรานะครับมีหลาย
00:02:39 → 00:02:41 อวัยวะเลยนะครับวันนี้เราจะพูดถึงอวัยวะ
00:02:41 → 00:02:45 นึงที่สำคัญชื่อว่าไมโทคอนเดรียซึ่งเป็น
00:02:45 → 00:02:48 โรงงานในการผลิตพลังงานให้กับเซลล์นะครับ
00:02:48 → 00:02:50 เดี๋ยววันนี้นะครับผมจะพูดถึงอวัยวะของ
00:02:50 → 00:02:52 เซลล์ 2 ตัวนะครับอันนึงคือนิวเคลียสอัน
00:02:52 → 00:02:54 นึงคือไมโทคอนเดรียนิวเคลียสเนี่ยเป็น
00:02:54 → 00:02:57 อวัยวะที่เหมือนกับศูนย์บัญชาการของเซลล์
00:02:57 → 00:03:00 เลยมี DNA อยู่ในนั้นนะครับจะทำที่ควบคุม
00:03:00 → 00:03:03 การทำงานสั่งการทุกอย่างในเซลล์นะครับอีก
00:03:03 → 00:03:06 อันนึงคือไมโทคอนเดรียที่พูดไปแล้วนะครับ
00:03:06 → 00:03:08 เป็นอวัยวะที่ทำหน้าที่ในการสร้างพลังงาน
00:03:08 → 00:03:12 ให้กับเซลล์คิดง่ายๆมันคือโรงงานผลิตพลัง
00:03:12 → 00:03:14 งานให้กับเซลล์นะครับแต่ละเซลล์เนี่ยก็จะ
00:03:14 → 00:03:17 มีปริมาณของไมโทคอนเดรียแตกต่างกันไปนะ
00:03:17 → 00:03:20 เซลล์ไหนที่แทีต้องทำงานตลอดเวลาเนี่ยก็
00:03:20 → 00:03:22 จะมีไอ้เจ้าไมโทคอนเดรียเยอะเพราะว่าต้อง
00:03:22 → 00:03:25 ผลิตพลังงานเยอะนะครับลองเดาเล่น่นมยเอา
00:03:25 → 00:03:30 ไว้ไหนจะมีไมโทคอนเดรียเยอะก็มีสมองกดใจ
00:03:30 → 00:03:32 ตับเนี่ยอวัยะอย่างเงี้ยจะมีไมโตคอนเดรีย
00:03:32 → 00:03:34 อยู่เยอะมากนะครับสมองของเราเนี่ยต้องบอก
00:03:34 → 00:03:37 ว่าทำงานตลอดเวลา 24 ชมงแม้ตอนที่เรานอน
00:03:37 → 00:03:39 หลับเลยนะเพราะฉะนั้นสมองเนี่ยถึงแม้จะ
00:03:39 → 00:03:43 เป็นอวยวะที่ไม่ได้ใหญ่มากแต่ 100% ของ
00:03:43 → 00:03:45 พลังงานที่เราสร้างได้ต่อวันเนี่ยสมองใช้
00:03:45 → 00:03:49 ไป 1 ใน 4 เยอะมากๆนะครับหัวใจโอ้โหเรา
00:03:49 → 00:03:51 ต้องปั๊มเลือดตลอดเวลาเพราะฉะนั้นหัวใจ
00:03:51 → 00:03:53 ใช้พลังงานเยอะเซลล์หัวใจก็จะมี
00:03:53 → 00:03:57 ไมโทคอนเดรียเยอะตับก็ต้อง process อาหาร
00:03:57 → 00:03:59 process สารพิษที่เราเนี่ยใช้ชีวิตกัน
00:03:59 → 00:04:02 อย่างสำมะเลเทเมานะฮะเพราะฉะนั้นตับเนี่ย
00:04:02 → 00:04:04 ก็ทำงานหนักตลอดเวลานะครับรวมไปถึงกล้าม
00:04:04 → 00:04:06 เนื้อด้วยนะครับถ้าเกิดว่าใครออกกำลังกาย
00:04:06 → 00:04:09 เยอะๆกล้ามเนื้อก็จะต้องใช้พลังงานเยอะก็
00:04:09 → 00:04:11 จะมีไมโตคอนเดรียเยอะนั่นเองนะครับปริมาณ
00:04:11 → 00:04:13 ของไมโทคอนเดรียในแต่ละเซลล์เนี่ยโหมัน
00:04:13 → 00:04:15 แี่มากนะครับบางเซลล์อาจจะมีแค่ประมาณ
00:04:15 → 00:04:18 หลัก 10 แต่อวัยวะไหนที่ใช้พลังงานเยอะๆ
00:04:18 → 00:04:21 ก็สามารถจะมีไมโตคอนเดรียได้มากถึงหลัก
00:04:21 → 00:04:23 พันเลยทีเดียวนะครับแสดงว่าไมโทคอนเดีย
00:04:23 → 00:04:26 สำคัญกับอวัยวะนั้นมากๆนะครับขอยกตัว
00:04:26 → 00:04:29 อย่างนึงคือสมองแล้วะกันสมองเนี่ยต้องใช้
00:04:29 → 00:04:32 พลังงานเยอะแล้วไมโทคอนเดรียเนี่ยเป็น
00:04:32 → 00:04:34 หนึ่งในรคอสสำคัญที่ทำให้เกิดโรค
00:04:34 → 00:04:37 degenerative ต่างๆตั้งแต่ขี้หลงขี้ลืม
00:04:37 → 00:04:39 ไปจนถึงอัลไซเมอร์เลยนะเพราะว่ามีการ
00:04:39 → 00:04:42 ศึกษาเจอว่าเมื่อไหร่ก็ตามนะครับที่เซลล์
00:04:42 → 00:04:44 สมองเนี่ยเริ่มผลิตพลังงานได้ไม่ดีหรือ
00:04:44 → 00:04:46 ว่าไมโทคอนเดรียเริ่มเสื่อมเนี่ยครับเรา
00:04:46 → 00:04:49 จะเริ่มเห็นภาวะบางอย่างที่เป็นภาวะความ
00:04:49 → 00:04:52 เสื่อมของสมองนะครับเราจะเริ่มลืมมากขึ้น
00:04:52 → 00:04:54 หรือว่ามีความเป็นอัลไซเมอร์มากขึ้นหรือ
00:04:54 → 00:04:56 ง่ายๆถ้าเกิดว่าเราผลิตพลังงานได้น้อยคือ
00:04:56 → 00:04:59 ไมโตคอนเดรียทำงานไม่ดีเนี่ยวันนั้นเนี่ย
00:04:59 → 00:05:00 จะสังเกตเกได้เลยว่าเราจะรู้สึกเปลี่ย
00:05:00 → 00:05:03 นั่นหมายความว่าเฮ้ยสมองของเราเนี่ยอาจจะ
00:05:03 → 00:05:06 ขาดพลังงานและซึ่งการขาดพลังงานมันก็อาจ
00:05:06 → 00:05:08 จะมาจากเรากินอาหารไม่พอหรือว่า
00:05:08 → 00:05:11 ไมโตคอนเดรียเนี่ยมันทำงานได้ไม่มี
00:05:11 → 00:05:13 ประสิทธิภาพนั่นเองนะครับเป็นหนึ่งใน
00:05:13 → 00:05:16 สัญญาณที่บอกว่าเราจำเป็นต้องรีบมาดูแล
00:05:16 → 00:05:18 สมองแล้วนะครับแล้วไอ้เจ้าไมโทคอนเดรีย
00:05:18 → 00:05:21 เนี่ยมันสร้างพลังงานได้ยังไงอ้าอันนี้
00:05:21 → 00:05:24 น่าสนใจครับจริงๆเราเรียนเรื่องเนี้ยมา
00:05:24 → 00:05:26 ตั้งแต่เด็กๆและในการเรียนชีวะนะครับ
00:05:26 → 00:05:28 เดี๋ยวมาทบทวนอีกครั้งหนึ่งไมโทคอนเดรีย
00:05:28 → 00:05:31 คิดง่ายๆนะครับอ่ะมันคือโรงงานเนาะมันจะ
00:05:31 → 00:05:34 สร้างพลังงานได้เนี่ยต้องมีวัตถุดิบนะ
00:05:34 → 00:05:37 วัตถุดิบที่ไมโทคอนเดรียใช้ในการสร้าง
00:05:37 → 00:05:39 พลังงานมีหลักๆอยู่ 2 อย่างอย่างแรกก็คือ
00:05:40 → 00:05:42 อาหารนะครับอาหารจะเป็นอะไรล่ะก็คือหลักๆ
00:05:42 → 00:05:46 คือกลูโคสคือน้ำตาลกับไขมันนะครับ Sugar
00:05:46 → 00:05:48 กับแฟตนั่นแหละเป็นแหล่งพลังงานสำคัญเป็น
00:05:48 → 00:05:50 วัตถุดิบสำคัญที่ใช้ในการสร้างพลังงาน
00:05:50 → 00:05:53 วัตถุดิบอย่างที่ 2 ที่ต้องใช้คือ
00:05:53 → 00:05:56 ออกซิเจนก็มาจากอากาศที่เราหายใจเข้าไป
00:05:56 → 00:05:59 นั่นแหละนะครับเมื่อไหร่ก็ตามที่เซลล์
00:05:59 → 00:06:02 ต้องการตามพลังงานเซลล์ต้องได้รับอาหาร
00:06:02 → 00:06:04 เซลล์ต้องได้รับออกซิเจนนะครับวิ่งเข้ามา
00:06:04 → 00:06:07 วิ่งเข้ามาปึ๊บฟีดเข้าไปในโรงงานนะครับ
00:06:07 → 00:06:09 สิ่งที่เกิดขึ้นนะครับไอ้เจ้า 2 อย่าง
00:06:09 → 00:06:12 เนี้ยก็จะทำหน้าที่ในการเติมแบตเตอรี่
00:06:12 → 00:06:14 เปลี่ยนจากแบตเตอรี่ที่มันหมดหรือ
00:06:14 → 00:06:16 แบตเตอรี่ที่มีแบตอยู่น้อยเนี่ยกลายเป็น
00:06:17 → 00:06:19 แบตเตอรี่ที่ชาร์จแบตเต็มไอ้เจ้า
00:06:19 → 00:06:22 แบตเตอรี่ที่มันเต็มชื่อทางการของมันเวลา
00:06:22 → 00:06:25 คุยทางภาษาวิทยาศาสตร์เนี่ยมันคือ
00:06:25 → 00:06:29 ATP หรือว่าอิซีไฟอเพตนะครับมันคือ
00:06:29 → 00:06:32 โมเลกุลตัวนึงที่ชื่อว่าอะดีโนซีนแล้วก็
00:06:32 → 00:06:36 มีหมู่ฟอสเฟตทั้งหมด 3 ตัวมาเกาะอยู่จริง
00:06:37 → 00:06:39 ๆแล้วจำนวนฟอสเฟตนะครับเป็นเหมือนกับว่า
00:06:39 → 00:06:42 จำนวนขีดของแบตเตอรี่อ่ะถ้ามันมี 3 ขีดก็
00:06:42 → 00:06:44 คือแบตเตอรี่มันเต็มนะครับแต่เมื่อไหร่ก็
00:06:44 → 00:06:46 ตามที่มันมี 2 ขีดหรือ 1 ขีดก็คือแบตจะ
00:06:46 → 00:06:49 หมดนั่นแหละนะครับถ้ามันมี 2 ขีดหรือมี
00:06:49 → 00:06:52 ฟอสเฟต 2 ตัวชื่อทางการของมันคือ adp
00:06:52 → 00:06:56 หรือว่าซีนไดฟอสเฟตไดคือ 2 ครับหรือถ้ามี
00:06:56 → 00:07:00 ขีดเดียวก็คืออินซีโมโนฟอสเฟตนั่นเองทุก
00:07:00 → 00:07:03 ครั้งที่มันปล่อยหมู่ฟอสเฟตหรือว่าปล่อย
00:07:03 → 00:07:06 ตัวขีดพลังงานลดลงไปเนี่ยครับเซลล์มันก็
00:07:06 → 00:07:09 จะได้พลังงานตู้มออกมาก็คือสมมุติว่า
00:07:09 → 00:07:11 เซลล์เนี่ยเปลี่ยนพลังงานจากอาหารและ
00:07:11 → 00:07:13 ออกซิเจนกลายเป็นแบตเตอรี่ที่เต็มหรือว่า
00:07:13 → 00:07:17 ATP ที่มีขีดทั้งหมด 3 ขีดเรียบร้อยและ
00:07:17 → 00:07:20 พอเมื่อไหร่ก็ตามเซลล์เอา ATP ไปใช้สิ่ง
00:07:20 → 00:07:22 ที่เกิดขึ้นคือ ATP มันจะแตกตัวกลายเป็น
00:07:22 → 00:07:26 adp แล้วก็หมู่ฟอสเฟตอิสระนะครับขีด 3
00:07:26 → 00:07:29 ขีดก็จะลดเหลือ 2 ขีดร่างกายก็จะได้พลัง
00:07:29 → 00:07:31 งานออกมาไปใช้นั่นเองนะครับเป็นการเปรียบ
00:07:31 → 00:07:34 เทียบง่ายๆให้เห็นภาพของ ATP ฮะทีนี้โดย
00:07:34 → 00:07:37 เฉลี่ยแล้วเซลล์ของเราเนี่ยนะครับวันๆนึง
00:07:37 → 00:07:40 เนี่ยจะต้องการ ATP ประมาณ 2 ล้านโมเลกุล
00:07:40 → 00:07:42 ก็คือเยอะมากๆหมายความว่าไมโตคอนเดรีย
00:07:42 → 00:07:45 ต้องทำกระบวนการเนี้ยคือการเปลี่ยนจาก
00:07:45 → 00:07:47 อาหารและออกซิเจนให้กลายเป็น ATP ทั้งหมด
00:07:47 → 00:07:51 ู้หูย 2 ล้านครั้งอ่ะเยอะมากๆเพราะงั้น
00:07:51 → 00:07:53 ไมโทคอนเดรียเป็นอวัยวะของเซลล์ที่ทำงาน
00:07:53 → 00:07:56 หนักมากๆนะครับยิ่งใครก็ตามใช้ร่างกายแบบ
00:07:56 → 00:07:59 หักโหมใช้ร่างกายเยอะๆเนี่ยนนั่นหมายความ
00:07:59 → 00:08:02 ว่าคุณกำลังทรมานเจ้าไมโทคอนเดรียให้กลาย
00:08:03 → 00:08:05 เป็นโรงงานนรกอยู่นั่นเองนะครับและพูดถึง
00:08:05 → 00:08:08 โรงงานนรกขนาดเราเองถ้าเราทำงานหนักเรา
00:08:08 → 00:08:10 ยังรู้สึกเพลียแล้วก็รู้สึกเหนื่อยเลย
00:08:10 → 00:08:12 ไมโตคอนเดรียก็เหมือนกันครับถ้าเราใช้งาน
00:08:12 → 00:08:14 มันหนักมากๆมันก็สามารถที่จะทรุดโทรมได้
00:08:14 → 00:08:17 เร็วแล้วก็เสื่อมได้เร็วและยิ่งมันเสื่อม
00:08:17 → 00:08:20 เร็วเนี่ยนะครับร่างกายก็จะแย่ครับถามว่า
00:08:20 → 00:08:22 ทำไมมันถึงทรุดโทรมแล้วก็เสื่อมได้เร็ว
00:08:22 → 00:08:24 เพราะว่าทุกครั้งที่เจ้าไมโทคอนเดรีย
00:08:24 → 00:08:27 เนี่ยครับมันเปลี่ยนอาหารและออกซิเจนไป
00:08:27 → 00:08:30 เป็น ATP เนี่ยมันได้ให้ผลพลอยได้มาด้วย
00:08:30 → 00:08:34 ซึ่งเรียกว่า ROS หรือว่า reactive
00:08:34 → 00:08:37 Oxygen species เจ้า reactive Oxygen
00:08:38 → 00:08:39 species เนี่ยมันคือออกซิเจนนี่แหละที่
00:08:39 → 00:08:42 มันไม่ stable ก็คือเป็น Free Radical
00:08:42 → 00:08:44 นั่นเองครับ Free Radical เนี่ยจึงเป็น
00:08:44 → 00:08:48 ของเสียที่เป็นผลพลอยได้ทุกครั้งที่เจ้า
00:08:48 → 00:08:50 ไมโทคอนเดรียสร้างพลังงานนั่นเองนะครับ
00:08:50 → 00:08:53 เราอยากได้พลังงานคือสิ่งที่เป็นบวกเป็น
00:08:53 → 00:08:56 ผลดีกับร่างกายแต่มันแลกมากับสิ่งที่เป็น
00:08:56 → 00:08:59 ลบก็คือเจ้า reactive Oxygen species
00:08:59 → 00:09:02 หรือว่า Free Radical ซึ่งจะทำร้ายไอ้
00:09:02 → 00:09:03 เจ้าไมโทคอนเดรียด้วยนะครับคือ
00:09:03 → 00:09:06 ไมโทคอนเดรียเสียสละให้เรามากๆเวลาที่เรา
00:09:06 → 00:09:08 ต้องการพลังงานนะครับทุกคนเพราะฉะนั้นเรา
00:09:08 → 00:09:10 ต้องรักเจ้าไมโทคอนเดรียมากๆนะครับแล้ว
00:09:11 → 00:09:12 เวลาที่เจ้าไมโทคอนเดรียทำงานหนักแน่นอน
00:09:13 → 00:09:15 เกิด fre Radical มันทำไงอ่ะโดยปกติแล้ว
00:09:15 → 00:09:18 ในไมโทคอนเดรียเนี่ยครับก็จะมีอ่า Defense
00:09:18 → 00:09:21 mechanism คือมันจะมี antioxidant ออกมา
00:09:21 → 00:09:24 ต่อสู้กับ fre Radical ที่เกิดขึ้นนะ
00:09:24 → 00:09:27 ครับจะมีแอกซิสสำคัญำคัญที่อยู่ใน
00:09:27 → 00:09:29 ไมโทคอนเดรียที่พูดไปทุกคนจะรู้จักแน่ๆนะ
00:09:29 → 00:09:33 ครับคือโซม q1 จริงๆมีหลายตัวนะครับแต่
00:09:33 → 00:09:35 ว่าโเอนไซม q1 เนี่ยเป็นตัวที่ค่อนข้าง
00:09:35 → 00:09:38 สำคัญแล้วก็คนรู้จักเยอะจะสังเกตได้ว่ามี
00:09:38 → 00:09:40 อาหารเสริมเยอะแยะเลยที่บอกว่าโอ้มี
00:09:40 → 00:09:43 โคเอนไซม์คทนกินเข้าไปแล้วนั่นก็จะช่วยดู
00:09:43 → 00:09:45 แลเรื่องสุขภาพของเราทำให้เรามี Energy
00:09:45 → 00:09:48 เยอะแน่นอนเพราะมันเป็น antioxidant ใน
00:09:48 → 00:09:51 การไปสู้กับ Free Radical นะครับยิ่งถ้า
00:09:51 → 00:09:53 เรากำจัด Free Radical ไปได้เยอะเท่า
00:09:53 → 00:09:56 ไหร่ไมโทคอนเดรียก็จะมีสุขภาพที่โอเคมาก
00:09:56 → 00:09:58 ขึ้นนะครับกำจัดสารพิษได้ดีมากยิ่งขึ้น
00:09:58 → 00:10:01 นั่นเองนะครับแต่แน่นอนครับเราโตขึ้นโต
00:10:01 → 00:10:03 ขึ้นเราทำงานหนักขึ้นไมโตคอนเดรียก็ไม่
00:10:03 → 00:10:06 สามารถที่จะต้านทาน fre Radical ได้ตลอด
00:10:06 → 00:10:10 ไปนะครับยิ่งใช้งานหนักยิ่งเราแก่รีคอมัน
00:10:10 → 00:10:12 ก็เยอะเกินกว่าที่แอนตี้ออกซินจะสู้ได้
00:10:12 → 00:10:16 เพราะฉะนั้นไมโทคอนเดรียก็จะลดลงลดลงลดลง
00:10:16 → 00:10:18 ไปเรื่อยๆตอนที่เราเป็นเด็กเนี่ยจะเป็น
00:10:18 → 00:10:21 ช่วงที่เรามีไมโตคอนเดรียอยู่เยอะนะครับ
00:10:21 → 00:10:23 แลถ้าเกิดว่าไมโทคอนเดรียมันลดลงเนี่ย
00:10:23 → 00:10:25 ร่างกายก็ยังสามารถที่จะสร้าง
00:10:25 → 00:10:28 ไมโทคอนเดรียขึ้นมาใหม่ได้อย่างมี
00:10:28 → 00:10:30 ประสิทธิภาพหรือว่าเพิ่มจนที่เยอะกว่าตอน
00:10:30 → 00:10:32 ที่เราแก่ขึ้นแกะขึ้นนะครับเพราะฉะนั้น
00:10:32 → 00:10:35 ยิ่งเราแก่เนี่ยปริมาณไมโทคอนเดรียในแต่
00:10:35 → 00:10:38 ละเซลล์เรามันก็จะลดลงลดลงอย่างหลีก
00:10:38 → 00:10:41 เลี่ยงไม่ได้แม้ว่าเราพยายามจะดูแลสุขภาพ
00:10:41 → 00:10:43 เรามากแค่ไหนหรือว่าพยายามจะกินอาหาร
00:10:43 → 00:10:45 เสริมหรือกินอาหารที่มีแอนตี้ออกซิเจนไป
00:10:45 → 00:10:48 เพิ่มมากเท่าไหร่ปริมาณไมโตคอนเดรียก็จะ
00:10:48 → 00:10:52 ลดลงลดลงแน่นอนครับและเมื่อมันลดลงถึงจุด
00:10:52 → 00:10:54 critical Point เนี่ยเซลล์ของเราก็จะ
00:10:54 → 00:10:57 เริ่มแย่อวัยวะเราก็จะเริ่มแย่แล้วก็จะ
00:10:57 → 00:11:00 เริ่มเป็นโรคต่างๆตามมานะครับสมมุติถ้า
00:11:00 → 00:11:02 เกิดกับสมองก็อาจจะเป็นโรคสมองเสื่อมเกิด
00:11:02 → 00:11:05 กับหัวใจก็เป็นโรคหัวใจนะครับหรือว่าเกิด
00:11:05 → 00:11:07 กับโรคอื่นๆนะครับหรือเซลล์บางเซลล์ก็อาจ
00:11:07 → 00:11:09 ทำเป็นโรคมะเร็งได้นะครับตอนนี้ทุกคนน่า
00:11:09 → 00:11:11 จะเห็นความสำคัญของไมโทคอนเดรียแล้วก็
00:11:11 → 00:11:13 อยากจะรู้แล้วว่าเอ๊แล้วทำยังไงอ่ะเราถึง
00:11:13 → 00:11:16 จะดูแลไมโทคอนเดรียให้มันทำงานได้ดีที่
00:11:16 → 00:11:19 สุดอยู่กับเราได้ยาวนานที่สุดหรือแม้ว่า
00:11:19 → 00:11:22 เราแก่แล้วมีวิธีในการกระตุ้นหรือว่า
00:11:22 → 00:11:24 เพิ่มการสร้างหรือว่าผลิตไมโทคอนเดรียให้
00:11:24 → 00:11:27 มันเยอะๆได้มยก็ต้องบอกว่ามันมีวิธีนะ
00:11:27 → 00:11:30 ครับอ่ะผมสรุปมาให้แบ่งเป็น 2 strategy
00:11:30 → 00:11:32 แล้วกันนะครับเริ่มจาก strategy ที่ 1
00:11:32 → 00:11:35 คือทำยังไงให้ไมโทคอนเดรียเนี่ยถูกทำลาย
00:11:35 → 00:11:38 ไปช้าลงมากที่สุดนั่นเองนะครับคือลดโอกาส
00:11:38 → 00:11:42 ที่จะเกิดไมคอล Damage หรือว่าไมคอล DF
00:11:42 → 00:11:45 นะครับนี่เป็น Key เมทางวิทยาศาสตร์เลยนะ
00:11:45 → 00:11:47 ครับ mitochondrial DF ใครอยากที่จะรู้
00:11:48 → 00:11:50 เรื่องราวมากขึ้นเอาคำนี้ไปเสิร์ชได้นะ
00:11:50 → 00:11:53 ครับไมคอลฟังก์ชันเนี่ยมันจะเกิดขึ้นหรือ
00:11:53 → 00:11:55 มันเสื่อมถอยเนี่ยเกิดขึ้นก็แต่เมื่อมัน
00:11:55 → 00:11:58 ทำงานหนักแน่นอนเราอยากจะดูแลมันคือก็
00:11:58 → 00:12:01 ต้องให้มันทำงานหนักน้อยที่สุดนะครับ
00:12:01 → 00:12:04 สเต็ปแรกนะครับคือกินให้น้อยลงครับการที่
00:12:04 → 00:12:08 เรากินอาหารเยอะๆคืออัดเข้าไปตู้มเยอะๆ
00:12:08 → 00:12:10 ไม่ว่าจะเป็นน้ำตาลหรือแฟตอะไรก็ตามเนี่ย
00:12:10 → 00:12:12 ครับไมโตคอนเดรียต้องทำงานหนักในการ
00:12:12 → 00:12:15 เปลี่ยนมาหน่ะจากอาหารให้กายไปเป็น ATP
00:12:15 → 00:12:18 นะครับยิ่งกินเยอะมากๆเท่าไหร่มันก็จะ
00:12:18 → 00:12:20 ยิ่งทำงานหนักมากขึ้นเท่านั้นเพราะฉะนั้น
00:12:20 → 00:12:23 ถ้าเกิดว่าเรากินแต่พอดีๆๆเท่าที่ร่างกาย
00:12:23 → 00:12:25 มันจำเป็นต้องใช้ไมโตคอนเดรียก็ทำงานแค่
00:12:25 → 00:12:27 เท่าที่มันจำเป็นต้องทำงานไม่ต้องทำงาน
00:12:27 → 00:12:29 โอเวอร์เกินนะครับไม่กายเป็นโรงงานนรกนะ
00:12:29 → 00:12:32 ฮะมีการทดลองทางวิทยาศาสตร์ด้วยนะครับเอา
00:12:32 → 00:12:34 เซลล์เนี่ยมาเพาะเลี้ยงในจานทดลองนะครับ
00:12:34 → 00:12:37 แล้วก็เทียบกันระหว่างโหสาตตู้มอาหารไม่
00:12:37 → 00:12:39 ว่าจะเป็นน้ำตาลแฟตอะไรก็ตามเข้าไปนะครับ
00:12:39 → 00:12:42 กับอีกอันนึงให้อาหารปกตินะครับแล้วก็
00:12:42 → 00:12:45 ส่องดูปรากฏว่าไอ้จานที่มันมีอาหารเยอะๆ
00:12:45 → 00:12:46 เนี่ยครับเขาจะเห็นเลยนะครับว่า
00:12:46 → 00:12:49 ไมโตคอนเดรียเนี่ยมันเกิดการแตกระเบิด
00:12:49 → 00:12:52 ตู้มแบบโอ้โหอย่างรวดเร็วเทียบกับตัวจาน
00:12:52 → 00:12:54 เพะเชื้อที่แบบว่าให้อาหารปกตินะครับก็
00:12:54 → 00:12:57 เป็นการแสดงว่าโอโหถ้าไมโตคอนเดรียทำงาน
00:12:57 → 00:12:59 หนักเนี่ยมันมีโอกาสที่จะเสื่อมแล้วก็แตก
00:12:59 → 00:13:01 สลาย Break Down ได้อย่างรวดเร็วมากนะ
00:13:01 → 00:13:03 ครับอย่างที่ 2 นะครับคือการหาตัวช่วยคือ
00:13:04 → 00:13:06 ตัวที่จะมาสู้กับ Free Radical ให้กับ
00:13:06 → 00:13:07 ไมโทคอนเดรียครับแน่นอนนั่นคือ
00:13:07 → 00:13:12 แอนติออกซิแดนท์
00:13:12 → 00:13:16 ไมยอ่าเพราะฉะนั้นเราควรจะต้องกินอาหาร
00:13:16 → 00:13:19 หรืออาหารเสิร์ฟนะครับที่มีโคเอนไซม์คทน
00:13:19 → 00:13:22 อยู่เยอะนะครับทนี้โคเอนไซม์คทนมันมีหลาย
00:13:22 → 00:13:25 รูปแบบนะครับรูปแบบที่อยากจะ recom ให้
00:13:25 → 00:13:27 ทุกคนกินนะครับคือตัวที่ชื่อว่า ubiquinol
00:13:27 → 00:13:29 นะครับสมัยก่อนเนี่ยถ้าเกิดไปกินอาหาร
00:13:29 → 00:13:32 เสริมที่เป็นเอิซม Q10 เนี่ยตัว Active
00:13:32 → 00:13:35 ingredient มักจะเป็น ub quinone เพราะ
00:13:35 → 00:13:38 ว่ายังไม่เจอเจ้า ub quin แต่ตอนหลัง
00:13:38 → 00:13:40 เนี่ยเราสามารถจะสร้างหรือว่าสกัด ubig
00:13:40 → 00:13:42 quin ได้แล้วเพราะฉะนั้นถ้าเกิดว่าใครสน
00:13:42 → 00:13:44 ใจที่จะกินอาหารหรืออาหารเสิร์ฟเนี่ย
00:13:44 → 00:13:47 พยายามดูคีย์เวิร์ด ub quinol ให้ดีนะ
00:13:47 → 00:13:49 ครับตัวนั้นน่ะกินเข้าไปมันก็จะสามารถจะ
00:13:49 → 00:13:52 ช่วยเพิ่มพลังอ่ะให้กับเจ้าไมโตคอนเดรีย
00:13:52 → 00:13:55 ไปสู้กับ Free Radical ได้นะครับทีนี้
00:13:55 → 00:13:57 แล้วอาหารอะไรที่มีไอ้เจ้า ub quin หรือ
00:13:57 → 00:14:00 ว่าคซคทบ้างนะครับถ้ากลายเป็นสาย Natural
00:14:00 → 00:14:03 นะครับก็จะมีแซลมอนทูหน้าเนื้อสัตว์หอยนั
00:14:03 → 00:14:05 ลมจริงๆแล้วอาหารที่เป็นโปรตีนอ่ะกินเข้า
00:14:05 → 00:14:07 ไปเหอะมีโคเอนไซม์คิวเทนเยอะนะครับ
00:14:07 → 00:14:10 เครื่องในก็มีเยอะนะครับอย่างตับหรือว่า
00:14:10 → 00:14:13 จะเป็นพวกถั่วถั่วลิสงธัญพืชอะโวคาโด
00:14:13 → 00:14:15 บรอกโคลี่ผักโขมเนี่ยกินเข้าไปเถอะนะครับ
00:14:15 → 00:14:18 จะมีโคเอนไซม q1 เยอะนะครับนอกจาก
00:14:18 → 00:14:22 โคเอนไซม์ q1 แล้วยังมี
00:14:22 → 00:14:26 แอนติออกซิแดนท์
00:14:26 → 00:14:29 เนี่ยมันไม่ได้เป็นแบบว่าโหซุปเปอร์ฮีโร่
00:14:29 → 00:14:32 ที่แบบตัวเดียวแล้วก็สู้กับ fre Radical
00:14:32 → 00:14:34 ได้ทั้งหมดเพราะร่างกายเนี่ยมี fre
00:14:34 → 00:14:36 Radical เกิดขึ้นหลายรูปแบบมากเพราะ
00:14:36 → 00:14:38 ฉะนั้น Free Radical มองเป็นตัวร้าย
00:14:38 → 00:14:41 เนี่ยตัวร้ายหลายรูปแบบก็ต้องมีอาวุธหลาย
00:14:41 → 00:14:43 รูปแบบเช่นกันไปสู้นะครับเพราะฉะนั้นการ
00:14:43 → 00:14:46 ที่เราตะบี้ตะบันกินแอนตี้ออกซินเพียงแค่
00:14:46 → 00:14:48 ชนิดเดียวรูปแบบเดียวเนี่ยมันไม่พอครับ
00:14:48 → 00:14:50 มันต้องกินแอนติออกซิแดนท์หลายๆรูปแบบ
00:14:50 → 00:14:52 นั่นเป็นที่มาว่าทำไมเราควรจะกินอาหาร
00:14:52 → 00:14:54 หลากหลายนะครับเพราะงั้นมีแอนตี้ออกซิน
00:14:54 → 00:14:56 อีกหลายตัวที่จำเป็นสำหรับไมโทคอนเดรีย 1
00:14:56 → 00:14:59 ในนั้นคือกลูต้าไทโอนนะนะครับกลูต้าไทโอ
00:14:59 → 00:15:01 เนี่ยกินในอะไรได้บ้างนะครับกินได้ทั้งใน
00:15:01 → 00:15:03 ผักแล้วก็ผลไม้ครับหนักผักก็จะมี
00:15:03 → 00:15:07 บรอกโคลี่ดอกกะหล่ำเคลหรือว่าพวกกะหล่ำปี
00:15:07 → 00:15:10 นะครับถ้าเกิดผลไม้เนี่ยก็มีอะโวคาโดแตง
00:15:10 → 00:15:13 โมส้มสตอเบอร์รี่จริงๆมีอีกหลายอย่างทุก
00:15:13 → 00:15:15 คนลองออกไปเสิร์ชได้นะว่าเอ๊ในอาหารไหนนะ
00:15:15 → 00:15:18 มันมีกลูต้าไทโอนเยอะๆนะครับลองไปเสิร์ช
00:15:18 → 00:15:20 ดูแล้วก็เลือกกินดูนะครับนอกจากนั้นมี
00:15:20 → 00:15:22 วิตามิน B Complex ครับวิตามิน B ช่วย
00:15:22 → 00:15:26 ได้เยอะนะครับิิแคน Alpha lipoic Acid
00:15:26 → 00:15:29 สารพวกตระกูลโพลีฟีนอลนะครับพวกเนี้ยครับ
00:15:29 → 00:15:32 เ้ามีการศึกษาแล้วก็เจอว่าเออมันก็สามารถ
00:15:32 → 00:15:35 ที่จะช่วยทำให้ไมโตคอนเดรียมีพลังงานมาก
00:15:35 → 00:15:37 ขึ้นในการไปต่อสู้กับ fre Radical นั่น
00:15:37 → 00:15:39 เองนะครับต่อมาจะช่วยไมโทคอนเดรียยังไง
00:15:39 → 00:15:42 ได้อีกนะครับก็คือการหลับพักผ่อนนะครับ
00:15:42 → 00:15:44 การนอนสำคัญมากเพราะเป็นช่วงที่ร่างกาย
00:15:44 → 00:15:47 เราได้พักก็คือร่างกายทำงานน้อยลงร่างกาย
00:15:47 → 00:15:50 ทำงานน้อยลงไมโตคอนเดรียก็ทำงานน้อยลง
00:15:50 → 00:15:52 แล้วก็ได้พักแล้วก็เป็นช่วงที่
00:15:52 → 00:15:55 ไมโทคอนเดรียได้กำจัดของเสียเพราะฉะนั้น
00:15:55 → 00:15:58 นอนเถอะครับมันจะทำให้ไมโตคอนเดรียสู้สู้
00:15:58 → 00:16:01 แล้วก็กำจัดเสต่างๆทิ้งไปได้แล้วก็พร้อม
00:16:01 → 00:16:04 ที่จะมีแบตเตอรี่เต็มที่อ่ะเพื่อให้เรา
00:16:04 → 00:16:06 ต่อสู้กับวันใหม่ของเราตอนกลางวันเวลาเรา
00:16:06 → 00:16:09 ออกไปทำงานนะครับนอกจากนอนแล้วมีอีกหนึ่ง
00:16:09 → 00:16:11 อย่างสำคัญคือการลดความเครียดครับจริงๆ
00:16:11 → 00:16:13 เรื่องความเครียดเนี่เป็นเรื่องใหญ่มากนะ
00:16:13 → 00:16:15 ครับเพราะว่าความเครียดทำให้เกิดท็อกซิน
00:16:15 → 00:16:17 ต่างๆมากมายเกิดขึ้นนะครับรวมไปถึง Free
00:16:17 → 00:16:19 Radical ด้วยนะครับมีงานวิจัยเ้าศึกษาใน
00:16:19 → 00:16:22 ผู้หญิงเนาะว่าเอ๊ยสอบถามว่าผู้หญิงตอน
00:16:22 → 00:16:23 เนี้ย mood ของเขาถามผู้หญิงว่าตอนนี้
00:16:24 → 00:16:26 mood ของเขาเป็นยังไงรู้สึก Positive
00:16:26 → 00:16:28 กับชีวิตมยหรือว่ารู้สึก Negative กับ
00:16:28 → 00:16:31 ชีวิตนะครับแล้วเขาก็เจอว่าผู้หญิงกลุ่ม
00:16:31 → 00:16:32 ที่มีความสุขเนี่ยครับจะเจอว่า
00:16:32 → 00:16:34 ไมโทคอนเดรียใน White Blood เซลหรือว่า
00:16:34 → 00:16:38 เม็ดเลือดขาวเนี่ยครับสามารถผลิตพลังงาน
00:16:38 → 00:16:40 ได้มีประสิทธิภาพหรือว่า efficiency
00:16:40 → 00:16:43 เนี่ยสูงกว่ากลุ่มผู้หญิงที่ค่อนข้างมี
00:16:43 → 00:16:45 ความเครียดนะครับเป็นการสะท้อนได้เลยว่า
00:16:45 → 00:16:47 ความเครียดเนี่ยส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำ
00:16:47 → 00:16:49 งานของไมโทคอนเดรียมากๆนะครับแล้วจริงๆเ
00:16:50 → 00:16:52 เขาคศึกษาละเอียดไปกว่านั้นด้วยนะว่าเอ
00:16:53 → 00:16:56 ยิ่งตอนที่เราก่อนนอนถ้าเราไม่ค่อยเครียด
00:16:56 → 00:16:58 คือแบบไม่ค่อยกังวลอะไรแล้วเราก็นอนหลับ
00:16:58 → 00:17:01 ไปไปเนี่ยจะทำให้ไมโตคอนเดรียเนี่ยฟื้นฟู
00:17:01 → 00:17:05 แล้วก็มี Health มีสุขภาพที่ Healthy
00:17:05 → 00:17:07 กว่าคนที่แบบโหตอนจะนอนเนี่ยเก็บเรื่อง
00:17:07 → 00:17:09 เครียดเอาไว้นะครับเพราะแน่นอนตอนที่เรา
00:17:10 → 00:17:12 จะนอนควรจะได้พักผ่อนเต็มที่แต่ถ้าใคร
00:17:12 → 00:17:14 เครียดเนี่ยร่างกายฟื้นฟูได้ไม่เต็มที่
00:17:14 → 00:17:17 แทนที่จะกำจัดสารพิษไปนะครับมันก็สารพิษ
00:17:17 → 00:17:19 อาจจะเคลียร์ไม่หมดนะมันไคนเรียสุขภาพก็
00:17:20 → 00:17:22 จะไม่ดีเท่าเพราะฉะนั้นต้องอย่าเครียดนะ
00:17:22 → 00:17:24 ครับคายเครียดเนี่ยผมเคยเล่าไปแล้วว่าเรา
00:17:24 → 00:17:27 มีวิธีคายเครียดที่เร็วที่สุดนั่นคือการ
00:17:27 → 00:17:31 ทำฟิิ Sign นะครับคือการหายใจเข้าเร็วๆ 2
00:17:31 → 00:17:35 ครั้งแล้วก็หายใจยาวๆ 1 ครั้ง
00:17:35 → 00:17:38 แบบแบบเยจะลดเครียดได้เร็วที่สุดลองไปฟัง
00:17:38 → 00:17:41 กันดูนะครับทั้งหมดที่พูดมานะครับคือ
00:17:41 → 00:17:44 strategy ที่ 1 คือทำยังไงก็ได้ให้ไมโต
00:17:44 → 00:17:47 คนเรียโดนทำลายน้อยลงครับมาถึง strategy
00:17:47 → 00:17:50 ที่ 2 นะครับคือทำยังไงล่ะให้ร่างกาย
00:17:50 → 00:17:53 เนี่ยมันสร้างไมโตคอนเดรียเพิ่มขึ้นหรือ
00:17:53 → 00:17:56 ว่าทำให้ไมโทคอนเดรียเนี่ยทำงานได้มี
00:17:56 → 00:17:59 ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นนะครับแน่นอนถ้าเกิด
00:17:59 → 00:18:02 ว่าร่างกายเราในเซลล์เราเนี่ยมันมี
00:18:02 → 00:18:04 ไมโตคอนเดรียเพิ่มขึ้นเฮ้ยเท่ากับว่ามัน
00:18:04 → 00:18:08 ก็แบ่งงานกันทำอ่ะเหมือนกับมีเลเบอร์มาก
00:18:08 → 00:18:10 ขึ้นนะครับในเมื่อมีเลเบอร์มากขึ้นต่อให้
00:18:10 → 00:18:13 มันจะเป็นโรงงานนรกเนี่ย workload ของ
00:18:13 → 00:18:16 พนักงานแต่ละคนมันก็จะน้อยลงสุขภาพของ
00:18:16 → 00:18:19 ไมโทคอนเดรีย overall มันก็จะดีขึ้นตามไป
00:18:19 → 00:18:21 ด้วยนะครับทีนี้เราจะมากระตุ้นให้ร่างกาย
00:18:21 → 00:18:23 เนี่ยสร้างไมโทคอนเดรียเพิ่มขึ้นได้ยังไง
00:18:23 → 00:18:25 บ้างการเพิ่มขึ้นของไมโทคอนเดรียเนี่ย
00:18:25 → 00:18:27 เรียกว่า biogenesis นะครับวิธีที่ 1 นะ
00:18:27 → 00:18:30 ครับคือ Move ครับคือการเคลื่อนไหวเมื่อ
00:18:30 → 00:18:32 ไหร่ก็ตามที่เราเคลื่อนไหวออกกำลังกาย
00:18:32 → 00:18:35 เนี่ยครับเป็นการกระตุ้นบอกร่างกายบอก
00:18:35 → 00:18:37 อวัยวะบอกเซลล์ว่าเฮ้ยร่างกายเราต้องการ
00:18:37 → 00:18:40 พลังงานยิ่งถ้าเรามีอายุมากขึ้นแก่ขึ้นด
00:18:40 → 00:18:43 ผู้ใหญ่ผู้สูงอายุแล้วนะครับจำเป็นมากเลย
00:18:43 → 00:18:46 สังเกตได้มั้ยผู้สูงอายุคนไหน Active หา
00:18:46 → 00:18:48 นู่นหานี่ทำไม่อยู่เฉยๆไม่นอนติดเตียง
00:18:48 → 00:18:51 เนี่ยครับจะมีสุขภาพที่แข็งแรงครับเพราะ
00:18:51 → 00:18:54 ว่าร่างกายจะยังบอกว่าฉันต้องการพลังงาน
00:18:54 → 00:18:56 เมื่อฉันต้องการพลังงานฉันต้องสร้าง
00:18:56 → 00:18:59 ไมโทคอนเดรียขึ้นมาก็เป็นการ turn on
00:18:59 → 00:19:02 Gen สำคัญำคัญว่าเฮ้ยอย่าเพิ่งนอนหลับ
00:19:02 → 00:19:05 ตื่นมาทำงานก่อนสร้างไตคอนเดียก่อนนะครับ
00:19:05 → 00:19:07 งั้นร่างกายก็จะรู้สึกมี Energy มากขึ้น
00:19:07 → 00:19:09 นั่นเองนะครับจากการออกกำลังกายและการออก
00:19:09 → 00:19:12 กำลังกายทุกรูปแบบดีหมดนะครับแต่ถ้าเกิด
00:19:12 → 00:19:14 ว่าร่างกายคุณไหวเนี่ยผมแนะนำให้คุณทำออก
00:19:14 → 00:19:16 กำลังกายที่ค่อนข้าง intensive ไม่ว่าจะ
00:19:16 → 00:19:20 เป็นการทำฮิต hiit นะครับหรือว่าการ
00:19:20 → 00:19:22 weight Training บ้างอะไรบ้างนะครับที่
00:19:22 → 00:19:24 เป็นการสร้าง Pressure ให้กับร่างกายนะ
00:19:24 → 00:19:25 ครับร่างกายจะได้รู้สึกว่าเราต้องต่อสู้
00:19:25 → 00:19:27 หรือว่า Survive ก็จะสร้างไมโทคอนเดรีย
00:19:27 → 00:19:30 ออกมาเยอะนะครับอย่างที่ 2 ครับคืออด
00:19:30 → 00:19:33 อาหารบ้างนั่นแหละก็คือ If intermittent
00:19:33 → 00:19:35 fasting นะครับเมื่อไหร่ก็ตามที่ร่างกาย
00:19:35 → 00:19:37 อดอาหารก็คือเป็นการเพิ่ม stress เป็นการ
00:19:37 → 00:19:40 บีบร่างกายอ่ะให้ร่างกายต้องแบบทรมานนิดๆ
00:19:40 → 00:19:42 อ่ะให้แบบเฮ้ยกดดันแล้วกดดันแล้วงั้นเรา
00:19:42 → 00:19:45 ต้องหาทาง Survive เมื่อไหร่ก็ตามที่เรา
00:19:45 → 00:19:47 อดอาหารนะครับร่างกายก็จะสำรวจตัวเองเนาะ
00:19:47 → 00:19:49 ว่าเฮ้ยมีส่วนไหนที่เราทำงานไม่ดีหรือ
00:19:49 → 00:19:51 เปล่ามันเปลืองพลังงานหรือเปล่านะครับทำม
00:19:51 → 00:19:52 แต่คนเดียวทำงานไม่ดีเป่าสร้างพลังงานให้
00:19:53 → 00:19:55 เราได้ไม่เต็มประสิทธิภาพหรือเปล่านะครับ
00:19:55 → 00:19:57 ถ้าร่างกายเจอปึ๊บอ้าวแสดงว่าเราต้อง
00:19:57 → 00:20:01 กำจัดอีไมโทคอนเดรียแก่ๆที่แบบทำงานด๋อยๆ
00:20:01 → 00:20:03 ทิ้งไปแล้วก็ถึงึงเวลาในการสร้าง
00:20:03 → 00:20:05 ไมโทคอนเดรียตัวใหม่ที่มันมีประสิทธิภาพ
00:20:05 → 00:20:08 มากขึ้นจะได้คุ้มกับพลังงานที่มันต้องใช้
00:20:08 → 00:20:10 นะครับนั้นก็ต้องทำ If เพื่อที่จะหรือว่า
00:20:10 → 00:20:13 อดอาหารบ้างนะครับอย่ากินเยอะทำให้ร่าง
00:20:13 → 00:20:15 กายเนี่ยได้สร้างไมโทคอนเดรียใหม่ๆนะครับ
00:20:15 → 00:20:16 อย่างที่ 3 พูดไปแล้วเหมือนกันนะครับคือ
00:20:16 → 00:20:18 ใช้ความเย็นเข้ามาช่วยบ้างนะครับเพราะว่า
00:20:18 → 00:20:21 ความเย็นเนี่ยก็เป็นอีกหนึ่ง stress ทำ
00:20:21 → 00:20:23 ให้ร่างกายนะครับกระตุ้นให้ร่างกายเนี่ย
00:20:23 → 00:20:25 สร้างไมโตคอนเดรียเพิิ่มขึ้นหรือว่า brow
00:20:25 → 00:20:28 Fat Active ขึ้นแม้กระทั่ง Fat เองก็จะ
00:20:28 → 00:20:30 Active ขึ้นเปลี่ยนจาก White Fat เป็น
00:20:30 → 00:20:32 bage Fat นะครับเพราะว่าสร้าง
00:20:32 → 00:20:35 ไมโตคอนเดรียเพิ่มขึ้นนั่นเองนะครับอ่ามี
00:20:35 → 00:20:37 อีก 2 อย่างที่ผมอาจจะยังไม่เคยพูดนะครับ
00:20:37 → 00:20:40 อย่างแรกคือ low Level Light therapy
00:20:40 → 00:20:43 มันคือการฉายแสงนะครับโดยใช้แสงที่เป็น
00:20:43 → 00:20:46 infrared หรือว่า nir คือ Near infrared
00:20:46 → 00:20:48 นะครับทางวงการแพทย์เนี่ยมีการศึกษาการ
00:20:48 → 00:20:51 ใช้ low Level R therapy คือการฉายแสง
00:20:51 → 00:20:54 แบบอ่าพลังงานต่ำๆเพื่อที่จะไปฟื้นฟูการ
00:20:54 → 00:20:57 ทำงานของร่างกายทุกๆอวัยวะเลยนะครับและ
00:20:57 → 00:21:00 หนึ่งในอวัยวะที่ทางการแพทย์สนใจมากคือ
00:21:00 → 00:21:02 สมองนะครับเพราะมันมีผลแล้วก็ช่วยได้มาก
00:21:02 → 00:21:04 เลยนะครับมีงานวิจัยหลายอย่างบอกว่าเกิด
00:21:04 → 00:21:06 Positive result นะครับถามว่ามันทำงาน
00:21:06 → 00:21:08 ยังไงเเจอว่าไอ้เจ้าแสงอ่อนๆเนี่ยครับจะ
00:21:08 → 00:21:12 ไปตุ้นการทำงานของเอนไซมไคม C ออกซิเดส
00:21:12 → 00:21:14 ซึ่งเป็นเอนไซมสำคัญของไมโทคอนเดรียในการ
00:21:14 → 00:21:17 ทำงานนั่นเองนะครับก็เจอว่าผู้ผู้สูงอายุ
00:21:17 → 00:21:19 ที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคนร degenerative
00:21:19 → 00:21:22 หรือว่า demia นะครับเจอว่าเอ๊มันช่วยทำ
00:21:22 → 00:21:25 ให้ไมโตคอนเดรียเนี่ยฟื้นฟูแล้วก็ทำงาน
00:21:25 → 00:21:27 ได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นนะครับเพราะ
00:21:27 → 00:21:30 ฉะนั้นโดยปกติเราอาจจะไม่ได้อ่าพบเจอกับ
00:21:30 → 00:21:33 การฉายแสงหรอกแต่ว่าถ้าเกิดว่าใครก็ตามนะ
00:21:33 → 00:21:34 ครับที่อาจจะมีปัญหาเรื่อง
00:21:34 → 00:21:37 neurodegenerative เนี่ยเชื่อว่าหลายๆ
00:21:37 → 00:21:39 โรงพยาบาลเนี่ยเริ่มมีการใช้ low Level
00:21:39 → 00:21:42 Light therapy มาดูแลแล้วนะครับก็เป็น
00:21:42 → 00:21:44 อีกหนึ่งทางเลือกที่สามารถจะทดลองได้แล้ว
00:21:44 → 00:21:47 ก็มี scientific evidence รองรับนะครับ
00:21:47 → 00:21:49 อีกหนึ่งอย่างครับคืออาหารเสริมพลังงาน
00:21:50 → 00:21:52 ให้กับไมโตคอนเดรียจริงๆมันคือแร่ธาต
00:21:52 → 00:21:55 สำคัญที่ใช้ในกระบวนการเปลี่ยนไอ้เจ้า
00:21:55 → 00:21:57 อาหารและออกซิเจนให้กลายเป็นพลังงานหรือ
00:21:57 → 00:21:59 ว่า ATP นั่นเองนะครับถ้าเรากินเข้าไป
00:21:59 → 00:22:01 หรือว่า make ชัวร์ว่าร่างกายได้รับสาร
00:22:01 → 00:22:04 อาหารเหลนี้เพียงพอก็จะทำให้กระบวนการใน
00:22:04 → 00:22:06 การผลิตพลังงานเนี่ยมันมีประสิทธิภาพ
00:22:06 → 00:22:08 efficiency สูงนะครับถามว่ามีอะไรบ้าง
00:22:08 → 00:22:12 ครับตัวสำคัญสำคัญที่ต้องใช้คือคอปเปอร์
00:22:12 → 00:22:15 ครับไมโทคอนเดรียต้องใช้ทองแดงเยอะเลยใน
00:22:15 → 00:22:17 กระบวนการสร้างพลังงานนะครับถามว่า
00:22:17 → 00:22:19 คอเปอร์มีในไหนครับส่วนใหญ่ก็เป็นอาหาร
00:22:19 → 00:22:22 ที่มีอ่าโเอนไซม q1 นะครับก็คือเนื้อ
00:22:22 → 00:22:26 สัตว์ตับธัญพืชถั่วเห็ดหอมมะเขือเทศนะ
00:22:26 → 00:22:28 ครับแล้วคอปเปอร์หรือว่าทองแดงเนี่ยจะทำ
00:22:28 → 00:22:31 งานได้ดีนะครับร่างกายจะต้องมีวิตามิน a
00:22:31 → 00:22:35 ที่เพียงพอด้วยนะครับก็มีในผักผลไม้ที่มี
00:22:35 → 00:22:38 สีเหลืองสีส้มสีเขียวก็คือมีแคโรทีนอย
00:22:38 → 00:22:40 เยอะนะครับตัวอย่างก็ตำลึงฟักทองแครอท
00:22:40 → 00:22:42 ข้าวโพดมะละกอแล้วก็มีมากกว่านี้อีกนะ
00:22:42 → 00:22:45 ครับนอกจากวิตามิน a ครับร่างกายต้องการ
00:22:45 → 00:22:47 แมกนีเซียมด้วยนะครับก็จะมีใน Dark
00:22:47 → 00:22:49 ช็อกโกแลตแหหหลายคนอาจจะดีใจที่ได้ยิน
00:22:49 → 00:22:52 ช็อกโกแลตนะครับทูน่าเม็ดฟักทองแอลมอนผัก
00:22:52 → 00:22:55 โขมหรือว่าผักพวกใบเขียวเข้มนะครับและอีก
00:22:55 → 00:22:57 หนึ่งอย่างที่อาจจะเป็นข้อดีนะครับคือว
00:22:57 → 00:23:00 วิตามินดีครับเราไปเจอแดดอ่อนๆตอนเช้านะ
00:23:00 → 00:23:02 ครับแล้วก็จะได้วิตามินดีเยอะนะครับการ
00:23:02 → 00:23:05 ที่ร่างกายมีวิตามินดีวิตามิน a
00:23:05 → 00:23:08 แมกนีเซียมก็จะทำให้คอปเปอร์หรือว่าทอง
00:23:08 → 00:23:10 แดงทำงานได้ดีซึ่งทั้งหมดทั้งมดเนี้ย
00:23:10 → 00:23:12 จำเป็นในกระบวนการสร้างพลังงานของ
00:23:12 → 00:23:15 ไมโทคอนเดรียนะครับถ้าร่างกายได้แร่ธาตุ
00:23:15 → 00:23:18 แล้วก็วิตามินเหล่านี้เพียงพอก็จะทำให้
00:23:18 → 00:23:20 เจ้าไมโตคอนเดรียสร้างพลังงานได้อย่างมี
00:23:20 → 00:23:23 ประสิทธิภาพนั่นเองครับทั้งหมดทั้งมวลที่
00:23:23 → 00:23:25 พูดมานะครับอยากจะบอกทุกคนว่า
00:23:25 → 00:23:28 ไมโทคอนเดรียเป็นอวัยวะที่สของเซลล์ของ
00:23:28 → 00:23:31 ทุกคนที่อย่ามองข้ามเลยนะครับเพราะว่าการ
00:23:31 → 00:23:34 ดูแลไมโทคอนเดรียให้มีสุขภาพที่ดีเนี่ย
00:23:34 → 00:23:37 ครับมันก็จะทำให้เซลล์ของคุณมีสุขภาพที่
00:23:37 → 00:23:40 ดีอวัยวะของคุณมีสุขภาพที่ดีและร่างกาย
00:23:40 → 00:23:44 ของคุณทั้งหมดมีสุขภาพที่ดีแล้วก็แกะช้า
00:23:44 → 00:23:46 ลงตามไปด้วยนะครับลองไปทดลองทำสิ่งทั้ง
00:23:46 → 00:23:49 หมดที่ผมว่ามานะครับก็ทำให้ไมโทคอนเดรีย
00:23:49 → 00:23:52 อยู่ได้นานที่สุดแล้วก็จะทำให้เราแก่แบบ
00:23:52 → 00:23:56 มีคุณภาพแล้วก็มีสุขภาพที่ดี
00:23:56 → 00:23:58 ครับครับ
00:23:58 → 00:24:01 to the Standard podcast I Opening
00:24:01 → 00:24:05 for your
00:24:05 → 00:24:08 ears