00:00:00 → 00:00:02 ถ้าค่าวัดอิเป็นภาวะความผิดปกติทางระบบ
00:00:02 → 00:00:05 ประสาททำให้มีอาการกระตุกของกล้ามเนื้อ
00:00:05 → 00:00:10 บริเวณใบหน้าคอลายแขนและมือโดยมีอาการ
00:00:10 → 00:00:12 เป็นเป็นหายหายอาจจะส่งผลให้เกิดปัญหา
00:00:12 → 00:00:15 ด้านจิตใจตามมาทำให้ขาดความมั่นใจโดนล้อ
00:00:15 → 00:00:18 จนเกิดความอับอายจึงส่งผลกระทบกับการใช้
00:00:18 → 00:00:21 ชีวิตในสังคมทำให้เกิดการแยกตัวออกจาก
00:00:21 → 00:00:24 สังคมได้ในวันนี้เราไปรับฟังสาระความรู้
00:00:24 → 00:00:27 กันครับว่าภาวะติ๊กคืออะไรมีอาการเป็น
00:00:27 → 00:00:30 อย่างไรและจะสามารถควบคุมรักษาอาการอย่าง
00:00:30 → 00:00:33 ไรบ้างครับเช็คคืออาการที่คนคนหนึ่งมี
00:00:33 → 00:00:36 ความรู้สึกจะต้องขยับส่วนใดส่วนหนึ่งหรือ
00:00:36 → 00:00:39 หลายๆส่วนของร่างกายหรือจะต้องเป็นเสียง
00:00:39 → 00:00:42 ออกมาโดยที่ตัวเองไม่สามารถควบคุมได้อาจ
00:00:42 → 00:00:45 จะควบคุมอาการได้ในบางสถานการณ์อย่างเช่น
00:00:45 → 00:00:49 ในสถานการณ์ที่มีคนเยอะอาจจะควบคุมอาการ
00:00:49 → 00:00:52 ได้ชั่วคราวแต่พอกลับไปถึงที่บ้านจะแสดง
00:00:52 → 00:00:55 อาการออกมาโดยที่ส่วนใหญ่อาการจะออกมามาก
00:00:55 → 00:00:58 กว่าปกติอาการพริกแบ่งเป็น 2 แบบแบบแรก
00:00:58 → 00:01:02 คือการก็ใส่เรียกว่ามอเตอร์ chic มอเตอร์
00:01:02 → 00:01:04 ชิคคืออาการที่คนไข้จะต้องขยับส่วนใดส่วน
00:01:04 → 00:01:08 หนึ่งของร่างกายถ้าจะต้องขยับแค่ส่วนเล็ก
00:01:08 → 00:01:10 ๆของร่างกายหรือกล้ามเนื้อมัดเดียวอย่าง
00:01:10 → 00:01:14 เช่นต้องกะพริบตาหรือว่ารู้สึกจะต้องยัก
00:01:14 → 00:01:16 ไหล่เป็นต้นจะเรียกว่าสิ่งเพื่อมอเตอร์
00:01:16 → 00:01:19 พริกหรือมอเตอร์พริกแบบง่ายแต่ว่าถ้าต้อง
00:01:19 → 00:01:22 ขยับหลายๆส่วนของร่างกายหรือขยับส่วน
00:01:22 → 00:01:24 หนึ่งเราต้องขยับอีกส่วนหนึ่งต่อเนื่องจะ
00:01:24 → 00:01:26 เรียกว่าคอมเพล็กซ์มอเตอร์เทคอย่างเช่น
00:01:26 → 00:01:30 ถ้าต้องเกร็งคอไปด้านหลังนานๆอาจจะเกิด
00:01:30 → 00:01:33 อันตรายต่อกระดูกสันหลังหรือใครสันหลัง
00:01:33 → 00:01:36 ได้ส่วนในเรื่องที่สองก็คือการเปลี่ยน
00:01:36 → 00:01:38 เสียงหรือเรียกว่าโฟนิคพริกหรือ focal
00:01:38 → 00:01:42 พริกนะคะซึ่งถ้าเป็นซิมโฟนิคพริกหรือว่า
00:01:42 → 00:01:45 โฟน x ถักง่ายผู้ป่วยจะมีการเปลี่ยนเสียง
00:01:45 → 00:01:48 ออกมาเท่านั้นอย่างเช่นเป็นการ grand
00:01:48 → 00:01:52 เสียงหรือทำเสียงครางออกมาแต่ว่าถ้ารู้
00:01:52 → 00:01:55 สึกว่าต้องพูดเป็นคำพูดออกมาจะเรียกว่า
00:01:55 → 00:01:58 คอมเพล็กซ์บวกโกธิคอย่างเช่นคนไข้อาจจะ
00:01:58 → 00:02:02 รู้สึกว่าต้องพูดคำมีคำออกมาหรือว่าบางคน
00:02:02 → 00:02:05 อาจจะพูดตามคนอื่นมันเป็นความรู้สึกที่
00:02:05 → 00:02:07 ผู้ป่วยไม่สามารถควบคุมได้ค่ะส่วนในผู้
00:02:07 → 00:02:10 ป่วยบางรายอาจจะมีอาการตรงกันข้ามกัน
00:02:10 → 00:02:14 อย่างเช่นแทนที่จะรู้สึกว่าจะต้องพูดหรือ
00:02:14 → 00:02:16 จะต้องขยับส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายอาจ
00:02:16 → 00:02:19 จะมีความรู้สึกว่าจะต้องเกร็งหรือหยุดการ
00:02:19 → 00:02:22 กระทำเราเรียกว่าบล็อกกิ้ง chic ค่ะเพราะ
00:02:22 → 00:02:24 ว่าเพื่อแต่กอล์ฟเป็นโรคที่พบได้บ่อยใน
00:02:24 → 00:02:26 เด็กนะครับโดยที่มีความสุขอยู่ที่ประมาณ
00:02:26 → 00:02:29 60 เปอร์เซ็นต์มักจะพบในช่วงอายุประมาณ
00:02:29 → 00:02:32 48 ปีนะครับแล้วก็พบในเพศชายมากกว่าเพศ
00:02:32 → 00:02:35 หญิงสำหรับสาเหตุการเกิดส่วนมากเนี่ยมัน
00:02:35 → 00:02:37 จะเกิดจากความผิดปกติทางด้านพันธุกรรม
00:02:37 → 00:02:40 ประกอบกับผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อมแต่
00:02:40 → 00:02:42 ว่าถ้าเกิดว่าภาวะพริกเนี่ยพบในแป๊บวัย
00:02:42 → 00:02:45 ผู้ใหญ่โดยที่ไม่เกินประวัติของอาการพริก
00:02:45 → 00:02:47 ในวัยเด็กมาก่อนเลยอาจจะจำเป็นต้องไปหา
00:02:47 → 00:02:50 สาเหตุเพิ่มเติมส่วนมากจะเป็นความผิดปกติ
00:02:50 → 00:02:53 ในสมองครั้งได้ใช้พริกนะคะเป็นการไม่ใช้
00:02:53 → 00:02:56 ตามอาการค่ะเพราะฉะนั้นถ้าคุณมีอาการดัง
00:02:56 → 00:02:59 ที่กล่าวไปแล้วมากกว่า 1 ปีเพราะใจไปใช้
00:02:59 → 00:03:03 ได้ก็ติดค่ะแต่ว่าถ้าคุณมีอาการมอเตอร์
00:03:03 → 00:03:06 เช็คร่วมกับโคเทคร่วมกับมีอาการพฤติกรรม
00:03:06 → 00:03:09 ดังที่จะกล่าวต่อไปนี้ก็จะได้ฉายว่าเป็น
00:03:09 → 00:03:10 to getting low เพื่อจัดการอันแรกก็
00:03:10 → 00:03:13 คือมีอาการสมาธิสั้นซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดใน
00:03:13 → 00:03:17 เด็กอายุ 46 ปีแล้วจะนำมาก่อนอาการทึกได้
00:03:17 → 00:03:19 อันที่สองก็คืออาการย้ำคิดย้ำทำซึ่งมักจะ
00:03:19 → 00:03:23 เกิดตามหลังทิศประมาณ 2-3 ปีอันที่สามก็
00:03:23 → 00:03:26 คือการมีภาวะกังวลมากกว่าปกติซึ่งเด็กๆ
00:03:26 → 00:03:28 อาจจะกังวลในเรื่องเล็กๆน้อยๆมากกว่าปกติ
00:03:28 → 00:03:32 ได้อันที่สี่ก็คือภาวะทางอารมณ์นะคะซึ่ง
00:03:32 → 00:03:35 ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของอาการซึมเศร้าผล
00:03:35 → 00:03:37 กระทบที่อาจจะเกิดขึ้นนะคะส่วนใหญ่ก็จะ
00:03:37 → 00:03:40 เป็นเรื่องของพฤติกรรมมากกว่าเพราะว่าพอ
00:03:40 → 00:03:43 เด็กไปโรงเรียนแล้วอาจจะมีพฤติกรรมบาง
00:03:43 → 00:03:46 ชนิดหรือว่าอาจจะมีการขยับตัวมากคือปกติ
00:03:46 → 00:03:49 หรือมีการเปล่งเสียงทำให้คนรอบข้างอาจจะ
00:03:49 → 00:03:51 เรียนได้นะคะโดยเฉพาะเพื่อนๆอีกอย่าง
00:03:51 → 00:03:55 หนึ่งก็คือคุณครูถ้าคุณครูไม่เข้าใจก็จะ
00:03:55 → 00:03:57 ทำให้เด็กเครียดมากขึ้นกว่าเดิมได้เพราะ
00:03:57 → 00:04:00 ฉะนั้นการที่เด็กได้รับความเข้าใจจากมาดู
00:04:00 → 00:04:03 และเพื่อนๆก็จะช่วยลดอาการของเด็กให้ดี
00:04:03 → 00:04:06 ขึ้นหรือว่าลดอาการเครียดของเด็กได้ค่ะ
00:04:06 → 00:04:09 แล้วแต่เพราะว่าผิดนะครับอาจจะต้องดูว่า
00:04:09 → 00:04:12 ปัญหาใดนะคะเป็นปัญหาเหล่าผู้ป่วยเพิ่ง
00:04:12 → 00:04:14 ผู้ป่วยทุกคนเนี่ยอาจจะไม่จำเป็นต้องได้
00:04:14 → 00:04:17 รับการรักษาก็ได้โดยปกติเนี่ยแพ้ก็จะทำ
00:04:17 → 00:04:20 การประเมินผู้ป่วยในรอบด้านทั้งด้านการ
00:04:20 → 00:04:22 เคลื่อนไหวภาวะทางด้านอารมณ์หัวโลกร่วม
00:04:22 → 00:04:25 เนี่ยถ้าเกิดว่าผู้ป่วยมีอาการค่อนข้าง
00:04:25 → 00:04:27 นอกอ้ะก็อาจจะไม่จำเป็นต้องได้รับการ
00:04:27 → 00:04:29 รักษาเลยถ้าเกิดว่าผู้ป่วยมีภาวะค่อนข้าง
00:04:29 → 00:04:32 รุนแรงอาจจะส่งผลต่อการใช้ชีวิตหรือว่า
00:04:32 → 00:04:34 การเข้าสังคมหรือว่าผู้ป่วยบางคนเนี่ยมี
00:04:34 → 00:04:37 อาการเยอะจนกระทั่งทำให้เกิดอันตรายหรือ
00:04:37 → 00:04:39 ว่าความเสียหายต่อสิ่งรอบข้างหรือว่าตัว
00:04:39 → 00:04:42 เองก็จะจำเป็นจะต้องได้รับการรักษาสำหรับ
00:04:42 → 00:04:45 การรักษาในปัจจุบันแบ่งออกเป็นหลัก 3
00:04:45 → 00:04:48 ชนิดชนิดแรกเนี่ยก็คือการทำกิจกรรมบำบัด
00:04:48 → 00:04:51 มีผัดไปก็คือการพญาเกิดนักสุดท้ายเนี่ย
00:04:51 → 00:04:53 คือการผ่าตัดฝังเครื่องกระตุ้นสมองส่วน
00:04:53 → 00:04:56 ลึกสำหรับการทำพฤติกรรมบำบัดก็จะเป็นการ
00:04:56 → 00:04:59 ฝึกฝนให้ผู้ป่วยเนี่ยได้เรียนรู้ถึงอาการ
00:04:59 → 00:05:00 ของตัวเองว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นเมื่อ
00:05:01 → 00:05:03 ไหร่หรือว่าอะไรเป็นสิ่งกระตุ้นฝึกฝนให้
00:05:03 → 00:05:05 เขาเนี่ยค่ะสังเกตแล้วก็หลีกเลี่ยงสิ่ง
00:05:05 → 00:05:08 กระตุ้นเหล่านั้นสำหรับการใช้ยาเนี่ยเรา
00:05:08 → 00:05:11 มักจะใช้ยาตามอาการของผู้ป่วยซึ่งยานั้น
00:05:11 → 00:05:13 มีอยู่ด้วยกันหลายกลุ่มด้วยกันสำหรับผู้
00:05:13 → 00:05:16 ป่วยที่มีอาการค่อนข้างน้อยเราจะเลือกใช้
00:05:16 → 00:05:19 ยาที่มีผลข้างเคียงค่อนข้างน้อยได้แก่ยา
00:05:19 → 00:05:22 กลุ่มยากันคักยานอนหลับหรือว่ายาลดเกร็ง
00:05:22 → 00:05:24 สำหรับยากลุ่มที่ 2 เนี่ยเราจะใช้ในผู้
00:05:24 → 00:05:27 ป่วยที่มีอาการค่อนข้างรุนแรงจะมีภาวะ
00:05:27 → 00:05:29 แทรกซ้อนจากอาชญากรรมข้างเยอะก็จะเป็นยา
00:05:29 → 00:05:32 กลุ่มยาจิตเวชหรือว่ายาลดการหลั่งตาโลตา
00:05:32 → 00:05:35 มีนซึ่งยาเหล่านี้จำเป็นจะต้องได้รับการ
00:05:35 → 00:05:37 ดูแลโดยแพทย์อย่างใกล้ชิดสำหรับการรักษา
00:05:37 → 00:05:39 สุดท้ายนะครับคือการผ่าตัดฝังเครื่อง
00:05:39 → 00:05:42 กระตุ้นสมองส่วนลึกมันจะใช้ในผู้ป่วยที่
00:05:43 → 00:05:46 อาการไม่ตอบสนองกับการทำพฤติกรรมบำบัด
00:05:46 → 00:05:48 หรือว่าได้รับการใช้ยาอย่างเหมาะสมแล้ว
00:05:48 → 00:05:51 สำหรับผู้ป่วยที่มีภาวะทิกาการเนี่ยมันก็
00:05:51 → 00:05:53 ดีขึ้นหลังจากที่ผู้ป่วยเข้าสู่ช่วงวัย
00:05:53 → 00:05:56 รุ่นอยู่ว่าผู้ใหญ่ตอนต้นโดยทั่วไปเนี่ย
00:05:56 → 00:05:58 ผู้ป่วย 1 ใน 3 เนี่ยมันจะมีอาการดีขึ้น
00:05:58 → 00:06:01 ด้วยนะทั้งหายไปมีอีก 1 ใน 3 เนี่ยอาจจะ
00:06:01 → 00:06:03 ดีขึ้นเล็กน้อยอาจจะมีอาการเหลืออยู่ใน
00:06:03 → 00:06:05 อีกน้อยส่วนที่เหลืออีกหนึ่งในสามเนี่ย
00:06:05 → 00:06:07 อาการอาจจะเท่าเดิมแล้วก็มีอาการเป็น
00:06:07 → 00:06:10 เป็น่หายในระยะถัดไปได้ถ้าผู้ป่วยต้องการ
00:06:10 → 00:06:13 รับคำปรึกษาหรือต้องการรับคำวินิจฉัย
00:06:13 → 00:06:16 สามารถมาติดต่อได้ที่ศูนย์ความเป็นเลิศ
00:06:16 → 00:06:19 ทางการแพทย์ลบพาร์กินสันและกลุ่มโรคความ
00:06:19 → 00:06:22 เคลื่อนไหวผิดปกติที่อาคารศธ.ชั้น 12 ได้
00:06:22 → 00:06:26 ค่ะหากพบว่าคนใกล้ชิดของท่านมีอาการเหล่า
00:06:26 → 00:06:31 นี้ขยิบตาย่นจมูกกระตุกมุมปากบิดคอยัก
00:06:31 → 00:06:35 ไหล่สะบัดมือกระตุกมือโดยมีอาการเหล่านี้
00:06:35 → 00:06:38 ซ้ำๆบ่อยๆเป็นๆหายๆเรื้อรังอย่าไปล้อ
00:06:38 → 00:06:40 เลียนหรือหยกล็อคเค้านะครับแต่ให้ตั้งข้อ
00:06:40 → 00:06:44 สงสัยว่าคนคนนั้นกำลังป่วยเป็นภาวะติ๊ก
00:06:44 → 00:06:46 และให้รีบมาพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อทำ
00:06:46 → 00:06:49 การวินิจฉัยและควบคุมรักษาการต่อไปครับ
00:06:49 → 00:06:52 ด้วยความปรารถนาดีจากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
00:06:52 → 00:06:53 สภากาชาดไทย
00:06:53 → 00:06:56 โน้ท
00:00:00 → 00:00:02 ถ้าค่าวัดอิเป็นภาวะความผิดปกติทางระบบ
00:00:02 → 00:00:05 ประสาททำให้มีอาการกระตุกของกล้ามเนื้อ
00:00:05 → 00:00:10 บริเวณใบหน้าคอลายแขนและมือโดยมีอาการ
00:00:10 → 00:00:12 เป็นเป็นหายหายอาจจะส่งผลให้เกิดปัญหา
00:00:12 → 00:00:15 ด้านจิตใจตามมาทำให้ขาดความมั่นใจโดนล้อ
00:00:15 → 00:00:18 จนเกิดความอับอายจึงส่งผลกระทบกับการใช้
00:00:18 → 00:00:21 ชีวิตในสังคมทำให้เกิดการแยกตัวออกจาก
00:00:21 → 00:00:24 สังคมได้ในวันนี้เราไปรับฟังสาระความรู้
00:00:24 → 00:00:27 กันครับว่าภาวะติ๊กคืออะไรมีอาการเป็น
00:00:27 → 00:00:30 อย่างไรและจะสามารถควบคุมรักษาอาการอย่าง
00:00:30 → 00:00:33 ไรบ้างครับเช็คคืออาการที่คนคนหนึ่งมี
00:00:33 → 00:00:36 ความรู้สึกจะต้องขยับส่วนใดส่วนหนึ่งหรือ
00:00:36 → 00:00:39 หลายๆส่วนของร่างกายหรือจะต้องเป็นเสียง
00:00:39 → 00:00:42 ออกมาโดยที่ตัวเองไม่สามารถควบคุมได้อาจ
00:00:42 → 00:00:45 จะควบคุมอาการได้ในบางสถานการณ์อย่างเช่น
00:00:45 → 00:00:49 ในสถานการณ์ที่มีคนเยอะอาจจะควบคุมอาการ
00:00:49 → 00:00:52 ได้ชั่วคราวแต่พอกลับไปถึงที่บ้านจะแสดง
00:00:52 → 00:00:55 อาการออกมาโดยที่ส่วนใหญ่อาการจะออกมามาก
00:00:55 → 00:00:58 กว่าปกติอาการพริกแบ่งเป็น 2 แบบแบบแรก
00:00:58 → 00:01:02 คือการก็ใส่เรียกว่ามอเตอร์ chic มอเตอร์
00:01:02 → 00:01:04 ชิคคืออาการที่คนไข้จะต้องขยับส่วนใดส่วน
00:01:04 → 00:01:08 หนึ่งของร่างกายถ้าจะต้องขยับแค่ส่วนเล็ก
00:01:08 → 00:01:10 ๆของร่างกายหรือกล้ามเนื้อมัดเดียวอย่าง
00:01:10 → 00:01:14 เช่นต้องกะพริบตาหรือว่ารู้สึกจะต้องยัก
00:01:14 → 00:01:16 ไหล่เป็นต้นจะเรียกว่าสิ่งเพื่อมอเตอร์
00:01:16 → 00:01:19 พริกหรือมอเตอร์พริกแบบง่ายแต่ว่าถ้าต้อง
00:01:19 → 00:01:22 ขยับหลายๆส่วนของร่างกายหรือขยับส่วน
00:01:22 → 00:01:24 หนึ่งเราต้องขยับอีกส่วนหนึ่งต่อเนื่องจะ
00:01:24 → 00:01:26 เรียกว่าคอมเพล็กซ์มอเตอร์เทคอย่างเช่น
00:01:26 → 00:01:30 ถ้าต้องเกร็งคอไปด้านหลังนานๆอาจจะเกิด
00:01:30 → 00:01:33 อันตรายต่อกระดูกสันหลังหรือใครสันหลัง
00:01:33 → 00:01:36 ได้ส่วนในเรื่องที่สองก็คือการเปลี่ยน
00:01:36 → 00:01:38 เสียงหรือเรียกว่าโฟนิคพริกหรือ focal
00:01:38 → 00:01:42 พริกนะคะซึ่งถ้าเป็นซิมโฟนิคพริกหรือว่า
00:01:42 → 00:01:45 โฟน x ถักง่ายผู้ป่วยจะมีการเปลี่ยนเสียง
00:01:45 → 00:01:48 ออกมาเท่านั้นอย่างเช่นเป็นการ grand
00:01:48 → 00:01:52 เสียงหรือทำเสียงครางออกมาแต่ว่าถ้ารู้
00:01:52 → 00:01:55 สึกว่าต้องพูดเป็นคำพูดออกมาจะเรียกว่า
00:01:55 → 00:01:58 คอมเพล็กซ์บวกโกธิคอย่างเช่นคนไข้อาจจะ
00:01:58 → 00:02:02 รู้สึกว่าต้องพูดคำมีคำออกมาหรือว่าบางคน
00:02:02 → 00:02:05 อาจจะพูดตามคนอื่นมันเป็นความรู้สึกที่
00:02:05 → 00:02:07 ผู้ป่วยไม่สามารถควบคุมได้ค่ะส่วนในผู้
00:02:07 → 00:02:10 ป่วยบางรายอาจจะมีอาการตรงกันข้ามกัน
00:02:10 → 00:02:14 อย่างเช่นแทนที่จะรู้สึกว่าจะต้องพูดหรือ
00:02:14 → 00:02:16 จะต้องขยับส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายอาจ
00:02:16 → 00:02:19 จะมีความรู้สึกว่าจะต้องเกร็งหรือหยุดการ
00:02:19 → 00:02:22 กระทำเราเรียกว่าบล็อกกิ้ง chic ค่ะเพราะ
00:02:22 → 00:02:24 ว่าเพื่อแต่กอล์ฟเป็นโรคที่พบได้บ่อยใน
00:02:24 → 00:02:26 เด็กนะครับโดยที่มีความสุขอยู่ที่ประมาณ
00:02:26 → 00:02:29 60 เปอร์เซ็นต์มักจะพบในช่วงอายุประมาณ
00:02:29 → 00:02:32 48 ปีนะครับแล้วก็พบในเพศชายมากกว่าเพศ
00:02:32 → 00:02:35 หญิงสำหรับสาเหตุการเกิดส่วนมากเนี่ยมัน
00:02:35 → 00:02:37 จะเกิดจากความผิดปกติทางด้านพันธุกรรม
00:02:37 → 00:02:40 ประกอบกับผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อมแต่
00:02:40 → 00:02:42 ว่าถ้าเกิดว่าภาวะพริกเนี่ยพบในแป๊บวัย
00:02:42 → 00:02:45 ผู้ใหญ่โดยที่ไม่เกินประวัติของอาการพริก
00:02:45 → 00:02:47 ในวัยเด็กมาก่อนเลยอาจจะจำเป็นต้องไปหา
00:02:47 → 00:02:50 สาเหตุเพิ่มเติมส่วนมากจะเป็นความผิดปกติ
00:02:50 → 00:02:53 ในสมองครั้งได้ใช้พริกนะคะเป็นการไม่ใช้
00:02:53 → 00:02:56 ตามอาการค่ะเพราะฉะนั้นถ้าคุณมีอาการดัง
00:02:56 → 00:02:59 ที่กล่าวไปแล้วมากกว่า 1 ปีเพราะใจไปใช้
00:02:59 → 00:03:03 ได้ก็ติดค่ะแต่ว่าถ้าคุณมีอาการมอเตอร์
00:03:03 → 00:03:06 เช็คร่วมกับโคเทคร่วมกับมีอาการพฤติกรรม
00:03:06 → 00:03:09 ดังที่จะกล่าวต่อไปนี้ก็จะได้ฉายว่าเป็น
00:03:09 → 00:03:10 to getting low เพื่อจัดการอันแรกก็
00:03:10 → 00:03:13 คือมีอาการสมาธิสั้นซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดใน
00:03:13 → 00:03:17 เด็กอายุ 46 ปีแล้วจะนำมาก่อนอาการทึกได้
00:03:17 → 00:03:19 อันที่สองก็คืออาการย้ำคิดย้ำทำซึ่งมักจะ
00:03:19 → 00:03:23 เกิดตามหลังทิศประมาณ 2-3 ปีอันที่สามก็
00:03:23 → 00:03:26 คือการมีภาวะกังวลมากกว่าปกติซึ่งเด็กๆ
00:03:26 → 00:03:28 อาจจะกังวลในเรื่องเล็กๆน้อยๆมากกว่าปกติ
00:03:28 → 00:03:32 ได้อันที่สี่ก็คือภาวะทางอารมณ์นะคะซึ่ง
00:03:32 → 00:03:35 ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของอาการซึมเศร้าผล
00:03:35 → 00:03:37 กระทบที่อาจจะเกิดขึ้นนะคะส่วนใหญ่ก็จะ
00:03:37 → 00:03:40 เป็นเรื่องของพฤติกรรมมากกว่าเพราะว่าพอ
00:03:40 → 00:03:43 เด็กไปโรงเรียนแล้วอาจจะมีพฤติกรรมบาง
00:03:43 → 00:03:46 ชนิดหรือว่าอาจจะมีการขยับตัวมากคือปกติ
00:03:46 → 00:03:49 หรือมีการเปล่งเสียงทำให้คนรอบข้างอาจจะ
00:03:49 → 00:03:51 เรียนได้นะคะโดยเฉพาะเพื่อนๆอีกอย่าง
00:03:51 → 00:03:55 หนึ่งก็คือคุณครูถ้าคุณครูไม่เข้าใจก็จะ
00:03:55 → 00:03:57 ทำให้เด็กเครียดมากขึ้นกว่าเดิมได้เพราะ
00:03:57 → 00:04:00 ฉะนั้นการที่เด็กได้รับความเข้าใจจากมาดู
00:04:00 → 00:04:03 และเพื่อนๆก็จะช่วยลดอาการของเด็กให้ดี
00:04:03 → 00:04:06 ขึ้นหรือว่าลดอาการเครียดของเด็กได้ค่ะ
00:04:06 → 00:04:09 แล้วแต่เพราะว่าผิดนะครับอาจจะต้องดูว่า
00:04:09 → 00:04:12 ปัญหาใดนะคะเป็นปัญหาเหล่าผู้ป่วยเพิ่ง
00:04:12 → 00:04:14 ผู้ป่วยทุกคนเนี่ยอาจจะไม่จำเป็นต้องได้
00:04:14 → 00:04:17 รับการรักษาก็ได้โดยปกติเนี่ยแพ้ก็จะทำ
00:04:17 → 00:04:20 การประเมินผู้ป่วยในรอบด้านทั้งด้านการ
00:04:20 → 00:04:22 เคลื่อนไหวภาวะทางด้านอารมณ์หัวโลกร่วม
00:04:22 → 00:04:25 เนี่ยถ้าเกิดว่าผู้ป่วยมีอาการค่อนข้าง
00:04:25 → 00:04:27 นอกอ้ะก็อาจจะไม่จำเป็นต้องได้รับการ
00:04:27 → 00:04:29 รักษาเลยถ้าเกิดว่าผู้ป่วยมีภาวะค่อนข้าง
00:04:29 → 00:04:32 รุนแรงอาจจะส่งผลต่อการใช้ชีวิตหรือว่า
00:04:32 → 00:04:34 การเข้าสังคมหรือว่าผู้ป่วยบางคนเนี่ยมี
00:04:34 → 00:04:37 อาการเยอะจนกระทั่งทำให้เกิดอันตรายหรือ
00:04:37 → 00:04:39 ว่าความเสียหายต่อสิ่งรอบข้างหรือว่าตัว
00:04:39 → 00:04:42 เองก็จะจำเป็นจะต้องได้รับการรักษาสำหรับ
00:04:42 → 00:04:45 การรักษาในปัจจุบันแบ่งออกเป็นหลัก 3
00:04:45 → 00:04:48 ชนิดชนิดแรกเนี่ยก็คือการทำกิจกรรมบำบัด
00:04:48 → 00:04:51 มีผัดไปก็คือการพญาเกิดนักสุดท้ายเนี่ย
00:04:51 → 00:04:53 คือการผ่าตัดฝังเครื่องกระตุ้นสมองส่วน
00:04:53 → 00:04:56 ลึกสำหรับการทำพฤติกรรมบำบัดก็จะเป็นการ
00:04:56 → 00:04:59 ฝึกฝนให้ผู้ป่วยเนี่ยได้เรียนรู้ถึงอาการ
00:04:59 → 00:05:00 ของตัวเองว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นเมื่อ
00:05:01 → 00:05:03 ไหร่หรือว่าอะไรเป็นสิ่งกระตุ้นฝึกฝนให้
00:05:03 → 00:05:05 เขาเนี่ยค่ะสังเกตแล้วก็หลีกเลี่ยงสิ่ง
00:05:05 → 00:05:08 กระตุ้นเหล่านั้นสำหรับการใช้ยาเนี่ยเรา
00:05:08 → 00:05:11 มักจะใช้ยาตามอาการของผู้ป่วยซึ่งยานั้น
00:05:11 → 00:05:13 มีอยู่ด้วยกันหลายกลุ่มด้วยกันสำหรับผู้
00:05:13 → 00:05:16 ป่วยที่มีอาการค่อนข้างน้อยเราจะเลือกใช้
00:05:16 → 00:05:19 ยาที่มีผลข้างเคียงค่อนข้างน้อยได้แก่ยา
00:05:19 → 00:05:22 กลุ่มยากันคักยานอนหลับหรือว่ายาลดเกร็ง
00:05:22 → 00:05:24 สำหรับยากลุ่มที่ 2 เนี่ยเราจะใช้ในผู้
00:05:24 → 00:05:27 ป่วยที่มีอาการค่อนข้างรุนแรงจะมีภาวะ
00:05:27 → 00:05:29 แทรกซ้อนจากอาชญากรรมข้างเยอะก็จะเป็นยา
00:05:29 → 00:05:32 กลุ่มยาจิตเวชหรือว่ายาลดการหลั่งตาโลตา
00:05:32 → 00:05:35 มีนซึ่งยาเหล่านี้จำเป็นจะต้องได้รับการ
00:05:35 → 00:05:37 ดูแลโดยแพทย์อย่างใกล้ชิดสำหรับการรักษา
00:05:37 → 00:05:39 สุดท้ายนะครับคือการผ่าตัดฝังเครื่อง
00:05:39 → 00:05:42 กระตุ้นสมองส่วนลึกมันจะใช้ในผู้ป่วยที่
00:05:43 → 00:05:46 อาการไม่ตอบสนองกับการทำพฤติกรรมบำบัด
00:05:46 → 00:05:48 หรือว่าได้รับการใช้ยาอย่างเหมาะสมแล้ว
00:05:48 → 00:05:51 สำหรับผู้ป่วยที่มีภาวะทิกาการเนี่ยมันก็
00:05:51 → 00:05:53 ดีขึ้นหลังจากที่ผู้ป่วยเข้าสู่ช่วงวัย
00:05:53 → 00:05:56 รุ่นอยู่ว่าผู้ใหญ่ตอนต้นโดยทั่วไปเนี่ย
00:05:56 → 00:05:58 ผู้ป่วย 1 ใน 3 เนี่ยมันจะมีอาการดีขึ้น
00:05:58 → 00:06:01 ด้วยนะทั้งหายไปมีอีก 1 ใน 3 เนี่ยอาจจะ
00:06:01 → 00:06:03 ดีขึ้นเล็กน้อยอาจจะมีอาการเหลืออยู่ใน
00:06:03 → 00:06:05 อีกน้อยส่วนที่เหลืออีกหนึ่งในสามเนี่ย
00:06:05 → 00:06:07 อาการอาจจะเท่าเดิมแล้วก็มีอาการเป็น
00:06:07 → 00:06:10 เป็น่หายในระยะถัดไปได้ถ้าผู้ป่วยต้องการ
00:06:10 → 00:06:13 รับคำปรึกษาหรือต้องการรับคำวินิจฉัย
00:06:13 → 00:06:16 สามารถมาติดต่อได้ที่ศูนย์ความเป็นเลิศ
00:06:16 → 00:06:19 ทางการแพทย์ลบพาร์กินสันและกลุ่มโรคความ
00:06:19 → 00:06:22 เคลื่อนไหวผิดปกติที่อาคารศธ.ชั้น 12 ได้
00:06:22 → 00:06:26 ค่ะหากพบว่าคนใกล้ชิดของท่านมีอาการเหล่า
00:06:26 → 00:06:31 นี้ขยิบตาย่นจมูกกระตุกมุมปากบิดคอยัก
00:06:31 → 00:06:35 ไหล่สะบัดมือกระตุกมือโดยมีอาการเหล่านี้
00:06:35 → 00:06:38 ซ้ำๆบ่อยๆเป็นๆหายๆเรื้อรังอย่าไปล้อ
00:06:38 → 00:06:40 เลียนหรือหยกล็อคเค้านะครับแต่ให้ตั้งข้อ
00:06:40 → 00:06:44 สงสัยว่าคนคนนั้นกำลังป่วยเป็นภาวะติ๊ก
00:06:44 → 00:06:46 และให้รีบมาพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อทำ
00:06:46 → 00:06:49 การวินิจฉัยและควบคุมรักษาการต่อไปครับ
00:06:49 → 00:06:52 ด้วยความปรารถนาดีจากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
00:06:52 → 00:06:53 สภากาชาดไทย
00:06:53 → 00:06:56 โน้ท