00:00:00 → 00:00:02 ก็สวัสดีครับหัวข้อที่หมอจะมาเล่าให้ทุก
00:00:02 → 00:00:06 ท่านฟังวันนี้ก็คือเราจะรู้ได้ยังไงว่าคน
00:00:06 → 00:00:09 ที่เรารักเป็นเบาหวานแล้วรึยังก่อนอื่น
00:00:09 → 00:00:12 เลยเนี่ยหลายท่านคงจะทราบกันดีแล้วว่าโรค
00:00:12 → 00:00:15 เบาหวานเกิดจากภาวะที่ร่างกายไม่สามารถ
00:00:15 → 00:00:18 เอาน้ำตาลไปใช้ได้ทำให้น้ำตาลค้างในหลอด
00:00:18 → 00:00:21 เลือดมากเกินไปน้ำตาลเลยไปทำลายอวัยวะ
00:00:21 → 00:00:24 ส่วนต่างๆส่วนคนที่ไม่เป็นเบาหวานร่างกาย
00:00:24 → 00:00:28 เขาสามารถเอาน้ำตาลไปใช้ได้ตามปกติทำให้
00:00:28 → 00:00:30 มีน้ำตาลครั้งในหลอดเลือดก็เลยไม่เป็นโรค
00:00:30 → 00:00:33 เบาหวานตรวจเลือดก็จะไม่เจอน้ำตาลสูงใน
00:00:33 → 00:00:35 เลือดแล้วการเจาะเลือดค่าไหนล่ะที่บ่งบอก
00:00:35 → 00:00:39 ว่าเราเป็นเบาหวานแล้วหรือยังหมอจะดูด้วย
00:00:39 → 00:00:43 กันสองข้าก็คือค่าที่เราไปตรวจเลือดหลัง
00:00:43 → 00:00:46 จากที่เราอดอาหาร 8 ชั่วโมงตอนเช้าข้าว
00:00:46 → 00:00:49 แรกก็คือฟาสติ้งบัตร Sugar ค่าที่สองคือ
00:00:49 → 00:00:53 เอวันซีเรามาดูค่าแรกกันก่อนนะครับ
00:00:53 → 00:00:56 ฟาสติ้งบัตรชูก้าหรือมีอีกชื่อหนึ่งว่า
00:00:56 → 00:01:00 sbs หรือเขาอาจจะเขียนว่า Sugar ก็จะ
00:01:00 → 00:01:04 เขียนแค่ฟาสติ้ง Sugar ก็ได้ค่านี้มีค่า
00:01:04 → 00:01:07 ปกติไม่เกิน 100 นะครับส่วนคนที่เริ่มมี
00:01:07 → 00:01:10 ความเสี่ยงเบาหวานก็จะมีค่าอยู่ระหว่าง
00:01:10 → 00:01:13 100 ถึง 120 5 คนที่เป็นเบาหวานแล้วคือ
00:01:13 → 00:01:16 เกินร้อย 25 ขึ้นไปหมอจะเจาะ 2 ครั้งด้วย
00:01:16 → 00:01:20 กันถ้าเกิดครั้งหนึ่งเกิน 125 ร่วมกับ
00:01:20 → 00:01:23 ครั้งสองเกิน 125 แปลว่าเราเป็นเบาหวาน
00:01:23 → 00:01:26 แล้วนะครับปีกค่านึงเราจะเรียกว่าเอวันซี
00:01:26 → 00:01:30 หรือว่าฮีโมโกลบินเอวันซีหรือที่เขาเขียน
00:01:30 → 00:01:32 ในใบแลป hb
00:01:32 → 00:01:35 เอวันซีตัวนี้จะแม่นยำกว่าค่าแรกนะครับ
00:01:35 → 00:01:39 เพราะว่าเป็นค่าน้ำตาลเฉลี่ยใน 2-3 เดือน
00:01:39 → 00:01:43 ที่ผ่านมาในคนปกติค่าเอวันซีจะไม่เกิน 5.7
00:01:43 → 00:01:46 ในคนที่มีความเสี่ยงเบาหวานจะอยู่ระหว่าง
00:01:46 → 00:01:49 5.7 ถึง 6.4 แต่คนที่เป็นเบาหวานแล้วจะ
00:01:49 → 00:01:52 เกิน 6.5 ค่านี้เจาะแค่ทีเดียวก็วินิจฉัย
00:01:52 → 00:01:55 เบาหวานได้เลยเพราะว่าแม่นยำมากกว่าสอง
00:01:55 → 00:01:58 ค่านี้มีประโยชน์อะไรครับมีประโยชน์ในการ
00:01:58 → 00:02:02 ติดตามการรักษาแม้ว่าการปรับพฤติกรรมดี
00:02:02 → 00:02:05 ขึ้นหรือเปล่าสมมติว่าคนไข้คนหนึ่งมาเจาะ
00:02:05 → 00:02:06 เลือดได้
00:02:06 → 00:02:10 126 แล้วเขาไปปรับพฤติกรรมพอผ่านมาอีก 3
00:02:10 → 00:02:13 เดือนเจาะแล้วค่าเหลือ 90 แปลว่าคนนี้
00:02:13 → 00:02:17 ปรับพฤติกรรมดีเอาไว้ตรวจติดตามได้แต่ถ้า
00:02:17 → 00:02:21 คุณหมอเพิ่มยามาจาก 2 ตัวเป็น 3 ตัวแล้ว
00:02:21 → 00:02:24 ค่าพรุ่งนี้ลดลงแต่ว่าน้ำตาลลดลงแต่ว่า
00:02:24 → 00:02:27 ไม่ได้หมายความว่าตัวโลกดีขึ้นเพราะเรา
00:02:27 → 00:02:29 ต้องเพิ่มยาเพิ่มขึ้นจริงไหมครับดังนั้น
00:02:29 → 00:02:32 เนี่ยค่านี้ไม่ได้บ่งบอกว่าตัวโลกเราจะดี
00:02:32 → 00:02:35 ขึ้นไหมแต่บ่งบอกว่าเราปรับพฤติกรรมได้ดี
00:02:35 → 00:02:38 ขึ้นหรือเปล่าอันนี้เราสามารถเอามาใช้ได้
00:02:38 → 00:02:41 สองค่านี้เป็นการบ่งบอกค่าน้ำตาลณ
00:02:41 → 00:02:45 ปัจจุบันแต่ถ้าเกิดเราอยากรู้ว่าอนาคตคน
00:02:45 → 00:02:47 นี้เป็นเบาหวานหรือเปล่าอยากทำนายอนาคต
00:02:47 → 00:02:51 ได้เลยเนี่ยให้ดูพฤติกรรมนะครับสามารถดู
00:02:51 → 00:02:55 ได้ว่าคนๆนึงจะเป็นเบาหวานมากหรือน้อยดู
00:02:55 → 00:02:57 ได้จับพฤติกรรมของเขาเลยโดยที่ไม่จำเป็น
00:02:57 → 00:03:00 ต้องดูจากผลเลือดเลยด้วยซ้ำเพราะฉะนั้นนะ
00:03:00 → 00:03:03 ครับดูอาหารมื้อต่อไปของคุณให้ดีถ้าเกิด
00:03:03 → 00:03:06 ว่าเรากินดีโอกาสที่ฆ่าพวกนี้จะผิดปกติก็
00:03:06 → 00:03:10 น้อยมากๆสุดท้ายหมออยากจะฝากไว้ประโยค
00:03:10 → 00:03:13 หนึ่งค่าน้ำตาลบ่งบอกภาวะปัจจุบันแต่
00:03:13 → 00:03:17 พฤติกรรมทำนายได้ถึงอนาคตหายเบาหวานไป
00:03:17 → 00:03:21 ด้วยกันนะครับผมหมอแบงค์รสยา