00:00:06 → 00:00:09 คือภาวะที่บุคคลเนี่ยสิ้นยินดีและกับความ
00:00:09 → 00:00:12 สุขในชีวิตมันเห็นอะไรก็ไม่มีความสุขอ่ะ
00:00:12 → 00:00:14 อะไรที่ฉันเคยยินดีกับสิ่งนี้เช่นฉันเคย
00:00:14 → 00:00:17 ยินดีกับซีรีย์ฉันก็ยินดีกับหมูกระทะฉัน
00:00:17 → 00:00:20 ก็ยินดีกับชานมไข่มุกก็คือไม่ไม่แฮปปี้
00:00:20 → 00:00:23 กับมันแล้วไม่ยินดีกับมันแล้วนั่นคือภาวะ
00:00:23 → 00:00:25 ที่ผมเป็นคำที่มันเห็นภาพชัดมากสำหรับคน
00:00:25 → 00:00:27 ที่เป็นโรคซึมเศร้าเนี่ยก็คืออะไรที่มัน
00:00:27 → 00:00:30 เคยมีความสุขอ่ะมันๆไม่สุขอีกต่อไปแล้ว
00:00:30 → 00:00:33 มันหมดแรงจูงใจที่จะใช้ชีวิตรู้สึกตัวเอง
00:00:33 → 00:00:37 ไร้คุณค่าก็คือเป็นภาระของคนอื่นของสังคม
00:00:37 → 00:00:40 รู้สึกไม่มีแรงอยากลุกขึ้นไปทำอะไรนั่น
00:00:40 → 00:00:44 คือแล้วมันก็คือเป็นแบบเนี้ยเกือบทั้งวัน
00:00:44 → 00:00:45 [เพลง]
00:00:45 → 00:00:49 ฟังทุกเรื่องสุขภาพอัปเดตทุกโรคภัยฟังราย
00:00:49 → 00:00:55 การโรงหมอกาชิชั้นสุรีพรวงสถิตพรค่ะ
00:00:55 → 00:00:58 สวัสดีค่ะคุณผู้ฟังคะขอต้อนรับเข้าสู่ราย
00:00:58 → 00:01:01 การโรงหมอทาง Thai PBS podcast ค่ะวัน
00:01:01 → 00:01:03 นี้เรามาพบกันเช่นเคยนะคะติดตามเรื่องราว
00:01:03 → 00:01:06 ในวันนี้กันได้น่าสนใจมากบอกเลยนะคะ
00:01:06 → 00:01:09 เกี่ยวกับเรื่องของโรคซึมเศร้าแบบศักยภาพ
00:01:09 → 00:01:12 สูงเป็นยังไงอ่ะซึมเศร้าแล้วยังศักยภาพ
00:01:12 → 00:01:15 สูงอีกคือหมายถึงว่า High Level ซึม
00:01:15 → 00:01:17 เศร้าหรอหรือยังไงนะคะเดี๋ยวคุยกับดร
00:01:17 → 00:01:20 สุพัฒน์แสนแจ่มใสอาจารย์และนั้นจิตวิทยา
00:01:20 → 00:01:22 เด็กสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและ
00:01:22 → 00:01:25 ครอบครัวมหาวิทยาลัยมหิดลค่ะสวัสดีค่ะ
00:01:25 → 00:01:28 อาจารย์ค่ะสวัสดีครับ
00:01:29 → 00:01:33 หัวข้อนี้อันนี้ไปเจอมาเป็นเป็นบทความนึง
00:01:33 → 00:01:36 ที่น่าสนใจพออ่านแล้วแบบเฮ้ยถูกคิดเลยเลย
00:01:36 → 00:01:38 บอกว่าขออาจารย์คุยเรื่องนี้ด้วยโรคซึม
00:01:38 → 00:01:41 เศร้าแบบศักยภาพสูงอย่างที่เกริ่นไว้คือ
00:01:41 → 00:01:43 หมายถึงว่าเป็นซึมเศร้าแบบ High Level
00:01:43 → 00:01:44 คือแบบฉัน
00:01:44 → 00:01:46 ไปอีกอย่างนี้หรอคะอาจารย์มันคืออะไรคะ
00:01:46 → 00:01:50 อาจารย์ครับว่าโอ้ได้ยินชื่อนี้เป็นครั้ง
00:01:50 → 00:01:53 แรกเหมือนกันแล้วก็เดี๋ยวโอเคเราอ่าน
00:01:53 → 00:01:57 เนื้อหาแล้วก็อ่าขึ้นมาได้คือเอ่อ
00:01:57 → 00:02:00 ต้องตอบคำถามก่อนว่า
00:02:00 → 00:02:04 ใครฟังก์ชันเอ่อ depression ใช่ไหมครับ
00:02:04 → 00:02:06 คือไม่ใช่การ present ซึมเศร้าแบบสูงมาก
00:02:06 → 00:02:08 หรือว่าเศร้าหนักๆมากๆไม่ใช่เนอะแต่ว่า
00:02:08 → 00:02:11 ถ้าไปฟังคือเหมือนยังเป็นซึมเศร้าที่ยัง
00:02:11 → 00:02:14 ทำงานได้ดีอยู่คือ High function คือโดย
00:02:14 → 00:02:17 จับก็คือยังสามารถปฏิบัติงานใช้ชีวิตได้
00:02:17 → 00:02:20 ได้อย่างดีแต่ว่าฉันมีภาวะซึมเศร้า
00:02:20 → 00:02:27 คือคนเป็นซึมเศร้าคือก็เป็นซึมเศร้าเลย
00:02:27 → 00:02:34 จะไม่ทำอะไรเลย
00:02:34 → 00:02:38 สิ้นยินดีและกับความสุขในชีวิตมันเห็น
00:02:38 → 00:02:41 อะไรก็ไม่มีความสุขอ่ะอาจารย์ใช้คำว่า
00:02:41 → 00:02:44 สิ้นยินดีมันจะเห็นภาพชัดมากคือสิ้นยินดี
00:02:44 → 00:02:46 คืออะไรที่ฉันเคยยินดีกับสิ่งนี้เช่นฉัน
00:02:46 → 00:02:48 เคยยินดีกับซีรีย์ฉันก็ยินดีกับหมูกระทะ
00:02:48 → 00:02:52 ฉันเคยยินดีกับชานมไข่มุกก็คือไม่ไม่
00:02:52 → 00:02:55 แฮปปี้กับมันแล้วไม่ยินดีกับมันแล้วนั่น
00:02:55 → 00:02:57 คือภาวะที่ผมว่าเป็นคำที่มันเห็นภาพชัด
00:02:57 → 00:02:59 มากสำหรับคนที่เป็นโรคซึมเศร้าเนี่ยก็คือ
00:02:59 → 00:03:02 อะไรที่มันเคยมีความสุขอ่ะมันไม่สุกอีก
00:03:02 → 00:03:05 ต่อไปแล้วมันหมดแรงจูงใจที่จะใช้ชีวิตรู้
00:03:05 → 00:03:09 สึกตัวเองไร้คุณค่าหรือเป็นภาระของคนอื่น
00:03:09 → 00:03:12 ของสังคมรู้สึกไม่มีแรงอยากลุกขึ้นไปทำ
00:03:12 → 00:03:15 อะไรนั่นคือแล้วมันก็คือเป็นแบบนี้เกือบ
00:03:15 → 00:03:18 ทั้งวันคือชื่อภาษาอังกฤษของโรคซึมเศร้า
00:03:18 → 00:03:21 คือเมเจอร์ depressive disorder มันมีคำ
00:03:21 → 00:03:24 ว่า Major แน่ๆแล้วเมเจอร์ก็คือใหญ่นะ
00:03:24 → 00:03:27 ครับ Major คือใหญ่นั้นมันอยู่ข้างหน้า
00:03:27 → 00:03:29 depressive desolder คือไอ้ depressive
00:03:29 → 00:03:31 หรือความซึมเศร้าเนี่ยมันเป็นใหญ่ในชีวิต
00:03:31 → 00:03:33 อ่ะเออมันนำกูทุกอย่าง
00:03:33 → 00:03:36 ให้มันเป็นโทนหลักของชีวิตคนนั้นน่ะงั้น
00:03:36 → 00:03:38 เค้าก็จะ
00:03:38 → 00:03:41 อยู่กับความซึมเศร้ากับความรู้สึกเศร้าๆ
00:03:41 → 00:03:43 อารมณ์เศร้านั้นเป็นหลักมันคือโรคซึม
00:03:43 → 00:03:44 เศร้าแต่ทีนี้
00:03:44 → 00:03:47 มันก็จะกลายมากเอ้ยมันก็มีบางคนรู้สึกฉัน
00:03:47 → 00:03:49 ก็เศร้านะฉันเนี่ยฉันทำ checklist เนี่ย
00:03:49 → 00:03:51 ของกรมสุขภาพจิตเนี่ยโอ้คะแนนมันก็ขึ้น
00:03:51 → 00:03:53 อะไรอย่างเงี้ยเนาะมันก็คะแนนมันก็เข้า
00:03:53 → 00:03:55 ข่ายนะครับ
00:03:55 → 00:03:57 ซึ่งน้องข้อคำถามมันก็คือเราอ่านแล้วก็
00:03:57 → 00:04:00 มันจะเริ่มจะเป็นหรือไม่เป็นมันก็ฝึกแล้ว
00:04:00 → 00:04:03 แต่แล้วแต่เราประเมินทีนี้แต่มันก็จะมี
00:04:03 → 00:04:08 ภาวะซึมเศร้าหรืออารมณ์เศร้า
00:04:08 → 00:04:12 กันก็คือถ้าปกติเลยคือเราเศร้าก่อนเรามี
00:04:12 → 00:04:15 ความเศร้าแซดเสียใจ
00:04:15 → 00:04:18 ซื้อของไม่ทันที่เขาแซวนะเราก็เศร้า
00:04:18 → 00:04:23 เพื่อนไม่มากตัวละครไม่ทัน
00:04:23 → 00:04:26 เศร้ามีเหตุการณ์ปุ๊บเราเศร้าเราเสียใจ
00:04:26 → 00:04:29 แม้ว่าป่วยเสียใจทีนี้แต่ถ้าความเสียใจนะ
00:04:29 → 00:04:33 เนี่ยยังคงอยู่เช่นอารมณ์ค้างเค้าก็ยัง
00:04:33 → 00:04:34 ไม่คืนดีเนาะ
00:04:34 → 00:04:37 อ่อนไม่ได้ใช่หลายเดือนหลายเดือนแล้ว
00:04:37 → 00:04:40 ซึ่งไอ้การคุยแล้วเนี่ยมันก็มีผลนะทำให้
00:04:40 → 00:04:43 เราไม่ค่อยกระชุ่มกระชวยไม่ค่อยอยากกิน
00:04:43 → 00:04:46 อะไรเอ่อแต่ไปพอไปทำงานนะไปทำงานได้แล้ว
00:04:46 → 00:04:49 แต่ว่ามันไม่สดใส
00:04:49 → 00:04:52 อันนั้นก็คือเขาเรียกว่าเป็นอาจจะเป็น
00:04:52 → 00:04:55 ภาวะ
00:04:55 → 00:04:58 โจทย์นึงคือมีภาวะช่วงหนึ่งถูกต้องแต่ว่า
00:04:58 → 00:05:01 ยังคงฟังก์ชันอื่นๆได้ยังไม่กินยังไม่มี
00:05:01 → 00:05:03 คำว่า Major อยู่ข้างหน้าก็คือเป็นไป
00:05:03 → 00:05:05 ดีเพลสซึ่ง depress เนี่ยมันอาจจะอยู่แส้
00:05:05 → 00:05:09 อยู่ในสิ่งที่เราแบบเครียดมากๆหรือบางคน
00:05:09 → 00:05:12 fobia เจ้าเคยคือพูดถึงเรื่อง 4 คนกลัว
00:05:12 → 00:05:14 มากๆบางอย่างก็อาจจะเกิด depress Episode
00:05:14 → 00:05:17 ได้คือฉันก็รู้สึกเศร้าๆเพราะว่าเข้าไป
00:05:17 → 00:05:20 เจอคุณเขาไม่ได้เพราะกลัวที่โล่งแจ้งกลัว
00:05:20 → 00:05:23 คนเยอะอยู่กับบ้านเขาก็เศร้าๆได้เขาเพิ่ง
00:05:24 → 00:05:26 เกิดการสูญเสียคนใกล้ชิดมันก็มีช่วยเขา
00:05:26 → 00:05:27 ต้องเศร้าๆสัก 1-2 เดือน
00:05:27 → 00:05:30 นั่นคือภาวะ repress เอ่อ Episode ก็คือ
00:05:30 → 00:05:32 depress Wood ที่มันเกิดขึ้นได้แต่มัน
00:05:32 → 00:05:35 ยังเพราะว่าอันอื่นยังคงยังไปทำงานยังพบ
00:05:35 → 00:05:37 เจอเพื่อนอยากทำกิจกรรมอะไรบางอย่างเพื่อ
00:05:37 → 00:05:40 ชวนไปกินชานมไข่มุกอ่าไปๆๆๆแต่ก็ไม่ได้
00:05:40 → 00:05:44 แบบเฮ้ยฉันไม่รู้ไม่ได้แต่ว่าพอไปกินได้
00:05:44 → 00:05:46 แต่ถ้าเป็นโรคซึมเศร้าเนี่ยอันนั้นน่ะก็
00:05:46 → 00:05:47 จะสิ้นยินดีครับ
00:05:47 → 00:05:51 เคลียร์ก่อนว่าคำว่าโรคซึมเศร้าภาวะซึม
00:05:51 → 00:05:53 เศร้าและอารมณ์เศร้ามันก็มีดีกรีความเข้ม
00:05:54 → 00:05:57 ข้นของมันแตกต่างกันไปสีย้อนกลับมาที่
00:05:57 → 00:06:05 อะไรนะ Higher function สูง
00:06:05 → 00:06:08 ขึ้นมาหลายๆอย่างนั้นเลยมองว่าอันนี้อาจ
00:06:08 → 00:06:12 จะไม่ใช่โรคที่จะไม่ใช่โรคในเชิงการ
00:06:12 → 00:06:14 วินิจฉัยคือต้องบอกว่าในการวินิจฉัยทาง
00:06:14 → 00:06:17 การแพทย์มันก็จะมีมีข้อพิจารณาอยู่หลักๆ
00:06:17 → 00:06:21 ก็คือโรคนั้นจะต้องเหมือนเราเคยพูดไปใน
00:06:21 → 00:06:23 เทปก่อนเนาะเพราะฉะนั้นจะต้องเหนือคือ
00:06:23 → 00:06:26 กระทบต่อการทำงานในชีวิตประจำวันทำงานไม่
00:06:26 → 00:06:30 ได้ทำงานได้แย่ลงนะครับ 2 คือการดูแล
00:06:30 → 00:06:33 สุขภาพอนามัยผลกระทบอาจจะแย่ไปหรือหรือดู
00:06:33 → 00:06:36 แลเป็นพิเศษมากจนเกินไปแล้วก็สูญเสีย
00:06:36 → 00:06:39 เรื่องความสัมพันธ์
00:06:39 → 00:06:44 เป็นโรคทางจิตเวชแต่ถ้าฟังดูจากชื่อ High
00:06:44 → 00:06:46 function ปุ๊บเนี่ยไม่น่าจะในเชิงโรค
00:06:46 → 00:06:47 จิตเวชละอ๋อ
00:06:47 → 00:06:59 [เพลง]
00:06:59 → 00:07:03 ถ้าโดยโดยความหมายที่ที่พูดถึงในแหล่งใน
00:07:03 → 00:07:06 แหล่งสื่อนี้เนาะก็คือการที่คนๆนึงเนี่ย
00:07:06 → 00:07:09 ทำงานได้ปกติแหละแต่มันจะมีความรู้สึกว่า
00:07:09 → 00:07:13 มันทำมันทำไปถึงจุดหนึ่งก็รู้สึกไม่เต็ม
00:07:13 → 00:07:16 รู้สึกเพียงเคว้งคว้างยังรู้สึกแบบเหงาๆ
00:07:16 → 00:07:19 ในใจนะครับ
00:07:19 → 00:07:22 ผมมองว่าในแง่นี้เป็นเรื่องของทางด้าน
00:07:22 → 00:07:24 บุคลิกภาพคนๆนั้นมากกว่า
00:07:24 → 00:07:27 ครับที่พี่ที่เขารู้สึกว่าทำอะไรก็รู้สึก
00:07:27 → 00:07:31 มันมันไม่ถึงจุดที่เขาจะรู้สึก success
00:07:31 → 00:07:34 กับมันรู้สึกสำเร็จกับมันรู้สึกมันไปไม่
00:07:34 → 00:07:37 ถึงสักทีนึงแต่ว่าไปถึงก็ยังไม่
00:07:37 → 00:07:42 ภูมิใจกับสิ่งๆนั้น
00:07:42 → 00:07:47 หมายถึงว่าจริงๆมันมันดีแล้วแหละมันดี
00:07:47 → 00:07:50 แล้วแหละ
00:07:50 → 00:07:53 ขอบคุณมากเลยพี่แต่เขารู้สึกว่ามันยังไม่
00:07:53 → 00:07:56 ถึง Standard ที่เขาเขาว่างไว้ด้วยตัวเขา
00:07:56 → 00:08:00 เองไงวางไว้สูงมากถูกต้องโดยโดยพื้นฐาน
00:08:00 → 00:08:02 ของคนกลุ่มนี้นะครับที่อาจจะเข้าข่าย
00:08:02 → 00:08:05 ไฮฟั่งชั่น depress เนี่ยน่าจะมีพื้น
00:08:05 → 00:08:07 ประสิทธิภาพที่เรียกว่า perfectionist ก็
00:08:07 → 00:08:11 คือเป็นพวกแบบยึดติดกับความสมบูรณ์แบบ
00:08:11 → 00:08:13 ทำอะไรมันต้องแบบสมบูรณ์มันต้องไม่มีจุด
00:08:13 → 00:08:17 ที่จะวิพากษ์วิจารณ์ได้มันต้องแบบเขา
00:08:17 → 00:08:18 เรียกว่าถ้าหวังคะแนนเต็ม 10 มันต้องได้
00:08:18 → 00:08:21 10 อ่ะแน่ๆ A คือต้อง a มันจะมาแบบคาบ
00:08:21 → 00:08:26 เกี่ยวเอกับ b+ มันไม่โอเคละ
00:08:26 → 00:08:29 เขาก็จะรู้สึกมันต้องไปถึงจุดๆนั้นหรือ
00:08:29 → 00:08:31 ท่ามกลางผู้คนมากมายเนี่ยเขาอาจจะรู้สึก
00:08:31 → 00:08:35 ไม่มีใครเข้าใจเขาไม่มีเพื่อนอะไรเงี้ย
00:08:35 → 00:08:37 ที่เขาจะเข้าใจได้แต่ว่าถ้าเป็น
00:08:37 → 00:08:40 perfectionist ขนาดนี้ความสมบูรณ์แบบใน
00:08:40 → 00:08:44 ตัวตนขนาดนี้มันไปซึมเศร้ายังไงคะ
00:08:44 → 00:08:46 ความซึมเศร้ามากเขาไม่รู้ว่าเขาจะไปถึง
00:08:46 → 00:08:50 จุดไหนที่เขาจะพอใจ
00:08:50 → 00:08:54 หายเลเวลขนาดนั้นแล้วนะ
00:08:54 → 00:08:56 ครับ
00:08:56 → 00:09:00 ที่ผมผมเคยเจอเคสนี้เนาะนะครับเคสที่เคย
00:09:00 → 00:09:01 เจอเนี่ยเคสเหล่านี้
00:09:01 → 00:09:05 สุดท้ายเนี่ยจุดที่เขาพอใจคือจุดที่ทำให้
00:09:05 → 00:09:08 คนที่เขาอยากให้ภูมิใจเนี่ยภูมิใจ
00:09:08 → 00:09:13 อ๋อคือส่วนใหญ่คนเหล่านี้เขาอาจจะต้องการ
00:09:13 → 00:09:17 การยอมรับจากคนสำคัญของเขาเช่นพ่อหรือแม่
00:09:17 → 00:09:19 ครับ
00:09:19 → 00:09:21 ซึ่งมันเป็นผลมาจากการเลี้ยงดูในวัยเด็ก
00:09:21 → 00:09:24 ของเขาที่อาจจะแบบน้องอาจจะพยายามจะอวด
00:09:24 → 00:09:27 งานฝีมือเนาะวาดภาพไปแล้วก็ให้แม่พ่อหรือ
00:09:27 → 00:09:32 วัดอื่นไหมโอ้แค่นี้ยังลุกไปวัดใหม่ดี
00:09:32 → 00:09:38 กว่าไหม
00:09:38 → 00:09:40 ไปอด
00:09:40 → 00:09:44 นี่ผมได้เกรดๆหนูได้ 4.00 นด้วยเทอมนี้
00:09:44 → 00:09:47 ได้กี่คนหรอที่ห้อง
00:09:47 → 00:09:50 ลูกนี้ยิ้มกว้างแล้วนะเพราะแม่ถามกี่คน
00:09:50 → 00:09:52 ที่ได้ในห้องปั๊บยิ้มหุบเลย
00:09:52 → 00:09:55 คือมันไม่พออ่ะขนาด 40 แล้วว่าพร้อมนะ
00:09:55 → 00:09:59 แล้วไม่ต้องไม่พอไม่พอไม่พอ
00:09:59 → 00:10:04 3.93 อ่ะทำไมไม่ได้ 4 ล่ะไม่พออีกเพื่อน
00:10:04 → 00:10:10 นะ
00:10:10 → 00:10:13 แขกโอลิมปิก
00:10:13 → 00:10:16 ที่โรงเรียนไปกันกี่คน
00:10:16 → 00:10:19 ที่แบบเออเมื่อไหร่ที่ฉันจะทำให้พ่อแม่
00:10:19 → 00:10:25 ภูมิใจได้เนาะมาตรฐานสูงมาก
00:10:25 → 00:10:29 เมื่อไหร่ที่พ่อแม่เขาจะภูมิใจ
00:10:29 → 00:10:32 มันๆก็เลยเป็นๆตรงเนี้ยที่ว่าเฮ้ยพอทำงาน
00:10:32 → 00:10:34 อะไรก็ตามคือมันไม่รู้ว่าจะไปจุดไหนที่
00:10:34 → 00:10:36 เขาจะภูมิใจหรือพอใจ
00:10:36 → 00:10:40 มันอาจจะคืออยู่ที่พ่อแม่นี่แหละก็คือวัน
00:10:40 → 00:10:44 ที่พ่อแม่รับรู้ถึงความสามารถหรือภูมิใจ
00:10:44 → 00:10:47 ในตัวลูกคนนี้มันอาจจะปลดล็อคได้แต่ถ้า
00:10:47 → 00:10:51 ตราบใดที่พ่อแม่ก็ยังยังแสดงท่าทีแบบนั้น
00:10:51 → 00:10:55 ไม่มีคำพูดที่จะปลอบให้กำลังใจหรือชมเชย
00:10:55 → 00:10:58 แก้อาจจะยังต้องไปก็คือยังเป็น Over
00:10:58 → 00:11:00 Standard ตอนนั้นต่อไปเรื่อยๆอันนี้มัน
00:11:00 → 00:11:03 จะเกิดกับพ่อแม่ที่แบบว่าเป็นคนที่มีความ
00:11:03 → 00:11:06 รู้ความสามารถสูงๆเยอะๆเอ่อเป็น
00:11:06 → 00:11:08 professionist อยู่แล้วด้วยหรือเปล่าเลย
00:11:08 → 00:11:11 ทำให้ลูกต้องแบบก็มาตรฐานสูงตามไปด้วยก็
00:11:11 → 00:11:14 มีแนวโน้มด้วยครับแล้วก็จริงๆก็อาจจะพบ
00:11:14 → 00:11:17 ได้กับกลุ่มพ่อแม่ที่ไม่ค่อยแสดงอารมณ์
00:11:17 → 00:11:20 ต่อต่อลูกหรือไม่ค่อยสื่อสารกับลูกเช่น
00:11:21 → 00:11:24 พ่อแม่ที่อาจจะทำทำงานหนักๆเนาะแต่มันก็
00:11:24 → 00:11:27 ไม่มีเวลาที่จะมาดูมาชมหรือไม่ค่อยมีก็
00:11:27 → 00:11:29 เลยไม่ค่อยมีเอ่อ
00:11:29 → 00:11:32 ความผูกพันทางอารมณ์ซึ่งกันและกันมากมาย
00:11:32 → 00:11:36 นักก็จะเป็นแบบนั้นได้เข้าใจนะคะว่าอย่าง
00:11:36 → 00:12:08 บาง
00:12:08 → 00:12:12 เตรียมเล่าเรื่องนี้อย่างภาคภูมิใจไปกับ
00:12:12 → 00:12:15 บ้านเนี่ยเจอพ่อแม่นี้เขาก็เขาก็ช็อตขึ้น
00:12:15 → 00:12:17 มาแล้วซ้ำแล้วซ้ำเล่าซ้ำแล้วซ้ำเล่าเนี่ย
00:12:17 → 00:12:20 มันก็จะเกิดความรู้สึกสงสัยและเคลือบแคลง
00:12:20 → 00:12:23 สงสัยมีความสามารถตัวเองนั้นข้อดีคือเขา
00:12:23 → 00:12:25 พยายามจะพัฒนาตัวเองตลอดเวลากลุ่มนี้ก็จะ
00:12:25 → 00:12:32 พยายามจะพัฒนาตัวเองเนาะ
00:12:32 → 00:12:35 [เพลง]
00:12:35 → 00:12:39 สะสมมาอยู่เรื่อยๆโดยที่ตัว
00:12:39 → 00:12:42 ใหญ่คนในสังคมก็จะไม่รู้ตัวว่าทำไมเรา
00:12:42 → 00:12:45 ต้องผลักดันตัวเองขนาดนี้จนคู่แฟนเอง
00:12:45 → 00:12:48 เพื่อร่วมงานเอง feedback แล้วพี่โหพี่พอ
00:12:48 → 00:12:51 แล้วพี่บางทีมึงเราไอ้คนร่วมงานอาจจะ
00:12:51 → 00:12:53 เหนื่อยไปด้วยเพราะว่าแบบไม่ยอมปล่อยงาน
00:12:53 → 00:12:58 สักทีนึง
00:12:58 → 00:13:01 [เพลง]
00:13:01 → 00:13:06 มีผลกับคนรอบข้างได้ในขณะที่เจ้าตัวอาจจะ
00:13:06 → 00:13:09 มองว่าทำไมน้อยจังเฮ้ยแบบทำให้มันมากกว่า
00:13:09 → 00:13:11 มันทำได้มากกว่านี้แต่ว่าเขาอาจจะแบบเต็ม
00:13:11 → 00:13:13 ศักยภาพของเขาแหละถูกต้อง
00:13:13 → 00:13:16 ไม่เหมือนกันไม่เหมือนกัน
00:13:16 → 00:13:20 แต่แบบนี้มันก็มันก็น่ากังวลเนาะเพราะเรา
00:13:20 → 00:13:23 ไม่รู้จุดสิ้นสุดว่ามันควรจะไปอยู่ตรงไหน
00:13:23 → 00:13:27 แล้วนำไปสู่ภาวะแบบว่าความไม่พอใจในตัว
00:13:27 → 00:13:29 เองแล้วก็ซึมเศร้าได้ผมว่า wording นี้ก็
00:13:29 → 00:13:32 คือสำคัญคือความไม่พอใจตนเองซึ่งมันเลยทำ
00:13:32 → 00:13:35 ให้มันอาจจะเป็นแกนที่นำไปสู่เกิดภาวะ
00:13:35 → 00:13:38 ซึมสะภาวะที่มันมีอารมณ์เศร้าช่วงเศร้า
00:13:38 → 00:13:40 ขึ้นมาเพราะว่าเมื่อไหร่ตามที่เรารู้สึก
00:13:40 → 00:13:43 ว่าเราไม่พึงพอใจตนเองเนอะขาดความมั่นใจ
00:13:43 → 00:13:46 ตัวเองเกิดความสงสัยว่าเราเป็นคนที่มีคุณ
00:13:46 → 00:13:50 ค่าไหมเป็นเป็นคนที่เป็นที่รักของคนใน
00:13:50 → 00:13:52 ครอบครัวหรือคนใกล้ชิดหรือเปล่าเนี่ยอัน
00:13:52 → 00:13:54 นี้น่าจะเป็นคอสำคัญเป็นแกสำคัญของของ
00:13:54 → 00:13:57 สิ่งที่จะพัฒนาไปสู่ภาวะซึมเศร้าขึ้นมา
00:13:57 → 00:13:58 ได้
00:13:58 → 00:14:01 เพราะหลักๆของคนที่เป็นถ้าเป็นโรคซึม
00:14:01 → 00:14:02 เศร้านะครับก็คือเขาสวยกว่าตัวเองไม่เป็น
00:14:02 → 00:14:06 ที่รักหรือรู้สึกตัวเองไม่มีคุณค่า
00:14:06 → 00:14:09 แต่อันนี้มันทำงานได้และทำได้ดีอยู่แล้ว
00:14:09 → 00:14:13 ด้วยใช่ในสายตาคนรอบข้างเนี่ยดีเลิศ
00:14:13 → 00:14:17 มาฟังคนรอบข้างดูบ้าง
00:14:17 → 00:14:23 คนรอบข้างเอาจริงๆคนกลุ่มนี้นะครับ
00:14:23 → 00:14:25 ก็ไม่ค่อยมีผลกับเขาหรอกครับ
00:14:25 → 00:14:28 แต่คนที่ยังมีผลก็คือคนที่เขาต้องการมาก
00:14:28 → 00:14:31 ที่สุดนั่นแหละก็อาจจะเป็นพ่อแม่หรือหรือ
00:14:31 → 00:14:33 เราไม่รู้อาจจะเป็นผู้ปกครองใครสักคน
00:14:33 → 00:14:35 หนึ่งที่ที่เขารู้สึกอยากให้ภูมิใจกับตัว
00:14:35 → 00:14:38 เขาดังนั้นจะเป็นคนที่เสียงดังที่สุดมี
00:14:39 → 00:14:43 อิทธิพลต่อความรู้สึกต่อให้แฟนชมแบบเธอๆ
00:14:43 → 00:14:46 เป็นคู่ครองที่เก่งมากขนาดนี้แล้วเขาก็
00:14:46 → 00:14:48 อาจจะก็ดีใจแหละเหมือนกันยิ้มดีใจแต่ว่า
00:14:48 → 00:14:52 มันไม่ได้ปลดล็อคนั่นแหละครับ
00:14:52 → 00:14:56 แต่ว่าไม่ใช่ว่ามันจะแก้ไขไม่ได้นะไม่ใช่
00:14:56 → 00:14:58 ว่าโอ๋อาจารย์ก็พ่อแม่หนูตายไปแล้วคุณทำ
00:14:58 → 00:15:02 ไงจะเป็นเรื่องร้องขอจากใครได้เอ่อมันอาจ
00:15:02 → 00:15:04 จะต้องย้อนไปที่ว่าแล้ววันเนี้ยณตอนนี้
00:15:04 → 00:15:07 เนี่ยใครเป็นคนที่เป็นเป็นคนที่มีคนหลัก
00:15:07 → 00:15:10 กับตัวชีวิตเขามันจะเป็นแฟนหรือเป็น
00:15:10 → 00:15:13 เพื่อนสนิทหรืออะไรก็ตามทีเนี่ยเราก็
00:15:13 → 00:15:16 พยายามให้คนนั้นเนี่ยเป็นคนให้
00:15:16 → 00:15:19 feedback การบวกเรื่อยๆเรื่อยๆๆก็จะช่วย
00:15:19 → 00:15:22 ได้เหมือนกันแต่ปัญหามันก็มีตรงนี้ด้วย
00:15:22 → 00:15:26 ไหมคะอาจารย์ว่าไม่รู้ตัวเองว่าเป็นแน่
00:15:26 → 00:15:28 นอนใช่ครับคือส่วนใหญ่ถ้าเป็นเรื่อง
00:15:28 → 00:15:30 บุคลิกภาพเนี่ยเขาจะไม่ค่อยรู้ตัวเองหรอก
00:15:30 → 00:15:32 ว่าเขาเป็นอยู่ใช่เพราะเขาก็เหมือนก็เป็น
00:15:32 → 00:15:35 นิสัยอย่างหนึ่งที่ฉันเป็นแบบนี้
00:15:35 → 00:15:38 พอเป็น perfectionist มาโดยตลอดอย่าง
00:15:38 → 00:15:41 เงี้ยค่ะอาจจะได้รับคำชมจากแต่พอวันนึง
00:15:41 → 00:15:44 ถ้าเกิดมันคำชมมันไม่มีอ่ะใช้คำว่าไม่มี
00:15:44 → 00:15:47 ก่อนละกันไม่ได้ชมไม่ได้อะไรเลยคือมันดี
00:15:47 → 00:15:49 ไหมมันดีแหละแต่แค่ว่าไม่ได้ชมแค่นั้นน่ะ
00:15:49 → 00:15:53 เขาก็เฟลใช่เพราะว่าเขาก็รู้สึกว่าอ้าว
00:15:53 → 00:15:56 เกิดอะไรขึ้นกับงานของฉันเช่นนี้มีอะไร
00:15:56 → 00:15:59 ผิดพลาดใช่มันก็จะเป็นความรู้สึกรู้สึก
00:15:59 → 00:16:02 ไม่ดีเนาะรู้สึกล้มเหลวขึ้นมาได้นะจริงๆ
00:16:02 → 00:16:05 คำ comment เพียงเล็กน้อยสำหรับ
00:16:05 → 00:16:07 perfectionist เนี่ยโหมันยิ่งใหญ่มากใน
00:16:07 → 00:16:10 ใจเขามากนะทั้งที่คำคำคอมเมนต์เนี่ยอาจจะ
00:16:10 → 00:16:12 เป็นแค่ข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุงไม่ได้
00:16:12 → 00:16:15 ตำหนิด้วยนะแค่แบบเออผมว่าถ้าเราเพิ่ม
00:16:15 → 00:16:17 เนื้อหาในส่วนนี้ผมว่ามันจะทำให้งานดี
00:16:17 → 00:16:19 ขึ้นสำหรับเขานี่มันอาจจะยิ่งใหญ่มากก็
00:16:19 → 00:16:22 ได้ว่าพลาดไปได้ไงวะทำไมเราไม่ได้ใส่ใน
00:16:22 → 00:16:25 ส่วนนี้ในขณะที่เราแบบโหขอบคุณมากครับที่
00:16:25 → 00:16:27 ช่วยแนะนำผมอย่าเพิ่งเติมอะไรมันๆการรับ
00:16:27 → 00:16:30 การรับรู้สถานการณ์มันจะต่างกันระหว่างคน
00:16:30 → 00:16:31 ที่เป็น
00:16:31 → 00:16:35 ชนิดกับคุณโดยทั่วๆไปที่ Standard
00:16:35 → 00:16:38 ก็คือเข้าใจเขาคนที่เป็น perfection นี้
00:16:38 → 00:16:42 จริงๆนะเพราะว่าทุกอย่างมันต้องแบบ
00:16:42 → 00:16:47 ใช่เหมือนเขาพยายามเขาเรียกอะไรอ่ะเค้น
00:16:47 → 00:16:49 ตัวเองหรือใช้ความพยายามอย่างสุดกำลัง
00:16:49 → 00:16:54 เพื่อให้งานออกมาแบบมันดีอ่ะแต่มันกลาย
00:16:54 → 00:16:57 เป็นว่าแบบอ้าวซึมเศร้าอยู่ในอยู่ใน
00:16:57 → 00:17:02 ฟิลลิ่งนี้ด้วยงงๆจริงๆมันอาจจะมาจากทาง
00:17:02 → 00:17:04 ปัจจัยด้านร่างกายด้วยก็ได้นะครับเพราะ
00:17:04 → 00:17:05 ว่ากลุ่มนี้ก็จะเครียดเนาะเราก็ต้อง
00:17:05 → 00:17:08 พยายามทำงานให้มันๆมันแบบ Performance
00:17:08 → 00:17:11 ที่สูงเพื่อผลลัพธ์ที่ดีนั้นก็อาจจะตาม
00:17:11 → 00:17:15 ด้วยการอดนอนการเพราะผมไม่เพียงพอการกิน
00:17:15 → 00:17:16 อาหารที่มันไม่ได้เกิดประโยชน์นั้นเอ่อ
00:17:16 → 00:17:20 มันก็จะมีผลต่อด้านร่างกายด้วยเพราะว่า
00:17:20 → 00:17:22 การนอนที่ไม่เป็นเวลาหรือความเครียดมัน
00:17:22 → 00:17:25 สะสมเนี่ยมันก็อาจจะนำไปสู่เอ่อการทำงาน
00:17:25 → 00:17:28 ของระบบสารสาสน์ในสมองที่มันๆไม่สมดุลก็
00:17:28 → 00:17:30 อาจจะเป็นผลทางอ้อมที่มันจะอาจจะส่งผลมา
00:17:30 → 00:17:33 สู่ภาวะซึมเศร้าได้ในขณะเดียวกันในเชิง
00:17:33 → 00:17:36 จิตใจเนาะเพราะเขาด้วยความที่เขาเขา
00:17:36 → 00:17:38 พิถีพิถันทำงานมากๆเนี่ยคนรอบข้างก็อาจจะ
00:17:38 → 00:17:43 แบบเหนื่อยนั้นเขาก็จะสึกเพื่อนเพื่อนก็
00:17:43 → 00:17:47 จะพยายามจะแบบเหมือนไม่ทำละเพราะทำไปก็
00:17:47 → 00:17:51 ไม่ได้ตามสเปคเธอฉันอ่ะไม่ได้ดั่งใจ
00:17:51 → 00:17:55 ซื้อน้ำให้แทนข้าวให้แทนหรือว่าทำอย่าง
00:17:55 → 00:17:58 อื่นที่มันไม่ได้เป็นงานนั้นเขาก็จะรู้
00:17:58 → 00:18:00 สึกว่าฉันแบกงานแล้ว
00:18:00 → 00:18:03 เพื่อนเพื่อนไม่ค่อยช่วยเหลือมาร้าน The
00:18:03 → 00:18:06 Bear เขาก็จะเป็นเป็นจิตใจว่าเหมือน
00:18:06 → 00:18:09 เพื่อนไม่ค่อยช่วยเขาเลยเพื่อนโยนงานให้
00:18:09 → 00:18:11 เขามันก็จะกลายเป็นรูปแบบนี้ขึ้นมาอีกเขา
00:18:11 → 00:18:15 ก็จะรู้สึกเหมือนเพื่อนเพื่อนไม่โอเคกับ
00:18:15 → 00:18:18 เขาอะไรอย่างไม่แฟร์กับเขานั้นมันก็จะ
00:18:18 → 00:18:20 เป็นความความรู้สึกทางจิตใจที่อาจจะนำไป
00:18:20 → 00:18:22 สู่ทางอ้อมไปสู่ภาวะซึมเศร้าได้อีกเหมือน
00:18:22 → 00:18:24 กันก็อีกข้างนึงเหมือนกันทำให้จริงๆทำงาน
00:18:24 → 00:18:29 ดีมากดีมากนั่นเป็นเพราะว่าเขาโดยนิสัย
00:18:29 → 00:18:31 ไม่ได้มีความยืดหยุ่นในชีวิตด้วยป่ะคะ
00:18:31 → 00:18:34 อาจารย์ก็เป็นไปได้ครับคือด้วยด้วยพื้น
00:18:34 → 00:18:36 ฐานของบุคลิกภาพแบบ perfectionist เนี่ย
00:18:36 → 00:19:46 อาจจะตามมาคือเขาก็จะไม่ค่อยยืดหยุ่น
00:19:46 → 00:19:50 สิ่งที่เป็นอยู่เนี่ยเอ่อผลงานเป็นของพี่
00:19:50 → 00:19:53 เป็นที่ประจักษ์ชัดอยู่แล้วว่ามันๆทุกคน
00:19:53 → 00:19:55 ยอมรับนายยอมรับลูกน้องเพื่อทำงานยอมรับ
00:19:55 → 00:19:59 พี่แต่ว่ามันค่อนข้างจะมีผลกระทบต่อต่อ
00:19:59 → 00:20:02 การดำเนินชีวิตของพี่น้องสุขภาพร่างกาย
00:20:02 → 00:20:05 เนี่ยพี่ก็เห็นว่าอ่าพี่เครียดปวดหัวไม่
00:20:05 → 00:20:08 เกร็งมีปัญหาเรื่องการขับถ่ายอะไรก็ว่าไป
00:20:08 → 00:20:10 ที่แต่แล้วก็เป็น fact ที่เกิดขึ้นจริงนะ
00:20:10 → 00:20:13 ครับก็ว่ากันไป
00:20:13 → 00:20:15 ถ้าคอมเมนต์แบบนี้มันดูอ้อมไปไหมคะ
00:20:15 → 00:20:19 อาจารย์แต่ถ้าต่อไปวิจารณ์ตรงๆเช่นแบบ
00:20:19 → 00:20:23 เอ่อพี่มันมากไปแล้วหรือแบบคำพูดหรืออะไร
00:20:23 → 00:20:25 อันนี้อาจจะต้องแยกกว่าเดิมป่าวต้องต้อง
00:20:25 → 00:20:28 ขึ้นอยู่กับว่าคาแรคเตอร์คนนั้นนะว่าว่า
00:20:28 → 00:20:32 เอ่อเราสามารถรับการสื่อสารตรงๆมากน้อย
00:20:32 → 00:20:34 แค่ไหนหรือว่าเป็นคนที่
00:20:34 → 00:20:36 คือบางคนก็ชอบนะครับที่เที่ยวตรงๆแต่บาง
00:20:36 → 00:20:38 คนก็อาจจะรู้สึกว่าโต๊ะตรงไปเลยเนี่ยเขา
00:20:38 → 00:20:41 ก็อาจจะรู้สึกมันกระทบกับโดยใจเขาโดยตรง
00:20:42 → 00:20:44 เกินไปถ้าเสียเวลาหน่อยแต่ว่ามันยังรักษา
00:20:44 → 00:20:47 สัมพันธภาพได้มันก็อาจจะดีก็ต้องขึ้นอยู่
00:20:48 → 00:20:51 เนาะคือจะพูดไงดีอันนี้มันอาจจะเป็นข้อ
00:20:51 → 00:20:53 เสียของของสำหรับผมความเป็นนักจิตวิทยาผม
00:20:53 → 00:20:56 นะคือมักจะไม่สามารถฟันธงได้อย่างชัดเจน
00:20:56 → 00:20:59 ว่าจะทำยังไงดีเพราะว่าแต่ละคนมันปัจเจก
00:20:59 → 00:21:01 เนาะมันมีมันมีความแตกต่างกันในแต่ละ
00:21:01 → 00:21:03 บุคคลในการที่จะ
00:21:03 → 00:21:07 รับรู้ปัญหาจัดการปัญหาต้นทุนเขาแต่ละคน
00:21:07 → 00:21:09 ไม่เหมือนกันก็ต้องดูเคสบายเคสไปว่าเอ่อ
00:21:09 → 00:21:12 ต้นทุนของคนนั้นเป็นอย่างไรครับบางคนพูด
00:21:12 → 00:21:15 ตรงได้บอกมาเลยอะไรอย่างเงี้ยบางคนใส่ภาพ
00:21:15 → 00:21:20 จะถูกเค้นเมื่อใส่แบบด่าตรงๆแกมันทำได้
00:21:20 → 00:21:22 แค่นี้ออกไปอย่างเงี้ยบางคนอาจจะชอบแบบ
00:21:22 → 00:21:44 นั้น
00:21:44 → 00:21:47 เรียนรู้การฝึกปฏิบัติแต่ละคนไปเท่าที่
00:21:47 → 00:21:50 ฟังอาจารย์มาจริงๆแล้วไม่ว่าจะอะไรก็แล้ว
00:21:50 → 00:21:52 แต่ความเป็น perfectionist ของแต่ละคนคือ
00:21:52 → 00:21:54 จริงๆมันดีนะงานมันสมบูรณ์แบบแหละถูกต้อง
00:21:54 → 00:21:57 มันออกมาดีมันส่งผลดีต่อต่อตัวเขาแต่ว่า
00:21:57 → 00:22:02 มันเกินพอดีไปในแง่มุมบางบางครั้งบางคน
00:22:02 → 00:22:07 กลายเป็นว่าการเดินทางสายกลางในกลางๆดี
00:22:07 → 00:22:09 ที่สุดแต่พอมันเป็นบุคลิกภาพส่วนบุคคลที่
00:22:09 → 00:22:12 มันอาจจะถูกหล่อหลอมมาหรือเขาต้องการเป็น
00:22:12 → 00:22:16 ที่แบบฉันต้องเป็นที่ยอมรับเราจะต้องยืน
00:22:16 → 00:22:18 อยู่ข้างหน้าแสงมันต้องฉายลงมาอีกชั้น
00:22:18 → 00:22:22 อย่างเงี้ยมันก็เลยทำให้เขากลายเป็นคนแบบ
00:22:22 → 00:22:27 นี้ไปโดยไม่รู้ตัวเออทีนี้พอจะเหมือนขี่
00:22:27 → 00:22:35 หลังเสือจะลงมาก็โดนขย้ำ
00:22:35 → 00:22:38 ไปมีประโยชน์มันคิดว่าพอลงมามันก็จะโดน
00:22:38 → 00:22:39 ขย้ำเนอะ
00:22:39 → 00:22:41 ทีนี้ถ้าเขาลงมาแล้วเขารู้ว่าเขามีคุณค่า
00:22:42 → 00:22:42 แล้ว
00:22:42 → 00:22:44 ประเด็นคืออย่างที่บอกที่ผมพูดไปว่า
00:22:44 → 00:22:48 ประเด็นของแกนคนเหล่านี้ก็คือเขาไม่แน่ใจ
00:22:48 → 00:22:50 ว่าเขามีคุณค่าในตนเอง
00:22:50 → 00:22:51 หรืออย่างหรือมีมากน้อยแค่ไหน
00:22:51 → 00:22:55 หรือเขาเป็นที่รักของของคนรอบๆข้างแล้ว
00:22:55 → 00:22:59 มากน้อยแค่ไหนนั้นถ้าเราชี้ให้เขาเห็นได้
00:22:59 → 00:23:03 ว่าเขามีคุณค่าแล้วพี่ไม่ต้องทำอะไรมาก
00:23:03 → 00:23:05 กว่านี้แล้วทุกคนยอมรับว่าพี่เป็นคนที่มี
00:23:05 → 00:23:09 คุณค่าพี่เป็นที่รักเราสามารถคอนเฟิร์ม
00:23:09 → 00:23:11 เขาแล้วเขาเริ่มเชื่อในสิ่งนี้ได้เนี่ย
00:23:11 → 00:23:15 เขาจะลงมาได้โดยที่เขาไม่ต้องรู้สึกต้อง
00:23:15 → 00:23:17 กังวลใจว่าเขาจะถูกขย้ำเพราะเขารู้ว่าคน
00:23:17 → 00:23:19 เข้าอยู่ตรงไหนแล้วเขาไม่ต้องไปไกลกว่า
00:23:19 → 00:23:21 นั้นแล้วเพราะเขารู้ว่าเขามีคุณค่าแล้ว
00:23:21 → 00:23:25 เป็นที่รักแล้วมันถูกเติมเต็มแล้ว
00:23:25 → 00:23:27 คือเมื่อไหร่ก็ตามทีที่คนๆนั้นเนี่ย
00:23:27 → 00:23:30 professionist เนาะเขารู้ว่าเขามีคุณค่า
00:23:30 → 00:23:35 และเข้าไปที่รักและมันจะมันจะปลดล็อคเลย
00:23:35 → 00:23:38 งั้นเขาไม่ต้องแสวงหาโดยทำไปจนเพอร์เฟค
00:23:38 → 00:23:40 แล้วเขาก็จะไม่กลัวว่าถ้าเขาต้องลงมาจาก
00:23:40 → 00:23:42 ความเป็นนายมาเป็นผู้ปฏิบัติงานทั่วไปเขา
00:23:42 → 00:23:45 ก็รู้ว่าคุณค่าคุยตรงไหนนั้นเขาจะไม่ต้อง
00:23:45 → 00:23:48 กังวลหรือสนใจกับต้องไปสู่ความสมบูรณ์แบบ
00:23:48 → 00:23:53 และนี่คือจุดจุดจุดสำคัญของละครของ
00:23:53 → 00:23:56 บุคลิกภาพในส่วนนี้จริงๆมันบางทีมันนิด
00:23:56 → 00:24:00 เดียวเองเนาะ
00:24:00 → 00:24:04 ก็คือถ้าเราเจอถ้าคนๆนั้นเจอเนอะว่าเขา
00:24:04 → 00:24:06 ถูกคอนเฟิร์มแล้วว่าเขาเป็นคนที่มีคุณค่า
00:24:06 → 00:24:10 ในตนเองเขาเป็นที่รักมันจะปลดล็อคเพียง
00:24:10 → 00:24:13 แต่ว่านั่นแหละประเด็นคือใครที่จะเป็นคน
00:24:13 → 00:24:24 ที่เขายอม
00:24:24 → 00:25:16 [เพลง]
00:25:16 → 00:25:18 พอพอทำมากๆเข้าแต่คนอื่นเขาไม่ได้สมบูรณ์
00:25:18 → 00:25:21 แบบแบบเราที่เขาจะต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจ
00:25:21 → 00:25:24 มันกลายเป็นว่าเราเป็น the back แบกไปคน
00:25:24 → 00:25:25 เดียวแล้วก็เริ่มรู้สึกว่าไม่มีใครรักเรา
00:25:25 → 00:25:27 หรอเริ่มมันเริ่มอ้าวคุณค่าในตัวเองจริงๆ
00:25:27 → 00:25:32 มันมีแต่กลายเป็นว่ามันตัวเอง
00:25:32 → 00:25:35 เพราะฉะนั้นก็เป็น profession นี้ได้ค่ะ
00:25:35 → 00:25:39 ไม่ได้ว่าแต่ว่าอย่าแบบเขาเรียกอะไร
00:25:39 → 00:25:44 กดดันตัวเองมากจนเกินไปคือต้องถามว่าเรา
00:25:44 → 00:25:49 เป็นเราเราจะเพอร์เฟคชนิดไปเพื่ออะไรก่อน
00:25:49 → 00:25:53 ว่าเฮ้ยเราไปเพื่ออะไรเนาะหรือถ้าไม่รู้
00:25:53 → 00:25:54 ว่าตัวเองเป็น perfectionist หรือเปล่า
00:25:54 → 00:25:58 เนี่ยถามคนอื่นก็ได้คนรอบข้างเราแล้วเรา
00:25:58 → 00:26:02 เป็นหรือเปล่านะคะพอถ้าเรามีคำเอ้ยคุณ
00:26:02 → 00:26:06 เป็นปึ๊บเนี่ยเราต้องแบบเฮ้ยมาคิดละมาดู
00:26:06 → 00:26:10 ว่ามากเกินไปไหม
00:26:10 → 00:26:16 แต่ถ้าเกิดว่าคุณยังแฮปปี้มีความสุข
00:26:16 → 00:26:19 ก็อยู่ต่อไปได้ได้แต่ดูคนข้างๆด้วยทีมงาน
00:26:19 → 00:26:23 อะไรแบบนี้นะคะอ่ะวันนี้เราได้ได้ศัพท์
00:26:23 → 00:26:25 ใหม่ๆได้ความรู้ใหม่ๆนะกับโรคซึมเศร้าแบบ
00:26:25 → 00:26:28 ศักยภาพสูงใช่ไหม High functioning
00:26:28 → 00:26:31 depression เออเดี๋ยวไม่รู้จะมีอนาคตจะ
00:26:31 → 00:26:34 มีคำใหม่ๆอะไรอีกไงไหมวันนี้ต้องขอบคุณ
00:26:34 → 00:26:37 อาจารย์สุพัฒน์ค่ะที่มาให้ความรู้กับเรา
00:26:37 → 00:26:39 นะคะแล้วก็ทำให้เราได้เข้าใจกับเรื่องนี้
00:26:39 → 00:26:41 มากยิ่งขึ้นนะคะขอบคุณนะคะอาจารย์คะ
00:26:41 → 00:26:44 สวัสดีค่ะเอาล่ะค่ะคุณผู้ฟังหมดเวลาแล้ว
00:26:44 → 00:26:46 นะคะเราจะกลับมาพบกันใหม่ครั้งหน้ากับราย
00:26:46 → 00:26:49 การโรงหมอทางไทย PBS podcast ค่ะขอบคุณ
00:26:49 → 00:26:51 ที่ติดตามรับฟังวันนี้ลาไปก่อนสวัสดีค่ะ
00:26:51 → 00:26:53 This Is
00:26:53 → 00:26:57 Cat วัยสมองความเครียดและความจำสัมพันธ์
00:26:57 → 00:27:00 กันอย่างไรผู้ช่วยศาสตราจารย์ดรกรรณิการ์
00:27:00 → 00:27:02 เพิ่มพูนพัฒนาจากสถาบันแห่งชาติเพื่อการ
00:27:02 → 00:27:05 พัฒนาเด็กและครอบครัวมหาวิทยาลัยมหิดลมา
00:27:06 → 00:27:07 เล่าให้ฟังครับ
00:27:07 → 00:27:10 ความจำเนี่ยแต่ละคนก็จะแตกต่างกันนะคะ
00:27:10 → 00:27:13 ด้วยส่วนหนึ่งเนี่ยอายุเนี่ยเป็นปัจจัย
00:27:13 → 00:28:16 นึงที่ทำให้ความจำของเราเนี่ยเสื่อมลงแต่
00:28:16 → 00:28:18 เรื่องของการทำกิจกรรมอย่างว่างเพื่อพัก
00:28:18 → 00:28:22 ผ่อนหย่อนใจนะคะพวกนี้ก็จะเป็นตัวช่วยที่
00:28:22 → 00:28:25 ทำให้เรื่องของความจำโอกาสที่จะเสื่อม
00:28:25 → 00:28:28 เนี่ยก็จะมีอัตราที่ช้าลงอีกอย่างหนึ่งก็
00:28:28 → 00:28:32 คือสุขภาพสมองเช่นสมองเราเนี่ยก็จะดีถ้า
00:28:32 → 00:28:34 เกิดว่าเราได้ออกกำลังกายพักผ่อนอย่าง
00:28:34 → 00:28:37 เพียงพอนะคะรู้จักวิธีการจัดการความ
00:28:37 → 00:28:40 เครียดอย่างเหมาะสมนะคะถ้าเกิดเมื่อไหร่
00:28:40 → 00:28:43 ที่เราเครียดเครียดซ้ำๆแล้วก็วนอยู่กับ
00:28:43 → 00:28:45 ความเครียดเหล่านั้นนะคะความเครียดจริงๆ
00:28:45 → 00:28:50 มีหลายแบบนะคะเครียดที่เป็นแบบ Healthy
00:28:50 → 00:28:54 stress นะคะก็คือเครียดที่แบบทำให้ยังคง
00:28:54 → 00:28:57 สุขภาพดีนะคะยกตัวอย่างเช่นเอ่อเวลาเรา
00:28:57 → 00:29:00 เจอสิ่งแวดล้อมใหม่ๆเจอคนใหม่ๆหรือว่าวัน
00:29:00 → 00:29:03 นี้มีโอกาสที่จะอ่าได้รับรางวัลสมมุติ
00:29:03 → 00:29:05 อย่างนี้เป็นการได้รับรางวัลแล้วต้องไป
00:29:05 → 00:29:08 พูดขึ้นมาเวลาเราจะต้องพูดต่อหน้าคนเนี่ย
00:29:08 → 00:29:10 เราก็จะตื่นเต้นใช่ไหมคะเราก็จะเครียดณ
00:29:10 → 00:29:12 เวลานั้นแต่ความเครียดนั้นจะเป็นความ
00:29:12 → 00:29:15 เครียดที่เรียกว่าความเครียดที่ไม่ได้
00:29:15 → 00:29:17 เป็นพิษค่ะแต่ความเครียดบางอย่างเป็นความ
00:29:17 → 00:29:20 เครียดที่เป็นพิษอย่างเช่นความจนการถูก
00:29:20 → 00:29:22 ทารุณกรรมการถูกการทะเลาะเบาะแว้งอย่าง
00:29:22 → 00:29:25 ต่อเนื่องในครอบครัวอย่างเงี้ยค่ะอันนี้
00:29:25 → 00:29:27 เป็นความเครียดที่เรียกว่าท็อกซิกสเปซ
00:29:27 → 00:29:30 เป็นความเครียดที่ทำให้ตัวเซลล์สมองตาย
00:29:30 → 00:29:33 เพราะฉะนั้นอันนี้ก็จะเป็นอีกปัจจัยนึง
00:29:33 → 00:29:35 คือถ้าเมื่อไหร่ที่เราเจอความเครียดแล้ว
00:29:35 → 00:29:36 เราไม่สามารถที่จะจัดการความเครียดนั้น
00:29:36 → 00:29:39 ได้ความเครียดก็จะทำไปให้ทำให้เซลล์สมอง
00:29:39 → 00:29:42 ตายเมื่อเซลล์สมองตายปุ๊บก็เกิดภาวะความ
00:29:42 → 00:29:51 จำเสื่อมขึ้นได้เช่นกัน
00:29:51 → 00:29:54 ติดตามรายการทางเว็บไซต์และ Application
00:29:54 → 00:29:58 ของไทย PBS podcast spotify soundcloud
00:29:58 → 00:30:01 Google podcast Apple กดคลาสและ
00:30:01 → 00:30:03 YouTube Channel Thai PBS portcast
00:30:03 → 00:30:08 beautiful
00:30:08 → 00:30:14 [เพลง]