00:00:01 → 00:00:04 ทำความรู้จักโรคเบาจืดภาวะสูญเสียการควบ
00:00:04 → 00:00:07 คุมน้ำโรคหายากที่อันตรายอย่าปล่อยไว้
00:00:07 → 00:00:08 ต้องเร่ง
00:00:08 → 00:00:12 รักษาเปิดวิธีการรักษาโรคเบาจืดคืนความ
00:00:12 → 00:00:14 สุขและคุณภาพชีวิตที่ดีแก่ผู้
00:00:14 → 00:00:18 ป่วยรู้จักประโยชน์ของน้ำแร่และข้อควร
00:00:18 → 00:00:21 ระวังผู้ป่วยโรคอะไรบ้างที่ห้ามดื่มติด
00:00:21 → 00:00:24 ตามเรื่องราวทั้งหมดได้ในรายการ TNN
00:00:24 → 00:00:27 Health วัน
00:00:27 → 00:00:31 นี้สวัสดีค่ะขอต้อนรับรับคุณผู้ชมเข้าสู่
00:00:31 → 00:00:34 รายการ TNN Health เข้าถึงทุกสาระสุขภาพ
00:00:34 → 00:00:37 เสริมภูมิคุ้มกันรู้ทันโรคไปกับ TNN
00:00:37 → 00:00:40 Health นะคะและดิฉันหมอดาวแพทย์หญิง
00:00:40 → 00:00:43 ชัดดาวจังวังกรแพทย์เฉพาะทางสาขา
00:00:43 → 00:00:46 เวชศาสตร์ครอบครัวพร้อมที่จะรับหน้าที่
00:00:46 → 00:00:48 เป็นผู้ดำเนินรายการพาคุณผู้ชมมาเข้าถึง
00:00:48 → 00:00:53 สาระสุขภาพดีๆกัน
00:00:53 → 00:00:58 [เพลง]
00:00:58 → 00:01:02 ค่ะ
00:01:02 → 00:01:05 สัปดาห์นี้นะคะเราจะมาพูดคุยกันเรื่องของ
00:01:06 → 00:01:10 ภาวะเบาจืดกับรู้จักเบาจืดภาวะสูญเสียการ
00:01:10 → 00:01:14 ควบคุมน้ำโรคหายากที่อันตรายค่ะเพราะว่า
00:01:14 → 00:01:18 หลายคนนะคะรู้จักโรคเบาหวานแต่รู้หรือไม่
00:01:18 → 00:01:21 คะว่ามีอีกภาวะโรคนึงนั้นนะคะที่ชื่อ
00:01:21 → 00:01:24 คล้ายๆกันแต่แตกต่างกันค่ะไม่ได้เกี่ยว
00:01:24 → 00:01:27 ข้องกันเลยก็คือเรื่องของเบาจืดซึ่งเป็น
00:01:27 → 00:01:30 ภาวะที่หากเกิดกับพรแล้วอันตรายถึงชีวิต
00:01:30 → 00:01:34 ได้เช่นกันค่ะโรคเบาจืดคือโรคที่เกิดจาก
00:01:34 → 00:01:36 การที่ร่างกายเสียสมดุลน้ำจากการขาด
00:01:36 → 00:01:39 ฮอร์โมนแอนติ diuretic หรือ Anti
00:01:39 → 00:01:41 diuretic ฮอร์โมนที่ทำหน้าที่กระตุ้นให้
00:01:41 → 00:01:44 หลอดไตดูดน้ำกลับเข้าสู่เส้นเลือดทำให้
00:01:44 → 00:01:48 ร่างกายปัสสาวะออกมามากกว่าปกติโดยคนปกติ
00:01:48 → 00:01:52 จะปัสสาวะวันละ 1-2 ลิตรแต่ในผู้ป่วยโรค
00:01:52 → 00:01:55 เบาจืดนั้นจะปัสสาวะมากกว่าวันละ 2 ลิตร
00:01:55 → 00:01:58 ค่ะในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงอาจปัสสาวะ
00:01:58 → 00:02:01 ได้มากถึงวันละ 20 10 ลิตรและก่อให้เกิด
00:02:01 → 00:02:04 อาการกระหายน้ำอย่างรุนแรงในขณะที่โรคเบา
00:02:04 → 00:02:07 หวานคือโรคที่เกิดจากร่างกายมีระดับน้ำ
00:02:07 → 00:02:10 ตาลในเลือดสูงผิดปกติเนื่องจากการขาดหรือ
00:02:10 → 00:02:12 ดื้ออินซูลินสิ่งที่โรคเบาหวานคล้ายโรค
00:02:12 → 00:02:16 เบาจืดคือเรื่องของลักษณะอาการเด่นที่พบ
00:02:16 → 00:02:20 ค่ะคือปัสสาวะบ่อยมากผิดปกติและกระหายน้ำ
00:02:20 → 00:02:22 แต่ในปัสสาวะของผู้ป่วยโรคเบาหวานจะมีน้ำ
00:02:22 → 00:02:26 ตาลถูกขับออกมาด้วยในขณะที่โรคเบาจืดจะ
00:02:26 → 00:02:29 ขับแค่เพียงน้ำออกมาเท่านั้นโรคเบาจืด
00:02:29 → 00:02:33 แบ่งตามสาเหตุได้ 4 ชนิดค่ะ 1 โรคเบาจืด
00:02:33 → 00:02:36 ที่เกิดจากความผิดปกติของสมองเป็นชนิดของ
00:02:36 → 00:02:39 โรคเบาจืดที่พบได้บ่อยที่สุดซึ่งเกิดจาก
00:02:39 → 00:02:41 ความเสียหายของต่อมใต้สมองหรือสมองส่วน
00:02:41 → 00:02:45 ไฮโปทาลามัสมีหลายสาเหตุเช่นอุบัติเหตุ
00:02:45 → 00:02:48 ที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บที่ศีรษะผ้ลพวงจาก
00:02:48 → 00:02:51 การผ่าตัดสมองการสูญเสียเลือดที่ไปหล่อ
00:02:51 → 00:02:54 เลี้ยงต่อมใต้สมองเนื้องอกบริเวณสมองส่วน
00:02:54 → 00:02:57 ไฮโปทาลามัสหรือต่อมใต้สมองการติดเชื้อ
00:02:57 → 00:03:01 ที่สมองโรคเยื่อหุ้มสมองอักอักเสบโรคบาง
00:03:01 → 00:03:04 ชนิดที่ส่งผลให้สมองบวมความผิดปกติทาง
00:03:04 → 00:03:07 พันธุกรรม 2 โรคเบาจืดที่เกิดจากความผิด
00:03:07 → 00:03:10 ปกติของไต่เป็นโรคที่เกิดจากระบบการทำงาน
00:03:10 → 00:03:13 ของไต่ไม่สามารถตอบสนองต่อฮอร์โมนแอนติ
00:03:13 → 00:03:17 ไดอิได้โดยเป็นผลจากการเสียหายของไต่หรือ
00:03:17 → 00:03:20 การใช้ยาบางชนิดเช่นลิเธียมซึ่งเป็นยาที่
00:03:20 → 00:03:24 ใช้ในผู้ป่วยที่มีปัญหาสุขภาพจิตเป็นต้น 3
00:03:24 → 00:03:27 โรคเบาจืดจากความผิดปกติของกลไกควบคุมการ
00:03:27 → 00:03:31 กระหายน้ำอาจเกิดขึ้นจากปัญหาสุขภาพจิต
00:03:31 → 00:03:35 หรือการใช้ยาบางชนิด 4 โรคเบาจืดขณะตั้ง
00:03:35 → 00:03:37 ครรภ์เกิดจากเอนไซม์บางตัวที่สร้างขึ้น
00:03:37 → 00:03:40 จากรกเข้าไปทำให้ไตตอบสนองต่อฮอร์โมน
00:03:40 → 00:03:43 แอนติไดอิลดลงทำให้กลายเป็นโรคเบาจืดขณะ
00:03:43 → 00:03:47 ตั้งครรภ์ได้สัญญาณอาการที่บ่งบอกว่าเป็น
00:03:47 → 00:03:52 โรคเบาจืดคือ 1 ปัสสาวะปริมาณมากและบ่อย
00:03:52 → 00:03:55 ผิดปกติผู้ป่วยโรคเบาจืดมักปัสสาวะมาก
00:03:55 → 00:03:58 กว่า 3 ลิตรต่อวันบางรายอาจปัสสาวะมาก
00:03:58 → 00:04:01 กว่า 10 ลิตรต่อวันและลักษณะปัสสาวะจะสี
00:04:01 → 00:04:04 จางกว่าปกติ 2 กระหายน้ำและดื่มน้ำมากผิด
00:04:04 → 00:04:07 ปกติกระหายน้ำตลอดเวลาแม้ว่าจะดื่มน้ำไป
00:04:08 → 00:04:11 ในปริมาณมาก 3 อ่อนเพลียปากแห้งคอแห้ง
00:04:11 → 00:04:15 เนื่องจากการสูญเสียน้ำ 4 กล้ามเนื้ออ่อน
00:04:15 → 00:04:18 แรงเป็นตะคิวได้ง่าย 5 ปวดหัวเวียนหัว
00:04:18 → 00:04:22 หน้ามืดขณะที่อาการของโรคเบาจืดในเด็กมี
00:04:22 → 00:04:26 ดังนี้ 1 ปัสสาวะมากกระหายน้ำเช่นเดียว
00:04:26 → 00:04:29 กับอาการเบาจืดในผู้ใหญ่ 2 ปวดท้องน้อย
00:04:29 → 00:04:33 หรือเอวเนื่องจากปัสสาวะคั่ง 3 ร้องไห้
00:04:33 → 00:04:36 ผิดปกติหงุดหงิดง่าย 4 รู้สึกเหนื่อยตลอด
00:04:36 → 00:04:40 เวลา 5 อยากอาหารน้อยลงน้ำหนักลดผิดปกติ 6
00:04:40 → 00:04:44 โตช้ากว่าที่ควรจะเป็น 7 ปัสสาวะรดที่นอน
00:04:44 → 00:04:47 เป็นอย่างไรกันบ้างคะได้รู้จักโรคเบาจืด
00:04:47 → 00:04:50 กันไปบ้างแล้ววันนี้นะคะเราจะมารู้จักเบา
00:04:50 → 00:04:54 จืดภาวะสูญเสียการควบคุมน้ำโรคหายากที่
00:04:54 → 00:04:57 อันตรายและในช่วงนี้นะคะเราจะมาพูดคุยกับ
00:04:57 → 00:05:01 อาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญกันสวัสดีค่ะ
00:05:01 → 00:05:09 [เพลง]
00:05:09 → 00:05:13 อาจารย์ขอเริ่มที่คำถามแรกเลยนะคะอาจารย์
00:05:13 → 00:05:16 คนกลุ่มใดคะที่มีความเสี่ยงเป็นโรคเบาจืด
00:05:16 → 00:05:20 ได้บ้างคะค่ะสำหรับคนไข้นะคะที่มีความ
00:05:20 → 00:05:22 เสี่ยงเป็นโรคเบาจืดนะคะก็คือบุคคลที่มี
00:05:22 → 00:05:26 ประวาทมีความผิดปกติของต่อมใต้สมองหรือ
00:05:26 → 00:05:29 ว่าสมองส่วนไฮโปทาลามัสค่ะเช่นเคยมี
00:05:29 → 00:05:32 ประวัติเนื้องอกเคยมีประวัติเรื่องของการ
00:05:32 → 00:05:34 ผ่าตัดสมองบริเวณนั้นมาก่อนนะคะหรือว่า
00:05:34 → 00:05:37 ได้รับการฉายแสงมาก่อนนะคะหรือมีประวัติ
00:05:37 → 00:05:40 เรื่องของการอักเสบตรงบริเวณต่อมใต้สมอง
00:05:40 → 00:05:43 หรือว่าสมองส่วนไฮโปทาลามัสค่ะอันนี้นะคะ
00:05:43 → 00:05:46 ก็จะเป็นสาเหตุของโรคเบาจิที่เกิดจากสมอง
00:05:46 → 00:05:49 นะคะแต่ก็จะมีบางสาเหตุค่ะที่เกิดจากยา
00:05:49 → 00:05:52 ได้นะคะไม่ว่าจะเป็นยาโรคจิตเวทบางชนิด
00:05:52 → 00:05:55 ค่ะหรือว่ายาเคมีบำบัดบางชนิดค่ะอาจารย์
00:05:55 → 00:05:58 ขาและผู้ป่วยโรคเบาจืดเขาจะใช้ชีวิตได้
00:05:58 → 00:06:01 อย่างไรคะจริงๆแล้วในความคิดเห็นหมอเนี่ย
00:06:01 → 00:06:03 ผู้ป่วยโรคเบาจืดเนี่ยค่ะสามารถที่จะใช้
00:06:03 → 00:06:07 ชีวิตได้ตามปกติเหมือนคนทั่วไปได้เลยนะคะ
00:06:07 → 00:06:09 แต่ว่าก็อาจจะต้องมีข้อปฏิบัติบางอย่าง
00:06:09 → 00:06:12 ที่อาจจะต้องนอกเหนือกว่าคนทั่วไปอันดับ
00:06:12 → 00:06:15 แรกเลยก็คือยาของหมอสำคัญมากๆเลยค่ะจะ
00:06:15 → 00:06:18 ต้องรับประทานยาตรงตามเวลาที่หมอบอกสม่ำ
00:06:18 → 00:06:22 เสมอจำนวนเม็ดยาเนี่ยก็ต้องเคร่งครัดนะคะ
00:06:22 → 00:06:25 ก็คือจะต้องทานยาให้สม่ำเสมอค่ะข้อแรกเลย
00:06:25 → 00:06:27 นะคะข้อ 2 เลยเนี่ยค่ะถ้าเกิดว่าเรารู้
00:06:27 → 00:06:31 ว่าเรามีการเสียเหงื่อเสียน้ำมากไม่ว่าจะ
00:06:31 → 00:06:33 เป็นเรื่องของการท้องเสียอ้วกอาเจียน
00:06:33 → 00:06:35 ประมาณเนี้ยเราจะต้องทานน้ำเพิ่มมากขึ้น
00:06:35 → 00:06:38 ค่ะแล้วก็เราอาจจะต้องหลีกเลี่ยงอาหาร
00:06:38 → 00:06:41 ประเภทเค็มๆค่ะเพราะว่ามันก็จะทำให้ไต
00:06:41 → 00:06:44 เนี่ยทำงานหนักมีการขับน้ำออกไปมากขึ้น
00:06:44 → 00:06:47 เราก็จะเสียน้ำมากขึ้นค่ะและในกรณีที่ผู้
00:06:47 → 00:06:51 ป่วยโรคเบาจืดนั้นมีภาวะร่างกายซึ่งเกลือ
00:06:51 → 00:06:54 แร่ค่ะเสียสมดุลจะส่งผ้นกับคนไข้อย่างไร
00:06:54 → 00:06:57 บ้างคะคนไข้โรคเบาจืดเนี่ยค่ะมีโอกาส
00:06:57 → 00:07:00 เสี่ยงมากๆเลยนะคะที่จะมีมีเกลือแร่ใน
00:07:00 → 00:07:02 ร่างกายเนี่ยที่ผิดปกติได้เยอะเลยค่ะที
00:07:02 → 00:07:05 นี้ว่ามันก็จะส่งผลต่อระบบโดยรวมของร่าง
00:07:05 → 00:07:08 กายมากเลยจริงๆถ้าเราไม่ได้รักษาเนี่ยส่ง
00:07:08 → 00:07:11 ผลถึงชีวิตได้เลยนะคะเช่นภาวะที่มีเกลือ
00:07:11 → 00:07:14 แร่ในร่างกายต่ำบางอย่างเช่นโพแทสเซียม
00:07:14 → 00:07:17 ต่ำจากการสูญเสียทางปัสสาวะเนี่ยค่ะก็จะ
00:07:17 → 00:07:20 ทำให้กล้ามเนื้อเนี่ยมีการอ่อนแรงได้นะคะ
00:07:20 → 00:07:22 ก็จะรู้สึกอ่อนแรงเป็นตะคิวเดินไม่ค่อย
00:07:22 → 00:07:25 ไหวค่ะแล้วก็ถ้าเกิดว่าในมีในเรื่องของ
00:07:25 → 00:07:28 โซเดียมในร่างกายผิดปกติมากๆเนี่ยอาจจะทำ
00:07:28 → 00:07:31 ให้คนไข้ซึมลงหรือว่ามีภาวะชักเกรงได้เลย
00:07:31 → 00:07:35 ค่ะอาจารย์คะหลักในการดื่มน้ำของผู้ป่วย
00:07:35 → 00:07:37 ที่เป็นโรคเบาจืดจะต่างจากคนทั่วไปอย่าง
00:07:37 → 00:07:41 ไรบ้างคะส่วนตัวหมอเนี่หมอจะแบ่งคนไข้ออก
00:07:41 → 00:07:43 เป็น 2 ประเภทนะคะประเภทแรกเลยเนี่ยก็คือ
00:07:43 → 00:07:46 ยังมีการทำงานของสมองส่วนไฮโปทาลามัสยัง
00:07:46 → 00:07:49 ปกติอยู่ทำไมถึงต้องให้ความสำคัญกับสมอง
00:07:49 → 00:07:51 ส่วนไฮโปทาลามัสเพราะสมองส่วนนี้เนี่ย
00:07:51 → 00:07:55 เป็นส่วนที่ควบคุมภาวะหิวน้ำค่ะถ้าเกิด
00:07:55 → 00:07:58 ว่าคนไข้เนี่ยมีสมองส่วนนี้ที่ปกติเนี่ย
00:07:58 → 00:08:00 ไม่ว่าเขาจะเสียน้ำไปมากแค่ไหนไม่ว่าเขา
00:08:00 → 00:08:03 จะปัสสาวะออกมากแค่ไหนเสียเหงื่อมากแค่
00:08:03 → 00:08:06 ไหนร่างกายเนี่ยก็จะเตือนเขาด้วยการไปกิน
00:08:06 → 00:08:09 น้ำได้แล้วนะหิวน้ำขึ้นมาทันทีค่ะดังนั้น
00:08:09 → 00:08:12 เนี่ยในคนไข้กลุ่มแรกเนี่ยค่ะก็จะไม่ค่อย
00:08:12 → 00:08:14 มีความผิดปกติต่อเกลือแร่เท่าไหร่ค่ะ
00:08:14 → 00:08:16 เพราะว่าจะกินน้ำแต่แค่บางทีเนี่ยอาจจะ
00:08:16 → 00:08:19 ต้องดื่มน้ำบ่อยดื่มน้ำเยอะหิวน้ำบ่อยแค่
00:08:19 → 00:08:22 นั้นเองค่ะแต่ว่าคนไข้กลุ่มที่ 2 เนี่ย
00:08:22 → 00:08:25 เป็นกลุ่มที่ถ้าเจอแล้วก็ค่อนข้างคิดหนัก
00:08:25 → 00:08:27 นิดนึงค่ะเพราะว่าเป็นคนไข้ที่มีความผิด
00:08:27 → 00:08:30 ปกติของสมองส่วนไฮโปทาลามัสไม่ว่าเขาจะ
00:08:31 → 00:08:34 เสียน้ำไปแค่ไหนเกลือแร่ผิดปกติมากแค่ไหน
00:08:34 → 00:08:37 คนไข้จะไม่รู้สึกหิวน้ำเลยค่ะเมื่อหมอเจอ
00:08:37 → 00:08:40 คนไข้ประเภทที่ 2 เนี่ยหมอก็จะต้องบอกให้
00:08:40 → 00:08:44 เขาเนี่ยไปจดน้ำมาค่ะจดน้ำก็คือไปจดมาเลย
00:08:44 → 00:08:48 ค่ะว่าตอนเช้ากินน้ำกี่ซีซีกินกับข้าว
00:08:48 → 00:08:52 เนี่ยน้ำซุปเนี่ยกี่ซีซีแล้วก็ปัสสาวะออก
00:08:52 → 00:08:56 มาเนี่ยกี่ซีซีรวมๆกันในทั้งวันค่ะมันก็
00:08:56 → 00:08:58 จะลำบากนิดนึงนะคะแต่เป็นเรื่องที่จำเป็น
00:08:58 → 00:09:01 มากๆค่ะพอหมอได้ข้อมูลประมาณนี้หมอก็จะ
00:09:01 → 00:09:04 ทราบแล้วว่าอ๋อโอเควันนึงคนไข้เนี่ยเสีย
00:09:04 → 00:09:06 น้ำออกไปทางปัสสาวะเนี่ยประมาณกี่ซีซี
00:09:06 → 00:09:09 แล้วก็จะต้องทานดื่มน้ำเข้าไปเนี่ยให้ทด
00:09:09 → 00:09:13 แทนที่เสียไปเนี่ยเช้าต้องกี่ซีซีเที่ยง
00:09:13 → 00:09:16 กี่ซีซีเย็นกี่ซีซีก่อนนอนต้องเท่าไหร่
00:09:16 → 00:09:18 อย่างเงี้ยค่ะซึ่งมันก็จะค่อนข้างละเอียด
00:09:18 → 00:09:21 มากๆเลยค่ะอาจารย์คะแล้วผู้ป่วยโรคเบาจืด
00:09:21 → 00:09:23 นั้นสามารถดื่มเครื่องดื่มอย่างอื่นได้
00:09:23 → 00:09:26 มั้ยคะไม่ว่าจะเป็นชากาแฟน้ำอัดลมและจะ
00:09:26 → 00:09:30 ต้องระวังมากกว่าคนทั่วไปอย่างอะไบ้างคะ
00:09:30 → 00:09:32 จริงๆแล้วเนี่ยผู้ป่วยโรคเบาจืดเนี่ย
00:09:32 → 00:09:35 สามารถทานน้ำได้หมดเลยนะคะแต่ว่าจะมีบาง
00:09:35 → 00:09:39 อย่างที่หมออยากให้ระวังเช่นชากาแฟจริงๆ
00:09:39 → 00:09:41 ทานได้แต่ว่าไม่ควรที่จะต้องทานเยอะมาก
00:09:41 → 00:09:43 เพราะว่าชากาแฟเนี่ยมันมีฤทธิ์ในการขับ
00:09:43 → 00:09:46 ปัสสาวะได้นะคะเราก็จะเสียน้ำมากขึ้นไป
00:09:46 → 00:09:49 อีกนะคะอีกชนิดนึงค่ะที่หมอเตือนไว้เลยก็
00:09:49 → 00:09:52 คือแอลกอฮอล์ค่ะแอลกอฮอล์เนี่ยหลายๆท่าน
00:09:52 → 00:09:54 ขนาดคนปกติดื่มไปปุ๊บยังมีกับการปวด
00:09:54 → 00:09:57 ปัสสาวะบ่อยเพราะว่ามันมีฤทธิ์ในการขับ
00:09:57 → 00:09:59 น้ำออกค่ะดังนั้นในผู้ป่วยโรคนี้นะคะหมอ
00:09:59 → 00:10:02 คิดว่าเลี่ยงแอลกอฮอล์ได้ดีที่สุดค่ะ
00:10:02 → 00:10:05 อาจารย์ขาโรคเบาจืดเนี่ยมีความอันตรายมาก
00:10:05 → 00:10:09 น้อยแค่ไหนคะและสามารถรักษาได้หรือเปล่า
00:10:09 → 00:10:11 นอกจากนี้ค่ะอาจารย์ยังมีวิธีการรักษา
00:10:11 → 00:10:15 อย่างไรบ้างคะปัจจุบันนะคะโรคเบาจืดเนี่ย
00:10:15 → 00:10:18 ถือว่ามีภาวะที่อันตรายมากๆถ้าไม่ได้รับ
00:10:18 → 00:10:21 การรักษาค่ะถ้าเกิดว่าได้รับการรักษา
00:10:21 → 00:10:23 เนี่ยปัจจุบันเรารักษาได้นะคะแต่ถามว่า
00:10:23 → 00:10:26 หายขาดหรือเปล่าเนี่ยอืมค่อนข้างยากค่ะ
00:10:26 → 00:10:30 เรารักษาได้โดยการให้รับประทานฮอร์โมนทด
00:10:30 → 00:10:32 แทนค่ะในร่างกายเราเนี่ยจริงๆแล้วโรคเปา
00:10:32 → 00:10:35 จึกเกิดจากภาวะการขาดฮอร์โมนที่ควบคุม
00:10:35 → 00:10:38 สมดุลน้ำนะคะปัจจุบันเนี่ยในโลกเราเนี่ย
00:10:38 → 00:10:41 ก็มียาค่ะที่ทดแทนฮอร์โมนตัวนี้ขึ้นมา
00:10:41 → 00:10:44 แล้วก็ออกฤทธได้ค่อนข้างดีมากเลยซึ่งยา
00:10:44 → 00:10:46 เนี่ยก็จะมีทั้งรูปแบบเป็นเม็ดรับประทาน
00:10:46 → 00:10:50 มีแบบยาฉีดด้วยนะคะแล้วก็มีแบบยาพ่นจมูก
00:10:50 → 00:10:52 ด้วยซึ่งในแต่ละรูปแบบเนี่ยหมอก็จะเลือก
00:10:52 → 00:10:55 ให้เหมาะสมกับคนไข้แต่ละคนค่ะขั้นตอนการ
00:10:55 → 00:10:59 วินิจฉัยโรคเบาจืดค่ะอาจารย์มีอะไรบ้างคะ
00:10:59 → 00:11:02 สำหรับขั้นตอนในการวินิจฉัยโรคเบาจืดนะคะ
00:11:02 → 00:11:05 อันดับแรกเลยก็คือว่าหมอเนี่ยจะต้องให้คน
00:11:05 → 00:11:08 ไข้เนี่ยไปจดปัสสวะมาก่อนว่าจริงๆแล้วอ่ะ
00:11:08 → 00:11:11 ปัสสาวะออกเยอะจริงๆมเพราะว่าคนไข้บาง
00:11:11 → 00:11:14 ท่านเนี่ยก็จะมาบ่นว่าโอคุณหมอปัสสาวะ
00:11:14 → 00:11:17 เยอะแต่พอจดมาแล้วปริมาณจริงๆมันไม่ได้
00:11:17 → 00:11:20 ตรงกับคำวินิจฉัยของภาวะเบาจืดก็ต้องไปจด
00:11:20 → 00:11:23 มาก่อนค่ะว่าปัสสาวะวันนึงกี่ซีซีอย่าง
00:11:23 → 00:11:25 เงี้ยค่ะทีนี้หลังจากที่หมอได้ข้อมูลตรง
00:11:25 → 00:11:28 นั้นหมอก็จะมาดูโอเคถ้าเข้ากันได้กับภาวะ
00:11:28 → 00:11:30 เบาสื่อเนี่ยหมอก็จะต้องไปตรวจเพิ่มว่า
00:11:30 → 00:11:33 เอ๊ะภาวะที่ปัสสาวะเยอะมันเกิดจากสาเหตุ
00:11:33 → 00:11:37 ใดกันแน่มันเกิดจากภาวะต่อมใต้สมองเกิด
00:11:37 → 00:11:41 จากสมองส่วนไฮโปทาลามัสเกิดจากไตหรือ
00:11:41 → 00:11:43 เปล่าหรือเกิดจากยาหรือเกิดจากผู้ป่วย
00:11:43 → 00:11:45 ดื่มน้ำเยอะเกินไปอะไรอย่างเงี้ยค่ะซึ่ง
00:11:45 → 00:11:48 ขั้นตอนเนี่ยหมอก็จะให้คนไข้เนี่ยมานอน
00:11:48 → 00:11:51 โรงพยาบาลนะคะแล้วก็มีการงดน้ำงดอาหารจะ
00:11:51 → 00:11:54 ต้องมีการเจาะเลือดดู่าเกลือแร่มีการตรวจ
00:11:54 → 00:11:58 ปัสสาวะดูความเข้มข้นของปัสสาวะแล้วก็เรา
00:11:58 → 00:12:00 ก็จะนำผลเลือดทุกอย่างเนี่ยไปประมวลเอา
00:12:00 → 00:12:03 ค่ะว่าจริงๆแล้วเนี่ยภาวะเบาจืดของคนไข้
00:12:03 → 00:12:06 เนี่ยเกิดจากสาเหตุอะไรกันแน่ค่ะมีวิธี
00:12:06 → 00:12:08 การป้องกันค่ะอาจารย์ไม่ให้เกิดโรคเบาจืด
00:12:08 → 00:12:12 ได้หรือไม่อย่างไรคะขั้นตอนการรักษาจริงๆ
00:12:12 → 00:12:14 แล้วคือต้องรักษาที่สาเหตุก่อนอืสำหรับ
00:12:14 → 00:12:17 ขั้นตอนการรักษาโรคเบาจืดนะคะถ้าเป็น
00:12:17 → 00:12:20 สาเหตุเช่นเ่อต่อมใต้สมองมีภาวะอักเสบก็
00:12:20 → 00:12:22 ต้องรักษาการอักเสบนั้นถ้าเกิดว่ามีใน
00:12:23 → 00:12:24 เรื่องของเนื้องอกก็ต้องรักษาภาวะเนื้อ
00:12:24 → 00:12:27 งอกนั้นนะคะแล้วก็เราก็จะรักษาประคับ
00:12:27 → 00:12:30 ประคองเรื่องของเบาจืดด้วยการให้ยาค่ะ
00:12:30 → 00:12:32 จริงๆก็ไม่ได้มีการรักษาอื่นแล้วถ้าเป็น
00:12:32 → 00:12:35 ในเรื่องโรคอื่นๆอาจจะมีการให้เคมีบำบัด
00:12:35 → 00:12:38 มีการให้ฉายแสงได้ๆแต่ในโรคของหมอเนี่ยมี
00:12:38 → 00:12:41 แค่การรับประทานยาเฉยๆค่ะอาจารย์ขาผู้
00:12:41 → 00:12:44 ป่วยโรคเบาจืดนั้นสามารถออกกำลังกายได้
00:12:44 → 00:12:47 หรือไม่และสามารถที่จะรับประทานอาหาร
00:12:47 → 00:12:49 ประเภทใดได้บ้างคะต้องบอกเลยค่ะว่าคนไข้
00:12:50 → 00:12:53 โรคเบาจืดนะคะหมอคิดว่าสามารถใช้ชีวิตได้
00:12:53 → 00:12:56 ตามปกติคนทั่วไปออกกำลังกายได้ค่ะออก
00:12:56 → 00:12:58 กำลังกายแต่ต้องระมัดระวังในเรื่องการออก
00:12:58 → 00:13:00 กำลังกำลังกายที่ต้องเสียเหงื่อเยอะ
00:13:00 → 00:13:03 สามารถออกได้ไหออกได้แต่ต้องดื่มน้ำทดแทน
00:13:03 → 00:13:07 นะคะเช่นการออกกำลังกายไปวิ่งไปวิ่งเยอะๆ
00:13:07 → 00:13:09 ที่ต้องเสียเหงื่อเยอะหมอว่าถ้าเราทาน
00:13:09 → 00:13:11 ดื่มถ้าเราคิดว่าเราจะดื่มน้ำไม่ทันแน่ๆ
00:13:11 → 00:13:13 เนี่ยหมอคิดว่าอาจจะหลีกเลี้ยงดีกว่าอาจ
00:13:13 → 00:13:16 จะออกกำลังกายที่เสียเงื่อน้อยหน่อยนะคะ
00:13:16 → 00:13:18 แต่ถ้าเราชอบเราชอบที่จะไปวิ่งอยากออก
00:13:18 → 00:13:21 กำลังกายก็ไม่ใช่ข้อห้ามนะคะแต่เราต้อง
00:13:21 → 00:13:24 รับประทานน้ำเพิ่มเข้าไปนะคะสำหรับอาหาร
00:13:24 → 00:13:28 นะคะหมอคิดว่าทานได้หมดค่ะยกเว้นของเค็ม
00:13:28 → 00:13:31 ค่ะอาหารเค็มอาหารที่มีเกลือโซเดียมสูง
00:13:31 → 00:13:34 มันก็จะแทรกอยู่ในพวกของหมักของดองนะคะ
00:13:34 → 00:13:36 หรือว่าเป็นพวกอาหารแปรรูปนะคะไม่ว่าจะ
00:13:36 → 00:13:39 เป็นกุนเชียงแฮมอะไรต่างๆนะคะพวกนี้เนี่ย
00:13:39 → 00:13:42 โซเดียมในเลือดสูงโซเดียมในอาหารสูงนะคะ
00:13:42 → 00:13:45 มันก็จะทำให้ไตเนี่ยขับเอาน้ำออกมามาก
00:13:45 → 00:13:47 ขึ้นนะคะแล้วก็สุดท้ายค่ะอย่างที่หมอบอก
00:13:48 → 00:13:50 ไว้แอลกอฮอล์ค่ะเป็นสิ่งที่หมออยากให้
00:13:50 → 00:13:53 หลีกเลี่ยงนะคะขอบพระคุณอาจารย์แพทย์ผู้
00:13:53 → 00:13:55 เชี่ยวชาญนะคะที่มาให้ความรู้ความเข้าใจ
00:13:55 → 00:13:58 ในเรื่องของเบาจืดกันมากขึ้นและในช่วงนี้
00:13:58 → 00:14:01 นะะนะคะเราจะมารู้จักประโยชน์ของน้ำแร่
00:14:01 → 00:14:05 และข้อควรระวังผู้ป่วยโรคอะไรบ้างที่ห้าม
00:14:05 → 00:14:08 ดื่มค่ะน้ำแร่คือน้ำบาดาลจากแหล่ง
00:14:08 → 00:14:11 ธรรมชาติหรือจากแหล่งน้ำที่พบว่ามีแร่
00:14:11 → 00:14:14 ธาตุสูงเช่นแหล่งน้ำพุน้ำผุดตามธรรมชาติ
00:14:14 → 00:14:18 จากต้นน้ำจึงมีแร่ธาตุที่ละลายอยู่ในน้ำ
00:14:18 → 00:14:21 ไม่ใช่การนำแร่ธาตุมาเติมเองนะคะโดยทั่ว
00:14:21 → 00:14:24 ไปจะประกอบด้วยแร่ธาตุอาทิแคลเซียม
00:14:24 → 00:14:27 แมกนีเซียมไบคาร์บอเนตโซเดียมโพแทสเซียม
00:14:27 → 00:14:29 คลอไรด์ฟู
00:14:29 → 00:14:32 ซึ่งแต่ละที่ก็ให้รสชาติและกลิ่งที่แตก
00:14:32 → 00:14:34 ต่างกันไปโดยจะนำมาผ่านกระบวนการปรับ
00:14:34 → 00:14:38 ปริมาณก๊าซและกำจัดสารประกอบที่ไม่คงตัว
00:14:38 → 00:14:41 รวมถึงสิ่งปนเปื้อนโดยทำให้ตกตะกอนหรือมี
00:14:41 → 00:14:45 การกรองนะคะทำการฆ่าเชื้อโรคก่อนนำมาจัด
00:14:45 → 00:14:48 จำหน่ายองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐ
00:14:48 → 00:14:50 อเมริกาค่ะได้ตั้งข้อกำหนดเกี่ยวกับน้ำ
00:14:50 → 00:14:53 แร่ว่าจะต้องเป็นน้ำที่มีแร่ธาตุอยู่ไม่
00:14:53 → 00:14:57 ต่ำกว่า 250 ส่วนต่อล้านและไม่อนุญาตให้
00:14:57 → 00:15:00 เติมแต่งแร่ธาตุเพิ่มเติมในระหว่างการ
00:15:00 → 00:15:03 บรรจุขวดจึงจะสามารถเรียกได้ว่าเป็นน้ำ
00:15:03 → 00:15:07 แร่ธรรมชาติข้อดีของการดื่มน้ำแร่คืออะไร
00:15:07 → 00:15:10 น้ำแร่ช่วยบำรุงหัวใจเช่วยไหมว่าน้ำแร่
00:15:10 → 00:15:13 ธรรมชาติที่ดีต่อร่างกายไม่เว้นแม้แต่หัว
00:15:13 → 00:15:16 ใจนะคะมีข้อมูลจากต่างประเทศค่ะได้ศึกษา
00:15:16 → 00:15:19 ไว้ว่าผู้หญิงวัยหลังหมดประจำเดือนเมื่อ
00:15:19 → 00:15:22 ดื่มน้ำแร่ธรรมชาติวันละ 1 ลิตรเป็นเวลา 2
00:15:22 → 00:15:25 เดือนช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีนะคะ
00:15:25 → 00:15:29 ldl และเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลชนิดดี hdl
00:15:29 → 00:15:31 เนื่องจากคอเลสเตอรอลที่สูงจะเพิ่มความ
00:15:31 → 00:15:34 เสี่ยงต่อโรคหัวใจและภาวะอื่นๆน้ำแร่จะ
00:15:34 → 00:15:38 ช่วยให้หัวใจแข็งแรงและทำงานอย่างถูกต้อง
00:15:38 → 00:15:41 สำหรับคนทั่วไปการดื่มน้ำแร่วันละ 8-10
00:15:41 → 00:15:44 แก้วเป็นประจำจะช่วยลดความหนืดของเลือดไป
00:15:44 → 00:15:47 เจือจางสารพิษที่เกาะบริเวณหลอดเลือดซึ่ง
00:15:47 → 00:15:49 เป็นสาเหตุของโรคหัวใจอีกทั้งยังช่วยให้
00:15:49 → 00:15:53 การไหลเวียนของเลือดดีขึ้นน้ำแร่ธรรมชาติ
00:15:53 → 00:15:56 ดีต่อการทำงานของสมองมีงานวิจัยออกมาว่า
00:15:56 → 00:15:59 การดื่มน้ำแร่ธรรมชาติตอนเช้าหลังตื่นนอน
00:15:59 → 00:16:02 ค่ะจะช่วยกระตุ้นให้สมองทำงานได้อย่างดี
00:16:02 → 00:16:05 ตลอดทั้งวันสมองสดชื่นสำหรับการเรียนและ
00:16:05 → 00:16:08 การทำงานหากตอนเช้าไม่ดื่มน้ำมากๆแล้วทำ
00:16:08 → 00:16:11 กิจวัตรประจำวันจะก่อให้เกิดการกระหายน้ำ
00:16:11 → 00:16:14 รู้สึกอ่อนเพลียไม่กระปี้กระเป๋่าเบลอ
00:16:14 → 00:16:17 เบลอก็อาจทำให้สมองของเราสูญเสียน้ำอย่าง
00:16:17 → 00:16:21 รวดเร็วได้น้ำแร่ช่วยเสริมสร้างกระดูกน้ำ
00:16:21 → 00:16:24 แร่ธรรมชาติมีแคลเซียมที่เป็นแร่ธาตสำคัญ
00:16:24 → 00:16:27 ที่ช่วยทำให้กระดูกแข็งแรงข้อมูลจากพลการ
00:16:27 → 00:16:30 ศึกษาเมื่อปี 2000 560 พบว่าน้ำแร่
00:16:30 → 00:16:33 ธรรมชาติมีแคลเซียมในปริมาณสูงจึงสามารถ
00:16:33 → 00:16:36 ช่วยเพิ่มปริมาณแคลเซียมในร่างกายได้อีก
00:16:36 → 00:16:38 ทั้งยังมีแมกนีเซียมที่เป็นตัวเสริมให้
00:16:38 → 00:16:40 กระดูกแข็ง
00:16:40 → 00:16:44 แรงดีต่อทางเดินอาหารเพราะในน้ำแร่จะมี
00:16:44 → 00:16:47 แร่ธาตุแมกนีเซียมค่ะแร่ธาตุแมกนีเซียม
00:16:47 → 00:16:50 นั้นจะมีประโยชน์ในการช่วยทำให้ร่างกาย
00:16:50 → 00:16:52 เกิดการดึงสารน้ำเข้ามาในระบบทางเดิน
00:16:52 → 00:16:55 อาหารทำให้ลดอาการท้องผูกได้และเมื่อมี
00:16:55 → 00:16:57 มวลน้ำที่เหมาะสมนะคะการขับถ่ายก็จะเป็น
00:16:57 → 00:17:01 ปกติมากขึ้นค่ะน้ำแร่ธรรมชาติช่วยให้ผิว
00:17:01 → 00:17:05 พรรณสดใสแข็งแรงเชื่อไหมคะว่าแค่น้ำแร่
00:17:05 → 00:17:08 ธรรมชาติธรรมดาก็ช่วยให้ผิวพรรณสดใสแข็ง
00:17:08 → 00:17:12 แรงได้เพราะในน้ำแร่ธรรมชาติมีแร่ธาตุที่
00:17:12 → 00:17:14 เป็นส่วนประกอบสำคัญของกรดอะมิโนที่ช่วย
00:17:14 → 00:17:18 ลดอาการท้องอืดท้องผูกทำให้ผิวพรรณสดใส
00:17:18 → 00:17:20 อย่างเป็นธรรมชาติหากเราดื่มน้ำแร่
00:17:20 → 00:17:22 ธรรมชาติเป็นประจำก็จะช่วยบำรุงผิวให้
00:17:23 → 00:17:26 ชุ่มชื้นอิ่มน้ำชะลอการเกิดนิ้วรอยและลด
00:17:26 → 00:17:29 ความแห้งก้านของผิวได้เป็นอย่างดีอย่างไร
00:17:29 → 00:17:32 ก็ตามนะคะการดื่มน้ำแร่อาจไม่เหมาะกับทุก
00:17:32 → 00:17:35 คนก็บุคคลต่อไปนี้อาจจะต้องพึงระวังหน่อย
00:17:35 → 00:17:39 ในการดื่มน้ำแร่ค่ะ 1 ผู้ที่เป็นโรคหัวใจ
00:17:39 → 00:17:43 น้ำแร่บางชนิดมีปริมาณโพแทสเซียมสูงค่ะ
00:17:43 → 00:17:47 ซึ่งอาจทำให้อาการของโรคหัวใจแย่ลง 2 ผู้
00:17:47 → 00:17:51 ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงน้ำแร่บางชนิด
00:17:51 → 00:17:54 ค่ะมีปริมาณโซเดียมที่สูงเกินไปซึ่งอาจทำ
00:17:54 → 00:17:57 ให้ความดันโลหิตสูงขึ้น 3 ผู้ที่เป็นโรค
00:17:57 → 00:18:01 ไตน้ำแร่บางชนิดมีปริมาณโซเดียมที่สูง
00:18:01 → 00:18:05 เกินควรนะคะซึ่งอาจทำให้อาการของโรคไตแย่
00:18:05 → 00:18:09 ลง 4 ผู้ที่กำลังรับประทานยาบางชนิดน้ำ
00:18:09 → 00:18:12 แร่อาจทำปฏิกิริยากับยาทำให้ประสิทธิภาพ
00:18:12 → 00:18:16 ของยาลดลงหรือเพิ่มผลข้างเคียงของยาได้ 5
00:18:16 → 00:18:19 เด็กเล็กสำหรับเด็กเล็กนั้นการพัฒนา
00:18:19 → 00:18:23 อวัยวะของเด็กเล็กอาจจะยังไม่สมบูรณ์นัก
00:18:23 → 00:18:26 ดังนั้นการดื่มน้ำแร่อาจจะส่งผลทำให้
00:18:26 → 00:18:29 เสมือนว่ามีปริมาณแร่าตสูงเกินไปสำหรับ
00:18:30 → 00:18:32 เด็กเล็กค่ะดังนั้นควรให้ดื่มน้ำเปล่า
00:18:32 → 00:18:35 เป็นหลักก่อนและหลังจากที่เด็กเริ่มเติบ
00:18:35 → 00:18:39 โตแล้วจึงค่อยให้ดื่มน้ำแร่แล้วการดื่ม
00:18:39 → 00:18:42 น้ำแร่ดีกว่าการดื่มน้ำเปล่าทั่วไปหรือ
00:18:42 → 00:18:46 ไม่อย่างไรก่อนที่จะมาพิจารณาเปรียบเทียบ
00:18:46 → 00:18:49 กันนะคะระหว่างน้ำแร่กับน้ำอื่นๆค่ะเรา
00:18:49 → 00:18:51 ต้องพิจารณาเพื่อให้เราเข้าใจตรงกันก่อน
00:18:51 → 00:18:54 ค่ะว่าน้ำที่เรานำมาเปรียบเทียบกันในที่
00:18:54 → 00:18:57 นี้คือน้ำที่ผ่านมาตรฐานการผลิตจากองค์
00:18:57 → 00:19:02 การอาหารและยาหรือว่าอยและได้รับเลขจด
00:19:02 → 00:19:05 แจ้งอยอย่างชัดเจนเพราะน้ำที่ไม่ได้ผ่าน
00:19:05 → 00:19:09 การตรวจสอบจากอยอาจมีเรื่องของสารเคมี
00:19:09 → 00:19:12 เชื้อโรคหรือสิ่งแปลกตลอมทางกายภาพเช่น
00:19:12 → 00:19:16 ฝุ่นผงดินทรายไม่เหมาะสมที่จะนำมาบริโภค
00:19:16 → 00:19:19 ซึ่งถึงแม้นำน้ำเหล่านี้มาทำความสะอาด
00:19:19 → 00:19:22 ด้วยการต้มด้วยการกรองแล้วก็ตามอาจยังไม่
00:19:22 → 00:19:25 เหมาะสมต่อการบริโภคได้คราวนี้กลับมา
00:19:25 → 00:19:28 เทียบกันนะคะระหว่างน้ำแร่และน้ำดื่มหรือ
00:19:28 → 00:19:31 หรือน้ำเปล่าทั่วไปน้ำดื่มหรือน้ำเปล่า
00:19:31 → 00:19:34 ทั่วไปส่วนใหญ่ที่ขายในท้องตลาดเป็นน้ำ
00:19:34 → 00:19:36 ที่ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า revere
00:19:36 → 00:19:40 osmosis หรือ RO ซึ่งถึงแม้จะมีข้อดี
00:19:40 → 00:19:43 เรื่องของความสะอาดแต่ข้อด้อยของน้ำที่
00:19:43 → 00:19:46 ต้องยอมรับกันยงตรงไปตรงมาคือค่าความเป็น
00:19:46 → 00:19:50 กรดด่างของน้ำคือน้ำ R จะค่อนไปทางเป็น
00:19:50 → 00:19:54 กลางคือพีประมาณใกล้เคียง 7 ในขณะที่
00:19:54 → 00:19:56 เลือดของมนุษย์จะมีค่าความเป็นกรดด่าง
00:19:56 → 00:20:01 ค่อนไปทางด่างคือพ pH ประมาณ 7.35 -
00:20:01 → 00:20:05 7.45 นั่นทำให้น้ำแร่มีข้อดีในแง่ของค่า
00:20:05 → 00:20:08 ความเป็นกรดด่างใกล้เคียงค่าของเลือดมาก
00:20:08 → 00:20:12 กว่าเพราะน้ำแร่จะมีค่าความเป็นกรดด่าง
00:20:12 → 00:20:16 ค่อนไปทางด่างจากแร่ธาตุที่อยู่ในน้ำแร่
00:20:16 → 00:20:19 อย่างไรก็ตามค่าความเป็นด่างนี้ก็จะขึ้น
00:20:19 → 00:20:23 กับชนิดของแร่ธาตุและปริมาณแร่ธาตุที่มี
00:20:23 → 00:20:26 อยู่ในน้ำแร่ซึ่งจะมีรายละเอียดปลีกย่อย
00:20:26 → 00:20:29 ไปอีกค่ะว่าค่าปริมาณเหล่านี้ควรมีค่า
00:20:29 → 00:20:32 เท่าไหร่ดังนั้นในปัจจุบันกรณีที่ผู้
00:20:32 → 00:20:35 บริโภคเลือกดื่มได้จึงมักนิยมน้ำแร่ด้วย
00:20:35 → 00:20:40 เหตุผลนี้อย่างไรก็ตามมีคำถามว่าหากผู้
00:20:40 → 00:20:43 บริโภคอยู่ในบริบทที่ไม่สามารถดื่มน้ำแร่
00:20:43 → 00:20:46 ได้และจำเป็นต้องดื่มน้ำอาโอนั้นจะทำ
00:20:46 → 00:20:50 อย่างไรคำตอบคือผู้บริโภคจำเป็นที่ต้อง
00:20:50 → 00:20:52 พยายามรับประทานอาหารกลุ่มที่มีแร่ธาตุ
00:20:52 → 00:20:55 ที่มีผลสนับสนุนให้ค่าความเป็นกรดด่างของ
00:20:55 → 00:20:59 เลือดที่เป็นด่างมีความปกติเช่นพืชผักใบ
00:20:59 → 00:21:03 เขียวเช่นผักคะน้าผักกวางตุ้งที่ปลูกจาก
00:21:03 → 00:21:06 ดินที่มีแร่ธาตุที่เหมาะสมผลไม้ที่มีความ
00:21:06 → 00:21:10 หวานน้อยเช่นฝรั่งชมพู่แอปเปิ้ลรสอาหาร
00:21:10 → 00:21:13 ที่โทรมสุขภาพคืออาหารที่เอื้อต่อการ
00:21:13 → 00:21:15 สร้างความเป็นกรดด่างของเลือดที่เป็นกรด
00:21:15 → 00:21:19 เช่นอาหารทอดด้วยน้ำมันอาหารเนื้อสัตว์
00:21:19 → 00:21:22 ที่มากเกินควรอาหารที่มีส่วนผสมของน้ำตาล
00:21:22 → 00:21:26 และไขมันสูงเช่นไอศกรีมน้ำอัดลมน้ำผลไม้
00:21:26 → 00:21:29 ที่มีส่วนผสมของน้ำตาลสูงเป็นต้นอย่างไร
00:21:29 → 00:21:32 ก็ตามนะคะน้ำแร่ที่มาจากแหล่งผลิตแต่ละ
00:21:32 → 00:21:36 ที่จะมีปริมาณแร่ธาตุที่แตกต่างกันได้ดัง
00:21:36 → 00:21:39 นั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้บริโภคควรหาข้อ
00:21:39 → 00:21:42 มูลก่อนว่าน้แร่ชนิดนั้นๆมีปริมาณแร่ธาตุ
00:21:42 → 00:21:46 อย่างไรเหมาะสมกับการนำมาดื่มจริงหรือ
00:21:46 → 00:21:49 ไม่เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับสาระดีๆที่ราย
00:21:50 → 00:21:53 การ TNN นำมาฝากคุณผู้ชมกันในวันนี้หวัง
00:21:53 → 00:21:55 เป็นอย่างยิ่งว่าคุณผู้ชมจะนำความรู้ดีๆ
00:21:55 → 00:21:59 ที่ได้นะคะไปดูแลครอบครัวเพให้สุขภาพแข็ง
00:21:59 → 00:22:02 แรงทั้งกายและใจกันและขอบคุณคุณผู้ชมที่
00:22:02 → 00:22:05 ติดตามรับชมรายการ TNN Health มาโดยตลอด
00:22:05 → 00:22:08 ค่ะคุณผู้ชมสามารถติดตามรับชมรายการ TNN
00:22:08 → 00:22:11 Health ได้เป็นประจำทุกวันเสาร์ค่ะเวลา
00:22:11 → 00:22:16 ดี 1500 น- 15:30 นีที่นี่ TNN ช่อง 16
00:22:16 → 00:22:18 ค่ะและอย่าลืมติดตามรับชมนะคะทางช่อง
00:22:18 → 00:22:21 โซเชียล Network ต่างๆไม่ว่าจะเป็น
00:22:21 → 00:22:23 YouTube tkt Facebook Instagram หรือ
00:22:24 → 00:22:26 LINE official ค่ะอย่าลืมกดไลค์กดแชร์
00:22:26 → 00:22:28 กด Subscribe เป็นกำลังใจให้หมอดาวและทีม
00:22:29 → 00:22:32 งานด้วยและที่สำคัญค่ะวันนี้นะคะเราต้อง
00:22:32 → 00:22:35 ขอขอบคุณค่ะเจ้าภาพที่เอื้อเฟื้อสถานที่
00:22:35 → 00:22:37 ในการถ่ายทำนั่นก็คือ True Digital Park
00:22:37 → 00:22:40 ค่ะขอบคุณมาณที่นี้ด้วยนะคะเพื่อที่จะ
00:22:40 → 00:22:43 เข้าถึงาระสุขภาพเสริมภูมิคุ้มกันรู้ทัน
00:22:43 → 00:22:47 โรคไปด้วยกันวันนี้หมอดาวและรายการ TE He
00:22:47 → 00:22:51 ต้องขอตัวลาคุณผู้ชมไปก่อนสวัสดี
00:22:51 → 00:22:56 [เพลง]
00:22:56 → 00:22:58 ค่ะ
00:22:58 → 00:23:26 [เพลง]
00:23:26 → 00:23:37 เ
00:23:38 → 00:23:41 อ