00:00:00 → 00:00:00 ก็
00:00:00 → 00:00:07 [เพลง]
00:00:07 → 00:00:11 สวัสดีครับผมสวัสดีเช้าวันพฤหัสบดีครับ
00:00:11 → 00:00:14 วันนี้วันพฤหัสที่ 29 ตุลาคมนะครับแล้วก็
00:00:14 → 00:00:17 เป็นวันฮาโลวีด้วยนะครับผมวันนี้ก็ลูกสาว
00:00:17 → 00:00:21 ผมก็แต่งตัวนะครับเป็นสเกเลตันนะครับกลัว
00:00:21 → 00:00:24 มากๆครับหลอกกันตั้งแต่เช้านะครับก็สนุก
00:00:24 → 00:00:26 สนานกันไปนะครับสำหรับวันฮาโลวีนนะครับก็
00:00:26 → 00:00:29 ถือว่าเป็นเป็นอะไรที่
00:00:29 → 00:00:33 นี่แหล่ะนะครับสนุกสนานนะครับก็ร่วมสนุก
00:00:33 → 00:00:36 กับเข้าไปนะครับก็วันนี้ครับจะมาให้ความ
00:00:36 → 00:00:40 รู้เกี่ยวกับเรื่องของน้ำตานะครับฮาโลวีน
00:00:40 → 00:00:43 ก็จะต้องมีแจกขนมขนมมีน้ำตรงน้ำตาลไอ้แบบ
00:00:43 → 00:00:46 พวกใส่นู่นใส่นี่ไว้แจกเนาะก็เลยนึกถึง
00:00:46 → 00:00:49 ว่าเออน้ำตานี่มันน่าจะให้ความรู้เกี่ยว
00:00:49 → 00:00:51 กับน้ำตาลกันสักนิดนึงเพราะว่าตัวน้ำตาล
00:00:51 → 00:00:55 เนี่ยนะครับมันเป็นอะไรที่อยู่เรานะทาน
00:00:55 → 00:00:57 กันเป็นประจำแล้วมันก็อร่อยด้วยใช่ไหม
00:00:57 → 00:01:01 ครับก็จะมาบอกว่า 3 ข้อนะครับที่ท่านจะ
00:01:01 → 00:01:04 ต้องรู้ก่อนเลยเมื่อท่านจะทาน้ำตาหรือ
00:01:04 → 00:01:06 ท่านเป็นคนที่ชอบทานน้ำตาลเพราะว่ามัน
00:01:06 → 00:01:09 เป็นสิ่งที่อันตรายมากๆครับไม่ได้ห้ามทาน
00:01:09 → 00:01:13 นะครับเพียงแต่ว่าต้องรู้ว่ามันมีความน่า
00:01:13 → 00:01:17 กลัวอย่างไรครับมาดูกันที่ข้อแรกก็เลย
00:01:17 → 00:01:20 ครับน้ำตาลถือเป็นสารเสพติดชนิดหนึ่งนะ
00:01:20 → 00:01:23 ครับถือเป็นสารเสพติดชนิดหนึ่งเลยเพราะ
00:01:23 → 00:01:28 หลายเพราะว่ามันยิ่งกินเรายิ่งเป็นไงอยาก
00:01:28 → 00:01:31 กินเรื่อยๆอยากทานเข้าไปอีกนะครับและ
00:01:31 → 00:01:34 เมื่อติดหวานทานหวานแล้วก็อยากจะทานหวาน
00:01:34 → 00:01:37 มากขึ้นมากขึ้นมาขึ้นไปอีกเพราะอะไรครับ
00:01:37 → 00:01:40 ตัวน้ำตานะครับเวลาเราทางเข้าไปในร่างกาย
00:01:40 → 00:01:43 เนี่ยเขาจะกระตุ้นสารที่ชื่อว่า dopamine
00:01:43 → 00:01:46 นั้นก็คือสารหลังความสุขทานแล้วมันจะ
00:01:46 → 00:01:48 แฮปปี้ให้ได้สังเกตนะเวลาท่านไทยขนมเนี่ย
00:01:48 → 00:01:52 จริงยิ้มแย้มเพิ่มสุขนะครับมันสรุปว่ากิน
00:01:52 → 00:01:55 ผักเยอะอ่ะผักมันท้ายเราจะไม่ค่อยยิ้มน่ะ
00:01:55 → 00:01:59 อ่านะครับแต่ผลไม้หวานๆนะครับหรือว่าขนม
00:01:59 → 00:02:01 มันว่ะมีอะไรจะยิ้มมีความสุขเนี่ยนะครับ
00:02:01 → 00:02:04 สารโดปามีนวันหลังนะครับแล้วก็น้ำตาล
00:02:04 → 00:02:06 เนี่ยมีความน่ากลัวอีกอย่างครับมันจะยับ
00:02:06 → 00:02:09 ยั้งนะครับสมองเราเนี่ย 0 ความกิมของเรา
00:02:09 → 00:02:13 นะว่าไม่รู้จักอิ่มนะครับเวลาลงกินขนม
00:02:13 → 00:02:16 หวานเหมือนมีกระเพาะนึงเลยนะเออเออมากิน
00:02:16 → 00:02:18 เท่าไหร่ก็ไม่อิ่มนะทั้งนี้เมื่อกี้กิน
00:02:18 → 00:02:21 ของคาวอิ่มเรียบร้อยแล้วก็ต่อของหวาน
00:02:21 → 00:02:24 เนี่ยไม่แน่มันเหมือนเพราะมันว่ามันจะ
00:02:24 → 00:02:27 เต็มจัดหนักได้ตลอดนะครับเพราะว่ามันไป
00:02:27 → 00:02:29 ปิดศูนย์ความผิดแบบนี้อันตรายนะครับทำให้
00:02:29 → 00:02:32 เราติดหวานติดน้ำตาลและต้องการน้ำตาล
00:02:32 → 00:02:35 เพิ่มขึ้นเรื่อยๆนะครับวันแรกอาจจะช้อน
00:02:35 → 00:02:38 เดียว 2 ช้อน 3 ช้อน 4 ช้อนคือมันจะด้าน
00:02:38 → 00:02:41 ชาเนี่ยครับเป็นความคลาสสิคของสารเสพติด
00:02:41 → 00:02:44 ชนิดหนึ่งเลยและน้ำตาลมีฤทธิ์อย่างนั้น
00:02:44 → 00:02:47 เลยทีเดียวอันตรายมากๆอยากจะให้ระหว่าง
00:02:47 → 00:02:50 ครับมาดูสิ่งที่ควรรู้ข้อที่ 2 เกี่ยวกับ
00:02:50 → 00:02:52 น้ำตาลครับนั่นคือ
00:02:52 → 00:02:58 นั้นตาลเป็นยาพิษพ่อเฮ้ยขนาดนั้นเลยเหรอ
00:02:58 → 00:03:00 เบาะมันไม่ถึงกับถ้าอ้าวแล้วจะทำให้ท่าน
00:03:00 → 00:03:03 ตายเสียชีวิตเหมือนในหนังจีนฮะแล้วก็อัก
00:03:03 → 00:03:06 เลือดอะไรอย่างนี้ไม่ใช่นะฮะเพียงแต่ว่า
00:03:06 → 00:03:09 ตัวน้ำตานะครับเวลานั้นเข้าไปในร่างกาย
00:03:09 → 00:03:11 ของเราแล้วเนี่ยส่วนหนึ่งเนี่ยมันมี
00:03:11 → 00:03:13 ประโยชน์นะครับน้ำตาหรือคาร์โบไฮเดรต
00:03:13 → 00:03:15 เนี่ยมันจะต้องไปเลี้ยงสมองเลี้ยงเซลล์
00:03:15 → 00:03:18 สมองนะครับทำให้ร่างกายสดชื่นถ้าเราได้
00:03:18 → 00:03:21 เลยร่างกายเราจะคอเห*่ยวเครียดไม่กระปรี้
00:03:21 → 00:03:24 กระเป๋าไม่ดีนะครับเพราะฉะนั้นต้องมีบ้าง
00:03:24 → 00:03:28 แต่ไม่มากเกินไปเมื่อไหร่ก็ตามที่น้ำตา
00:03:28 → 00:03:30 มันมากจนเกินไปนะครับสิ่งที่จะเกิดขึ้นก็
00:03:30 → 00:03:34 คือน้ำตาลจะวิ่งไปหาที่พักผ่อนอยู่ที่ตัด
00:03:34 → 00:03:37 ของท่านครับแล้วมันเป็นยังไงครับมันจะ
00:03:37 → 00:03:40 เปลี่ยนร่างกายนะครับไปเป็นไขมันนะครับ
00:03:40 → 00:03:45 ซึ่งนี่ก็คือสาเหตุของไขมันพอกตับเล่นเอง
00:03:45 → 00:03:48 และเมื่อถ้าเป็นไขมันพอกตับทุกคนก็บอกไป
00:03:48 → 00:03:50 ใช้มันโทรศัพท์ได้ไงก็เป็น VD บ่มันเป็น
00:03:50 → 00:03:52 อย่างนี้ฮะเมื่อถ้าเป็นไขมันพอกตับเนี่ย
00:03:52 → 00:03:55 เชียวตัดจะเกิดการอักเสบขึ้นทีละนิดทีละ
00:03:55 → 00:03:59 นิดทีละนิดเขาเรียกตายผ่อนส่งครับเมื่อ
00:03:59 → 00:04:02 เป็นชื่อเรื่องว่าหาเซลล์ไขมันพอกตับเยอะ
00:04:02 → 00:04:05 เนี่ยถ้าเราลดการหาน้ำตาควบคุมทุกอย่าง
00:04:05 → 00:04:08 ให้ดีออกกำลังกายสม่ำเสมอแบบนี้จะหายได้
00:04:08 → 00:04:11 นะครับไขมันพอกตับจะลดลงแต่
00:04:11 → 00:04:15 ถ้าเราปล่อยมันไปเรื่อยๆนะครับตัดจะเกิด
00:04:15 → 00:04:17 การอักเสบตัวไขมันนี่แหละที่เล่นหยิบทีละ
00:04:17 → 00:04:20 นิดทีละนิดจนกลายเป็นตับแข็งนะครับและสุด
00:04:20 → 00:04:23 ท้ายนะครับถ้าใครโชคร้ายตัวตับแข็งก็จะ
00:04:23 → 00:04:26 กลายเป็นเซลล์มะเร็งกลายเป็นมะเร็งตับทำ
00:04:26 → 00:04:28 ให้เสียชีวิตเลยจะให้น้ำตาลนี่แหละครับ
00:04:28 → 00:04:31 เพราะฉะนั้นต้องระมัดระวังให้ดีครับมัน
00:04:31 → 00:04:34 ต่อกันข้อที่ 3 ครับน้ำตาลแขวงอยู่ใน
00:04:34 → 00:04:37 อาหารแทบทุกชนิดนะครับอามีเขาเรียกว่า
00:04:37 → 00:04:39 kleptomania ข้อแนะนำว่าให้ทานน้ำตาลไม่
00:04:39 → 00:04:43 เกินวันละประมาณนะครับ 6 ช้อนชานะครับถ้า
00:04:43 → 00:04:45 ผมแนะนำคือว่าถ้าไม่ควรจะเติมน้ำตาลอะไร
00:04:45 → 00:04:48 เลยนะครับก็คือทานแบบปกติเพราะว่าน้ำตาล
00:04:48 → 00:04:50 มันมีแทรกอยู่ในอาหารวันนึงเราก็ได้
00:04:50 → 00:04:52 ประมาณนั้นอยู่แล้วแต่ท่านเติมส่วนใหญ่
00:04:52 → 00:04:55 มันเกิดนะครับชาไข่มุกแก้วเดียวก็เกิด
00:04:55 → 00:04:57 แล้วครับนะครับก็ขอให้ทุกท่านนะครับทาน
00:04:57 → 00:05:00 น้ำตาลอย่างมีความสุขอย่างถูกต้องและมี
00:05:00 → 00:05:02 สตินะครับก็ขอให้ทุกคนมีสุขภาพสมบูรณ์
00:05:02 → 00:05:07 คะแนนดูคนสวัสดีครับบ๊ายบายค่ะ