00:00:00 → 00:00:02 เพื่อนๆเคยเป็นไหมครับเวลาที่ได้กลิ่น
00:00:02 → 00:00:04 อะไรบางอย่างนึงเนี่ยมันไม่ได้ทำให้เรา
00:00:04 → 00:00:07 มองเห็นแต่ภาพตรงหน้าของเรานะครับแต่ว่า
00:00:07 → 00:00:10 มันทำให้เราเนี่ยหัวนึกไปถึงเหตุการณ์ที่
00:00:10 → 00:00:13 เคยเกิดขึ้นกับเรามาแล้วในอดีตนะครับย้อน
00:00:13 → 00:00:16 ภาพทั้งหมดกลับขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งยกตัว
00:00:16 → 00:00:18 อย่างเช่นเวลาที่เราได้กลิ่นอาหารหรือว่า
00:00:18 → 00:00:21 กลิ่นขนมอะไรสักอย่างนึงนะครับที่คุณยาย
00:00:21 → 00:00:24 หรือว่าคุณแม่ของเรานะครับทำให้เรากินต่อ
00:00:24 → 00:00:26 ให้เราเด็กๆเป็นงานปาร์ตี้วันเกิดของเรา
00:00:26 → 00:00:28 เนี่ยพอได้กลิ่นนั้นอีกครั้งนึงเนี่ยก็ทำ
00:00:28 → 00:00:31 ให้เรานึกไปถึงคุณยายนึกถึงภาพเหตุการณ์
00:00:31 → 00:00:33 วันนั้นได้ชัดเจนแจ่มแจ้งนะครับหรือว่า
00:00:33 → 00:00:37 เวลาเดินเข้าไปเจอกลิ่นที่มันมีความอับๆ
00:00:37 → 00:00:41 ชื้นๆเก่าๆบางทีเนี่ยเราอาจจะหวนนึกถึง
00:00:41 → 00:00:43 บ้านหลังที่เราเคยอยู่ตอนที่เราเป็นเด็ก
00:00:43 → 00:00:46 นะครับหรือบางครั้งเดินอยู่ท่ามกลางผู้คน
00:00:46 → 00:00:49 มากมายในห้างแล้วเฮ้ยได้กลิ่นน้ำหอมอะไร
00:00:49 → 00:00:51 สักอย่างนึงที่เป็นกลิ่นน้ำหอมที่แฟนเก่า
00:00:51 → 00:00:54 ของเราเคยใช้เนี่ยมันก็อาจจะทำให้เราดึง
00:00:54 → 00:00:56 เมมโมรี่ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับแฟนเก่า
00:00:56 → 00:00:59 ของเรานะครับไม่ว่าจะเป็นความสุขความ
00:00:59 → 00:01:01 เศร้าความเจ็บกลับขึ้นมาได้ทำไมถึงเป็น
00:01:01 → 00:01:04 อย่างนั้นวันนี้ Top to โทรแล้วผมฆ่าต้น
00:01:04 → 00:01:07 สมบูรณ์นะครับจะพาทุกคนไปเจาะลึกแล้วก็ทำ
00:01:07 → 00:01:10 ความรู้จักเรื่องของกลิ่นกันครับว่ากลิ่น
00:01:10 → 00:01:13 เนี่ยมันทำงานกับความทรงจำของเรายังไง
00:01:13 → 00:01:15 ครับ
00:01:15 → 00:01:19 ที่ใช้วิทยาศาสตร์ไขปัญหาตั้งแต่หัวจด
00:01:19 → 00:01:22 เท้า
00:01:22 → 00:01:25 ก่อนอื่นนะครับเรามาดูกันก่อนว่าเราได้
00:01:25 → 00:01:28 กลิ่นได้ยังไงนะครับจริงๆประสาทการดม
00:01:28 → 00:01:30 กลิ่นนะครับเป็นหนึ่งในห้าเซนส์ของเรานะ
00:01:30 → 00:01:33 ครับไม่ว่าการมองเห็นได้ยินดมกลิ่นลิ้มรส
00:01:33 → 00:01:36 แล้วก็สัมผัสตอนที่เราเกิดมาเป็นทารกเบบี
00:01:36 → 00:01:39 นะครับเราก็ใช้กลิ่นตั้งแต่แรกเลยนะครับ
00:01:39 → 00:01:41 เพราะว่าตอนนั้นเนี่ยบางทีเราอาจจะยังไม่
00:01:41 → 00:01:44 ลืมตาเนาะแต่ว่าเราก็คงหิวนะครับเพราะ
00:01:44 → 00:01:46 ฉะนั้นการดมกลิ่นสำคัญมากเพราะว่าเด็ก
00:01:46 → 00:01:49 ทารกจะใช้การดมกลิ่นเพื่อจะดมกลิ่นของคุณ
00:01:49 → 00:01:53 แม่ของเขาเพื่อที่จะได้กลิ่นนมจากคุณแม่
00:01:53 → 00:01:56 ได้นะครับไม่งั้นแน่ก็จะหิวตายเลยนะครับ
00:01:56 → 00:01:59 นั่นก็หมายความว่าปราสาทการดมกลิ่นเนี่ย
00:01:59 → 00:02:03 สำคัญมากๆต่อชีวิตของเรานะครับสำคัญแค่
00:02:03 → 00:02:06 ไหนขนาดที่ว่าจีนของเราที่มีทั้งหมดเนี่ย
00:02:06 → 00:02:09 นะครับ 2% ของจีนที่เรามีเนี่ยถูก Daily
00:02:09 → 00:02:12 หรือว่าอุทิศไว้สำหรับการดมกลิ่นเลยนะ
00:02:12 → 00:02:14 ครับและมนุษย์แต่ละคนนะครับสามารถที่จะดม
00:02:14 → 00:02:17 กลิ่นที่แตกต่างกันเนี่ยได้มากถึงเป็น
00:02:17 → 00:02:20 หมื่นๆกลิ่นเลยล่ะครับอ่านั่นคือความ
00:02:20 → 00:02:23 สามารถของจมูกของเรานะครับแต่เราอาจจะไม่
00:02:23 → 00:02:26 เก่งเท่ากับสัตว์อย่างสุนัขนะครับทำไมถึง
00:02:26 → 00:02:28 เป็นอย่างนั้นต้องมาทำความเข้าใจครับว่า
00:02:28 → 00:02:30 การที่เราจะได้กลิ่นนะครับมันเริ่มมาจาก
00:02:30 → 00:02:35 การที่เราใช้จมูกของเรานะครับกระผือฮะ
00:02:35 → 00:02:38 ดูดเอาอากาศที่อยู่รอบๆตัวเราเนี่ยนะครับ
00:02:38 → 00:02:42 ที่อาจจะมีโมเลกุลของกลิ่นล่องลอยปะปน
00:02:42 → 00:02:46 อยู่ในอากาศเนี่ยเข้าไปในรูจมูกทั้ง 2
00:02:46 → 00:02:49 ข้างของเราครับเพราะอากาศนะครับมันไหล
00:02:49 → 00:02:51 เข้าไปในรูจมูก 2 ข้างของเราแล้วนะครับ
00:02:51 → 00:02:55 เชื่อไหมครับว่าประมาณ 95% ของเส้นทาง
00:02:55 → 00:02:58 เนี่ยนะครับมันจะเป็นส่วนของขนจมูกหรือ
00:02:58 → 00:02:59 ว่าส่วนต่างๆที่
00:02:59 → 00:03:02 เป็น filter นะครับเหมือนแผ่นกรองอากาศนะ
00:03:02 → 00:03:05 ครับคอยกรองดักฝุ่นละอองต่างๆมาให้เข้าไป
00:03:05 → 00:03:07 ยังปอดของเรานะครับและมันจะมีเพียงส่วน
00:03:07 → 00:03:10 เล็กๆเท่านั้นนะครับในโพรงจมูกของเราอยู่
00:03:10 → 00:03:13 ด้านหลังเลยครับที่มันมีชื่อว่า obsactory
00:03:13 → 00:03:16 equiterium ครับจริงๆมันคือโซนที่ทำหน้า
00:03:16 → 00:03:20 ที่ในการรับกลิ่นครับซึ่งโซนนี้นะครับ
00:03:20 → 00:03:23 ยิ่งมีขนาดใหญ่หรือว่ามีพื้นที่ใหญ่มาก
00:03:23 → 00:03:26 แค่ไหนนั่นก็จะรับกลิ่นได้ดีมากยิ่งขึ้น
00:03:26 → 00:03:29 เท่านั้นซึ่งสัตว์แต่ละชนิดหรือแต่ละ
00:03:29 → 00:03:32 สปีชีส์เนี่ยก็จะมีขนาดของไอ้เจ้าออก
00:03:32 → 00:03:34 Factory peterium ที่แตกต่างกันนะครับ
00:03:34 → 00:03:36 อย่างสุนัขที่ดมกลิ่นเก่งๆเนี่ยครับเขามี
00:03:36 → 00:03:39 ขนาดของ Off Factory eaterial ที่มาก
00:03:39 → 00:03:42 กว่ามนุษย์อย่างเราถึง 20 เท่าเลยนะครับ
00:03:42 → 00:03:44 เพราะฉะนั้นเจ้าหมาเนี่ยดมกลิ่นเก่งกว่า
00:03:44 → 00:03:46 เรามากๆครับทีนี้ไอ้ตรงพื้นที่ตรงนี้ครับ
00:03:46 → 00:03:49 มันมีอะไรมันเป็นจุดที่มี
00:03:49 → 00:03:54 Factory Reset นะครับหรือว่าเซลล์
00:03:54 → 00:03:57 ประสาทนะครับที่ถูกพัฒนาขึ้นมาโดยเฉพาะใน
00:03:57 → 00:04:00 การรับกลิ่นเลยครับซึ่ง
00:04:00 → 00:04:03 Factory receptor นี่นะครับมันก็เปรียบ
00:04:03 → 00:04:05 เหมือนกับตุ่มรับรถที่อยู่บนลิ้นเลยครับ
00:04:05 → 00:04:08 ที่ทำหน้าที่รับรสหวานรสเค็มรสขมรส
00:04:08 → 00:04:10 เปรี้ยวนะครับแต่พอมันมาอยู่ที่จมูกเนี่ย
00:04:10 → 00:04:13 นะครับมันก็ทำหน้าที่ในการรับกลิ่นต่างๆ
00:04:13 → 00:04:15 ครับทุกคนสามารถจินตนาการได้นะครับว่าตรง
00:04:15 → 00:04:17 ปลายของไอ้เจ้าเซลล์ประสาทด้วยนะครับเป็น
00:04:17 → 00:04:20 เหมือนกับมือครับที่ยื่นออกมาจากเยื่อบุ
00:04:20 → 00:04:25 ผิวจมูกด้านในนะครับเป็นมือยื่นออกมาเต็ม
00:04:25 → 00:04:28 ไปหมดเลยนะครับและเชื่อไหมครับว่าเรามี
00:04:28 → 00:04:31 ไอ้มือที่ยื่นออกมาเนี่ยมากถึง 40 ล้าน
00:04:31 → 00:04:34 เซลล์เลยนะครับเป็นมือยื่นออกมาเต็มไปหมด
00:04:34 → 00:04:36 เลยครับไอ้เจ้ามือนี่นะครับก็จะรอ
00:04:36 → 00:04:39 ดักโมเลกุลของกลิ่นครับที่ลอยมาพร้อมกับ
00:04:39 → 00:04:42 อากาศที่เราหายใจเข้าไปครับทีนี้พอ
00:04:42 → 00:04:45 โมเลกุลของกลิ่นนะครับลอยเข้าไปถึงบริเวณ
00:04:45 → 00:04:48 Off Factory epicilium ที่มีมือซึ่งก็
00:04:48 → 00:04:51 คือ All study resettle Cell ยื้อออก
00:04:51 → 00:04:55 มานะครับจริงๆแล้วตรงผิวของ epium ด้วยนะ
00:04:55 → 00:04:57 ครับมันจะมีเมือกอยู่ด้วยพื้นผิวเยื่อบุ
00:04:57 → 00:04:59 จมูกจะมีเมือกอยู่นะครับคลุมมืออยู่นะ
00:04:59 → 00:05:02 ครับนะครับพอโมเลกุลของกลิ่นเนี่ยมาชนกับ
00:05:02 → 00:05:06 เมือกนี้ปุ๊บมันก็จะค่อยๆละลายแล้วก็ไป
00:05:06 → 00:05:10 สัมผัสกับมือก็คือเซลล์รับกลิ่นที่ยื่น
00:05:10 → 00:05:13 ออกมาเนี่ยนะครับถึงแม้ว่าเราจะมีมือยื่น
00:05:13 → 00:05:15 ออกมา 40 ล้านเซลล์มาคอยรับกลิ่นนะครับ
00:05:15 → 00:05:19 แต่ไม่ใช่ว่าทั้ง 40 ล้านเซลล์เนี่ยมันจะ
00:05:19 → 00:05:23 ทำงานแล้วก็ส่งสัญญาณพร้อมๆกันนะครับแต่
00:05:23 → 00:05:27 ละกลิ่นที่ลอยมาแตะมือเนี่ยนะครับจะ
00:05:27 → 00:05:30 กระตุ้นเพียงแค่มือหรือว่าเซลล์บางเซลล์
00:05:30 → 00:05:34 เท่านั้นพร้อมๆกันยกตัวอย่างเช่นนะครับ
00:05:34 → 00:05:37 สมมุติว่าเรากำลังกินทุเรียนนะครับกลิ่น
00:05:37 → 00:05:40 ทุเรียนก็จะลอยวิ่งเข้าไปนะครับเจอเมื่อ
00:05:40 → 00:05:43 ปุ๊บละลายแล้วก็จะไปสัมผัสกับมือที่ยื่น
00:05:43 → 00:05:47 ออกมาอาจจะไปโดนมืออันที่ 100 อันที่
00:05:48 → 00:05:52 2,000 แล้วก็อันที่ 30,000 ครับกระตุ้น 3
00:05:52 → 00:05:54 เซลล์นี้พร้อมกันพอ 3 เซลล์นี้กระตุ้น
00:05:54 → 00:05:56 พร้อมกันยกมือเอ้ยฉันได้กลิ่นทุเรียนได้
00:05:56 → 00:05:58 กลิ่นทุเรียนได้กลิ่นทุเรียน 3 ตัวนี้
00:05:58 → 00:06:00 ครับก็จะส่งสัญญาณพร้อมพร้อมกันวิ่งไปที่
00:06:00 → 00:06:03 สมองสมองก็จะตีความออกมาว่า
00:06:03 → 00:06:06 กลิ่นที่เราได้เนี่ยมันคือกลิ่นทุเรียน
00:06:06 → 00:06:08 นั่นเองนั่นหมายความว่าเจ้ามือเนี่ยนะ
00:06:08 → 00:06:11 ครับมันทำงานเป็นทีมครับ 1 กลิ่นจะต้อง
00:06:11 → 00:06:14 กระตุ้นทีมงานนี้ให้ยกมือขึ้นมาว่าฉันได้
00:06:14 → 00:06:18 กลิ่นได้กลิ่นพร้อมๆกันหลายตัวสมองถึงจะ
00:06:18 → 00:06:20 ตีความว่ามันคือกลิ่นนั้นนะครับและด้วย
00:06:20 → 00:06:22 หลักการนี้นะครับทำให้สมองของเราเนี่ย
00:06:22 → 00:06:25 สามารถที่จะตีความกลิ่นได้เป็นหมื่นๆ
00:06:25 → 00:06:27 กลิ่นเลยนะครับเพราะว่า 1 กลิ่นเนี่ยต้อง
00:06:27 → 00:06:30 กระตุ้นเซลล์รับกลิ่นให้ทำงานพร้อมๆกัน
00:06:30 → 00:06:33 หลายๆเซลล์เท่านั้นถึงจะตีความออกมาเป็น
00:06:33 → 00:06:36 กลิ่นว่ากลิ่นนั้นคืออะไรครับแต่เชื่อไหม
00:06:36 → 00:06:39 ครับว่าแม้ว่าแต่ละคนนะครับจะมีรูจมูก 2
00:06:39 → 00:06:41 รูเหมือนกันแล้วก็มีเซลล์ในการรับกลิ่นใน
00:06:41 → 00:06:45 ปริมาณเท่าๆกันเนี่ยแต่แต่ละคนเนี่ยจะได้
00:06:45 → 00:06:47 รับกลิ่นไม่เหมือนกันนะครับบางคนเนี่ยอาจ
00:06:47 → 00:06:49 จะสูญเสียการรับกลิ่นบางอย่างไปนะครับ
00:06:49 → 00:06:53 หรือว่าบางคนเนี่ยได้กลิ่นเดียวกันแต่ตี
00:06:53 → 00:06:56 ความว่าเป็นกลิ่นที่หอมหรือกลิ่นที่เหม็น
00:06:56 → 00:06:58 ไม่เหมือนกันนะครับอย่างเช่นกลิ่นทุเรียน
00:06:58 → 00:07:01 เนี่ยบางคนก็บอกว่าผอมแต่ในขณะที่บางคนก็
00:07:01 → 00:07:05 บอกว่าเหม็นครับนั่นคือหลักการของการรับ
00:07:05 → 00:07:08 กลิ่นนะครับคือมีพระเอกคือเซลล์รับกลิ่น
00:07:08 → 00:07:11 นั่นเองทีนี้พอเซลล์รับกลิ่นนะครับจับ
00:07:11 → 00:07:15 โมเลกุลกลิ่นได้แล้วแล้วก็ส่งสัญญาณไปที่
00:07:15 → 00:07:19 สมองส่วนกลางในการพิจารณาแล้วก็วิเคราะห์
00:07:19 → 00:07:22 ว่ามันคือกลิ่นอะไรแล้วนะครับทีนี้มันจะ
00:07:22 → 00:07:25 วิ่งไปยังไงครับจุดนี้ครับเป็นจุดที่
00:07:25 → 00:07:29 ประสาทสัมผัสการดมกลิ่นนะครับถูกพัฒนามา
00:07:29 → 00:07:34 แตกต่างจากประสาทสัมผัสส่วนอื่นๆไม่ว่าจะ
00:07:34 → 00:07:38 เป็นการมองเห็นการได้ยินการรับรถแล้วก็
00:07:38 → 00:07:41 การสัมผัสนะครับโดยปกติแล้วเนี่ยนะครับ
00:07:41 → 00:07:44 ประสาทสัมผัสที่เหลือทั้ง 4 อย่างที่ผม
00:07:44 → 00:07:46 ว่ามาก่อนหน้านี้ไม่ว่าการมองเห็นการได้
00:07:46 → 00:07:48 ยินการรับรถแล้วก็การสัมผัสเนี่ยครับ
00:07:48 → 00:07:52 เมื่อมันได้รับสัญญาณอะไรสักอย่างนึงที่
00:07:52 → 00:07:54 เป็นตัวกระตุ้นนะครับมันจะถูกส่งไปยัง
00:07:54 → 00:07:57 ส่วนของสมองที่เรียกว่าทาลามัสก่อนครับ
00:07:57 → 00:08:02 เจ้าทาลามัสนะครับเป็นเหมือนกับตัวกลาง
00:08:02 → 00:08:05 ที่ทำหน้าที่ในการคิดว่าเอ๊ะเราจะส่งไอ้
00:08:05 → 00:08:07 เจ้าสัญญาหรือว่าข้อมูลที่ได้มาเนี่ยส่ง
00:08:07 → 00:08:09 ไปยังสมองส่วนไหนดีเพื่อให้มันตีความ
00:08:09 → 00:08:12 เพราะฉะนั้นกว่ามันจะตีความเนี่ยมันจะ
00:08:12 → 00:08:17 ค่อนข้างช้ากว่าระบบการดมกลิ่นนะครับการ
00:08:17 → 00:08:19 ดมกลิ่นเนี่ยเรียกได้ว่าสัญญาณจาก Ice
00:08:19 → 00:08:21 Cell ประสาทรับกลิ่นเนี่ยครับมันจะส่ง
00:08:21 → 00:08:24 สัญญาณขึ้น Highway เลยครับ Super
00:08:24 → 00:08:28 Highway เลยก็ว่าได้นะครับ Shortcut ไม่
00:08:28 → 00:08:30 ไปที่ thalamus แต่มันจะวิ่งไปที่จุดแรก
00:08:30 → 00:08:34 ของสมองที่ชื่อว่า amigna และต่อจาก
00:08:34 → 00:08:36 อเมริกาล่านี่นะครับมันก็จะวิ่งไปที่
00:08:36 → 00:08:39 ฮิปโปแคมปัสครับหลายคนอาจจะคุ้นกับคำว่า
00:08:39 → 00:08:41 ฮิปโปแคมปัสนะครับเพราะว่าใน Episode
00:08:42 → 00:08:44 ก่อนหน้านี้นะครับผมเคยเล่าไปแล้วว่า
00:08:44 → 00:08:48 ฮิปโปแคมปัสเป็นส่วนของสมองที่ทำหน้าที่
00:08:48 → 00:08:51 ในการ process ความทรงจำระยะยาวนะครับ
00:08:51 → 00:08:54 เอ้าแต่ว่าข้อมูลของกลิ่นเนี่ยก่อนจะไป
00:08:54 → 00:08:57 ถึงฮิปโปแคมปัสเนี่ยมันต้องไปถึงอเมริกา
00:08:57 → 00:09:00 ล่าก่อนนี่นาแล้วเจ้า amazda คืออะไร
00:09:00 → 00:09:04 อามิการ่านะครับคือส่วนของสมองที่ทำหน้า
00:09:04 → 00:09:07 ที่ process อารมณ์ทั้งหมดของเราครับไม่
00:09:07 → 00:09:10 ว่าจะเป็นอารมณ์ทางด้านบวกหรือว่าอารมณ์
00:09:10 → 00:09:13 ทางด้านลบนะครับเพราะฉะนั้นเวลาที่เราดม
00:09:13 → 00:09:16 กลิ่นแล้วข้อมูลที่ว่าเอ้ยกลิ่นนั้นมัน
00:09:16 → 00:09:20 คือกลิ่นอะไรเนี่ยครับมันจะมากระตุ้นทำ
00:09:20 → 00:09:23 ให้เราเกิดอารมณ์ต่อกลิ่นนั้นไม่ว่าจะ
00:09:23 → 00:09:27 เป็นกลิ่นหอมกลิ่นเหม็นกลิ่นที่น่าพะอืด
00:09:27 → 00:09:31 พะอมกลิ่นที่น่าสนชื่นมันจะมีข้อมูลของ
00:09:31 → 00:09:34 อารมณ์เพิ่มขึ้นมาครับแล้วข้อมูลของ
00:09:34 → 00:09:36 อารมณ์เนี่ยครับประกอบกับข้อมูลของกลิ่น
00:09:36 → 00:09:40 เนี่ยก็จะถูกส่งไปยังฮิปโปแคมปัสนะครับ
00:09:40 → 00:09:43 ซึ่งที่ฮิปโป campus เนี่ยก็จะรับข้อมูล
00:09:43 → 00:09:47 จากการมองเห็นข้อมูลจากการได้ยินข้อมูล
00:09:47 → 00:09:50 จากการลิ้มรสและข้อมูลจากการสัมผัสเพิ่ม
00:09:50 → 00:09:54 เข้ามาด้วยนะครับพอข้อมูลทั้งหมดมารวมกัน
00:09:54 → 00:09:57 เนี่ยนะครับแล้วก็ภาษาทางการเรียกว่า
00:09:57 → 00:10:00 conso relate หรือว่าเปลี่ยนเหมือนเป็น
00:10:00 → 00:10:03 ความทรงจำระยะยาวเนี่ยนะครับก็จะทำให้ข้อ
00:10:03 → 00:10:06 มูลของกลิ่นแล้วก็ข้อมูลของอารมณ์นี่ครับ
00:10:06 → 00:10:11 มันไปผูกกับความทรงจำอื่นๆด้วยและนั่นคือ
00:10:11 → 00:10:15 เหตุผลว่าทำไมเวลาที่เราได้กลิ่นอะไรสัก
00:10:15 → 00:10:19 อย่างนึงเนี่ยนะครับมันทำให้เราหวนรำลึก
00:10:19 → 00:10:23 ถึงความทรงจำนั้นๆได้แบบชัดเจนเลยนะครับ
00:10:23 → 00:10:26 นี่คือเหตุผลนั่นเองครับแต่ก็ไม่ใช่ว่า
00:10:26 → 00:10:28 ทุกกลิ่นเนี่ยจะกระตุ้นทุกความทรงจำได้นะ
00:10:28 → 00:10:31 ครับนักวิทยาศาสตร์เขาพบเจอว่ากลิ่นที่
00:10:31 → 00:10:34 สามารถกระตุ้นเมมโมรี่หรือความทรงจำได้
00:10:34 → 00:10:36 เนี่ยมักจะเป็นความทรงจำที่เกิดขึ้นตอน
00:10:36 → 00:10:40 ที่เราอายุน้อยๆนะครับอายุยังไม่เกิน 10
00:10:40 → 00:10:42 ปีกลิ่นเหล่านั้นเนี่ยจะกระตุ้นความทรงจำ
00:10:42 → 00:10:45 ได้ดีนะครับนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมหลายๆ
00:10:45 → 00:10:47 ครั้งเนี่ยครับเวลาที่เราได้กลิ่นเนี่ย
00:10:47 → 00:10:48 เรามักจะนึกถึงความทรงจำตอนที่เราเป็น
00:10:48 → 00:10:51 เป็นเด็กน้อยเป็นวัยประถมหรือว่าตอนที่
00:10:51 → 00:10:54 เข้าโรงเรียนนะครับแต่นักวิทยาศาสตร์นะ
00:10:54 → 00:10:57 ครับเขาก็ค้นพบว่าความทรงจำที่กลิ่น
00:10:57 → 00:10:59 สามารถจะกระตุ้นได้เนี่ยนะครับ
00:10:59 → 00:11:02 จะเป็นความทรงจำที่เกี่ยวข้องกับความรู้
00:11:03 → 00:11:06 สึกมากกว่าความทรงจำที่เป็น Detail ว่า
00:11:06 → 00:11:08 เหตุการณ์นั้นเกิดอะไรขึ้นนะครับยกตัว
00:11:08 → 00:11:11 อย่างเช่นเวลาที่เราอาจจะไปต่างจังหวัด
00:11:11 → 00:11:15 แล้วก็ไปท่ามกลางธรรมชาติภูเขามีกลิ่นอาย
00:11:15 → 00:11:19 ของฝนตกตอนใหม่ๆได้กลิ่นดินเนี่ยครับแล้ว
00:11:19 → 00:11:21 ก็จะผูกความรู้สึกหรือว่าเวลาเราได้กลิ่น
00:11:21 → 00:11:25 ดินหลังฝนตกใหม่ๆมันจะเป็นกลิ่นที่สดชื่น
00:11:25 → 00:11:28 นะครับมันคืออารมณ์ความสดชื่นเพราะฉะนั้น
00:11:28 → 00:11:31 ทุกครั้งที่เราได้กลิ่นดินหลังจากที่มีไอ
00:11:31 → 00:11:34 ฝนเนี่ยครับเราจะนึกถึงความสดชื่นขึ้นมา
00:11:34 → 00:11:39 นั่นเองมากกว่าว่าเรามองเห็นดีเทลของทุ่ง
00:11:39 → 00:11:41 หญ้าทุ่งนาที่เราเคยไปเที่ยวต่างจังหวัด
00:11:41 → 00:11:43 มาเมื่ออดีตด้วยความที่กลิ่นนี้นะครับมัน
00:11:43 → 00:11:46 ผูกเข้ากับความรู้สึกมากๆเนี่ยครับก็มี
00:11:46 → 00:11:50 การทดลองที่น่าสนใจมากๆนะครับคือนัก
00:11:50 → 00:11:54 วิทยาศาสตร์เนี่ยเขาพาผู้หญิงนะครับจำนวน
00:11:54 → 00:11:57 หนึ่งนะครับมาทำให้เกิดความเครียดขึ้นจาก
00:11:57 → 00:11:59 นั้นเนี่ยก็ลองให้กลุ่มผู้หญิงเหล่านั้น
00:11:59 → 00:12:02 นะครับลองดมกลิ่นที่แตกต่างกันนะครับ
00:12:02 → 00:12:06 กลุ่มหนึ่งเขาให้ดมกลิ่นของคนรักของผู้
00:12:06 → 00:12:09 หญิงคนนั้นนะครับกลุ่มที่ 2 นะครับให้ดม
00:12:09 → 00:12:12 กลิ่นของคนแปลกหน้าที่ผู้หญิงคนนั้นไม่
00:12:12 → 00:12:15 รู้จักนะครับและกลุ่มสุดท้ายนะครับให้ดม
00:12:15 → 00:12:18 กลิ่นของอากาศหรือว่ากลิ่นทั่วๆไปนะครับ
00:12:18 → 00:12:22 ก็ปรากฏว่าสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์พบเจอนะ
00:12:22 → 00:12:24 ครับคือเวลาที่เราเครียดเนี่ยนะครับปกติ
00:12:24 → 00:12:26 ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลถูกไหม
00:12:26 → 00:12:31 ครับแต่พอผู้หญิงคนไหนนะครับได้ดมกลิ่น
00:12:31 → 00:12:34 ของคนรักของเขานะครับระดับฮอร์โมน
00:12:34 → 00:12:37 คอร์ติซอลเนี่ยก็จะลดลงทันทีเลยครับโดย
00:12:37 → 00:12:40 ที่คนๆนั้นไม่รู้ด้วยนะว่ากลิ่นที่เขาดม
00:12:40 → 00:12:43 ด้วยนะครับมันคือกลิ่นของคนรักของเขานะ
00:12:43 → 00:12:46 ครับนั่นหมายความว่าพลังของกลิ่นเนี่ยมัน
00:12:46 → 00:12:49 ยิ่งใหญ่มากๆนะครับสามารถที่จะเปลี่ยน
00:12:49 → 00:12:53 แปลงร่างกายของเราได้โดยที่เราไม่รู้ตัว
00:12:53 → 00:12:55 เลยนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมนะครับเวลาที่
00:12:55 → 00:12:58 เรามีแฟนหรือว่าเวลาที่เรามีคนรักนะครับ
00:12:58 → 00:13:59 เรา
00:13:59 → 00:14:01 อย่างเช่นการทำยังไงให้กลิ่นของเราเนี่ย
00:14:01 → 00:14:04 มันน่าดึงดูดเวลาไปเจอผู้คนหรือว่าการ
00:14:04 → 00:14:06 เลือกน้ำหอมที่ไปกระตุ้นความรู้สึก
00:14:06 → 00:14:10 ฟิลลิ่งของคนต่างๆในสถานการณ์ต่างๆรอติด
00:14:10 → 00:14:13 ตามกันนะครับ