00:00:00 → 00:00:03 สวัสดีครับตอนนี้เนี่ยมีคนให้ความสนใจกับ
00:00:03 → 00:00:06 ยาของบริษัทอูคอค่อนข้างที่จะมากเนื่อง
00:00:06 → 00:00:10 จากว่าน่าจะเป็นยาที่สามารถทำให้คนที่
00:00:10 → 00:00:14 เป็น HIV เนี่ยหายขาดได้โดยที่ไม่จำเป็น
00:00:14 → 00:00:17 จะต้องใช้ยาไปตลอดชีวิตเรื่องนี้มันมี
00:00:17 → 00:00:20 ความเป็นมาเป็นไปอย่างไรยาตัวนี้คืออะไร
00:00:20 → 00:00:24 ทำงานยังไงมีผลข้างเคียงมยแล้วต่อไปเราจะ
00:00:24 → 00:00:26 ต้องรู้อะไรบ้างเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
00:00:26 → 00:00:28 เดี๋ยววันนี้ผมจะเล่าให้ฟังนะครับพบกับผม
00:00:28 → 00:00:30 นะครับนายแพทย์ธนีธนียวันเป็นอาจารย์
00:00:30 → 00:00:32 แพทย์อยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเชี่ยวชาญ
00:00:33 → 00:00:36 โรคปอดการปลูกถ่ายปอดและวิกฤตบำบัดนะครับ
00:00:36 → 00:00:40 บริษัทอูคอเนี่ยเผลิตยาขึ้นมากลุ่มนึงนะ
00:00:40 → 00:00:44 ครับด้วยเทคโนโลยีพิเศษยาในกลุ่มเนี้ยจะ
00:00:44 → 00:00:49 เรียกว่า inx นะครับ imm tx นะครับมัน
00:00:49 → 00:00:53 ย่อมาจาก immune mobilizing monoclonal
00:00:53 → 00:00:58 T Cell receptor against x x ในที่
00:00:58 → 00:01:02 นี้จะเป็นโรคอะไรก็ได้ได้นะครับเช่นเอด
00:01:02 → 00:01:06 เช่นมะเร็งเช่นไวรัสต่ากเสพ B แล้วแต่ว่า
00:01:06 → 00:01:09 เขาจะอะไรเพราะนี่คือชื่อของเทคโนโลยีนะ
00:01:09 → 00:01:11 ครับชื่อของเทคโนโลยีมันเป็นแบบนี้ทั้ง
00:01:11 → 00:01:15 หมดเนี่ยมันแปลว่า immune
00:01:15 → 00:01:17 mobilizing ยาที่เขาให้เข้าไปเนี่ยจะ
00:01:17 → 00:01:20 เรียกภูมิต้านทานมานะครับ immune ก็คือ
00:01:20 → 00:01:22 ภูมิต้านทาน mobilizing ก็คือเรียกร้อง
00:01:22 → 00:01:25 มันมาสักที่นึงนะครับ monoclonal tcr
00:01:25 → 00:01:28 หรือ monoclonal TC receptor ก็คือ
00:01:28 → 00:01:32 เซลล์ที่เอามาเนี่ยหรือยายาตัวเนี้ยจะมี
00:01:32 → 00:01:34 สิ่งหนึงซึ่งเรียกว่า TC receptor ติด
00:01:34 → 00:01:38 อยู่กับตัวมันนะครับให้มันเฉพาะเจาะจงกับ
00:01:38 → 00:01:40 สิ่งที่ต้องการไปทำลายเช่น HIV ในกรณีนี้
00:01:41 → 00:01:45 ติดอยู่กยานะครับ against x ก็คือต่อ
00:01:45 → 00:01:48 ต้านโรคอะไรสักอย่างที่เขาจะต้องการทำนะ
00:01:48 → 00:01:52 นี่คือเทคโนโลยีของเขาซึ่งมันมีความทัน
00:01:52 → 00:01:54 สมัยแล้วก็แตกต่างไปจากการรักษาใน
00:01:54 → 00:01:56 ปัจจุบันมากมายซึ่งเดี๋ยวเราลงรายละเอียด
00:01:56 → 00:01:59 กันว่ามันจะรักษา HIV ได้ยังไงนะครับก็
00:01:59 → 00:02:01 ก่อนที่เราจะรู้เรื่องพวกนั้นเราต้องรู้
00:02:01 → 00:02:03 ว่าแล้วทำไม HIV มันถึงรักษาแล้วมันไม่
00:02:03 → 00:02:07 หายอ่ะเออมันมันมีปัญหายังไงนะครับก็ต้อง
00:02:07 → 00:02:10 บอกอย่างงี้ครับว่าตอนนี้เนี่ยการรักษา
00:02:10 → 00:02:14 HIV ของเราอยู่ในจุดที่เรียกว่าดีกว่า
00:02:14 → 00:02:17 สมัยก่อนเยอะมากนะครับคนที่เป็น HIV
00:02:17 → 00:02:21 เดี๋ยวเนี้ยถ้าคุณรักษานะก็กินยาแค่วันละ
00:02:21 → 00:02:24 ครั้งตลอดชีวิตแล้วคุณก็ใช้ชีวิตได้
00:02:24 → 00:02:28 เหมือนคนปกติไม่ได้มีการตายมากกว่าคนปกติ
00:02:28 → 00:02:30 ไม่ได้ป่วยง่ายกว่าคนปกติแล้วคุณก็มีลูก
00:02:30 → 00:02:33 ได้โดยที่ลูกคุณไม่ติดด้วยนี่คือการรักษา
00:02:33 → 00:02:37 ในปัจจุบันผลข้างเคียของยาน้อยมากแทบจะ
00:02:37 → 00:02:39 ไม่มีอะไรเลยแค่นั้นเลยเหมือนคุณกิน
00:02:39 → 00:02:42 วิตามินเม็ดหนไปตลอดชีวิตอย่างเงี้ยนะ
00:02:42 → 00:02:46 ครับปัญหาก็คือคุณหยุดกินไม่ได้เพราะหยุด
00:02:46 → 00:02:48 กินผ่านไปไม่กี่สัปดาห์เนี่ยเชื้อมันออก
00:02:48 → 00:02:51 มาอีกทั้งๆที่ตอนที่คุณกินยาอยู่นะถ้าคุณ
00:02:51 → 00:02:53 ไปเจาะเลือดเชื้อในเลือดคุณมันเหลือ 0
00:02:53 → 00:02:56 แล้วหาไม่เจอแล้วแต่พอคนหยุดยาปุ๊บมันออก
00:02:56 → 00:03:00 มาอีกคำถามก็คือมันมาจากไหนอ่ะ
00:03:00 → 00:03:04 มันมาจากไหนนักวิทยาศาสตร์เคก็ไปเจอครับ
00:03:04 → 00:03:09 ว่ามันซ่อนอยู่ในหลายๆเซลล์บริเวณที่มัน
00:03:09 → 00:03:10 ซ่อนเนี่ยเราจะเรียกว่าแหล่งเก็บเชื้อ
00:03:10 → 00:03:13 หรือ reservoir นะครับโดยแหล่งหลักๆเลยก็
00:03:13 → 00:03:17 คือเซลล์ซึ่งปกติ HIV มันชอบมากก็คือ T
00:03:17 → 00:03:20 Cell ที่เป็นชนิด cd4 T Cell เม็ด
00:03:20 → 00:03:23 เลือดขาวอย่างนึงแล้วกันนะครับมันก็เข้า
00:03:23 → 00:03:25 ไปซ่อนในเซลล์นี้เป็น reservoir หลักของ
00:03:25 → 00:03:30 มันเลยแต่ไม่ได้มีที่เดียวครับมีที่เซลล์
00:03:30 → 00:03:33 อื่นเช่น Monte แครา dendritic Cell
00:03:33 → 00:03:35 follicular dendritic Cell ไมโครเกลีย
00:03:35 → 00:03:39 ที่ซ่อนอยู่ในสมองเซลล์เยื่อบุต่างๆนะ
00:03:39 → 00:03:42 ครับมันมีที่ซ่อนมหาศาลเลยแล้วมันไม่ได้
00:03:42 → 00:03:46 ซ่อนเฉยๆนะมันไปซ่อนอยู่ตรง DNA คนนะครับ
00:03:46 → 00:03:49 DNA คนเนี่ยมันจะมีตรงจุดศูนย์กลางเราจะ
00:03:49 → 00:03:52 เรียกว่าเซ็นแล้วมันก็ไปซ่อนอยู่ตรงนั้น
00:03:52 → 00:03:55 ปัจจุบันไม่มีใครรู้ว่าทำไมมันต้องซ่อน
00:03:55 → 00:03:57 ตรงนั้นด้วยตรงนั้นมันดียังไงมันเอาไว้
00:03:57 → 00:04:00 หลบภูมิต้านทานเราได้ดีกว่าตรงอืหรือ
00:04:00 → 00:04:01 เปล่าอันนี้ก็ยังไม่มีใครตอบได้ว่ามันไป
00:04:01 → 00:04:04 อยู่ตรงนั้นด้วยเหตุผลอันใดนะครับแต่เอา
00:04:04 → 00:04:07 เป็นว่าตอนนี้เรารู้ว่ามันมีที่ซ่อนเยอะ
00:04:07 → 00:04:11 มากมายแล้วเวลาคนเราจะซ่อนเนี่ยมันก็ต้อง
00:04:11 → 00:04:14 แบบไม่กระตกกระต่าใช่มั้ยเด็กๆเวลาเรา
00:04:14 → 00:04:15 เล่นซ่อนแอบกับเพื่อนอย่างเงี้ยถ้าเราไป
00:04:16 → 00:04:18 ซ่อนอยู่สักที่นึงแล้วเราทำเสียงดัง
00:04:18 → 00:04:21 เพื่อนก็จับเราได้นะครับไวรัสนี่ก็เหมือน
00:04:21 → 00:04:24 กันเวลามันซ่อนอยู่ในเซลล์ๆลไหนเนี่ยมัน
00:04:24 → 00:04:27 ก็จะไม่ทำกระโตกกระตากเหมือนกับกรณีปกติ
00:04:27 → 00:04:30 ของมันมันจะเข้าไปอยู่ตรงนี้ DNA แล้วก็
00:04:30 → 00:04:33 อยู่เงียบๆเฉยๆไม่แสดงออกนะครับการที่มัน
00:04:33 → 00:04:36 ไม่แสดงออกคือหมายความว่ายังไงในระดับ
00:04:36 → 00:04:40 เซลล์ต้องบอกอย่างงี้ครับโดยปกติเซลล์ของ
00:04:40 → 00:04:43 เราเนี่ยเวลามีมะเร็งอยู่ข้างในมันเริ่ม
00:04:43 → 00:04:45 กลายพันธุ์หรือมีการติดเชื้อไวรัสเข้าไป
00:04:46 → 00:04:46 ใน
00:04:46 → 00:04:50 เซลล์ชิ้นส่วนของไวรัสสักส่วนนึงหรือชิ้น
00:04:50 → 00:04:53 ส่วนของมะเร็งอะไรก็ได้เนี่ยมันจะถูกนำมา
00:04:53 → 00:04:56 ไว้บนผิวเซลล์ผ่านทางโมเลกุลอันนึงเรียก
00:04:56 → 00:04:59 ว่า hla Human leucite antigen นะครับ
00:04:59 → 00:05:03 หรืออีกคำนึงก็คือ mhc Major hist
00:05:03 → 00:05:06 compatibility Complex นะครับพวกนี้
00:05:06 → 00:05:09 เนี่ยมันจะเป็นสิ่งที่อยู่บนผิวเซลล์แล้ว
00:05:09 → 00:05:12 เขาก็จะเอาโปรตีนจากไวรัสเนี่ยมาแปะไว้
00:05:12 → 00:05:13 กับตัว
00:05:13 → 00:05:17 เองทีนี้พอแปะไว้กับตัวเองปุบเซลล์ภูมิ
00:05:17 → 00:05:19 การเดินมาเห็นอ้าอันนี้เป็นเซลล์ผิดปกติ
00:05:19 → 00:05:23 จัดการทิ้งซะนะครับแต่การที่ไวรัสมันจะ
00:05:23 → 00:05:25 ซ่อนอยู่ในร่างกายของเราได้เนี่ยมันจะ
00:05:25 → 00:05:28 ต้องขัดขวางกระบวนการนี้ให้มันเกิดขึ้น
00:05:28 → 00:05:30 ได้น้อยที่สุด
00:05:30 → 00:05:33 หมายความว่าโดยปกติภาวะที่มันไม่ต้องซ่อน
00:05:33 → 00:05:36 เนี่ย hoa ที่มีโปรตีนของไวรัสแปะอยู่กับ
00:05:36 → 00:05:39 เซลล์มันจะเยอะไปหมดเลยแต่พอไวรัสมัน
00:05:39 → 00:05:42 ต้องการซ่อนน่ะ hoa ที่มีโปรตีนของไวรัส
00:05:42 → 00:05:44 มันอาจจะเหลือแค่ตัวเดียวเลยก็ได้คุณลอง
00:05:45 → 00:05:49 คิดดูสมมุตินะมีสนามฟุตบอลอยู่อันนึงแล้ว
00:05:49 → 00:05:54 ในนั้นเนี่ยมันมีธงผิดปกติอยู่ซัก 100 ธง
00:05:54 → 00:05:57 นะสีแดงแจ๊สเลยมี 100 ธงหรือมี 1,000 ธง
00:05:57 → 00:06:00 ไปเลยก็ได้คุณก็จะเห็นว่าเฮ้ยไอ้สนาม
00:06:00 → 00:06:03 ฟุตบอลอันเนี้ยมันมีความผิดปกติชัดเจนคุณ
00:06:03 → 00:06:07 ก็ต้องไปตรวจสอบมันถูกมั้ยแต่ถ้าเกิดอ่ะ
00:06:07 → 00:06:09 สนามฟุตบอลอันเดียวกันแล้วมันมีธงสีแดง
00:06:09 → 00:06:11 อยู่อันเดียวซ่อนอยู่ตรงมุมๆขอบๆคุณอาจจะ
00:06:11 → 00:06:15 มองไม่เห็นมันก็ได้ไวรัสมันก็ทำอย่างนั้น
00:06:15 → 00:06:18 ครับแทนที่มันจะแสดงตัวตนเอาโปรตีนของมัน
00:06:18 → 00:06:22 ไปแปะไว้กับ H เต็มหัวไปหมดเนี่ยมันก็มี
00:06:22 → 00:06:25 แปะอยู่อันเดียวเสพภูมิต้านทานของคุณมา
00:06:25 → 00:06:30 ถึงก็แบบไม่เห็นผ่านไปเฉยๆเลยอันเนี้ยคือ
00:06:30 → 00:06:33 ปัญหาที่ทำไมว่ามันซ่อนได้แล้วเราหามัน
00:06:33 → 00:06:37 ไม่เจอแล้วไม่แค่นั้นครับสมมุติว่ามันมี
00:06:37 → 00:06:40 เซลภูมิต้นทานมาวิ่งๆๆมาถึงแล้วเห็นอ้า
00:06:40 → 00:06:43 อันนี้มีธงแดงแปะอยู่แต่มันไม่ใช่หน้าที่
00:06:43 → 00:06:46 ของฉันที่ต้องกำจัดธงแดงหน้าที่ของฉันคือ
00:06:46 → 00:06:47 กำจัดธง
00:06:47 → 00:06:53 เขียวฉันก็จับแล้วก็ผ่านไปไม่ทำลาย
00:06:53 → 00:06:58 อ้าวเออมันเป็นอย่างงั้นครับคือเซลล์ภูมิ
00:06:58 → 00:07:01 ด้านทางของเราเนี่ยมันมีความจำเพาะมากๆ
00:07:01 → 00:07:04 เลยมันเลือกมากอ่ะมันต้องเป็น H หน้าตา
00:07:04 → 00:07:08 แบบนี้แล้วก็ต้องพรีเซนเอาโปรตีนแบบนี้
00:07:08 → 00:07:10 ให้ฉันเห็นเท่านั้นฉันถึงจะจัดการมันถ้า
00:07:10 → 00:07:12 hoa หน้าตาไม่เหมือนกับที่ฉันรู้จักฉัน
00:07:12 → 00:07:16 ก็ไม่จับมันไปดีกว่าเนี่ยตรงเนี้ยคือ
00:07:16 → 00:07:18 ปัญหาแล้วการที่เซลล์ของเรามีความจำเพาะ
00:07:19 → 00:07:23 มากๆเนี่ยนะครับทุกเซลล์อ่ะมันจะจำเพาะ
00:07:23 → 00:07:25 กับทุกอย่างไม่ได้มันเป็นไปไม่ได้ 1
00:07:25 → 00:07:27 เซลล์จำเพาะกัน 1 อย่างเท่านั้นนะครับพอ
00:07:27 → 00:07:30 มันจำเพาะกัน 1 อย่างเท่านั้นเนี่ยเนี่ย
00:07:30 → 00:07:32 แล้วเซลล์พวกเนี้ยที่มันติดเชื้อ hiv มัน
00:07:32 → 00:07:35 ซ่อนอยู่ตามที่ต่างๆคุณก็หายากอยู่แล้วหา
00:07:35 → 00:07:38 ยากอยู่ะเซลล์ซึ่งแบบจะตรงกันแล้วก็จับ
00:07:38 → 00:07:40 กันได้เป๊ะๆแล้วทำลายเซลล์นั้นน่ะมันยิ่ง
00:07:40 → 00:07:42 หายากกันเข้าไปใหญ่งั้นยากเจอยากมันเท่า
00:07:42 → 00:07:46 กับการที่รักษาไม่หายแล้วเวลาคุณหยุดยานะ
00:07:46 → 00:07:48 ไอ้ของพวกนี้มันก็ออกมาเต็มไปหมดเลยเนี่ย
00:07:48 → 00:07:49 อันนี้คือ
00:07:49 → 00:07:53 ปัญหาแล้วบริษัทอูคอแก้ปัญหานี้ยังไง
00:07:53 → 00:07:56 อันเนี้ยต้องบอกเลยว่าสุดยอดฉลาดมาก
00:07:57 → 00:08:00 ประการแรกนะครับเสร้างมลขึ้นมาอันนึง
00:08:00 → 00:08:04 เรียกว่า B specific โมเลกุลนะครับ
00:08:04 → 00:08:07 โมเลกุลที่มีความจำเพาะ 2 อย่างพร้อมกัน
00:08:07 → 00:08:12 อย่างแรกนะครับเป็นตัวรับที่เอาไว้จับกับ
00:08:12 → 00:08:16 H ซึ่งแสดงโปรตีนผิดปกติที่ผิวเซลล์ได้
00:08:16 → 00:08:19 ดีมากๆต่อให้มันมีธงอยู่อันเดียวฉันก็หา
00:08:19 → 00:08:22 ธงอันนั้นเจอนี่คือการทำงานของมันนะครับ
00:08:22 → 00:08:26 มันก็จะมีแขนนึงอ่ะอ่าธงสีแดงใช่ไม่จับะ
00:08:26 → 00:08:30 แต่แค่นั้นไม่เพียงพอครับมันแก้ปัญญหา
00:08:30 → 00:08:32 ข้อแรกก็คือพยายามหาเซลล์ที่ซ่อนอยู่เจอ
00:08:32 → 00:08:36 ละปัญหาข้อที่ 2 ก็คือแล้วเราจะลากไอ้ตัว
00:08:36 → 00:08:38 เซลล์ภูมิต้านหานในที่นี้ก็คือ T เซลล์
00:08:38 → 00:08:40 เนี่ยมาจัดการกับเซลล์ถึงติดเชื้อได้ยัง
00:08:40 → 00:08:44 ไงมันมีความจำเพาะเยอะไอ้นี่มันฉลาดมาก
00:08:44 → 00:08:47 คือมันไม่สนความจำเพาะเลยครับมันเลือก T
00:08:48 → 00:08:49 เซลล์ตัวไหนก็ได้แล้วสามารถกระตุ้น T
00:08:49 → 00:08:53 เซลล์ตัวนั้นได้ด้วยกระตุ้นได้ด้วยก็คือ
00:08:53 → 00:08:58 มันมีอีกแขนนึงเรียกว่าเป็นแขน CD anty
00:08:58 → 00:09:01 CD 3 CD 3 เนี่ยมันอยู่บน T เซลทุก
00:09:01 → 00:09:04 ตัวเลยนะครับมันก็เรียกเฮ้ยๆมานี่มานี่
00:09:04 → 00:09:07 มันก็ไปจับ CD 3 ของ T เซลมาแล้วอีกแขน
00:09:07 → 00:09:10 นึงก็จับผู้ร้ายอันนึงมาแล้วมันก็จับเอา 2
00:09:10 → 00:09:13 ตัวเนี้ยมาเจอกันแล้วไม่ให้ไปไหนด้วยจน
00:09:13 → 00:09:17 กว่าจะัดจัดการเสร็จนะครับทีเซลก็เห็นอ่า
00:09:17 → 00:09:20 นี่ไงเซลล์ที่ซ่อนของไวรัสแล้วฉันโดนจับ
00:09:20 → 00:09:23 ไว้ตรงเนี้ยไม่เหมือนไม่ไม่ได้ต้องจำเพาะ
00:09:23 → 00:09:25 อะไรอะไรที่สมัยก่อนต้องจำเพาะมันก็เดิน
00:09:25 → 00:09:27 หนีไปแต่ตัวเนี้ยมันไม่ต้องจำเพาะแต่มัน
00:09:27 → 00:09:30 ถูกจับไว้ด้วยกันน่ะการกลไกการทำลายของ
00:09:30 → 00:09:33 เซลล์ไวรัสเนี่ยก็จะเกิดขึ้นก็เลยเป็นที่
00:09:33 → 00:09:37 มาของการที่เขาคิดว่าน่าจะทำให้เชื้อ
00:09:37 → 00:09:39 ไวรัส HIV เนี่ยหายไปจากร่างกายได้ถาวร
00:09:39 → 00:09:43 โดยที่คุณไม่ต้องใช้ยาตัวนี้ต่อเนื่องเลย
00:09:43 → 00:09:49 นะครับยาตัวเนี้ยมันมีชื่อว่า imc m13 v
00:09:49 → 00:09:52 ชื่อ imc ก็คือย่อมาจากอูคอชื่อบริษัทของ
00:09:52 → 00:09:55 เขาคอ่ะส่วน m113 V เนี่ยก็เป็นชื่อ Code
00:09:55 → 00:09:58 name ของยาตัวนี้นะครับฟังดูแล้วแบบ
00:09:58 → 00:10:02 มหัศจรรย์มากใช่มั้ยแต่มันมีข้อที่เราจะ
00:10:02 → 00:10:06 ต้องรู้ว่ามันอาจจะไม่ขนาดนั้นนะครับอ่ะ
00:10:06 → 00:10:10 เราเริ่มก่อนประการแรกนะทั้งหมดเนี่ยมัน
00:10:10 → 00:10:13 ยังไม่ได้ถือว่าใช้ได้จริงแบบ 100% มันมี
00:10:13 → 00:10:16 สิ่งที่ต้องศึกษาเยอะเลยข้อแรกก็คือมัน
00:10:16 → 00:10:19 ต้องให้โดสเท่าไหร่เค้ากำลังศึกษากันอยู่
00:10:19 → 00:10:24 ครับต้องให้กี่โดสไม่มีใครรู้นะฮะผลข้าง
00:10:24 → 00:10:26 เคียงที่จะเกิดเกิดอะไรได้บ้างอ่ะยกตัว
00:10:26 → 00:10:29 อย่างเลยนะฮะถ้าคุณมีการกระตุ้นภูมิต้าน
00:10:29 → 00:10:32 ทางสิ่งหนึก็คือเรากลัวว่าจะกระตุ้นมากจน
00:10:32 → 00:10:35 เกินไปเพราะว่าการทดลองของเขาเนี่ยทำแล้ว
00:10:36 → 00:10:39 แบบมันจะมีตัวนึงซึ่งแสดงถึงการกระตุ้น
00:10:39 → 00:10:43 ภูมคคุ้มกันก็ชื่อว่า il 6 หรืออลิ 6 นะ
00:10:43 → 00:10:48 ครับมันสูงขึ้นตัวนี้แหละถ้าสูงมากๆมันจะ
00:10:48 → 00:10:51 เกิดพายุไซโตไคน์หรือไซโคน Storm ร่างกาย
00:10:51 → 00:10:55 อักเสบทั้งร่างกายเลยแล้วถึงตายได้เป็น
00:10:55 → 00:10:57 สิ่งซึ่งเรากลัวในทางทฤษฎีดังนั้นจะต้อง
00:10:57 → 00:11:01 มีการดูให้แน่ๆว่ามันจะไม่เกิดภาวะนี้จะ
00:11:01 → 00:11:03 ต้องแน่ใจว่าโดสที่เราให้ยาตัวนี้เข้าไป
00:11:04 → 00:11:07 ไม่สูงจนกระทั่งเกิดภาวะนี้ได้นี่การคือ
00:11:07 → 00:11:09 ข้อข้างเคียงที่เราต้องระวังอีกอย่างนึง
00:11:10 → 00:11:14 นะอีกอย่างนึงก็คือแล้วมันจะไปเกิดโรค
00:11:14 → 00:11:16 ภูมิต่อต้านตัวเองโดยที่เราไม่ได้อยากให้
00:11:16 → 00:11:20 มันเกิดได้มยเกิดโรคอิมมู disease เกิด
00:11:20 → 00:11:22 มันมีเซลล์เซลล์นึงซึ่งมันไม่มีไวรัสอยู่
00:11:22 → 00:11:25 ในนั้นแล้วบังเอิญมันมีธงสีแดงอยู่บนหัว
00:11:25 → 00:11:27 มันด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่หรือลอย่าง
00:11:27 → 00:11:30 น้อยมันไม่ใช่แดงแจ๊สอ่ะมันเป็นแดงเลือด
00:11:30 → 00:11:32 หมูก็คือคล้ายๆกับแดงนั้นแหละแต่มันมัน
00:11:32 → 00:11:35 ต่างกันเฉดกันนิดนึงแต่ไอ้ยาตัวเนี้ยอืม
00:11:35 → 00:11:38 ไม่ฉันเชื่อว่าไอ้นี่มันแปลกประหลาดจับ
00:11:38 → 00:11:42 เลยก็เซลล์ปกติก็อาจจะโดนทำลายไปด้วยเกิด
00:11:42 → 00:11:45 โรคออโตอิมมูนอันเนี้ยก็เป็นความเสี่ยง
00:11:45 → 00:11:48 ทางทฤษฎีที่เขากังวลกันอยู่ว่ามันอาจจะ
00:11:48 → 00:11:52 เกิดขึ้นได้นะครับหรือถ้าเชื้อมันมีการ
00:11:52 → 00:11:55 เปลี่ยนแปลงพันธุกรรมกายพันธุ์น่ะโปรตีน
00:11:56 → 00:11:58 ที่มันสร้างออกมาก็ไม่เหมือนเดิมยาตัว
00:11:58 → 00:12:02 เนี้ยมันมันก็จัดการไม่ได้อ่ะคุณคิดว่า
00:12:02 → 00:12:05 ละลาปล่อยแล้วะไม่เป็นเอดะเดี๋ยวมันก็
00:12:05 → 00:12:09 กลับมาใหม่ครับก็อาจจะเป็นก็ได้นะหยุดยา
00:12:09 → 00:12:11 ไปแล้วอ้าอยู่ๆทำไมมันเกิดขึ้นมาใหม่
00:12:11 → 00:12:14 อันเนี้ยก็ตอบไม่ได้นะครับนี่เป็นผลสิ่ง
00:12:14 → 00:12:18 ที่เราต้องทราบและก็ไม่แค่
00:12:18 → 00:12:21 นั้นคุณรู้มครับว่าใครที่ใช้ยาตัวนี้ได้
00:12:21 → 00:12:24 บ้างอ่ะไม่นับเรื่องของราคาสมมุติว่าทุก
00:12:24 → 00:12:26 คนเข้าถึงยาได้เหมือนกันมันจะมีคนที่ไม่
00:12:26 → 00:12:29 ได้ผลครับเพราะว่าอะไรรู้มั้ย
00:12:29 → 00:12:32 โมเลกุลยาตัวเนี้ยอย่างที่บอกมันมี 2 แขน
00:12:32 → 00:12:36 ใช่่ไหมยครับแขนนึงเนี่ยเค้าเอาไว้จับกับ
00:12:36 → 00:12:40 ตัวเซลล์ซึ่งเป็นที่ซ่อนของเชื้อแต่มันจะ
00:12:41 → 00:12:44 ต้องจับกับโมเลกุลที่จจำเพาะมากๆเลย
00:12:44 → 00:12:48 โมเลกุลนี้มีชื่อว่า hla a
00:12:48 → 00:12:50 0201 เท่า
00:12:50 → 00:12:54 นั้นไวรัสตัวเนี้ยไวรัส AG เนี่ยมันจะ
00:12:54 → 00:12:57 สร้างโปรตีนขึ้นมาชื่อแะ Gag แล้วโปรตีน
00:12:58 → 00:13:02 ตัวเนี้ยจะต้องไปจับกับ hla a 0201
00:13:02 → 00:13:06 เท่านั้นถึงจะแสดงผลให้ยาตัวนี้ไปจับกับ
00:13:06 → 00:13:09 มันได้ปัญหาอยู่ตรงนี้
00:13:09 → 00:13:13 ครับถ้าใครเข้าใจรืมภูมิต้านทานเนี่ย
00:13:13 → 00:13:17 เซลล์ทุกเซลล์ของร่างกายเราจะมี hoa
00:13:17 → 00:13:20 Class 1 ถ้าเซลล์นั้นมีนิวเคลียส hoa
00:13:20 → 00:13:23 Class 1 เนี่ยมีหน้าที่ในการนำเสนอสิ่ง
00:13:23 → 00:13:26 ที่อยู่ในเซลล์อาจจะเป็นชิ้นส่วนของเซลล์
00:13:26 → 00:13:30 ปกติก็ได้นำเสนอแล้วแล้วก็ภูมิต้านทานก็
00:13:30 → 00:13:32 มีหน้าที่มาเช็คตัวเนี้ยเปรียบเสมือนเรา
00:13:32 → 00:13:37 ถือธงอ่าเราถือธงสีเขียวเซภูมิต้านทานเรา
00:13:37 → 00:13:40 มาเจอธงสีเขโอ้ปกติผ่านไม่ต้องทำอะไรเรา
00:13:40 → 00:13:43 เอาธงสีแดงขึ้นมาเฮ้ยมันแปลว่าไอ้สีแดง
00:13:43 → 00:13:45 เรามีไวรัสซ่อนอยู่ในเซลล์เซล์ภูมกันเจอ
00:13:45 → 00:13:49 ทำลายนะครับนี่คือหน้าที่ของ hoa Class
00:13:49 → 00:13:50
00:13:50 → 00:13:54 นะทีเนี้ย hoa ของแต่ละคนน่ะคลาส 1 เนี่ย
00:13:54 → 00:13:56 มันไม่เหมือนกัน
00:13:56 → 00:14:00 hoa เราแบ่งเป็นคลาส classical กับ non
00:14:00 → 00:14:02 classical นะครับ classical เนี่ยมี hoa
00:14:02 → 00:14:06 A B C เราจะพูดถึง hoa a แล้วกันทุก
00:14:06 → 00:14:10 คนมี A มี b มี C เหมือนกันหมดแต่ว่าใน a
00:14:11 → 00:14:13 ใน B ใน C เนี่ยแต่ละคนจะหน้าตาไม่เหมือน
00:14:13 → 00:14:19 กันเลยเช่นสมมุติคุณมี hoa a 0201 อ่ะ
00:14:19 → 00:14:24 ตรงกับยาตัวนี้นะครับอีกคนนึงมี hoa a
00:14:24 → 00:14:25
00:14:25 → 00:14:29 09 หรือ 05 08 อย่างเงี้ยแล้วมันไม่ใช้
00:14:29 → 00:14:34 ตัวเนี้ยยาจับไม่ได้นะครับยาจับไม่ได้คำ
00:14:34 → 00:14:38 ถามก็คือแล้วมันมีคนปริมาณเท่าไหร่ที่มี
00:14:38 → 00:14:39 hoa a
00:14:40 → 00:14:43 0201 ในโลกเนี่ยไม่เท่ากันสักที่ครับถ้า
00:14:43 → 00:14:45 คนยุโรปมีประมาณ
00:14:45 → 00:14:49 30% ที่มี hla a
00:14:49 → 00:14:53 0201 ถ้าเป็นคนผิวดำแอฟริกันอเมริกันมี
00:14:53 → 00:14:54 ประมาณ
00:14:54 → 00:14:57 12% เนี่ยหมายความว่าอะไรหมายความว่ายา
00:14:57 → 00:15:01 ตัวเนี้ยถ้าคนยุโรปติดเชื้อ hiv ใช่ป่ะจะ
00:15:01 → 00:15:07 มี 30% ที่เขามี hoa ตรงกับยาตนี้แล้วถึง
00:15:07 → 00:15:11 จะใช้ยาได้ผลครับอ้าวและไอ้ 70% ที่เหลือ
00:15:11 → 00:15:17 ใช้ไม่ได้ครับใช้ตัวนี้ไม่ได้นะฮะคำถาม
00:15:17 → 00:15:21 ยอดทิศเลยก็คืออ้าวแล้วประเทศไทยเราอ่ะคน
00:15:21 → 00:15:26 เอเชียมี hoa a 0201 กี่
00:15:26 → 00:15:30 เปอร์เซ็นต์ 6.5% ครับ
00:15:30 → 00:15:36 ประมาณ 6.5% น้อยมากเลยนะ 100 คนติด Edge
00:15:36 → 00:15:38 มีแค่เพียง 6 คน 7 คนเท่านั้นที่สามารถ
00:15:38 → 00:15:42 ใช้ยาตัวนี้ได้ครับหมายความว่าใช้ยาแล้ว
00:15:42 → 00:15:46 ได้ผลนะเนี่ยอันนี้คือเป็นช่องโหวช่อง
00:15:46 → 00:15:50 ใหญ่มากๆเลยของยาตัวนี้ไม่ใช่ทุกคนใช้ได้
00:15:50 → 00:15:54 ครับแล้วไม่ใช่ทุกคนหายได้ด้วยนี่คือสิ่ง
00:15:54 → 00:16:00 ที่ต้องรู้นะครับแล้วไม่เพียงแค่นั้น
00:16:00 → 00:16:02 คนที่ใช้ได้มันมีจำนวนน้อยมันอาจจะมี
00:16:02 → 00:16:06 โอกาสเกิดไซไค Storm หรือพายุไซโตไคน์ที่
00:16:06 → 00:16:09 ทำให้เกิดการอักเสบทั่วร่างกายมันยังมี
00:16:09 → 00:16:12 อย่างอื่นอีกที่เราต้องกังวลก็คือแล้วคุณ
00:16:12 → 00:16:14 รู้ได้ยังไงว่า HIV มันจะหมดจากร่างกาย
00:16:14 → 00:16:17 จริงๆเพราะว่าแหล่งที่ซ่อนบางแหล่งเนี่ย
00:16:17 → 00:16:20 มันลี้ลับซับซ้อนจนคุณเข้าไปไม่ค่อยได้
00:16:20 → 00:16:25 อ่า cd4 นะครับอาจจะอยู่ในเลือดหรือเข้า
00:16:25 → 00:16:28 ไปอยู่ในในเนื้อเยื่อสักที่นึงแต่ที่ซ่อ
00:16:28 → 00:16:30 ่อนไม่ได้มีที่เดียวครับที่ซ่อนที่อื่น
00:16:30 → 00:16:34 ที่มันเข้ายากๆเช่นในสมองของเราเพราะปกติ
00:16:34 → 00:16:38 เนี่ยสมองกับเลือดเนี่ยมันจะมีบาเรียกั้น
00:16:38 → 00:16:39 อันนึงเราจะเรียกว่า Blood Brain
00:16:39 → 00:16:41 barrier นะครับเพื่อที่จะไม่ให้สิ่งแปลก
00:16:41 → 00:16:44 ปลอมมันเข้าไปสู่สมองได้โดยตรงแล้วแต่ว่า
00:16:44 → 00:16:46 ปัญหาก็คือว่ายาบางอย่างก็จะไม่สามารถ
00:16:46 → 00:16:51 เข้าสู่สมองได้โดยตรงเช่นกันนะครับแล้วใน
00:16:51 → 00:16:53 สมองเรามันมีเซลล์แมเล็ดขาวชื่อว่าไมโคร
00:16:53 → 00:16:56 เกลียเป็นที่ซ่อนของ HIV แต่ถ้าเกิดคุณ
00:16:56 → 00:16:59 เอายาเข้าไปในสมองไม่ได้อ้าเชื้อก็ยัง
00:16:59 → 00:17:03 อยู่เหมือนเดิมไงจริงมยนะครับในต่อมน้ำ
00:17:03 → 00:17:07 เหลืองนะครับมันจะมีเซลล์ตัวนึงชื่อว่า DC
00:17:07 → 00:17:08 Cell นะครับหรือ follicular dendritic
00:17:08 → 00:17:12 Cell ตัวนี้เนี่ยมันมันแปลกประหลาดมาก
00:17:12 → 00:17:15 มันมี HIV ซ่อนอยู่ในตัวมันใช่มยแล้วมัน
00:17:15 → 00:17:19 จะแสดงแอนติเจนออกมานิดๆหน่อยๆปกติเนี่ย
00:17:19 → 00:17:22 เซลล์ตัวเมีหน้าที่แสดงแอนติเจนให้กับ
00:17:22 → 00:17:24 เซลล์ภูมิต้านทานของเราคือ T เซลฟังให้
00:17:24 → 00:17:26 แล้วสอนมันแล้วเฮ้ยตัวนี้มีตัวประหลาด
00:17:26 → 00:17:29 เข้ามาแล้วคุณไปหาทางจัดการมาให้ได้นี่
00:17:29 → 00:17:34 คือปกติแต่ในภาวะ HIV เนี่ยไม่ใช่ครับเิิ
00:17:34 → 00:17:37 เซลล์พวกเนี้ยมันยื่นเศษ HIV ให้กับเซลล์
00:17:38 → 00:17:41 cd4 เอาเชื้อไปติด cd4 T เซลอีกต่างหาก
00:17:41 → 00:17:44 นะครับมันก่อกวนร่างกายเราอยู่ตรงเนี้ย
00:17:44 → 00:17:46 แล้วอย่าเข้าไปในต่อมเหลืองๆืพวกเนี้ยยาก
00:17:46 → 00:17:52 มากยากมากๆดังนั้นคุณอาจจะกำจัดเฉพาะ cd4
00:17:52 → 00:17:54 TC ซึ่งเป็นที่ซ่อนของไวรัสได้แต่มันจะ
00:17:54 → 00:17:57 เหลือที่ซ่อนอื่นๆที่คุณอาจจะกำจัดได้ไม่
00:17:57 → 00:18:01 หมดอาจจะเหลือ res ที่อื่นที่คุณกำจัดมัน
00:18:01 → 00:18:05 ไม่ได้และตรงนี้แหละที่ต้องการการศึกษา
00:18:05 → 00:18:06 ระยะยาว
00:18:06 → 00:18:10 ว่าคุณจะกลับมาเป็น HIV อีกรอบหรือ
00:18:10 → 00:18:13 เปล่าแล้วมันต้องนานพอสมควรด้วยนะครับ
00:18:13 → 00:18:18 เพราะว่าอะไรเพราะว่าถ้าเกิดคุณหยุดยาไป
00:18:18 → 00:18:22 แล้วคุณได้ยาตัวเนี้ย imc m13 V เรียบ
00:18:22 → 00:18:25 ร้อยะในบริเวณ T เซลล์ที่เป็น cd4 T เซล
00:18:26 → 00:18:28 ของคุณโดนกำจัดเชื้อไปเกลี้ยงละนะครับไม่
00:18:28 → 00:18:31 มีเหลือละแต่ถ้ามันเหลือในสมองอยู่ที่มัน
00:18:31 → 00:18:33 กำจัดไม่ได้อยู่ในต่อมเหลืองๆหรือว่าใน
00:18:33 → 00:18:35 ทางเดินอาหารที่มันซ่อนอยู่สักที่นึงแล้ว
00:18:35 → 00:18:38 มันกำจัดไม่ได้เนี่ยมันอาจจะต้องใช้เวลา
00:18:38 → 00:18:40 สักระยะหนึซึ่งระยะนึงเนี่ยคือเท่าไหร่ก็
00:18:40 → 00:18:43 ไม่รู้อาจจะเป็นเดือนเป็นปีกว่าเชื้อมัน
00:18:43 → 00:18:46 จะออกมาใหม่ก็ได้ตรงเนี้ยที่ยังไม่มีใคร
00:18:46 → 00:18:48 รู้แล้วเราก็ต้องติดตามดูต่อไปนะครับว่า
00:18:48 → 00:18:51 ยังไงบ้างแล้วเราก็ไม่มีวิธีไปรู้ด้วยนะ
00:18:51 → 00:18:54 ครับว่าไอ้เชื้อที่อยู่ตรงเซลล์ระบบ
00:18:54 → 00:18:57 ประสาทของเรามันยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า
00:18:57 → 00:19:00 เราจะเอไปเอายังไงมาตรวจอ่ะในเลือดเรา
00:19:00 → 00:19:03 ตรวจ cd4 เก็เจาะเลือดมาตรวจได้ง่ายเอ๊
00:19:03 → 00:19:05 สมองเราเอาอะไรมาตรวจอ่ะคุณเจาะสมองมา
00:19:05 → 00:19:08 ตรวจอ่ะไม่คุ้มค่าใช่มั้ยฮะไม่ได้นะครับ
00:19:08 → 00:19:12 ถูกมั้ยดังนั้นเนี่ยมันจะมีข้อจำกัดอยู่
00:19:12 → 00:19:15 หลายอย่างเลยทีเดียวนะครับหลายอย่างกว่า
00:19:15 → 00:19:17 มันจะสำเร็จแต่ผมมองว่ามันเป็นสิ่งที่เรา
00:19:17 → 00:19:20 เข้าใกล้อ่าวิธีในการทำให้เกิดความสำเร็จ
00:19:20 → 00:19:23 ได้มากขึ้นเพราะว่าตรงนี้เดี๋ยวขอเล่านอก
00:19:23 → 00:19:27 เรื่องนิดนึงนะครับคือหลายคนน่ะก็คงจะเคย
00:19:27 → 00:19:30 ได้ยินเรื่องราวของการการปลูกไถ่ไขกระดูก
00:19:30 → 00:19:34 รักษาโรค HIV หายขาด 100% มาแล้วนะครับใน
00:19:34 → 00:19:37 ปัจจุบันในโลกเน่าจะมีสักประมาณ 7-8 คน
00:19:37 → 00:19:40 เนี่ยไม่เกิน 10 คนที่ได้รับการรักษาด้วย
00:19:40 → 00:19:44 วิธีนี้คือโดยทั่วไปเนี่ยสิ่งที่เกิดขึ้น
00:19:44 → 00:19:47 ก็คือเค้ามีคนที่เป็นโรค HIV แล้วบังเอิญ
00:19:47 → 00:19:50 เป็นมะเร็งบางอย่างเช่นลิวคีเมียแล้ว
00:19:50 → 00:19:52 จำเป็นจะต้องได้รับการปลูกไถไขกระดูกนะ
00:19:52 → 00:19:55 ครับเค้าก็เอาเซลล์ไขกระดูกที่เขาได้มา
00:19:55 → 00:19:58 เนี่ยมาตัดต่อพันธุกรรมนะครับตัดต่อพัน
00:19:58 → 00:20:00 ธุกรรมก็คือตัดต่อพันธุกรรมอันนึงเรา
00:20:00 → 00:20:04 เรียกว่ายน ccr5 นะครับหรือ kem tactic
00:20:04 → 00:20:05 cc
00:20:06 → 00:20:10 อ่านะฮะตัวที่ 5 ตัวเนี้ยมาตัดเพราะว่าเ
00:20:10 → 00:20:14 ตัดออกไป 32 Base แเพราะว่าไอ้ ccr5
00:20:14 → 00:20:16 เนี่ยมันเป็นอีกตัวนึงซึ่ง HIV ชอบเข้า
00:20:16 → 00:20:19 มากเลยมันชอบเข้าไปข้างในแล้วเขาก็ดันไป
00:20:19 → 00:20:23 เจอคนที่มีการกลายพันธุ์ของ ccr5 ปรากฏ
00:20:23 → 00:20:26 ว่าไอ้คนพวกเนี้ยไม่มีทางเป็นอะไรจากโรค
00:20:26 → 00:20:29 ดส์ได้เชื้อเข้าไปนะแต่ก็ไม่เป็นอะไร
00:20:29 → 00:20:32 เออเค้าก็เลยรู้ว่าอ๋อไอ้ตัวเนี้ยสำคัญ
00:20:33 → 00:20:35 มากถ้าเราจะปลูกไถ่ไายกระดูกให้กับคนที่
00:20:35 → 00:20:37 เป็น HIV นะเราลองเอาตัวเนี้ยไปเปลี่ยน
00:20:37 → 00:20:40 แปลงพันธุกรรมของมันแล้วฉีดเข้าไปในคนไข้
00:20:40 → 00:20:43 พวกนี้ก็ปรากฏว่าหายขาดโดยไม่ต้องกินยา
00:20:43 → 00:20:45 อะไรเลยเพราะว่าเชื้อที่มันซ่อนอยู่ใน
00:20:46 → 00:20:48 เซลล์อ่ะมันซ่อนอยู่ตรงไหนก็แล้วแต่นะมัน
00:20:48 → 00:20:51 ออกมามันต้องไปติดเชื้ออะไรสักอย่างแต่
00:20:51 → 00:20:53 ว่าทีนี้พอมันออกมาอ้าวเซลล์ใหม่ที่เข้า
00:20:54 → 00:20:56 มาดันไม่มีกลอนประตูให้มันเข้าไปข้างใน
00:20:56 → 00:20:58 ได้มันล็อคซะแน่นหนาเลยมันเข้าไปไม่ได้
00:20:58 → 00:21:03 ได้เนี่ยมันก็เลยเกิดเกิดการคิดค้นแบบนี้
00:21:03 → 00:21:05 ขึ้นมาแล้วคนเหล่านี้ที่บุกไถยขายกระดูก
00:21:05 → 00:21:09 ก็หายขาดคำถามก็คืออแล้วไม่ไม่ทำทุกคนบอก
00:21:09 → 00:21:12 งงี้ครับการปลูกไถไข่กระดูกอ่ะมันยากมาก
00:21:12 → 00:21:16 มันแพงมีผลข้างเคียงด้วยต่อให้คุณหา
00:21:16 → 00:21:18 กระดูกไข่กระดูกที่มันเหมาะสมเข้ากับคุณ
00:21:18 → 00:21:21 ได้เป๊ะยังไงอ่ะมันไม่มีทาง 100% แล้ว
00:21:21 → 00:21:24 ระยะยาวเนี่ยจะมีปัญหาอย่างหนึ่งเราเรียก
00:21:24 → 00:21:26 ว่า grp versus Host disease หมายความ
00:21:26 → 00:21:29 ว่าไขกระดูกที่คุณเปลี่ยนมันมาจากคนอื่น
00:21:29 → 00:21:32 มันจะทำลายอวัยวะต่างๆของคุณไปเรื่อยๆจะ
00:21:32 → 00:21:34 เกิดเรื่องขึ้นมาเมื่อไหร่ไม่มีใครตอบได้
00:21:34 → 00:21:37 ถ้ามันเกิดขึ้นมาก็รักษายากเสียด้วยนะ
00:21:38 → 00:21:39 ครับร่างกายเราก็จะไม่
00:21:39 → 00:21:43 ปกติดังนั้นมันจึงไม่ใช่การรักษามาตรฐาน
00:21:43 → 00:21:45 ที่เราจะเอาไว้ใช้รักษาโรคเอดส์ให้มันหาย
00:21:45 → 00:21:47 ในทุกคนได้ครับไม่ใช่คนที่เป็นโรคเอดส์จะ
00:21:47 → 00:21:49 ต้องได้รับการปลูกไถยไกระดูกเพื่อการ
00:21:49 → 00:21:52 รักษาอันนี้ก็คือไม่คุ้มค่าทั้งเรื่อง
00:21:52 → 00:21:56 ราคาสพากำลังที่เราต้องใส่เข้าไปและผลคาง
00:21:56 → 00:22:00 เียงที่คนไข้จะได้รับไป
00:22:00 → 00:22:02 เนี่ยนะครับตรงนี้ก็คือเป็นสิ่งซึ่งผม
00:22:02 → 00:22:05 อยากจะอยากจะเล่าให้ฟังนึงแล้วก็มันจะมี
00:22:05 → 00:22:11 คนอยู่กลุ่มนึงที่เค้ามีมีปัญหาว่าอ่าไม่
00:22:11 → 00:22:13 ใช่มีปัญหามีข้อดีคือเชื้อมันอยู่ในร่าง
00:22:13 → 00:22:15 กายแล้วแหละแต่ทำอะไรคนคนนั้นไม่ได้ทั้งๆ
00:22:15 → 00:22:18 ที่เขาไม่มี ccr5 Mutation เลยนี่ก็มี
00:22:18 → 00:22:19 เหมือนกันนะ
00:22:19 → 00:22:23 ครับทีเนี้ยไอ้คนเหล่าเนี้ยเชื้อมันไม่
00:22:23 → 00:22:26 ได้หายไปจากร่างกายนะแต่มันทำร่างกายเค
00:22:26 → 00:22:29 เจ๊งไม่ได้เจะเรียกเรียกว่า Elite
00:22:29 → 00:22:32 survivor คือแบบเจ๋งมากอ่ะมันไม่เป็น
00:22:32 → 00:22:34 อะไรเชื้ออยู่กับมัน
00:22:34 → 00:22:39 ได้พวกเนี้ยเค้าจะพยายามเรียกคนเหล่า
00:22:39 → 00:22:41 เนี้ยว่า functional Cure หมายความว่า
00:22:41 → 00:22:43 เอ้ยมีเชื้อแหละแต่ว่ามันทำอะไรร่างกาย
00:22:43 → 00:22:48 ไม่ได้เป้าหมายของยาตัวเนี้ยยาของบริษัท
00:22:48 → 00:22:52 immuno เนี่ยเค้าต้องการทำ functional ค
00:22:52 → 00:22:54 นะครับหมายความว่าคุณยังอาจจะมีเชื้ออยู่
00:22:54 → 00:22:58 แต่เชื้อมันทำอะไรคุณไม่ได้นี่คือเป้า
00:22:58 → 00:23:01 หมายของเค้านะแต่ถ้าเกิดเา achieve เค้า
00:23:01 → 00:23:04 สามารถไปถึง Absolute Cure ได้คือไม่มี
00:23:04 → 00:23:05 เชื้ออะไรสักอย่างอยู่ในร่างกายคุณนอัน
00:23:06 → 00:23:08 นั้นคือเป้าหมายสูงที่สุดซึ่งเา้ายังหวัง
00:23:08 → 00:23:11 ไปขนาดนั้นไม่ได้เพราะว่ายังไม่มีการ
00:23:11 → 00:23:13 ศึกษาที่นานเพียงพอที่จะบอกว่าเชื้อมัน
00:23:13 → 00:23:15 ยากไม่กลับมาอีกแล้วนะ
00:23:15 → 00:23:20 อ่าแต่กลไกการรักษาแบบเนี้ยผมมองว่ามัน
00:23:20 → 00:23:24 มันเจ๋งมากๆนะครับคือข้อแรกอ่ะมันไปจับ
00:23:24 → 00:23:28 กับตัวตัวเชื้อที่มันซ่อนอยู่สักที่นึง
00:23:28 → 00:23:30 ได้นะครับแต่แน่นอนว่าจะต้องมีการแก้ไข
00:23:31 → 00:23:33 hoa นะถ้าถ้าเป็นผมนะ
00:23:33 → 00:23:37 อ่าในกลุ่ม hoa Class 1 เนี่ยมันจะมี
00:23:37 → 00:23:39 classical กับ non classical ไม่กบอกละ
00:23:39 → 00:23:41 กลุ่ม classical เนี่ยหน้าตาของแต่ละคน
00:23:41 → 00:23:44 น่ะจะไม่เหมือนกันเลยมันทำให้ยาเนี่ยมัน
00:23:44 → 00:23:47 มันจะต้องไปแบบเลือกเฉพาะเจาะจงให้มันของ
00:23:47 → 00:23:50 คนๆนั้นเท่านั้นถึงจะทำงานได้แต่ non
00:23:50 → 00:23:53 classical H เนี่ยเรามักจะมีอีกคำหนึ่ง
00:23:53 → 00:23:57 เรียกมันว่า invariant h แปลว่าลักษณะ
00:23:57 → 00:24:00 ของมันเนี่ยเราระหว่างคนที่ไม่เหมือนกัน
00:24:00 → 00:24:04 เนี่ยลักษณะของมันคล้ายกันมากโดยเฉพาะ hoa
00:24:04 → 00:24:08 E นะครับตัวนี้มันคล้ายกันมากแปลว่าอะไร
00:24:08 → 00:24:11 อ่ะมันแปลว่าถ้าของผม hoe กับของคุณมัน
00:24:11 → 00:24:14 เหมือนกันเนี่ยยาตัวนี้ทำขึ้นมาแล้วคนใน
00:24:14 → 00:24:16 ประเทศไทยทุกคนเป็น hle ที่หน้าตาเหมือน
00:24:16 → 00:24:20 กันหมดเนี่ยยาตัวเนี้ยใช้ได้กับทุกคนไม่
00:24:20 → 00:24:23 ใช่แค่ 6.5% ของคนทั้งหมดที่เป็น
00:24:23 → 00:24:26 HIV ต้องแก้ไขตรงนี้ผมคิดว่าเดี๋ยวเาก็
00:24:26 → 00:24:29 ทำนะบริษัทของเเนี่ยน่าจะน่าจะรู้เรื่อง
00:24:29 → 00:24:31 นี้นแหละเคงจะต้องเปลี่ยนไม่ใช่ให้มันจับ
00:24:31 → 00:24:35 ก hoa a 0201 ะต้องเปลี่ยนเป็น H A E
00:24:35 → 00:24:38 อะไรอย่าเงี้ยซึ่งอาจจะมีความคงที่มาก
00:24:38 → 00:24:40 กว่าแต่ว่ามันก็มีปัญหาของมันเหมือนกันใน
00:24:40 → 00:24:42 การที่บอกว่าอ้าแล้วไอ้เศษเศษซากพวกนี้จะ
00:24:43 → 00:24:45 มาจับกับ hoe แล้วเอามาที่ผิวเซลล์ได้
00:24:46 → 00:24:48 จริงหรือเปล่าเยอะแค่ไหนยามันจะไวพอมอัน
00:24:48 → 00:24:50 นี้ก็ต้องเป็นการศึกษาของทางเค้าไปแล้วะ
00:24:50 → 00:24:54 กันนะครับนิสิ่งเราก็ต้องไม่ทำนะอีกสิ่ง
00:24:54 → 00:24:56 นึงซึ่งผมมองว่ามันจีเนียสมากๆก็คือว่า
00:24:56 → 00:24:58 ปกติเซล์ภูมิต้านทานของเรามีความจำเพาะ
00:24:58 → 00:25:01 อย่างยิ่งมากๆกับอะไรซักอย่างใช่มยถ้าใคร
00:25:01 → 00:25:05 เรียนภูมิต้านทานมาก็จะรู้ว่าถ้าสมมุติ T
00:25:05 → 00:25:07 เซลล์เนี่ยวิ่งมาแล้วมันจะเจอเซลล์ที่มัน
00:25:07 → 00:25:10 ผิดปกติมันจะต้องมี t-cell receptor นะ
00:25:10 → 00:25:13 ครับไปจับกับสิ่งที่ผิดปกติในที่นี้ก็คือ
00:25:13 → 00:25:16 mhc หรือ hoa Class 1 แล้วก็เปปไทด์
00:25:16 → 00:25:18 หรือโปรตีนตัวนึงจับเสร็จปุ๊บแค่นั้นไม่
00:25:18 → 00:25:21 อยู่ถ้าจับแค่นั้นน่ะมันจับไม่แน่นเดี๋ยว
00:25:21 → 00:25:24 มันก็หลุดออกไปนะครับมันก็เลยต้องมี
00:25:24 → 00:25:26 สัญญาณที่ 2 เราเรียกว่า costimulatory
00:25:26 → 00:25:29 molecule นะครับคือมีแขนที่ 2 มาช่วยกัน
00:25:29 → 00:25:31 จับจับ 2 แขนแล้วอ่ะคราวนี้มั่นคงะ T เซล
00:25:31 → 00:25:35 ก็จัดการได้นะครับยาตัวนี้เนี่ยนะครับมัน
00:25:35 → 00:25:38 มีความจำเพาะมากๆก็คือว่ามันเรียก T
00:25:38 → 00:25:42 เซลล์ตัวไหนมาก็ได้เลยที่เพราะว่าสิ่งที่
00:25:42 → 00:25:45 มันมีก็คืออ่ะแขนนึงมันยามี 2 แขนนะแขน
00:25:45 → 00:25:47 นึงมันจับเซลล์ตัวที่ผิดปกติแล้วอีกแขน
00:25:47 → 00:25:49 นึงอ่ะจับ T เซลล์แต่ตัวไหนก็ได้เพราะว่า
00:25:49 → 00:25:52 มันมีแี้ cd3 cd3 เนี่ยอยู่บน T เซลล์
00:25:52 → 00:25:54 ทุกตัวเลยมันจับแหลกเลยไม่ว่า T เซลตัว
00:25:54 → 00:25:56 ไหนเฮ้ยมันตรงนี้มันตรงนี้มาช่วยกันหน่อย
00:25:56 → 00:26:01 นะครับการที่คุณจะเลือกเนี่ยเนื่องจากถ้า
00:26:01 → 00:26:03 เป็น T เซลโดยธรรมชาติของร่างกายเราใช่
00:26:03 → 00:26:06 ป่ะมันมีความจำเพาะมาก 1 ตัวจับได้กับ 1
00:26:06 → 00:26:10 อย่าง 1 มันอาจจะมีสมมุติเรามี 10,000
00:26:10 → 00:26:14 ตัวใน 10,000 ตัวเนี่ยอาจจะมีแค่ตัวเดียว
00:26:14 → 00:26:17 ที่จับกับเซลล์ที่ติดเชื้อ hiv ได้อ้าว
00:26:17 → 00:26:22 แล้ว 9,999 ตัวมันจับไม่ได้มันก็ไม่ทำงาน
00:26:22 → 00:26:25 แต่ไยาตัวนี้มาแก้ไขปัญหาตรงนี้ครับไม่
00:26:25 → 00:26:28 ว่าคุณจะจับได้หรือไม่ได้เราก็สามารถคุณ
00:26:28 → 00:26:31 มาได้เพราะว่าเราเป็นคนจับ hoa ของเชื้อ
00:26:31 → 00:26:34 กับเซลล์ตัวนั้นให้เราจับให้และส่วนอีก
00:26:34 → 00:26:36 มือนึงอ่ะเราจับ T เซลล์ได้ทุกตัวหมืตัว
00:26:37 → 00:26:39 มาก็จับได้ทั้ง 10,000 ตัวแล้วก็ดึงเอา
00:26:39 → 00:26:42 กองทัพทั้ง 10,000 ตัวมาจัดการได้เลยนี่
00:26:42 → 00:26:45 ยาตัวนี้มันวิเศษตรงนี้แล้วมันไม่ต้องใช้
00:26:45 → 00:26:47 caty molecule ให้มันจับแน่นด้วยเพราะ
00:26:47 → 00:26:49 ตัวมันเองมันเก่งอยู่แล้วมันจับแน่นนะ
00:26:49 → 00:26:53 ครับแต่ก็แน่นอนถ้าเราเรียกเอาพวกพ้องของ
00:26:53 → 00:26:56 TC มาเรื่อยๆเนี่ยก็ต้องระวังภาวะที่เรา
00:26:56 → 00:26:58 เรียกว่า t-cell exhaustion ก็คือ T เซ
00:26:58 → 00:27:01 โอแทบตายแล้วผ่านไปตรงไหนก็มีคนเรียกมาทำ
00:27:01 → 00:27:03 งานเรียบมาทำงานข้าพเจ้าไม่ได้ทำอะไรวันๆ
00:27:03 → 00:27:05 ไม่ได้หยุดพักอย่างเงี้ยก็ตายได้อันนี้ก็
00:27:05 → 00:27:07 คือเป็นสิ่งที่เขาจะต้องกังวลแล้วก็ต้อง
00:27:07 → 00:27:10 ไปรอดูกันเองว่าจะมีปัญหาอะไรทางด้านนี้
00:27:10 → 00:27:14 เพิ่มขึ้นมากว่าปกติหรือเปล่านะครับอืม
00:27:14 → 00:27:18 แต่ยังไงก็ตามการทำวิธีเนี้ยมันค่อนข้าง
00:27:18 → 00:27:21 เจ๋งแล้วมันมีการสำเร็จมาแล้วในการรักษา
00:27:21 → 00:27:24 มะเร็งอย่างหนึ่งซึ่งเรียกว่า uel
00:27:24 → 00:27:28 melanoma นะครับแต่จะต้องเป็นคนที่มี H
00:27:28 → 00:27:33 a 0201 เท่านั้นนะครับอ่ายาตัวเนี้ยมัน
00:27:33 → 00:27:37 ชื่อการค้าว่า Kim trx นะครับ Kim trash
00:27:37 → 00:27:40 เนี่ยมันมีชื่อจริงๆชื่อชื่อเรียกยากมาก
00:27:40 → 00:27:43 เลย tent P
00:27:43 → 00:27:46 tent นะชื่อแปลกๆเดี๋ยวผมขึ้นไว้ให้แล้ว
00:27:46 → 00:27:50 กันนะตัวเนี้ยมันถูกอนุมัติโดย fda มา
00:27:50 → 00:27:53 ตั้งแต่ปี 2022 ทำงานอย่างเดียวกันเลย
00:27:53 → 00:27:57 ข้างนึงเป็น T Cell receptor ที่เอาไว้
00:27:57 → 00:28:00 จับกับ H a a 0201 แล้วก็เปบตายของไอ้
00:28:00 → 00:28:03 มะเร็งเนี่ยจับอีกข้างนึงเป็น cd3 ไป
00:28:03 → 00:28:06 เลือก T เซลล์มาให้ไปทำลายมะเร็งได้ผลนี่
00:28:07 → 00:28:08 อันนี้เขาคเรียกว่า proof of Concept
00:28:08 → 00:28:12 ว่ามันได้ผลจริงๆต่อไปเขาก็จะเลือกอ่าเรา
00:28:12 → 00:28:14 อยากจะฆ่าเชื้อไวรัส HIV ใช่มั้ยเราก็
00:28:14 → 00:28:16 เลือกให้ TC receptor เนี่ยจับกับเซลล์
00:28:16 → 00:28:19 ซึ่งมันมี HIV เราอยากจะฆ่าไวรัสตับอเสบ B
00:28:19 → 00:28:21 ใช่มั้ยเราก็ให้มันไปจับกับเซลล์ที่มี
00:28:21 → 00:28:23 ไวรัสตับอักเสบ B ซ่อนอยู่ข้างในมันจะได้
00:28:23 → 00:28:25 หายไปซะทีไอ้โรคติดเชื้อที่มันฆ่ายากๆ
00:28:25 → 00:28:28 เนี่ยก็ใช้วิธีนี้โรคมะเร็งที่มันแก้แคล้
00:28:28 → 00:28:31 คยากๆก็ใช้วิธีนี้ได้นี่จึงเป็นวิธีใหม่
00:28:31 → 00:28:33 ที่แบบใหม่สุดๆเลยจริงๆเกี่ยวข้องกับการ
00:28:34 → 00:28:38 ทำเทคโนโลยีที่เรียกว่าใบ specific หรือ
00:28:38 → 00:28:40 intact นะ
00:28:40 → 00:28:44 immuno เนี่ยตัวเนี้ยมันเจ๋งมากเลย
00:28:44 → 00:28:46 immuno mobilization นะครับเนี่ยต้อง
00:28:46 → 00:28:49 เอาพวกเซลล์ภูมิต้านทานมาจัดการกับสิ่ง
00:28:49 → 00:28:52 ที่มันผิดปกติโดยมีคนกลางทำหน้าที่ชี้
00:28:52 → 00:28:55 เป้าแล้วก็ดึงภูมิต้านทานมาต่อสู้เลยแต่
00:28:55 → 00:28:59 แน่นอนก็มีผลที่เราจะต้องคิดอีกหลายอย่าง
00:28:59 → 00:29:02 ไม่ใช่ทุกคนใช้ได้แล้วก็ปัจจุบันนี้ยัง
00:29:02 → 00:29:04 ไม่ถึงขั้นที่จะทำให้เชื้อมันหายไปจาก
00:29:04 → 00:29:06 ร่างกายได้แน่นอนต่อให้มันมีการตีพิมพ์ก็
00:29:06 → 00:29:08 ต้องมีการดูต่อเนื่องเพราะว่าอย่างที่บอก
00:29:08 → 00:29:11 ว่าบางส่วนที่เป็นที่ซ่อนของ HIV มันเข้า
00:29:11 → 00:29:13 ไปไม่ถึงมันเข้ายากเดี๋ยวมันอาจจะออกมา
00:29:13 → 00:29:17 อีกก็ได้นะครับอ่าวันนี้ผมก็เล่าให้ฟัง
00:29:17 → 00:29:19 เพียงเท่านี้นะครับหวังว่าจะได้ประโยชน์
00:29:19 → 00:29:22 กับหลายๆคนผมลงลึกแบบไม่ลึกที่สุดแล้วกัน
00:29:22 → 00:29:24 วันเนี้ยลงลึกแบบกลางๆแต่ว่ามันจะทำให้
00:29:24 → 00:29:27 เราโดยเฉพาะคนที่เรียนสายวิทย์เนี่ยพอ
00:29:27 → 00:29:30 เข้าใจการทำงานของยาในรูปแบบใหม่บ้างนะ
00:29:30 → 00:29:32 ครับเพราะว่ามันมันเป็นอะไรที่เราต้องคอย
00:29:32 → 00:29:34 ติดตามอยู่เรื่อยๆแล้วก็หวังว่ายาตัวเนี้
00:29:34 → 00:29:38 จะได้ผลแล้วก็อ่ามีงานวิจัยออกมามากขึ้น
00:29:38 → 00:29:40 นะครับแล้วก็รอดูกันแล้วกันนะโอเควันนี้
00:29:40 → 00:29:42 ผมเล่าให้ฟังเท่านี้นะครับขอบคุณมากครับ
00:29:42 → 00:29:46 สวัสดีครับ