00:00:00 → 00:00:02 สวัสดีครับผมคิดว่าหลายๆคนนะครับคงจะเคย
00:00:02 → 00:00:06 รู้จักเบตาดีนนะครับอ่ามันเป็นตัวที่เอา
00:00:06 → 00:00:08 ไว้ทำแผลนั่นแหละครับที่เอาไว้ใช้ค่า
00:00:08 → 00:00:11 เชื้อวันนี้เนี่ยเราจะมาคุยกันลงลึก
00:00:11 → 00:00:14 เรื่องของเบตาดีนกันนะครับว่ามันมีอะไร
00:00:14 → 00:00:17 มากกว่าที่เราคิดแล้วจริงๆเบตาดีนมันเอา
00:00:17 → 00:00:19 ไปทำอะไรได้บ้างมันใช้ทำแผลแค่อย่างเดียว
00:00:19 → 00:00:21 หรือเปล่านะครับแล้วมันมีปัญหาอะไรหรือ
00:00:21 → 00:00:23 เปล่านะครับก็เดี๋ยวลองฟังกันดูนะครับพบ
00:00:23 → 00:00:26 กับผมนะครับนายแพทย์ธานีธนียวันนะครับ
00:00:26 → 00:00:27 เป็นอาจารย์แพทย์อยู่ที่ประเทศสหรัฐ
00:00:27 → 00:00:30 อเมริกาเชี่ยวชาญโรคปอดการปลูกถ่ายปอและ
00:00:30 → 00:00:33 วิกฤตบำบัดนะครับเตดีเนี่ยจริงๆมันเป็น
00:00:33 → 00:00:36 ชื่อยี่ห้อของสารตัวนึงที่เรียกว่า idon
00:00:36 → 00:00:39 ไอโอนนะครับสารตัวนี้มันจะค่อยๆปล่อย
00:00:39 → 00:00:42 ไอโอดีนออกมาซึ่งการที่มันเอาไอโอดีนตัว
00:00:42 → 00:00:45 นี้ออกมาเนี่ยไอโอดีนมันจะไปสามารถฆ่า
00:00:45 → 00:00:48 เชื้อต่างๆได้นะครับแล้วนี่ก็เป็นสาเหตุ
00:00:48 → 00:00:53 ที่เราเอามันมาใช้นั่นเองนะครับทีนี้ผมขอ
00:00:53 → 00:00:56 เล่าความแตกต่างกับสารบางประเภทอีกอย่าง
00:00:56 → 00:00:59 หนึ่งซึ่งผมคิดว่าคนคงจะรู้จักดีโดยเฉพาะ
00:00:59 → 00:01:02 คนรุ่นรุ่นผมหรือว่าถ้าเป็นคนรุ่นรุ่น
00:01:02 → 00:01:04 สมัยก่อนนะครับคงจะต้องเคยได้ยินคำนี้แน่
00:01:04 → 00:01:09 ๆนั่นก็คือทิงเจออ่าใช่มั้ยครับถ้าใครเคย
00:01:09 → 00:01:12 ใช้ทิงเจอแล้วล่ะก็จะรู้ว่ามันแสบแค่ไหน
00:01:12 → 00:01:15 เวลาโดนแผลนะครับแต่มันก็เป็นสารที่เรา
00:01:15 → 00:01:19 เอามาฆ่าเชื้อจริงๆจอเนี่ยนะครับมันไม่
00:01:19 → 00:01:22 ใช่แค่คำว่าจอเฉยๆนะมันคือคำว่า tinger
00:01:22 → 00:01:26 of iodine นะมันมีคำว่าไอโอนอยู่ในนั้น
00:01:26 → 00:01:29 คือจริงๆทิเจอรเนี่ยมันเป็นสารอย่างหนึ่ง
00:01:29 → 00:01:33 ซึ่งมีการประกอบไปด้วยน้ำและแอลกอฮอล์นะ
00:01:33 → 00:01:36 ครับถ้า ting of ไอโอนนก็คือมีไอโอดีน
00:01:36 → 00:01:39 ผสมอยู่ในน้ำและแอลกอฮอล์นั่นเองการที่
00:01:39 → 00:01:42 มันมีแอลกอฮอล์นี่แหละครับที่ทำให้มันแสบ
00:01:42 → 00:01:44 มากๆนะครับแล้วเดี๋ยวนี้เนี่ยก็ไม่ค่อย
00:01:44 → 00:01:47 ใช้กันเพราะว่าเรารู้ว่าแอลกอฮอล์ไปโดน
00:01:47 → 00:01:50 ตัวแผลตรงๆนะครับมันจะสามารถทำลายเนื้อ
00:01:50 → 00:01:52 เยื่อได้นะครับต่อให้มันสามารถฆ่าเชื้อ
00:01:52 → 00:01:54 ได้มันก็ทำลายเนื้อเยื่อได้ด้วยทำให้มัน
00:01:54 → 00:01:57 อ่าแผลมันหายค่อนข้างที่จะช้าดังนั้น
00:01:57 → 00:02:00 เนี่ยจึงมีการเปลี่ยนไปใช้ตัวอื่นอืที่
00:02:00 → 00:02:02 มันไม่ค่อยมีปัญหาต่อแผลนะครับดังนั้น
00:02:02 → 00:02:04 เนี่ยเดี๋ยวนี้เราจะไม่ค่อยใช้ ure of
00:02:04 → 00:02:08 iodine ะนะครับแล้วมันก็มีอีกอย่างนึง
00:02:08 → 00:02:12 ซึ่งคล้ายๆกันนะฮะคือคำว่า lal solution
00:02:12 → 00:02:15 นะครับ lal เนี่ยเค้าเป็นอ่าน่าจะเป็นนัก
00:02:15 → 00:02:17 วิทยาศาสตร์ชาวฝรั่งเศสสมัยก่อนนะครับ
00:02:17 → 00:02:20 แล้วก็คิดค้นอ่า lal solution ขึ้นมาตัว
00:02:20 → 00:02:24 นี้เนี่ยมันก็คือตัว potassium ไอโอดนะ
00:02:24 → 00:02:26 ครับผสมกับน้ำซึ่งมีไอโอดีนอยู่ในนั้นก็
00:02:27 → 00:02:28 คือเป็นสรุปมันเป็นสารละลายอย่างนึงแล้ว
00:02:28 → 00:02:30 กันที่มันมีไอโอ
00:02:30 → 00:02:32 เป็นส่วนประกอบหลักไอ้ตัวนี้เอาไว้ทำอะไร
00:02:32 → 00:02:34 นะครับอ่าตัวนี้นี่มีประโยชน์ค่อนข้างที่
00:02:35 → 00:02:37 จะหลากหลายนะจะสังเกตว่าผมเล่านอกเหนือ
00:02:37 → 00:02:40 จากเตดีไปนิดนึงนะแต่คิดว่าตรงเมันน่าจะ
00:02:40 → 00:02:43 สำคัญถ้าเกิดคนไหนเนี่ยนะครับที่ชอบไป
00:02:43 → 00:02:47 เที่ยวป่าเที่ยวเขานะครับหรือไปแคมปิงนะ
00:02:47 → 00:02:49 ก็อาจจะรู้จักสารละลายตัวนี้เพราะว่ามัน
00:02:49 → 00:02:53 เอาไว้ใช้่าเชื้อในน้ำอ่านะครับ lal
00:02:53 → 00:02:55 solution นี่แหละครับเอาไว้ใช้ค่าเชื้อ
00:02:55 → 00:02:58 ต่างๆในน้ำโดยเฉพาะเชื้อแบคทีเรียเชื้อรา
00:02:58 → 00:03:00 ต่างๆนะครับเจอไอ้ตัวนี้เข้าไปไปมันตาย
00:03:00 → 00:03:03 แน่นอนนะครับแต่ก็จำเป็นจะต้องใช้ความ
00:03:04 → 00:03:06 เข้มข้นเท่ากับที่เค้าเขียนไว้นะครับ
00:03:06 → 00:03:09 เพราะว่าถ้าเราใช้เกินจะมีปัญหาและที่
00:03:09 → 00:03:11 สำคัญ Local solution นั้นมันไม่สามารถ
00:03:11 → 00:03:15 ฆ่าบางอย่างได้นะครับโดยเฉพาะอะไรโดย
00:03:16 → 00:03:18 เฉพาะปรสิทธิ์นะครับอพวกพยาธิทั้งหลาย
00:03:18 → 00:03:22 แหละพวกตัวที่เรียว่า GR นะครับหรือ
00:03:22 → 00:03:24 cryptosporidium พวกนี้นะครับมันไม่
00:03:24 → 00:03:26 สามารถฆ่าสิ่งเหล่านั้นได้อย่างงั้นจริงๆ
00:03:26 → 00:03:28 เนี่ยน้ำเราควรจะต้องต้มอยู่ดีนั่นแหละ
00:03:28 → 00:03:30 ครับไม่ฉนั้นจะเจอไอ้ตัวพวกนี้นะครับซึ่ง
00:03:30 → 00:03:33 มันทำให้เรามีอาการท้องเสียเรื้อรังได้นะ
00:03:33 → 00:03:36 ครับถ้าเกิดว่าเราไม่ระวังให้ดีนะครับอีก
00:03:36 → 00:03:38 อย่างนึงไอ้ตัว lal solution เนี่ยนะ
00:03:38 → 00:03:41 ครับสมัยก่อนเนี่ยเขาคก็ใช้เป็นตัวที่
00:03:41 → 00:03:43 เพิ่มไอโอดีนให้กับคนที่มีโอกาสขาด
00:03:43 → 00:03:47 ไอโอดีนหรืออีกกรณีนึงก็คือเมื่อมีการ
00:03:47 → 00:03:51 รั่วไหลของกัมมันตภาพรังสีเฮ้ยมันเกี่ยว
00:03:51 → 00:03:53 อะไรกันนะครับเวลามีการรั่วไหลของ
00:03:53 → 00:03:56 กัมมันตภาพรังสีเนี่ยนะครับไอโอดีนที่
00:03:56 → 00:04:00 อยู่ตามธรรมชาติเนี่ยมันมันจะได้รับ
00:04:00 → 00:04:02 กัมมันตภาพรังสีตัวนี้ไปด้วยพอเข้าสู่
00:04:02 → 00:04:04 ร่างกายมนุษย์สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือมันจะ
00:04:04 → 00:04:06 วิ่งไปที่ต่อมไทรรอยด์เลยไทรรอยด์เนี่ย
00:04:06 → 00:04:08 มันเป็นตัวที่ต้องใช้ไอโอดีนเยอะๆเพื่อ
00:04:08 → 00:04:10 ที่จะผลิตฮอร์โมนไทรรอยด์ขึ้นมานะครับมัน
00:04:10 → 00:04:13 จะต้องเอาไอโอดีนเข้าไปอยู่ในนั้นแล้วถ้า
00:04:13 → 00:04:15 บังเอิญมันเป็นไอโอดีนตัวที่มีรังสีอยู่
00:04:15 → 00:04:17 แล้วล่ะก็นั่นแหละครับที่จะเกิดปัญหาขึ้น
00:04:17 → 00:04:21 มาการกิน lal solution หรืออะไรก็ได้ที่
00:04:21 → 00:04:24 มีตัวไอโอดีนที่ไม่มีรังสีเข้าไปนะครับ
00:04:24 → 00:04:26 มันก็จะรีบวิ่งเข้าไปที่ไทรรอยด์เพื่อไป
00:04:26 → 00:04:28 ป้องกันไม่ให้ไทรรอยด์เราเนี่ยดึงเอา
00:04:28 → 00:04:31 ไอโอดีนที่มีปัญหาเข้ามาไว้กับตัวเองนะ
00:04:31 → 00:04:34 ครับนี่ก็คือเป็นตัวอย่างนึงซึ่งมันมีการ
00:04:34 → 00:04:36 ใช้จริงๆนะครับบางคนอาจจะเคยได้ยินคำว่า
00:04:36 → 00:04:39 โพแทสเซียมไอโอดนะครับหรือชนิดแบบเป็น
00:04:39 → 00:04:42 เม็ดก็มีนะครับแต่ว่ากรณีที่แบบเป็นเม็ด
00:04:42 → 00:04:45 ขาดแคลนเราก็จะใช้ตัว lal solution ได้
00:04:45 → 00:04:49 อีกกรณีนึงมันเอาไว้ใช้ในการย้อมสีเพื่อ
00:04:49 → 00:04:51 ที่จะวินิจฉัยมะเร็งบางอย่างเฮ้ยอันนี้
00:04:51 → 00:04:55 แปลกละนะครับสำหรับคุณผู้หญิงที่มีปัญหา
00:04:55 → 00:04:58 เรื่องของมะเร็งปักมดลูกหรือสงสัยมะเร็ง
00:04:58 → 00:05:01 ปักมดลูกเนี่ยบางกรณีนะครับทางการแพทย์
00:05:01 → 00:05:03 เนี่ยเราสามารถใช้ตัว lal solution
00:05:03 → 00:05:06 เนี่ยย้อมบริเวณปากมลูกได้นะครับโดย
00:05:06 → 00:05:08 บริเวณปากมลูกที่เป็นเซลล์ปกติเนี่ยมันจะ
00:05:08 → 00:05:11 ย้อมติดสีออกเป็นน้ำตาลน้ำตาลนะครับเพราะ
00:05:11 → 00:05:13 ว่าเซลล์เหล่านั้นเนี่ยมันจะมีไกลโคเจน
00:05:13 → 00:05:16 ซึ่งสามารถทำปฏิกิริยากับตัวโพแทสเซียมไ
00:05:16 → 00:05:18 เอ่อตัวกับตัวไอโอดีนตัวนี้ได้นะครับก็จะ
00:05:18 → 00:05:21 เปลี่ยนสีเป็นสีน้ำตาลส่วนเซลล์มะเร็งที่
00:05:21 → 00:05:24 เป็นมะเร็งปาดมะลูกเนี่ยมันจะไม่ติดสีนะ
00:05:24 → 00:05:26 ครับมันก็จะเป็นสีขาวๆท่ามกลางสีน้ำตาล
00:05:26 → 00:05:28 ทั้งหลายแหละก็จะทำให้คุณหมอเรู้ว่าจะ
00:05:28 → 00:05:31 ต้องตัดตรงไหนเอมาตรวจนะครับอีกกรณีนึงก็
00:05:31 → 00:05:34 คือมะเร็งทางด้านของหลอดอาหารนะครับหมอก็
00:05:34 → 00:05:36 จะสามารถใช้วิธีในการย้อมสีแบบนี้ได้
00:05:36 → 00:05:40 เหมือนกันนะครับนี่อีกอย่างนึงของ lal
00:05:40 → 00:05:43 solution ซึ่งเอามาใช้ได้ก็คือการรักษา
00:05:43 → 00:05:47 โรคไทรรอยด์เป็นพิษเออนะครับแต่มันจำเป็น
00:05:47 → 00:05:51 จะต้องกินเฉพาะตอนที่เราให้ยาไปป้องกัน
00:05:51 → 00:05:54 การทำงานของต่อมไทรรอยด์ไปแล้วถ้าเราให้
00:05:54 → 00:05:55 เข้าไปตอนที่ไทรรอยด์กำลังเป็นพิษอยู่นะ
00:05:56 → 00:05:58 ครับมันจะยิ่งเป็นพิษแบบมหาศาลเลยนะครับ
00:05:58 → 00:06:01 ดังนั้นเราจะไม่สามารถให้ตัว OS solution
00:06:01 → 00:06:04 เข้าไปตอนที่ไทรรอยของเรากำลังเป็นพิษ
00:06:04 → 00:06:06 อยู่นะครับคือเราต้องให้ยาตัวอื่นไปก่อน
00:06:06 → 00:06:09 นะฮะแล้วรอสักประมาณชั่วโมงนึงถึงจะให้
00:06:09 → 00:06:11 ตัวนี้เข้าไปแทนนะครับนั่นคือวิธีในการ
00:06:11 → 00:06:14 ใช้แต่ว่ารายละเอียดนั้นอ่าวันนี้จะไม่ลง
00:06:14 → 00:06:17 ไปะกันว่าจะต้องใช้ยังไงเท่าไหร่มันแก้ไข
00:06:17 → 00:06:19 อะไรได้บ้างนะครับแต่ว่าอันนั้นน่ะเป็น
00:06:19 → 00:06:21 เรื่องของคุณหมอที่เขาจะรักษาคนไข้ในโรง
00:06:21 → 00:06:24 พยาบาลแล้วกันบอกให้ว่าเอาไว้ใช้นรัก
00:06:24 → 00:06:27 ศึกษาไทรรอยด์เป็นพิษชนิดรุนแรงที่เรียก
00:06:27 → 00:06:29 ว่าไทรอย Storm นะครับไทรอยดเป็นพิษชนิด
00:06:29 → 00:06:32 ปกติเราจะไม่ใช้ตัวนี้ในการรักษานะครับใน
00:06:32 → 00:06:36 ปัจจุบันนี้นะอ่ะทีนี้เรากลับมาต่อกันที่
00:06:36 → 00:06:39 เบตาดีนตัวเนี้ย betadine หรือ idon lod
00:06:39 → 00:06:43 เนี่ยนะครับเราใช้ในการฆ่าเชื้อชนิดต่างๆ
00:06:43 → 00:06:46 นะครับมันมีผลในการฆ่าแบคทีเรียไวรัส
00:06:46 → 00:06:49 เชื้อราหลายๆอย่างเลยทีเดียวดังนั้นมัน
00:06:49 → 00:06:52 จึงเอามาใช้ทำแผลได้นะครับทีนี้เวลาเราทำ
00:06:52 → 00:06:54 แผลเราจะใช้ตัวนี้เนี่ยแผลแบบไหนที่เรา
00:06:54 → 00:06:58 ใช้ได้เออนี่สำคัญละนะครับส่วนใหญ่จะต้อง
00:06:58 → 00:07:01 เป็นแผลที่ไม่ลึกมากนะครับนะแล้วต้องอย่า
00:07:01 → 00:07:05 เอาลงไปในตัวแผลเราจะใช้ทำความสะอาดตรง
00:07:05 → 00:07:08 บริเวณผิวรอบๆแผลเท่านั้นนะครับผิวรอบๆ
00:07:08 → 00:07:10 แผลเพราะเราไม่ต้องการให้มีเชื้อโรคอะไร
00:07:11 → 00:07:13 ก็แล้วแต่มันวิ่งเข้าไปในแผลนะครับส่วน
00:07:13 → 00:07:16 ตัวแผลเองถ้าเราจะใช้ไอโอดีนหรือโพวิโดน
00:07:16 → 00:07:21 ไอโอดีนตัวเนี้ยทำการเช็ดได้ไได้ครับแต่
00:07:21 → 00:07:24 ควรจะต้องเจือจ่างนะครับไอโอดินที่วางขาย
00:07:24 → 00:07:26 ตามท้องตลาดทั่วไปนะครับจะมีขนาดประมาณ
00:07:26 → 00:07:31 สัก 7.5% ถึง 10% ของโพนไอโอนนะครับซึ่ง
00:07:31 → 00:07:34 พวกนี้ถ้าเราเอามาโดนเนื้อเยื่อต่างๆเช่น
00:07:34 → 00:07:38 เนื้อแผลนะครับมันจำเป็นจะต้องเจือจางให้
00:07:38 → 00:07:40 เหลือประมาณสัก 1% นะครับถ้าเราซื้อแบบ
00:07:40 → 00:07:45 10% มาก็ผสมน้ำ 9 ส่วนกับไอ้ตัว iod ตัว
00:07:45 → 00:07:48 เนี้ย 1 ส่วนนะครับก็จะได้เป็นสารละลาย
00:07:48 → 00:07:51 ที่เราจำเป็นอ่าที่เราจะต้องใช้นะครับอัน
00:07:51 → 00:07:53 นั้นก็เอาไไปเช็ดแผลได้แต่ถ้ามันเป็นแผล
00:07:54 → 00:07:56 ลึกๆเนี่ยเราไม่ค่อยแนะนำเท่าไหร่นะครับ
00:07:56 → 00:08:00 เหตุผลก็คือตัวโวนไตัวีตัวนี้เนี่ยนะครับ
00:08:00 → 00:08:05 มันสามารถที่จะชะลอการเอ่อฟื้นตัวของแผล
00:08:05 → 00:08:07 ได้ดังนั้นเราไม่ค่อยอยากจะใช้ให้มันโดน
00:08:07 → 00:08:09 แผลตรงๆนะครับแต่ถ้าเป็นแผลตื้นๆส่วนใหญ่
00:08:09 → 00:08:13 ไม่ค่อยมีปัญหาสามารถที่จะใช้ได้นะครับ
00:08:13 → 00:08:15 อีกอย่างนึงซึ่งน่ารำคาญมากของวดนไอโอดิน
00:08:15 → 00:08:19 ก็คือมันเป็นสีน้ำตาลนะครับนะมันก็ทำให้
00:08:19 → 00:08:21 ผิวเราเปื้นอยู่อย่างนั้นนฮะวิธีในการแก้
00:08:21 → 00:08:23 ไขก็คือการเอาแอลกอฮอล์นี่แหละกับไปเช็ด
00:08:23 → 00:08:27 มันออกมันสามารถเช็ดได้นะครับอ่าเช็ดได้
00:08:27 → 00:08:29 งั้นเวลาเราทำแผลเสร็จมันจะเป็นสีน้ำตาล
00:08:29 → 00:08:30 น้ำตาลแล้วเรารำคาญมันใช่มั้ยครับแล้วก็
00:08:30 → 00:08:33 แอลกอฮอล์เนี่ยแอลกอฮอล์ทำแผล 70% ไปเช็ด
00:08:33 → 00:08:35 มันเท่านั้นเองนะครับแต่ถ้ามันเป็นกรณี
00:08:35 → 00:08:39 ที่เอ่อติดเสื้อผ้าของเราน่ะอันนั้นก็
00:08:39 → 00:08:41 เหมือนกันแอลกอฮอล์ก็ได้หรือสารละลาย
00:08:41 → 00:08:43 แอมโมเนียก็สามารถที่จะเช็ดมันออกได้นะ
00:08:43 → 00:08:47 ครับนี่คือวิธีในการใช้เบตาดีนแล้วมันมี
00:08:47 → 00:08:51 อะไรดีมากไปกว่านี้มยมีครับคนที่มีปัญหา
00:08:51 → 00:08:55 เรื่องกลิ่นตัวอ่าเป็นฮ่องกงฟุใช่มั้ย
00:08:55 → 00:08:57 ครับหรือกลิ่นรักแร้หรืออะไรพวกเนี้ยไอ้
00:08:57 → 00:09:00 ตัวไอโอดีนตัวนี้แหละครับที่ที่มาจากวดน
00:09:00 → 00:09:03 iod เนี่ยสามารถที่จะระงับกลิ่นกายได้นะ
00:09:03 → 00:09:06 บางคนบอกว่าเนี่ยเท้าเหม็นแบบเหม็นมหาศาล
00:09:06 → 00:09:09 เลยไม่รู้จะทำยังไงนะครับคือมันเหม็นสุดๆ
00:09:09 → 00:09:11 วิธีที่ท่านจะสามารถใช้ได้อย่างนึงนะครับ
00:09:11 → 00:09:16 ก็นี่เลยครับเอาน้ำมาคือมันจะเป็นเราก็จะ
00:09:16 → 00:09:18 เอาใส่ถาดอะไรก็ได้นะครับถาดหรือถังหรือ
00:09:18 → 00:09:22 อะไรก็ได้นะครับแล้วเราเทตัวไอโอดีนตัว
00:09:22 → 00:09:25 นี้เข้าไปซักช้อน 2 ช้อนให้น้ำเนี่ยมัน
00:09:25 → 00:09:27 เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล้ำตาลนิดนึงไม่ต้อง
00:09:27 → 00:09:29 เข้มนะครับเป็นสีน้ำตาลที่เรายังมองเห็น
00:09:29 → 00:09:33 ใสๆได้นะครับแล้วแช่เท้าลงไปนะ 20 นาทีนะ
00:09:33 → 00:09:36 ครับไอ้เนี้ยมันจะกลิ่นดีขึ้นชัดเจนเลยนะ
00:09:36 → 00:09:38 ครับหรือถ้าเราจะเอามาผสมน้ำแล้วก็มาล้าง
00:09:38 → 00:09:40 ตรงบริเวณรักแร้ตรงขาหนีบอะไรพวกนี้เรา
00:09:41 → 00:09:43 สามารถที่จะใช้ได้นะครับมันไม่สามมันไม่
00:09:43 → 00:09:46 ได้ทำให้เกิดการกัดเซาะหรือว่าระคายเคือง
00:09:46 → 00:09:48 ต่อผิวบริเวณนั้นแต่อย่างใดสามารถใช้ได้
00:09:48 → 00:09:50 นะครับอ่าแล้วมันก็จะสามารถที่จะฆ่า
00:09:50 → 00:09:53 แบคทีเรียที่ทำให้เกิดกลิ่นได้นะครับหรือ
00:09:53 → 00:09:56 เชื้อราที่ทำให้มีปัญหาได้นะดังนั้นคนที่
00:09:56 → 00:09:59 มีเชื้อราเนี่ยก็สามารถที่จะใช้ตัวเตดี
00:09:59 → 00:10:03 ตัวนี้ช่วยได้นะครับอ่าตัวนี้เป็นสิ่งนึง
00:10:03 → 00:10:07 ที่อยากจะแนะนำทีนี้ในทางการแพทย์นะครับ
00:10:07 → 00:10:09 เราก็มีใช้ไอ้ตัวโวนไอโอนนี้เหมือนกัน
00:10:09 → 00:10:12 เวลาที่เราจะผ่าตัดนะครับเพราะว่าเรา
00:10:12 → 00:10:15 ต้องการทำความสะอาดผิวใช่ไหมมครับแล้วไอ้
00:10:15 → 00:10:17 ตัวไอโอดีนตัวนี้เนี่ยครับมันฆ่าเชื้อนะ
00:10:18 → 00:10:20 แต่ไอโอดีนที่เราใช้กันในห้องผ่าตัดนั้น
00:10:21 → 00:10:23 จะต้องเป็นโพเดนไอโอดีนชนิดที่เรา
00:10:23 → 00:10:25 sterilize มันแล้วคือปลอดเชื้อจริงๆนะ
00:10:25 → 00:10:29 ครับฟังไปถึงตรงนี้ทุกคนก็คงงงเฮ้ยต้อง
00:10:29 → 00:10:33 sterilize เลยเหรอนะครับทำไมอ่ะเพราะว่า
00:10:33 → 00:10:36 ส่วนใหญ่เวลาที่เราซื้อเตนหรืออะไรมาช่วง
00:10:36 → 00:10:41 นี้มาขายมาซื้อนะครับมันจะไม่ได้ส 100%
00:10:41 → 00:10:43 เต็มคือโอเคมันปลอดภัยสำหรับการใช้กับแผล
00:10:43 → 00:10:45 ธรรมดาแต่ถ้าเป็นแผลที่ระดับลึกลึกอย่าง
00:10:45 → 00:10:47 ที่ผมว่าที่มันอันตรายเนี่ยเราต้องมั่นใจ
00:10:47 → 00:10:51 จริงๆว่าตัว pine ไอโอนตัวนี้เนี่ยมันไม่
00:10:51 → 00:10:53 มีปัญหาอะไรทั้งสิ้นไม่มีเชื้อปนอยู่ใน
00:10:53 → 00:10:57 นั้นนะครับและถามว่าจริงๆ provin ไินตัว
00:10:57 → 00:11:01 เนี้ยมันมีปัญหากับอะไรบ้างเพราะว่าบางที
00:11:01 → 00:11:04 มันจะมีเชื้อบางอย่างที่ไม่ตายด้วยวดน iod
00:11:04 → 00:11:07 หรือเบตาดีนของเรานี่แหละนะครับเชื้อพวก
00:11:07 → 00:11:09 นั้นคือเชื้อที่มันมีสปอเก็บไว้เวลามัน
00:11:09 → 00:11:11 เป็นสปอปุ๊บเนี่ยมันจะดื้อทุกอย่างเลยนะ
00:11:11 → 00:11:13 ครับไม่ตายทนความร้อนได้เยอะอย่างเงี้ยนะ
00:11:13 → 00:11:16 ครับมันมีวิธีเดียวที่จะเอาพวกสปอนี้ออก
00:11:16 → 00:11:20 ไปก็คือการขัดมันนะครับหรือเอ่อเราถูมัน
00:11:20 → 00:11:22 ล้างมันอะไรอย่างเงี้ยอันอย่างเงี้ยคือ
00:11:22 → 00:11:24 มันสามารถเอาามันออกไปได้แต่ว่าถ้าเราเอา
00:11:24 → 00:11:26 สารอะไรซักอย่างไปหยดใส่มันเนี่ยมันจะไม่
00:11:26 → 00:11:29 ตายนะครับรวมทั้งเบตาดีนนี้ด้วยนะครับ
00:11:29 → 00:11:31 งั้นพวกที่มีสปอทั้งหลายแหละเนี่ยจะต้อง
00:11:31 → 00:11:35 ได้รับการจำกำจัดนะครับด้วยวิธีพิเศษนะ
00:11:35 → 00:11:38 นอกเหนือจากนี้ก็คือมันจะมีแบคทีเรียชนิด
00:11:38 → 00:11:40 หนึ่งซึ่งผมคิดว่าคนไทยหลายๆคนเนี่ยอาจจะ
00:11:40 → 00:11:44 ไม่เคยได้ยินชื่อมันก็คือ BC sepia ตัว
00:11:44 → 00:11:47 นี้เนี่ยมันเป็นตัวที่เราเกลียดมันมากเลย
00:11:47 → 00:11:50 เพราะว่ามันดื้อเบตาดีนนะครับบางทีมัน
00:11:50 → 00:11:53 สามารถที่จะมีปัญหาได้แต่โชคดีที่ไอ้
00:11:53 → 00:11:55 เชื้อตัวนี้เนี่ยคนไม่ค่อยมีปัญหากันนะ
00:11:55 → 00:11:58 ครับมันไม่ค่อยติดเข้าไปตรงแผลหรืออะไร
00:11:58 → 00:12:00 พวกนี้แล้วก็ไม่ทำให้แผลติดเชื้อแต่อย่าง
00:12:00 → 00:12:02 ใดังนั้นเราค่อนข้างที่จะสบายใจในส่วนนี้
00:12:02 → 00:12:07 ได้นะครับต่อไป betadine มันมีที่ใช้ที่
00:12:07 → 00:12:10 ไหนอีกนะครับเราคงจะเคยได้ยินคำว่า
00:12:10 → 00:12:12 betadine solution ที่เอามากลั้วคอนะ
00:12:12 → 00:12:15 ครับบ้วนหรือสเปรย์หรือล้างไซนัสพวกนี้นะ
00:12:15 → 00:12:18 ครับพวกนั้นเนี่ยสามารถที่จะทำได้นะครับ
00:12:18 → 00:12:20 แต่ว่าเปอร์เซ็นต์ความเข้มข้นมันจะเป็น
00:12:20 → 00:12:23 1-2 per เท่านั้นจะไม่มากไปกว่านั้นนะ
00:12:23 → 00:12:26 ครับจะแตกต่างจากที่เราเอมาใช้ตรงแผลตรง
00:12:26 → 00:12:28 ตรงมือพวกนั้นซึ่งมันจะเปอร์เซ็นต์สูง
00:12:28 → 00:12:31 กว่าคือ 7 -10% นะครับถ้าเราจะใช้กลั้ว
00:12:31 → 00:12:34 ปากกลั้วคอเนี่ยนะครับเราห้ามเอาเบตาดิน
00:12:34 → 00:12:36 ทำแผลแล้วไปใส่ปากอย่างั้นนไม่ได้นะครับ
00:12:36 → 00:12:40 ต้องเจือจางอย่างน้อยๆก็ให้เหลือทั้ง 1%
00:12:40 → 00:12:43 ก่อนนะครับถึงจะทำได้ไม่ฉะนั้นก็ไปซื้อ
00:12:43 → 00:12:45 ชนิดที่มันเจือจางมาเรียบร้อยแล้วเรา
00:12:45 → 00:12:47 สามารถที่จะใช้ได้นะครับมันก็สามารถฆ่า
00:12:47 → 00:12:50 เชื้อแบคทีเรียในช่องปากของเราซึ่งบางที
00:12:50 → 00:12:52 ทันตแพทย์เจะสามารถใช้ตัวนี้ก่อนที่เราจะ
00:12:52 → 00:12:55 ทำฟันได้นะครับมันอาจจะพอค่าเชื้อที่อยู่
00:12:55 → 00:12:58 บนผิวๆนะครับพวกเชื้อโควิดต่างๆพวกเชื้อ
00:12:58 → 00:13:01 ไวรัสต่างๆที่อยู่บนผิวเราอ่ะมันสามารถ
00:13:01 → 00:13:04 ฆ่าได้แต่ถ้าไวรัสที่มันเข้าไปในตัวเซลล์
00:13:04 → 00:13:06 ของเราแล้วเนี่ยไม่สามารถที่จะใช้ได้ดัง
00:13:06 → 00:13:09 นั้นเนี่ยเตดนี้ไม่สามารถใช้ในการรักษา
00:13:09 → 00:13:11 หรือป้องกันโควิดได้นะครับถ้าเชื้อมัน
00:13:12 → 00:13:14 เข้าไปแล้วเนี่ยมันก็เข้าไปเลยนะครับอีก
00:13:14 → 00:13:16 อย่างนึงมันเชื้อพวกนี้มันเข้าทางทางเดิน
00:13:16 → 00:13:18 หายใจของเราถูกมั้ยครับงั้นทางเดินหายใจ
00:13:18 → 00:13:21 ของเรามันจะเป็นเยื่อเมือกจมูกในไซนัส
00:13:21 → 00:13:23 หรือในปากก็ได้ทั้งนั้นแต่เรากลั้วมันได้
00:13:23 → 00:13:25 ไม่หมดหรอกครับยังงก็มีบางส่วนซึ่งมันไม่
00:13:25 → 00:13:28 โดนตัวนี้นะครับหรือบางทีมันเข้าทางตาเรา
00:13:28 → 00:13:31 อย่างเงี้ยนะครับเราก็ไม่สามารถไปกำจัด
00:13:31 → 00:13:33 มันได้ด้วยตัวบดนไอโอดินเพราะว่าเราคงไม่
00:13:33 → 00:13:36 เอาไอโอดินเข้าตาถูกมั้ยครับและอีกอย่าง
00:13:36 → 00:13:38 นึงสาเหตุที่ต้องเจือจางเมื่อมันโดนเยื่อ
00:13:38 → 00:13:41 เมื่อพวกนี้เพราะว่ามันติดสีอครับปากเรา
00:13:41 → 00:13:42 จะเป็นสีน้ำตาลน้ำตาลอย่างงั้นตลอดเหรอ
00:13:42 → 00:13:44 ขนาดเช็ดผิวมันยังเป็นสีน้ำตาลเลยถ้าเช็ด
00:13:44 → 00:13:47 ปากเราก็ปากเป็นน้ำตาลได้นะครับเราก็อืม
00:13:47 → 00:13:50 เอาแอลกอฮอล์ 70% มาโดนปากแล้วมันแสบนะ
00:13:50 → 00:13:51 ครับเราก็ไม่ค่อยอยากทำดังนั้นเนี่ยก็
00:13:52 → 00:13:56 จำเป็นจะต้องเจือจางนะแล้วทีนี้ไอ้ตัว
00:13:56 → 00:13:59 povidone iodine หรือเบนเนี่ยคนไหนที่
00:13:59 → 00:14:02 ไม่ควรใช้บ้างเอออันนี้สำคัญละอันแรกนะ
00:14:02 → 00:14:05 ครับคนที่เคยใช้แล้วมันแพ้มันคันมันอะไรง
00:14:05 → 00:14:08 เงี้ยอันนี้แน่นอนว่าห้ามใช้นะครับอีก
00:14:08 → 00:14:14 กรณีนึงก็คือคนที่รับประทานยาลิเธียมอยู่
00:14:14 → 00:14:17 ตรงนี้สำคัญนะครับลิเธียมนี่นะครับเราใช้
00:14:17 → 00:14:20 เป็นยาที่ใช้ในการรักษาคนไข้กลุ่มไบโพล่า
00:14:20 → 00:14:23 แล้วก็คนไข้ที่เป็นไทรรอยด์เป็นพิษบาง
00:14:23 → 00:14:26 ชนิดนะครับถ้าเราเอาไอ้ตัวไอโอดีนที่มัน
00:14:26 → 00:14:29 มีอยู่ในเบตาดีนนี้ไปให้นะครับมันจะไป
00:14:29 → 00:14:31 แย่งที่กับลิเธียมนั่นนะะครับทำให้การ
00:14:31 → 00:14:34 รักษามันไม่ได้ผลนะครับดังนั้นเราห้ามใช้
00:14:34 → 00:14:37 ในกรณีนี้นะครับคนไข้คนไหนที่มีโรค
00:14:37 → 00:14:40 ไทรรอยด์นะครับโดยเฉพาะไทรรอยด์เป็นพิษ
00:14:40 → 00:14:43 นี่นะครับก็ห้ามใช้โดยเฉพาะชนิดที่ไป
00:14:43 → 00:14:45 กลั้วคอต่างๆเพราะว่ามันจะมีการดูดซึม
00:14:45 → 00:14:48 เข้าร่างกายไปได้นะครับพอดูดซึมเข้าร่าง
00:14:48 → 00:14:51 กายสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือไทรรอยด์เป็นพิษ
00:14:51 → 00:14:54 เนี่ยมันจะชอบสร้างฮอร์โมนไทรอยด์เยอะๆนะ
00:14:54 → 00:14:56 ครับเมื่อไหร่มันได้วัตถุดิบขึ้นมาในกรณี
00:14:56 → 00:14:58 นี้ก็คือไอโอดินมันจะยิ่งสร้างไทรอยด์
00:14:58 → 00:15:00 ฮอร์โมนมหาศาลเลยท่านก็จะเกิดไทรรอยด์
00:15:00 → 00:15:03 เป็นพิษที่มันรุนแรงมากขึ้นนะครับอาจจะ
00:15:03 → 00:15:05 ตรงข้ามกับเมื่อกี้ที่ผมบอกนะครับว่าเอ๊ะ
00:15:05 → 00:15:07 มันทำให้เอาไว้ใช้ในการรักษาไทรรอยด์เป็น
00:15:07 → 00:15:09 พิษนี่ใช่ครับมันเอาไว้รักษาไทรรอยด์เป็น
00:15:09 → 00:15:13 พิษแต่ท่านต้องกำลังได้ยาอยู่มิฉะนั้นถ้า
00:15:13 → 00:15:15 ท่านได้สารตัวนี้เข้าไปไทรรอยด์ท่านจะ
00:15:15 → 00:15:19 ยิ่งเป็นพิษนะครับอีกกรณีนึงซึ่งไม่ควร
00:15:19 → 00:15:22 ที่จะใช้เอ่อเบตาดีนในการกลั่วคอหรืออะไร
00:15:22 → 00:15:25 พวกเนี้ยคือคนตั้งครรภ์นะครับโดยเฉพาะ
00:15:25 → 00:15:28 ตั้งครรภ์อ่อนๆไม่เกิน 32 สัปดาห์เพราะ
00:15:28 → 00:15:31 ว่าไอโอดีนพวกเนี้ยมันเป็นไอโอดีนขนาดสูง
00:15:31 → 00:15:33 นะครับสามารถถูกดูดซึมเข้าไปแล้วก็ไปที่
00:15:33 → 00:15:36 ทารกได้นะครับและปัญหาของไอโอดีนที่มัน
00:15:36 → 00:15:39 มากจนเกินไปเวลาไปเจอต่อมไทรรอยด์ธรรมดา
00:15:39 → 00:15:41 ไม่ใช่ไทรรอยด์พิษนะครับต่อมไทรอยด์
00:15:41 → 00:15:44 ธรรมดาสิ่งที่ต่อมไทรรอยด์มันทำก็คือมัน
00:15:44 → 00:15:46 จะหยุดการสร้างฮอร์โมนไทรรอยด์เดี๋ยวนั้น
00:15:46 → 00:15:49 เลยเป็นกลไกป้องกันตัวเองของการไม่ให้
00:15:49 → 00:15:52 เกิดไทรรอยด์เป็นพิษขึ้นมาในคนที่ต่อม
00:15:52 → 00:15:55 ไทรรอยด์เป็นปกตินะครับต้องย้ำนะครับต่อม
00:15:55 → 00:15:58 ไทรรอยด์ปกติถ้าได้ไอโอดินเยอะๆมันจะย
00:15:58 → 00:16:00 หยุดสร้างฮอร์โมนตรงกันข้ามกับต่อม
00:16:01 → 00:16:03 ไทรรอยด์ที่มันเป็นพิษได้ไอโอดินเยอะๆมัน
00:16:03 → 00:16:06 จะยิ่งสร้างนะครับอันนี้มันจะมีลักษณะแบบ
00:16:06 → 00:16:09 นี้อยู่นะครับดังนั้นเนี่ยเราก็ไม่แนะนำ
00:16:09 → 00:16:12 ให้ใช้แบบกลั้วคอในคนที่เป็นคนท้องอายุ
00:16:13 → 00:16:16 เอ่ออายุคันต่ำๆนะครับหรือคนที่มีปัญหา
00:16:16 → 00:16:19 อ่าทางด้านจิตเวทที่ใช้ตัวไอโอดีนรักษา
00:16:19 → 00:16:22 อะไรซักอย่างอยู่เอ่อใช้ตัวลิเธียมรักษา
00:16:22 → 00:16:25 อะไรสักอย่างอยู่นะครับก็จำเป็นจะต้อง
00:16:25 → 00:16:28 ระวังภาวะนี้ไว้ด้วยนะครับนี่คือข้อคว
00:16:28 → 00:16:31 ระวังทั้งหลายแหล่นะครับส่วนแผลต่างๆ
00:16:32 → 00:16:34 เนี่ยไอโอดีนถ้าท่านเป็นคนท้องนะครับหรือ
00:16:34 → 00:16:37 ใช้ลิเธียมอยู่ถ้าทำแผลไม่ต้องกังวลนะ
00:16:37 → 00:16:39 ครับมันไม่ได้ดูดซึมได้มากขนาดนั้นถ้า
00:16:39 → 00:16:42 กรณีทำแผลนะยกเว้นแผลถ้านเป็นแผลแบบลึก
00:16:42 → 00:16:44 มากๆแล้วท่านใส่ไอโอดีนเข้าไปตรงๆตรงแผล
00:16:44 → 00:16:46 ตรงนั้นเนี่ยนะครับหรือว่าใส่ตัวเตินลงไป
00:16:46 → 00:16:49 ในแผลอันนั้นเนี่ยอาจจะมีปัญหาได้ก็ต้อง
00:16:49 → 00:16:52 ระวังอันนี้ไว้เหมือนกันนะครับงั้นเราจะ
00:16:52 → 00:16:54 เห็นว่าตัวเตดีเนี่ยมันมีประโยชน์ค่อน
00:16:54 → 00:16:56 ข้างที่จะมากเลยนะครับที่เอามาใช้ในการทำ
00:16:56 → 00:17:00 แผลได้นะครับเช็ดรอบๆแผลนะฮะใช้กลั้วคอก็
00:17:00 → 00:17:02 ได้นะครับใช้พ่นอะไรอย่างนี้ก็ได้นะครับ
00:17:02 → 00:17:05 อ่าแต่เราจะไม่ใช้ดื่มกินเข้าไปนะครับมัน
00:17:05 → 00:17:08 มีปัญหาแน่ถ้าเราดื่มกินเข้าไปนะเพราะว่า
00:17:08 → 00:17:10 มันก็อันตรายต่อร่างกายไอโอดีนนี่จริงๆ
00:17:10 → 00:17:14 ถ้าเป็นไอโอดีนเดี่ยวๆนะมันเป็นธาตุที่
00:17:14 → 00:17:17 ระเหยเป็นก๊าซได้และไอ้ก๊าซตัวนี้นะครับ
00:17:17 → 00:17:19 ถ้าเราสูดดมเข้าไปอมันเป็นอันตรายต่อทาง
00:17:19 → 00:17:22 เดินหายใจเยื่อเมือกเยื่อบุทุกอย่างเลย
00:17:22 → 00:17:25 มันจึงจำเป็นจะต้องเอาไปคู่กับสารอะไรสัก
00:17:25 → 00:17:27 อย่างเช่นโพวิโดนไอโอดีนอย่างนี้เป็นต้น
00:17:27 → 00:17:28 หรือโพแทสเซียมไอโอด
00:17:28 → 00:17:30 หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ต้องเอามันไปละลาย
00:17:30 → 00:17:33 สักอย่างหนึ่งเราไม่สามารถใช้ตัวไอโอดิน
00:17:33 → 00:17:35 เดี่ยวๆในการรักษาอะไรได้เพราะว่ามัน
00:17:35 → 00:17:37 ระคายเคืองแล้วเป็นพิษต่อทุกระบบนะครับ
00:17:37 → 00:17:40 แต่ถ้าเรามันไปผสมกับสารละลายพวกเนี้ยมัน
00:17:40 → 00:17:43 จะไม่ค่อยเป็นพิษนะครับอ่าวันนี้ก็เลยมา
00:17:43 → 00:17:45 เล่ารายละเอียดเกี่ยวข้องกับใบตดินให้ทุก
00:17:45 → 00:17:46 ๆคนฟังนะครับหวังว่าจะได้ประโยชน์ไม่มาก
00:17:46 → 00:17:49 ก็น้อยนะครับถ้าใครมีคำถามอะไรสงสัยก็สอบ
00:17:49 → 00:17:51 ถามมาแล้วะกันนะครับวันนี้เท่านี้นะครับ
00:17:51 → 00:17:55 ขอบคุณมากครับสวัสดีครับ