00:00:00 → 00:00:03 สวัสดีครับการที่เราแบกสิ่งที่มันหนักจน
00:00:03 → 00:00:07 เกินไปนานจนเกินไปมันอาจจะทำให้เรามี
00:00:07 → 00:00:11 ปัญหาสุขภาพได้นะครับคืออาจจะตัวเตี้ยลง
00:00:11 → 00:00:14 หรือบางครั้งนะครับอาจจะรุนแรงถึงขั้น
00:00:14 → 00:00:18 พิการตลอดชีวิตเลยก็ได้โดยเฉพาะถ้าเรามี
00:00:18 → 00:00:21 สัญญาณเตือนเรารู้ตัวว่าไอ้สิ่งที่เราแบก
00:00:21 → 00:00:23 อยู่เนี่ยมันหนักจนเกินไปแล้วแต่เราก็ยัง
00:00:23 → 00:00:27 ดันทุรังแบกมันต่อไปหรือมีเสียงคนภายนอก
00:00:27 → 00:00:29 คอยเตือนแล้วว่าเฮ้ยแบกหนักเกินไปหรือ
00:00:29 → 00:00:31 เปล่าเปล่านะครับแล้วเราไม่ฟังเสียงเค้า
00:00:32 → 00:00:34 ไปฟังเสียงเฉพาะคนที่เขาบอกว่าโอ้เก่งมาก
00:00:34 → 00:00:38 เลยแบกต่อไปคุณแข็งแรงมากนะครับโดยที่มี
00:00:38 → 00:00:40 คำเตือนคุณก็ไม่ฟังอันนี้แหละครับที่จะ
00:00:40 → 00:00:42 เป็นอันตรายต่อร่างกายแล้วอาจจะเกิดการ
00:00:42 → 00:00:46 พิการถาวรเลยก็ได้วันนี้ครับผมก็เลยอยาก
00:00:46 → 00:00:48 จะหยิบยกเรื่องนี้มาอธิบายให้ฟังนะครับ
00:00:48 → 00:00:52 ว่าสัญญาณเตือนอะไรที่มันบอกว่าเรากำลัง
00:00:52 → 00:00:55 แบกหนักจนเกินไปนะครับแล้วเราจำเป็นจะ
00:00:55 → 00:00:58 ต้องตรวจร่างกายยังไงบ้างมีตัวอย่างอะไร
00:00:58 → 00:01:01 มยที่เวลาแบกหนักๆแล้วมันเกิดขึ้นได้นะ
00:01:01 → 00:01:04 ครับพบกับผมนะครับนายแพทย์ธนีธนียวเป็น
00:01:04 → 00:01:06 อาจารย์แพทย์อยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา
00:01:06 → 00:01:08 เชี่ยวชาญโรคปอดการปลูกถ่ายปอดและวิกฤต
00:01:08 → 00:01:12 บำบัดนะครับตัวอย่างแรกซึ่งผมคิดว่าทุกคน
00:01:12 → 00:01:16 เนี่ยอาจจะเคยเห็นเค้ามาก่อนนั่นก็คือมิส
00:01:16 → 00:01:20 olympปia 8 สมัย Ronny
00:01:20 → 00:01:23 Ronนี่โคมเนี่ยเขาเป็นนักกล้ามที่แข็งแรง
00:01:23 → 00:01:26 มากๆนะครับแล้วในหมู่นักกล้ามด้วยกัน
00:01:26 → 00:01:28 เนี่ยเขาก็เป็นคนที่ยกน้ำหนักหนักหนักมาก
00:01:28 → 00:01:32 ๆเลยหนักมากๆเลยนะครับแล้วเค้าเนี่ยเป็น
00:01:32 → 00:01:35 คนที่มีความมุมมานะมุ่งมั่นมากมีอยู่วัน
00:01:35 → 00:01:39 นึงครับเค้ายกน้ำหนักแล้วมันเริ่มรู้สึก
00:01:39 → 00:01:41 ปวดหลังนะครับแต่เค้าก็ไม่คิดอะไรเพราะ
00:01:41 → 00:01:43 ว่าปวดหลังเนี่ยมันหายไปเองหลังจากที่เขา
00:01:43 → 00:01:46 เลิกยกนะครับแล้วอาการปวดหลังเนี่ยมันก็
00:01:46 → 00:01:48 เป็นทุกครั้งเลยที่เขา้าออกกำลังกายเวลา
00:01:48 → 00:01:54 ยกของหนักๆสุดท้ายครับวันนึงเค้ากำลังยก
00:01:54 → 00:01:56 น้ำหนักท่าที่ต้องใช้แรงขาและหลังเยอะๆ
00:01:56 → 00:01:59 แล้วเขาได้ยินเสียงป๊อก
00:01:59 → 00:02:02 เหมือนมีอะไรฉีกขาดอยู่ข้างในหลังแต่เขา
00:02:02 → 00:02:05 ก็ไม่สนใจอะไรครับเล่นต่อจนจบ
00:02:05 → 00:02:08 หลังจากนั้นครับเป็นยังไงเค้าเนี่ยต้อง
00:02:08 → 00:02:11 เข้ารับการผ่าตัดหลังนับ 10 ครั้งเลยที
00:02:11 → 00:02:14 เดียวแล้วเค้าปัจจุบันนะครับเดินเองไม่
00:02:14 → 00:02:17 ได้จำเป็นจะต้องใช้ไม้เท้าหรือไม่ก็นั่ง
00:02:17 → 00:02:20 รถเข็นขา 2 ข้างเนี่ยรีบลงอย่างเห็นได้
00:02:20 → 00:02:23 ชัดแขน 2 ข้างจากที่เคยมีกล้ามเนื้อเพ
00:02:23 → 00:02:27 เริ่มเทิ่มตอนนี้ก็รีบลงอย่างเห็นได้ชัด
00:02:27 → 00:02:30 ล่าสุดครับผมได้ข่าวมาจากในช่องทาง
00:02:30 → 00:02:32 โซเชียลมีดียของเขาว่าเค้าจำเป็นต้องเข้า
00:02:32 → 00:02:35 รับการรักษาอย่างฉุกเฉินยังไงผมก็ต้องขอ
00:02:35 → 00:02:38 เป็นกำลังใจให้รอนี่โคมนมากๆนะครับเพราะ
00:02:38 → 00:02:40 ว่าเขาเป็นคนที่มีความมุ่งมานะมุ่งมั่น
00:02:40 → 00:02:42 สูงจริงๆแล้วก็เป็นคนที่นิสัยดีมากๆนะ
00:02:43 → 00:02:46 ครับอาจจะแตกต่างจากหลายคนที่เอ้ยเราเห็น
00:02:46 → 00:02:48 คนนี้แบกของหนักแต่จริงๆเนิสัยไม่ดีเรา
00:02:48 → 00:02:50 ไม่อยากยุ่งกับเขาแต่Ronน Cman เนี่เค้า
00:02:50 → 00:02:54 นิสัยดีจริงๆนะครับ Ronan เนี่ยเป็นตัว
00:02:54 → 00:02:57 อย่างนึงเลยของสิ่งที่เราก็ต้องแยก
00:02:57 → 00:03:01 ระหว่างความดื้อด้านที่จะทนแบกต่อไปกับ
00:03:01 → 00:03:05 ความมุ่งมั่นที่จะทำต่อไปนะครับความมุ่ง
00:03:05 → 00:03:07 มั่นเนี่ยมันเป็นสิ่งที่ดีแต่คุณจะต้อง
00:03:07 → 00:03:10 ฟังเสียงตัวเองฟังเสียงร่างกายฟังเสียงคน
00:03:10 → 00:03:13 รอบข้างเฮ้ยคุณแบกหนักไปแล้วนะพอซะเถอะมิ
00:03:13 → 00:03:15 ฉะนั้นเนี่ยอาจจะแย่ได้นะครับ Rony Cman
00:03:16 → 00:03:19 เนี่ยเาค้ามีความมุ่งมั่นจนเกินเหตุจนบาง
00:03:19 → 00:03:21 ทีเรียกว่าดื้อได้เลยก็ได้เพราะว่ามันมี
00:03:21 → 00:03:24 คนเตือนเค้าหลายๆคนอยู่รอบตัวเฮ้ยคุณเฮ้
00:03:24 → 00:03:26 เดี๋ยวนี้เห็นปวดหลังบ่อยนะเอ๊ะเดี๋ยวนี้
00:03:26 → 00:03:28 เห็นรู้สึกว่าทำไมยกได้แป๊บเดียวก็เริ่ม
00:03:28 → 00:03:30 มีอาการปวดหลังคุณไปเช็คหน่อยไปตรวจหน่อย
00:03:31 → 00:03:33 ดีกว่านะครับเค้าก็ไม่ได้ไปตั้งแต่แรก
00:03:33 → 00:03:34 อันเนี้ยไม่ได้เรียกว่ามุ่งมั่นอย่าง
00:03:34 → 00:03:37 เดียวมันเกินความมุ่งมุ่งมั่นไปจนเป็น
00:03:37 → 00:03:40 ดื้อแล้วอ่ะนะครับดื้อที่จะทำต่ออันเนี้ย
00:03:40 → 00:03:44 จะเป็นปัญหาได้นะครับแล้วอีกอย่างนึงที่
00:03:44 → 00:03:46 เป็นตัวอย่างที่ผมคิดว่าหลายคนเคยเห็นก็
00:03:46 → 00:03:48 คือเคยเห็นคนสูงอายุที่เขาตัวเตี้ยลงมั้
00:03:48 → 00:03:54 ครับอ้าแต่ก่อนเคยสูง 170 ตอนนี้เหลือ 162
00:03:54 → 00:03:57 อย่างเงี้ยนะครับหรือบางคนเนี่ยเนี่ยหลัง
00:03:57 → 00:03:59 ของเค้าจากที่ตรงๆเงี้ครับงอเป็นอย่างี้
00:03:59 → 00:04:02 เลยเดินแล้วงอเหมือนกับตามองพื้นตลอดเวลา
00:04:02 → 00:04:05 เค้าไม่ได้หาเศษเงินที่พื้นไม่ได้มองของ
00:04:05 → 00:04:07 ตกนะครับแต่ว่ากระดูกสันหลังของเขาเนี่ย
00:04:07 → 00:04:10 มันหักครับหักจากกระดูกสันหลังปกติของเรา
00:04:10 → 00:04:13 มันเป็นเหมือนกับป้องไบไผ่อย่างเงี้ยนะ
00:04:13 → 00:04:15 ครับแล้วมันเป็นสี่เหลี่ยมอย่างนี้นะฮะ
00:04:15 → 00:04:17 แล้วเวลามันหักเนี่ยมันทรุดลงข้างนึงจะทำ
00:04:17 → 00:04:19 ให้หลังของเราเนี่ยเอียงไปข้างหน้าอย่าง
00:04:19 → 00:04:21 เงี้ยเหมือนมองพื้นตลอดเวลาแล้วเวลาจะมอง
00:04:21 → 00:04:24 คนน่ะมองไม่ได้ก็ต้องเงยขึ้นมาอย่างเงี้ย
00:04:24 → 00:04:26 เหมือนถ้าใครเคยดูดราก้อนบอลก็เหมือนผู้
00:04:26 → 00:04:28 เฒ่าเต่าแล้วเวลาสะพายกระดองไว้ข้างหลัง
00:04:28 → 00:04:31 แล้วแล้วมันมองลงพื้นต้องเงยหัวตลอดเวลา
00:04:31 → 00:04:34 อย่างเงี้ยครับก็กลายเป็นแบบนั้นได้นะฮะ
00:04:34 → 00:04:37 ทีนี้เนี่ย 2 ตัวอย่างนี้มันบอกอะไรเรา
00:04:37 → 00:04:41 มันบอกว่าขนาดคนที่แข็งแรงมากๆถ้าไม่ฟัง
00:04:41 → 00:04:44 สัญญาณเตือนยังมีความดื้อดึงที่จะแบกต่อ
00:04:44 → 00:04:49 ไปก็แย่ได้ส่วนคนอายุเยอะเนี่ยมันเป็นอีก
00:04:49 → 00:04:54 เหตุผลนึงครับเราเรียกภาวะในที่เกิดกับคน
00:04:54 → 00:04:56 สูงอายุว่าพา
00:04:56 → 00:05:01 Fracture คือการหักของกระดูกโดยที่แรง
00:05:01 → 00:05:03 กระทำกว่ากระดูกเนี่ยมันไม่ควรจะทำให้
00:05:03 → 00:05:06 เกิดการหักได้ดังนั้นมันแปลว่าจะต้องมี
00:05:06 → 00:05:09 โรคอะไรสักอย่างเกิดขึ้นกับกระดูกซึ่งวัน
00:05:09 → 00:05:11 เนี้เดี๋ยวผมจะบอกแล้วก็เล่าให้ฟังว่า
00:05:11 → 00:05:15 อะไรที่จำเป็นจะต้องทราบบ้างนะครับพอฟัง
00:05:15 → 00:05:17 มาถึงตรงนี้สิ่งที่ผมอยากให้ทุกคนรู้ก็
00:05:17 → 00:05:21 คือสัญญาณเตือนว่าเมื่อไหร่ที่เราจะต้อง
00:05:21 → 00:05:24 คิดว่าเนี่ยแบกหนักเกินไปแล้วอย่างแรกนะ
00:05:24 → 00:05:27 ครับปวดหลังครับ
00:05:27 → 00:05:31 ปวดหลังเลยเป็นอาการแรกเลยโดยเฉพาะถ้าทุก
00:05:31 → 00:05:33 ครั้งที่เราแบกอะไรสักอย่างเรารู้สึกปวด
00:05:33 → 00:05:36 หลังถึงแม้ว่าสมองเราจะบอกว่าเฮ้ยไหวน่ะ
00:05:36 → 00:05:38 แต่ก่อนก็เคยแบกวันนี้อีกนิดนึงไม่เป็นไร
00:05:39 → 00:05:41 หรอกนะครับมีคนเตือนไม่เป็นไรหรอกเราว่า
00:05:41 → 00:05:44 เรายังไหวเนี่ยคือสัญญาณเตือนคุณแล้ว
00:05:44 → 00:05:48 อันดับแรกก่อนที่มันจะเป็นหนักอันที่ 2
00:05:48 → 00:05:50 ถ้าเกิดอาการปวดเนี่ยมันรุนแรงมากขึ้นบาง
00:05:50 → 00:05:53 คนมีร้าวลงขาเพราะมันมีการกดของเส้น
00:05:53 → 00:05:56 ประสาทแล้วบางคนมีอาการชาลงขาบางคนมี
00:05:56 → 00:05:58 อาการอ่อนแรงที่ขาอันนั้นคือแย่แล้วนะ
00:05:58 → 00:06:03 ครับบางคนถ้ามีการกดโดนไขสลังเต็มๆเนี่ย
00:06:03 → 00:06:07 อาจจะถึงขั้นอัมพาตแบบก็ได้ขา 2 ข้างรีบ
00:06:07 → 00:06:10 ไปเลยไม่มีแรงมีอาการชาบางคนปัสสาวะไม่
00:06:10 → 00:06:14 ออกอุจจาระไม่ออกอันนั้นคือภาวะฉุกเฉิน
00:06:14 → 00:06:17 ที่ต้องรีบไปหาหมอตอนนั้นถ้าคุณไม่ไปหา
00:06:17 → 00:06:19 หมอตอนนั้นคุณไม่วางของที่แบกตอนนั้นคุณ
00:06:19 → 00:06:23 อาจจะพิการถาวรนะครับอย่างที่ 3 ถ้ามี
00:06:23 → 00:06:27 อาการปวดปวดหลังร่วมกับมีไข้
00:06:27 → 00:06:30 ปวดหลังในที่นี้เนี่ยมันจะปวดตรงกลางนะ
00:06:30 → 00:06:32 ครับไม่ได้ด้านข้างเพราะว่ากระดูกของเรา
00:06:32 → 00:06:36 เนี่ยมันอยู่ตรงกลางนะถ้ามีอาการปวดแล้ว
00:06:36 → 00:06:40 มีไข้ร่วมด้วยหรือมีน้ำหนักลดไม่ปกติครับ
00:06:40 → 00:06:42 ควรจะต้องรีบไปหาหมอหรือถ้าเกิดเรามี
00:06:42 → 00:06:44 อาการปวดแล้วเราไม่แน่ใจจริงๆไปตรวจให้
00:06:44 → 00:06:47 ชัวร์จะดีกว่าครับเพราะมิฉะนั้นอาจจะเป็น
00:06:47 → 00:06:50 อะไรที่ร้ายแรงก็ได้
00:06:50 → 00:06:54 ทีนี้พวกนี้คือสัญญาณเตือนเราที่เราต้อง
00:06:54 → 00:06:57 คอยรับรู้ด้วยตัวเองแต่มันก็จะมีสัญญาณ
00:06:57 → 00:07:01 เตือนจากภายนอกก็คือคนที่อยู่รอบๆเราเค้า
00:07:01 → 00:07:04 อาจจะบอกว่าเฮ้ยช่วงเนี้ยดูแบกหนักไป
00:07:04 → 00:07:06 หน่อยนะเดี๋ยวอาจจะปวดหลังเดี๋ยวมันเป็น
00:07:06 → 00:07:10 อะไรไปหรือเปล่านะครับแล้วคุณไม่ฟังคุณ
00:07:10 → 00:07:12 เลือกฟังแต่คนที่เขาบอกว่าเฮ้ยคุณเก่งมาก
00:07:12 → 00:07:18 แบกต่อไปแข็งแรงดีเลยทำจะได้ดูเป็นได้เลย
00:07:18 → 00:07:20 อย่าอันอย่างเงี้ยคือการที่คุณไม่ฟัง
00:07:20 → 00:07:22 เสียงคนนอกเนี่ยอันตรายละคุณเลือกฟังแต่
00:07:22 → 00:07:24 สิ่งที่คุณอยากจะฟังอย่างเดียวมันก็อาจจะ
00:07:24 → 00:07:27 เกิดอันตรายขึ้นกับร่างกายของคุณก็ได้นะ
00:07:27 → 00:07:31 ครับงั้นตรงนี้ถ้าเราดูตัวเองไม่รู้เราก็
00:07:31 → 00:07:34 ต้องให้กระจกส่องเราก็คือคนอื่นมาบอกเรา
00:07:34 → 00:07:36 แต่ถ้ากระจกส่องเราแล้วเรายังไม่สนใจเรา
00:07:36 → 00:07:39 มองทางอื่นอย่างเงี้ยอ่านี้ก็อาจจะเป็น
00:07:39 → 00:07:42 เหตุผลที่เราเข้าสู่ความดื้อด้านเต็มตัว
00:07:42 → 00:07:44 นะครับแล้วก็จะเกิดอันตรายกับร่างกายของ
00:07:45 → 00:07:47 เราอาจจะแค่เตี้ยลงถ้าเป็นไม่เยอะนะครับ
00:07:47 → 00:07:50 ตัวเตี้ยเฉยๆเองแต่ถ้ามันเป็นเยอะอาจจะ
00:07:50 → 00:07:52 หลังหักขึ้นมาอย่างเงี้ยแล้วก็มองมองพื้น
00:07:52 → 00:07:55 ตลอดเวลาหรือบางคนหลังหักไม่พอครับมันไป
00:07:55 → 00:07:58 กดโดนไขสลังที่อยู่ข้างหน้าอันนั้นก็คือ
00:07:58 → 00:08:01 แย่อาจจะผ่าตัดแก้ไขแล้วหายก็ได้แต่บางคน
00:08:01 → 00:08:04 ก็ไม่หายตลอดชีวิตกลายเป็นผู้ป่วยติดไม้
00:08:04 → 00:08:09 เท้าติดรถเข็นติดเตียงแล้วก็ตามมาด้วยโรค
00:08:09 → 00:08:11 อื่นๆอีกมากมายไม่ว่าจะเป็นติดเชื้อใน
00:08:11 → 00:08:15 กระแสเลือดปอดอักเสบแผลกดทับนะครับติด
00:08:15 → 00:08:17 เชื้อในทางเดินปัสสาวะภาวะซึมเศร้าที่ตัว
00:08:17 → 00:08:20 เองเคยทำอะไรได้แล้วตอนนี้มันทำไม่ได้นะ
00:08:20 → 00:08:23 ครับแล้วจะนึกเสียใจว่าหูสมัยก่อนไม่น่า
00:08:23 → 00:08:27 ไม่น่าแบกเลยไม่น่าไล่คนที่เค้าเตือนเรา
00:08:27 → 00:08:30 ออกไปเลยเก็บไว้เฉพาะคนที่เค้าเชียร์เรา
00:08:30 → 00:08:33 คนเค้าเชียร์เค้าไม่ได้มาบาดเจ็บเหมือน
00:08:33 → 00:08:37 เรานี่ใช่มั้ยครับเออตรงนี้ก็ต้องรู้ด้วย
00:08:37 → 00:08:40 นะครับเพราะว่ามันสำคัญนะ
00:08:40 → 00:08:43 หรือบางคนอาจจะทำงานแบกหามนะครับเค้าจ้าง
00:08:43 → 00:08:46 มาให้แบกหามแล้วก็แบกตลอดไปแต่คุณรู้เลย
00:08:46 → 00:08:48 มั้ครับว่าถ้าเกิดร่างกายของคุณมันไม่ไหว
00:08:48 → 00:08:51 หลังหักขึ้นมาเนี่ยคนที่เค้าจ้างคุณให้
00:08:51 → 00:08:53 แบกเนี่ยเค้าไม่ได้มามีปัญหาอะไรกับคุณ
00:08:53 → 00:08:56 ด้วยนะแต่คุณเนี่ยจะมีปัญหาตลอดชีวิตได้
00:08:56 → 00:08:59 เพราะแบกของหนักนี่แหละนะครับทีนี้ผมอยาก
00:08:59 → 00:09:03 จะมาเล่าถึงโรคที่มันทำให้แบกของหนักไม่
00:09:03 → 00:09:05 ค่อยได้เพราะถ้าแบกปุ๊บเนี่ยมันอาจจะทำ
00:09:05 → 00:09:09 ให้กระดูกของเราหักเลยก็ได้นะครับขอเริ่ม
00:09:09 → 00:09:12 จากสิ่งที่เจอบ่อยมากๆก่อนนั่นก็คือโรค
00:09:12 → 00:09:16 กระดูกบางและกระดูกพรุนกระดูกบางเนี่ยนะ
00:09:16 → 00:09:18 ครับกับกระดูกพรุนผมเคยทำคลิปไปเรียบร้อย
00:09:18 → 00:09:21 แล้วอยู่ในคลิปเรื่องอสิปorosisนะครับบอก
00:09:21 → 00:09:24 ถึงสาเหตุและวิธีในการรักษาไว้ในนั้น
00:09:24 → 00:09:27 เรียบร้อยนะครับส่วนนึงมันเป็นตามอายุได้
00:09:27 → 00:09:31 เหมือนกันเราจะแนะนำว่าถ้าผู้หญิงอายุ 65
00:09:31 → 00:09:34 ปีขึ้นไปควรจะไปตรวจมวลกระดูกนะครับถ้า
00:09:34 → 00:09:36 ผู้ชายอายุ 70 ปีขึ้นไปควรจะตรวจมวล
00:09:36 → 00:09:40 กระดูกนะครับอันเนี้ยในกรณีคนที่แข็งแรง
00:09:40 → 00:09:43 ไม่มีปัญหาแต่ถ้าเกิดมันมีปัญหาแล้วเช่น
00:09:43 → 00:09:45 อยู่ๆเราเตี้ยลงอย่างเงี้ยเอออันนี้ต้อง
00:09:45 → 00:09:47 ไปตรวจแล้วนะครับเพราะว่ามันแปลว่ามีความ
00:09:47 → 00:09:50 ผิดปกตินะครับแต่คนที่อายุ 65 ในผู้หญิง
00:09:50 → 00:09:53 70 ในผู้ชายแล้วไปตรวจหมายความว่าคุณไม่
00:09:53 → 00:09:55 มีอาการอะไรผิดปกติที่เล่ามาทั้งหมดเลย
00:09:55 → 00:09:58 เพียงแต่คุณจะไปตรวจเพื่อให้แน่ใจว่ามัน
00:09:58 → 00:10:00 ไม่มีอะไรผิดปกติจริงๆนะเพราะถ้ามันมีเรา
00:10:00 → 00:10:03 รีบแก้ไขก่อนถ้าเราแบกอะไรหนักบ่อยๆวาง
00:10:03 → 00:10:06 มันซะก่อนนะครับจะได้ดูแลตัวเองได้ถูก
00:10:06 → 00:10:09 ต้องอ่ะโรคนี้เป็นโรคที่เจอได้บ่อยมากนะ
00:10:09 → 00:10:12 ครับถ้าเป็นผู้หญิงที่หมดประจำเดือนเร็ว
00:10:12 → 00:10:15 ก็จะมีโอกาสเจอโรคนี้ได้เร็วขึ้นเช่นบาง
00:10:15 → 00:10:17 คนอาจจะต้องผ่าตัดมดลูกและรังไข่ออกด้วย
00:10:17 → 00:10:20 เหตุผลบางอย่างนะครับบางคนก็เป็นเพราะว่า
00:10:20 → 00:10:22 อาจจะมีเหตุการณ์อะไรสักอย่างที่ทำให้รัง
00:10:22 → 00:10:25 ไข่ไม่ทำงานอันเนี้ยก็จำเป็นจะต้องไปตรวจ
00:10:25 → 00:10:29 ก่อนที่จะถึงอายุ 65 นะครับอันที่ 2
00:10:29 → 00:10:32 เรื่องของโรคภัยไข้เจ็บครับโรคภัยไข้เจ็บ
00:10:32 → 00:10:35 ที่จะทำให้มีภาวะกระดูกมันบางแล้วก็พรุน
00:10:35 → 00:10:38 ได้อันแรกนะครับโรคไตเรื้อรังที่เราเรียก
00:10:38 → 00:10:41 ว่า Chronic Kidney Disease นะครับ
00:10:41 → 00:10:43 Chronic Kidney Disease มันจะแบ่งเป็น
00:10:43 → 00:10:46 ทั้งหมด 5 ระยะนะครับ 1 นี่คือเบาที่สุด
00:10:46 → 00:10:49 มีแค่ความเสี่ยง 5 เนี่ยคือรุนแรงที่สุด
00:10:49 → 00:10:53 นะนะครับตั้งแต่ระยะที่ 3 เป็นต้นไปจะมี
00:10:53 → 00:10:56 โอกาสที่จะเกิดกระดูกพรุนได้เหตุผลที่
00:10:56 → 00:10:58 เป็นเช่นนั้นนะครับก็คือไตเนี่ยมันเป็น
00:10:58 → 00:11:01 หน้ามันมันเป็นอวัยวะที่ทำหน้าที่เปลี่ยน
00:11:01 → 00:11:05 แปลงวิตามินดีให้กลายไปเป็นวิตามินดีที่
00:11:05 → 00:11:08 ทำงานได้หรือที่เราเรียกว่า active form
00:11:08 → 00:11:11 ของวิตามินดีนะครับมันจะมีหน้าที่ดูดซึม
00:11:11 → 00:11:13 เอาแคลเซียมเข้ามาสู่กระแสเลือดทีนี้ถ้า
00:11:13 → 00:11:16 เกิดวิตามินดีมันทำงานไม่ได้ล่ะคุณก็จะ
00:11:16 → 00:11:19 ไม่มีแคลเซียมนะครับร่างร่างกายก็บอกเฮ้ย
00:11:19 → 00:11:22 ไม่ได้แล้วไม่มีแคลเซียมก็จะมีการทำยังไง
00:11:22 → 00:11:25 ก็ได้ให้มีแคลเซียมสูงขึ้นมาในเลือดมันก็
00:11:25 → 00:11:27 เลยทำให้ต่อมชนิดหนึ่งเรียกว่าต่อม
00:11:28 → 00:11:32 พาราไทรอยด์ทำงานมากเพื่อที่จะไปดึงเอา
00:11:32 → 00:11:34 แคลเซียมออกมาจากกระดูกกระดูกคุณมันก็เลย
00:11:34 → 00:11:38 ยิ่งพรุนเข้าไปใหญ่นะครับอันเนี้ยเป็น
00:11:38 → 00:11:40 สิ่งสำคัญนะครับบางคนอาจจะไม่รู้จักต่อม
00:11:40 → 00:11:43 พาราไทรรอยด์ผมบอกอย่างี้ครับคนเราเนี่ย
00:11:43 → 00:11:46 มีต่อมชื่อว่าไทรรอยด์และพาราไทรอยด์มัน
00:11:46 → 00:11:49 ไม่ใช่ต่อมเดียวกันต่อมไทไอรอยด์เนี่ยมัน
00:11:49 → 00:11:52 เป็นลักษณะคล้ายรูปผีเสื้ออยู่ตรงบริเวณ
00:11:52 → 00:11:54 คอตรงนี้นะครับตรงรอยบุ๋มตรงเนี้ยนะฮะ
00:11:54 → 00:11:56 อยู่ประมาณนี้นะครับมันเหมือนผีเสื้อเลย
00:11:56 → 00:11:58 เพราะว่ามันมีปีกนะครับปีกข้างบนกับปีก
00:11:58 → 00:12:01 ข้างล่างนะครับส่วนต่อมพาราไทรอยด์เนี่ย
00:12:01 → 00:12:04 มันมีทั้งหมด 4 ต่อมด้วยกันนะครับโดยแต่
00:12:04 → 00:12:05 ละต่อมเนี่ยจะอยู่ตรงปีกผีเสื้อของ
00:12:05 → 00:12:09 ไทรรอยด์นี่แหละนะครับปีกบนมี 2 ปีกใช่
00:12:09 → 00:12:11 มั้ยครับปีกนึงก็มี 1 ต่อมอีกปีกก็มี 1
00:12:11 → 00:12:13 ต่อมปีกล่างมี 2 ปีกปีกนึงมี 1 ต่อมอีก
00:12:13 → 00:12:16 ปีกนึงก็อีกต่อมนึงนะครับและไอ้พวกนี้นี่
00:12:16 → 00:12:19 แหละถ้าทำงานมากจนเกินไปมันก็จะหลั่ง
00:12:19 → 00:12:22 ฮอร์โมนพาราไทรอยด์ดึงเอาแคลเซียมออกมา
00:12:22 → 00:12:25 จากกระดูกนะครับนั่นคือปัญหานั้นโรคไต
00:12:25 → 00:12:28 เรื้อรังเป็นโรคที่เราเจอแล้วก็มีโอกาสทำ
00:12:28 → 00:12:32 ให้เกิดกระดูกพรุนได้โรคที่ 2 คือโรค
00:12:32 → 00:12:35 ไทรอยด์เป็นพิษฮอร์โมนไทรอยด์เนี่ยถ้ามัน
00:12:35 → 00:12:38 มีมากจนเกินไปมันจะทำให้กระดูกพรุนได้โรค
00:12:38 → 00:12:41 ที่ 3 พาราทอยอ์เมื่อตะกี้แล้วครับถ้า
00:12:41 → 00:12:43 เป็นเนื้องอกพาราไทรอยด์หรือพาราไทอยด์
00:12:43 → 00:12:46 มันทำงานหนักจนเกินไปมันก็จะดึงเอา
00:12:46 → 00:12:48 แคลเซียมออกมาจากกระดูกคนพวกนี้ก็จะเกิด
00:12:48 → 00:12:51 กระดูกพรุนได้นะครับอ่าอันนี้คือโรคที่
00:12:51 → 00:12:55 เราเจอบ่อยๆนะฮะนอกเหนือจากนั้นก็คืออ่า
00:12:55 → 00:12:58 โรคการขาดวิตามินดีนะครับหลายคนก็คงจะ
00:12:58 → 00:13:00 ทราบนะครับว่าถ้าเราไม่เจอแสงแดดเลยเนี่ย
00:13:00 → 00:13:03 อันนี้อเสี่ยงสมมุตินะครับว่าถ้าเกิดว่า
00:13:03 → 00:13:07 เราทำงานในโรงพยาบาลอ่ะอย่างผมเป็นหมอ
00:13:07 → 00:13:09 อย่างเงี้ยทำงานในโรงพยาบาลหรือหมอบางคน
00:13:09 → 00:13:12 เค้าก็อาจจะดูแลคนไข้นะครับอ่าอาจจะดูแล
00:13:12 → 00:13:15 เรื่องความงามนะครับฉีดหน้าให้คนไข้อยู่
00:13:15 → 00:13:16 ตลอดเวลาเค้าไม่ไปเจอแสงแดดข้างนอกแล้ว
00:13:16 → 00:13:19 เค้าเป็นหมอความมาเองเจะรู้ว่าเอ๊ะถ้าเรา
00:13:19 → 00:13:22 เนี่ยไม่โดนแสงเลยมันก็เป็นสิ่งที่ดี
00:13:22 → 00:13:24 เพราะว่าหน้าเราจะได้ไม่แก่เค้าก็จะทา
00:13:24 → 00:13:26 ครีมกันแดดนะครับแล้วก็ไม่ออกไปเจอแสงคน
00:13:26 → 00:13:29 เหล่าเนี้ยก็จะมีโอกาสขาดวิตามินดีได้นะ
00:13:29 → 00:13:32 ครับพอขาดวิตามินดีปุ๊บเนี่ยก็อาจจะทำให้
00:13:32 → 00:13:34 กระดูกของเขาพรุนง่ายกว่าปกติโดยที่ไม่
00:13:34 → 00:13:37 รู้ตัวเลยก็ได้แล้วบางคนกว่าจะรู้ตัวก็
00:13:37 → 00:13:38 เตี้ยไปแล้วเพราะแบกของหนักจนเกินไปนะ
00:13:38 → 00:13:41 ครับอันนั้นก็เป็นสิ่งนึงซึ่งแนะนำว่าถ้า
00:13:41 → 00:13:43 เกิดคนไหนที่ไม่ค่อยเจอแสงแดนเนี่ยควรจะ
00:13:43 → 00:13:45 ต้องไปตรวจถามว่าเราตรวจไปทำไมเรากิน
00:13:45 → 00:13:49 วิตามินดีเลยไม่ได้เหรอมันอย่างี้ครับคุณ
00:13:49 → 00:13:51 จะรู้ได้ยังไงว่าสิ่งที่คุณกินน่ะมัน
00:13:51 → 00:13:55 เพียงพอกับร่างกายที่คุณอยากได้ถ้าเรากิน
00:13:55 → 00:13:58 สมมุติเรากิน 5,000 International unit
00:13:58 → 00:14:01 แล้วเราไปตรวจบางคนอาจจะไม่ถึงเลยก็ได้
00:14:01 → 00:14:02 มันอาจจะต่ำไปคุณอาจจะต้องกินตั้ง 10,000
00:14:03 → 00:14:05 นึงก็ได้นะครับดังนั้นเนี่ยถ้าเกิดคุณไม่
00:14:05 → 00:14:07 ตรวจคุณจะไม่รู้เลยว่าคุณจะต้องกินเท่า
00:14:07 → 00:14:09 ไหร่กันแน่นะครับดังนั้นแนะนำใครที่มี
00:14:10 → 00:14:12 ความเสี่ยงควรจะต้องไปตรวจแล้วก็รับ
00:14:12 → 00:14:15 ประทานเสริมตามที่จำเป็นนะครับอ่ะอันนี้
00:14:15 → 00:14:17 คือเป็นโรคภัยไขเจ็บ
00:14:17 → 00:14:19 ที่เป็นทีหลังแต่มันก็จะมีโรคภัยคล้าย
00:14:19 → 00:14:22 เจ็บที่คุณสามารถเป็นได้ตั้งแต่เกิดนะ
00:14:22 → 00:14:26 ครับเช่นโรคที่เป็นคลาสสิคในเรื่องของนัก
00:14:26 → 00:14:28 เรียนแพทย์ที่เราสอนกันเลยก็คือโรคที่เรา
00:14:28 → 00:14:31 เรียกว่า osteogenesis imperfecta พวก
00:14:31 → 00:14:33 เนี้ยเกิดจากการทำงานผิดปกติของคอลลาเจน
00:14:33 → 00:14:35 type ที่ 1 นะครับทำให้กระดูกมันเปราะ
00:14:35 → 00:14:38 มากนะครับแล้วบางคนเนี่ยถ้าดูที่ตาขาวของ
00:14:38 → 00:14:41 คนเราเนี้ยมันจะออกสีฟ้าๆอ่าเหตุผลที่มัน
00:14:41 → 00:14:44 สีฟ้าๆเนี่ยเพราะว่าเยื่อตาขาวมันบางลง
00:14:44 → 00:14:46 แล้วครับแล้วไอ้สิ่งที่เคลือบอยู่ด้านใน
00:14:46 → 00:14:50 ของตาเนี่ยจริงๆมันเป็นสีที่ออกดำๆนะครับ
00:14:50 → 00:14:53 สีดำเนี่ยเมื่อเยื่อขาวตาของเรามันบางลง
00:14:53 → 00:14:56 มันจะเห็นออกคล้ายๆสีฟ้าๆครับอ่านี้ก็
00:14:56 → 00:14:59 เป็นเป็นไซนหรือสัญลักษณ์อย่างหนึ่งว่า
00:14:59 → 00:15:01 เฮ้ยเด็กเป็นโรคแบบนี้แล้วนะเราจะต้อง
00:15:01 → 00:15:04 ระวังโรคที่เป็นในเด็กอย่างอื่นได้ก็ยก
00:15:04 → 00:15:07 ตัวอย่างเช่นอ่าโรคกลุ่มที่เรียกว่า
00:15:07 → 00:15:11 อสิopetrosนะครับหรือภาษาทั่วไปของอังกฤษ
00:15:11 → 00:15:13 เนี่ยเราเรียกว่า marble bone disease
00:15:13 → 00:15:15 เพราะว่าพวกเนี้ยเวลาผ่ากระดูกออกมาเนี่ย
00:15:15 → 00:15:17 ลักษณะลักษณะของมันจะเหมือนหินอ่อนเป็น
00:15:17 → 00:15:19 ลายหินอ่อนภาษาอังกฤษเรียกว่า marble นะ
00:15:19 → 00:15:24 ครับอ่าออosisนะครับเอ่อหรือบางคนเนี่ยก็
00:15:24 → 00:15:27 มีโรคอันนึงที่หนังเนี่ยยืดหยุ่นมากๆดึง
00:15:27 → 00:15:29 มาแล้วยืดเลยนะครับอันเนี้ยก็จะเป็นโรค
00:15:29 → 00:15:31 ที่เรียกเรียกว่า Eror Dun Los
00:15:31 → 00:15:34 Syndrome ซึ่งมีหลายชนิดมากแต่ถ้าเกิด
00:15:34 → 00:15:36 คุณเป็นแบบรุนแรงมากๆบางคนก็จะมีภาวะ
00:15:36 → 00:15:40 กระดูกมันบางแล้วพวกเนี้ยก็จะหักง่ายด้วย
00:15:40 → 00:15:43 นะครับนอกเหนือจากนี้ยังมีโรคในกลุ่ม
00:15:43 → 00:15:47 มะเร็งอีกครับมะเร็งเนี่ยที่กระดูกสัน
00:15:47 → 00:15:50 หลังนะครับมีได้ 2 แบบแบบแรกคือกระจายมา
00:15:50 → 00:15:52 จากที่อื่นแบบที่ 2 คือเกิดขึ้นในตัว
00:15:52 → 00:15:55 กระดูกเองที่เจอบ่อยที่สุดก็คือมันกระจาย
00:15:55 → 00:15:58 มาจากที่อื่นนะครับมะเร็งเนี่ยมีทั้งหมด 5
00:15:58 → 00:16:01 อย่างที่มันมักจะกระจายมาจากที่อื่น
00:16:01 → 00:16:04 มะเร็งเต้านมมะเร็งปอดมะเร็งต่อมลูกหมาก
00:16:05 → 00:16:08 มะเร็งไตและมะเร็งไทรอยด์ 5 อย่างนี้ถ้า
00:16:08 → 00:16:11 คุณเป็นนะครับมีโอกาสที่มันจะกระจายมาที่
00:16:11 → 00:16:13 กระดูกดังนั้นถ้าเกิดคุณรักษาโรคมะเร็ง
00:16:13 → 00:16:15 เหล่านี้อยู่คุณหมอเขาก็จะให้คุณตรวจ
00:16:15 → 00:16:18 กระดูกเพื่อให้ชัวร์ว่ามันไม่มีปัญหาแล้ว
00:16:18 → 00:16:19 ถ้าเกิดคุณดันเป็นมะเร็งพวกนี้อยู่แล้ว
00:16:19 → 00:16:22 อยู่ๆคุณมีอาการปวดหลังเพราะคุณแบกของไม่
00:16:22 → 00:16:25 ว่าจะเบาหรือจะหนักนะครับไปหาหมอครับแล้ว
00:16:25 → 00:16:27 ไปตรวจด้วยเพราะว่าถ้าเกิดคุณปล่อยไว้กิน
00:16:27 → 00:16:30 ยาแก้ปวดธรรมดามันอาจจะถึงขั้นกระดูกหัก
00:16:30 → 00:16:33 แล้วไปกดไข่สลังของของคุณแล้วพิการตลอด
00:16:33 → 00:16:36 ชีวิตก็ได้นะครับอ่านี้คือโรคมะเร็งที่
00:16:36 → 00:16:40 มันกระจายมาจากที่อื่นต่อมาโรคมะเร็งของ
00:16:40 → 00:16:44 กระดูกเองนะครับ1ึ่งในนั้นก็ก็คือ
00:16:44 → 00:16:47 Multiple Myaloma มันเป็นมะเร็งของ
00:16:47 → 00:16:49 เซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่งที่เรียกว่า
00:16:49 → 00:16:52 พลาสmacellลนะครับพวกนี้เนี่ยมักจะเจอใน
00:16:52 → 00:16:55 คนอายุเยอะแล้วมีอาการคืออ่อนเพลียเพราะ
00:16:55 → 00:16:59 ว่าคุณมีโลหิตจางจากโรคนี้คุณมีแคลเซียม
00:16:59 → 00:17:01 ที่สูงเกินไปจากโรคนี้นะครับแคลเซียมที่
00:17:01 → 00:17:04 สูงเกินไปเนี่ยจะทำให้มีปัญหาเรื่องของ
00:17:04 → 00:17:08 หิวน้ำบ่อยปัสสาวะบ่อยนะครับบางคนเป็นมาก
00:17:08 → 00:17:11 ๆปุ๊บก็มีท้องผูกนะครับมีอาการชักมีอาการ
00:17:11 → 00:17:15 สับสนได้นะฮะร่วมกับการทำงานของไตก็แย่ลง
00:17:15 → 00:17:17 นะครับดังนั้นเนี่ยคนสูงอายุที่มีอาการ
00:17:17 → 00:17:19 เพลียปัสสาวะบ่อยอะไรพวกเนี้ยบางครั้งไม่
00:17:19 → 00:17:21 ใช่มีแค่โรคเบาหวานนะแต่มันเป็นโรค
00:17:21 → 00:17:23 multiple ไโลomaซึ่งเป็นมะเร็งชนิดหนึ่ง
00:17:23 → 00:17:25 ได้และการรักษาเนี่ยจำเป็นจะต้องให้หมอ
00:17:26 → 00:17:29 เฉพาะทางโรคเลือดเป็นคนดูแลเพราะว่าการ
00:17:29 → 00:17:31 รักษาในแต่ละบุคคลจะไม่เหมือนกันมันขึ้น
00:17:31 → 00:17:34 อยู่กับหลายๆปัจจัยนะครับเช่นอ่าความแข็ง
00:17:34 → 00:17:37 แรงของแต่ละคนเป้าหมายในชีวิตการทนต่อยา
00:17:37 → 00:17:40 ได้มยหรือว่าใช้ยาตัวนั้นตัวนี้แล้วมีผล
00:17:40 → 00:17:42 ร่างกายมากน้อยแค่ไหนนะครับตรงนั้นต้อง
00:17:42 → 00:17:45 ปรึกษาคุณหมอกระดูกและอ่าหมอทางนดเลือด
00:17:45 → 00:17:47 และนะครับมะเร็งอีกอย่างนึงที่เราเจอได้
00:17:47 → 00:17:49 ก็คือโรคที่กลุ่มที่เราเรียกว่าอ่าพลาสma
00:17:49 → 00:17:52 ไซโตมานะครับก็คือโรค mult นี่แหละแต่ว่า
00:17:52 → 00:17:54 มันเจอเป็นก้อนอยู่ที่กระดูกนะครับแล้ว
00:17:54 → 00:17:56 มันไปอยู่กันที่กระดูกสันหลังมันก็หัก
00:17:56 → 00:17:58 ง่าย
00:17:58 → 00:18:00 หรืออีกอย่างนึงอ่าอันนี้ไม่ใช่มะเร็งแต่
00:18:00 → 00:18:03 ว่ามันก็เกิดที่กระดูกได้ก็คือโรค patches
00:18:03 → 00:18:04 disease of the bone นะครับทำให้
00:18:04 → 00:18:06 กระดูกมันเปาะเป็นบางที่ได้แล้วมันก็หัก
00:18:06 → 00:18:08 ได้พวกนี้ก็มียาที่เราต้องใช้นะครับเช่น
00:18:08 → 00:18:12 ยากลุ่มบิสฟอสเป็นต้นนะฮะนอกจากนั้นยังมี
00:18:12 → 00:18:15 มะเร็งต่อมน้ำเหลืองอ่านี้งงแล้วเอ๊ะทำไม
00:18:15 → 00:18:17 กระดูกมีต่อมน้ำเหลืองมันมีครับมันมีทาง
00:18:17 → 00:18:19 เดินน้ำเหลืองอยู่ในนั้นแล้วมันบังเอิญ
00:18:19 → 00:18:21 กลายไปเป็นมะเร็งได้อันเนี้ยเจอได้ยากมาก
00:18:21 → 00:18:24 นะครับแต่ก็เจอได้ก็คือมะเร็งที่เรียกว่า
00:18:24 → 00:18:27 ลิมฟม่าซึ่งลิมฟม่าเนี่ยมีหลากหลายชนิด
00:18:27 → 00:18:29 มากมายมหาศาลเลยทีเดียวแต่ชนิดที่มันจะ
00:18:29 → 00:18:31 เกิดในกระดูกได้เนี่ยส่วนใหญ่จะเป็นชนิด
00:18:31 → 00:18:33 ที่เรียกว่า diffuse large bcell
00:18:33 → 00:18:36 lymphoma นะครับอันเนี้ยก็ต้องให้คุณหมอ
00:18:36 → 00:18:39 โรคเลือดที่เขาดูแลเป็นคนตอบว่าจะต้อง
00:18:39 → 00:18:41 รักษาอย่างไรเพราะว่ามันไม่ง่ายนะครับ
00:18:41 → 00:18:43 แล้วก็การรักษาเป็นเรื่องเฉพาะบุคคลเลย
00:18:43 → 00:18:46 จริงๆนะครับอ่ะตอนนี้เราพูดถึงเรื่องของ
00:18:46 → 00:18:49 โรคภัยไข้เจ็บนะครับไม่ว่าจะเป็นเรื่อง
00:18:49 → 00:18:51 กระดูกพุนการขาดวิตามินดีโรคที่เกิดตั้ง
00:18:51 → 00:18:55 แต่กำเนิดนะครับอ่าโรคกลุ่มมะเร็งนะฮะมี
00:18:55 → 00:18:57 อีกอย่างนึงก็คือเรื่องของโรคติดเชื้อที่
00:18:57 → 00:18:59 เจอบ่อยๆก็คือโรควัณโรคในประเทศไทยมัน
00:18:59 → 00:19:02 กระจายมาที่กระดูกสันหลังมันทำให้หักได้
00:19:02 → 00:19:04 นะครับภาวะเนี้ยเราเรียกว่า pot disease
00:19:04 → 00:19:06 นะครับหรืออาจจะเป็นเชื้อโรคอื่นเช่น
00:19:06 → 00:19:09 เชื้อราหรือเชื้อแบคทีเรียstaฟilocคอก
00:19:09 → 00:19:11 orious นะครับถ้าติดเชื้อในกระแสเลือด
00:19:11 → 00:19:13 เชื้อพวกนี้มันอาจจะวิ่งไปตรงกระดูกสัน
00:19:13 → 00:19:15 หลังแล้วก็ไปเกาะอยู่ตรงนั้นทำให้เกิดการ
00:19:15 → 00:19:18 ติดเชื้อแล้วมันแย่ได้พวกเนี้ยมักจะมีไข้
00:19:18 → 00:19:21 น้ำหนักลดปวดหลังต้องหาหมอทันทีสุดท้าย
00:19:21 → 00:19:26 แต่ไม่ท้ายสุดสำคัญมากๆเลยคือยาบางตัวที่
00:19:26 → 00:19:28 เรากินเนี่ยสามารถทำให้เรากระดูกพรุนได้
00:19:28 → 00:19:30 แล้วเราจะต้องไปตรวจหนึ่งในนั้นตัวหลัก
00:19:30 → 00:19:33 เลยคือสเตียรอยด์ใครกินสเตียรอยด์อยู่นาน
00:19:33 → 00:19:35 ๆน่ะโดยเฉพาะเกิน 2-3 อาทิตย์ขึ้นไปจะ
00:19:35 → 00:19:37 ต้องตรวจและบางทีอาจจะต้องใช้ยาในกลุ่ม
00:19:37 → 00:19:39 ป้องกันไม่ให้กระดูกมันพรุนด้วยซ้ำไปนะ
00:19:40 → 00:19:42 ครับตัวที่ 2
00:19:42 → 00:19:45 ตัวเนี้ยหลายคนก็กินคือยาลดกรุดกลุ่มที่
00:19:45 → 00:19:47 เราเรียกว่าโปรตอนปั๊ม inhibitor เช่น
00:19:47 → 00:19:49 ompropas
00:19:49 → 00:19:54 เอซนะครับrบราซพวกนี้เป็นต้นนะครับกินนาน
00:19:54 → 00:19:57 ๆบางคนกระดูกพรุนกระดูกพุนไม่พอขาด
00:19:57 → 00:20:00 แมกนีเซียมได้ขาดวิตามิน B12 ได้แล้วบาง
00:20:00 → 00:20:03 คนนะครับกินไปนานๆมีโอกาสติดเชื้อในลำไส้
00:20:03 → 00:20:06 ที่เรียกว่าclอส Defic ซึ่งทำให้เกิดท้อง
00:20:06 → 00:20:08 เสียรุนแรงบางคนถึงแก่ชีวิตได้ถ้ารักษา
00:20:09 → 00:20:12 ไม่ทันนะครับอย่างไรก็ตามครับบางคนจำเป็น
00:20:12 → 00:20:14 จะต้องกินยาตัวนี้ต่อเนื่องนานๆเช่นคนที่
00:20:14 → 00:20:17 มีกรดไหลย้อนจนกระทั่งหลอดอาหารของเขา
00:20:17 → 00:20:19 เนี่ยมันเกิดการกลายพันธุ์ที่เราเรียกว่า
00:20:19 → 00:20:22 Barret isophagus นะครับถ้าเราไม่กินยา
00:20:22 → 00:20:25 มันจะมีโอกาสกลายไปเป็นมะเร็งได้แล้วถ้า
00:20:25 → 00:20:27 มีโรค Baret isacagus เนี่ยคุณหมอเขาจะ
00:20:27 → 00:20:29 นัด 2 กล้องเพื่อไปตรวจอยู่ประจำให้แน่ใจ
00:20:29 → 00:20:33 ว่ามันไม่มีมะเร็งนะครับเราต้องกินยาควบ
00:20:33 → 00:20:35 คู่ไปด้วยนะครับแต่ถ้ากินยาปุ๊บระยะยาวก็
00:20:35 → 00:20:39 ต้องตรวจด้วยนะครับตัวที่ 3
00:20:39 → 00:20:42 ยาในกลุ่มตาเศร้าครับ Selective Zotonin
00:20:42 → 00:20:45 Reaptex Intihor อ่าตัวเนี้ยบางคนกิน
00:20:45 → 00:20:48 อยู่ด้วยนะครับเช่นเซทาลีนหรือฟลูอกซิทีน
00:20:48 → 00:20:51 พวกนี้เป็นต้นนะครับพวกเนี้ยระยะยาวมี
00:20:51 → 00:20:54 ปัญหานะครับบางคนกระดูกบางลงก็ต้องไปตรวจ
00:20:54 → 00:20:57 เหมือนกันเาเชื่อว่าเกิดจากกลไกว่าเรามี
00:20:57 → 00:20:59 ซิโลโทนินเยอะเกินไปในตัวเซลล์ที่เกี่ยว
00:20:59 → 00:21:02 ข้องกับกระดูกแล้วมันทำงานเยอะเกินไปนะ
00:21:02 → 00:21:05 ครับอันที่ 4 คือยาในกลุ่มที่ป้องกันลิ่ม
00:21:05 → 00:21:08 เลือดเช่น hein low molecular weight
00:21:08 → 00:21:11 hearin หรือบางตัวก็จะชื่ออoอก parin นะ
00:21:11 → 00:21:14 ครับตัวที่ 3 คือวาฟarin 3 ตัวเนี้ยเป็น
00:21:14 → 00:21:16 ตัวที่ป้องกันการเกิดลิ่มเลือดที่มันทำ
00:21:16 → 00:21:19 ให้กระดูกพรุนได้นะครับเฮาเป็นยาฉีดเข้า
00:21:19 → 00:21:23 หลอดเลือดอoอกซาพารินเป็นยาที่ฉีดเข้าตรง
00:21:23 → 00:21:25 อ่าไขมันหน้าท้องหรือที่ขาก็ได้นะครับ
00:21:25 → 00:21:27 หรือหลังแขนก็ได้แต่ส่วนใหญ่จะฉีดตรงหน้า
00:21:27 → 00:21:30 ท้องนะครับตัวที่ 3 วาฟารินตัวนี้ 3 ตัว
00:21:30 → 00:21:33 นี้เนี่ยเป็นตัวที่สามารถทำให้กระดูกของ
00:21:34 → 00:21:36 เรามันพรุนได้ดังนั้นจะต้องมีการตรวจถ้า
00:21:36 → 00:21:38 คุณจะต้องใช้เป็นระยะยาวนะครับเพราะบางคน
00:21:38 → 00:21:41 มันจำเป็นต้องระยะยาวจริงๆเช่นเป็นโรค
00:21:41 → 00:21:44 กลุ่มที่เรียกว่าแอนตี้ฟอสฟolิป syndrome
00:21:44 → 00:21:46 มีลิ่มเลือดในร่างกายหลายครั้งแล้วหรือมี
00:21:46 → 00:21:49 ลิ้นหัวใจเทียมที่มันเป็นแบบชนิดโลหะพวกเ
00:21:49 → 00:21:51 ก็ต้องกินงี้ไปตลอดชีวิตนะครับจะหยุดกิน
00:21:51 → 00:21:54 ก็ไม่ได้เดี๋ยวก็อาจจะแย่ได้ดังนั้นคนพวก
00:21:54 → 00:21:56 เนี้ยก็จำเป็นจะต้องตรวจติดตามเรื่อยๆนะ
00:21:56 → 00:21:58 ครับอาจจะต้องกินวิตามินดีกินแคลเซียม
00:21:58 → 00:22:02 เสริมก็ได้นะครับแล้วก็ตรวจมวลกระดูกด้วย
00:22:02 → 00:22:05 กลุ่มที่ 5 คือยากันชักครับเช่นเฟนิโทอิน
00:22:05 → 00:22:09 ฟีโนบารบิทาคาบาซิปีนพวกเนี้ยกินนานมี
00:22:09 → 00:22:12 โอกาสกระดูกมันบางได้นะครับแล้วก็บางคน
00:22:12 → 00:22:14 อ่าพรุนแล้วมันหักไปเลยนะครับอันนี้ก็
00:22:14 → 00:22:17 ระวังให้ดีตัวที่ 6 คือฮอร์โมนไทรรอยด์
00:22:17 → 00:22:19 ครับอย่างที่บอกครับเมื่อกี้ถ้าไทรอยด์
00:22:19 → 00:22:22 เราเป็นพิษฮอร์โมนยอดเกินไปกระดูกจะบาง
00:22:22 → 00:22:26 แต่บางคนครับกินฮอร์โมนไทรอยด์
00:22:26 → 00:22:28 แล้วกินเยอะเกินไปเช่นในคนที่บอกว่าเอาไป
00:22:28 → 00:22:31 ลดความอ้วนอันนี้ถึงอันตรายคุณกินไปนานๆ
00:22:31 → 00:22:33 โอเคคุณน้ำหนักลดจริงแต่ว่าคุณอาจจะได้
00:22:33 → 00:22:36 โรคอื่นเช่นกระดูกพรุนหัวใจเต้นผิดปกตินะ
00:22:36 → 00:22:39 ครับอารมณ์แปรปรวนตามมาได้นะครับหรือคน
00:22:39 → 00:22:41 ที่จำเป็นจะต้องกินเพราะว่าอ่าเป็นมะเร็ง
00:22:41 → 00:22:44 ไทรอยด์ทำการกลืนแร่ไปแล้วผ่าตัดอะไรก็
00:22:44 → 00:22:46 แล้วนะครับแล้วมันต้องกินเพื่อที่จะกดไม่
00:22:46 → 00:22:50 ให้มีสารมากระตุ้นแล้วไทรอยด์มันโตขึ้นนะ
00:22:50 → 00:22:51 ครับก็ต้องกินฮอร์โมนไทรอยด์ไปกดสารพวก
00:22:51 → 00:22:53 นั้นไว้คนพวกเนี้ยก็มีความจำเป็นที่จะ
00:22:53 → 00:22:56 ต้องไปตรวจสม่ำเสมอให้แน่ใจว่ากระดูกไม่
00:22:56 → 00:22:59 ผุดนะครับอาจจะมีคนสงสัยเอ๊ะแล้วถ้าเกิด
00:22:59 → 00:23:02 ว่าฉันเป็นไทรรอยด์ต่ำไฮโปรไทรอยด์อ่า
00:23:02 → 00:23:05 ชิโมโตไทroอยติแล้วจำเป็นจะต้องกินยาพวก
00:23:05 → 00:23:07 นี้ล่ะทำไง
00:23:07 → 00:23:09 พวกนี้ไม่ต้องห่วงครับคุณหมอเขาจะตรวจให้
00:23:09 → 00:23:12 แน่ใจว่าฮอร์โมนที่ให้เข้าไปเนี่ยระดับ
00:23:12 → 00:23:16 มันพอดีนะครับเพราะว่าถ้าระดับมันพอดีมัน
00:23:16 → 00:23:17 ก็เหมือนกับร่างกายของเราผลิตฮอร์โมนขึ้น
00:23:18 → 00:23:19 มาเองพวกเนี้ยไม่เป็นไรแต่เมื่อไหร่ก็
00:23:19 → 00:23:22 แล้วแต่ที่ฮอร์โมนมันเยอะจนเกินไปเนี่ย
00:23:22 → 00:23:25 เอาล่ะมีปัญหาใจสั่นนะครับตัวผอมไม่ยอม
00:23:25 → 00:23:28 อ้วนซักทีผิวก็ชื้นๆเหงื่อออกนะครับตาก็
00:23:28 → 00:23:30 จะถลึงพึงอะไรอย่างเงี้ยนะฮะอันนั้นคือ
00:23:30 → 00:23:33 เยอะเกินไปและนะครับเราเราก็เราก็ไม่อยาก
00:23:33 → 00:23:35 จะให้เป็นแบบนั้นพวกเนี้ยคุณหมอเขาจะตรวจ
00:23:35 → 00:23:38 ให้ชัดเจนว่าฮอร์โมนที่ให้ไปมันเหมาะสมก็
00:23:38 → 00:23:41 นั้นก็จะไม่ให้เยอะจนเกินไปนะครับอ่าอัน
00:23:41 → 00:23:45 นี้ก็น่าจะครบสาเหตุทุกอย่างแล้วนะฮะอ่า
00:23:45 → 00:23:48 ดังนั้นถ้าเกิดว่าเป็นคนที่แบกอะไรหนักๆ
00:23:48 → 00:23:52 อยู่นะสิ่งที่คุณต้องรู้ก็คือคุณฟังตัว
00:23:52 → 00:23:55 เองด้วยว่าไอ้สิ่งที่เราแบกเนี่ยมันหนัก
00:23:55 → 00:23:58 เกินไปหรือยังเราปวดหลังมยนะครับเราเตี้ย
00:23:58 → 00:24:01 ลงหรือเปล่านะครับแล้วที่สำคัญถ้าเกิดว่า
00:24:01 → 00:24:03 คุณดูตัวเองแล้วเออเราก็ไม่ได้เตี่ยลง
00:24:03 → 00:24:05 หลังก็ไม่รู้ปวดไม่ปวดมันอาจจะเมื่อยเฉยๆ
00:24:05 → 00:24:08 ก็ได้มั้งหรืออ่ามีไข้น้ำหนักลดอะไรเงี้ย
00:24:08 → 00:24:10 แล้วเราก็ไม่ฟังเสียงตัวเองแต่คนข้างนอก
00:24:10 → 00:24:13 เขาเห็นน่ะเอาจจะบอกเฮ้ยพอเหอะอันเนี้
00:24:13 → 00:24:16 หนักไปแล้วเราวางลงหรือเราไปตรวจกับหมอดี
00:24:16 → 00:24:18 กว่านะครับถ้าเกิดคุณเห็นคนพวกนี้แล้วคุณ
00:24:18 → 00:24:21 ไม่ฟังเขาคุณเก็บเฉพาะคนที่เขาบอกว่าเออ
00:24:21 → 00:24:23 คุณเก่งมากแบกต่อไปคุณแข็งแรงเนี้ยคุณอาจ
00:24:23 → 00:24:26 จะเกิดปัญหาอาจจะแค่ตีลงเฉยๆหรืออาจจะแค่
00:24:27 → 00:24:29 ปวดหลังเลื้อรังแต่ถ้าเกิดว่าคุณโชคร้าย
00:24:29 → 00:24:33 มันก็อาจจะเกิดหลังหักนะครับแล้วก็กดไข่
00:24:33 → 00:24:36 สันหลังกลายเป็นผู้พิการตลอดชีวิตก็ได้นะ
00:24:36 → 00:24:41 ครับสุดท้ายนอกเหนือจากฟังเสียงตัวเองฟัง
00:24:41 → 00:24:43 เสียงคนอื่นแล้วอาจจะต้องมีการตรวจอย่าง
00:24:43 → 00:24:47 สม่ำเสมอถ้าเป็นผู้หญิง 65 ปีผู้ชาย 70
00:24:47 → 00:24:49 ปีนะครับคนที่สูบุหรี่เอออีกอย่างนึงลืม
00:24:49 → 00:24:51 บุหรี่เนี่ยไม่ว่าจะเป็นบุหรี่จริงบุหรี่
00:24:52 → 00:24:54 ไฟฟ้าหรือใครใช้นิโคตินในฟอร์มแบบไหนก็
00:24:54 → 00:24:57 แล้วแต่มีปัญหาที่กระดูกได้ง่ายๆนะครับ
00:24:57 → 00:25:00 นอกเหนือจากนั้นถ้าไม่นับตามอายุก็ดูที่
00:25:00 → 00:25:03 โรคภัยไข้เจ็บที่มีว่าถ้าเรามีโรคพวกนั้น
00:25:03 → 00:25:06 หรือเรากินยาบางตัวอยู่นานๆอาจจะต้องมี
00:25:06 → 00:25:08 การตรวจมวลกระดูกนะครับแล้วอาจจะต้องมี
00:25:08 → 00:25:11 การเสริมวิตามินดีหรือแคลเซียมแล้วแต่ว่า
00:25:11 → 00:25:13 เราขาดหรือเปล่าถ้าไม่เคยตรวจวิตามินดี
00:25:13 → 00:25:15 บางทีอาจจะต้องไปตรวจเพื่อที่จะรู้ว่ามัน
00:25:15 → 00:25:17 ขาดมั้ยถ้ามันขาดขาดมากขาดน้อยถ้ามันขาด
00:25:17 → 00:25:20 มากคุณต้องกินเสริมเยอะใช่มั้ยถ้าขาดน้อย
00:25:20 → 00:25:23 ก็กินเสริมนิดนึงหลังจากที่เราตรวจมันต่ำ
00:25:23 → 00:25:25 เรากินวิตามินดีเสริมเราต้องไปตรวจตาม
00:25:25 → 00:25:27 ด้วยนะครับว่าไอ้ที่เรากินมันได้ผลมั้ย
00:25:27 → 00:25:30 ถ้ามันได้ผลก็ดีถ้าไม่ได้ผลก็ต้องปรับ
00:25:30 → 00:25:32 ขนาดนะครับตรงนี้เป็นสิ่งสำคัญซึ่งอยากจะ
00:25:33 → 00:25:35 ให้ทุกคนทราบไว้เพราะว่าบางทีมันเป็น
00:25:35 → 00:25:37 เรื่องใกล้ตัวกว่าที่คิดแล้วเราก็อาจจะ
00:25:37 → 00:25:39 ไม่ได้ทันได้มองมันนะครับโอเควันนี้ถ้า
00:25:39 → 00:25:42 เกิดว่ายังไงก็มีข้อสงสัยอะไรสอบถามมา
00:25:42 → 00:25:44 แล้วกันนะครับคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ไม่
00:25:44 → 00:25:46 มากกว่าหน่อยนะครับโอเควันนี้เท่านี้นะ
00:25:46 → 00:25:50 ครับขอบคุณมากครับสวัสดีครับ