00:00:00 → 00:00:03 สวัสดีครับจะมีสักกี่คนนะครับที่รู้ว่า
00:00:03 → 00:00:06 ขี้หูของเรากลิ่นตัวของเรามันอาจจะมีความ
00:00:06 → 00:00:09 สัมพันธ์กับการเกิดโรคมะเร็งเต้านมโดย
00:00:09 → 00:00:12 เฉพาะมะเร็งเต้านมชนิดที่มันดื้อยาเคมี
00:00:12 → 00:00:15 บำบัดมันมีความเกี่ยวข้องกันอย่างไรนั้น
00:00:15 → 00:00:17 วันนี้ผมก็ได้เล่าให้ฟังเลยนะครับรวมทั้ง
00:00:17 → 00:00:20 เหมือนเดิมครับผมจะทิ้งลิงก์งานเขียนที่
00:00:20 → 00:00:22 ผมไปนำมาอ้างอิงไว้ให้ทุกท่านสามารถไป
00:00:22 → 00:00:25 อ่านได้ด้วยตัวเองนะครับพบกับผมนะครับนาย
00:00:25 → 00:00:27 แพทย์ธานีธนียวันเป็นอาจารย์แพทย์อยู่ที่
00:00:27 → 00:00:29 ประเทศสหรัฐอเมริกาเชี่ยวชาญโรคปอดการ
00:00:29 → 00:00:32 ปลูกทป่อนและวิกฤตบำบัดนะครับเรื่องของ
00:00:32 → 00:00:35 กลิ่นตัวของเราเนี่ยมันมีเหตุผลที่มันมี
00:00:35 → 00:00:38 ขึ้นมาได้หลากหลายอย่างนะครับอย่างแรกก็
00:00:38 → 00:00:40 คือพันธุกรรมของเราซึ่งวันนี้ผมจะได้ลง
00:00:40 → 00:00:43 ลึกในเรื่องนี้นะครับอย่างที่ 2 คืออาหาร
00:00:44 → 00:00:46 การกินใครที่กินอาหารรสจัดนะครับพวก
00:00:46 → 00:00:48 เครื่องเทศพวกหอมพวกกระเทียมเนี่ยก็จะมี
00:00:48 → 00:00:51 กลิ่นตัวพิเศษออกมารวมทั้งบางคนกิน
00:00:51 → 00:00:54 ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมโดยเฉพาะกลุ่มที่เป็น
00:00:54 → 00:00:56 สเตียรอยด์เนี่ยนะครับมันก็จะทำให้เรามี
00:00:56 → 00:00:59 กลิ่นตัวที่แรงขึ้นนะครับเช่นคนที่เล่น
00:00:59 → 00:01:01 กล้ามนะครับครับที่ได้ใช้สเตียรอยด์ก็จะ
00:01:01 → 00:01:05 มีกลิ่นตัวประเภทหนึ่งนะครับบางคนแม้ไม่
00:01:05 → 00:01:09 ได้เล่นกล้ามนะครับแต่ไปฟังคนที่พูด
00:01:09 → 00:01:12 เรื่องเกี่ยวข้องกับเรื่องของการชะลอวัย
00:01:12 → 00:01:15 แล้วก็ได้กินอาหารเสริมตัวนึงชื่อว่า
00:01:15 → 00:01:18 dheas นะครับเป็นสเตียรอยด์ตัวนึงชื่อ
00:01:18 → 00:01:22 ว่าชื่อเต็มๆของมันคือดี hydro epi แสตน
00:01:22 → 00:01:25 ฟตนะครับตัวนี้เนี่ยมันก็จะทำให้เรามี
00:01:25 → 00:01:29 กลิ่นตัวที่แรงขึ้นนะครับนอกเหนือจากนี้
00:01:29 → 00:01:31 มันยังขึ้นอยู่อยู่กับโรคประจำตัวของเรา
00:01:31 → 00:01:36 แล้วก็อายุด้วยนะครับทั้งหมดนี้ก็จะทำให้
00:01:36 → 00:01:40 เราเกิดกลิ่นตัวขึ้นมาแล้วพันธุกรรมอะไร
00:01:40 → 00:01:42 ล่ะพันธุกรรมมันมีอยู่ทั้งหมด 2 อย่าง
00:01:42 → 00:01:46 ด้วยกันอย่างแรกเนี่ยคือเรื่องของตัวที่
00:01:46 → 00:01:49 เราเรียกว่า hla หรือ Human Lite
00:01:49 → 00:01:53 antigen มันมีอีกคำเรียกนึงก็คือ mhc
00:01:53 → 00:01:56 Major hist compatibility Complex 2
00:01:56 → 00:01:59 ตัวนี้คือตัวเดียวกันนั่นแหละนะครับตัว
00:01:59 → 00:02:02 ตัวพวกนี้เนี่ยมันเป็นตัวที่ใครติดตามผม
00:02:02 → 00:02:05 มาตั้งแต่ต้นของโควิดเนี่ยน่าจะเคยได้ยิน
00:02:05 → 00:02:07 และนะครับเพราะมันเป็นตัวที่กำหนดความ
00:02:07 → 00:02:10 แข็งแรงของภูมิต้านทานของเรานะครับมัน
00:02:10 → 00:02:13 เป็นยีนซึ่งอยู่บนโครโมโซมคู่ที่ 6 นะ
00:02:13 → 00:02:17 ครับแล้วคนเราเวลาที่เราต้องการมีลูกหลาน
00:02:17 → 00:02:20 เนี่ยเราต้องการภูมิต้านทานที่แข็งแรงที่
00:02:20 → 00:02:23 สุดถูกมั้ยครับดังนั้นเนี่ยไอ้ตัว mhc
00:02:23 → 00:02:27 เนี่ยมันจะทำให้เราหลั่งสารบางอย่างออกมา
00:02:27 → 00:02:31 ที่ทำให้ตัวเราเนี่ยมีกลิ่นนะครับแล้วคู่
00:02:31 → 00:02:34 แต่งงานทั้งหลายมักจะชอบคนที่กลิ่นไม่
00:02:34 → 00:02:38 เหมือนกับตัวเองนั่นก็คือมี H ที่ไม่
00:02:38 → 00:02:41 เหมือนกับของตัวเองนั่นเองนะครับทั้งนี้
00:02:41 → 00:02:44 ทั้งนั้นเพื่อที่จะให้ 2 ฝ่ายแต่งงานกัน
00:02:44 → 00:02:47 มี hoa ที่แตกต่างกันลูกที่คลอดออกมา
00:02:47 → 00:02:51 เนี่ยจะมี hoa ผสมระหว่างพ่อและแม่ซึ่งจะ
00:02:51 → 00:02:53 เอาความเด่นเรื่องของภูมิต้านทานมารวมกัน
00:02:54 → 00:02:56 ทำให้ลูกมีความแข็งแรงทางภูมิต้านทานสูง
00:02:56 → 00:02:59 ที่สุดนะครับดังนั้นบางทีเราเห็นคนๆนึง
00:03:00 → 00:03:02 แล้วเราชอบเราถูกใจเค้ามันอาจจะเพราะว่า
00:03:02 → 00:03:05 คุณมี hoa ที่ไม่เหมือนกันกับเค้าก็ได้นะ
00:03:05 → 00:03:09 ครับมาตัวที่ 2 ตัวนี้แหละครับที่ผมอยาก
00:03:09 → 00:03:14 จะพูดนะครับมันคือยีนตัวนึงชื่อว่า a cc
00:03:14 → 00:03:17 11 นะครับชื่อมันประหลาดมากนะครับชื่อ
00:03:17 → 00:03:21 เต็มๆของมันก็คือ ATP biding cet
00:03:21 → 00:03:24 Transporter โปตนนะครับั Family member
00:03:24 → 00:03:30 11 ยาวมากเลยนะครับตัวนี้เนี่ยมันมีหน้า
00:03:30 → 00:03:33 ที่อย่างหนึ่งก็คือถ้าสมมุติว่ามันมีการ
00:03:33 → 00:03:38 กลายพันธเพียงตำแหน่งเดียวนะครับ abcc 11
00:03:38 → 00:03:42 เนี่ยมันเป็นยีนตัวนึงแล้วเวลายีนเนี่ย
00:03:42 → 00:03:45 มันทำหน้าที่มันต้องแปรผลให้กลายไปเป็น
00:03:45 → 00:03:47 โปรตีนก่อนนะครับยีนมันอยู่ในนิวเคลียสนะ
00:03:47 → 00:03:51 ครับแล้วมันต้องมีการแปรผลแปลงเป็น mrna
00:03:51 → 00:03:55 นะครับออกมาที่ข้างนอกของนิวเคลียสแล้วก็
00:03:55 → 00:03:58 มีการอ่าน mrna ตัวนี้ผลิตโปรตีนตัวนึง
00:03:58 → 00:04:00 ขึ้นมานะครับแล้วโปรตีนตัวนี้เนี่ยมันจะ
00:04:00 → 00:04:04 มีตำแหน่งหนึตำแหน่งที่ 538 ถ้ามันมีการ
00:04:04 → 00:04:07 เปลี่ยนแปลงกรดอะมิโนในโปรตีนตัวเนี้ยตัว
00:04:07 → 00:04:11 เดียวเลยจากไลซีนไปเป็นอาร์จินีนนะครับ
00:04:11 → 00:04:13 มันจะสร้างโปรตีนอีกแบบหนึ่งขึ้นมานะครับ
00:04:13 → 00:04:16 ถามว่าไอ้ตรงนี้มันเกี่ยวอะไรกับกลิ่นตัว
00:04:16 → 00:04:20 ด้วยเกี่ยวมากเลยครับถ้าเกิดว่าท่านเป็น
00:04:20 → 00:04:24 โปรตีน a c c 11 ชนิดที่มีไลซีนเป็น
00:04:25 → 00:04:27 ส่วนประกอบหลักเนี่ยนะครับในตำแหน่ง 538
00:04:27 → 00:04:31 ท่านจะเป็นคนที่มีขี้หูเปียกมีกลิ่นตัว
00:04:31 → 00:04:35 แรงนะครับแล้วข้อดีอีกอย่างนึงของคนพวก
00:04:35 → 00:04:38 นี้เมื่อกี้ข้อเสียแล้วมีข้อดีบ้างมีนะฮะ
00:04:38 → 00:04:40 คือเวลาที่ตั้งครรภ์แล้วมีลูกเนี่ยมันจะ
00:04:40 → 00:04:43 มีน้ำนมน้ำเหลืองที่เราเรียกว่า colostrum
00:04:43 → 00:04:47 ซึ่งประกอบไปด้วยพวกภูมิต้านทานต่างๆที่
00:04:47 → 00:04:49 สูงมากๆมีสารอาหารที่สูงมากๆออกมาในช่วง 7
00:04:49 → 00:04:53 วันแรกนะครับคนพวกเยจะมีคลสมสูงแต่ถ้า
00:04:53 → 00:04:57 เกิดท่านเป็นคนที่มีอจินนะครับอยู่ในยีน
00:04:57 → 00:04:59 ตัวนี้นะครับเวลามันแปลงมาเป็นโปรตเป็น
00:04:59 → 00:05:02 อาร์จินีนนะครับสิ่งที่ท่านจะเป็นก็คือ
00:05:02 → 00:05:07 ขี้หูท่านจะแห้งนะครับอ่าขี้หูแห้งไม่
00:05:07 → 00:05:10 ค่อยมีเหงื่อเท่าไหร่นะครับไม่ค่อยมี
00:05:10 → 00:05:12 กลิ่นตัวแต่น้ำนมน้ำเหลืองท่านก็จะไม่
00:05:12 → 00:05:17 ค่อยมีเช่นกันนะครับน่านี่แหละแล้วทีนี้
00:05:17 → 00:05:21 ขอเล่าต่อไปอีกนิดนึงว่าเออบางคนเนี่ยคง
00:05:21 → 00:05:23 จะสงสัยตรงนี้ว่าเฮ้ยทำไมบางคนมันไม่มี
00:05:23 → 00:05:24 กลิ่นตัวเลยไม่เห็นต้องใช้เอ่อ
00:05:24 → 00:05:28 ดีโอโดแรนท์น้ำำยาปรับกลิ่นกายไม่ให้มัน
00:05:28 → 00:05:30 มีกลิ่นกายไม่ให้
00:05:30 → 00:05:32 ไม่ต้องใช้น้ำยาระงับกลิ่นกายเลยสักนิด
00:05:32 → 00:05:35 เดียวนะครับก็มีนะครับแล้วคนพวกนี้เนี่ย
00:05:35 → 00:05:38 เขาเจอว่าส่วนใหญ่เป็นคนเอเชียนะเช่น
00:05:38 → 00:05:40 ญี่ปุ่นเกาหลีเนี่ยบางทีก็ไม่ค่อยมีกลิ่น
00:05:40 → 00:05:44 ตัวนะครับแต่แน่นอนก็มีคนสงสัยว่าอ้าแล้ว
00:05:44 → 00:05:49 คนไทยล่ะคนไทยเนี่ยจะมีคนอยู่ซักประมาณ 2
00:05:49 → 00:05:51 ใน 3 นะครับที่เป็นชนิดที่ไม่ค่อยมีกลิ่น
00:05:51 → 00:05:54 ตัวท่านจะสังเกตได้ยังไงว่าท่านมียีนตัว
00:05:54 → 00:05:56 นี้อยู่ในร่างกายที่มันเป็นชนิดแบบอ่า
00:05:56 → 00:05:59 อาร์จินีน 2 ตัวอยู่ด้วยกันก็ง่ายๆงง่าย
00:05:59 → 00:06:01 เลยครับถ้าขี้หูของท่านน่ะแคะออกมาแล้ว
00:06:01 → 00:06:03 มันไม่เปียกอ่ะมันเป็นมันเป็นแห้งๆพวก
00:06:03 → 00:06:06 นั้นน่ะก็ท่านน่ะมียีนตัวนี้ชนิดที่มัน
00:06:06 → 00:06:09 เป็นจีน 2 ตัวนะครับถ้าสำหรับคนที่เรียน
00:06:09 → 00:06:12 แพทย์มานะฮะยีนตัวนี้มันมี 2 อิวนะครับ
00:06:13 → 00:06:15 อันนึงจากพ่ออันนึงจากแม่นะครับถ้ามัน
00:06:15 → 00:06:18 เป็นยีนเด่นก็คือจะเป็นตัว G ก็เป็นไลซีน
00:06:18 → 00:06:21 ไจซีนจะเป็นตัวเด่นนะดังนั้นถ้ามีไกลซีน 2
00:06:21 → 00:06:23 ตัวแน่นอนว่าเป็นคนมีกลิ่นตัวขี้หูเปียก
00:06:24 → 00:06:26 นะครับแล้วก็มีคลสมเยอะแต่ถ้าเกิดว่าท่าน
00:06:26 → 00:06:29 เป็น a กับ a ทั้ง 2 ตัวก็จะเป็นตัวตรง
00:06:29 → 00:06:32 กันข้ามแต่ถ้าท่านเป็น g กับ a เนื่องจาก
00:06:32 → 00:06:34 G มันเป็นยีนเด่น a มันไม่ใช่เด่นนะครับ
00:06:34 → 00:06:37 เจอกันท่านก็จะมีปัญหาออกมาก็คือท่านก็มี
00:06:37 → 00:06:40 กลื่นตัวนั่นแหละนะครับมีโสรมแล้วก็มีขี้
00:06:40 → 00:06:45 หูที่เปียกนะฮะแล้วไอ้ตรงนี้เนี่ยมันไปมี
00:06:45 → 00:06:47 ความสัมพันธ์กับมะเร็งเต้านมได้ยังไงเออ
00:06:47 → 00:06:51 เริ่มแปลกใจละนะครับคืออย่างงี้ครับมันมี
00:06:51 → 00:06:53 การศึกษาที่ประเทศญี่ปุ่นนะครับเอาคนที่
00:06:53 → 00:06:56 เป็นมะเร็งเต้านมมา 200 กว่าคนเทียบกับคน
00:06:56 → 00:06:58 ที่ไม่ได้เป็นมะเร็งเต้านมนะครับมา 200
00:06:58 → 00:07:00 กว่าคนเหมือนกันแล้วก็มาตรวจไอ้ยีนตัวนี้
00:07:00 → 00:07:03 นี่แหละว่ามันเจออะไรบ้างเไปเจอว่าคนที่
00:07:03 → 00:07:08 มีมะเร็งเต้านมอยู่น่ะมันมีตัวชนิดที่มัน
00:07:08 → 00:07:12 กลายพันไปเป็นแบบไลซีนเยอะกว่าอ่าเยอะ
00:07:12 → 00:07:15 กว่าแบบเห็นได้ชัดเลยนะครับแล้วเวลาที่
00:07:15 → 00:07:18 มันมีกกลายพันธุ์ตัวนี้เนี่ยมันจะทำให้ยา
00:07:18 → 00:07:21 บางอย่างที่เป็นเคมีบัตไม่ได้ผลยาเหล่า
00:07:21 → 00:07:26 นั้นเช่นเ่อฟูโรยูรินะครับอีกตัวนึงคือเิ
00:07:26 → 00:07:29 ตัวเอซีหรือไซตาบี 2 ตัวเนี้ยมันจะไม่
00:07:29 → 00:07:32 ค่อยได้ผลแต่ก็อาจจะมียาตัวอื่นนะครับที่
00:07:32 → 00:07:35 มันอาจจะไม่ได้ผลเช่นกันนะ
00:07:35 → 00:07:40 ฮะทำไมมันถึงเป็นมเร็งเต้านมได้อ่าอต้อง
00:07:40 → 00:07:41 บอกก่อนอันนี้เป็นการทดลองที่ญี่ปุ่นนะ
00:07:41 → 00:07:43 ครับเค้าไม่เจอว่ามันมีความเกี่ยวข้องกับ
00:07:43 → 00:07:47 มะเร็งเต้านมในคนยุโรปทำการทดลองใน
00:07:47 → 00:07:49 ญี่ปุ่นเจอแต่ในยุโรปไม่เจอดังนั้นตรงนี้
00:07:49 → 00:07:52 คงจะต้องดูเป็นรายๆอีกทีนึงนะครับเพราะ
00:07:52 → 00:07:54 ว่าอันนี้ยังไม่มีการศึกษาในประเทศไทยนะ
00:07:54 → 00:07:57 ฮะดังนั้นเราจึงบอกไม่ได้ว่าเอ๊ะถ้าท่าน
00:07:57 → 00:07:58 มีขี้หูที่มันเปียกแล้วเนี่ยท่านจะมีความ
00:07:59 → 00:08:01 เสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเต้านมมากกว่าคน
00:08:01 → 00:08:02 ที่ขี้หูไม่เปียกหรือเปล่าตรงนี้ยังบอก
00:08:02 → 00:08:05 ไม่ได้นะครับอ่าในคนไทยยังไม่ได้มีการ
00:08:05 → 00:08:07 ศึกษานะครับต้องย้ำตรงนี้นิดนึงนะครับ
00:08:07 → 00:08:10 เพราะว่าแต่ละคนที่มาจากชาติพันธุ์ที่ไม่
00:08:10 → 00:08:12 เหมือนกันอาจจะมีการตอบสนองที่แตกต่างกัน
00:08:12 → 00:08:16 ไปก็ได้นะครับแล้วสาเหตุที่ทำไมมันเกี่ยว
00:08:16 → 00:08:18 อะไรกับมะเร็งเต้านมก็มีการอธิบายไว้
00:08:18 → 00:08:21 อย่างนี้ครับผมต้องขอเริ่มจากการที่
00:08:21 → 00:08:23 เรื่องของเหงื่อก่อนแล้วเดี๋ยวจะไปเรื่อง
00:08:23 → 00:08:26 ของเต้านมนะครับเหงื่อคนเราเนี่ยต่อม
00:08:26 → 00:08:28 เหงื่อมันมีทั้งหมด 3 อย่างด้วยกันอย่าง
00:08:28 → 00:08:32 แรกคือ exin SG นะครับอันนี้คือจะเป็น
00:08:32 → 00:08:34 เหงื่อที่เรามีมาตั้งแต่เด็กเลยตั้งแต่
00:08:34 → 00:08:37 เกิดมันก็มีและจะเป็นเหงื่อที่มันมีความ
00:08:37 → 00:08:40 เหลวใสนะครับแล้วก็ไม่เหนียวไม่หนืดนะ
00:08:40 → 00:08:43 ครับอันที่ 2 Apple kine sweat GL
00:08:43 → 00:08:46 อันนี้แหละครับที่มันจะมีความเหนียวหนืด
00:08:46 → 00:08:49 เหม็นนะครับมันจะเป็นต่อมที่เจริญเติบโต
00:08:49 → 00:08:52 มาตอนช่วงที่เราเป็นวัยรุ่นแล้วก็จะอยู่
00:08:52 → 00:08:55 ตามรักแร้นะครับขาหนีบนะครับตรงบริเวณก้น
00:08:56 → 00:09:00 ของเรานะครับแล้วก็ตรงหัวนมกับกับตรง
00:09:00 → 00:09:02 บริเวณสะดือของเรามันจะอยู่ในบริเวณนี้นะ
00:09:02 → 00:09:06 ฮะอันที่ 3 คือ spacious GL คือจะเป็น
00:09:06 → 00:09:08 ต่อมไขมันนะฮะ 3 อย่างนี้ก็คือเป็น Sweet
00:09:08 → 00:09:11 GL ตัวที่ยน a c c 11 นี่มีผลมากที่
00:09:12 → 00:09:15 สุดก็คือตรง Apple kine GL นั่นเองนะ
00:09:15 → 00:09:18 ครับแล้ว Apple clind GL ตัวนี้เนี่ย
00:09:18 → 00:09:22 เวลาคนที่มี Apple CR GR เยอะๆมันจะมี
00:09:22 → 00:09:24 ความเกี่ยวข้องกับการเกิดภาวะหนึ่งเรียก
00:09:24 → 00:09:27 ว่า mastopathy นะครับก็คือเต้านมอาจจะมี
00:09:27 → 00:09:30 ปัญหาได้นะครับอ่าแต่ส่วนว่ามันเกี่ยว
00:09:30 → 00:09:31 ข้องจริงหรือไม่อาจจะต้องไปศึกษาเพิิ่ม
00:09:31 → 00:09:33 เติมนิดนึงในปัจจุบันเนี้ยมันยังไม่
00:09:33 → 00:09:35 สามารถฟันธงไปได้ว่ามันเกี่ยวข้องกับภาวะ
00:09:35 → 00:09:39 นี้ 100% นะครับแต่ว่าก็น่าศึกษาอยู่
00:09:39 → 00:09:44 เหมือนกันนะฮะทีนี้ไอ้ aine แนเนี่ยนะ
00:09:44 → 00:09:46 ครับตอนนี้พอเรารู้ว่าเอ๊ะถ้ามันเจริญ
00:09:46 → 00:09:48 เติบโตเยอะๆนะครับมันก็อาจจะเป็นภาวะนี้
00:09:48 → 00:09:54 ได้คนที่มี ABC C1 นะครับ abcc 11
00:09:54 → 00:09:57 เนี่ยเป็นแบบ GG ซึ่งมันมีเยอะกว่าใน
00:09:57 → 00:10:00 สังคมนะสังคมมของถ้าเป็นพวกอเมริกาพวก
00:10:00 → 00:10:02 แอฟริกาอะไรพวกเนี้ยนะครับแอฟริกัน
00:10:02 → 00:10:05 อเมริกันพวกเนี้ยจะเป็นแบบ G เป็นหลักนะ
00:10:05 → 00:10:08 ครับก็คือแบบมีกลิ่นแต่ถ้าเป็นเอเชีย East
00:10:08 → 00:10:10 เอเชียพวกเนี้ยจะเป็นแบบ a เป็นหลักคือ
00:10:10 → 00:10:12 ไม่ค่อยมีกลิ่นนะครับแต่แน่นอนมันต้องมี
00:10:12 → 00:10:15 ผสมกันอยู่แล้วนะครับเราจะแยกได้ยังไงเรา
00:10:15 → 00:10:17 ก็ดูขี้หูของเราแล้วกันเปียกมันแห้งแค่
00:10:17 → 00:10:19 นั้นเองถ้ามันแห้งอาจเป็นแบบ a ถ้าเป็น
00:10:19 → 00:10:21 แบบเปียกอ่ะเป็นแบบ G เยอะกว่านะครับที
00:10:22 → 00:10:24 นี้ก็ต้องมาเข้าใจนิดนึงว่าถ้าเป็นแบบ G
00:10:25 → 00:10:27 มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่สิ่งที่มันเกิดขึ้น
00:10:27 → 00:10:31 นะครับคือมันจะทำให้ปริมาณของเอไแงของเรา
00:10:32 → 00:10:35 เยอะขึ้นมันเจริญเติบโตมากขึ้นอาจจะต่อม
00:10:35 → 00:10:39 ใหญ่ขึ้นนะครับแล้วก็มีการสร้างสารอันนึ
00:10:39 → 00:10:42 ซึ่งเรียกว่า volatile Organic compound
00:10:42 → 00:10:44 หรือ voc เยอะขึ้นนะครับไอ้ตัวเนี้ยมันก็
00:10:44 → 00:10:47 จะออกมากับไอ้ตัวเหงื่อเหนียวๆของโปไนของ
00:10:47 → 00:10:50 เราออกมานี่แหละตัวเนี้ยที่จะทำให้เรามี
00:10:50 → 00:10:54 กลิ่นตัวได้ครับนะแล้วไอ้ vooc ตัวเนี้ย
00:10:54 → 00:10:57 ก็อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามความเจ็บ
00:10:57 → 00:11:00 ป่วยของเราอาหารที่กินนะครับฮอร์โมนที่
00:11:00 → 00:11:03 เปลี่ยนแปลงได้ทั้งหมดเลยนะครับมันก็เลย
00:11:03 → 00:11:07 ทำให้เราสามารถที่จะมีกลิ่นตัวได้นะทีนี้
00:11:07 → 00:11:09 มันมีอีกอย่างนึงผมเชื่อว่าหลายๆคนคงจะ
00:11:09 → 00:11:13 ต้องเคยประสบเหตุนี้แน่ๆเลยบางคนกลิ่น
00:11:13 → 00:11:17 เต่าเหม็นมากทำไมมันเหม็นมันเป็นไปได้ยัง
00:11:17 → 00:11:20 ไงนะครับต้องบอกอย่างงี้ขั้นตอนการเกิด
00:11:20 → 00:11:22 กลิ่นเต่ามันเหม็นได้เนี่ยคือข้อแรกเรา
00:11:22 → 00:11:25 ต้องมีเหงื่อออกมาก่อนตรงบริเวณรักแร้นะ
00:11:25 → 00:11:28 ครับมีเหงื่อออกมาแล้วไม่พอเหงื่อจะต้อง
00:11:28 → 00:11:30 มีส่วนผสมของไอ้พวกนี้นี่แหละ volatile
00:11:30 → 00:11:33 Organic compound ซึ่งมันมักมักจะ
00:11:33 → 00:11:35 ประกอบไปด้วยกรดไขมันนะครับ fatty Acid
00:11:36 → 00:11:40 ชนิดต่างๆนะครับแล้วก็อาจจะมีพวกอื่นๆมี
00:11:40 → 00:11:43 ฮอร์โมนสตีรออกมาด้วยนะครับอ่ามันจะออกมา
00:11:43 → 00:11:47 มากก็ในคนที่มี ABC 41 เป็นแบบ G นี่เอง
00:11:47 → 00:11:49 พอออกมาเยอะปุ๊บตัวมันเองอาจจะไม่ได้
00:11:49 → 00:11:51 กลิ่นเหม็นมากเท่าไหร่มันก็มีกลิ่นบ้าง
00:11:51 → 00:11:54 แต่มันเหม็นเพราะว่าแบคทีเรียที่อยู่
00:11:54 → 00:11:57 บริเวณนั้นนั่นเองแบคทีเรียมันเจอไอ้ของ
00:11:57 → 00:11:58 พวกนี้ปุ๊บมันก็เอาไปย่อยแล้วก็เปลี่ยน
00:11:58 → 00:12:01 เป็นสายที่มันมีกลิ่นนะครับยกตัวอย่าง
00:12:01 → 00:12:05 ชื่อแบคทีเรียนะครับเช่นีย bacterium jum
00:12:05 → 00:12:08 นะครับสิ coccus hominis stap cus
00:12:08 → 00:12:10 hectic พวกนี้เป็นต้นนะครับมันก็ไปย่อย
00:12:10 → 00:12:12 ไอ้สารพวกนี้แล้วปล่อยทำให้มันมีกลิ่นออก
00:12:12 → 00:12:16 มานะนี่คือกลไกการเกิดเหงื่อที่มีกลิ่นนะ
00:12:16 → 00:12:20 ครับซึ่งมันย้อนมาจากยีนที่เปลี่ยนแปลง
00:12:20 → 00:12:22 แค่ตำแหน่งยีนเดียวเลยทำให้เราเป็นคนที่
00:12:22 → 00:12:25 มีกลิ่นหรือไม่มีกลิ่นได้เลยนะครับ
00:12:25 → 00:12:27 พันธุกรรมของเราเนี่ยมันสุดยอดขนาดนี้นี่
00:12:27 → 00:12:29 แหละแบบนิดเดียวสามารถบอกได้เลยว่าเฮเรา
00:12:29 → 00:12:33 เราจะเป็นคนออกมาเป็นยังไงบ้างนะครับอ่ะ
00:12:33 → 00:12:36 มาถึงคำถามแล้วว่าเอ่อถ้าเราเป็นคนที่มี
00:12:36 → 00:12:38 ขี้หูอย่างงี้แล้วเรามีกลิ่นอย่างนี้แล้ว
00:12:38 → 00:12:40 เราจะทำยังไงดีให้มันกลิ่นหายไปนะครับ
00:12:40 → 00:12:43 หรือว่าอย่างน้อยก็กลิ่นดีขึ้นนะฮะก็ต้อง
00:12:44 → 00:12:48 บอกอย่างนึว่าภาวะรักแร้เหม็นนะครับหรือ
00:12:48 → 00:12:51 เต่าเหม็นเนี่ยมันมีชื่อด้วยนะชื่อว่า
00:12:51 → 00:12:52 axillary
00:12:52 → 00:12:56 osmosis นะ axillary osmosis มันเป็น
00:12:56 → 00:12:59 โรคเลยแล้วที่ประหลาดอย่างนึงก็คือเออ
00:12:59 → 00:13:00 เมืองไทยเนี่ยก็คิดว่าเอมันคงเป็นเรื่อง
00:13:00 → 00:13:04 ธรรมดานะเราก็ไปซื้อโอโดนสิกมาทาถ้าชาว
00:13:04 → 00:13:07 บ้านหน่อยก็สารส้มทาก็ดีขึ้นนะครับแต่คุณ
00:13:07 → 00:13:10 รู้มว่าที่ญี่ปุ่นเนี่ยมันถือเป็นโรคๆนึง
00:13:10 → 00:13:13 ซึ่งประกันสังคมของเขาคระบบประกันสุขภาพ
00:13:13 → 00:13:17 ของเขาคเนี่ยรับรองการรักษาเออมันรักษา
00:13:17 → 00:13:21 ได้ด้วยอ่ะนะครับคนพวกเนี้ยเขาคก็จะแบบมี
00:13:21 → 00:13:24 เหงื่อที่รักแร้เยอะนะครับทำให้เสื้อของ
00:13:24 → 00:13:26 เขาคมันเปื้อนด้วยเพราะไอ้พวกเนี้ยมันออก
00:13:26 → 00:13:28 มาเป็นไขมันเป็นน้ำมันนะเหงื่อมันจะ
00:13:28 → 00:13:31 เหนียวๆมันก็เลยทำให้อัเสื้อเปื้อนนะมีสี
00:13:31 → 00:13:33 ที่ซักไม่ค่อยออกกลิ่นก็เหม็นนะครับ
00:13:33 → 00:13:37 เหงื่อก็เยอะนะครับเค้าก็เลยอาจจะทำให้
00:13:37 → 00:13:39 เข้าไม่มั่นใจคนญี่ปุ่นเนี่ยเป็นพวกที่
00:13:39 → 00:13:41 เกรงใจคนแล้วก็ถ้ามีอย่างนี้ออกมาเนี่ย
00:13:41 → 00:13:43 เขาคก็จะรับไม่ได้กันเา้าก็อาจจะมีการ
00:13:43 → 00:13:46 รักษาเพิ่มเติมนะครับถามว่าถ้าเราเป็น
00:13:46 → 00:13:48 ประเภทเนี้ยอ่ะเราว่าเรามีชี้หูเปียกและ
00:13:48 → 00:13:51 แล้วเรามีรักแร้เหม็นด้วยเราจะทำยังไงนะ
00:13:51 → 00:13:54 ครับก่อนอื่นถ้าเรามีเหงื่อเยอะมันต้อง
00:13:54 → 00:13:57 แก้ไขตัวเหงื่อก่อนนะครับการที่เราใช้พวก
00:13:57 → 00:14:00 ดนต่างๆเช่นที่มันมีอลูมิเนียมเป็นส่วน
00:14:00 → 00:14:02 ประกอบเนี่ยก็จะทำให้เราเหงื่อลดลงก็จะ
00:14:02 → 00:14:05 ช่วยลดความเหม็นของเราไปได้นะครับอันที่ 2
00:14:05 → 00:14:09 อาหารที่มันมีกลิ่นแรงๆเครื่องเทศต่างๆ
00:14:09 → 00:14:12 หอมกระเทียมนะครับพวกเนี้ยก็อาจจะต้อง
00:14:12 → 00:14:15 เพลาๆลงหน่อยหรือถ้าเป็นคนอินเดียก็อัน
00:14:15 → 00:14:16 นี้ก็แน่นอนอยู่แล้วว่าอาหารของเขาค
00:14:16 → 00:14:18 ประกอบไปด้วยเครื่องเทศหลายๆอย่างซึ่งทำ
00:14:18 → 00:14:20 ให้เขามีกลิ่นเฉพาะตัวซึ่งหลายคนก็คงจะ
00:14:20 → 00:14:23 รู้กันดีว่ามันเป็นแบบไหนนะครับนั่นก็
00:14:23 → 00:14:25 เป็นเรื่องของอาหารอันที่ 3 ก็เป็นเรื่อง
00:14:25 → 00:14:27 ของขน
00:14:27 → 00:14:31 รักแรคุณรู้มว่าขนนัแมันทำให้เรากระจาย
00:14:31 → 00:14:35 กลิ่นไปได้ไกลเออเหมือนคุณเคยซื้อฟูเอมา
00:14:36 → 00:14:38 ใช้มยครับฟิวเซอร์ชนิดที่มันมีขวดแล้วมัน
00:14:38 → 00:14:40 มีน้ำมันหอมระเหอยู่ข้างในแล้วมันต้องมี
00:14:41 → 00:14:43 ก้านแท่งไม้เหมือนตะธูปเนี่ยใส่ๆเข้าไปใน
00:14:43 → 00:14:45 นั้นยิ่งคุณใส่เข้าไปหลายก้านเท่าไหร่มัน
00:14:45 → 00:14:48 ยิ่งกระจายกลิ่นไปได้ไกลเท่านั้นไอ้ขนรัก
00:14:48 → 00:14:50 แรเราก็เปรียบเสมือนไอ้ก้านๆพวกนั้นแล้ว
00:14:50 → 00:14:52 ครับคุณยิ่งมีหลายอันเท่าไหร่เนี่ยกลิ่น
00:14:52 → 00:14:55 มันยิ่งกระจายไปไกลเท่านั้นแปลว่าอะไรแปล
00:14:55 → 00:14:59 ว่าถ้าเกิดว่าคุณไปเอาขนลักแแลงออกกลิ่น
00:14:59 → 00:15:01 มันก็จะหายไปเยอะเหมือนกันกลิ่นมันก็จะ
00:15:01 → 00:15:05 กระจายตัวได้ลดลงนะครับอันนี้อันที่ 3 นะ
00:15:05 → 00:15:08 เอารักแลคนรักแรออกอาจจะแบบโกนออกเลเซอร์
00:15:08 → 00:15:10 ออกอะไรก็แล้วแต่นะครับสามารถที่จะช่วย
00:15:10 → 00:15:12 เรื่องกลิ่นตัวได้เหมือนกันอันที่ 4
00:15:12 → 00:15:15 เมื่อตะกี้ผมบอกแล้วว่ามันมีกรดไขมันพวก
00:15:15 → 00:15:17 นี้ออกมามีฮอร์โมนต่างๆออกมาแล้ว
00:15:17 → 00:15:20 แบคทีเรียบริเวณนั้นมันเอาไปแปลงให้มัน
00:15:20 → 00:15:24 กลายไปเป็นสิ่งที่มีกลิ่นถ้าคุณใช้อะไรก็
00:15:24 → 00:15:27 แล้วแต่ที่ทำให้แบคทีเรียมันตายล่ะอ่าใช่
00:15:27 → 00:15:30 มั้ยครับเช่นอะไรบ้างก็มีสบู่พวกสบู่ฆ่า
00:15:30 → 00:15:33 เชื้อต่างๆก็สามารถที่จะใช้ได้ถ้าใครไม่
00:15:33 → 00:15:36 มีคุณรู้อะไรมยครับว่าเบต้าดินของเรา
00:15:36 → 00:15:39 เนี่ยก็สามารถที่จะฆ่ามันได้เหมือนกันนะ
00:15:39 → 00:15:42 เบตาดีนที่เรามาทำแผลนี่แหละครับนะคุณก็
00:15:42 → 00:15:45 สามารถที่จะเอามาแล้วก็ทาไปที่รักแร้เฉยๆ
00:15:45 → 00:15:49 เลยแค่นั้นเลยวันละครั้งนะแล้วก็อาบน้ำ
00:15:49 → 00:15:51 ทิ้งแค่นั้นก็ช่วยได้เหมือนกันหรือบางคน
00:15:52 → 00:15:54 เนี่ยบอกว่าไม่ได้หรอกเบต้าดินมันสีน้ำ
00:15:54 → 00:15:56 ตาลเดี๋ยวฉันเกิดเหงื่อออกมาแล้วมัน
00:15:56 → 00:15:59 เปลื้อนเสื้อมันดวงๆอย่างงั้นก็ไม่ได้สิ
00:15:59 → 00:16:01 นะครับท่านก็ทามันทิ้งไว้แป๊บนึงแล้วก็
00:16:01 → 00:16:04 ล้างออกก็สามารถใช้ได้เหมือนกันนะหรือบาง
00:16:04 → 00:16:08 คนอาจจะไปใช้นี่ครับยาทาสิวเซิ per
00:16:08 → 00:16:10 ออกไซด์หรือเซกนะครับเคยใช้มั้ยเวลาที่มี
00:16:10 → 00:16:13 สิวอักเสบเอาไปแต้มๆคุณก็เอานี่แหละไป
00:16:13 → 00:16:16 แต้มรักแรได้เหมือนกันแต่ว่าแนะนำว่าต้อง
00:16:16 → 00:16:18 ล้างออกเสมอนะครับคุณแต้งไว้สักประมาณ 10
00:16:18 → 00:16:19 นาที 5 นาที 10 นาทีก็ต้องล้างออกไม่
00:16:20 → 00:16:22 ฉะนั้นเนี่ยจะมีการระคายเคืองได้ตัวนี้ก็
00:16:22 → 00:16:24 สามารถที่จะทำให้เชื้อโรคบริเวณนั้นน่ะ
00:16:24 → 00:16:28 มันหายไปได้เหมือนกันแต่ถ้าสุดๆแล้วเนี่ย
00:16:28 → 00:16:30 ทำยังไงมันก็ไม่หายหายแล้วเหงื่อมัน
00:16:30 → 00:16:32 มหาศาลมากมายเลยเนี่ยจริงๆเนี่ยอันนี้อาจ
00:16:32 → 00:16:36 จะต้องไปหาหมอผิวหนังให้เขาคอ่าทำการตฉีด
00:16:36 → 00:16:38 เพื่อให้ตมเหงื่อมันไม่ค่อยทำงานก็มีนะ
00:16:38 → 00:16:41 ครับแต่ถ้าสุดๆแล้วเนี่ยแน่นอนเอ่ออาจจะ
00:16:41 → 00:16:44 มีบางคนเคยได้ยินการผ่าตัดอันนึงมันจะ
00:16:44 → 00:16:47 เป็นการผ่าตัดแบบ 2 กล้องนะครับหรือใช้
00:16:47 → 00:16:49 เ่อกล้องที่เราเรียกว่า endoscopy นะครับ
00:16:49 → 00:16:52 เราจะเป็นการผ่าตัดที่เรียกว่า endoscopic
00:16:52 → 00:16:54 toxic sympathectomy นะครับคือเป็นการ
00:16:54 → 00:16:57 ตัดระบบประสาทอัตอัตโนมัติที่เรียกว่า
00:16:58 → 00:17:01 ระบบประสาท syic มันจะทำให้บริเวณลักแร้
00:17:01 → 00:17:04 ของเราไม่มีเหงื่อแต่แน่นอนมันเป็นการผ่า
00:17:04 → 00:17:06 ตัดมันก็มีความเสี่ยงแล้วมันก็มีโอกาสที่
00:17:06 → 00:17:08 จะไปทำให้เส้นประสาทข้างเคียงเนี่ยอาจจะ
00:17:08 → 00:17:11 เกิดการบาดเจ็บขึ้นมาได้นะครับดังนั้น
00:17:11 → 00:17:13 ส่วนใหญ่แล้วเราก็จะไม่ทำยกเว้นว่ามันสุด
00:17:13 → 00:17:15 ๆจริงๆเราทำมาทุกวิถีทางแล้วมันก็ไม่หาย
00:17:16 → 00:17:19 ก็อาจจะต้องไปทำวิธีนั้นกันนะครับดังนั้น
00:17:19 → 00:17:22 วันนี้ที่เล่ามาเนี่ยผมอยากจะเล่าให้ทุก
00:17:22 → 00:17:25 คนรู้ว่าเอ้ยการที่เรามีขี้หูเปียกมี
00:17:25 → 00:17:28 กลิ่นตัวมันไม่ใช่เรื่องที่แบบเฮ้ยอยู่ๆ
00:17:28 → 00:17:31 ใครจะมีก็ได้นะมันเป็นเรื่องที่กำหนดมา
00:17:31 → 00:17:34 โดยพันธุกรรมของเราเลยนี่แหละนะฮะ
00:17:34 → 00:17:37 พันธุกรรมของเราล้วนๆเลยไอ้ยีนตัวเนี้ย a
00:17:37 → 00:17:40 cc 11 เนี่ยนะครับแล้วเมื่อตะกี้ที่ผม
00:17:40 → 00:17:43 บอกว่าเฮ้ยมันทำให้อ่ามะเร็งบางอย่าง
00:17:43 → 00:17:47 เนี่ยมะเร็งเต้านมเนี่ยมีโอกาสดื้อยานะ
00:17:47 → 00:17:53 ครับดื้อยาเอ่อรูิดื้อยาไซบีได้นะครับ
00:17:53 → 00:17:56 เพราะว่าจริงๆ ABC 41 มันมีอีกชื่อหนึ่ง
00:17:56 → 00:18:00 อีกชื่อนึงของมันก็คือ mrp 8 นะครับ mult
00:18:00 → 00:18:02 drug resistance related Protein 8
00:18:02 → 00:18:06 เพราะว่ามันเป็นตัวที่เกี่ยวข้องกับการ
00:18:06 → 00:18:08 ดันไอ้เคมีบำบัดนี่ออกไปจากเซลล์นะครับ
00:18:08 → 00:18:11 คุณลองคิดดูถ้าเซลล์มะเร็งเต้านมของคุณ
00:18:11 → 00:18:13 เนี่ยมันดันมีไอ้ยีนตัวเนี้ยอยู่เป็นยีน
00:18:13 → 00:18:15 ที่แบบดันทุกอย่างออกไปข้างนอกเนี่ยนะ
00:18:15 → 00:18:18 ครับคือเป็นไงคุณได้แยกเคมีบำบัดแทนที่
00:18:18 → 00:18:20 มันจะเข้าไปในเซลล์แล้วก็ไปทำลายเเซลล์
00:18:20 → 00:18:23 มะเร็งทิ้งไม่ครับเซลล์มะเร็งมันจับแล้ว
00:18:23 → 00:18:26 โยนทิ้งไปข้างนอกเลยก็ทำให้เซลล์มะเร็ง
00:18:26 → 00:18:28 ของคุณดื้อยานั่นเองมันจึงมีอีกชื่อนึง
00:18:28 → 00:18:31 ว่า mrp 8 นั่นเองนะครับอ่าวันนี้เราได้
00:18:31 → 00:18:34 คุยกันตั้งแต่เรื่องของขี้หูเรื่องของ
00:18:34 → 00:18:37 กลิ่นตัววิธีในการรักษานะครับรวมทั้งมัน
00:18:37 → 00:18:39 อาจจะมีความเกี่ยวข้องกับมะเร็งเต้านมใน
00:18:39 → 00:18:42 ชนชาติบางชนชาติเช่นญี่ปุ่นเป็นต้นนะครับ
00:18:42 → 00:18:45 อ่าดังนั้นเราก็ทราบนะครับมันเป็นเรื่อง
00:18:45 → 00:18:47 ที่แบบเป็นเกล็ดเล็กเกล็ดน้อยที่ทำให้เรา
00:18:47 → 00:18:49 ได้เรียนรู้วันละนิดวันละหน่อยก็ยังดีนะ
00:18:49 → 00:18:51 ครับแล้วก็ที่สำคัญเราจะได้รู้ว่ากลิ่น
00:18:51 → 00:18:53 ตัวของเราเนี่ยมันเกิดจากอะไรได้บ้างนะ
00:18:53 → 00:18:56 ครับคนเรามีกลิ่นตัวเหมือนมีฟีโรโมนอยู่
00:18:56 → 00:18:58 ในตัวอยู่แล้วการที่เราไปชอบคนๆนึงเนี่ย
00:18:58 → 00:19:01 เนี่ยส่วนนึงมันเป็นเพราะว่าอีกเซตนึงของ
00:19:01 → 00:19:05 จีนคือเซตของ H นะครับ Human leucite
00:19:05 → 00:19:08 antigen ซึ่งจะแตกต่างไปจากคนที่เราชอบ
00:19:08 → 00:19:10 เพราะว่าเราต้องการให้ลูกของเราออกมาแล้ว
00:19:10 → 00:19:13 มีภูมิต้านทานที่ดีที่สุดนะครับจึงมีการ
00:19:13 → 00:19:16 แต่งงานกับคนที่ลักษณะไม่เหมือนกันครับ
00:19:16 → 00:19:18 แต่ถ้ามาอยู่ในแวดวงการปลูกถ่ายอวัยวะของ
00:19:18 → 00:19:20 ผมเนี่ยผมก็จะไม่ค่อยชอบเรื่องพวกนี้เหตุ
00:19:20 → 00:19:23 ผลเพราะว่าเวลาที่มันมีความหลากหลายของ
00:19:23 → 00:19:26 hla มากๆเนี่ยมันหาคนที่อวัยวะเข้ากับคน
00:19:26 → 00:19:28 ที่ต้องการเนี่ยไม่ค่อยได้เท่าไหร่นะครับ
00:19:28 → 00:19:31 เช่นปลูกไถ่ไขกระดูกปลูกไถ่ไตเนี่ยกว่าจะ
00:19:31 → 00:19:33 หาคนที่เข้ากันได้เนี่ยแทบไม่มีถ้าจะหา
00:19:33 → 00:19:36 ได้ก็จะต้องเป็นคนที่อยู่ในครอบครัวเดียว
00:19:36 → 00:19:38 กันนั่นแหละครับนะโอเควันนี้ก็หวังว่าจะ
00:19:38 → 00:19:40 ได้ความรู้ไม่มากก็น้อยนะครับถ้าเกิดว่า
00:19:40 → 00:19:42 ใครมีอะไรสงสัยก็สอบถามมานะครับวันนี้
00:19:42 → 00:19:47 เท่านี้นะครับขอบคุณมากครับสวัสดีครับ