00:00:00 → 00:00:02 ลองคิดดูสิครับมันจะแย่ขนาดไหนถ้าเกิดว่า
00:00:02 → 00:00:07 เราต้องตื่นมาพบกับอาการแสบปากแสบลิ้นแสบ
00:00:07 → 00:00:09 เพดานปากเป็นอย่างเงี้ยทั้งวันเหมือนกับ
00:00:09 → 00:00:12 มีไฟเผาอยู่ในปากเราเลยแปรงฟันก็ไม่ได้
00:00:12 → 00:00:16 เจ็บนะครับกินอะไรก็เจ็บหาหมอก็ไม่เจอว่า
00:00:16 → 00:00:18 มันเป็นอะไรแล้วเป็นอย่างเงี้ยมาเป็น
00:00:18 → 00:00:21 เดือนนะครับคิดว่าเป็นโรคกรรมโรคเวรที่
00:00:21 → 00:00:24 ไหนไม่ใช่ครับมันมีโรคๆนี้อยู่จริงๆโรค
00:00:24 → 00:00:26 นี้ชื่อว่าโรค Burning Mouth Syndrome
00:00:26 → 00:00:29 วันนี้ผมจะมาเล่าเรื่องนี้ให้ฟังนะครับ
00:00:29 → 00:00:32 แล้วมันมีวิธีรักษาครับพบกับผมนะครับนาย
00:00:32 → 00:00:34 แพทย์ธานีธนียวันเป็นอาจารย์แพทย์อยู่ที่
00:00:34 → 00:00:36 ประเทศสหรัฐอเมริกาเชี่ยวชาญโรคปอดการ
00:00:36 → 00:00:39 ปลูกถ่ายปอดและวิกฤตบำบัดนะครับ Burning
00:00:39 → 00:00:41 Mouth Syndrome เนี่ยชื่อมันก็บอกอยู่
00:00:41 → 00:00:45 แล้วว่าเหมือนมีไฟเผาอยู่ในปากเลยมันจะ
00:00:45 → 00:00:47 แสบมากคนที่เป็นเนี่ยคือตื่นเช้าขึ้นมา
00:00:47 → 00:00:50 ตอนแรกนะครับก็ไม่เป็นไรหรอกผ่านไปสักพัก
00:00:50 → 00:00:53 นึงเนี่ยมันจะมีอาการแสบลิ้นแสบเพดานปาก
00:00:53 → 00:00:57 แสบช่องคอแสบริมฝีปากนะครับหรือบางคนก็จะ
00:00:57 → 00:01:01 มีอาการปากแห้งนะฮะลิ้นก็จะรับรถผิดปกติ
00:01:01 → 00:01:04 ไปนะฮะทีเนี้ยมันจะเป็นอย่างเงี้ยเป็น
00:01:04 → 00:01:07 เดือนไม่หายซะทีบางคนเป็นปีก็ยังไม่หายไป
00:01:07 → 00:01:09 หามาหลายหมอแล้วก็ไม่เจอว่ามันเป็นอะไร
00:01:09 → 00:01:13 สักทีนะครับคำถามคือเฮ้ยแล้วทำไมมันเกิด
00:01:13 → 00:01:16 ขึ้นได้ล่ะอันเนี้ยเขาเชื่อว่ามันมีความ
00:01:16 → 00:01:18 ผิดปกติของเส้นประสาทที่ลิ้นนะครับเป็น
00:01:19 → 00:01:23 เส้นประสาทที่ใช้ในการรับรถพอเส้นประสาท
00:01:23 → 00:01:26 ในการรับรถเนี่ยมันเสียไปมันจึงทำให้เส้น
00:01:26 → 00:01:29 ประสาทอีกตัวนึงอ่ะมีความเด่นมากขึ้นเส้น
00:01:29 → 00:01:31 ประสาทที่ว่าก็คือเส้นประสาทที่รับความ
00:01:31 → 00:01:34 เจ็บปวดครับในที่นี้ก็คือเรื่องของความ
00:01:34 → 00:01:38 แสบนั่นเองนะโดยปกติแล้วเนี่ยเส้นประสาท
00:01:38 → 00:01:41 ที่ใช้ในการรับรถมันจะกดการทำงานของความ
00:01:41 → 00:01:44 เจ็บปวดเอาไว้แต่ถ้าเกิดว่ามันไม่สามารถ
00:01:44 → 00:01:47 กดได้หรือว่ามันทำงานผิดปกติอาการเจ็บปวด
00:01:47 → 00:01:50 อาการแสบมันก็จะออกมาแทนนะฮะเฮ้ยแล้วใคร
00:01:51 → 00:01:52 บ้างที่มันจะเป็นได้แล้วอยู่ๆมันทำไมมัน
00:01:53 → 00:01:55 เป็นได้นะครับเราก็ปกติของเรามาทั้งชีวิต
00:01:55 → 00:01:58 แล้วไม่อยู่ๆมันเป็นต้องบอกอย่างนี้ครับ
00:01:58 → 00:02:00 ความเสี่ยงของการเกิดโรค Burning mous
00:02:00 → 00:02:03 Syndrome เนี่ยมักจะเกิดในผู้หญิงช่วง
00:02:03 → 00:02:06 หมดประจำเดือนไปแล้วประมาณ 560 ปีนี้แหละ
00:02:06 → 00:02:08 แล้วอยู่ๆวันดีคืนดีมันก็เกิดขึ้นมาเลย
00:02:09 → 00:02:13 แต่ในบางคนจะมีเหตุการณ์กระตุ้นครับเช่น
00:02:13 → 00:02:15 มีเรื่องเครียดสักอย่างในชีวิตที่มัน
00:02:15 → 00:02:18 เครียดมากๆนะฮะหรือมีการเจ็บป่วยอะไรก็
00:02:18 → 00:02:20 แล้วแต่ซึ่งพิ่งจะเป็นมาใหม่ๆแต่มักจะ
00:02:20 → 00:02:22 เป็นการเจ็บป่วยที่มันค่อนข้างหนักหนา
00:02:22 → 00:02:25 สาหัสพอสมควรนะครับอันนี้การเจ็บปวดทั้ง
00:02:25 → 00:02:28 ทางด้านร่างกายแล้วก็จิตใจได้หมดทั้งคู่
00:02:28 → 00:02:31 เลยนะครับอีกอย่างที่เจอก็คือคนที่มี
00:02:31 → 00:02:34 ปัญหาเรื่องของช่องปากนะฮะอันเนี้ยเจอ
00:02:34 → 00:02:36 บ่อยเลยนะฮะซึ่งแน่นอนว่าถ้าเรามีอาการ
00:02:36 → 00:02:39 ทางปากเราก็คงจะต้องไปหาทันตแพทย์ก่อน
00:02:39 → 00:02:41 อันดับแรกถูกมั้ยครับั้นอันนี้ก็จะเป็น
00:02:41 → 00:02:43 สิ่งที่เราเจอบ่อยนะฮะคนที่มีสิ่งเหล่า
00:02:43 → 00:02:46 เนี้ยก็จะมีความเสี่ยงต่อการเกิด Burning
00:02:46 → 00:02:48 Mouth Syndrome เพิ่มขึ้นแต่นอกเหนือ
00:02:48 → 00:02:50 จากนี้ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆที่ทำให้เกิดโรค
00:02:50 → 00:02:53 Burning Mouth Syndrome นะครับคือการ
00:02:53 → 00:02:55 ที่ท่านดื่มแอลกอฮอล์แล้วก็สูบ
00:02:55 → 00:02:58 บุหรี่อย่างไรก็ตาม Burning Mouth
00:02:58 → 00:03:00 Syndrome เนี่ยบางทีมันก็ไม่มีสาเหตุ
00:03:00 → 00:03:04 อะไรนะครับแต่มันก็มีแบบมีสาเหตุชัดเจน
00:03:04 → 00:03:06 เหมือนกันนะเมื่อตะกี้ที่เราพูดคือตัว
00:03:06 → 00:03:08 กระตุ้นนะครับคือเราอาจจะมีสาเหตุอยู่
00:03:08 → 00:03:10 แล้วพอเจอกับตัวกระตุ้นปุ๊บมันเลยเป็นนะ
00:03:11 → 00:03:13 ฮะเมื่อกี้เรารู้ตัวกระตุ้นไปะนะครับแล้ว
00:03:14 → 00:03:15 ก็รู้ความเสี่ยงไปแล้วว่าคนไหนที่มันพอ
00:03:15 → 00:03:18 เป็นไปได้บ้างเรามาลองดูซิว่ามันมีสาเหตุ
00:03:18 → 00:03:21 อะไรที่เราแก้ได้บ้างนะครับเพราะว่าถ้า
00:03:21 → 00:03:23 มันเจอที่สาเหตุเราแก้ที่สาเหตุมันหายเลย
00:03:24 → 00:03:27 ซะส่วนใหญ่นะครับสาเหตุที่ว่าอันดับแรก
00:03:27 → 00:03:30 ที่เราเจอก็คือโรคกรดไหลย้อนครับครับอ่า
00:03:31 → 00:03:34 โรคกรดไหลย้อนนี่แหละเจอบ่อยมากนะครับอีก
00:03:34 → 00:03:36 อย่างนึงอย่างที่เมื่อกี้พูดไปก็คือ
00:03:36 → 00:03:39 เรื่องของสุขภาพช่องปากประมาณสัก 30% ของ
00:03:39 → 00:03:41 คนไข้ที่เป็น Burning mous Syndrome
00:03:41 → 00:03:43 เนี่ยจะมีปัญหาในช่องปากสักอย่างนึงนะ
00:03:43 → 00:03:45 ครับไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเหงือกอักเสบ
00:03:45 → 00:03:48 อันการติดเชื้อในช่องปากหรือแม้แต่
00:03:48 → 00:03:52 กระทั่งอุปกรณ์ทางทันตกรรมต่างๆนะครับฟัน
00:03:52 → 00:03:54 ปลอมรีเทนเนอร์อะไรพวกนี้ซึ่งบางคนเนี่ย
00:03:54 → 00:03:59 แพ้นะแพ้อุปกรณ์วัสดุที่เอามาทำหรือแพ้
00:03:59 → 00:04:02 อาหารที่กินเข้าไปนะครับมันก็จะมีอาการ
00:04:02 → 00:04:05 แสบในช่องปากได้ดังนั้นพวกนี้ก่อนอื่นเลย
00:04:05 → 00:04:07 นะครับไปพบทันตแพทย์ให้ดูให้แน่ใจก่อนว่า
00:04:08 → 00:04:10 เฮ้ยไม่มีปัญหาเรื่องพวกนี้นะครับและ
00:04:10 → 00:04:12 อย่างที่บอกคนที่สูบบุหรี่ดื่มเหล้าอัน
00:04:12 → 00:04:13 นี้ต้องเลิกแน่ๆอยู่แล้วนะครับเพราะว่า
00:04:14 → 00:04:16 มันจะยิ่งทำให้เป็นนะฮะอีกอย่างนึงคือ
00:04:16 → 00:04:20 พฤติกรรมนะครับคนที่กัดฟันเป็นประจำนะกัด
00:04:20 → 00:04:24 ฟันชอบเอาลิ้นดุลฟันเนี่ยเอาลิ้นงี้ดุล
00:04:24 → 00:04:26 ฟันหน้าอยู่เรื่อยๆพวกนี้ก็จะยิ่งเป็นนะ
00:04:26 → 00:04:29 ครับเออแล้วกลางคืนบางคนนอนกัดฟันซึ่งผม
00:04:29 → 00:04:31 ก็ก็เคยเล่าเรื่องของการนอนกัดฟันไปแล้ว
00:04:31 → 00:04:33 ที่เรียกว่า bruxism นะครับพวกนี้
00:04:33 → 00:04:36 ทันตแพทย์ตรวจเคก็จะรู้นะฮะแล้วถ้าจะยืน
00:04:36 → 00:04:39 ยันก็แน่นอนต้องไปตรวจการนอนหลับถ้าเป็น
00:04:39 → 00:04:41 ปุ๊บก็จะมีการใส่เครื่องมือทางทันตกรรม
00:04:41 → 00:04:43 เพื่อป้องกันไม่ให้เรากัดฟันนะฮะแล้วก็
00:04:43 → 00:04:45 ต้องมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมด้วยนะครับ
00:04:45 → 00:04:48 อ่าอันนี้แหละที่มันเป็นพฤติกรรมอย่าง
00:04:48 → 00:04:51 หนึ่งที่จะทำให้เรามีโอกาสเกิดโรค Burning
00:04:51 → 00:04:54 Mouth Syndrome เพิ่มขึ้นนอกจากนี้ยัง
00:04:54 → 00:04:57 มีโรคประจำตัวบางอย่างอีกเช่นเบาหวาน
00:04:57 → 00:05:00 ไฮโปไทรอยด์หรือไทรรอยด์มันตับนะครับโรค
00:05:01 → 00:05:03 ตับนี่ไอ้ 3 โรคนี้เนี่ยตัวดีถ้าใครเป็น
00:05:03 → 00:05:06 แล้วคุมไม่ดีนะครับจะยิ่งเป็นนะฮะโรค
00:05:06 → 00:05:08 โจเกรนหรือโรคอะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้ปาก
00:05:08 → 00:05:11 มันแห้งถ้าเกิดเราดื่มน้ำไม่เพียงพอปาก
00:05:11 → 00:05:14 แห้งก็มีโอกาสที่จะเป็นได้นะครับบางครั้ง
00:05:14 → 00:05:18 เราไปเจอในคนไข้โรคอื่นๆเช่นโรคไฟโรลซึ่ง
00:05:18 → 00:05:20 ผมก็เคยทำคลิปไปแล้วถ้าใครจำไม่ได้ก็
00:05:20 → 00:05:22 สามารถไปดูคลิปเรื่องไฟโบรมัยที่ผมเคยทำ
00:05:22 → 00:05:26 ไปแล้วได้นะครับโรค Parkinson นี่เราจะ
00:05:26 → 00:05:28 เห็นว่ามีโรคหลายหลายโรคในร่างกายเราที่
00:05:28 → 00:05:31 มันจะทำให้เกิดปัญหาแบบนี้ได้หรือบางคน
00:05:31 → 00:05:34 เป็นโรคปลายประสาทอักเสบอ่าไม่ใช่แค่
00:05:34 → 00:05:36 อักเสบที่ปลายมือปลายเท้านะครับมันก็มา
00:05:36 → 00:05:39 อักเสบในช่องปากได้เช่นกันนะฮะบางทีการ
00:05:39 → 00:05:41 รักษาที่ต้นทางต้นเหตุเนี่ยมันจะทำให้ดี
00:05:41 → 00:05:45 ขึ้นได้แล้วก็ไม่ใช่เพียงแค่นั้นครับบาง
00:05:45 → 00:05:48 คนเนี่ยมีเหตุอื่นก็คือพวกที่มีการขาดสาร
00:05:48 → 00:05:52 อาหารเดี๋ยวนี้เนี่ยคือเราต้องมาพูด
00:05:52 → 00:05:54 เรื่องของการขาดสารอาหารเพิ่มขึ้นนะคือ
00:05:54 → 00:05:57 เมื่อก่อนเนี่ยเราต้องเข้าใจว่าเออเราก็
00:05:57 → 00:06:00 อาจจะมีความแร้งแค้นมีพื้นที่ทุรกันดาล
00:06:00 → 00:06:02 ที่สารอาหารมันไม่เพียงพอทำให้เราทาน
00:06:02 → 00:06:04 อาหารได้ไม่ครบหมู่นะครับก็จะเกิดการขาด
00:06:04 → 00:06:07 สารอาหารขึ้นมานะแล้วต่อมาก็คือเริ่มมี
00:06:07 → 00:06:10 การเข้าถึงของเทคโนโลยีของอาหารของทุก
00:06:10 → 00:06:13 อย่างมันก็เลยทำให้เรื่องของการขาดอาหาร
00:06:13 → 00:06:15 มันดีขึ้นแต่รู้อะไรมั้ยครับว่าตอนนี้มัน
00:06:15 → 00:06:17 เริ่มกลับมาใหม่แล้วครับก็คือคนที่ทำ
00:06:17 → 00:06:19 intermittent fasting หรืออดอาหารแบบ
00:06:20 → 00:06:22 สุดโต่งนะครับการเลือกกินอาหารอย่างใด
00:06:22 → 00:06:26 อย่างหนึ่งนะครับแบบสุดโต่งไปเลยนะครับ
00:06:26 → 00:06:28 พวกนี้แหละครับที่ทำให้ปัญหาทางด้านของ
00:06:28 → 00:06:31 การขาดสารอาหารมันกลับมาใหม่นะครับสาร
00:06:31 → 00:06:34 อาหารอะไรที่ขาดแล้วจะมีอาการ Burning
00:06:34 → 00:06:35 Mouth Syndrome ได้นะครับยกตัวอย่าง
00:06:35 → 00:06:40 เช่นวิตามิน B1 b6 B12
00:06:40 → 00:06:43 โฟตธาตุเหล็กนะครับพวกนี้จะทำให้มีโอกาส
00:06:43 → 00:06:47 เป็นได้ในบางคนการขาดแร่ธาตุสังกสีหรือ
00:06:47 → 00:06:49 ซิงคนะครับก็จะทำให้มีอาการกลุ่ม Burning
00:06:49 → 00:06:51 Mouth Syndrome ได้ดังนั้นเนี่ยถ้าคน
00:06:51 → 00:06:54 ไหนที่เป็นคนที่กินอาหารแบบสุดโต่งเนี่ย
00:06:54 → 00:06:56 บางทีเราอาจจะต้องไปตรวจเรื่องพวกนี้แล้ว
00:06:56 → 00:06:59 ก็อาจจะต้องกินเสริมนะครับมันถึงจะดีขึ้น
00:06:59 → 00:07:00 นะฮะ
00:07:00 → 00:07:03 เออผมลืมพูดไปอย่างนึงมันมีปัจจัยเสี่ยงอ
00:07:03 → 00:07:05 อย่างนึงซึ่งแปลกนะครับเราเรียกอันเนี้ย
00:07:05 → 00:07:09 ว่าลิ้นแผนที่หรือ Geographic ทังถ้าใคร
00:07:09 → 00:07:11 ไม่เคยเห็นลองไปค้นรูปภาพใน Google ได้นะ
00:07:11 → 00:07:13 ครับมันจะดูน่ากลัวเหมือนกันนะครับคือ
00:07:13 → 00:07:16 ลักษณะลิ้นเนี่ยมันเหมือนคุณเคยเห็น
00:07:16 → 00:07:18 แผนที่โลกมั้ยเหมือนแผนที่โลกมันอยู่บน
00:07:18 → 00:07:20 ลิ้นคุณนั่นแหละนะครับแต่มันจะสีแดงๆดู
00:07:20 → 00:07:23 น่ากลัวนะครับแต่มันเป็นความผิดปกติอย่าง
00:07:23 → 00:07:25 หนึ่งที่ถ้าเจอแล้วเนี่ยไม่ได้เป็นมะเร็ง
00:07:25 → 00:07:27 แล้วมันแก้อะไรไม่ได้มันเป็นของมันอย่าง
00:07:27 → 00:07:28 นั้นเองนะครับเราไม่ต้องไปทำอะไรกับมันนะ
00:07:28 → 00:07:30 ฮะแต่ว่าเราเพราะว่าอันเนี้ยทำให้คุณมี
00:07:30 → 00:07:32 ความเสี่ยงต่อการเกิด Burning M
00:07:32 → 00:07:36 Syndrome ได้นะครับอีกอย่างหนึซึ่งอาจจะ
00:07:36 → 00:07:38 ทำให้คุณเกิด Burning M syndrom ได้ก็
00:07:38 → 00:07:41 คือยาบางตัวนะครับโดยเฉพาะยาลดความดัน
00:07:41 → 00:07:44 กลุ่มที่เราเรียกว่า a inhibitor หรือ
00:07:44 → 00:07:46 acei นะครับ angiotensin converting
00:07:46 → 00:07:49 enzyme inhibitor ยกตัวอย่างเช่น inara
00:07:49 → 00:07:53 pril lisinopril captopril พวกนี้นะ
00:07:53 → 00:07:57 ครับอะไรที่ลงท้ายด้วยพิ pril เนี่ยให้
00:07:57 → 00:07:59 เราสงสัยว่ามันจะเป็นยากลุ่มนี้เสมอนะ
00:07:59 → 00:08:01 ครับยากลุ่มนี้เนี่ยบางทีนะฮะมันก็มีผล
00:08:02 → 00:08:04 ข้างเคียงที่แปลกๆที่เราอาจจะไม่รู้ก็คือ
00:08:04 → 00:08:07 ถ้าบางคนกินไปแล้วก็จะมีอาการไอไม่หยุดนะ
00:08:07 → 00:08:10 ครับมีอาการปากบวมหน้าบวมได้นะฮะหรืออัน
00:08:10 → 00:08:12 นี้ก็เหมือนกันคือทำให้เกิด Burning
00:08:12 → 00:08:13 Mouse Syndrome ได้เราก็เจอว่าเป็นยา
00:08:13 → 00:08:16 ตัวที่แบบเป็นตัวหลักเลยอ่ะนะครับถ้าใคร
00:08:16 → 00:08:18 กินอยู่เนี่ยอาจจะต้องเปลี่ยนไปใช้ยาควบ
00:08:18 → 00:08:21 คุมความดันตัวอื่นนะครับยาอื่นๆที่อาจจะ
00:08:21 → 00:08:24 พอมีผลแล้วก็ทำให้เป็นได้ยกตัวอย่างเช่น
00:08:24 → 00:08:27 ยาต้านซึมเศร้าบางตัวเช่นเซอทารีนนะครับ
00:08:27 → 00:08:30 ฟลูออกซิทีนในบางคนเป็นนะครับแต่ว่าไม่
00:08:30 → 00:08:33 ได้แปลว่าทุกคนจะกินตัวนี้แล้วเป็นนะครับ
00:08:33 → 00:08:36 ถ้าท่านกินอยู่แล้วมันเป็นอาจจะต้องขอคุณ
00:08:36 → 00:08:39 หมอเคลองเปลี่ยนชนิดยาดูเผื่อว่ามันจะดี
00:08:39 → 00:08:44 ขึ้นนะฮะอ่าพวกนี้คือสาเหตุที่เราเจอได้
00:08:44 → 00:08:48 นะครับแล้วพยายามแก้ซะบางทีแค่แก้สาเหตุ
00:08:48 → 00:08:50 อาการ Burning Mouth Syndrome หายไปเลย
00:08:50 → 00:08:54 ครับหายไปเลยนะฮะแต่ถ้าเกิดว่าเราไม่เจอ
00:08:54 → 00:08:57 สาเหตุหรือต่อให้เราเจอสาเหตุก็ตามสิ่ง
00:08:57 → 00:09:00 ที่เราต้องทำควบคู่ไปด้วยคือข้อแรกดื่ม
00:09:00 → 00:09:02 น้ำเป็นประจำครับอย่าให้ปากมันแห้งเด็ด
00:09:02 → 00:09:05 ขาดยิ่งแห้งมันยิ่งเป็นนะครับบุหรี่แน่
00:09:05 → 00:09:08 นอนต้องเลิกเหล้าอ่ะต้องหยุดนะครับการ
00:09:08 → 00:09:11 บ้วนปากอย่าใช้อะไรที่มันแสบนะครับคือ
00:09:11 → 00:09:13 อะไรที่มันมีแอลกอฮอล์เนี่ยบ้วนปากแน่นอน
00:09:13 → 00:09:16 มันแสบนะครับยาสีฟันพวกมิ้นพวกเนี้ยก็จะ
00:09:16 → 00:09:20 แสบแน่นอนอาหารรสจัดเปรี้ยวเผ็ดแสบแหงๆนะ
00:09:20 → 00:09:22 ครับก็ต้องหลีกเลี่ยงพวกนี้ก็จะต้องกิน
00:09:22 → 00:09:25 อะไรที่มันเป็นอ่าอาหารอ่อนๆไปก่อนแล้วใน
00:09:25 → 00:09:28 ช่วงแรกของการรักษาเนี่ยถ้ามันแสบมากจน
00:09:28 → 00:09:29 กระทั่งเรากินอะไรไม่ได้เลยนะครับเราแปลง
00:09:29 → 00:09:32 ฟันอะไรก็ไม่ได้ทุกอย่างเนี่ยหมอเอาจจะ
00:09:32 → 00:09:37 ให้ยาชาในปากมาใช้ระยะสั้นๆย้ำนะครับระยะ
00:09:37 → 00:09:40 สั้นๆเท่านั้นเพราะว่าถ้าคุณใช้ระยะยาว
00:09:40 → 00:09:42 เนี่ยมันมีปัญหาเนื่องจากว่าเราอาจจะเกิด
00:09:42 → 00:09:44 การบาดเจ็บในช่องปากจากการกัดโดนตรงนั้น
00:09:44 → 00:09:47 ตรงนี้ได้นะครับทุกคนคงเคยทำฟันใช่มั้ย
00:09:47 → 00:09:50 ครับเวลาหมอเฉีดยาชาเป็นไงมันชาข้างในมัน
00:09:50 → 00:09:52 ก็แบบนั้นละครับแล้วชาข้างในเกิดอะไรขึ้น
00:09:53 → 00:09:55 บางทีเรากัดปากตัวเองครับแต่ถ้าเกิดคุณ
00:09:55 → 00:09:58 ใช้ยาชาเพราะว่าคุณมี Burning มา Syndrome
00:09:58 → 00:10:01 แล้วคุณใช้มันตลอดเวลาปากคุณเป็นไงชาตลอด
00:10:01 → 00:10:04 เวลาชาตลอดเวลาเกิดอะไรขึ้นคุณก็กัดโน่น
00:10:04 → 00:10:06 กัดนี่ตลอดเวลาเกิดการติดเชื้อเกิดการอ่า
00:10:07 → 00:10:09 อักเสบข้างในนะครับดังนั้นเนี่ยยาชาใช้
00:10:09 → 00:10:12 เมื่อจำเป็นเท่านั้นแล้วก็ใช้ระยะสั้นๆ
00:10:12 → 00:10:13 เท่านั้นส่วนใหญ่ก็แค่อาทิตย์ 2 อาทิตย์
00:10:13 → 00:10:14 นะ
00:10:14 → 00:10:20 ครับทีนี้ถ้าเรารักษานอกเหนือจากการรักษา
00:10:20 → 00:10:22 สาเหตุที่เมื่อกี้กล่าวไปแล้วเนี่ยมันจะ
00:10:22 → 00:10:25 เมื่อกี้ถ้าใครจำได้ก็ยังบอกว่าเฮ้ยมันมี
00:10:25 → 00:10:28 บางคนเนี่ยหาสาเหตุไม่เจอแล้วทำไงดีมียา
00:10:28 → 00:10:30 ครับยายาส่วนใหญ่เนี่ยเป็นยาที่ใช้ในการ
00:10:30 → 00:10:34 รักษาโรคปลายประสาทอักเสบเช่นยากบเพนติน
00:10:34 → 00:10:37 ยาพาบินนะครับหรือยากันชักบางประเภทก็
00:10:37 → 00:10:40 สามารถที่จะใช้ได้นะครับอ่าเช่นกลุ่มคบา
00:10:40 → 00:10:44 เปีนออกคารบมาซีนพวกนี้นะครับเราก็อาจจะ
00:10:44 → 00:10:46 มีการใช้ตนี้หรืออาจจะไปใช้ตัวอื่นก็ได้
00:10:46 → 00:10:49 ตรงนี้ต้องแล้วแต่คุณหมอที่ดูแลรักษานะ
00:10:49 → 00:10:53 ครับขั้นตอนการตรวจดูแลรักษาเนี่ยข้อแรก
00:10:53 → 00:10:56 เนื่องจาก 30% เนี่ยจะเจอในคนที่มีปัญหา
00:10:56 → 00:10:59 ช่องปากดังนั้นเราต้องพบธันแพทย์ก่อนเลย
00:10:59 → 00:11:00 ครับ
00:11:00 → 00:11:02 ให้แน่ใจว่าไม่มีปัญหาทั้งช่องปากอะไรนะ
00:11:02 → 00:11:04 แล้วถ้าไม่มีปุ๊บเค้าอาจจะดูว่าเรามี
00:11:04 → 00:11:07 อาการแพ้โลหะแพ้อาหารบางชนิดหรือเปล่าก็
00:11:07 → 00:11:10 อาจจะมีการตรวจหาดูว่าแพ้อะไรบ้างนะครับ
00:11:10 → 00:11:12 หรือว่าทำอะไรแล้วมันเป็นอยู่เรื่อยๆก็
00:11:12 → 00:11:14 ต้องหลีกเลี่ยงสิ่งนั้นไปนะฮะอาจจะมีตรวจ
00:11:14 → 00:11:16 เลือดดูเรื่องของภูมิคุ้มกันเพราะว่าบาง
00:11:16 → 00:11:19 ทีโรคออโตอิมมูนเช่น jen นะครับบางทีมัน
00:11:20 → 00:11:22 ก็ทำให้เป็นอาการแบบนี้ได้เราก็จึงจำเป็น
00:11:22 → 00:11:25 จะต้องหาโรคนี้โรคไทรรอยด์โรคเบาหวานโรค
00:11:25 → 00:11:27 เส้นประสาทอักเสบก็ต้องไปหาโรคนี้ให้หมด
00:11:27 → 00:11:29 อันนี้คือขั้นตอนในการวินิจฉัยหรือบาง
00:11:29 → 00:11:31 กรณีหมอเอาจจะต้องมีการตัดชิ้นเนื้อไป
00:11:31 → 00:11:34 ตรวจถ้าเสงสัยภาวะผิดปกติอย่างอื่นนะครับ
00:11:35 → 00:11:37 และถ้าวินิจฉัยว่าเป็นโรคนี้แล้วการรักษา
00:11:37 → 00:11:39 ก็อย่างที่กล่าวไปเมื่อกี้แก้ที่สาเหตุ
00:11:39 → 00:11:43 ที่เราหาเจอแล้วระหว่างนั้นก็อาจจะใช้ยา
00:11:43 → 00:11:48 ชาเป็นระยะสั้นๆให้ยาที่มันช่วยลดอาการ
00:11:48 → 00:11:50 ส่งกระแสประสาทจากการเจ็บปวดเช่นกาบ
00:11:50 → 00:11:54 เพนตินอ่าพาบินพวกนี้นะครับทีนี้คำถามก็
00:11:54 → 00:11:57 คือแล้วถ้าไม่รักษาแล้วจะเป็นยังไงมันจะ
00:11:57 → 00:11:59 กลายไปเป็นมะเร็งมั้ยนะครับปากเรามันจะ
00:11:59 → 00:12:03 เสียไปเลยหรือเปล่านะครับไม่ครับมันจะมี
00:12:03 → 00:12:06 คนประมาณสัก 30% เนี่ยหรือหรือ 1 ใน 3
00:12:06 → 00:12:09 ของทั้งหมดเนี่ยจะหายเองได้แต่ว่ามันใช้
00:12:09 → 00:12:13 เวลานานมากก็คือประมาณ 3-5 ปีนะครับดัง
00:12:13 → 00:12:15 นั้นโดยส่วนตัวผมไม่คิดว่าคุณควรจะทนขนาด
00:12:15 → 00:12:17 นั้นหรอกครับเพราะว่าถ้าเกิดคุณทนคุณทน
00:12:17 → 00:12:19 เหมือนแบบมีไฟอยู่ในป่าตลอดเวลาอย่าง
00:12:19 → 00:12:24 เงี้ยนะครับอืมันมันแย่เนาะมันจะมันจะใช้
00:12:24 → 00:12:26 ชีวิตลำบากตลอดเวลานะครับมีไฟในปากไม่ใช่
00:12:26 → 00:12:28 ไม่ใช่คุณเป็นมังกรพ่นไฟแล้วมันจะรู้สึก
00:12:28 → 00:12:31 ดีนะนะอ่าแบบนี้มันรู้สึกไม่ดีนะครับดัง
00:12:31 → 00:12:34 นั้นรีบไปตรวจแล้วก็รักษาดีกว่านะครับผม
00:12:34 → 00:12:37 หวังว่าวันนี้เนี่ยความรู้เรื่องแปลกๆนะ
00:12:37 → 00:12:38 ครับอย่างเช่น Burning Mouth Syndrome
00:12:38 → 00:12:42 เนี่ยจะให้เอ่อให้ทุกคนมีความรู้สึกอยาก
00:12:42 → 00:12:43 รู้อยากเห็นเพิ่มเติมว่าโลกเรามันมีอะไร
00:12:43 → 00:12:46 แปลกๆเยอะนะครับดังนั้นถ้ายังไงเนี่ย
00:12:46 → 00:12:48 ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมเผื่อว่าเราจะ
00:12:48 → 00:12:51 ช่วยแนะนำคนรอบข้างได้นะครับโอเควันนี้
00:12:51 → 00:12:55 เท่านี้นะครับขอบคุณมากครับสวัสดีครับ