00:00:00 → 00:00:03 This Is Thai PBS podcast View the
00:00:03 → 00:00:05 world vi The
00:00:05 → 00:00:08 Voice CPI เนี่ยมาจากคำว่า
00:00:08 → 00:00:11 cardiopulmonary resuscitation นะคะเรา
00:00:11 → 00:00:14 จะต้องเจอกับสถานการณ์ผู้ป่วยหรือว่าคน
00:00:14 → 00:00:16 ไข้หรือคนทั่วไปเนี่ยมีอาการที่ปอดแล้วก็
00:00:16 → 00:00:19 หัวใจเนี่ยไม่ทำงานเพราะฉะนั้นเราถึงจะ
00:00:19 → 00:00:22 ต้องทำการช่วย CPR ด้วยการทำให้ปอดแล้วก็
00:00:22 → 00:00:25 หัวใจเราเนี่ยกลับมาทำงานได้เป็นปกติก่อน
00:00:25 → 00:00:28 ที่เราจะช่วยเหลือใครหรือว่าทำ CPR ใคร
00:00:28 → 00:00:31 เนี่ยเราต้องรู้ก่อนว่าคนนั้นต้องการความ
00:00:31 → 00:00:33 ช่วยเหลือในขั้นไหนเพราะว่าถ้าสมมุติว่า
00:00:33 → 00:00:36 เราประเมินผิดช่วยผิดเนี่ยมันก็เสียโอกาส
00:00:36 → 00:00:39 ทั้งคนไข้ทั้งคนช่วยนะ
00:00:39 → 00:00:43 คะฟังทุกเรื่องสุขภาพอัปเดตทุกโรคไทยฟัง
00:00:43 → 00:00:47 รายการโรงหมอกับดิฉันสุรีพรวงสถิตพรค่ะ
00:00:47 → 00:00:50 This Is to PBS podcast เอาล่ะค่ะ
00:00:51 → 00:00:54 คุณผู้ฟังคะวันนี้เราจะมาพูดคุยกันถึง
00:00:54 → 00:00:58 เรื่องของวิธีการ CPR นะคะเมื่อเราเจอกับ
00:00:58 → 00:01:00 สถานการณ์ฉุกเฉินหรือหรือว่าเราจะเจออะไร
00:01:01 → 00:01:03 ที่เป็นช่วงเวลาคับขันที่เกี่ยวกับเรื่อง
00:01:03 → 00:01:06 ของชีวิตนะคะวันนี้เราจะคุยกันกับอาจารย์
00:01:06 → 00:01:10 พิญญาพัฒน์กิตธัญญธีรกุลอาจารย์ประจำภาค
00:01:10 → 00:01:12 วิชาศัลยศาสตร์คณะพยาบาลศาสตร์
00:01:12 → 00:01:15 มหาวิทยาลัยมหิดลคะสวัสดีค่ะอาจารย์ขา
00:01:15 → 00:01:18 สวัสดีค่ะสวัสดีคุณผู้ฟังทุกท่านนะคะวัน
00:01:18 → 00:01:20 นี้ที่เราคุยกันนะคะก็เป็นเรื่องของการทำ
00:01:20 → 00:01:23 CBR นะว่าอ่อเดี๋ยวนี้เราก็จะเห็นว่า
00:01:23 → 00:01:26 เรื่องของ CPR เนี่ยการทำช่วยชีวิตขั้น
00:01:26 → 00:01:28 พื้นฐานเบื้องต้นนะคะก็จะเป็นอะไรที่
00:01:28 → 00:01:30 สำคัญมากๆโดยเฉพาะเวลาที่มีสถานการณ์
00:01:30 → 00:01:34 ฉุกเฉินหรือคับขันแต่ว่าการทำ CPR ค่ะ
00:01:34 → 00:01:36 อาจารย์ก็ไม่ได้จะเป็นกันทุกคนเนาะต้องมี
00:01:36 → 00:01:39 การเอ่อฝึกมีการเรียนรู้อะไรกันเยอะแยะ
00:01:39 → 00:01:41 มากมายแต่ว่าวันนี้ที่จะคุยกันเนี่ยอยาก
00:01:42 → 00:01:44 จะให้อาจารย์ได้ให้ความรู้ในเบื้องต้นกัน
00:01:44 → 00:01:46 ก่อนแล้วกันเนาะว่าเ่อการทำ CPR เนี่ยมี
00:01:46 → 00:01:49 ความสำคัญยังไงมีขั้นตอนยังไงนะคะอาจารย์
00:01:49 → 00:01:52 คะเรื่องของการทำ CPR เนี่ยมาทำความเข้า
00:01:52 → 00:01:54 ใจกันก่อนการทำ CPR คืออะไรมีความสำคัญ
00:01:54 → 00:01:58 ยังไงบ้างคะต้องขอเอ่ออธิบายความหมายของ
00:01:58 → 00:02:01 คำว่า CPR ก่อนเนาะ CPR เนี่ยมาจากคำว่า
00:02:01 → 00:02:03 Cardio pulmonary resuscitation นะคะ
00:02:03 → 00:02:06 Cardio ก็คือ Cardio ก็คือ cardi ที่แปล
00:02:06 → 00:02:09 ว่าหัวใจ palmary ก็แปลว่าปอดแปลว่าระบบ
00:02:10 → 00:02:13 ไหลเวียน resuscitation ก็คือการทำให้หัว
00:02:13 → 00:02:15 ใจและปอดเนี่ยระบบไหลเวียนของเราเนี่ย
00:02:15 → 00:02:18 กลับมาทำงานเป็นปกตินั่นหมายถึงว่าเราจะ
00:02:19 → 00:02:22 ต้องเจอกับสถานการณ์ผู้ป่วยหรือว่าอ่าคน
00:02:22 → 00:02:24 ไข้หรือคนทั่วไปเนี่ยมีอาการที่ปอดแล้วก็
00:02:25 → 00:02:27 หัวใจเนี่ยไม่ทำงานเพราะฉะนั้นเราถึงจะ
00:02:27 → 00:02:30 ต้องทำการช่วย CPR ด้วยการทำให้ปอดแล้วก็
00:02:30 → 00:02:34 หัวใจเราเนี่ยกลับมาทำงานได้เป็นปกติค่ะ
00:02:34 → 00:02:37 เมื่อเวลาที่หัวใจและปอดเรากลับมาทำงาน
00:02:37 → 00:02:41 ได้เป็นปกติเนี่ยก็จะสามารถบีบเลือดสูบ
00:02:41 → 00:02:43 ฉีดไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกายได้เป็น
00:02:43 → 00:02:46 ปกติโดยเฉพาะอวัยวะที่สำคัญสำคัญเลยค่ะ
00:02:46 → 00:02:48 อย่างเช่นสมองหรือแม้กระทั่งตัวกล้าม
00:02:48 → 00:02:51 เนื้อหัวใจเองหรือแม้กระทั่งไตค่ะ
00:02:51 → 00:02:54 อันเนี้ยคือหัวใจสำคัญของการทำ CPR เลย
00:02:54 → 00:02:55 ค่ะค่ะเพราะฉะนั้นอันนี้เป็นเรื่องที่
00:02:55 → 00:02:59 สำคัญมากเพราะว่าจะสามารถช่วยชีวิตเขาได้
00:02:59 → 00:03:01 หรือต่ออายุผู้ป่วยหรือคนที่ประสบเหตุ
00:03:01 → 00:03:04 การณ์ต่างๆได้เนี่ยก็ตรงเรื่องของการทำ
00:03:04 → 00:03:08 CPR เลยใช่มั้ยคะค่ะต้องทำ CPR ได้เร็ว
00:03:08 → 00:03:10 แล้วก็มีประสิทธิภาพด้วยนะคะถึงจะทำให้
00:03:11 → 00:03:13 ผู้ป่วยไม่เสียโอกาสในการมีชีวิตอยู่หรือ
00:03:13 → 00:03:17 หรือว่าช่วยลดเค้าเรียกว่าอะไรลดอ่าอัตรา
00:03:17 → 00:03:19 ความพิการหลังจากการทำ CPR ได้ด้วยค่ะ
00:03:19 → 00:03:22 เพราะฉะนั้นจะมีความสำคัญมากอืฟังแบบนี้
00:03:23 → 00:03:25 แล้วเหมือนกับว่าต้องมีการเรียนรู้แบบ
00:03:25 → 00:03:28 จริงๆจังๆวิธีการทำ CPR ที่ถูกต้องเอ่อ
00:03:28 → 00:03:31 ขั้นตอนต่างหรือแม้จอย่างที่เมื่อกี้
00:03:31 → 00:03:32 อาจารย์บอกคุณผู้ฟังว่าเป็นเรื่องของ
00:03:32 → 00:03:35 จังหวะอ่าประสิทธิภาพด้วยอันนี้ที่เป็น
00:03:35 → 00:03:38 จุดสำคัญอย่างยิ่งใช่มั้ยคะแต่ว่าก่อนจะ
00:03:38 → 00:03:39 ไปถึงขั้นตอนตรงนั้นเดี๋ยวขออนุญาต
00:03:39 → 00:03:41 อาจารย์อย่างี้นิดนึงว่าเอ๊ะแล้วเราจะ
00:03:41 → 00:03:44 ประเมินสถานสถานการณ์ยังไงว่าคนนี้ควรทำ
00:03:44 → 00:03:47 CBR นะคนนี้เอ่อไม่เป็นไม่เป็นไรเดี๋ยว
00:03:47 → 00:03:49 เอ่ออาจจะเป็นวิธีการปฐมพยาบาลอย่างอื่น
00:03:49 → 00:03:52 อันนี้เรามีการประเมินในสถานการณ์ต่างๆ
00:03:52 → 00:03:56 นี้ยังไงบ้างอ่ะคะอ่าถูกต้องเลยค่ะว่า
00:03:56 → 00:03:59 ก่อนที่เราจะช่วยเหลือใครหรือว่าทำ CPR
00:03:59 → 00:04:01 ใครเนี่ยเราต้องต้องรู้ก่อนว่าคนนั้น
00:04:01 → 00:04:03 ต้องการความช่วยเหลือในขั้นไหนเพราะว่า
00:04:03 → 00:04:05 ถ้าสมมุติว่าเราประเมินผิดช่วยผิดเนี่ย
00:04:05 → 00:04:08 มันก็เสียโอกาสทั้งคนไข้ทั้งคนช่วยนะคะ
00:04:08 → 00:04:11 อันนี้เลยเนาะก็ตามขั้นตอนแล้วเนี่ยเขาจะ
00:04:11 → 00:04:14 มีห่วงโซ่ในการช่วยชีวิตผู้ป่วยอ่ะค่ะอัน
00:04:15 → 00:04:17 นี้เป็นหลักโดยสากลเลยนะคะจะประกอบด้วย
00:04:17 → 00:04:20 ทั้งหมด 5 ห่วงโซ่ห่วงโซ่ที่ 1 ก็คือการ
00:04:20 → 00:04:22 โทรแจ้งหรือโทรขอความช่วยเหลือห่วงโซ่ที่
00:04:22 → 00:04:26 2 ก็คือการทำ CPR ห่วงโซ่ที่ 3 ก็คือการ
00:04:26 → 00:04:29 ใช้ aed หรือว่าเครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ
00:04:29 → 00:04:33 ห่วงโซ่ที่ 4 ก็คืออ่าระบบพยาบาลหรือว่า
00:04:33 → 00:04:36 ระบบอ่าอจนอ่ะค่ะที่จะเข้ามาช่วยห่วงโซ่
00:04:36 → 00:04:39 ที่ 5 เนี่ยก็จะเป็นที่สถานพยาบาละเพราะ
00:04:39 → 00:04:42 ฉะนั้นในระดับของประชาชนทั่วไปเนี่ยห่วง
00:04:42 → 00:04:45 โซ่ที่ 1 2 3 เนี่ยถือว่าสำคัญมากช่วย
00:04:45 → 00:04:47 บุคลากรทางการแพทย์ช่วยคนไข้ได้เยอะมาก
00:04:47 → 00:04:51 เลยค่ะซึ่งห่วงโซ่ที่ 1 เนี่ยก็จะตั้งแต่
00:04:51 → 00:04:53 เรื่องของการประเมินสถานการณ์ณจุดเกิด
00:04:53 → 00:04:57 เหตุอันเนี้ยสำคัญมากเช่นเราพบคนหมดสติ
00:04:57 → 00:05:00 ที่ข้างแคมป์ก่อสร้างอย่างเงี้ยค่ะแล้วเ
00:05:00 → 00:05:02 ก็กำลังแบบยกเคนยกอะไรอยู่เราจะช่วยตรง
00:05:02 → 00:05:05 นั้นไม่ได้เราต้องประเมินที่จุดเกิดเหตุ
00:05:05 → 00:05:08 ก่อนว่าจุดเกิดเหตุนั้นมันปลอดภัยมเพราะ
00:05:08 → 00:05:11 ว่าเราต้องคำนถึงความปลอดภัยของทั้งคนหมด
00:05:11 → 00:05:13 สติแล้วก็คนช่วยอย่างที่ผ่านมาค่ะเราจะ
00:05:13 → 00:05:18 เคยได้ยินข่าวเนาะบางทีเ่อผู้ประชาชนคนคน
00:05:18 → 00:05:20 คนนหวังดีบางท่านอย่างเงี้ยค่ะลงไปช่วย
00:05:20 → 00:05:23 เหลือโดยที่ไม่ได้ประเมินจุดเกิดเหตุว่า
00:05:23 → 00:05:25 มันปลอดภัยสำหรับเราแล้วก็สำหรับคนที่
00:05:25 → 00:05:28 ประสบภัยไหมมันก็จะทำให้เกิดการสูญเสีย
00:05:29 → 00:05:31 ทั้งอย่าเงี้ยค่ะอันนี้ต้องประเมินก่อน
00:05:31 → 00:05:33 ประเมินสถานการณ์ประเมินจุดเกิดเหตุก่อน
00:05:33 → 00:05:36 ค่ะค่ะอืก็ต้องดูว่าเอ่อจุดตรงนั้นเนี่ย
00:05:36 → 00:05:39 มีความปลอดภัยมากน้อยแค่ไหนหรือว่าเอ่อมี
00:05:39 → 00:05:41 ความสุ่มเสี่ยงหรือเปล่าอย่างงี้ใช่มั้ย
00:05:41 → 00:05:43 คะเพราะว่าออย่างเมื่อกี้อาจารย์ยกตัว
00:05:43 → 00:05:45 อย่างว่าถ้าอยู่ในบริเวณไซส์งานก่อสร้าง
00:05:45 → 00:05:48 เนี่ยซึ่งมันอาจจะมีอะไรหล่นมาหรืออะไร
00:05:48 → 00:05:52 มากกว่านั้นก็เป็นไปได้อืใช่เพราะฉะนั้น
00:05:52 → 00:05:54 ถ้าเราประเมินแล้วว่าตรงจุดเกิดเหตุไม่
00:05:54 → 00:05:57 ปลอดภัยเนี่ยค่ะเราต้องรีบเคลื่อนย้ายอ่า
00:05:57 → 00:05:59 ผู้ประสบภัยหรือว่าผู้ป่วยเนี่ยออกไปที่
00:05:59 → 00:06:01 จุดจุดที่ปลอดภัยก่อนแล้วเราค่อยเริ่ม
00:06:01 → 00:06:04 ดำเนินการขั้นตอนต่อไปก็คือขั้นตอนช่วย
00:06:04 → 00:06:07 เหลืออันที่ 2 ก็คือประเมินผู้ป่วยค่ะค่ะ
00:06:07 → 00:06:10 อือันนี้การประเมินผู้ป่วยเนี่ยค่ะ
00:06:10 → 00:06:14 อาจารย์คะเอ่อเราจะต้องสังเกตยังไงมีวิธี
00:06:14 → 00:06:17 การยังไงเพราะว่าอ่ะอย่างถ้าเกิดคนไม่มี
00:06:17 → 00:06:19 ประสบการณ์เลยเนี่ยจะไปเอะอะะ CP อย่าง
00:06:19 → 00:06:22 เดียวก็มันก็คงจะไม่ได้ใช่มั้ยคะใช่ค่ะ
00:06:22 → 00:06:26 เพราะฉะนั้นนะคะในในระดับอ่าของแบบประชา
00:06:26 → 00:06:28 ชนทั่วไปที่ต้องรู้เนี่ยขอแบ่งให้เป็น 3
00:06:28 → 00:06:31 ข้อง่ายๆเลยนะคะเริ่มจากเวลาที่เราไปเห็น
00:06:31 → 00:06:34 คนเ่อเริ่มเริ่มจากเวลาที่เราไปเจอ
00:06:34 → 00:06:37 สถานการณ์ที่มีคนหมดสติหรืออะไรก็ตามเรา
00:06:37 → 00:06:40 ต้องประเมินก่อนแบ่งออกเป็น 3 อย่างเลยนะ
00:06:40 → 00:06:43 คะอันที่ 1 ประเมินว่าเขาหมดสติมหมดสติ
00:06:43 → 00:06:46 แล้วไม่หายใจอันเนี้ยคือเราต้องทำ CPR
00:06:46 → 00:06:49 อันนี้ถือว่ารุนแรงแต่ถ้าสมมุติว่าคนไข้
00:06:49 → 00:06:53 เ่อหมดสติแต่ยังหายใจอันเนี้ยเราจัดท่า
00:06:53 → 00:06:57 ให้อยู่ในท่าที่ปลอดภัยแล้วก็จัดอ่าให้
00:06:57 → 00:07:00 ทางเดินหายใจลงด้วยการอาจจะตะแคงศีรษะไป
00:07:00 → 00:07:02 ข้างใดข้างนึงป้องกันไม่ให้ลิ้นตกไปอุด
00:07:03 → 00:07:05 ท่อทางเดินหายใจเพื่อที่จะให้คนไข้ยังได้
00:07:05 → 00:07:08 รับออกซิเจนจากการหายใจเข้าออกเป็นปกติ
00:07:08 → 00:07:12 อันที่ 3 เนี่ยคือคนไข้อาจจะแค่อ่าเป็นลม
00:07:12 → 00:07:14 แต่ว่าปลุกเรียกแล้วรู้สึกตัวรู้เรื่อง
00:07:14 → 00:07:17 อันนี้ก็จะปฐมพยาบาลตามอาการเพราะฉะนั้น
00:07:17 → 00:07:21 จะแบ่งเป็น 3 อย่างเลยค่ะอืซึ่งอันนี้ที่
00:07:21 → 00:07:26 เน้นก็คือการหมดสติอ่าถ้าถ้าไม่หายใจอ่ะ
00:07:26 → 00:07:29 อาจารย์คะถ้าไม่หายใจเราต้องสิ CPR เลย
00:07:30 → 00:07:32 มั้ยคะซึ่งเราไม่รู้แหละว่าเขาหมดสติไป
00:07:32 → 00:07:36 นานมากน้อยแค่ไหนเป็นระยะเวลานานแค่ไหน
00:07:36 → 00:07:39 ค่ะเพราะฉะนั้นเวลาที่เราไปถึงเนาะแล้ว
00:07:39 → 00:07:42 เราประเมินผู้ป่วยแล้วเราจะรู้ได้ไงว่าคน
00:07:42 → 00:07:44 ไข้หมดสติหรือไม่หมดสติเราต้องปลุกเรียก
00:07:44 → 00:07:47 ก่อนวิธีการก็คือใช้มือเราอ่ะค่ะ 2 มือ
00:07:47 → 00:07:51 เนี่ยตกไปที่บาของคนไข้เช่นเรียกเรียกคุณ
00:07:51 → 00:07:54 คุณคุณคะคุณคะถ้าเาไม่มีอาการตอบสนองเรา
00:07:54 → 00:07:56 ไม่หือไม่อือกับเราเนี่ยสิ่งที่เราต้องทำ
00:07:56 → 00:07:59 คือสายตาเราต้องมองไปที่หน้าอกเลยค่ะค่ะ
00:07:59 → 00:08:01 ถ้าสมมุติว่าเค้ายังหายใจอยู่เราจะเห็น
00:08:01 → 00:08:04 การกระเพื่อมของหน้าอกตามจังหวะการหายใจ
00:08:04 → 00:08:07 เข้าออกแต่ถ้าเค้าไม่หายใจเนี่ยนับในใจ
00:08:07 → 00:08:10 เลยค่ะ 10 วินาทีการประเมินเรื่องของการ
00:08:10 → 00:08:13 หายใจสำคัญมากไม่ควรจะเกิน 10 วินาทีและ
00:08:13 → 00:08:16 ไม่ควรจะน้อยกว่า 5 วินาทีเพราะฉะนั้นจะ
00:08:16 → 00:08:19 ต้องนับ 1-10 ในใจเลยค่ะแล้วก็ตาก็จ้องไป
00:08:19 → 00:08:23 ที่หน้าอกเนาะแล้วก็นับไปเลย 1 2 3 4
00:08:23 → 00:08:25 ไปจนถึง 10 ถ้าสมมุติว่าไม่เห็นการ
00:08:25 → 00:08:28 กระเพื่อมเข้าออกหรือขึ้นลงของทรวงอก
00:08:28 → 00:08:31 เนี่ยแสดงว่าว่าคนเนี้ยหมดสติและไม่หายใจ
00:08:31 → 00:08:34 สิ่งที่เราจะต้องทำต่อไปก็คือขอความช่วย
00:08:34 → 00:08:38 เหลือแล้วก็ทำการ CPR ค่ะแต่ถ้าว่าเรา
00:08:38 → 00:08:42 ประเมินแล้วเหมดสติแต่ว่าหน้าอกยังมีการ
00:08:42 → 00:08:45 ขยายมีการกระเพื่อมขึ้นลงแสดงว่าคนเนี้ย
00:08:45 → 00:08:48 แค่หมดสติแต่ว่ายังหายใจได้สิ่งที่ต้องทำ
00:08:48 → 00:08:51 ก็อย่างที่เรียนไปที่ผ่านมาค่ะว่าต้องจัด
00:08:51 → 00:08:54 ให้เขานอนอยู่ในท่าที่อ่านอนในท่าที่เปิด
00:08:54 → 00:08:57 ทางเดินหายใจให้โล่งเช่นนอนในท่าตะแคง
00:08:57 → 00:08:59 ศีรษะไปข้างซ้ายหรือข้างขวาอะไรอย่าง
00:08:59 → 00:09:03 เงี้ยค่ะเพื่อที่จะยใจเป็นปกติค่ะตะแคงสี
00:09:03 → 00:09:06 เฉพาะศีรษะใช่มั้ยคะไม่ต้องตะแคงตัวใช่
00:09:06 → 00:09:10 ค่ะอืแต่คือนอนราบไปแล้วก็อาจจะมีอะไร
00:09:10 → 00:09:13 หนุนศีรษะมั้ยคะหรือว่าไม่จำเป็นก็คือแต่
00:09:13 → 00:09:16 ว่าให้ให้ศีรษะเนี่ยอยู่ในในแบบทั้งตัว
00:09:16 → 00:09:20 เี่นอนตรงราบไปเลยแบบนั้นมั้ยคะคือจริงๆ
00:09:20 → 00:09:23 แล้วถ้าสมมุติว่าเรารู้เหตุอ่ะค่ะว่าคน
00:09:23 → 00:09:25 ไข้ไม่ได้ศีรษะกระแทกหรือว่าไม่ได้เกิด
00:09:25 → 00:09:27 อุบัติเหตุแบบที่กระแทกกระดูกหรืออะไร
00:09:27 → 00:09:29 อย่างเงี้ยอันเนี้ยเราก็สามารถที่จะยก
00:09:29 → 00:09:33 ศีรษะสูงแล้วก็จัดตะแคงหน้าได้แต่ว่าถ้า
00:09:33 → 00:09:35 สมมุติว่าเราเป็นคนไปพบเจอแล้วไม่รู้ว่า
00:09:35 → 00:09:37 มันเกิดเหตุอะไรอย่างเงี้ยค่ะเราแค่เอียง
00:09:38 → 00:09:40 ศีรษะคนไข้ไปด้านซ้ายหรือด้านขวาป้องกัน
00:09:40 → 00:09:43 ไม่ให้ลิ้นมันตกเวลาที่คนไข้หมดสติอ่ะค่ะ
00:09:43 → 00:09:46 เ่อลิ้นเรามันมีความสุ่มเสี่ยงสูงมากที่
00:09:46 → 00:09:48 จะตกไปอุดกั้นทางเดินหายใจอย่าเงี้ยคะ
00:09:48 → 00:09:50 เพราะฉะนั้นเวลาที่เราตะแคงหน้าคนไข้ไป
00:09:50 → 00:09:53 แค่ด้านซ้ายหรือด้านขวาอันนี้ก็จะเป็นการ
00:09:53 → 00:09:55 ช่วยป้องกันการอุดกั้นทางเดินหายใจได้
00:09:55 → 00:09:57 แล้วค่ะอ๋ออันนี้ก็สำคัญด้วยนะคะอ่ะอย่าง
00:09:57 → 00:10:00 น้อยอย่าอย่างน้อยเยังหายหายใจได้อยู่นะ
00:10:00 → 00:10:03 อันนี้ก็ยังสบายใจได้นะคะแต่ถ้าหมวดสติ
00:10:03 → 00:10:06 ไม่หายใจนี่เออเอ๊ะอาจารย์คะแล้วดูแค่ตรง
00:10:06 → 00:10:08 หน้าอกมันกระเพื่อมอย่างเดียวหรือว่าเรา
00:10:08 → 00:10:11 สามารถจับชีพจรอะไรได้ไคะเพราะว่าอ่ะบาง
00:10:11 → 00:10:13 ทีถ้าสมมุติว่าเป็นผู้ชายมาช่วยเหลือผู้
00:10:13 → 00:10:15 หญิงมันอาจจะดูแบบอุ๊ไปนั่งจ้องหน้าอกเ
00:10:15 → 00:10:17 เหลือมันอาจจะไม่ได้มีวิวินาทีนั้นที่มี
00:10:17 → 00:10:20 ใครคิดหรอกแต่ว่ามันอาจจะดูเอ๊ะไม่เหมาะ
00:10:20 → 00:10:22 หรือเปล่าหรือหรือคนอาจจะเข้าใจผิดอะไรม
00:10:22 → 00:10:26 เราสามารถจับที่ประจรที่ตรงบริเวณข้อมือ
00:10:26 → 00:10:31 ได้ไคะอย่างที่แบบเวลาเราจะเอ่อค่ะถ้าถ้า
00:10:31 → 00:10:33 ถ้าสมมุติว่าเป็นคนที่ได้ได้รับการเทรน
00:10:33 → 00:10:36 น่ะนะคะเวลาที่คได้หมดสติแล้วไม่หายใจ
00:10:36 → 00:10:39 เนี่ยคือชีพจรที่เขาจะจับอ่ะค่ะเขาจะจับ
00:10:39 → 00:10:43 บริเวณคอเพราะว่าถ้าสมมุติว่าคนไข้หมดหมด
00:10:43 → 00:10:46 สติแล้วก็ไม่หายใจเนี่ยนั่นคือหัวใจมัน
00:10:46 → 00:10:48 ไม่ทำงานเนาะมันจะไม่มันจะไม่สามารถที่จะ
00:10:48 → 00:10:51 คำชีพจรบริเวณข้อมือได้เลยค่ะมันจะไปไม่
00:10:51 → 00:10:54 ถึงจุดนั้นเลยเพราะฉะนั้นที่แพทย์หรือ
00:10:54 → 00:10:58 พยาบาลเวลาที่เาคำอ่ะค่ะเขาจะคำบริเวณคอ
00:10:58 → 00:11:01 ค่ะว่าว่าในในระดับของประชาชนเนี่ยค่ะเรา
00:11:01 → 00:11:05 ไม่ได้แนะนำให้คำชีพจรเนาะก็ตรงเนี้ก็คือ
00:11:05 → 00:11:09 ให้ถ้าปลุกเรียกแล้วแล้วคนไข้หมดสติไม่
00:11:09 → 00:11:11 ตื่นไม่ตอบไม่เหอไม่อือแล้วก็ดูว่าไม่มี
00:11:11 → 00:11:14 การหายใจอย่างเงี้ยค่ะอันเนี้ยถือว่าคน
00:11:14 → 00:11:17 ไข้หมดสติก็คือทำการ CPR ค่ะอ่าทีนี้มา
00:11:17 → 00:11:20 ถึงขั้นตอน CPR แล้วเพราะว่าอ่าหลายคนอาจ
00:11:21 → 00:11:23 จะยังไม่เคยได้ได้เรียนหรือได้ฝึกนะคะอัน
00:11:23 → 00:11:26 นี้ดิฉันเองเคยได้ฝึกครั้งนึงแต่ก็ไม่ได้
00:11:26 → 00:11:30 ง่ายเลยนะคะอาจารย์เพราะว่าไม่ง่ายค่ะไม่
00:11:30 → 00:11:33 ง่ายเออมีจังหวะมีเรื่องของเอ่อความหนัก
00:11:33 → 00:11:35 เบาหรือความต่อเนื่องอะไรพวกนี้ด้วยอ่ะ
00:11:35 → 00:11:39 ใช่ค่ะอืถ้างั้นคือเราจะทำยังไงได้บ้าง
00:11:39 → 00:11:42 อ่ะอย่างสมมุติในกรณีที่เราไปเจอเหตุ
00:11:42 → 00:11:44 ฉุกเฉินไม่เคยทำ CBR มาก่อนไม่เคยเรียนมา
00:11:44 → 00:11:47 ก่อนอ้าไม่กล้าแน่นอนเลยค่ะอาจารย์กลัว
00:11:47 → 00:11:49 กลัวเดี๋ยวจะไปทำให้เขายิ่งแย่แต่จริงๆ
00:11:50 → 00:11:53 ถ้าสามารถพอจะเบื้องต้นได้มยคะถ้าอย่าง
00:11:53 → 00:11:56 งี้ค่ะจริงๆแล้วมันก็มันก็พูดยากเหมือน
00:11:56 → 00:11:59 กันนะคะถ้าสมมุติว่าคนที่ไม่มีมีความรู้
00:11:59 → 00:12:03 ในการ CPR เลยเนี่ยจะจะไปทำ CPR เนี่ย
00:12:03 → 00:12:07 อันเนี้ยก็ก็ก็ไม่ควรนะคะเพราะว่าเอ่อ 1
00:12:07 → 00:12:11 ก็คือการ CPR ก็จะไม่ไม่ไม่มีประสิทธิภาพ
00:12:11 → 00:12:13 ด้วย 2 นอกจากไม่มีประสิทธิภาพแล้วอาจจะ
00:12:13 → 00:12:16 ยังเกิดภาวะแทรกซ้อนตามมาเช่นเราอาจจะเคย
00:12:16 → 00:12:20 ได้ยินว่าเวลา CPR แล้วตำแหน่งไม่ถูกต้อง
00:12:20 → 00:12:22 ก็จะทำให้เกิดอาการเ่อจะทำให้เกิดเรื่อง
00:12:22 → 00:12:26 ของกระดูกซี่โครงอ่ะค่ะหักไปิ้มปอดมี
00:12:26 → 00:12:28 เลือดออกมีอะไรอีกอันเนี้ยก็เ่อมันถึง
00:12:29 → 00:12:31 เป็นเรื่องที่สำคัญว่าทำไมเราต้องเทรน
00:12:31 → 00:12:33 ประชาชนทำไมเราต้องสอนประชาชนเรื่องของ
00:12:33 → 00:12:35 การช่วยเหลือการช่วยชีวิตเบื้องต้นอย่า
00:12:35 → 00:12:38 เงี้ยค่ะค่ะอ๋อมันสำคัญตรงนี้แล้วก็
00:12:38 → 00:12:41 จำเป็นมากๆด้วยยิ่งถ้าไม่เคยอาจจะไม่ไม่
00:12:41 → 00:12:44 ปลอดภัยสำหรับเ่อผู้ที่รับบาดเจ็บหรือคน
00:12:44 → 00:12:48 ป่วยอยู่ใช่มยคะอ่าถ้างั้นเบื้องต้นต่อมา
00:12:48 → 00:12:51 คือเป็นแบบที่อ่ะเคยเรียนมาบ้างแล้วค่ะ
00:12:51 → 00:12:54 อาจารย์แต่ยังไม่เคยได้ลงสถานการณ์จริง
00:12:54 → 00:12:57 เพราะว่าฝึกกับหุ่นค่ะอ่าค่ะถ้าสมมุติว่า
00:12:57 → 00:12:59 มีการฝึกกับหุ่นมาเนี่ยแสดงว่าเรามีความ
00:12:59 → 00:13:02 รู้พื้นฐานบ้างแล้วว่าเรารู้และขั้นตอน
00:13:02 → 00:13:04 ว่าเราจะช่วยยังไงอันเนี้ยก็คือสามารถที่
00:13:04 → 00:13:07 จะช่วยเหลือคนไข้ได้นะคะเวลาที่เราเห็น
00:13:07 → 00:13:09 สถานการณ์ที่แบบฉุกเฉินแล้วเราคิดว่าอ้า
00:13:09 → 00:13:11 เรามีความรู้ประมาณนึงแหละเราเข้าไปเป็น
00:13:12 → 00:13:14 ส่วนนึงในการช่วยได้อันนี้ก็จะเป็นเรื่อง
00:13:14 → 00:13:16 ที่ดีมากเลยค่ะก็จะเริ่มตั้งแต่อย่างที่
00:13:16 → 00:13:18 บอกเนาะประเมินสถานการณ์ที่จุดเกิดเหตุ
00:13:19 → 00:13:22 ประเมินคนไข้ปลุกเรียกคนไข้นะคะที่สำคัญ
00:13:22 → 00:13:24 ที่ 3 ก็คือเรื่องของการขอความช่วยเหลือ
00:13:24 → 00:13:27 อันนี้สำคัญมากซึ่งโดยเฉพาะเ่อเราบอกว่า
00:13:27 → 00:13:29 เราเคยเทรนมานะแต่เราไม่มีความมั่นใจหรือ
00:13:29 → 00:13:31 บางครั้งการช่วยคนไข้หรือช่วยผู้อื่น
00:13:31 → 00:13:34 เนี่ยค่ะบางครั้งเราไม่พอเพราะฉะนั้นการ
00:13:34 → 00:13:38 โทรแจ้งอ่าเบอร์ที่สำคัญเลยนะคะที่ทุกคน
00:13:38 → 00:13:41 จะต้องจำก็คือ 1669 เนาะที่เป็นเบอร์อ่า
00:13:41 → 00:13:43 ขอความช่วยเหลือทางด้านสาธารณสุขทางด้าน
00:13:43 → 00:13:45 การแพทย์เบอร์อีเจนซี่อย่างเงี้ยค่ะอัน
00:13:46 → 00:13:49 นี้ต้องโทรแล้วก็เวลาโทรเนี่ยเราก็ต้องมี
00:13:49 → 00:13:53 สติในการแจ้งด้วยว่าเราพบคนหมดสติแล้วก็
00:13:53 → 00:13:55 ต้องบอกสถานที่ด้วยนะคะบอกโลเคชั่นที่
00:13:55 → 00:13:58 สำคัญเพื่อที่จะว่าคนที่รับสายเนี่ยเจะ
00:13:58 → 00:14:00 รู้แล้วเจะได้มาถึงที่เราได้อย่างรวดเร็ว
00:14:01 → 00:14:04 นะคะนอกจาก 1669 แล้วที่สำคัญเลยที่เป็น
00:14:04 → 00:14:07 คีย์เวิร์ดสำคัญที่เราจะสอนคนที่มาอบรม
00:14:07 → 00:14:10 เนี่ยค่ะให้พูดก็คือขอเครื่อง aed
00:14:10 → 00:14:14 อ๋ออันนี้สำคัญมากต้องโทรแจ้งบอกสถานที่
00:14:14 → 00:14:18 แล้วก็ระบุเครื่อง aed มาด้วยค่ะค่ะอืค่ะ
00:14:18 → 00:14:20 หลังจากนั้นเนก็อย่างที่บอกว่าเราก็จะ
00:14:20 → 00:14:24 ต้องประเมินว่าคนไข้มีการหายใจมยถ้าหมด
00:14:24 → 00:14:27 สติแล้วไม่หายใจสิ่งที่จะต้องทำก็คือทำ
00:14:27 → 00:14:32 CPR จะมีคอนเซปอยู่ 3 คำค่ะลึกเร็วแรง
00:14:32 → 00:14:38 ลึกเร็วแรงอ่า 3 คำนี้อ่าคำว่าลึกเนี่ย
00:14:38 → 00:14:42 คือความหมายคืออะไรลึกคือการกดมือลึกลงไป
00:14:42 → 00:14:45 เท่าไหร่ค่ะเวลากดมือลึกความลึกในการที่
00:14:45 → 00:14:47 จะกดหน้าอกคนไข้อ่ะค่ะเราจะกดให้ลึก
00:14:47 → 00:14:52 ประมาณ 5-6 ซมนะคะหรือว่า 2-25 นิ้วเนาะ
00:14:52 → 00:14:55 อันนี้อันนี้คือพูดถึงในกรณีของผู้ใหญ่นะ
00:14:55 → 00:14:57 คะซึ่งผู้ใหญ่กับเด็กก็จะแตกต่างกันที่
00:14:57 → 00:15:00 ความลึกตรงนี้ค่ะแล้วก็เร็วนี่คืออัตตรา
00:15:00 → 00:15:02 ความเร็วเราต้องกดเร็วเท่าไหร่ล่ะถึงจะ
00:15:02 → 00:15:06 เรียกว่าพอดีอัตราความเร็วที่เขากำหนดให้
00:15:06 → 00:15:08 ว่าพอดีในการทำ CPR ได้อย่างมี
00:15:08 → 00:15:13 ประสิทธิภาพคือต้อง 100-120 ครั้งต่อนาที
00:15:13 → 00:15:18 ค่ะอืต่อนาทีนะคะโอเคใช่แล้วก็ความแรง
00:15:18 → 00:15:21 ความแรงในที่นี้คือแรงที่เรากดน่ะค่ะต้อง
00:15:21 → 00:15:24 เป็นแรงที่กดลงอย่างสม่ำเสมอแล้วก็มี
00:15:24 → 00:15:27 ประสิทธิภาพเพราะฉะนั้นแรงตรงเนี้ยค่ะมัน
00:15:27 → 00:15:32 จะมาจากเรื่องของถ้าในการที่เราจะก้มลงไป
00:15:32 → 00:15:35 กดหัวใจของคนไข้ก็คือกดหน้าอกของคนไข้ที่
00:15:35 → 00:15:39 สำคัญเลยคือแขนต้องตึงค่ะศอกต้องไม่งอแรง
00:15:39 → 00:15:43 ต้องมาจากแรงทั้งตัวเราโน้มลงไปที่ที่ฝา
00:15:43 → 00:15:46 มือที่กดที่หน้าอกที่คนไข้เราต้องใช้แรง
00:15:46 → 00:15:50 เราทั้งทั้งตัวค่ะกดลงไปได้ความลึก 5-6
00:15:50 → 00:15:53 ซมความเร็วที่ 100-120 ครั้งต่อนาทีแล้ว
00:15:53 → 00:15:57 ก็เอ่อความแรงของการกดอ่ะค่ะต้องสม่ำเสมอ
00:15:57 → 00:16:01 อืถึงจะเป็นว่าการทำ CPR ที่มี
00:16:01 → 00:16:04 ประสิทธิภาพเนี่ยถ้ามี 2 คนอันนี้จะดีมาก
00:16:04 → 00:16:07 เพราะว่าการทำ 1 รอบ 1 คนนี่คือคนช่วยนี่
00:16:07 → 00:16:11 คือเหนื่อยมากครับค่ะใช่ๆอันนี้ที่เคยฝึก
00:16:11 → 00:16:13 กับหุ่นนะอันนี้เล่าให้คุณผู้ฟังฟังด้วย
00:16:13 → 00:16:16 เพราะว่าตอนนั้นคือที่ทำงานให้เ่อเชิญกับ
00:16:16 → 00:16:19 เจ้าหน้าที่นะคะอีเจนซี่นี่แหละมาฝึกให้
00:16:19 → 00:16:23 แล้วก็โอ้โหคือความเร็วความแรงถ้าเราไม่
00:16:23 → 00:16:25 เคยได้ฝึกมาก่อนเี้ยค่ะหรือว่าการมาใช้
00:16:25 → 00:16:27 แรงที่เราเราไม่ได้มีคนมีแรงเยอะอย่าง
00:16:27 → 00:16:29 เงี้ยค่ะค่ะเอ้ยมันเหนื่อยจริงๆค่ะ
00:16:29 → 00:16:32 อาจารย์เหนื่อยมากจนแบบแล้วแล้วโดยตัว
00:16:32 → 00:16:35 หุ่นเนี่ยเขาจะมีเหมือนเป็นเส้นไฟให้เรา
00:16:35 → 00:16:39 ได้เห็นนะคะว่าเรากดได้ลึกแรงแล้วก็เร็ว
00:16:39 → 00:16:42 เป็นจังหวะเนี่ยได้หรือเปล่าเพราะว่าเส้น
00:16:42 → 00:16:43 ไฟเนี่ยที่วิ่งไปที่สมองหรืออะไรอย่าง
00:16:43 → 00:16:47 เงี้ยค่ะมันมันจะหายไปแสดงว่าเราแบบเริ่ม
00:16:47 → 00:16:50 แผวละเริ่มไม่มีแรงละช่วงแรกอาจจะยังแรง
00:16:50 → 00:16:53 ดีอยู่เนาะอาจารย์เนาะแบบนี้ที่หุ่นมันจะ
00:16:53 → 00:16:56 มีตัวตัวที่ระบุเส้นไฟอย่างอย่างที่
00:16:56 → 00:16:59 พิธีกรบอกนะคะว่าถ้าเกิดมันลึกลึกเกินไปอ
00:16:59 → 00:17:02 นั่นก็คือไม่ดีเวลาที่เรากดลึกเกินไปก็
00:17:02 → 00:17:05 ไม่ดีตื้นเกินไปก็ไม่ดีเพราะฉะนั้นอ่าที่
00:17:05 → 00:17:07 ดีที่สุดก็คือต้องลึกเหมาะสมอย่างที่บอก
00:17:07 → 00:17:10 ก็คือ 5-6 ซมถ้าสมมุติว่าเราฝึกกับหุ่น
00:17:10 → 00:17:13 มันจะมีกราฟบอกใช่มั้ยคะว่าความลึกเท่า
00:17:13 → 00:17:16 ไหร่เราถึงจะพอดีแล้วก็จะมีความเร็วในการ
00:17:16 → 00:17:19 บอกด้วยว่าเร็วเท่าไหร่ถึงจะพอดีอันเนี้ย
00:17:19 → 00:17:22 ทั้งหมดเนี่ยค่ะมันบ่งบอกถึงประสิทธิภาพ
00:17:22 → 00:17:25 ของการ CPR ถ้าสมมุติว่าทำได้อย่างที่บอก
00:17:25 → 00:17:29 ก็คือความลึก 5-6 ซมความเร็วอยู่ที่
00:17:29 → 00:17:32 100-120 ครั้งต่อนาทีแล้วก็ความแรงเนี่ย
00:17:32 → 00:17:35 ค่ะเหมาะสมแล้วก็เท่ากันตลอดทุกครั้ง
00:17:35 → 00:17:37 เนี่ยค่ะอันเนี้ยคือการ CPR อันเนี้ยเา
00:17:38 → 00:17:40 เรียกว่าการเป็นการ CPR ที่มีประสิทธิภาพ
00:17:40 → 00:17:42 ซึ่งมันก็จะทำให้การช่วยเหลือเนี่ยมี
00:17:42 → 00:17:45 โอกาสที่คนที่เราช่วยนี่จะฟื้นคืนกลับมา
00:17:45 → 00:17:48 ได้งค่ะอืแล้วอย่างจังหวะล่ะคะอาจารย์คะ
00:17:48 → 00:17:50 อาจารย์พอจะมีแบบแนะนำมั้ยคะเพราะว่า
00:17:50 → 00:17:55 จังหวะการกดลงไปเนี่ยอ่าเราควรจะ 1 2 3
00:17:55 → 00:17:57 แบบจังหวะมันต้องเร็วขนาดไหนหรือยังไงมย
00:17:57 → 00:17:59 คะเอ่อเอ่อจังหวะก็อย่างที่บอกก็คือ
00:17:59 → 00:18:02 เรื่องของความเร็วเนาะที่ 100-120 ครั้ง
00:18:02 → 00:18:05 ต่อนาทีจริงๆตอนเมันอใช่ค่ะมันมีหลายวิธี
00:18:05 → 00:18:09 มากที่เขาเอามาฝึกบางศูนย์ก็จะเอ่อให้ใช้
00:18:09 → 00:18:11 เป็นเพลงอะไรนะ
00:18:11 → 00:18:15 สุทใช่จะแบบต้องกดตามจังหวะเพราะว่าเขาไป
00:18:15 → 00:18:17 ดูมาแล้วว่าจังหวะเพลงเมันจะอยู่ที่
00:18:17 → 00:18:21 ประมาณ 120 ครั้งต่อนาทีอย่าเงี้ยค่ะอนับ
00:18:21 → 00:18:25 ในใจว่า 1 และ 2 และ 3 และ 4 และ 5 และ 6
00:18:25 → 00:18:29 ไปจนถึง 10 11 12 10 3 ซึ่งการนับ
00:18:29 → 00:18:31 อย่างเงี้ยค่ะบางทีบางทีนับในใจเราก็ลืม
00:18:31 → 00:18:33 หรือบางทีนับออกเสียงก็เหนื่อยอย่างเงี้ย
00:18:33 → 00:18:37 ค่ะบางเวลาค่ะเขาถึงต้องฝึกเรากับเพลงที่
00:18:37 → 00:18:40 มีจังหวะได้ประมาณ 100-120 ครั้งต่อนาที
00:18:40 → 00:18:43 ซึ่งก็ไม่ก็ไม่ได้จำกัดนะคะว่าต้องเป็น
00:18:43 → 00:18:46 เพลงแค่เพลงแบบสุขกันเทอราหรืออะไรก็แล้ว
00:18:46 → 00:18:48 แต่แต่ว่าให้หาจังหวะเพลงที่มันได้ประมาณ
00:18:48 → 00:18:52 100-120 ครั้งต่อนาทีเนี่ยค่ะมาฝึกอแล้ว
00:18:52 → 00:18:55 ถ้าเรากดแบบถี่มากกว่านั้นล่ะคะแบบโอ้โห
00:18:55 → 00:18:58 แรงเยอะเหลือเกินกดถี่มากกว่าร 100 -
00:18:58 → 00:19:00 120 ครั้งต่อนาทีจะเป็นอะไรมั้คะมันจะทำ
00:19:00 → 00:19:03 ให้แบบหน้าอกแบบบอบช้ำมั้ยหรืออะไรไงมยคะ
00:19:04 → 00:19:07 หรือว่าแบบอ๊ะกำลังดีะ 100 120 ครั้ง
00:19:07 → 00:19:11 ประมาณนี้พอจริงๆการการกดจำนวนครั้งของ
00:19:11 → 00:19:13 การกดอ่ะค่ะไม่ว่าจะกดกี่ครั้งเนาะมัน
00:19:13 → 00:19:15 เป็นแรงกดเข้าไปการบอบช้ำเนี่ยเกิดขึ้น
00:19:15 → 00:19:19 อยู่แล้วค่ะแต่ว่าอ่า 100 -10 ครั้งที่
00:19:19 → 00:19:22 เราบอกเนี่ยมันเป็นภาวะที่เราต้องนึกถึง
00:19:22 → 00:19:25 หัวใจเนาะหัวใจเรามีการบีบแล้วก็คลายเวลา
00:19:25 → 00:19:27 ที่บีบนี่คือบีบเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ
00:19:27 → 00:19:30 ของร่างกายเวลาที่คลายนี่ก็คือคลายก็คือ
00:19:30 → 00:19:32 เลือดจากส่วนต่างๆของร่างกายจะต้องไหล
00:19:32 → 00:19:35 กลับมาที่ห้องหัวใจเพราะฉะนั้นถ้าสมมุติ
00:19:35 → 00:19:38 ว่าเรากดเร็วเกินไปอย่างเงี้ยค่ะให้นึก
00:19:39 → 00:19:41 ถึงที่เราตื่นเต้นแล้วหัวใจเราเต้นเร็ว
00:19:41 → 00:19:46 อ่ะค่ะบางทีรู้สึกว่ามือเราเย็นเท้าเราชา
00:19:46 → 00:19:48 เพราะว่าการรีเทิร์นกลับของเลือดกลับมา
00:19:48 → 00:19:50 ที่ห้องหัวใจอ่ะค่ะอือมันไม่มี
00:19:50 → 00:19:53 ประสิทธิภาพเพราะฉะนั้นการสูบฉีดเลือดที่
00:19:53 → 00:19:55 จะออกจากห้องหัวใจเนี่ยเลือดมันกลับมา
00:19:55 → 00:19:57 น้อยการออกไปก็น้อยมันก็จะไปเลี้ยงส่วน
00:19:57 → 00:19:59 ปลายหรือไปไปเลี้ยงส่วนต่างๆได้ไม่เพียง
00:19:59 → 00:20:02 พออย่าเงี้ยค่ะค่ะมันเป็นการให้ให้เวลา
00:20:02 → 00:20:07 ให้เลือดไหลกลับมาที่ห้องหัวใจได้อ่อได้
00:20:07 → 00:20:09 อย่างเพียงพอแล้วก็มีปริมาณที่เหมาะสมค่ะ
00:20:09 → 00:20:11 แล้วก็หลังจากนั้นก็เรากดไปอีกทีก็จะเป็น
00:20:11 → 00:20:15 การบีบเลือดออกไปยังส่วนต่างๆของอ๋อเพราะ
00:20:15 → 00:20:17 ฉะนั้นนี่คือจังหวะที่เขาคได้มีการแบบ
00:20:17 → 00:20:22 เอ่อมีจังหวะของการบีบหรือการคลายของ
00:20:22 → 00:20:24 เลือดในหัวใจอยู่แล้วนะคะจังหวะกำลังดี
00:20:24 → 00:20:28 และนะคะทีนี้พอเริ่มดูยังไงคะว่าเค้า
00:20:28 → 00:20:32 เริ่มเออมีสติแล้วเอ้ยเค้าหัวใจเค้ากลับ
00:20:32 → 00:20:34 มาเต้นเป็นปกติแล้วเงี้ยค่ะในระหว่างที่
00:20:34 → 00:20:38 เรากำลังแบบปั๊มหัวใจอยู่ CPR อยู่อ่า
00:20:38 → 00:20:42 จริงจริงๆแล้วการการ CPR เนี่ยค่ะไม่ใช่
00:20:42 → 00:20:44 ว่าเราทำทำไปเสร็จปุ๊บแล้วเราก็จะจะหยุด
00:20:44 → 00:20:47 เลยเนาะมันก็จะมีขั้นตอนของมันก็คือในการ
00:20:47 → 00:20:51 CPR เนี่ยเราจะ CPR ทั้งหมดอ่า 5 รอบนะ
00:20:51 → 00:20:53 คะเราถึงจะหยุดแล้วก็ประคนไข้ 1 ครั้ง 5
00:20:53 → 00:20:57 รอบในที่นี้ก็คือกดหัวใจไป 30 ครั้งแล้ว
00:20:57 → 00:21:00 เราก็จะจะต้องให้ลมให้ลมในที่นี้ก็หมาย
00:21:00 → 00:21:03 ถึงการเป่าปากหรือว่าการอ่าที่เราเห็นใน
00:21:03 → 00:21:06 ละครหรือในทีวีที่มีการไปอดนั่นแหละค่ะ
00:21:06 → 00:21:09 เราจะต้องกดหัวใจไป 30 ครั้งสลับกับการ
00:21:09 → 00:21:12 ให้ลม 2 ครั้งแล้วก็กดหัวใจไปอีก 30
00:21:12 → 00:21:15 ครั้งให้ลม 2 ครั้งทำอย่างเงี้ยไปจนครบ 5
00:21:15 → 00:21:18 รอบแล้วเราก็จะประเมินคนไข้อีกทีนึงการ
00:21:18 → 00:21:21 ประเมินก็อย่างที่บอกก็คือดูว่าคนไข้มี
00:21:21 → 00:21:24 การหายใจแล้วหรือยังหรือคนไข้มีปฏิกิริยา
00:21:24 → 00:21:28 ที่บ่งบอกว่าตื่นมั้ยเช่นมีมีแบบไอมี
00:21:28 → 00:21:31 สำลักหรือว่ามีแบบการขยับหรืออะไรอย่าง
00:21:31 → 00:21:33 เงี้ยค่ะอันนี้ก็คือเป็นเป็นอาการที่บ่ง
00:21:33 → 00:21:37 บอกว่าเขาฟื้นคืนกลับมาและค่ะอืเขาก็จะมี
00:21:37 → 00:21:40 สัญญาณบอกเราให้เราได้ได้สังเกตเห็นแล้ว
00:21:40 → 00:21:44 อย่างงี้คือเราก็อ่าค่อยๆให้เขาเอ่อทำการ
00:21:44 → 00:21:47 ปฐมพยาบาลต่อไปถ้าสมมุติว่ารถเ่อฉุกเฉิน
00:21:47 → 00:21:49 คู้ชีพฉุกเฉินมาถึงและอันนี้ก็จะเป็น
00:21:49 → 00:21:51 เรื่องของเจ้าหน้าที่พยาบาลและใช่มั้คะ
00:21:51 → 00:21:55 ที่เขาจะทำอะไรต่ออ๋อแต่ถ้าเกิดสมมุติว่า
00:21:55 → 00:21:58 ค่ะประชาชนเลยคือจะต้องช่วย CP อ่าไปจน
00:21:58 → 00:22:01 กว่าเครื่อง aed จะมาหรือไปจนกว่ารถ
00:22:01 → 00:22:04 พยาบาลจะมา
00:22:04 → 00:22:07 อ๋อต่อเนื่องไปเลยถึงแม้ว่าจะมีสติรู้ตัว
00:22:07 → 00:22:10 แล้วก็ตามแต่ว่าถ้าคนไข้มีสติรู้ตัวแล้ว
00:22:10 → 00:22:13 หยุดค่ะหยุดแล้วก็ให้การประถมบานตามอาการ
00:22:14 → 00:22:18 ค่ะอือๆแต่ถ้าเกิดยังไม่ฟื้นก็ทำต่อทำไป
00:22:18 → 00:22:22 เรื่อยๆค่ะอ๋อถ้ามี 2 คนจะยังกำลังดีเลย
00:22:22 → 00:22:25 เนาะใช่ค่ะถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่คนไข้ไม่
00:22:25 → 00:22:28 ฟื้นแล้วเราหยุดนั่นหมายถึงคนไข้โอกาสของ
00:22:28 → 00:22:31 คนไข้ก็ก็หมดลงเรื่อยๆค่ะเพราะฉะนั้นถ้า
00:22:31 → 00:22:33 ไม่ฟื้นถ้ายังหมดสติอยู่ต้องช่วยไปเรื่อย
00:22:33 → 00:22:36 ๆจนกว่ารถพยาบาลจะมาถึงบอกว่าเรื่องของ
00:22:36 → 00:22:38 การเ่อ Call for He เรื่องของการขอความ
00:22:38 → 00:22:41 ช่วยเหลือค่ะสำคัญเพราะเราทำคนเดียวเนี่ย
00:22:41 → 00:22:45 คือ 1 ไซเคิลที่บอกว่า 30 ครั้งกับการให้
00:22:45 → 00:22:47 ลม 2 ครั้ง 5 รอบถือว่าเป็น 1 ไซเคิลอัน
00:22:48 → 00:22:51 นี้คือคนเดียวก็หล้าะะถ้ามีคนตัวเนี้ยมัน
00:22:51 → 00:22:55 ก็จะทำให้การช่วยคนคนไข้ตอนนั้นคือดีขึ้น
00:22:55 → 00:22:58 ค่ะมีประสิทธิภาพมากขึ้นค่ะโอ้โหไม่ง่ายง
00:22:58 → 00:23:01 เลยค่ะอาจารย์แต่ก็ไม่ได้ยากเกินไปแต่ว่า
00:23:01 → 00:23:03 คือเหมือนกับว่าเราต้องฝึกบ่อยๆเลยเนาะ
00:23:03 → 00:23:06 แบบจนจนเราเกิดความมั่นใจเกิดความเคยชิน
00:23:06 → 00:23:10 กล้าที่จะเข้าไปช่วยคนที่ต้องรีบช่วย
00:23:10 → 00:23:14 เหลือแบบนี้แล้วก็เรื่องของการวางมือก็ก็
00:23:14 → 00:23:16 สำคัญมากค่ะเวลาที่เราเ่าข้อควรระวัง
00:23:16 → 00:23:19 อย่างนึงเนาะเวลาที่เรากดลงไปที่หน้าอกคน
00:23:19 → 00:23:23 ไข้อ่ะค่ะเวลาที่กดกดลงไปค่ะมันจะมีโอกาส
00:23:23 → 00:23:25 มากที่มือเราจะเคลื่อนตำแหน่งสัต์มือเรา
00:23:26 → 00:23:29 ที่วางไปตรงกลางหน้าอกอ่ะค่ะอออันเนี้ย
00:23:29 → 00:23:32 ต้องให้มันอยู่กับที่สมมตินะคะเรามือซ้าย
00:23:32 → 00:23:35 เราถนัดซ้ายเราเอามือซ้ายวางบนหน้าอกของ
00:23:35 → 00:23:39 คนไข้มือขวาก็ก็จะต้องวางบนมือซ้ายแล้ว
00:23:39 → 00:23:42 เราจะอุ้งมือเราเนี่ยค่ะสัมือเนี่ยเป็น
00:23:42 → 00:23:44 ตัวที่กดใช้แรงในการกดลงไปเพราะฉะนั้น
00:23:44 → 00:23:47 ตำแหน่งต้องนิ่งแล้วก็ต้องอยู่กับที่
00:23:47 → 00:23:49 เพราะถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่ตำแหน่งของมือ
00:23:49 → 00:23:51 ไม่นิ่งไม่อยู่กับที่แล้วมันเกิดการ
00:23:51 → 00:23:54 เคลื่อนอ่ะค่ะถ้าสมมุติว่าโดนกระดูกซี่
00:23:54 → 00:23:58 โครงอ๋อก็ทำให้เกิดซี่โครงหักตามมาได้ค่ะ
00:23:58 → 00:24:01 ซึ่งซึ่งบางทีก็กลัวตรงนี้เหมือนกันค่ะ
00:24:01 → 00:24:04 อาจารย์ที่แบบว่าเคยได้ยินมาว่าอาจจะทำ
00:24:04 → 00:24:09 ให้กระดูกไปทิ่มเอ้ยซี่โครงเนาะไปทิ่มปอง
00:24:09 → 00:24:12 ทิ่มปอดอะไรอย่างเงี้ยก็ก็จะไม่กล้าเข้า
00:24:12 → 00:24:14 ไปอีก 1 สเต็ปเลยทีนี้อันนี้ก็จะเป็นข้อ
00:24:14 → 00:24:17 ควรระวังมีอะไรเพิ่มเติมอีกมั้ยคะอาจารย์
00:24:17 → 00:24:20 เอ่อจริงๆแล้วคืออันนี้เป็นแค่ข้อควร
00:24:20 → 00:24:22 ระวังเนาะแต่ที่สำคัญคือถ้าสมมุติว่าเรา
00:24:22 → 00:24:25 มีความรู้หรือว่ามีความสามารถที่จะช่วย
00:24:25 → 00:24:28 ได้ให้ช่วยไปก่อนเพราะว่าถ้าคฟื้นคืนกลับ
00:24:28 → 00:24:31 มาค่ะภาวะพวกเนี้ยมันยังรักษาได้แต่ถ้า
00:24:31 → 00:24:34 สมมุติว่าเรามีความกลัวแล้วก็ไม่กล้าช่วย
00:24:34 → 00:24:36 เพราะว่าเอออาจจะจากเนี่ยเคยได้ยินมา
00:24:36 → 00:24:38 อย่างที่พูดเงี้ยอันเนี้ยจะเป็นจะเป็น
00:24:39 → 00:24:41 ส่วนที่แบบพอเรากลัวแล้วเราจะไม่กล้าช่วย
00:24:41 → 00:24:44 พอไม่กล้าช่วยก็จะทำที่เ้าหมดสติอยู่อ่ะ
00:24:44 → 00:24:47 ค่ะเสียโอกาสที่จะน่าเสียดายมากความรู้
00:24:48 → 00:24:50 ตรงเนี้ยแนะนำว่าช่วยค่ะเพราะว่าถ้าเป็น
00:24:50 → 00:24:53 ภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นทีหลังเนี่ยถ้า
00:24:53 → 00:24:56 ถ้าเขารอดกลับมาเนี่ยเรายังรักษาค่ะอค่ะ
00:24:56 → 00:24:59 เพราะฉะนั้นก็ถ้าถ้าเกิดว่าเ่อฟังตรงนี้
00:24:59 → 00:25:02 แล้วคุณผู้ฟังมีความสนใจนะคะอาจจะเอ่อที่
00:25:02 → 00:25:04 แต่ละโรงพยาบาลเนี่ยเน่าจะมีการสอนอยู่
00:25:04 → 00:25:07 แล้วหรือว่าอาจจะเข้าไปดูในอินเทอร์เน็ต
00:25:07 → 00:25:09 เพิ่มเติมก็ได้ท่าทางหรืออะไรอย่างเงี้ย
00:25:09 → 00:25:11 ค่ะหรือจริงๆเราไปฝึกกับหุ่นหรืออะไร
00:25:11 → 00:25:14 เงี้ยได้ก็จะยิ่งดีนะคะเชื่อว่าน่าจะมี
00:25:14 → 00:25:16 หลายๆหน่วยงานหรือโรงเรียนหรืออะไรอย่า
00:25:16 → 00:25:20 เงี้ยชุมชนต่างๆเนี่ยได้เชิญอ่าอย่างของ
00:25:20 → 00:25:23 คณะอาจารย์หรือว่าผู้ที่ทำหน้าที่หน่วย
00:25:24 → 00:25:26 คู่ชีพฉุกเฉินแบบนี้เนี่ยเเข้าไปสอนเนาะ
00:25:26 → 00:25:29 อาจารย์เนาะก็จะได้แบบประโยชน์เกิดขึ้น
00:25:29 → 00:25:32 ได้ใชค่ะอันนี้คือสำคัญมากเพราะว่าถ้า
00:25:32 → 00:25:35 อย่างเราดูข่าวเนาะกับสถานการณ์ปัจจุบัน
00:25:35 → 00:25:38 เนี่ยบางทีหลายท่านน่ะมองว่าการการปั๊ม
00:25:38 → 00:25:40 หัวใจการ CPR การช่วยชีวิตเป็นหน้าที่ของ
00:25:40 → 00:25:43 หมอพยาบาลหรือเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลทั้ง
00:25:43 → 00:25:46 นั้นดูมันดูมันไกลเกินตัวจริงๆแล้วมันไม่
00:25:46 → 00:25:49 ไกลเลยนะคะมันสามารถเกิดได้ทั้งคนในบ้าน
00:25:49 → 00:25:52 หรือสถานที่สาธารณะหรือทั่วๆไปเลยหรือแม้
00:25:52 → 00:25:55 กระทั่งคที่แบบแข็งแรงเองอย่างอย่างตัว
00:25:55 → 00:25:58 เองอ่ะค่ะเวลาที่เอ่อดูข่าหลังๆก็จะเห็น
00:25:58 → 00:26:01 ว่ามีคนที่กำลังออกกำลังกายอยู่เนี่ยขนาด
00:26:01 → 00:26:03 ว่าเป็นคนที่แข็งแรงไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
00:26:03 → 00:26:07 เงี้ยหมดสติก็ช่วย CP กันแล้วก็เคยประสบ
00:26:07 → 00:26:08 เหตุกับตัวเองด้วยนะ
00:26:08 → 00:26:12 คะขณะที่แบบเอ่อไปไปวิ่งเงี้ค่ะในในขณะ
00:26:12 → 00:26:14 ที่เราไปอยู่กับกลุ่มนักกีฬาอย่าเงี้ยค่ะ
00:26:14 → 00:26:17 นักวิ่งมาราธอนเงี้ยเราคิดว่าทุกคนแข็ง
00:26:17 → 00:26:19 แรงไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแล้วก็เกิดเหตุมี
00:26:19 → 00:26:23 คนหมดสติหัวใจหยุดเต้นแล้วก็ได้ช่วย C
00:26:23 → 00:26:25 จริงๆอันนี้คือแบบสำคัญมากถ้าสมมุติว่า
00:26:25 → 00:26:28 ใครมีโอกาสได้เข้าฝึกอบรมหรือว่าอยากมี
00:26:28 → 00:26:31 ความรู้พื้นฐานติดตัวอันนี้แนะนำเลยค่ะ
00:26:31 → 00:26:33 ว่าให้ลองเสิร์ชเข้าไปดูว่ามันจะมีทั้ง
00:26:33 → 00:26:36 ที่ที่เขาอบรมฟรีแล้วก็แบบอาจจะเสียเงิน
00:26:36 → 00:26:40 ค่าลงทะเบียนอบรมแต่ว่ามันคุ้มค่าค่ะใช่
00:26:40 → 00:26:42 ค่ะเพราะว่านาทีชีวิตเนี่ยมันเกิดขึ้นที่
00:26:42 → 00:26:44 ไหนเมื่อไหร่ก็ได้บางทีอาจจะเป็นคนใกล้
00:26:44 → 00:26:47 ตัวเป็นคนที่เรารักก็ได้ด้วยอ่ะนะคะอ่า
00:26:47 → 00:26:49 นี่ก็เป็นสิ่งที่เรานำมาฝากคุณผู้ฟังกัน
00:26:49 → 00:26:52 นะคะข้อมูลเพิ่มเติมนี้ก็ๆเราหาความรู้
00:26:52 → 00:26:54 กันได้อยู่แล้วนะคะขอบคุณอาจารย์ค่ะที่มา
00:26:54 → 00:26:58 ร่วมพูดคุยในรายการนะคะขอบคุณค่ะค่ะค่ะ
00:26:58 → 00:27:02 สวัสดีค่ะเอาล่ะค่ะคุณผู้ฟังคะหมดเวลา
00:27:02 → 00:27:04 แล้วนะคะกับรายการโรงหมอของเราในวันนี้นะ
00:27:04 → 00:27:06 คะพบกันใหม่ครั้งหน้าค่ะวันนี้ลาไปก่อน
00:27:06 → 00:27:10 ค่ะสวัสดีค่ะ This Is Toy PBS podcast
00:27:10 → 00:27:12 โรคเบาหวานส่วนใหญ่มีต้นตอมาจากอะไรจุด
00:27:13 → 00:27:15 ตัดใดที่แพทย์จะบอกได้ว่าเป็นเบาหวานหรือ
00:27:15 → 00:27:18 ยังผู้ช่วยศาสตราจารย์ดรเอกราชบำรุงพืช
00:27:18 → 00:27:20 ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการมหาวิทยาลัย
00:27:20 → 00:27:24 ธุรกิจบัณฑิตมาเล่าให้ฟังครับเบาหวาน
00:27:24 → 00:27:27 เนี่ยต้องบอกก่อนว่าเป็นโรคที่แทบจะมีทุก
00:27:27 → 00:27:30 บ้านนะจะเป็นจากพฤติกรรมนี่แหละที่เรากิน
00:27:30 → 00:27:32 เนี่ยเป็นหลักโดยเฉพาะเรื่องของความอ้วน
00:27:32 → 00:27:35 อ้วนลงพุงนะไขมันในช่องท้องที่ทำให้เรา
00:27:35 → 00:27:38 เนี่ยเกิดภาวะดื้อต่ออินซูลินอคำว่าดื้อ
00:27:38 → 00:27:40 ต่ออินซูลินก็คืออินซูลินเนี่ยหลายๆท่าน
00:27:40 → 00:27:43 คงเคยได้ยินว่าเป็นฮอร์โมนที่ตับอ่อนหรือ
00:27:43 → 00:27:46 ร่างกายของเราสร้างขึ้นมาเพื่อเก็บน้ำตาล
00:27:46 → 00:27:49 จากเลือดเนี่ยเข้าไปสู่เซลล์ไปใช้ในเซลล์
00:27:49 → 00:27:51 แล้วถ้าดื้อเมื่อไหร่ปุ๊บน้ำตาลมันก็ไม่
00:27:51 → 00:27:53 ถูกเก็บเข้าไปในเซลล์มันก็ลอยตุ้งแหน่งๆ
00:27:53 → 00:27:55 แหน่งอยู่ในกระแสเลือดทำให้น้ำตาลในเลือด
00:27:55 → 00:27:59 ขึ้นสูงซึ่งทางการแพทย์เนี่ยครับมีจุดตัด
00:27:59 → 00:28:02 ของระดับน้ำตาลในเลือดเวลาเราไปตรวจฟาติ
00:28:02 → 00:28:04 พลาสมากลูโคสในเลือดเนี่ยที่ว่าเอ้ยงดน้ำ
00:28:04 → 00:28:07 งดอาหาร 8-10 ช่วโมงนะแล้วไปเจาะเลือด
00:28:07 → 00:28:11 ตรวจถ้าใครมีค่าเลือดอยู่ที่ระดับ 126
00:28:11 → 00:28:14 มิลกรัมเดซิขึ้นไปอันนี้จะถูกวินิจฉัย
00:28:14 → 00:28:16 แล้วว่าคุณเป็นบาหวาดนะแต่ถ้าใครอยู่ใน
00:28:16 → 00:28:17 ช่วง
00:28:17 → 00:28:20 100-15 นั่นคือภาวะที่เราเรียกว่า PR
00:28:20 → 00:28:23 diabetes ภาวะก่อนเบาหวานซึ่งภาวะเนี้ย
00:28:24 → 00:28:26 เป็นภาวะที่สำคัญมากครับพูดง่ายๆว่า
00:28:26 → 00:28:28 เปรียบเสมือนช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อและเพราะ
00:28:28 → 00:28:31 น้ำตาลในเลือดเนี่ยไม่ควรเกิน 100 แต่คุณ
00:28:31 → 00:28:33 น่ะอยู่ในช่วง 100-15 ซึ่งเป็นช่วง
00:28:33 → 00:28:35 บอร์เดอร์ไลน์เลยใกล้จะไปเป็นเบาหวานแล้ว
00:28:35 → 00:28:37 นะเหมือนเตือนน่ะสัญญาณเตือนแล้วไฟเหลือง
00:28:38 → 00:28:40 อ่าถ้าเป็นเบาหวานตื๊ดขึ้นแดงเลยงั้นแล้ว
00:28:40 → 00:28:42 ไอ้ช่วงเหลืองนี่แหละครับที่เราต้องใช้
00:28:42 → 00:28:46 อาหารเป็นยานะช่วยในการบำบัดใช้โภชนะ
00:28:46 → 00:28:49 บำบัดโดยเฉพาะพืชผักสมุนไพรเพราะเมื่อ
00:28:49 → 00:28:51 ไหร่ก็ตามที่คุณเป็นเบาหวานแล้วคุณต้อง
00:28:51 → 00:28:55 รักษาแต่เดชบุญการแพทย์ปัจจุบันนี้เขาพบ
00:28:55 → 00:29:00 ว่าเบาหวานเนี่ยหายได้เบาหวานเข้าสู่ระยะ
00:29:00 → 00:29:04 สงบได้เขาเรียก diabetes remission แล้ว
00:29:04 → 00:29:07 คนที่เป็นเบาหวานโปรดฟังทางนี้ท่านสามารถ
00:29:07 → 00:29:09 ทำให้หายได้แต่มันก็สามารถที่จะฟุ้งกลับ
00:29:09 → 00:29:12 คืนขึ้นมาได้เช่นเดียวกันนะแล้วคำว่าเบา
00:29:12 → 00:29:16 หวานหายได้เนี่ยคือต้องบอกว่ามันก็ยังแบบ
00:29:16 → 00:29:18 ไม่ได้หายขานอีกคำนึงที่เขาใช้กันในแง่
00:29:18 → 00:29:22 วิชาการคือเบาหวานเข้าสู่ระยะสงบก็คือมัน
00:29:22 → 00:29:26 ไม่เกินขึ้นมาน้ำตาลในเลือดไม่สูงเกินค่า
00:29:26 → 00:29:28 น้ำตาลเฉลี่ยสะสมก็สำคัญว่าเอ้ยเราไม่ควร
00:29:28 → 00:29:32 เกิน 5.7 อ่าบางคนน้ำตาลในเลือดหมอจะนัด
00:29:32 → 00:29:34 ตรวจน้ำตาลแล้ววันจันทร์เสาร์อาทิตย์คุณ
00:29:34 → 00:29:37 ลุงคุณป้าพ่อแม่ปู่ย่าตายยายหอกเอ้ยไม่
00:29:37 → 00:29:40 กินงดของหวานไปก่อนเพราะเดี๋ยวจะตรวจน้ำ
00:29:40 → 00:29:42 ตาลในเลือดเฮ้ยเหมือนคุมน้ำตาลได้ดีนะ
00:29:42 → 00:29:46 เพราะมันเป็นน้ำตาลที่เราฟาสติ้งมาวัน 2
00:29:46 → 00:29:49 วันก่อนตรวจมันก็จะควบคุมได้แลอาจจะแบบ
00:29:49 → 00:29:52 ว่าตบตาคุณหมออ่าแต่น้ำตาลสะสมนี่แหละมัน
00:29:52 → 00:29:55 จะสะท้อนให้เห็นว่าเฮ้ยที่ผ่านมาคุณมี
00:29:55 → 00:29:58 พฤติกรรมในการดูแลสุขภาพโดยเฉพาะพฤติกรรม
00:29:58 → 00:30:02 การกินได้ดีมากน้อยแค่
00:30:02 → 00:30:07 ไหน This Is Toy PBS
00:30:07 → 00:30:10 podcast ติดตามรายการทางเว็บไซต์และ
00:30:10 → 00:30:13 Application ของ Thai PBS podcast
00:30:13 → 00:30:16 spotify South Cloud Google podcast
00:30:16 → 00:30:19 Apple podcast และ YouTube Channel
00:30:19 → 00:30:23 Thai PBS podcast tha PBS podcast
00:30:23 → 00:30:26 View the world via The
00:30:26 → 00:30:33 Voice
00:30:33 → 00:30:36 อ