00:00:00 → 00:00:03 This Is Thai PBS podcast View the
00:00:03 → 00:00:05 world vi The
00:00:05 → 00:00:08 Voice สวัสดีครับผมวีรพงษ์ทวีศักดิ์
00:00:08 → 00:00:12 ดิฉันสุธิราพรปรีเปรมและนี่คือศัลยกรรม
00:00:12 → 00:00:15 ความสุขรายการที่ฟังแล้วทำให้คุณมีความ
00:00:15 → 00:00:20 สุขมากขึ้นมีความทุกข์น้อยลงพี่หวีคะครับ
00:00:20 → 00:00:25 ผมเมื่อกี้เยตอนก่อนอัดรายการอ่ะฮะเออพี่
00:00:25 → 00:00:28 อ้อยอ่ะบอกเจ้าหน้าที่ว่าเอ่อยังไม่ได้
00:00:28 → 00:00:32 เช็คเสียงเลยนะคะเออๆๆเออแล้วก็เจ้าหน้า
00:00:32 → 00:00:36 ที่ตอบว่าบอกว่าก็รอพี่อ้อยไปนั่งที่ก่อน
00:00:36 → 00:00:37 นะ
00:00:37 → 00:00:42 ครับพี่อ้อยนะคะเฮ้ยเหมือนจะหงายเงิบเลย
00:00:42 → 00:00:46 อ่ะเออๆก็เลยจะถามพี่วีว่าพี่วีอ่ะเงิบ
00:00:46 → 00:00:47 อ่ะเคย
00:00:47 → 00:00:51 [เพลง]
00:00:51 → 00:00:53 มั้ย
00:00:53 → 00:00:59 โอ้โหถามมาแบบนี้ผมตอบตรงๆเลยได้มยอ่ะค่ะ
00:00:59 → 00:01:02 ตอบตรงๆลงนะครับพี่อ้อยแล้วคุณผู้ฟังครับ
00:01:02 → 00:01:05 แล้วก็ตรอบสั้นๆด้วยอื้อ
00:01:05 → 00:01:10 บ่อยอุ๊ยบ่อยเลยหรอคะบ่อยๆๆเนี่ยเออแต่
00:01:10 → 00:01:12 เมื่อกี้เคุณผู้ฟังครับต้องบอกก่อนนะครับ
00:01:12 → 00:01:16 ว่าคือพี่ออจะมาถามผมว่าเงิบอ่ะเคยมั้ย
00:01:16 → 00:01:19 ใช่มั้ยแล้วที่ผมบอกว่าบ่อยเนี่ยใช่แต่
00:01:19 → 00:01:22 ว่าความเป็นจริงเนี่ยคุณผู้ฟังรู้มั้ยว่า
00:01:22 → 00:01:25 ตอนที่เริ่มรายการพี่อ้อยก็เล่าให้ฟังว่า
00:01:25 → 00:01:27 เมื่อตกี้นี้ตอนที่จะก่อนบันทึกรายการ
00:01:27 → 00:01:31 เนี่ยเราจะต้องมีการนั่งไปจากจำที่แล้วก็
00:01:31 → 00:01:34 เช็คไมโครโฟนนู่นนี่นั่นใช่มั้ยเสร็จปึ๊บ
00:01:34 → 00:01:36 แล้วก็โอเคพร้อมบันทึกรายการก็บันทึกกัน
00:01:37 → 00:01:39 อะไรเงี้ใช่มั้ยแต่เมื่อกี้เนี่ยคุณผู้
00:01:39 → 00:01:42 ฟังคือพี่อ้อยถามผมว่าเคยมั้ยแต่เมื่อกี้
00:01:42 → 00:01:46 เนี่ยพี่อ้อยแสดงให้เห็นก่อนเลยอันนี้
00:01:46 → 00:01:48 แสดงด้วยแสดงด้วยเลยแต่ว่ามันเป็นเรื่อง
00:01:48 → 00:01:51 จริงฮะเพราะว่าใช่ตอนที่พี่อ้อยถามกับ
00:01:51 → 00:01:54 เจ้าหน้าที่อ่ะที่จะเตรียมเรื่องไมค์
00:01:54 → 00:01:57 เนี่ยพี่อ้อยนี่เค้าก็ปรารถนาดีไงคุณผู้
00:01:57 → 00:02:00 ฟังพี่อ้อยเค้าก็เดินมาแล้วเก็กำลังดิน
00:02:00 → 00:02:03 น้ำในแก้วแล้วจะเอาน้ำมาวางตรงที่ผมนั่ง
00:02:03 → 00:02:06 เราวางเรานั่งห่างกันนิดหน่อยพี่อ้ก็จะ
00:02:06 → 00:02:08 เตรียมน้ำมาให้ผมอะไรอย่างเงี้ยระหว่าง
00:02:08 → 00:02:11 นั้นก็เลยถามเจ้าหน้าที่แต่ลืมไปว่าจะให้
00:02:11 → 00:02:13 เจ้าหน้าที่เนี่ยเช็คไมยให้ตัวเองแต่ลืม
00:02:14 → 00:02:16 ไปว่าตัวเองเนี่ยไม่ได้นั่งประจำ
00:02:16 → 00:02:20 ที่เชื่อมั่นค่ะเชื่อมั่นคิดแต่ว่าเฮ้ย
00:02:20 → 00:02:24 ยังไม่ได้เช็คไมค์เออๆเออแต่ไม่ได้ดูว่า
00:02:24 → 00:02:27 ตัวเองตอนนั้นน่ะอยู่ในสสภาวะพร้อมที่จะ
00:02:27 → 00:02:30 เช็คใหม่มั้ยเออๆๆอเนี้ยเรียกว่าเงือบของ
00:02:30 → 00:02:34 แท้เลยใช่มั้ยใช่ค่ะเงือบเลยรีบวิ่งกลับ
00:02:34 → 00:02:37 มานั่งที่เลยเออแล้วอาการเงือบนี่มันมัน
00:02:37 → 00:02:39 เป็นอย่าพอเราเงื่อปุ๊บอาการเป็นอย่าง
00:02:39 → 00:02:43 งั้นแล้วผลของมันเป็นยังไงพี่อ้อยก็ก็จะ
00:02:43 → 00:02:47 บอกว่านะรู้ตัวเออเออรู้ตัวว่าเฮ้ยเรา
00:02:47 → 00:02:53 กำลังไม่ได้ทำในสิ่งที่ควรทำหรือถูกต้อง
00:02:53 → 00:02:57 อะไรประมาณเนี้ยอืๆแล้วคนเราเนี่ยในความ
00:02:57 → 00:03:00 เป็นจริงเถ้าพี่อ้อยถามว่าเคยเงิบมาม
00:03:00 → 00:03:02 เนี่ยอือเออบางทีก็น่าจะเคยเหมือนกันนะ
00:03:02 → 00:03:05 ต้องต้องเคยทุกคนนะคะแต่บางทีแบบแค่ไม่
00:03:05 → 00:03:10 ได้จดจำก็เลยนึกไม่ออกเท่าไรอแล้วก็แค่
00:03:10 → 00:03:14 มันก็มีหลายเรื่องนะอือเรื่องเล็กเรื่อง
00:03:14 → 00:03:18 ใหญ่เรื่องจำเป็นเรื่องไม่จำเป็นเรื่อง
00:03:18 → 00:03:22 ที่ไม่ได้ส่งผลเสียอะไรมากหรือเรื่องนั้น
00:03:22 → 00:03:27 ส่งผลเสียต่อความรู้สึกนิดหน่อยอืหรืออาจ
00:03:27 → 00:03:32 จะส่งผลเสียแบบมากมายมหาศาลก็มีอือซึ่ง
00:03:32 → 00:03:35 ทั้งหลายทั้งมวลเนี่ยผมคิดว่านะอือเราน่า
00:03:35 → 00:03:39 จะเรียนรู้อะไรบางอย่างจากจากเรื่องเงือบ
00:03:39 → 00:03:43 เล็กๆก่อนน่ะอือแล้วเราจะเข้าใจว่ามันมา
00:03:43 → 00:03:46 จากไหนค่ะมันมาจากความเชื่อมันมาจากความ
00:03:46 → 00:03:51 คิดอะไรค่ะแล้วมันส่งผลต่อวิถีปฏิบัติใน
00:03:51 → 00:03:53 ชีวิตเรายังไงอ่าเรื่องนึงที่ผมนึกถึง
00:03:54 → 00:03:56 เรื่องเงิบนี่ผมนึกถึงเรื่องอะไรหพี่อ้อย
00:03:56 → 00:03:58 อะไรคะผมเคยเห็นรุ่นน้องคนนึงนะพี่อ้อย
00:03:59 → 00:04:02 อือเา้าก็ไปเจอคือระหว่างที่เรากำลังทำ
00:04:02 → 00:04:04 อะไรกันอยู่ก็ไม่รู้แล้วมีผู้ใหญ่คนนึง
00:04:04 → 00:04:07 เดินเข้ามาอือแล้วน้องคนนี้เขาคก็จะยกมือ
00:04:07 → 00:04:10 ไหว้ผู้ใหญ่คนนั้นอือแต่ผู้ใหญ่คนนั้นไม่
00:04:10 → 00:04:15 เห็นอือพอไม่เห็นปุ๊บน้องคนนี้เ้าแบบ
00:04:15 → 00:04:17 อาการเหมือนเคเเสียเซเสียหน้าประมาณนึง
00:04:17 → 00:04:20 เี้เสียหน้าเงี้ยเออว่าไหว้แล้วผู้ใหญ่
00:04:20 → 00:04:25 ไม่เห็นออวิธีที่เขาปฏิบัติก็คือเคเยกมือ
00:04:25 → 00:04:27 ขึ้นมาเหมือนจะไหว้ใช่มั้ยอแต่พอผู้ใหญ่
00:04:27 → 00:04:30 ไม่เห็นปุ๊บเค้าก็เลยประมาณว่าฉันไม่ได้
00:04:30 → 00:04:33 ไหว้หรอกฉันกำลังจะเกาจมูกอะไรเงี้ยอือัน
00:04:33 → 00:04:36 นี้เป็นเรื่องเล็กเลยนะพี่อ้อยเออค่ะแต่
00:04:36 → 00:04:40 ว่ามันมันส่งผลต่อวิธีคิดหรือว่าวิธี
00:04:40 → 00:04:45 ปฏิบัติตัวของใครบางคนหลังจากนั้นอืก็คือ
00:04:45 → 00:04:48 เคยได้ยินคำพูดนี้หรือเคยได้ยินใครสักคน
00:04:48 → 00:04:51 นึงพูดแบบนี้กับเด็กรุ่นใหม่มั้ยค่ะว่า
00:04:51 → 00:04:55 เลยว่าไม่มีสัมมาคารวะเลยอ๋ออันนี้เป็น
00:04:55 → 00:05:00 ข้อหาแรงมั้ยเนี่ยแรงแล้วสิ่งที่ส่งผล
00:05:00 → 00:05:03 หรือสิ่งที่เขาทำแล้วทำให้เราไปคนบางคนไป
00:05:03 → 00:05:06 ว่าเ้าแบบเนี้ยก็คืออะไรไม่มีสัมมาคาราวา
00:05:06 → 00:05:11 เนี่ยอมันมันตัดสินเค้าเรียกว่าลึกๆเลย
00:05:11 → 00:05:15 ถึงเค้าเรียกว่าอะไรการอยู่กับสังคมอ่ะอื
00:05:15 → 00:05:19 ว่าเาแย่อืเออสัมมาคารวะมันใช้กับผู้ใหญ่
00:05:19 → 00:05:22 เด็กผู้ใหญ่เนาะเออเด็กกับผู้ใหเอแสดงว่า
00:05:22 → 00:05:25 ไม่ไม่รู้เด็กรู้ผู้ใหญ่หรืออะไรประมาณ
00:05:25 → 00:05:28 เนี้ยอืแรงอ่ะแล้วเป็นเรื่องแรงแต่ว่าภาพ
00:05:28 → 00:05:32 แรกที่เราจะเห็นเลยนะถ้ามีเด็กคนนึงเจอ
00:05:32 → 00:05:34 ผู้ใหญ่แล้วไม่ไหว้เนี่ยอือก็จะโดนข้อหา
00:05:34 → 00:05:38 นี้เลยอืโคอันนี้เป็นเรื่องเริ่มต้นสุด
00:05:38 → 00:05:41 ค่ะแล้วก็หลังจากนั้นก็จะไปเรื่องอื่นที่
00:05:41 → 00:05:43 หนักหนากว่านั้นแต่ผมพูดถึงเรื่องนี้
00:05:43 → 00:05:46 เพราะอะไรเพราะว่าอค่ะคนคนนึงเนี่ยพี่
00:05:46 → 00:05:48 อ้อยที่ครั้งนึงนะที่ผมเล่าให้ฟังตั้งแต่
00:05:48 → 00:05:52 แรกว่ายกมือไหว้ผู้ใหญ่แล้วแล้วไม่เห็น
00:05:52 → 00:05:55 ไม่เห็นเนี่ยก็เลยรู้สึกเขินอือเขินปึ๊บ
00:05:55 → 00:05:58 หลังจากนั้นเจะเกิดการเรียนรู้ว่าออยัง
00:05:58 → 00:06:01 ไม่ไว้อยู่ไม่ไหว้อือยังไม่ไหว้ดีกว่าอือ
00:06:01 → 00:06:04 ค่ะอย่างเงี้ยอือก็เพราะเค้ามีความเนี่ย
00:06:05 → 00:06:07 เค้ารู้เรู้เค้ามีความรู้สึกว่าถ้าเกิด
00:06:07 → 00:06:10 ไหว้แล้วไม่เห็นคือเสียหน้าอคืออะไรนะคะ
00:06:10 → 00:06:13 เสียหน้าแบบอ๋อเสียหน้าแบบไหว้แล้วเไม่
00:06:13 → 00:06:17 เห็นน่ะอือหรือถ้าเกิดใครสักคนนึงเนี่ย
00:06:17 → 00:06:22 ไหว้อือแล้วเค้าไม่รับไหว้เนี่ยอือมี
00:06:22 → 00:06:25 ประเด็นเลยนะพี่อ้อยเมื่อเร็วๆเนี่ยค่ะใน
00:06:25 → 00:06:27 วงการการเมืองเป็นผู้ใหญ่เป็นผู้ใหญ่ในวง
00:06:27 → 00:06:30 การการเมืองเลยแต่ว่าอคนนึงใหญ่กว่าอีกคน
00:06:30 → 00:06:35 นึงอือๆแล้วคนนึงก็ไหว้เสร็จแล้วผู้ใหญ่
00:06:35 → 00:06:39 กว่าอือไม่หันมามองแล้วไม่รับไหว้อืนัก
00:06:39 → 00:06:42 ข่าวเอาประเด็นนี้มาเล่นเลยอือๆเห็นมั้
00:06:42 → 00:06:44 เรื่องการไหว้กับการไม่รับไหว้เนี่ยอือ
00:06:44 → 00:06:46 มันทำให้มีความรู้สึกเสียหน้าเสียศักดิ์
00:06:46 → 00:06:50 ศรีแบบเฮ้ยหรือว่าเมีประเด็นกันหรือๆๆ
00:06:50 → 00:06:53 โอ้โหไปนิรามไปเลยเนี่ยเราไปสร้างเค้า
00:06:53 → 00:06:57 เรียกว่าแนวคิดอย่างงั้นเองอ่ะใช่เออแต่
00:06:57 → 00:07:00 ว่าเรื่องของการไหว้เนี่ยหลังจากนั้นนี่
00:07:00 → 00:07:02 มีอยู่ครั้งนึงผมก็เจออีกคนนึงพี่อยค่ะคน
00:07:02 → 00:07:06 นี้เป็นผู้ใหญ่มากเลยอือแล้วผมแบบผมเกิด
00:07:06 → 00:07:09 การเรียนรู้เลยนะผู้ใหญ่คนนี้เนี่ยเป็น
00:07:09 → 00:07:12 เป็นนักธุรกิจที่แบบมีธุรกิจแบบหลาย
00:07:12 → 00:07:15 บริษัทน่ะแล้วเป็นผู้ใหญ่มากแล้วเเคยเป็น
00:07:15 → 00:07:19 ประธานในหน่วยงานองค์กรองกรหนึงนะฮะที่ผม
00:07:19 → 00:07:22 เข้าไปร่วมงานด้วยอือแล้วเราก็ตอนนั้นเรา
00:07:22 → 00:07:25 ก็ยังเป็นเด็กๆอยู่นะค่ะแต่ผู้ใหญ่ท่าน
00:07:25 → 00:07:29 นี้เนี่ยโผล่หน้ามาเจอหน้ามาปึ๊บยกมือ
00:07:29 → 00:07:31 ไหว้เราก่อนทุกครั้งเลย
00:07:31 → 00:07:35 เออจนเราแบบต้องระมัดระวังอ่ะถ้าไปรู้ว่า
00:07:35 → 00:07:37 จะไปเจอคนนี้เนี่ยค่ะต้องเตรียมพร้อมเสมอ
00:07:37 → 00:07:40 เลยพี่อ้อยเพราะอปกติเราต้องไหว้เค้าก่อน
00:07:40 → 00:07:43 ใช่มั้ยใช่ๆแต่ปึ๊บหันมาปุ๊บเยกมือไหว้
00:07:43 → 00:07:45 ก่อนเลยเราก็จะต้องแบบเตรียมพร้อมอย่าง
00:07:45 → 00:07:48 มากเงี้ยอเนี่ยเราก็จะเห็นเลยว่าแสดงว่า
00:07:48 → 00:07:52 ผู้ใหญ่คนนี้เมีทัศนคติเมีวิธีคิดต่อต่อ
00:07:52 → 00:07:56 การว่ายังไงเรื่องเนี้ยพี่วีก็เปลี่ยน
00:07:56 → 00:07:59 วิธีคิดของพี่อ้อยเหมือนกันเออเมื่อก่อนน
00:07:59 → 00:08:03 อ้อยอ่ะแบบคิดว่าเอ้ยยังยังไม่ได้ไหว้
00:08:03 → 00:08:05 เพราะว่าไม่รู้ฉันแก่กว่าเธอหรือเธอแก่
00:08:05 → 00:08:09 กว่าฉันอย่างงี้เลยนะเออเออแล้วก็พอตอน
00:08:09 → 00:08:11 หลังอ่ะเจอผู้ใหญ่อย่างที่พี่วีพูดเมื่อ
00:08:11 → 00:08:14 กี้อ่ะค่ะท่านอายุเยอะกว่าเราเยอะเป็นที่
00:08:14 → 00:08:17 ปรึกษาแล้วแบบรู้เลยคือไม่ต้องมาดูว่าฉัน
00:08:17 → 00:08:20 แก่กว่าเธอหรือเธอแก่กว่าฉันเด็กกฉันเจอ
00:08:20 → 00:08:23 ปุ๊บท่านไหว้ก่อนเลยไม่ว่าเด็กกว่าพี่
00:08:23 → 00:08:26 อ้อยอีกก็ไหว้ตั้งแต่นั้นมาเหมือนพี่วี
00:08:26 → 00:08:29 เลยระวังตัวแล้วก็ต้องระวังตัวไม่ใช่
00:08:30 → 00:08:32 ระวังตัวอะไรระวังตัวว่าเจอปุ๊บฉันต้อง
00:08:32 → 00:08:35 ไหว้ก่อนแล้วก็กลายเป็นเปลี่ยนพฤติกรรม
00:08:35 → 00:08:38 พี่อ้อยเป็นว่าไม่รู้ว่าเจอใครฉันไหว้
00:08:38 → 00:08:40 ก่อนจนกระทั่งมีรุ่นน้องบอกพี่อย่าไหว้ผม
00:08:40 → 00:08:43 เดี๋ยวผมอายุสั้นอันนั้นก็เป็นวิธีคิดของ
00:08:43 → 00:08:47 เขาอีกนะเออเฮ้ยแต่อันนี้น่าสนใจนะเราเรา
00:08:47 → 00:08:49 พูดถึงเรืองว่าเงิบนะเคยมั้ยแต่ว่าตอนนี้
00:08:49 → 00:08:52 เราโฟกัสเรื่องเดียวเลยนะเรื่องการทักทาย
00:08:52 → 00:08:54 เนี่ยเพราะว่าถ้าคนมีความรู้สึกว่าทัก
00:08:54 → 00:08:58 แล้วเไม่เห็นเนี่ยมันเงือบอ่ะอือแล้วมัน
00:08:58 → 00:09:02 เสียหน้าแล้วมันเสียความรู้สึกแล้วมันอ
00:09:02 → 00:09:04 เต็มไปหมดเลยเนี่ยแต่ว่าเอาแค่เรื่องนี้
00:09:04 → 00:09:06 ก่อนแล้วเดี๋ยวเราค่อยมีเวลาไปเรื่องอื่น
00:09:06 → 00:09:08 ที่ใหญ่ขึ้นเนี่ยนะค่ะแต่ว่ามันเป็น
00:09:08 → 00:09:10 เรื่องเรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องเล็กแต่
00:09:10 → 00:09:13 ว่าโมเดลเดียวกันอือคือมันเป็นเรื่องของ
00:09:13 → 00:09:16 อาการเงือบหรือไม่เงือบเนี่ยมันมันอยู่
00:09:16 → 00:09:19 ที่ความคิดน่ะแล้วพอเราเข้าใจแบบนี้ปุ๊บ
00:09:19 → 00:09:22 ถ้าพี่อ้อยบอกเนี่ยค่ะผมก็จะบอกกับตัวเอง
00:09:22 → 00:09:26 เลยว่าไม่รู้อ่ะไหว้ไปก่อนเลยใช่เพราะ
00:09:26 → 00:09:29 อะไรเพราะว่าคนที่ไหว้เนี่ยไม่มีข้อเสีย
00:09:29 → 00:09:33 เลยนะอืออคือแม้กระทั่งเราไหว้ในสภาวะที่
00:09:33 → 00:09:35 ไม่ควรไหว้
00:09:35 → 00:09:38 อืก็ไม่เกิดข้อเสียไม่เกิดผลเสียใดๆกับ
00:09:39 → 00:09:43 เราเลยค่ะอย่างเงี้ยค่ะเค้าไม่เห็นคือผม
00:09:43 → 00:09:45 ก็จะถือหลักนี้เลยนะพี่อ้อยผมก็บอกว่าถ้า
00:09:45 → 00:09:48 ผมยกมือไหว้ผมเคยตอนนั้นเรียนอยู่มหาลัย
00:09:48 → 00:09:50 เนี่ยผมเจออาจารย์ปุ๊บผมก็จะยกมือไหว้แต่
00:09:50 → 00:09:53 อาจารย์ยังไม่หันมามองนะค่ะผมก็ไม่รู้สึก
00:09:53 → 00:09:57 ว่าเสียอะไรอืผมก็จะค้างอยู่งั้นจนกว่า
00:09:57 → 00:10:01 เขาจะหันมามองอ๋อผมก็จะก้มหัวลงไปต่ออีก
00:10:01 → 00:10:05 นิดนึงคือไว้ให้จบกระบวนการอืถ้ายกมือ
00:10:05 → 00:10:08 ขึ้นพนมแล้วก็ยังไม่เห็นอผมก็ไม่รู้สึก
00:10:08 → 00:10:11 ว่าเสียอะไรผมก็ค้างอยู่อย่างงั้นจน
00:10:11 → 00:10:13 อาจารย์หันกลับมาผมก็จะก้มหน้าต่อสวัสดี
00:10:13 → 00:10:17 ครับอาจารย์อย่างี้ของพี่ย่อยวิ่งใส่เออ
00:10:17 → 00:10:20 วิ่งก็ใส่เลยถ้าถ้าถ้าสสถานการณ์ทำได้นะ
00:10:20 → 00:10:25 อือก็วิ่งไปสวัสดีไปทิตัวเออทีนี้เรา
00:10:26 → 00:10:28 กำลังพูดถึงเรื่องเนี่ยเงิบน่ะเคยมั้ย
00:10:28 → 00:10:30 เนี่ยแต่ว่าอันนี้มันมันเป็นเงือบอันเนื่
00:10:30 → 00:10:34 มาจากความคิดนะพี่อ้อยใช่ค่ะพี่อ้อยมีนึก
00:10:34 → 00:10:36 ถึงประสบการณ์ครั้งไหนมั้ยที่แบบเงือบแต่
00:10:36 → 00:10:40 มันเรื่องใหญ่กว่าเนี้ยก็นึกถึงเรื่องนึง
00:10:40 → 00:10:44 ค่ะก็เป็นเป็นญาติกันเนาะเออๆๆคือพี่อ้อย
00:10:44 → 00:10:48 สมัยนู้นมันเค้าเรียกว่าเรื่องสุขภาพแบบ
00:10:48 → 00:10:52 องค์รวมมันเข้ามาประเทศไทยใหม่ๆเออๆเออ
00:10:52 → 00:10:55 มันจะมีการตรวจสมัยสมัยเนี้ยจนถึงสมัยนี้
00:10:55 → 00:10:59 ก็ก็ยังเป็นอยู่คือเช็คเลือดแล้วก็ดูค่า
00:10:59 → 00:11:02 ต่างๆน้ำตาลไตรกลีเซอไรด์ไขมันต่างๆอะไร
00:11:02 → 00:11:05 อย่างงี้ใช่มั้ยคะแต่ว่าไอ้แบบองค์รวม
00:11:05 → 00:11:08 เนี่ยตอนนู้นน่ะใหม่มากก็คือเอาเลือดไม่
00:11:08 → 00:11:11 กี่หยดอ่ะไปแล้วก็ไปเข้าเครื่องแล้วก็ดู
00:11:11 → 00:11:14 ไม่ทราบพี่หวีเคยเคยเช็คแบบนี้ใช่มั้ยคะ
00:11:14 → 00:11:17 เอแล้วก็ไปดูว่าเอ่อมีเค้าเรียกว่าอะไร
00:11:17 → 00:11:20 เม็ดเหือดขาวเหมาะมั้ยเค้าเรียกว่ารูปทรง
00:11:20 → 00:11:23 ของเม็ดเลือดแดงดีมั้ยอะไรอย่างเงี้ย
00:11:23 → 00:11:26 คุณภาพเหือดเป็นยังไงแล้วก็มีพวกสารตก
00:11:26 → 00:11:30 ค้างสารพิษตกค้างมั้ยฮะพี่ออยก็ชวนญาติ
00:11:30 → 00:11:34 กันนี่แหละไปปรากฏว่าก็ไปเสร็จแล้วเธอก็
00:11:34 → 00:11:40 ไปโดยความไม่เชื่อแหละเออแต่ก็ไปอ่าพอดี
00:11:40 → 00:11:42 พอดีตอนนั้นเหมือนได้สิทธิพิเศษมานิด
00:11:42 → 00:11:45 หน่อยอะไรเงี้ก็ได้ส่วนหลดอะไรเงี้ก็ไป
00:11:45 → 00:11:49 ปรากฏเขาก็เอาเลือดไปตรวจพบอ่าหมอก็พอ
00:11:49 → 00:11:53 ตรวจเสร็จก็พบหมอหมอก็บอกว่าเนี่ยเอ่อมี
00:11:53 → 00:11:57 สารพิษตกค้างในเลือดอือ่าอุ๊ยญาติก็เลย
00:11:58 → 00:12:02 บอกว่าอืไม่ไม่น่าเป็นไปไม่ได้อืออ่าคือ
00:12:03 → 00:12:06 ความเชื่อมั่นว่าตัวเองไม่มีแน่สารผิดตก
00:12:06 → 00:12:09 ค้างอือๆอืหมอก็เลยบอกว่ายกตัวอย่างแล้ว
00:12:09 → 00:12:12 กันค่ะแบบคือมันเป็นมีความเป็นไปได้เยอะ
00:12:12 → 00:12:16 มากเลยเช่นสมมุติว่าเราชอบทานก๋วยเตี๋ยว
00:12:16 → 00:12:19 บ่อยๆอือๆเออเกี่ยวด้วยเหรอกับสารผิดอะไร
00:12:19 → 00:12:22 อย่างเงี้ยเออก็บอกว่าในในในร้าน
00:12:22 → 00:12:25 ก๋วยเตี๋ยวเนี่ยมันมีไอ้หม้อต้มน้ำซุปอ่ะ
00:12:25 → 00:12:27 ที่มันต้มทั้งวันทั้งวันอ่ะอือไอ้หม้อ
00:12:27 → 00:12:31 เนี้ยบางทีมันไม่มีคุณภาพพี่วีอืมันก็ต้ม
00:12:31 → 00:12:33 เอาละลายเอาไอ้สารตะกั่วหรืออะไรต่ออะไร
00:12:33 → 00:12:38 ที่เป็นวัสดุของหม้ออ่ะลงไปแล้วเราชอบทาน
00:12:38 → 00:12:42 น้ำซุปก๋วยเตี๋ยวอะไรก็เป็นไปได้ปรากฏว่า
00:12:42 → 00:12:46 ตรงใจเลยเธอคนนี้ชอบทานก๋วยเตี๋ยวอือ่า
00:12:46 → 00:12:48 แล้วก็เสร็จแล้วปรากฏว่าอันนึงที่พี่อ้อย
00:12:48 → 00:12:50 นึกขึ้นมาได้เพราะว่าเป็นคนรู้จักเป็น
00:12:50 → 00:12:54 ญาติกันก็บอกว่าเฮ้ยมีอันนึงที่มีความ
00:12:54 → 00:12:58 เป็นไปได้นะอืคือตอนนั้นลูกเธอเล็กเธอจะ
00:12:58 → 00:13:04 กลัวลูกโดนยุงกัดอืเธอจะพ่นยาฆ่ายุงอ่ะอื
00:13:04 → 00:13:08 เยอะมากเลยแต่ว่าพอตัวเองอยู่ในสถานที่
00:13:08 → 00:13:12 นั้นน่ะเธอจะไม่ไม่รู้สึกแต่เราอ่ะเป็นคน
00:13:12 → 00:13:16 นอกพอไปหาที่บ้านปุ๊บเราจะได้กลิ่นอืไอ้
00:13:16 → 00:13:20 ยากันยุงเนี่ยอือมาแล้งมากเลยทุกครั้งุ
00:13:20 → 00:13:24 ครั้งเราก็บอกเนี่ยก็เป็นอีกเหตุนึงนะหมอ
00:13:24 → 00:13:28 บอกใช่อืตอนเนี้ยญาติพี่อ้อยคนนั้นน่ะ
00:13:28 → 00:13:33 เงิบเหอ่าเพราะว่าเฮ้ยประจักษ์แก่ตัวเอง
00:13:33 → 00:13:36 ว่าตัวเองอ่ะไม่รู้ไม่ได้คิดถึงเรื่อง
00:13:36 → 00:13:41 นั้นเลยอืแต่ปรากฏว่าเฮ้ยมันใช่อือแล้ว
00:13:41 → 00:13:44 สุดท้ายก็ยอมเชื่ออือแล้วตอนหลังก็ตรวจ
00:13:44 → 00:13:49 เรื่องการอาการแพ้ของตัวเองอะไรไปไปยาวไป
00:13:49 → 00:13:53 อือ่าแต่ครั้งแรกเนี่ยไม่เชื่อเลยแต่พอ
00:13:53 → 00:13:57 มันด้วยเหตุและผลทุกประการทำให้เชื่อตอน
00:13:57 → 00:14:01 นั้นน่ะคืออาการเงิบปึ๊บเกิดขึ้นเลยออือๆ
00:14:01 → 00:14:03 โหเเห็นเห็นชัดมากเลยอันนี้เป็นเรื่อง
00:14:03 → 00:14:05 ใหญ่นะเพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพไม่
00:14:06 → 00:14:08 ได้่เรื่องแค่ว่าเสียหน้าหรืออะไรเสียแต่
00:14:08 → 00:14:11 ว่ามันโมเดลมันจะคล้ายๆกันก็คือว่ามันมี
00:14:11 → 00:14:14 อะไรบางสิ่งบางอย่างที่
00:14:14 → 00:14:18 เราเรารู้เราไม่ได้รู้หมดทุกเรื่องอ่ะค่ะ
00:14:18 → 00:14:20 แล้วมันมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เราไม่รู้
00:14:20 → 00:14:24 แต่คนอื่นรู้อย่างเงี้ยใช่ๆแล้วเราจะแบบ
00:14:24 → 00:14:29 ดื้อหัวชนฝาเออแล้วพอถึงเวลามาจำนวนต่อ
00:14:29 → 00:14:31 หลักฐานปุ๊บมันจะอยู่ในอาการเงือบนะพี่
00:14:31 → 00:14:36 ห้อยเออแต่ความเงือบแบบนั้นมันก็จะจะว่า
00:14:36 → 00:14:39 ไปมันก็เสียหน้าแต่ได้แก้ไขเออใช่เพียง
00:14:39 → 00:14:42 แต่ว่าประเด็นคืออะไรนะพี่อ้อยบางคนเนี่ย
00:14:42 → 00:14:45 จำนวนมากเลยนะค่ะมาถึงตรงนั้นแล้วเงิบ
00:14:45 → 00:14:48 แล้วมันมีอาการเงิบแล้วนะแต่ยังไม่ยอม
00:14:48 → 00:14:55 หยุดนะอือก็คือแถต่ออือโอ้โหตอนนี้ละคือ
00:14:55 → 00:14:58 มันจะแบบกู่ไม่กลับเลยล่ะใช่แล้วความเสีย
00:14:58 → 00:15:01 หายเนี่ยมันจะจะมากขึ้นแล้วมันจะแก้ไขไม่
00:15:01 → 00:15:04 ได้เลยค่ะแต่ถ้าเกิดใคร
00:15:04 → 00:15:08 ที่โอเคเราก็มีความเชื่อมั่นในตัวเอง
00:15:08 → 00:15:12 ประมาณนึงนะอก็คือคนที่จะมีอาการเงือบแบบ
00:15:12 → 00:15:14 หนักหน่วงก็คือคนที่มีความเชื่อมั่นในตัว
00:15:14 → 00:15:18 เองสูงมากอ่ะอือแล้วยังไม่พอนะมากแล้วก็
00:15:18 → 00:15:22 จนเกินไปใช่มั้ยเออจนเกินไปต้องใช้คำว่า
00:15:22 → 00:15:25 จนเกินไปคือความเชื่อมั่นในตัวเองสูงก็
00:15:25 → 00:15:28 เป็นเรื่องดีนะค่ะเออแต่ถ้าเกิดมากจนเกิน
00:15:28 → 00:15:30 ไปแล้วแบบไม่ไม่สังเกตไม่อะไรอย่างเงี้ย
00:15:30 → 00:15:33 ไม่ไม่ไม่เผื่อใจไว้หน่อยอย่าเงี้ยอือมัน
00:15:33 → 00:15:37 จะเเราพอเวลาเงิบมันจะเงิบหนักอ่ะอือแล้ว
00:15:37 → 00:15:40 ก็ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามเนี่ยแล้วในความ
00:15:40 → 00:15:42 เป็นจริงเพี่อ้อยอาการเงิบเนี่ยมันไม่ได้
00:15:42 → 00:15:45 เกิดขึ้นที่ผมบอกว่ามันไปเกี่ยวกับเรื่อง
00:15:45 → 00:15:48 ของความความรู้ประสบการณ์อะไรเต็มไปหมด
00:15:48 → 00:15:50 เลยใช่มั้ยอือค่ะแต่ในความเป็นจริงเนี่ย
00:15:50 → 00:15:53 คนที่อยู่ในอาการเงิบเนี่ยอือไม่จำกัดนะ
00:15:53 → 00:15:58 ครับว่าจะต้องเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่อือที่
00:15:58 → 00:16:01 ผมชอบผมข้อตอนดีมากเพราะอะไรรู้มั้ยเพราะ
00:16:01 → 00:16:04 ในยุคนี้เนี่ยเราจะมีเราจะได้ยินเค้า
00:16:04 → 00:16:10 เรียกว่าอะไรดีอ่ะผู้ใหญ่อ่ะอือนะที่ชอบ
00:16:10 → 00:16:13 ไปตำหนิเด็กอ่ะแล้วก็บอกว่าไอ้เด็กสมัย
00:16:13 → 00:16:18 นี้อือรู้มั้ยว่าฉันเกิดมาฉันมี
00:16:18 → 00:16:20 ประสบการณ์มาขนาดไหนอะไรอย่างเงี้ยก็คือ
00:16:20 → 00:16:24 มีความาบดำร้อนมาก่อนเออมีความเชื่อมั่น
00:16:24 → 00:16:28 ในตัวเองสูงมากไงอแล้วก็ไม่นั่นเลยแล้วก็
00:16:28 → 00:16:32 ไปตำหนิเด็กเงี้ยอืพี่ก้อยเคยสังเกตมั้ย
00:16:32 → 00:16:35 ว่าถึงแม้ว่าเด็กจะเป็นเด็กเนี่ยอือแต่
00:16:35 → 00:16:39 ว่ามันก็มีหลายอย่างที่เด็กรู้แต่ผู้ใหญ่
00:16:39 → 00:16:42 ไม่รู้นะจริงค่ะทุกวันนี้พึ่งเด็กเยอะมาก
00:16:42 → 00:16:46 เลยพี่อ้อยเออใช่ป่ะค่ะแล้วเราจะเงิบไง
00:16:46 → 00:16:50 ค่ะก็คือถ้าเราไม่รู้อ่ะคือทั้ง 2 ฝ่ายนะ
00:16:50 → 00:16:54 พี่อ้อยค่ะเด็กเนี่ยก็ความที่แบบเชื่อ
00:16:54 → 00:16:57 มั่นในตัวเองอือเยอะมากเกินไปเหมือนกัน
00:16:57 → 00:17:00 บางทีอย่างเงี้ยค่ะก็ก็เจอประสบการณ์บาง
00:17:00 → 00:17:03 อย่างของผู้ใหญ่ก็มีอยู่จริงเหมือนกันคือ
00:17:03 → 00:17:05 พูดง่ายๆว่าไม่ว่าเราจะเป็นเด็กหรือผู้
00:17:05 → 00:17:10 ใหญ่จะมีอายุแค่ไหนก็ได้ค่ะเราเนี่ยก็อาจ
00:17:10 → 00:17:16 จะตกอยู่ในสภาวะของอาการเงิบเงิบได้เลยอื
00:17:16 → 00:17:21 ถ้าเรามีความเชื่อมั่นในตัวเองเนี่ยมาก
00:17:21 → 00:17:25 เกินไปพี่ยอยมองว่างงี้พี่วีมีความเชื่อ
00:17:25 → 00:17:29 มั่นเป็นเรื่องดีดีแต่เชื่อมั่นเกินไป
00:17:29 → 00:17:33 เหมือนเกินร้อยอ่ะเออๆก็เลอะไม่ดีละไม่ดี
00:17:33 → 00:17:35 ใช่และถ้าจะไม่ดียิ่งกว่านั้นคือเชื่อ
00:17:35 → 00:17:41 มั่นเกินร้อยและยังออกตัวแรงเออนี่หัวปัก
00:17:41 → 00:17:44 หัวปำออกตัวแรงเออเนี่ยๆๆแล้วบางคนไม่ทำ
00:17:44 → 00:17:46 ให้ผมนึกถึงสถานการณ์ครั้งนึงเลยนี่พี่
00:17:46 → 00:17:50 ออยที่ผมไปบรรยายเนี่ยผมไปบรรยายในในโรง
00:17:50 → 00:17:54 เรียนให้กับนักเรียนตั้งแต่อนุบาลไปจนถึง
00:17:54 → 00:17:56 ปริญญาเอกในบางหัวข้อเนี่ยค่ะเรื่อง
00:17:56 → 00:17:58 เกี่ยวกับรู้เฒ่าทันสื่อเรื่องอะไรอย่าง
00:17:58 → 00:18:00 งี้ใช่มั้ยเรื่องเรเกี่ยวสังคมเรื่อง
00:18:00 → 00:18:02 เกี่ยวกับอะไรเนี่ยนะพี่อ้อยมีอยู่วันนึง
00:18:02 → 00:18:05 ผมก็ไปบรรยายในโรงเรียนมัธยมด้วยประถม
00:18:05 → 00:18:07 ด้วยแล้ววันนั้นไปบรรยายให้เด็กประถมนะ
00:18:07 → 00:18:10 พี่อ้อยอือไปบรรยายเรื่องเรื่องนึงเป็น
00:18:10 → 00:18:13 เป็นเรื่องที่เราต้องการให้เด็กเนี่ยเข้า
00:18:13 → 00:18:16 ใจเรื่องเกี่ยวกับค่านิยมมีค่านิยมที่ถูก
00:18:16 → 00:18:18 ต้องต่อเรื่องนู้นเรื่องนี้เรื่องนั้นเรา
00:18:19 → 00:18:22 ก็บรรยายก็ปกติจนกระทั่งวันนึงไปบรรยาย
00:18:22 → 00:18:24 เรื่องนี้ในโรงเรียนประถมอ่ะค่ะประถมต้น
00:18:24 → 00:18:27 ด้วยนะพี่อ้อยค่ะแล้วมีเด็กคนนึงเยกมือ
00:18:27 → 00:18:32 ถามว่าครูครับคำว่าค่านิยมแปลว่าอะไร
00:18:32 → 00:18:37 อือคือตอนนั้นผมเงิบเลยนะโหพี่ีเงิบเอง
00:18:37 → 00:18:42 เนาะเอตอนนั้นเราเงิบเลยนะค่ะว่าเออว่ะ
00:18:42 → 00:18:45 แปลว่าอะไรวะคือเราคิดพูดจนชินนะพี่เรา
00:18:45 → 00:18:48 พูดจนชินจนเราคิดว่าเราเข้าใจทุกคนก็เข้า
00:18:48 → 00:18:51 ใจแล้วไงค่านิยมอ่ะเวลาจะอธิบายคือไม่ใช่
00:18:51 → 00:18:55 ไม่รู้ไม่เข้าใจแต่ว่าการจะกลั่นคำถามออก
00:18:55 → 00:18:58 มาเพื่อตอบเด็กประถมต้นน่ะออมันก็เลยทำ
00:18:58 → 00:19:02 ให้เราเงิบงฉันจะอธิบายว่าอะไรดีนะเพราะ
00:19:02 → 00:19:05 ถามว่าเราเข้าใจความหมายมั้ยเข้าใจค่ะ
00:19:05 → 00:19:07 แล้วเราก็อธิบายเรื่องนี้มาตลอดเวลาแต่
00:19:08 → 00:19:10 ว่าเราไม่เคยอธิบายเรื่องนี้ให้เด็กประถม
00:19:10 → 00:19:13 ไงใช่ๆแล้วเราไม่รู้จะอธิบายให้เด็กประถม
00:19:13 → 00:19:17 ฟังยังไงอ่าแล้วผมก็เลยนึกข้าใจว่าคือ
00:19:17 → 00:19:19 เหตุการณ์ผ่านไปแล้วนะแต่พอมานึกตอนนี้
00:19:19 → 00:19:22 ย้อนกลับไปนะเรานึกข้าใจว่าเออตอนนั้นเรา
00:19:22 → 00:19:26 เงิบ่ะแล้วสมมุติว่าถ้าเราเงิบแล้วเราไม่
00:19:26 → 00:19:31 ยอมรับอ่ะอ้าเรายังเฮ้ยไอ้เด็กพวกนี้อือ
00:19:31 → 00:19:35 ถามอะไรแบบนี้วะอย่างงี้เหรอเออๆแล้วก็
00:19:35 → 00:19:39 เราจะโต้ตอไปอีกแบบนึงเออต้องตอบไปบอกว่า
00:19:39 → 00:19:42 เฮ้ยเธอถามแบบนี้เธอตั้งใจจะกวนเหรอหรือ
00:19:42 → 00:19:45 ว่าอ่าใช่ใช่ป่ะอันนี้คือเราเงิบแต่เรา
00:19:45 → 00:19:48 ยังไม่ยอมรับนะค่ะแต่ตอนนั้นเผอิญเราเงิบ
00:19:48 → 00:19:53 แต่เรายอมรับไงว่าเออว่ะเราเราเราไม่ได้
00:19:53 → 00:19:57 คิดว่าเด็กกลัวเราคิดว่าเด็กสงสัยจริงๆอื
00:19:57 → 00:19:59 แต่ปัญหาอยู่ที่เราละ
00:19:59 → 00:20:03 ใช่ๆแล้วเราจะอธิบายยังไงอ่าเออวิธีที่ผม
00:20:03 → 00:20:06 ใช้ตอนนั้นก็คือค่ะไม่รู้จะอธิบายยังไงนะ
00:20:06 → 00:20:09 ผมก็เลยตอบด้วยการถามคำถาม
00:20:09 → 00:20:13 อ้าถามคำถามว่าถามทั้งชั้นเลยไม่ได้ถามคน
00:20:13 → 00:20:17 นั้นน่ะอือบอกว่าน้องๆครับเพื่อนเไม่เข้า
00:20:17 → 00:20:21 ใจว่าค่านิยมหมายถึงอะไรอือมีใครอยากตอบ
00:20:21 → 00:20:26 เพื่อนมั้ยครับอืออือคือเหมือนกับว่าให้
00:20:26 → 00:20:30 โอกาสเด็กได้แสดงความสแต่ในสารภาพเลย
00:20:30 → 00:20:33 สารภาพกลางอากาศเลยว่าจริงๆตอนนั้นไม่รู้
00:20:33 → 00:20:36 ว่าจะตอบยังไงเอค่ะเออก็ให้เด็กเป็นตัว
00:20:36 → 00:20:39 ช่วยนี่แหละเผื่อเขาจะมีใครที่เขจะเข้าใจ
00:20:39 → 00:20:43 แล้วเจะอธิบายได้อย่างชัดเจนนะฮะอวันนั้น
00:20:43 → 00:20:46 นะเดชะบุญนะทำบุญมาประมาณนึงมีเด็กคนนึง
00:20:46 → 00:20:50 ยกมือตอบครับเตอบว่าก็ไอ้ที่เค้านิยมนิยม
00:20:50 → 00:20:51 กันเยอะๆ่ะ
00:20:51 → 00:20:55 ครับโหเป็นที่เข้าใจในหมู่เด็กเลยคำเนี้ย
00:20:55 → 00:20:59 แล้วมันใช่มั้ยพี่อ้อยใช่ๆก็คือคนในสังคม
00:20:59 → 00:21:02 นิยมกันเยอะๆก็คือมันกลายเป็นค่านิยมเลย
00:21:02 → 00:21:03 สุด
00:21:03 → 00:21:08 ยอดเคลียร์เคลียร์เลยเออเห็นป่ะโอสุดยอด
00:21:08 → 00:21:12 แต่นี่เป็นตัวอย่างของการเงิบนะอืแล้วก็
00:21:12 → 00:21:14 เอาตัวรอดมาจากการเงิบด้วยการยอมรับยอม
00:21:14 → 00:21:18 รับอือคำเนี้ยน่าสนใจมากเลยพี่วีอือๆก็
00:21:18 → 00:21:22 คือเอ่อพี่วียอมรับแล้วพี่อ้อยนึกถึง
00:21:22 → 00:21:26 เมื่อกี้พี่วีีพูดว่าบางคนน่ะแถต่อออือ
00:21:26 → 00:21:29 แปลว่าคนๆนั้นน่ะไม่ยอมรับับอือ่าเพราะ
00:21:29 → 00:21:32 งั้นจุดประเด็นสำคัญเลยมันอยู่ที่ว่าพอ
00:21:32 → 00:21:35 คุณเงิบอาการเงิบมันควบคุมไม่ได้มันจะ
00:21:35 → 00:21:38 เกิดขึ้นเมื่อไหร่แต่ว่าตอนนั้นคุณยอมรับ
00:21:38 → 00:21:41 มันหรือเปล่าเออเออนี่แหละนี่แหละเพราะ
00:21:41 → 00:21:43 ฉะนั้นเนี่ยเคล็ดลับของการเงิบเี่เคยมั้ย
00:21:43 → 00:21:47 ต้องตอบว่าเคยครับค่ะแต่ว่าเคยแล้วยังไง
00:21:47 → 00:21:50 เราเผชิญหน้ากับความเงิบยังไงผมคิดว่าราย
00:21:50 → 00:21:51 การเราเป็นเรื่องเกี่ยวกับ Minds เรื่อง
00:21:51 → 00:21:54 เกี่ยวกับวิธีคิดนะอก็คือไม่ว่าจะเงือบ
00:21:54 → 00:21:57 รูปแบบไหนก็ตามเนี่ยเราจะต้องอันดับแรกก็
00:21:57 → 00:22:00 คือเราจะต้องยยอมรับว่าทุกคนต้องเคยเงิบ
00:22:00 → 00:22:03 เว้ยอะไรเงี้ยนะใช่ๆแล้วก็เงไม่ได้เสีย
00:22:03 → 00:22:06 หน้าไม่ได้อะไรอ่าไม่ต้องไม่ต้องเสียหน้า
00:22:06 → 00:22:09 อืก็แค่เราเงือกเพราะอะไรเพราะเราไม่รู้
00:22:09 → 00:22:12 หรืออะไรก็ตามทีอันดับแรกปุ๊บยอมรับเลย
00:22:12 → 00:22:15 ใช่ยอมรับเลยแล้วก็อย่าแถเพราะแถแล้วแผ่
00:22:15 → 00:22:19 ลึกอือคืออือมันจะสถานการณ์มันจะแย่ไป
00:22:19 → 00:22:23 กว่าเดิมค่ะจะแย่กว่าเดิมแต่ว่าผมก็ยัง
00:22:23 → 00:22:26 นึกอยู่ว่ามันมีความเงือบอยู่หลายอาการนะ
00:22:26 → 00:22:29 พี่อ้อยนะแต่ว่าเวลาหลจะไม่เยอะเนี่ยคุณ
00:22:29 → 00:22:33 ผู้ฟังลองลองนึกดูแล้วกันว่าในชีวิตเรา
00:22:33 → 00:22:36 เนี่ยเราเคยเคยเงิบไม้หนึ่งอือแล้วก็ลอง
00:22:36 → 00:22:39 ดูซิว่ามันมีเงือบคร้างไหนมยที่เราแบบรู้
00:22:39 → 00:22:43 สึกโหยอมไม่ได้ว่ะอือแล้วเราก็เลยแถต่อ
00:22:43 → 00:22:47 แล้วก็ในที่สุดหนักไปยังไงเอออยากรู้ว่า
00:22:47 → 00:22:50 เป็นยังไงอยากรู้ว่าเป็นยังไงหรือว่าเรา
00:22:50 → 00:22:53 เคยสังเกตเห็นมว่ามันมีอาการเงิบที่เรา
00:22:53 → 00:22:57 เห็นอยู่รอบๆข้างแล้วเงิบแล้วแต่ว่าก็
00:22:57 → 00:23:01 เงิบไงแล้วก็ก็เสียหายก็แค่นั้นแหละแต่
00:23:01 → 00:23:03 ว่ายอมรับยอมรับปุ๊บหลังจากนั้นเกิดอะไร
00:23:03 → 00:23:07 ขึ้นผมคิดว่าการเรียนรู้จากประสบการณ์
00:23:07 → 00:23:09 หรือว่าสิ่งที่เราเห็นจากตัวเราเองนะหรือ
00:23:10 → 00:23:12 ว่าเห็นจากคนรอบข้างเนี่ยอันนี้จะเป็น
00:23:12 → 00:23:15 ประโยชน์ใช่ถ้าเราสังเกตแล้วเราก็เรียน
00:23:15 → 00:23:18 รู้จากมันค่ะก็จะเข้าสู่แนวความคิดหลัก
00:23:18 → 00:23:21 ของรายการเรานะพี่อ้อยก็คือเนติกรความสุข
00:23:21 → 00:23:24 เนี่ยเราก็เรียนรู้จากประสบการณ์ของตัว
00:23:24 → 00:23:27 เราเองบ้างของคนรอบข้างบ้างแล้วเอาสิ่ง
00:23:27 → 00:23:30 นั้นมาประยุกต์ใช้ในชีวิตค่ะก็จะทำให้
00:23:30 → 00:23:33 ชีวิตเราเนี่ยมีความสุขมากขึ้นแล้วก็มี
00:23:33 → 00:23:37 ความทุกข์น้อยลงค่ะโดยเฉพาะตอนนี้นะอือ
00:23:37 → 00:23:40 เราก็จะเงือบน้อยลง
00:23:40 → 00:23:44 ด้วยนะฮะค่ะหรือว่าถ้าเราเงือบไปแล้วเรา
00:23:44 → 00:23:47 ก็จะเสียหน้าน้อยลงด้วยเหมือนกันเออค่ะ
00:23:47 → 00:23:50 วันนี้ผมพี่วีและพี่อ้อยก็ต้องลาไปก่อนนะ
00:23:50 → 00:23:54 ครับสวัสดีครับค่ะสวัสดี
00:23:54 → 00:23:57 ค่ะติดตามรายการทางเว็บไซต์และ
00:23:57 → 00:24:00 แอปพลิเคชันของ Thai PBS podcast
00:24:00 → 00:24:03 spotify soundcloud Google podcast
00:24:03 → 00:24:05 Apple podcast และ YouTube Channel
00:24:05 → 00:24:10 Thai PBS podcast tha PBS podcast
00:24:10 → 00:24:12 View the world via The Voice
00:24:12 → 00:24:18 [เพลง]