00:00:00 → 00:00:03 ก็สวัสดีครับเครื่องนี้ก็สงสัยนะครับว่า
00:00:03 → 00:00:05 เราเนี่ยควรจะดื่มน้ำวันละเท่าไหร่นะครับ
00:00:05 → 00:00:08 บางคนอาจจะเคยได้ยินมาว่าเออเราควรจะดื่ม
00:00:08 → 00:00:11 น้ำประมาณวันละ 2 ลิตรนะฮะมันมีที่มาที่
00:00:11 → 00:00:14 ไปอย่างไรนะครับไอ้ 2 ลิตรตัวนี้นะครับ
00:00:14 → 00:00:16 แล้วก็ถ้าดื่มมากเกินไปจะเกิดอะไรก็หรือ
00:00:16 → 00:00:19 เปล่าลืมน้อยเกินไปจะเกิดอะไรขึ้นนะครับ
00:00:19 → 00:00:21 หรือบางคนบอกว่าถ้าเป็นหลงป่าแล้วเราดื่ม
00:00:21 → 00:00:24 ปัสสาวะตัวเองมันจะช่วยหรือเปล่านะครับ
00:00:24 → 00:00:26 วันนี้ผมก็เลยอยากจะมาอธิบายเรื่องนี้ให้
00:00:26 → 00:00:29 ฟังว่าเรามีแนวคิดเรื่องเนี้ยมาจากไหน
00:00:29 → 00:00:31 บ้างนะครับพบกับผมนะครับรายการชะนี
00:00:31 → 00:00:33 ธนียวันนะครับเป็นอาจารย์ได้อยู่ที่
00:00:33 → 00:00:35 ประเทศสหรัฐอเมริกานะครับเชี่ยวชาญโรคปอด
00:00:35 → 00:00:38 การปลูกถ่ายปลอดแล้วด้วยเก็บบำบัดนะฮะแต่
00:00:38 → 00:00:40 ก่อนอื่นเลยนะครับคนเราเนี่ยมีน้ำเป็น
00:00:40 → 00:00:43 ส่วนประกอบของร่างกายซะส่วนถ้าเยอะเลยนะ
00:00:43 → 00:00:46 ครับเยอะมากๆนะครับแต่ว่าเวลาที่เราอายุ
00:00:46 → 00:00:49 เพิ่มขึ้นเนี่ยนะครับมันก็จะทดแทนด้วยไข
00:00:49 → 00:00:51 มันจะเป็นส่วนใหญ่ปริมาณน้ำในร่างกายเรา
00:00:51 → 00:00:53 ก็จะลดลงนะครับโดยเฉพาะคุณผู้หญิงนะถ้า
00:00:53 → 00:00:57 เป็นผู้หญิงเนี่ยเอ่อค่ะส่วนของไขมันต่อ
00:00:57 → 00:00:59 น้ำในร่างกายเนี่ยมันจะสูงของผู้ชายนะ
00:00:59 → 00:01:02 ครับอ่าอันนี้เป็นสิ่งที่เราต้องรู้นะ
00:01:02 → 00:01:05 ครับที่นี้ต่อมาคำถามก็คือว่าแล้วเราจะ
00:01:05 → 00:01:08 ทานน้ำเนี่ยมากน้อยแค่ไหนต่อวันนี้เรา
00:01:08 → 00:01:11 ต้องคิดมาจากไหนนะครับก็แรกแล้วต้องคิด
00:01:11 → 00:01:14 ก่อนว่าเราเนี่ยมีการสูญเสียน้ำทุกวันนะ
00:01:14 → 00:01:16 ฮะสูญเสียไปในทางไหนปริมาณเท่าไหร่เราก็
00:01:16 → 00:01:18 จะต้องหาคำตอบให้ได้ก่อนนะครับเพื่อที่
00:01:18 → 00:01:22 หนึ่งถ้าเราสูญเสียน้ำออกไปประมาณหนึ่งนะ
00:01:22 → 00:01:24 ครับแล้วเราไม่เอาน้ำเข้าไปทดแทนเนี่ย
00:01:24 → 00:01:26 ร่างกายของเราก็จะขาดน้ำไปเรื่อยๆนะครับ
00:01:26 → 00:01:29 ก็จะส่งผลทำให้เกิดปัญหาต่อร่างกายในหลาย
00:01:29 → 00:01:33 ๆอย่างนะครับเราเริ่มจากว่าเราสูญเสียน้ำ
00:01:33 → 00:01:37 ทางไหนบ้างนะครับทางแรกก็คือทางการหายใจ
00:01:37 → 00:01:39 นี่เลยครับการพูดการหายใจนะครับต่อวัน
00:01:39 → 00:01:43 เนี่ยฮะไม่ว่าจะพูดมากพูดน้อยร้องเพลง
00:01:43 → 00:01:45 หรือหายใจเฉยๆโดยที่ไม่ได้พูดเลยนะครับก็
00:01:45 → 00:01:48 จะมีการสูญเสียน้ำไปในทางเดินหายใจของเรา
00:01:48 → 00:01:50 นะครับวันหนึ่งก็เฉลี่ยประมาณสัก 400
00:01:50 → 00:01:53 มิลลิลิตรนะฮะหรือ 400CC นั่นเองนะครับ
00:01:53 → 00:01:56 อ่ะแต่มันก็ไม่ใช่แค่ทางเดียวนะครับอีก
00:01:56 → 00:01:58 ข้างหนึ่งก็คือทางกูจะหรือทางลำไส้ใหญ่
00:01:58 → 00:02:02 ซึ่งปกติเนี่ยไปที่การสะอาดสร้างกูจะนะ
00:02:02 → 00:02:04 ออกมานะครับโดยน้ำโดยเฉลี่ยในนั้นก็
00:02:05 → 00:02:08 ประมาณสัก 200 ML นะฮะที่รวมกันก็เป็น
00:02:08 → 00:02:11 600 มิลลิลิตรและถูกไหมครับแต่มันก็จะมี
00:02:11 → 00:02:14 อีกทางหนึ่งครับทางผิวหนังหน้าถ้าผิวหนัง
00:02:14 → 00:02:16 เนี่ยอาจจะมองมาออกมาในรูปของเหยื่อหรือ
00:02:16 → 00:02:19 มันอาจจะไม่เป็นเหงื่อก็ได้คือเป็นการ
00:02:19 → 00:02:22 ระเหยไปเลยนะครับเพราะว่าในเหงื่อของเรา
00:02:22 → 00:02:25 นะครับบางครั้งเนี่ยนะฮะมันต้องมีหน้าที่
00:02:25 → 00:02:28 ในการขับเอาความร้อนที่สูงเกินไปในร่าง
00:02:28 → 00:02:30 กายออกมาข้างนอกนะครับนั้นถ้าเรายิ่งร้อน
00:02:30 → 00:02:33 ปุ๊บมันก็ยิ่งมีการเหงื่อออกมาขึ้นนะครับ
00:02:33 → 00:02:35 แต่ถ้าเหงื่อเราจะเห็นเป็นเม็ดหรือไม่
00:02:35 → 00:02:37 เป็นเมนส์มันขึ้นกับความชื้นเนี่ยในอากาศ
00:02:37 → 00:02:40 ฮะถ้าตัวว่ามันชื่นมากๆเนี่ยเราอาจจะเห็น
00:02:40 → 00:02:42 เป็นเหมือนเป็นเหม็นออกมาเหมือนประเทศไทย
00:02:42 → 00:02:45 เรานะครับแต่ถ้าไปในแถมประเทศที่มันแห้ง
00:02:45 → 00:02:47 มากๆนะครับถึงเราไม่มีเหงื่อถึงเราไม่
00:02:47 → 00:02:50 ร้อนอะไรนะครับมันก็มีการสูญเสียน้ำไป
00:02:50 → 00:02:53 เพิ่มขึ้นนะฮะค่ะโดยเฉลี่ยแล้วเนี่ยนะ
00:02:53 → 00:02:56 ครับเราสูญเสียน้ำทางผิวหนังของเราเนี่ย
00:02:56 → 00:03:00 ประมาณวันละ 500 ซีซีนะฮะ 500 ซีซีนะถ้า
00:03:00 → 00:03:02 งั้นถ้ารวมกับ 600 เมื่อตะกี้แล้วเราก็
00:03:02 → 00:03:06 เสียไปประมาณ 1.1 ลิตรนะครับหรือ 1100cc
00:03:06 → 00:03:11 นะครับอ้านะครับที่นี่เอ่อเดี๋ยวนอก
00:03:11 → 00:03:14 เรื่องนิดหนึ่งคนที่ขึ้นไปบนเครื่องบินนะ
00:03:14 → 00:03:16 ครับจะมีการสูญเสียน้ำมากกว่าปกตินะครับ
00:03:16 → 00:03:20 ถามว่าทำไมนะฮะเพราะว่าถ้าเราอยู่บนพื้น
00:03:20 → 00:03:22 ดินธรรมดานี่แหละครับเราจะมีแรงกดดัน
00:03:22 → 00:03:24 อากาศที่สูงนะครับแล้วแรงกดดันอากาศแล้ว
00:03:24 → 00:03:26 เนี่ยครับมันจะเป็นตัวที่กดมาให้น้ำละเหย
00:03:26 → 00:03:29 ออกไปจากร่างกายเราได้เร็วขึ้นนะฮะแต่ถ้า
00:03:29 → 00:03:32 เราไปอยู่ในที่สูงๆนะครับแน่นอนว่าสิ่ง
00:03:32 → 00:03:34 ที่เกิดขึ้นก็คือแรงกดดันอากาศมันน้อยลง
00:03:34 → 00:03:37 นะครับดังนั้นแรงดันน้ำที่อยู่ในร่างกาย
00:03:37 → 00:03:39 ของเราในมันจะออกด้านนอกข้างนอกได้ง่าย
00:03:39 → 00:03:41 ขึ้นก็จะมีการสูญเสียได้มากขึ้นดังนั้นคน
00:03:41 → 00:03:43 ที่เดินทางด้วยเครื่องบินเนี่ยมีความ
00:03:43 → 00:03:45 จำเป็นจะต้องดื่มน้ำให้มากกว่าปกตินะครับ
00:03:45 → 00:03:49 อ่าต้องดื่มน้ำให้มากกว่าปกติเพราะไม่
00:03:49 → 00:03:51 ฉะนั้นเนี่ยเลือดของท่านจะขาดน้ำมากๆแล้ว
00:03:51 → 00:03:55 บางคนก็เกิดเป็นลิ่มเลือดที่ขาที่เรนต่าง
00:03:55 → 00:03:57 ๆของร่างกายได้ซึ่งนั้นก่อนตลาดให้นะครับ
00:03:57 → 00:04:00 อ่าเรากลับมาสู่เรื่องของน้ำในร่างกายก็
00:04:00 → 00:04:02 ต้องดื่มเข้าไปนะครับเมื่อกี้เรารู้แล้ว
00:04:02 → 00:04:03 ว่าเราต้องดื่ม
00:04:03 → 00:04:06 1100cc นะครับอย่างน้อยนะครับเพราะว่า
00:04:06 → 00:04:08 พวกนี้มันเสียไปทุกวันโดยที่เราต้องทำ
00:04:08 → 00:04:11 อะไรเพิ่มเติมเลยนะครับแต่ว่ามันก็จะมี
00:04:11 → 00:04:14 ส่วนนะครับคือปัสสาวะเรานี่แหละนะที่นี่
00:04:14 → 00:04:17 ปัสสาวะคนก็จะหาว่าไอ้บางคนปัสสาวะมาคน
00:04:17 → 00:04:20 ปัสสาวะน้อยมันขึ้นอยู่กับอะไรนะครับแล้ว
00:04:20 → 00:04:22 ถ้าบังถ้าเราปัสสาวะมากเราต้องดื่มเข้าไป
00:04:22 → 00:04:24 มากหรือเปล่าถ้าปัสสาวะน้อยแล้วก็นึงก็ไป
00:04:24 → 00:04:27 น้อยหรือเปล่านะครับเราต้องมาเข้าใจหน้า
00:04:27 → 00:04:30 ที่ของปัสสาวะแล้วก็การทำงานของไตอย่าง
00:04:30 → 00:04:33 เลยนะครับเรื่องนี้อาจจะเข้าใจยากนิดนึง
00:04:33 → 00:04:35 นะครับผมจะพยายามอธิบายให้มันเข้าใจง่าย
00:04:35 → 00:04:37 แล้วก็จะไม่ลงทั้งด้านการแพทย์หรือจนเกิน
00:04:37 → 00:04:39 ไปนะครับเพราะว่าไม่ฉะนั้นก็อาจจะงงได้นะ
00:04:39 → 00:04:43 ฮะอ่ะอย่างหนึ่งร่างกายเรานี้นะครับมันจะ
00:04:43 → 00:04:46 มีกระบวนการสลายสารอาหารต่างๆแล้วก็มี
00:04:46 → 00:04:49 เกิดมีสมุนสมดุลเรือแรกอยู่นะครับซึ่ง
00:04:49 → 00:04:52 ร่างกายเราจะต้องรักษาสมดุลเรือแรกทั้ง
00:04:52 → 00:04:55 หมดไว้ให้ได้นะครับแล้วก็มีคำถามนึงซึ่ง
00:04:55 → 00:04:58 จะเป็นจะต้องรู้จักคือคำว่าออสโมลาริตี้
00:04:58 → 00:05:01 นะครับเพราะสมีแต่ที่นี่มันก็คือเป็น
00:05:01 → 00:05:04 คุณสมบัติของอ่าของเหลวในร่างกายอย่าง
00:05:04 → 00:05:08 หนึ่งละกันนะครับที่มันมีความเข้มข้นนะ
00:05:08 → 00:05:10 เราพยายามจะดึงเอาน้ำเข้ามาสู่ตัวเองนะ
00:05:10 → 00:05:13 ครับอ่ะ offers แล้วตี้ของร่างกายของเรา
00:05:13 → 00:05:15 นี่มันจะต้องมีค่าคงที่ค่าหนึ่งนะครับถ้า
00:05:15 → 00:05:18 มันสูงเกินไปเนี่ยมันก็แปลว่ามันจะดึงน้ำ
00:05:18 → 00:05:21 เข้าไว้ตรงตรงบริเวณนั้นเยอะๆเลยซึ่งมัน
00:05:21 → 00:05:23 ก็ไม่ดีแต่ถ้ามันต่ำเกินไปมันก็จะปล่อย
00:05:23 → 00:05:25 น้ำทิ้งออกไปที่อื่นหมดเลยนะครับซึ่งมัน
00:05:25 → 00:05:29 ก็ไม่ดีเช่นกันนะครับเลือดของเรานะครับจะ
00:05:29 → 00:05:32 มีออสโมลาริตี้อยู่ที่ประมาณ 290
00:05:32 → 00:05:35 millions โมงนะครับต่อลิตรนะฮะอ่ะอ่านี่
00:05:35 → 00:05:37 คือเลือดนะครับมันก็จะมีโรคบางโรคซึ่งทำ
00:05:37 → 00:05:39 ให้ค่าตัวนี้มันสูงมันต่ำที่ไม่เหมือนกัน
00:05:39 → 00:05:42 ได้นะครับแต่สิ่งที่มีความเกี่ยวข้องกัน
00:05:42 → 00:05:45 กับเรื่องของปัสสาวะก็คือว่าปัสสาวะของ
00:05:45 → 00:05:48 เรานะครับจะควบคุมความเข้มข้นของ of
00:05:48 → 00:05:51 morality ได้ด้วยไตของเรานะครับแล้วก็
00:05:51 → 00:05:53 ตายของเราก็จะตอบสนองต่อข้อมูลชนิดต่างๆ
00:05:53 → 00:05:56 มหาศาลและร่างกายนะครับเช่นฮอร์โมนชื่อ
00:05:56 → 00:05:59 ว่า a d H L พี่ไดยูเรติกฮอร์โมนนะ
00:05:59 → 00:06:03 ครับ Happy จะทำให้ต่อต้านนะครับอ่ะ
00:06:03 → 00:06:06 ไดยูเรติกคือปัสสาวะต่อต้านปัสสาวะเงิน
00:06:06 → 00:06:08 เป็นข้อมูลชื่อหนึ่งชื่อชื่อ ID S นะ
00:06:08 → 00:06:10 ครับแต่ว่าอาจจะมีชื่ออีกชื่อหนึ่งคือ
00:06:10 → 00:06:12 basis in เพราะว่าไอ้ Hormone ตัวนี้
00:06:12 → 00:06:15 เนี่ยมันก็ไปช่วยในการทำให้เส้นเลือดของ
00:06:15 → 00:06:19 เราในมันมีการทดตัวด้วยนะครับอาจจะมี
00:06:19 → 00:06:22 Hormone ตัวอื่นเช่นอ่าบีเอ็นพี braided
00:06:22 → 00:06:25 ยูเรติก Tab ทายใน MP อะไรอย่างนี้นะครับ
00:06:25 → 00:06:28 ไม่ต้องสนใจนะเอาเป็นว่าสุดท้ายแล้วมันทำ
00:06:28 → 00:06:31 ให้ตายเรามีความสามารถในการสร้างปัสสาวะ
00:06:31 → 00:06:35 ที่เข้มข้นได้แตกต่างกันนะครับทีนี้ใดเรา
00:06:35 → 00:06:37 เนี่ยมันก็มีความสามารถอยู่ในความจำกัด
00:06:37 → 00:06:41 คือมันสามารถที่จะทำให้ปัสสาวะเข้มข้นมาก
00:06:41 → 00:06:45 ที่สุดได้อยู่ที่ 1200 มีรอสโมโตลินนะ
00:06:45 → 00:06:49 ครับเข้มข้นที่สุดก็คือถ้าเราขาดน้ำมากๆ
00:06:49 → 00:06:51 เนี่ยปัสสาวะเรามาเจาะมาเข้มข้นมากๆมัน
00:06:51 → 00:06:53 เหลืองอ๋อยมากๆเนี่ยมันเข้มที่สุดแล้วมัน
00:06:53 → 00:06:57 จะอยู่ที่ 1, 200 Vios motul in ตัว
00:06:57 → 00:07:00 เลขนี้มันมีความสำคัญยังไงนะครับมันที่
00:07:00 → 00:07:03 สำคัญอย่างนี้ครับปกติแล้วร่างกายเราจะมี
00:07:03 → 00:07:05 การสร้าง of Souls ที่ออกมาจากที่ต่างๆ
00:07:05 → 00:07:07 เช่นมีโซเดียมที่เรากินเข้าไปโพแทสเซียม
00:07:07 → 00:07:10 ที่เรากินเข้าไปหรือว่าการสลายพวกโปรตีน
00:07:10 → 00:07:14 ต่างๆแล้วจะทำให้เกิดยูเรียนะครับขึ้นมา
00:07:14 → 00:07:16 ในร่างกายเรานะครับพวกนี้มันทั้งหมดเนี่ย
00:07:16 → 00:07:18 มันเป็นส่วนที่ประกอบทำให้เกิด of
00:07:19 → 00:07:21 morality ขึ้นมาแต่ร่างกายมันจะต้องขับ
00:07:21 → 00:07:24 ทิ้งเราไปนะครับแล้วแต่วันแต่ละวันแต่ละ
00:07:24 → 00:07:27 วันเนี่ยเราจะต้องขับทิ้งประมาณ 600 มี
00:07:27 → 00:07:31 โอโซลตะวันนะครับ 600 มีรอสโมโตวันนะฮะ
00:07:31 → 00:07:35 ร่างกายเราจะไม่สามารถขับทิ้งเฉพาะ Merry
00:07:35 → 00:07:38 เปล่าๆได้มันต้องมีน้ำเป็นส่วนประกอบเท่า
00:07:38 → 00:07:40 นั้นนะครับจะต้องมีน้ำเป็นส่วนประกอบ
00:07:40 → 00:07:42 เหมือนกับเวลาเราอาบน้ำนะครับถ้าสมมติว่า
00:07:42 → 00:07:46 ผิวหนังเราสกปรกมากค่ะนะฮะและเอาน้ำเรา
00:07:46 → 00:07:48 ไม่เอาน้ำอ่ะเราปัดทิ้งอย่างเดียวมันก็
00:07:48 → 00:07:50 ไม่สะอาดถูกไหมครับเราต้องเทนว่าไปเพื่อ
00:07:50 → 00:07:53 ชะล้างสิ่งสกปรกตามรากเราเพื่อนมันออกไป
00:07:53 → 00:07:56 ด้วยนะครับคำถามก็คือน้ำที่น้อยที่สุดที่
00:07:56 → 00:08:00 ใช้เพื่อที่จะชะล้างสิ่งสกปรกออกไปอ่ะก็
00:08:00 → 00:08:03 คือเท่าไหร่นะครับอันนี้ก็คือสิ่งที่ไป
00:08:03 → 00:08:06 มันกำลังทำอยู่นะครับไปเนี่ยสามารถขับ
00:08:06 → 00:08:09 ปัสสาวะและเข้มข้นที่สุด 1, 200 Vios
00:08:09 → 00:08:12 โมต่อลิตรนะครับถ้าเรามี 600 ใน oslo ให้
00:08:12 → 00:08:16 ขับนะครับอ่ะ 600 Vios ให้ขับทิ้งออกไป
00:08:16 → 00:08:20 มันก็ต้องใช้แค่ครึ่งลิตรนะครับเครื่อง
00:08:20 → 00:08:23 นิดแบบอันนี้ตามทันหรือเปล่านะฮะลองคิด
00:08:23 → 00:08:27 ซ้ำอีกรอบนึงนะคือตายสามารถขับได้ 1, 200
00:08:27 → 00:08:30 Vios โมต่อลิตรนะครับถ้าเรามี 600 ให้
00:08:30 → 00:08:33 ขับนะครับแล้วก็เท่ากับครึ่งหนึ่งของที่
00:08:33 → 00:08:35 ไปทำออกมาแล้วก็กลับที่เราไป 600 นะครับ
00:08:35 → 00:08:40 นั่นแปลว่าไปเนี่ยขับ 600 ล้อโตออกไปด้วย
00:08:40 → 00:08:42 ความเข้มข้นสูงที่สุดที่ไปมาทำได้นะครับ
00:08:42 → 00:08:46 ตายจะต้องขับปัสสาวะออกไปทั้งหมด 500 ML
00:08:46 → 00:08:49 นะครับอ่ะแล้วจะเมื่อตะกี้ได้ใช่ไหมคะที่
00:08:49 → 00:08:52 เราบอกว่าเราสูญเสียน้ำทางผิวหนัง 500
00:08:52 → 00:08:55 ทางทางเดินอากาศเรา 400 นะครับแล้วก็ทาง
00:08:55 → 00:08:58 อุจจาระอีก 200 รวมกันเป็น 1, 109 +
00:08:58 → 00:09:02 เขาไปอีก 500 เนี่ยก็จะนี้ 1,600 ลิตรนะ
00:09:02 → 00:09:07 ครับนี่คือสุดยอดที่สุดถ้าเกิดว่าเรามี
00:09:07 → 00:09:10 การขาดน้ำแบบเต็มที่ยังไงเนี่ยเราก็จะมี
00:09:10 → 00:09:14 การสูญเสียน้ำปริมาณ = 1,600 ลิตรออกไป
00:09:14 → 00:09:18 ทุกวันนะครับดังนั้นสิ่งที่ดีที่สุดก็คือ
00:09:18 → 00:09:21 เราจะต้องกินน้ำให้มากกว่า 1,600 ลิตรต่อ
00:09:21 → 00:09:25 วันนะฮะอ่าหน้าแต่นี่เป็นการยกตัวอย่าง
00:09:25 → 00:09:27 ที่แบบสุดโต่งนะครับหมายความว่าถ้าเราได้
00:09:27 → 00:09:29 กินน้ำอะไรเข้าไปเลยเนี่ยปัสสาวะเรามัน
00:09:29 → 00:09:32 เข้มคนมากที่สุดได้เท่าไหร่นะครับคือถ้า
00:09:32 → 00:09:34 เราไม่ปัสสาวัเลยนี่มันไม่ได้นะครับเพราะ
00:09:34 → 00:09:36 ว่าถ้าเราไม่ปัสสาวะออกไปเลยนะสิ่งต่างๆ
00:09:36 → 00:09:39 ซึ่งเป็นของเสียนะครับเช่นยูเรียนะครับ
00:09:39 → 00:09:42 เช่นพวกกลุ่มที่เป็นโซเดียมโพแทสเซียม
00:09:42 → 00:09:45 หรืออะไรก็แล้วแต่ที่เรากินเข้าไปนะครับ
00:09:45 → 00:09:47 มันจะไปค้างอยู่ในร่างกายเรานะครับเพราะ
00:09:47 → 00:09:49 ข้างอยู่ในร่างกายก็จะทำให้ร่างกายเราทำ
00:09:49 → 00:09:52 หน้าที่ผิดปกติไปดังนั้นจึงมีเหตุผลที่
00:09:52 → 00:09:55 ร่างกายจะต้องขับมันออกมาแล้วขับมันออกมา
00:09:55 → 00:09:57 เปล่าไม่ได้มันจะต้องมีน้ำตามออกมาด้วย
00:09:57 → 00:10:01 เป็นปัสสาวะนะครับอ่านั้นเต็มที่จนเป็น
00:10:01 → 00:10:02 ที่มาของการที่ว่ามันยังไงก็ต้องขับออกมา
00:10:02 → 00:10:05 ยังไงเราก็ต้องมีการเสียน้ำเป็นอย่างปลอด
00:10:05 → 00:10:08 สว่างนะครับอันโดยรวมแล้วก็คือ 1600 ลิตร
00:10:08 → 00:10:11 ที่เราจะต้องใช้ในแต่ละวันนะปัญหามันอยู่
00:10:11 → 00:10:16 ตรงนี้ครับคือต่อให้เราพยายามสุดๆยังไงนะ
00:10:16 → 00:10:19 ครับเราไม่สามารถที่จะดื่มน้ำได้แค่
00:10:19 → 00:10:21 พันธุ์ 600 มิลลิลิตรต่อวันแล้วทุกอย่าง
00:10:21 → 00:10:24 จะดีนะฮะนั่นเป็นเพราะว่าตายของท่านก็จะ
00:10:24 → 00:10:26 ต้องทำงานหนักอยู่ตลอดเวลาทำให้ปัสสาวะ
00:10:26 → 00:10:28 มันเข้มข้นอยู่ตลอดเวลานะฮะทานไปนานๆก็จะ
00:10:28 → 00:10:31 มีปัญหาได้นะครับเวลาปัสสาวะมันเข้มข้น
00:10:31 → 00:10:34 มากๆนานๆก็จะเกิดนิ่วนะฮะเป็นนิ่วในไต
00:10:34 → 00:10:37 นิ่วในกรวยไตนิ่วในท่อไตอย่างนี้นะครับ
00:10:37 → 00:10:40 เป็นต้นหรือว่าก็จะมีปัญหาอื่นๆในแง่ของ
00:10:40 → 00:10:42 การขาดน้ำนะครับร่างกายต่างๆก็พยายามจะ
00:10:42 → 00:10:45 เก็บน้ำไว้แต่มันไม่มีที่เก็บมันก็เรากิน
00:10:45 → 00:10:47 เข้ามาเท่าไหร่มันก็ออกไปหมดเลยอ่างั้นก็
00:10:47 → 00:10:50 ไม่ดีนะครับดังนั้นจึงมีเหตุผลที่ว่าเรา
00:10:50 → 00:10:53 ควรจะกินเกิน 1500 ลิตรไปสักนิดนึงนะครับ
00:10:53 → 00:10:57 ก็เลยเป็นที่มาของเราควรจะดื่มน้ำปริมาณ 2
00:10:57 → 00:10:59 ลิตรต่อวันนะครับเพื่อเกินไปซัก 400 ให้
00:10:59 → 00:11:02 มันที่เหลือมีใช้บ้างนะครับเพราะว่าไม่
00:11:02 → 00:11:04 ฉะนั้นถ้าลองคิดดูนะครับถ้าท่านไปอาบน้ำ
00:11:04 → 00:11:07 แล้วถ้ามีสิ่งสกปรกในตัวนะฮะท่านคิดว่า
00:11:07 → 00:11:11 โอเคเราตากน้ำสามพันเนี่ยมันสะอาดพอดีและ
00:11:11 → 00:11:14 แต่มันแค่พอดีพอดีอ่ะฮะมันไม่สามารถที่จะ
00:11:14 → 00:11:16 สะอาดได้มากกว่านั้นๆจะต้องตัดแบบ R 10
00:11:16 → 00:11:19 คันนึงนะถึงจะสะอาดขึ้นอย่างนี้นะครับนี่
00:11:19 → 00:11:21 ก็เป็นสิ่งนึงเหมือนกันที่ถ้าร่างกายมี
00:11:21 → 00:11:23 น้ำเหลือใช้เนี่ยมันก็จะสามารถช่วยทำให้
00:11:23 → 00:11:28 ตายในวันทำงานได้โอเคขึ้นนะครับนี่มาถึง
00:11:28 → 00:11:32 คำถามข้อที่สองก็คือว่าถ้าเราไปหลงป่านะ
00:11:32 → 00:11:34 ครับเราไม่มีน้ำกินจริงๆเราดื่มน้ำ
00:11:34 → 00:11:37 ปัสสาวะตัวเองได้หรือเปล่าครับปัญหาอยู่
00:11:37 → 00:11:39 ตรงนี้ครับอย่างที่ผมบอกเวลาร่างกายลอง
00:11:39 → 00:11:43 ขาดน้ำเนี่ยปัสสาวะเรามันจะต้องเข้มข้น
00:11:43 → 00:11:45 มากๆเพื่อที่จะพยายามสงวนนะว่าในร่างกาย
00:11:45 → 00:11:47 เรานะครับแต่ไม่ได้สงวนให้ตายยังไงมันก็
00:11:47 → 00:11:50 ต้องมีปัสสาวะออกมาเพราะว่ามันต้องขับสาร
00:11:50 → 00:11:52 ที่มันเป็นพิษต่อร่างกายออกมาด้วยนะครับ
00:11:52 → 00:11:55 เพราะมันขับออกมาแล้วเนี่ยปัสสาวะของเรา
00:11:55 → 00:11:58 ก็จะมีความเข้มข้นที่สูงมากนะครับ 1, 200
00:11:58 → 00:12:01 Vios โดยที่เมื่อกี้ผมสีเข้มข้นมากๆนะ
00:12:01 → 00:12:04 ครับถ้าเราตื่นมันเข้าไปแล้วก็อย่างที่
00:12:04 → 00:12:07 เมื่อกี้ผมบอกนะครับเลือดเรานะครับความ
00:12:07 → 00:12:11 เข้มข้นอยู่ที่ 290 Vios noclip นะครับ
00:12:11 → 00:12:14 ปัสสาวะเข้มข้นที่สุด 1,200 บาทถ้าเราคิด
00:12:14 → 00:12:16 ดูสิครับถ้าเอาเข้าไปในเรื่องเนี่ยก็จะ
00:12:16 → 00:12:19 เกิดความเข้มข้นสูงขึ้นมี Vios โมในร่าง
00:12:19 → 00:12:21 กายของเราก็จะสูงมากขึ้นแท่นจะเป็น 290
00:12:21 → 00:12:24 บาทจากการเป็น 300 300 กว่าทีนี้เราเกิด
00:12:24 → 00:12:28 ปัญหานะครับพอร่างกายมีความเข้มข้นใน
00:12:28 → 00:12:31 เลือดสูงมากๆนะครับมันก็แปลว่ามีสารพิษ
00:12:31 → 00:12:34 Vios โมที่ท่านจะต้องขับไปมากขึ้นนะครับ
00:12:34 → 00:12:37 แทนที่ปกติจะมี 600 มีโออย่างที่เมื่อกี้
00:12:37 → 00:12:40 ผมบอกตอนนี้มันเยอะขึ้นอะไรครับมาจัด 800
00:12:40 → 00:12:42 พันธุ์หนึ่งและท่านขับไม่ออกนะฮะใช่มั้ย
00:12:42 → 00:12:46 ฮะแล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเป็นฉะนั้นยังไม่
00:12:46 → 00:12:49 ที่ผมบอกท่าน 200 videos So ในปัสสาวะ
00:12:49 → 00:12:53 นะครับถ้าจะขับ 600 ท้ายครึ่งลิฟต์ด้วย
00:12:53 → 00:12:57 ครับแต่ถ้าเกิดว่ามันแล้วแล้วในถ้านกิน
00:12:57 → 00:12:59 ปัสสาวะตัวเองเข้าไปจนข้างร่างกายของข้า
00:12:59 → 00:13:03 น่ะก็มี 1,200 Vios ที่ต้องขับนะครับ
00:13:03 → 00:13:06 ท่านก็ต้องปัสวะทิ้งออกมาอีกหนึ่งลิตรนะ
00:13:06 → 00:13:07 ครับทำให้ท่านยิ่งเสียน้ำเข้าไปใหญ่ดัง
00:13:07 → 00:13:11 นั้นคนที่เราดื่มปัสสาวะตัวเองเข้าไปนะ
00:13:11 → 00:13:14 ครับในภาวะนะเนี่ยก็จะยิ่งอยู่นะมากขึ้น
00:13:14 → 00:13:16 นะครับร่างกายเราจะบ่งบอกว่าเราต้องการ
00:13:16 → 00:13:18 น้ำเพิ่มขึ้นเพราะว่าเราต้องไปขับของเสีย
00:13:18 → 00:13:20 ที่เรากินกับเองเพิ่มขึ้นฮะอันนี้ไม่ควร
00:13:20 → 00:13:23 ทำนะครับก็เช่นเดียวแค่เป็นเหตุผลที่ว่า
00:13:23 → 00:13:26 ถ้าเป็นลงในทะเลนะฮะแล้วจะดื่มน้ำทะเลได้
00:13:26 → 00:13:29 ไหมไม่ได้นะครับที่ดื่มยิ่งหิวน้ำนะครับ
00:13:29 → 00:13:32 เพราะว่าปริมาณเครือแร่ในทะเลมันสูงมากนะ
00:13:32 → 00:13:35 ครับก็ประมาณเอาสูงแค่ไหนอย่างนี้มีคน
00:13:35 → 00:13:38 สงสัยนะครับถ้าเป็นทะเลหรือทั่วไปเนี่ย
00:13:38 → 00:13:41 ความเข้มข้นของโซเดียมหรือว่าเบื่อทั่วไป
00:13:41 → 00:13:44 นะครับจะอยู่ที่ประมาณซัก 3.5% นะครับ
00:13:44 → 00:13:48 3.5% น้ำเกลือที่ปกติแล้วให้การตามโรง
00:13:48 → 00:13:50 พยาบาลถ้าเป็นนักเรือปลอบๆเนี่ยอยู่ที่
00:13:50 → 00:13:54 0.9% นะครับใน 0.9% จริงมันเยอะกว่าใน
00:13:54 → 00:13:56 เลือดของเราด้วยนะครับมันสูงกว่าในเลือด
00:13:56 → 00:13:59 เรานะสูงบ่ได้เรือเราซักกับซักนิดนึงเลย
00:13:59 → 00:14:01 ด้วยนะครับถ้าเรามาดูสิครับถ้าเกิดว่า
00:14:01 → 00:14:03 เป็นเอ่อสามสิบห้าเปอร์เซ็นก็คือในน้ำ
00:14:03 → 00:14:06 ทะเลนะครับก็จะมากกว่าน้ำเกลือที่ท่านได้
00:14:06 → 00:14:10 เนี่ยอ่า 6 เข้านะครับประมาณแถวนี้นะครับ
00:14:10 → 00:14:14 เออคนเลยไม่ใช่ประมาณสี่เท่านะครับ 4
00:14:14 → 00:14:17 เท่าเลยนะครับที่มากกว่าตัวน้ำเกลือแล้ว
00:14:17 → 00:14:19 ไม่ใช่แค่สี่เท่าเพื่อที่จะเลือกนะครับ
00:14:19 → 00:14:20 มันอาจจะมากกว่านั้นด้วยนะครับ 5 เท่า
00:14:20 → 00:14:23 เมื่อเทียบกับเรื่องนะครับนั่นก็จะเป็น
00:14:23 → 00:14:26 ปัญหาได้นะครับแปลว่าท่านดื่มน้ำทะเลเข้า
00:14:26 → 00:14:28 ไปในช่วงที่ท่านขาดนะเนี่ยก็จะยิ่งทำให้
00:14:28 → 00:14:31 ร่างกายของท่านมีความหิวน้ำเพิ่มขึ้น
00:14:31 → 00:14:33 ต้องการน้ำเพิ่มขึ้นเพื่อที่จะเอาไปขับ
00:14:33 → 00:14:36 เรือและที่มันได้เกินไปออกมาทางปัสสาวะ
00:14:36 → 00:14:38 อีกรอบนึงนั่นแหละครับนั้นก็เลยเป็นปัญหา
00:14:38 → 00:14:43 ทำให้ฉันยิ่งแย่เข้าไปใหญ่นะครับค่ะทีนี้
00:14:43 → 00:14:46 มาลองมองในแง่ของว่าถ้าเรามีภาวะอื่น
00:14:46 → 00:14:48 เนี่ยอาจจะต้องดื่มน้ำเข้าไปมากขึ้นเช่น
00:14:48 → 00:14:51 ถ้าท่านมีท้องเสียนอนเสียน้ำมากกว่าปกติ
00:14:51 → 00:14:56 นะครับมีการหายใจเหนื่อยหอบนะครับมีไข้นะ
00:14:56 → 00:14:58 ครับร่างกายจะต้องระบายความร้อนผ่านทาง
00:14:58 → 00:15:00 เหนือผ่านทางผิวหนังเพิ่มนี้นะครับพวกนี้
00:15:00 → 00:15:02 ก็จะเสียน้ำเพิ่มขึ้นเราก็จำเป็นจะต้อง
00:15:02 → 00:15:05 ให้น้ำคนไข้เพิ่มขึ้นนะครับเราจะให้น้ำ
00:15:05 → 00:15:08 เท่าโดยไม่ได้แล้วนะครับอ่าแล้วเดี๋ยวจะ
00:15:08 → 00:15:11 มีก็จะมีบางคนสงสัยว่าแล้วเรากินน้ำได้
00:15:11 → 00:15:13 มากที่สุดเท่าไหร่คิดว่าจะไหมนะครับ
00:15:13 → 00:15:17 เหมือนเดิมนะครับคิดมาจากความเข้มข้นของ
00:15:17 → 00:15:20 ปัสสาวะนะครับเวลาที่เราได้น้ำเกินไปใน
00:15:20 → 00:15:21 ร่างกายน้ำเยอะเนี่ยนะครับร่างกายเกี่ยว
00:15:21 → 00:15:24 กับก็จะขับปัสสาวะหรือขับน้ำที่เป็นเป็น
00:15:24 → 00:15:28 ส่วนเกินออกมาข้างนอกนะครับที่นี้ขับส่วน
00:15:28 → 00:15:30 เกินที่ออกมาข้างนอกเนี่ยยังไงก็จะต้องมี
00:15:30 → 00:15:33 ออสโม่เมื่อกี้เนี่ยวนมาอยู่ดีนะครับโดย
00:15:33 → 00:15:35 ร่างกายเราทำปัสสาวะให้เจือจางมากที่สุด
00:15:35 → 00:15:39 ได้อยู่ที่ 50 Vios Photo บินนะครับ 50
00:15:39 → 00:15:43 Vios โลต่อลิตรนะครับ 5 เนี่ยคือเป็น
00:15:43 → 00:15:47 เป็นวิธีในการคิดว่าเราจะกินเข้าไปได้มาก
00:15:47 → 00:15:50 น้อยแค่ไหนแล้วถ้าเราคิดดูในแต่ละวันท่าน
00:15:50 → 00:15:52 มีประมาณ 600 มีโรสต์โมที่ต้องขับทิ้งนะ
00:15:52 → 00:15:55 ครับแล้วถ้าท่านขับออกมาได้ปรับตัวจากที่
00:15:55 → 00:16:00 สุดคือ 50 นะครับ 50 ต่อลิปนะครับอยู่กับ
00:16:00 → 00:16:04 ไอ้ 600 ออกมาได้ต้องใช้กี่ลิตรในการ
00:16:04 → 00:16:07 ปัสสาวะออกมาที่ปัสสาวะจะทำได้นะครับก็
00:16:07 → 00:16:11 เท่าไหร่ครับเอา 600 ตั้งแล้ว 50 ไปหารก็
00:16:11 → 00:16:14 ได้เท่ากับ 12 ตัวนะครับคือ 12 ลิตรซึ่ง
00:16:14 → 00:16:17 ปัสสาวะสามารถปัสสาวะออกมาได้ในแต่ละวัน
00:16:17 → 00:16:22 นะครับแปลว่าท่านดื่มเข้าไปทั้งหมด 12
00:16:22 → 00:16:25 ลิตรท่านก็จะสามารถขับมันออกมาได้นะครับ
00:16:25 → 00:16:28 แต่ 12 ลิตรนี้อาจจะได้มากกว่านั้นเองนะ
00:16:28 → 00:16:31 ครับเพราะว่าท่านยังอย่าลืมว่ามีการสูญ
00:16:31 → 00:16:33 เสียไปทางผิวหนังสูญเสียไปในทางเท่านั้น
00:16:33 → 00:16:35 อาหารนะครับแล้วก็สูญเสียไปในทางเดิน
00:16:35 → 00:16:38 อากาศหายใจของเรานี่นะครับทำให้กินอะไร
00:16:38 → 00:16:40 อยู่ที่ 13-14 ลิตรแต่ว่าความสามารถของ
00:16:40 → 00:16:42 ร่างกายแต่ละคนมันก็ไม่เข้ากันจริงมันอาจ
00:16:42 → 00:16:45 จะทำได้มากกว่านั้นนะครับอาจจะถึง 17 18
00:16:45 → 00:16:47 20 ลิตรเลยก็เป็นไปได้นะครับแต่ว่าไม่มี
00:16:47 → 00:16:49 ความจำเป็นจะต้องไปกินขนาดนั้นนะครับ
00:16:49 → 00:16:53 เพราะปัญหาคือถ้ากินขนาดนี้นานๆเนี่ยก็จะ
00:16:53 → 00:16:56 ทำให้ร่างกายเรามีความเชือจังมากขึ้นมาก
00:16:56 → 00:16:58 ขึ้นเรื่อยๆแล้วก็จะเกิดปัญหาต่อร่างกาย
00:16:58 → 00:17:01 ได้ปัญหาหลักๆที่จะเกิดและก็มีภาวะน้ำ
00:17:01 → 00:17:03 เกินกับน้ำขาดเกลือแร่ชนิดหนึ่งซึ่งมี
00:17:03 → 00:17:07 ปัญหามากที่สุดก็คือโซเดียมนะครับโซเดียม
00:17:07 → 00:17:10 ตัวเนี้ยมันมีหน้าที่สำคัญในการสื่อสาร
00:17:10 → 00:17:13 สื่อประสาทเรานะครับถ้ามันสูงเกินไปก็ไม่
00:17:13 → 00:17:15 ดีนะครับตามเกินไปก็ไม่ดีเช่นกันนะครับ
00:17:15 → 00:17:18 ทางเดินประสาทของเราสารสื่อภาษาเราจะมี
00:17:18 → 00:17:21 ปัญหาครับพอมันต่ำหรือสูงไปเนี่ยจะมี
00:17:21 → 00:17:23 อาการทางระบบประสาทได้นะครับเช่นว่าเห็น
00:17:23 → 00:17:26 ภาพหล่อนะครับงงนะครับไม่รู้เรื่องนะครับ
00:17:26 → 00:17:30 บางคนมีชามือชาเท้าชาทุกอย่างนะครับแล้ว
00:17:30 → 00:17:33 ก็มีจนถึงขั้นหมดสติชักได้นะครับแล้วก็
00:17:33 → 00:17:35 เสียชีวิตได้เวลาที่โซเชียลมันผิดปกติมาก
00:17:35 → 00:17:39 ๆนะครับงั้นเรื่องน้ำเรื่องโซเชียลในทาง
00:17:39 → 00:17:41 การแพทย์เราจะคุยด้วยกันนะครับแล้วก็จริง
00:17:41 → 00:17:43 มันเป็นเรื่องที่ยากมากพอสมควรนะครับ
00:17:43 → 00:17:45 เรื่องนี้ก็จะลงรายละเอียดนะครับผมก็เลย
00:17:45 → 00:17:48 เอามาคุยคร่าวๆเล่นแค่นี้ก่อนนะครับนั้น
00:17:48 → 00:17:52 นี่ก็คือที่มาของว่าทำไมเราควรจะดื่มน้ำ
00:17:52 → 00:17:54 วันละประมาณ 2 ลิตรนะครับด้วยน้ำ 2 ลิตร
00:17:54 → 00:17:56 นี้ไม่จำเป็นต้องเป็นน้ำปลาอย่างเดียวนะ
00:17:56 → 00:17:58 ครับมันปนมาจากที่อื่นก็ได้เช่นในอาหารก็
00:17:59 → 00:18:02 มีน้ำเป็นส่วนประกอบอยู่ในน้ำเปล่าหรือใน
00:18:02 → 00:18:04 น้ำอย่างอื่นก็มีน้ำเป็นส่วนประกอบนะครับ
00:18:04 → 00:18:06 ขอให้เราได้วันนึงประมาณสัก 2 ลิ้นเนี่ย
00:18:06 → 00:18:09 จะค่อนข้างปลอดภัยนะครับจากมีโรคบางโรค
00:18:09 → 00:18:12 ซึ่งเราไว้สามารถได้น้ำมากขณะนี้นะครับ
00:18:12 → 00:18:16 คือไปของเรานะครับเมื่อกี้ผมบอกไปหน้าที่
00:18:16 → 00:18:19 ของมันเนี่ยจะยังมีได้ดีอยู่ก็ต่อเมื่อ
00:18:19 → 00:18:21 มันทำหน้าที่ปกติแล้วได้เป็นปกติถ้าเกิด
00:18:21 → 00:18:24 คนไหนมีไตวายนะครับคือมันทำหน้าที่ได้ไม่
00:18:24 → 00:18:26 ปกติการได้น้ำมากเกินไปนี่ก็มีปัญหานะ
00:18:26 → 00:18:29 ครับอ่าก็จะมีปัญหาได้นะครับจะทำให้น้ำ
00:18:29 → 00:18:31 มันข้างหรือร่างกายแล้วมันทำของออกไปไม่
00:18:31 → 00:18:36 ได้ฮะก็พวกนี้จะมีจะต้องงดน้ำหรือรดน้ำ
00:18:36 → 00:18:39 ที่รับปัญหาลงนะครับและที่สองก็คือจะต้อง
00:18:39 → 00:18:41 ลดออสโม่ด้วยนะครับคอร์สโหมดคือสิ่งที่
00:18:41 → 00:18:43 เราจะต้องขับทิ้งชนะท่านทานเค็มก็จะเยอะ
00:18:43 → 00:18:46 เนี่ยร่างกายจะต้องเอาปัสสาวะตีขับจริง
00:18:46 → 00:18:48 ออกมาแต่เนื่องจากไปของถ้ามันเสียไปแล้ว
00:18:48 → 00:18:50 มันขับมาไม่ได้อีกนะนี่ก็จะมีปัญหาเรื่อง
00:18:50 → 00:18:52 เกลือแร่หรือมันค้างอยู่ในร่างกายเราได้
00:18:52 → 00:18:56 เกิดปัญหาต่อเนื่องตามมาเป็นหมดนะครับถ้า
00:18:56 → 00:18:59 มีหัวใจวายหัวใจมันดิบเอาเลือดไปเลี้ยงไต
00:18:59 → 00:19:01 ไม่ได้หมอเดี๋ยวตายมันก็ไว้ตามมานะครับ
00:19:01 → 00:19:04 ร่างกายขับน้ำออกไปไม่ได้ร่างกายก็จะมี
00:19:04 → 00:19:07 น้ำเกินนั้นกรณีนี้ก็ต้องงดน้ำลงนะครับคน
00:19:07 → 00:19:09 ที่มีปัญหาเรื่องไทยโพไทรอยด์ไทรอยด์ทำ
00:19:09 → 00:19:12 งานต่ำผิดปกติพวกนี้ก็จะเก็บน้ำในร่างกาย
00:19:12 → 00:19:17 ก็มีปัญหาอีกนะฮะอ่าหรือยาบางอย่างไม่ได้
00:19:17 → 00:19:19 ทำให้ท่านเก็บน้ำไว้ในร่างกายเพิ่มขึ้นนะ
00:19:19 → 00:19:22 ครับอันนี้ก็ต้องไปดูแต่ละอย่างไหมว่าเออ
00:19:22 → 00:19:25 มันมียาตัวไหนที่ท่านข้างอยู่นะครับเพราะ
00:19:25 → 00:19:26 มันอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องพรุ่ง
00:19:26 → 00:19:28 นี้ได้นะครับแล้วก็ในบางคนถ้ามีโรคต่างๆ
00:19:28 → 00:19:32 พวกเนี้ยทางหมอเขาจะพิจารณาว่าเออเราอาจ
00:19:32 → 00:19:35 จะมันจะต้องงดน้ำบางอย่างนะครับน้องเลย
00:19:35 → 00:19:39 จากนี้ยังมีโรคหลายโลกนะครับบางโรคก็ต้อง
00:19:39 → 00:19:42 งดเฉพาะน้ำเปล่าๆนะครับแต่ทานน้ำที่ไม่
00:19:42 → 00:19:44 เปล่าได้เช่นว่าน้ำที่มีเกลือแร่บนอ่า
00:19:44 → 00:19:46 อย่างนี้เป็นต้นนะครับท่าทางถ้ามีหมอมา
00:19:46 → 00:19:49 ฟังก็คงจะทราบว่าโรคนี้คือโรค sia DS นะ
00:19:49 → 00:19:52 ครับซึ่งถ้าใครสนใจนะไว้วันหลังออกมาเล่า
00:19:52 → 00:19:54 แล้วกันเพราะว่ามันอาจจะเข้าใจยากสำหรับ
00:19:54 → 00:19:57 ท่านทั่วไปหน่อยนะครับแล้วก็ถ้าไม่มีใคร
00:19:57 → 00:20:01 ถ้าถ้าไม่เคยเป็นก็อาจจะเข้าใจอายากะใหญ่
00:20:01 → 00:20:03 นะครับโอเคนะฮะวันนี้ก็เท่านี้นะครับมี
00:20:03 → 00:20:06 ข้อสงสัยก็สอบถามมาได้นะครับขอบคุณมาก
00:20:06 → 00:20:08 ครับสวัสดีครับ