00:00:00 → 00:00:03 คุณหมออ่าพูดคุยกันสักหน่อยเลยนะครับ
00:00:03 → 00:00:06 สำหรับโรคตุ่มน้ำใสเอ๊ะตุ่มน้ำใสที่มันจะ
00:00:06 → 00:00:09 กลายมาเป็นโรคเนี่ยมันต้องมีลักษณะยังไงะ
00:00:09 → 00:00:13 คุณหมอฮะค่ะแต่เราอาจจะคุ้นหลายๆชื่อนะคะ
00:00:13 → 00:00:18 ตุ่มน้ำใสตุ่มน้ำพองตุ่มพองใสอะไรอย่าง
00:00:18 → 00:00:21 เงี้ยนะคะจริงๆแล้วอันนี้เป็นมันเป็น
00:00:21 → 00:00:26 อาการอันนึงที่คนไข้มาหาหมอผิวหนังก็คือ
00:00:26 → 00:00:30 มันจะมีตุ่มตุ่มใสๆเกิดขึ้นตามร่างกายที่
00:00:30 → 00:00:32 เราอาจะคุ้นกันก็อาจจะเป็นเหมือนพวกโรค
00:00:32 → 00:00:36 สุกใสหรือว่าโรคูสวัใช่มคะเราจะเห็นักษณะ
00:00:36 → 00:00:39 เป็นอาการตุ่มใสเหมือนกันแต่ว่าโรคตุ่ม
00:00:39 → 00:00:43 น้ำพองใสเนี่ยมันเป็นอ่าเป็นโรคภูมิแพ้
00:00:43 → 00:00:47 ตัวเองชนิดหนึ่งนะคะซึ่งอ่าร่างกายเนี่ย
00:00:47 → 00:00:51 มีการสร้างเ่าภูมิต้านทานที่ผิดปกติเรียก
00:00:51 → 00:00:56 ว่าไวเกินปกติก็ได้มาทำลายเซลล์ผิวหนังทำ
00:00:56 → 00:00:59 ให้เซลล์ผิวหนังของตัวเราเองอยู่ๆมันหลุด
00:00:59 → 00:01:01 ลอกออกจากกันกันง่ายกว่าปกติก็เลยทำให้
00:01:01 → 00:01:04 เกิดอาการเป็นตุ่มใสๆตามตัวขึ้นเพราะ
00:01:04 → 00:01:07 ฉะนั้นเนี่ยอาการของโรคตุ่มน้ำพองใสเนี่ย
00:01:07 → 00:01:10 มันก็จะต่างกับพวกอ่าการติดเชื้อไวรัสจาก
00:01:11 → 00:01:13 โรคสุขใสหรือโรคงูสวัสดพวกนั้นก็จะเป็น
00:01:14 → 00:01:17 ฉับพลันเป็นเป็นบางจุดเป็นปึ๊บหายปั๊บแต่
00:01:17 → 00:01:20 ว่าโรคกลุ่มกลุ่มน้ำพองใสเนี่ยมันจะใช้
00:01:20 → 00:01:23 เวลาค่ะมันจะมีอาการเป็นๆหายๆเป็นเรื้อ
00:01:23 → 00:01:27 รังอาจะเป็นนานนะคะแล้วก็การกระจายอาจจะ
00:01:27 → 00:01:31 ทั่วตัวนะคะแล้วก็ใช้เวลารักษาต่อเนื่อง
00:01:31 → 00:01:35 นะคะต่างต่างกับพวกโรคตุ่มน้ำอื่นๆเพราะ
00:01:35 → 00:01:37 ฉะนั้นก็เลยจะจะเรียนว่าจริงๆตุ่มน้ำพอง
00:01:37 → 00:01:41 ใสนี่เป็นคำรวมๆที่คนไขมาด้วยอาการทางผิว
00:01:41 → 00:01:44 หนังเป็นตุ่มใสนะคะถแออกจากกันค่ะส่วน
00:01:44 → 00:01:47 ส่วนตัวโรคที่เรากำลังคุยกันเนี่ยมันเป็น
00:01:47 → 00:01:51 โรคกลุ่มแพ้ภูมิตัวเองนะคะถ้าเป็นชื่อโรค
00:01:51 → 00:01:54 ภาษาอังกฤษจริงๆจะใช้คำว่าโรค
00:01:54 → 00:01:58 เมิสหรือที่เราอาจจะเคยได้ยินที่คุณเมฆอ
00:01:58 → 00:02:02 นะคะเป็นเพีอยนะคะค่ะชื่อมันจะคล้ายๆกัน
00:02:02 → 00:02:05 นะะก็เป็นสัพเฉพาะของโรคกลุ่มน้ำผงใสที่
00:02:05 → 00:02:08 เรากำลังเป็นข่าวกันตอนนี้ค่ะออืโอ้โห
00:02:08 → 00:02:12 เอ่อเท่าที่เท่าที่ผมเคยเอ่อทุกคนน่าจะ
00:02:12 → 00:02:16 เคยเคยสังเกตตัวเองมันมันเราก็เคยมีนะ
00:02:16 → 00:02:18 เป็นสุกใสหรือว่าเป็นตุ่มน้ำพองใสขึ้นแต่
00:02:18 → 00:02:21 แป๊บเดียวมันก็หายแต่เจ้าโรคนี้มันไม่ใช่
00:02:21 → 00:02:23 อย่างนั้นใช่มั้ฮะมันมันมันมันมากกว่า
00:02:23 → 00:02:26 นั้นมันมันคือตุ่มใสที่เกิดอาการตามทาง
00:02:26 → 00:02:29 ผิวหนังที่เป็นตุ่มใสมาเนี่ยนะคะมันไม่
00:02:29 → 00:02:30 ได้ลายส
00:02:30 → 00:02:33 อันนึงที่พบบ่อยๆก็คือการติดเชื้อไวรัส
00:02:33 → 00:02:35 ที่เรายกตัวอย่างไปเมื่อกี้คือไวรัสงู
00:02:35 → 00:02:39 สวัดกับไวรัสโรคสุขใสซึ่งพวกนี้มันจะเป็น
00:02:39 → 00:02:42 ประมาณ 7-10 วันนะคะมีไข้มีอะไรประมาณ
00:02:42 → 00:02:45 เนี้ยแล้วก็หายตัดแต่ในกลุ่มของแพ้ภูมิ
00:02:45 → 00:02:48 ตัวเองเนี่ยมันจะเป็นยาวนานกว่านั้นโดย
00:02:48 → 00:02:51 ทั่วไปจะเป็นๆหายๆเป็นเดือนเลยนะคะแล้วก็
00:02:51 → 00:02:55 คนไข้ก็จะมาหาเราเพราะว่ามันไม่หายสักที
00:02:55 → 00:02:59 นะคะมันเป็นเรืรังค่ะอ๋อเป็นแบบนี้แล้ว
00:02:59 → 00:03:01 เนี่ยแพ้ภูมิตัวเองเขาเรียกว่าแพ้ภูมิตัว
00:03:01 → 00:03:04 เองเนี่ยจริงๆแล้วมันแพ้เพราะเพราะเพราะ
00:03:04 → 00:03:06 ตัวเพราะเพราะอะไรครับ 1 คือที่ผมจะถาม
00:03:06 → 00:03:09 คือพันธุกรรมหรือเปล่า 2 คือหรือว่าเราไป
00:03:09 → 00:03:11 ทำอะไรหรือเปล่าหรือว่าพฤติกรรมของเรา
00:03:11 → 00:03:14 หรือเปล่าที่อาจจะนอนน้อยกินอาหารไม่
00:03:14 → 00:03:16 เพียงพอสารอาหารเลยไม่ครบอะไรเงี้ยค่ะมัน
00:03:16 → 00:03:19 เป็นเพราะอะไรคะแพ้ภูมิตัวเองอ่ะค่ะค่ะ
00:03:19 → 00:03:22 อันนี้ก็เป็นคำถามที่พบบ่อยเลยค่ะซึ่ง
00:03:22 → 00:03:25 จริงๆเราอาจจะยังไม่สามารถตอบได้ทั้งหมด
00:03:25 → 00:03:28 ว่าทำไมคนคนึงถึงเป็นโรคแพะภูมิตัวเอง
00:03:28 → 00:03:32 ขึ้นมานะคะครับว่าเอ่อที่ที่เราทราบกัน
00:03:32 → 00:03:34 ข้อมูลที่เรามีในปัจจุบันเเราพบว่ามัน
00:03:34 → 00:03:38 เป็นหลายปัจจัยที่ร่วมกันอันแรกก็อาจจะมี
00:03:38 → 00:03:41 พันธุกรรมที่มาเกี่ยวข้องแต่ว่าไม่ใช่
00:03:41 → 00:03:44 100% นะคะบางคนก็ไม่ได้มีพันธุกรรมของ
00:03:44 → 00:03:47 ยีนตัวนี้อะไรอย่างเงี้ยค่ะเพราะฉะนั้น
00:03:47 → 00:03:49 เนี่ยมันมีแค่ส่วนนึงที่เกี่ยวข้องกับ
00:03:49 → 00:03:53 พันธุกรรมอีกส่วนนึงอ่าพันธุกรรมในที่น
00:03:53 → 00:03:55 หมายความว่าอ่าเราอาจจะมียีนอะไรบางอย่าง
00:03:56 → 00:03:59 ที่มีแนวโน้มทำให้เราเป็นโรคนี้ง่ายขึ้น
00:03:59 → 00:04:03 นะะอพอเรามาเจอปัจจัยอื่นๆเช่นเจอสิ่งแวด
00:04:03 → 00:04:06 ล้อมบางอย่างยกตัวอย่างเช่นการติดเชื้อ
00:04:06 → 00:04:09 บางชนิดก็เชื่อว่าอ่าจะเหนียวนำให้เกิด
00:04:09 → 00:04:12 อจารแพ้ภูมิตัวเองขึ้นทำให้ภูมิต้านทาง
00:04:12 → 00:04:14 ของร่างกายทำงานเปลี่ยนแปลงไปอะไรทำนองเย
00:04:14 → 00:04:18 ค่ะหรือแม้กระทั่งแสงแดดเราอาจจะเคยได้
00:04:18 → 00:04:22 ยินโรคแพแสงแดดโ S โรคเนี้ยค่ะโรค Le โรค
00:04:22 → 00:04:25 พุ่มพวงเนี่ยก็เป็นอีกหนึ่งโรคในกลุ่มแพ
00:04:25 → 00:04:28 ภูมิตัวเองเหมือนกันอเพบว่านี่ก็หลาย
00:04:28 → 00:04:30 ปัจจัยเหมือนกันแต่ว่าส่วนก็คือมีแสงแดด
00:04:30 → 00:04:33 เป็นตัวกระตุ้นนะคะค่ะนี้ถามว่าพฤติกรรม
00:04:33 → 00:04:37 อะไรเกี่ยวมยไม่มีข้อมูลชัดเจนว่าเรา
00:04:37 → 00:04:39 พฤติกรรมอะไรเราไม่ดีอย่างเงี้ยค่ะเราจะ
00:04:39 → 00:04:42 เป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคนะคะเพียงแต่ว่า
00:04:43 → 00:04:46 เมื่อเป็นโรคแล้วอ่าสภาวะภูมิที่เปลี่ยน
00:04:46 → 00:04:49 แปลงไปแล้วเนี่ยภูมิมันเพี้ยนไปแล้วเนี่ย
00:04:49 → 00:04:53 สิ่งที่จะต้องดูแลก็คือว่าจะต้องทำร่าง
00:04:53 → 00:04:56 กายให้แข็งแรงเนาะก็คือต้องไม่เครียดพ่อน
00:04:57 → 00:04:59 ให้พอทานอาหารมีประโยชน์พวกเนี้ยทำให้
00:05:00 → 00:05:03 ภูมิของเราที่มันเพี้ยนไปอ่ะมันกลับมา
00:05:03 → 00:05:07 เป็นภูมิปกติได้ง่ายขึ้นอควบคุมโรคได้ดี
00:05:07 → 00:05:11 ขึ้นค่ะงั้นถามว่าสาเหตุจริงๆคืออะไรก็
00:05:11 → 00:05:14 อาจจะยังตอบได้ไม่ชัดแต่ว่าก็เข้าใจว่ามี
00:05:14 → 00:05:16 หลายสาเหตุแหละอาจจะมีพันธุกรรมเหนี่ยว
00:05:16 → 00:05:19 นามแล้วก็มีปัจจัยทางสิ่งแวดล้อมอื่นๆยก
00:05:19 → 00:05:21 ตัวอย่างเช่นการติดเชื้ออย่างนี้เป็นต้น
00:05:21 → 00:05:24 ค่ะค่ะอ๋อเมื่อสักครู่คุณหมอพูดถึงเรื่อง
00:05:24 → 00:05:27 ของการเ่อแพ้ภูมิตัวเองแล้วก็มีเรื่องของ
00:05:27 → 00:05:30 แสงแดดเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเนี่ยฮะเร่ตม
00:05:30 → 00:05:34 น้ใก็คือควรจะหลบเลี่ยงจากแสงแดดยคะถ้าคน
00:05:34 → 00:05:38 ที่เป็นเใช่ค่ะเพราะว่าเราพบว่าแสงแดด
00:05:38 → 00:05:41 เป็นปัจจัยกระตุ้นอันนึงที่ทำให้โรคเมัน
00:05:41 → 00:05:45 กำเริบขึ้นอแล้วเคยเคยมีเคยมีคนไข้ค่ะที่
00:05:45 → 00:05:50 ทำงานก่อสร้างค่ะอเขโดนแดดตลอดเลยแล้วก็
00:05:50 → 00:05:53 รักษายังไงด้วยยากดภูมิยังไงก็ไม่ดีขึ้น
00:05:53 → 00:05:56 สักทีแต่มีอยู่ช่วงนึงตกงานน่ะไม่ได้ทำ
00:05:56 → 00:06:01 งานก่อสร้างอืกลับมาจะอีกทีหายหายเลยค่ะ
00:06:01 → 00:06:04 หน้าดีขึ้นเลยากที่ไม่เคยดีขึ้นเลยเพราะ
00:06:04 → 00:06:05 ฉะนั้นอันนี้ก็เป็นตัวอย่างให้เห็นว่าแสง
00:06:05 → 00:06:09 แดดมีผลกับโรคนี้ค่อนข้างมากพอสมควรค่ะอื
00:06:09 → 00:06:11 นอกจากแสงแดดแล้วมีปัจจัยอื่นเป็นตัว
00:06:11 → 00:06:15 กระตุ้นเพิ่มเติมมคะคุณหมอคะอ่าในกรณีที่
00:06:15 → 00:06:17 เราเป็นโรคแล้วใช่มยคะใช่ค่ะถ้าเราเป็น
00:06:17 → 00:06:20 โรคแล้วเนี่ยค่ะเ่อปัจจัยกระตุ้นที่สำคัญ
00:06:20 → 00:06:23 นอกจากแสงแดดสำหรับโรคเพฟัหรือโรคตุมน้ำ
00:06:23 → 00:06:27 พองเนี่ยอ่าก็จะเป็นเรื่องของการติดเชื้อ
00:06:27 → 00:06:30 แบคทีเรียแทรกซ้อนนะค่ะอ่าเนื่องจากว่า
00:06:30 → 00:06:32 เวลาเราเป็นแผลผุกพองเนี่ยมันมีโอกาสแตก
00:06:32 → 00:06:34 ออกมาได้ง่ายค่ะมีน้ำเหลืองไหลเพราะ
00:06:34 → 00:06:37 ฉะนั้นเนี่ยพอผิวหนังเปิดเนี่ยมันจะมีการ
00:06:37 → 00:06:39 ติดเชื้อแบคทีเรียแทรกเข้าไปได้พวกนี้จะ
00:06:39 → 00:06:43 ทำให้โรคเหิขึ้นง่ายอถึงว่าการทำแผต้อง
00:06:43 → 00:06:47 สะอาดเนาะใช่ๆค่ะสำคัญมากๆบางทีเราแกะเกา
00:06:47 → 00:06:50 นะคะมันก็จะนำเชื้อโรคเข้าไปอค่ะที่มัน
00:06:50 → 00:06:52 ที่มันต้องนานก็เพราะอย่างนี้ใช่มั้ยฮะ
00:06:52 → 00:06:55 ต่อเลยคุณหมอใชค่ะที่ที่การรักษามันนาน
00:06:55 → 00:06:57 ขึ้นก็เพราะเพราะว่าเนี่ยแหละไอ้ตัวที่
00:06:57 → 00:07:01 มันแกะเไปบๆแล้วก็มันมีตัวแบคทีเรียเข้า
00:07:01 → 00:07:04 ไปแทรกซึมโดยตอนที่มันแตกหรือว่าอะไรก็
00:07:04 → 00:07:06 แล้วแต่เนี่ยตเแหละมันจะเป็นจุดสำคัญเลย
00:07:06 → 00:07:09 ใช่มั้ยที่ทำให้การรักใช่ค่ะมันจะทำให้
00:07:09 → 00:07:12 การรักษาของเราซับซ้อนยากขึ้นนะคะเราต้อง
00:07:12 → 00:07:15 ควบคุมการติดเชื้อให้ดีด้วยแล้วก็ควบคุม
00:07:15 → 00:07:17 โรคให้ดีด้วยแต่โดยธรรมชาติตัวโรคเองอ่ะ
00:07:17 → 00:07:22 ค่ะก็ก็เป็นกลุ่มโรคที่ต้องใช้ต้องรักษา
00:07:22 → 00:07:24 ยากอยู่แล้วด้วย
00:07:24 → 00:07:28 ค่ะแต่โรคนี้เอ่อถ้าเท่าที่ฟังหรือว่า
00:07:28 → 00:07:31 อ่านข้อมูลมาเนี่ยมันอาการเวลาคันเนี่ย
00:07:31 → 00:07:34 คันเกินต้านเลยนะคะคุณหมอถ้าคันมากๆเนี่ย
00:07:34 → 00:07:37 เอ่อเคยได้ยินว่าการเอาน้ำแข็งมาลูบเนี่ย
00:07:37 → 00:07:39 มันก็ช่วยได้บ้างบรรเทาได้บ้างอันนี้เป็น
00:07:39 → 00:07:41 ข้อเท็จจริงมั้ยคะ
00:07:41 → 00:07:46 เอ่อมีส่วนค่ะเพราะว่าเวลาที่ร่างกายกลไก
00:07:46 → 00:07:49 การพันนี่มันมีหลายสเหตุเลยอ่ะค่ะนะคะ
00:07:49 → 00:07:51 สำหรับตุ่มน้ำพองใสเองเนี่ยบางทีมันออก
00:07:51 → 00:07:54 อาการแสบๆด้วยซ้ำเวลามันแดนะคะแสบๆคันๆ
00:07:54 → 00:07:58 จิ๊บๆเจ็บๆอะไรทำนองนี้อ่ะค่ะนี้เวลาเวลา
00:07:58 → 00:08:00 ที่สิ่งที่จะช่วยบางทีเนี่ยเวลาคนไข้คัน
00:08:00 → 00:08:03 เนี่ยบางทีเ่าถ้าโรคอื่นๆบางทีเราก็บอก
00:08:03 → 00:08:05 ให้เอาประคบเย็นช่วยเพราะว่าความเย็น
00:08:05 → 00:08:08 เนี่ยมันไปทำให้ผิวหนังเ่าเค้าเรียกอะไร
00:08:08 → 00:08:11 เส้นประสาทหรือว่าตัวรับความรู้สึกบนผิว
00:08:11 → 00:08:14 หนังเนี่ยในเรื่องของความเย็นเนี่ยมันมัน
00:08:14 → 00:08:18 มันถูกกระตุ้นขึ้นมาอือฮึแทนที่เส้น
00:08:18 → 00:08:21 ประสาทที่เกี่ยวกับคันนะคะเราลืมคันไปมา
00:08:21 → 00:08:24 เย็นแทนอะไรทอย่านค่ะค่ะแต่ในสำหรับโรค
00:08:24 → 00:08:27 ตุมน้ำทองใสเนี่ยการถ้ามันมีผิวหนังเปิด
00:08:27 → 00:08:30 อยู่อ่ะค่ะอือที่ไปประคบไปอะไรแบบเนี้ย
00:08:30 → 00:08:33 บางทีมันนำเชื้ออไปด้วยค่ะอาจจะต้องระวัง
00:08:33 → 00:08:36 เหมือนกันเชเพราะฉะนั้นหลักๆในการดูแลก็
00:08:36 → 00:08:38 น่าจะเป็นเรื่องของการทำแผลที่เหมาะสม
00:08:38 → 00:08:41 แล้วก็การทยาการกินยาอย่างต่อเนื่องค่ะอื
00:08:41 → 00:08:45 ค่ะอค่ะกินยาอย่างต่อเนื่องเอ่อมันต้อง
00:08:45 → 00:08:47 มันต้องไยาพวกเหล่านี้ที่กินไปมันจะไป
00:08:47 → 00:08:51 รักษาเอ่อมีบทบาทในการรักษายังไงคุณหมอ
00:08:51 → 00:08:55 ค่ะก็อ่าจริงๆปัจจุบันมีความก้าวหน้าใน
00:08:55 → 00:08:58 การรักษาโรคกลุ่มนี้เยอะเยอะขึ้นมากนะคะ
00:08:58 → 00:09:00 มีคถือว่ามีความก้าวหน้ามากขึ้นเพียงแต่
00:09:00 → 00:09:04 ว่าเรายังไม่สามารถทำให้โรคเนี่ยมันหาย
00:09:04 → 00:09:09 เป็นปลทิ้งได้เราใช้คำว่าทำให้โรคสงบได้
00:09:09 → 00:09:14 นะคะเมื่อก่อนคนไถามว่าโรคนี้จะหายยเราก็
00:09:14 → 00:09:17 อาจจะยังตอบได้ไม่เต็มปากเพราว่ามีโอกาส
00:09:17 → 00:09:21 หายแต่ใช้เวลานะคะแต่แต่ในในณจุดนี้เนี่ย
00:09:21 → 00:09:23 เราอาจจะบอกได้ว่ามีสามารถรักษาได้และทำ
00:09:24 → 00:09:27 ให้โรคสงบได้และทำให้โรคสงบอยู่ที่านนาน
00:09:27 → 00:09:32 ขึ้นคอ่าหลักๆเนี่ยมันจะมียาอยู่ 2 กลุ่ม
00:09:32 → 00:09:35 กลุ่มแรกก็จะเป็นยาประเภทกดภูมิต้านทาน
00:09:35 → 00:09:39 เป็นยารับประพานนะคะเช่นยาสเตรอยด์หรือยา
00:09:39 → 00:09:42 กดภูมิต้านทานอื่นๆนะคะซึ่งอันเนี้ยเรา
00:09:42 → 00:09:46 ใช้เป็นเราใช้มานานละจนถึงปัจจุบันนี่
00:09:46 → 00:09:49 แหละเพียงแต่ว่าประเด็นของการรักษาด้วย
00:09:49 → 00:09:53 วิธีนี้คือมันทำให้เอ่อมีผลข้างเคียงระยะ
00:09:53 → 00:09:56 ยาวแล้วก็ระยะสั้นด้วยระยะสั้นก็คือพวก
00:09:56 → 00:09:59 เราจะภูมิต่ำลงภูมิดีเราก็เสียไปด้วยภูม
00:09:59 → 00:10:02 เพี้ยนเราก็ถูกกดลงเพราะฉะนั้นเราก็จะติด
00:10:02 → 00:10:05 เชื้ออะไรต่างๆได้ง่ายก็จะมีภวแซกซอนสก
00:10:05 → 00:10:08 ติดเชื้อในขณะดกันยาพวกยาสเตียรอยด์อะไร
00:10:08 → 00:10:11 พวกเค่ะมันก็จะมีผลต่อกระดูกมีผลต่อร่าง
00:10:11 → 00:10:16 กายในกรณีที่เราต้องกินนานคั้นเนี่ยเ่อ
00:10:16 → 00:10:19 ส่วนใหญ่คนไที่ผ่านมาก็คือเราคุมโรคได้
00:10:19 → 00:10:22 แหละแต่ว่าหลายหลายๆปีผ่านไปก็จะเริ่ม
00:10:22 → 00:10:25 เกิดผลข้างเคียงของสเตียรอยขึ้นนะใน
00:10:25 → 00:10:28 ปัจจุบันที่บอกมีความก้าวหน้าเนี่ยมันก็
00:10:28 → 00:10:34 จะมียาีดที่เป็นยาเฉพาะเจาะจงไปอ่าควบคุม
00:10:34 → 00:10:38 ที่เซลล์ภูมิท้านทาเลยอ่ะค่ะค่ะไปควบคุม
00:10:38 → 00:10:41 ตรงนั้นเลยก็คือเอ่อเธอคือภูมิเธอต้องไม่
00:10:41 → 00:10:43 เพี้ยนแล้วนะไปคอนโทรลตรงนั้นไว้นะคะ
00:10:43 → 00:10:46 เพราะนั้นก็จะทำให้ภูมิที่เพี้ยนเนี่ยมัน
00:10:46 → 00:10:50 ค่อยๆสงบลงภูมิดีของเราก็เกิดขึ้นมาทดแทน
00:10:50 → 00:10:53 ก็จะเป็นการควบคุมโรคได้ดีขึ้นแล้วก็ยาว
00:10:53 → 00:10:57 นานขึ้นแล้วก็ผลนั้เคียงน้อยลงด้วยอืค่ะ
00:10:57 → 00:11:00 ครับคุยกันมาถึงตนี้อยากถามคุณหมอเหมือน
00:11:00 → 00:11:03 กันเนาะว่าในประเทศไทยคนไทยเองเนี่ยเป็น
00:11:03 → 00:11:05 โรคนี้เยอะมั้ยคะหรืออัตราผู้หญิงกับผู้
00:11:05 → 00:11:08 ชายเนี่ยใครเสี่ยงมากกว่ากันคนอายุน้อย
00:11:08 → 00:11:11 วัยทำงานหรือคนอายุเยอะจะเสี่ยงมากกว่า
00:11:11 → 00:11:16 กันคะครับอืค่ะซึ่งจริงๆอ่าถ้าพูดถึงความ
00:11:16 → 00:11:19 ชุกความอะไรของโรกเนี่ยของไทยเนี่ยยังไม่
00:11:19 → 00:11:21 มีข้อมูลที่เขียนออกมานะคะยังไม่มีรวบรวม
00:11:22 → 00:11:26 ของประเทศออกมานะคแล้วก็เอ่อความเ่อความ
00:11:26 → 00:11:29 มากน้อยจริงๆในโรคของตุ่มน้ำพองใสเนี่ย
00:11:29 → 00:11:34 มันยังมีมีโรคย่อยๆแยกย่อยลงไปอีกอย่าง
00:11:34 → 00:11:37 ที่เมื่อกี้หมอพูดไว้ 2 รปคือเพฟักับ
00:11:37 → 00:11:41 เมฟิกอ่ะค่ะก็จะมีความความความชุกความแตก
00:11:41 → 00:11:44 ต่างกันในกลุ่มประชากรยกตัวอย่างอย่าง
00:11:44 → 00:11:47 เมฟิกเนี่ยอ่ามันจะควบคุมโรคได้ง่ายกว่า
00:11:47 → 00:11:50 ง่ายกว่าอันนี้จะเจอในคนสูงอายุขึ้นมา
00:11:50 → 00:11:54 หน่อยอายุ 5060 ปีจะเป็นพีของโรคอแต่ถ้า
00:11:54 → 00:11:57 เป็นเพฟัอาจจะเจอช่วงอายุประมาณผู้ใหญ่
00:11:57 → 00:12:00 ผู้ใหญ่สัก 35 ปีปีขึ้นไปอะไรประมาณนี้นะ
00:12:00 → 00:12:04 คะแล้วก็ส่วนใหญ่เนี่ยอ่าผู้หญิงจะพบมาก
00:12:04 → 00:12:07 กว่าผู้ชายนิดหน่อยนะคะแต่ว่าก็ถือว่าไม่
00:12:07 → 00:12:10 ได้ต่ากต่างกันมากอืทีนี้ในข้อมูลของ
00:12:10 → 00:12:14 สถาบันโรกหหนังเองอ่ะค่ะเราก็มีคนไข้ที่
00:12:14 → 00:12:18 เป็นเพิสอือต่อปีเป็นคนไข้ใหม่อยู่ที่อ่า
00:12:19 → 00:12:23 ประมาณ 60-80 รายต่อปีคำว่ามากไมไม่มาก
00:12:23 → 00:12:26 เลยค่ะไม่มากนะคะถ้าดูข้อมูลจากทั้ง
00:12:26 → 00:12:28 ประเทศที่ลองดึงมาเนี่ยก็อยู่ที่ประมา
00:12:28 → 00:12:32 23,000 รายต่อปีอืนะคะถ้าเทียบกับโรค
00:12:32 → 00:12:34 อื่นๆโรคผิวหนังอื่นๆที่พบบ่อยกว่าเช่น
00:12:34 → 00:12:36 โรคสะเก็ดเงินโรคสิวอะไรเงี้ยก็ถือว่า
00:12:37 → 00:12:40 น้อยน้อยน้อยค่ะแต่ว่าก็เป็นโรคที่มีความ
00:12:40 → 00:12:43 รุนแรงแล้วก็ควบคุมยากนะคะก็เลยไปเห็นว่า
00:12:44 → 00:12:46 เราก็จะคุ้นเริ่มรู้จักกันจากข่าวบ้าง
00:12:46 → 00:12:51 อะไรบ้างใช่มั้ยคะใช่ค่ะอครับสอบถามเพิ่ม
00:12:51 → 00:12:54 เติมอีกนิดนึงเจ้าโรคเยฮะตุ่มพองน้ำใสเอง
00:12:54 → 00:12:57 เนี่ยก็เขามีระยะในการเกิดโรคมยครับระยะ 1
00:12:57 → 00:13:00 ระยะ 2 ระยะ 3 เพื่อที่จะว่าคนจะได้
00:13:00 → 00:13:02 สังเกตเอ้ยเราอยู่ในระยะเป็นใช่หรือไม่
00:13:02 → 00:13:05 ระยะแรกของโรคนี้หรือเปล่าหรือว่ามันจะ
00:13:05 → 00:13:08 เกิดมาขึ้นพร้อมๆกันอัตราการเกิดลุกราม
00:13:08 → 00:13:10 นี่มันมันไวขนาดไหนคุณหมอเอ่อคุณหมอค่ะขอ
00:13:10 → 00:13:13 เสริมอีกนิดนึงค่ะว่าเอ๊ะพอเหมือนจุด
00:13:13 → 00:13:15 เนี่ยอย่างเราเป็นอิสุอีสัยเนี่ยขวัญเป็น
00:13:15 → 00:13:18 อิสุอีสัยเม็ดแรกเนี่ยคือบริเวณหน้าอ่อ
00:13:18 → 00:13:21 กลุ่มพองน้ำใสเนี่ยมันเกิดจุดแรกหรือจุด
00:13:21 → 00:13:24 ที่มักเกิดบ่อยเนี่ยมันจุดไหนคะอือๆครับ
00:13:24 → 00:13:29 เอ่อส่วนนึงของวนไ้จะเริ่มจากอาการในปากค
00:13:29 → 00:13:31 ปากฮะในปากอาการในปากที่ว่าคือมันจะเป็น
00:13:31 → 00:13:35 เหมือนแผลขึ้นมาค่ะอ่าเราอาจจะเคยเป็นแผล
00:13:35 → 00:13:39 ร้อนในแต่ว่าแผลของเพิสนี่มันจะใหญ่ใหญ่
00:13:39 → 00:13:43 กว่าแล้วมันก็เกกว่ากว่าแบบกว้างกว่านะคะ
00:13:43 → 00:13:46 หรือว่าเขาจะกินอะไรยากใช่มั้ยค่ะเราจะ
00:13:46 → 00:13:49 เสบแจบเลยค่ะเพราะว่าที่เยี่ปปากเนี่ยมัน
00:13:49 → 00:13:52 เป็นบริเวณที่เสียดสีตลอดเลยใช่มั้ยคะ
00:13:52 → 00:13:54 เพราะฉะนั้นเนี่ยมักจะเป็นจุดแรกอาจจะ
00:13:54 → 00:13:56 เป็นที่กระพุงแก้มก็ได้นะคะหรือเป็นที่
00:13:56 → 00:13:59 เหงือกอ่ะค่ะอ่าตำที่ก็จะเป็นกับรุงแกง
00:13:59 → 00:14:02 หรือเหมือแล้วก็ส่วนนึงเมื่อก่อนนี้ก็เคย
00:14:02 → 00:14:06 มีข่าวว่าเอ่อไปจัดฟันหรือไปใส่เด็กดัด
00:14:06 → 00:14:10 ฟันแล้วเกิดสุ่มน้ำพองขึ้นก็คิดว่าแพ้
00:14:10 → 00:14:13 เหล็กตัดฟันเกิดแผลในปากขึ้นใช่แต่จริงๆ
00:14:13 → 00:14:17 แล้วเป็นโรคตุ่มน้ำพองใสนี่แหละนะคเพราะ
00:14:17 → 00:14:19 ฉะนั้นส่วนนึงของคนไข้จะมีอาการนำในปาก
00:14:20 → 00:14:23 เนี่ยมาก่อนอยู่ประมาณสัก 2-3 เดือนนะคะ
00:14:23 → 00:14:27 แล้วก็อาจจะค่อยๆเจอว่ามีตุ่มน้ำใสตุ่ม
00:14:27 → 00:14:30 น้ำพองตามผิวหนังกระจัดกระจายเพิ่มขึ้น
00:14:30 → 00:14:33 บางคนก็มีนิดๆหน่อยๆบางคนก็พึบพับขึ้นมา
00:14:33 → 00:14:36 เลยเพราะฉะนั้นความรุนแรงโรคแต่ละคนไม่
00:14:36 → 00:14:40 เท่ากันอือนะคะไม่เท่ากันนะคะอือตำแหน่ง
00:14:40 → 00:14:43 ของที่ผิวหนังเจริงๆเป็นได้ทั้งตัวเลยค่ะ
00:14:43 → 00:14:46 อาจจะขึ้นที่บเนแขนขันหรือที่ที่ำตัวก่อน
00:14:46 → 00:14:49 ก็ได้ที่น่าขึ้นได้เหมือนกันแล้วบางคนก็
00:14:49 → 00:14:52 มีที่ศีรษะแต่ที่ศีรษะเนี่ยเราจะไม่ได้
00:14:52 → 00:14:55 เห็นว่ามันพองเป็นตุ่มใสๆอะไรขึ้นมาเราจะ
00:14:55 → 00:14:59 มีอาการคันๆแล้วก็เป็นถลอกผิวหนังจะถลอก
00:14:59 → 00:15:02 หลุดออกไปแล้วก็อาจจะเจอลักษณะเป็นสะเก็ด
00:15:02 → 00:15:07 เป็นเป็นเป็นเป็นสเก็ดที่มันหนาๆอุอยู่
00:15:07 → 00:15:12 แล้วก็มีผมร่วงค่ะอือืมันก็มันก็มีมีจุด
00:15:12 → 00:15:16 สังเกตเยอะเหมือนกันนะจุดจุดสังเกตเอาการ
00:15:16 → 00:15:19 อันแรกเลยที่จะทำให้เราสงสัยก็คือความที่
00:15:19 → 00:15:23 มันเรื้อรังอ่ะค่ะออที่ใช่อย่างที่หมอบอก
00:15:24 → 00:15:27 ถ้าเป็นพวกติดเชื้อไวรัสต่างๆ 7 วัน 10
00:15:27 → 00:15:31 วันอือฮึมันจะหายละค่ะค่ะแต่ถ้าอาการของ
00:15:31 → 00:15:34 รูปนี้ก็คือเนี่ยแหละอาจจะเริ่มต้นที่ผาย
00:15:34 → 00:15:36 ในปากเหรือหลัง 2 เดือน 3 เดือนแล้วก็
00:15:36 → 00:15:39 เริ่มมีตุ่มพองตามตัวเพราะฉะนั้นก็ท่าน
00:15:39 → 00:15:42 ผู้ฟังสังเกตอาการดูได้นะคะถ้าสงสัยก็คง
00:15:43 → 00:15:46 ต้องมาพบแพทย์ค่ะอการช่วยดูชัวร์สุดเนาะ
00:15:46 → 00:15:48 ค่ะใช่ค่ะแต่ว่าถ้าเกิน 10 วันอย่างที่
00:15:48 → 00:15:50 คุณหมอบอกมันก็น่าจะเอะเอะใจเป็นอิสุ
00:15:50 → 00:15:54 อีสัยหรือว่างูสวัสดิ์อะไรนานจังใช่มั้ย
00:15:54 → 00:15:57 คือจริงๆแล้วอาการของรคถ้ามาเจอแพทย์น่ะ
00:15:57 → 00:16:02 ค่ะแพทจะสามารถยิแยกรคได้ได้เลยสายใช่ค่ะ
00:16:02 → 00:16:04 เพราะฉะนั้นเนี่ยเอจริงๆแล้วอย่างที่ผม
00:16:04 → 00:16:07 บอกคำว่าตุ่มน้ำงใสมันเป็นคำรวมๆมันมีอีก
00:16:07 → 00:16:10 หลายโรคเลยค่ะที่เป็นสาเหตุได้เพราะ
00:16:10 → 00:16:13 ฉะนั้นเนี่ยอันนี้เอาให้เป็นข้อมูลกว้างๆ
00:16:13 → 00:16:15 ไปก่อนว่าถ้าเป็นตุ่มน้ำพองใสที่เกิดจาก
00:16:15 → 00:16:17 แพ้ภูมิตัวเองเนี่ยมันจะต้องเรืรังเป็น
00:16:17 → 00:16:21 นานกว่า 2 อาทิตย์นะแล้วก็อาจจะมีแผลในปะ
00:16:21 → 00:16:25 มีการกระจายของตุ่มตามร่างกายค่ะอืค่ะอื
00:16:25 → 00:16:29 ก็ไม่ควรที่จะปล่อยให้มันลามเยอะมากๆใช่
00:16:29 → 00:16:33 มั้ยถ้ารามยิ่งรามเยอะมากๆการรักษามันก็
00:16:33 → 00:16:36 ยิ่งอไม่พูดถึงการรักษาเอ่อการรักษาก็
00:16:36 → 00:16:39 ส่วนหนแต่ไอ้เราก็ใช้ชีวิตลำบากขึ้นเท่า
00:16:39 → 00:16:41 เท่าตัวด้วยใช่มั้ยถ้ามันลุกลามไปเพิ
00:16:41 → 00:16:44 เพิ่มเพิ่มมากขึ้นใช่่ค่ะใช่ค่ะคือหมอ
00:16:44 → 00:16:46 สังเกตดูช่วงหลังๆหลังจากที่มีข่าวของโรค
00:16:46 → 00:16:49 นี้มากขึ้นอ่าหลายๆท่านมีความรู้มากขึ้น
00:16:49 → 00:16:53 แล้วค่ะโดยทั่วไปไม่ปล่อยให้ลามกันเลยค่ะ
00:16:53 → 00:16:56 พอมีเล็กๆน้อยๆมาหาแพทย์ละอย่างเงี้ยก็จะ
00:16:56 → 00:16:59 ให้ข้อมูลที่ทำให้เราเข้าใจด้วยแล้วก็
00:16:59 → 00:17:01 ทราบการวินิจฉัยที่ชัดเจนแล้วก็ดูแลต่อ
00:17:01 → 00:17:03 ได้อย่างถูกต้องด้วยค่ะอย่าอย่างที่บอก
00:17:03 → 00:17:06 คือตุมน้ำหองใสจริงๆพบน้อยนะคะไม่ได้เยอะ
00:17:06 → 00:17:10 ถ้าเทียบกับโรคโรคอื่นๆค่ะเพราะะนั้น
00:17:10 → 00:17:13 เนี่ยมีแพ้แพ้แมลงก็ได้นะคะออกมาด้วย
00:17:13 → 00:17:15 อาการตุ่มพองใสอย่างงี้ก็ได้เหมือนกัน
00:17:15 → 00:17:20 เพราะฉะนั้นอ่าเ่อดีที่สุดก็คือว่าสังเกต
00:17:20 → 00:17:22 อาการนั่นแหละค่ะแล้วก็รู้สึกว่ามันเริ่ม
00:17:22 → 00:17:26 ิติไม่แน่ใจก็ต้องมาพบแพทย์ค่ะอืค่ะก็
00:17:26 → 00:17:30 เอ่อดูเหมือนเอ่อเระยะเวลาตอนแรกกว่าจะมา
00:17:30 → 00:17:33 พบแพทย์เนี่ยถ้าคนไข้ท่านไหนมีความอดทน
00:17:33 → 00:17:36 ค่อนข้างสูงเนี่ยก็อาจจะกินเวลาไปเป็น
00:17:36 → 00:17:39 7-10 วันหรือหรือมากกว่านั้นน่ะนะคะแล้ว
00:17:39 → 00:17:43 คุณหมอเพิ่งเคุยกันเมื่อสักครู่ว่าการรับ
00:17:43 → 00:17:47 การรักษาโรคตุ่มน้ำพองใสเนี่ยเอ่อใช้เวลา
00:17:47 → 00:17:50 นานบางทีการใช้เวลานานกับการรักษาคนไข้มี
00:17:50 → 00:17:55 ถอดใจไคะตรงนี้เนี่ยเอ่อเราจะเอ่อถ้าเขา
00:17:55 → 00:17:58 ถอดใจแล้วไปรับการรักษาด้วยเอ่อทางเลือก
00:17:58 → 00:18:01 อื่นๆเนี่ยมันควรมั้ยหรือควรจะรับการ
00:18:01 → 00:18:05 รักษาแบบไหนอย่างต่อเนื่องคะค่ะถามว่ามี
00:18:05 → 00:18:08 ถอดใจมเจอนะคะหมอคิดว่าเป็นเป็นเรื่อง
00:18:08 → 00:18:11 ปกติของการเป็นโรคเนื้อรังเลยแหละนะคะไม่
00:18:11 → 00:18:15 ไม่ใช่เฉพาะโรคตุมน้ำพองใสใช่หลายๆโรคยก
00:18:15 → 00:18:17 ตัวอย่างโรคสะเก็ดเงินเองก็ตามที่เป็นโรค
00:18:17 → 00:18:21 นึงของผิวหนังเราก็เจอว่าคนไข้ก็อยากไป
00:18:21 → 00:18:24 อยากหายอ่ะค่ะค่ะก็ก็ต้องไปหาทางเลือก
00:18:24 → 00:18:27 เนาะทีนี้อ่าเมื่อก่อนเราเจอว่าคนไข้หาย
00:18:27 → 00:18:31 ไปเยอะแต่ชหลังๆเนี่ยจากที่การรักษามัน
00:18:31 → 00:18:34 ได้ชัดเจนขึ้นแล้วก็มีประสิธิภาพมากขึ้น
00:18:34 → 00:18:39 เนี่ยหอจะบอกคุณไข้เลยว่าเอ่อรักษาได้ค่ะ
00:18:39 → 00:18:42 รักษาได้ขอให้มาต่อเนื่องแล้วก็อยากให้คน
00:18:42 → 00:18:45 ไข้ได้เข้าใจว่าเมื่อเป็นโรคแล้วเนี่ย
00:18:45 → 00:18:48 เอ่อเราต้องดูแลตัวเองยังไงอะไรทำนองเค่ะ
00:18:48 → 00:18:51 อันเนี้ยน่าจะเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ความ
00:18:51 → 00:18:54 ท้อแท้ในการรักษาเนี่ยมันลดน้อยลงแล้วก็
00:18:54 → 00:18:58 คนไก็มีความตั้งใจแล้วก็เข้าใจในการตัว
00:18:58 → 00:19:01 เองแล้วนำไปสู่การมารักษาอย่างต่อเนื่อง
00:19:01 → 00:19:05 ได้นะคะสุดท้ายโรก็จะสงบได้ในที่สุดค่ะอื
00:19:05 → 00:19:10 อโรคสงบโรคสงบคำว่าโรคสงบแสดงว่าเขาก็มี
00:19:10 → 00:19:13 โอกาสที่จะไม่สงบในอนาคตได้อีกใช่มั้ยฮะ
00:19:13 → 00:19:16 ใช่ค่ะคือธรรมชาติของโรคนี้ค่ะถ้าเป็นโรค
00:19:16 → 00:19:20 เมฟิกนะคะเอ่อสมน้ำองใส่ชนิดเพฟัเนี่ยจะ
00:19:20 → 00:19:24 มีการกำเริบเป็นเป็นหายๆค่ะเป็นระยะเลย
00:19:24 → 00:19:27 ค่ะแม่แแต่ว่าเรารักษาอยู่นะคะกินยาอยู่
00:19:27 → 00:19:31 เนี่ยโรคจะอาจมีขึ้นๆลงๆได้โดยเฉพาะ 3 ปี
00:19:31 → 00:19:37 แรกค่ะพอระยะเวลาผ่านไปถึง 5 ปีการเข้า
00:19:37 → 00:19:40 สู่ระยะโรคสงบเนี่ยก็มากขึ้นอาจจะอยู่ที่
00:19:40 → 00:19:45 ประมาณ 50% พอผ่านไป 7 ปีก็ 70% พอ 10 ปี
00:19:45 → 00:19:48 เนี่ยเอ่อเกือบเกือบจะหมดละเกือบจะทุก
00:19:48 → 00:19:51 ข่อนละก็จะเข้าสู่ระยะโรคสงบในที่นี้หมาย
00:19:51 → 00:19:54 ความว่าเราสามารถหยุดยากดคุมต้านทานได้
00:19:54 → 00:19:57 โดยไม่ต้องกินยาแล้วก็ไม่มีตลุ่มขึ้นอะไร
00:19:57 → 00:19:59 ประมาณนี้ค่ะเราจะเรียกว่าทสู่ระยะโรคสงบ
00:19:59 → 00:20:03 ค่ะอไม่ต้องกินยาไม่มีตุ่มขึ้นแต่ถ้ามี
00:20:03 → 00:20:05 อะไรมากระตุ้นเขาอีกมันก็จะเกิดขึ้นอีก
00:20:05 → 00:20:07 ใช่มีโอกาสค่ะแต่เมื่อระยะเวลาผ่านไปการ
00:20:07 → 00:20:12 กลับเป็นซ้ำจะน้อยลงเรื่อยๆค่ะคค่ะเหมือน
00:20:12 → 00:20:15 กับคล้ายๆกับอะไรอ่ะเอ่อพลังของเขาก็จะลด
00:20:15 → 00:20:19 ลงไปใช่มันเหมือนกับร่างกายได้มีการปรับ
00:20:19 → 00:20:21 เอ่อภูมิภูมิที่มันผิดเพี้ยนไปอ่ะเหเพิ่ม
00:20:21 → 00:20:26 อหทางอันนี้ก็พูดจากเอ่อข้อมูลจากเ่องาน
00:20:26 → 00:20:30 วิจัยอ่ะนะคะที่เได้ได้ติดตามผู้ป่วยไป
00:20:30 → 00:20:35 อครับเออก็น่าสนใจไปเสิร์ชดูคุณวินัย
00:20:35 → 00:20:39 ไกรบุตรน่าจะเป็นโลคเพ็มปีกอยใช่มั้ยคะ
00:20:39 → 00:20:42 น่าจะประมาณเกือบๆ 5 ปีแล้วแต่ตอนนี้
00:20:42 → 00:20:45 สถานการณ์ของเขาก็ค่อนข้างยังดูน่ากังวล
00:20:45 → 00:20:49 อยู่เอ่อคุณคุณหมออยากจะให้กำลังใจกับคน
00:20:49 → 00:20:52 ที่เป็นโลกนี้ในสถานการณ์ที่แบบนานขนาด
00:20:52 → 00:20:55 นี้ยังไงบ้าง่ะคะ
00:20:55 → 00:21:01 อือืมามามาหมอจริงๆเป็นสิ่งที่ทำทุกวัน
00:21:01 → 00:21:06 เลยนะคะเวลาที่ได้คุยกับคนไข้รูปนี้นะคะอ
00:21:06 → 00:21:09 เอ่อโดยทั่วไปอ่ะค่ะหมอก็จะบอกว่าจริงๆ
00:21:09 → 00:21:11 แล้วโรคโรคนี้เป็นโรคกลุ่มแพ้ภูมิตัวเอง
00:21:11 → 00:21:15 นะอย่างน้อยอันนึงคือมันสามารถรักษาได้
00:21:15 → 00:21:19 แล้วก็คนแสามารถที่จะเข้าสู่โรคสงบได้นะ
00:21:19 → 00:21:23 คะเพียงแต่ว่ามันมีระยะเวลาของมันก็คือ
00:21:23 → 00:21:25 อาจจะต้องอยู่ในการรักษาอย่าน้อยประมาณ
00:21:25 → 00:21:30 3-5 ปีอที่หมอจะบอกคนไข้นะคะอันถัดไปก็
00:21:30 → 00:21:35 คือว่าสิ่งที่หมออยากให้คนไข้ทำก็คืออ่า
00:21:35 → 00:21:38 เพื่อเพื่อทำให้การรักษานี้มีประสิทธิภาพ
00:21:38 → 00:21:41 ดีที่สุดก็คือการดูแลตัวเองนั่นแหละนะคะ
00:21:41 → 00:21:44 เราก็อาจจะต้องทราบค่ะว่าอะไรเป็นปัจจัย
00:21:44 → 00:21:48 กระตุ้นโรคนะคะแล้วก็เ่อเราอะไรจะเป็นผล
00:21:48 → 00:21:51 ข้างเคียงของยาเมื่อไหร่ที่มีอาการผิด
00:21:51 → 00:21:54 ปกติแบบไหนที่เราต้องมาหาแพทย์ก่อนอะไร
00:21:54 → 00:21:56 ประมาณเนี้ยแล้วก็เราควรจะต้องกินยาสม่ำ
00:21:56 → 00:22:02 เสมอนะคะอค่ะอืถึงแม้จะเป็นโรคนี้นะคะ
00:22:02 → 00:22:05 ก็ในที่สุดเมื่อโรคเข้าสู่ระยะสงบอ่ะค่ะ
00:22:05 → 00:22:08 มันก็จะสามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติเลยนะ
00:22:08 → 00:22:11 คะไม่มีอะไรที่เราจะต้องเลี่ยงเลยเพียง
00:22:11 → 00:22:14 แต่ว่าเราเราต้องรู้ว่าเราอยู่ในระยะไหน
00:22:14 → 00:22:16 ของโลกเท่านั้นเองแล้วเราต้องดูแลตัวเอง
00:22:16 → 00:22:19 อย่างไรสุมขึ้นมาเราจะทำแผลยังไงเราจะดู
00:22:19 → 00:22:23 แลมันยังไงอ่ะค่ะอค่ะครับซึ่งซึพ่ออ่าต่อ
00:22:23 → 00:22:26 เลยครับคุณมอค่ะก็เกังบอกว่าก็เป็นกำลัง
00:22:26 → 00:22:30 ใจให้ทุกคนเลยค่ะรวมถึงญาติด้วยซึเป็นสน
00:22:30 → 00:22:33 สำคัญที่ก็ต้องอยู่คอยดูแลาคนไข้ด้วยค่ะ
00:22:33 → 00:22:36 โดยเฉพะตอนที่เป็นเป็นแผลเยอะๆอ่ะเนาะ
00:22:36 → 00:22:40 ต้องช่วยกันเนาทำเองไม่ได้อะไซึ่งโรคเ
00:22:40 → 00:22:44 จริงๆแล้วอ่ะสำคัญเลยอ่ะคือมันมันเขา
00:22:44 → 00:22:47 เรียกว่าสังคมอาจจะแบบมองแล้วมันดูน่า
00:22:47 → 00:22:50 กลัวไงถ้าออกไปอยู่ไมันต้องอยู่ในร่มผ้า
00:22:50 → 00:22:53 ตลอดอนะแต่ยิ่งอยู่ในรมาตลอดมันก็ยิ่ง
00:22:53 → 00:22:55 เกิดการแบบอักเสบได้ง่ายขึ้นกับกับผิว
00:22:55 → 00:22:58 หนังของเขาด้วยนะมันมันมันเป็นเป็นอะไร
00:22:58 → 00:23:00 ที่มันก็ลำบากทั้งตัวคนเป็นแล้วก็ตัวคน
00:23:00 → 00:23:04 ที่อยู่อยู่อยู่ใกล้ชิดด้วยก็ก็ถือว่า
00:23:04 → 00:23:05 เป็นอีกหนึ่งโรคที่
00:23:06 → 00:23:09 เอ่อผมว่ามันเป็นอะไรที่ก็ก็ก็ต้องเห็นใจ
00:23:10 → 00:23:12 อ่ะแล้วก็ต้องให้กำลังใจเยอะๆเลยแหละใช่
00:23:12 → 00:23:16 ใช่ค่ะก็คือหมออยากให้เข้าใจด้วยค่ะเข้า
00:23:16 → 00:23:20 ใจว่าอ้านี่คือโรคผิวหนังโรคนึงที่ไม่ติด
00:23:20 → 00:23:22 ต่อด้วยนะคะเมื่อก่อนเราก็จะกลัวว่ามันจะ
00:23:22 → 00:23:26 ติดต่อไม่อะไรตำนนี้นะคะแล้วมันก็จะต่าง
00:23:26 → 00:23:29 กับโลกสีหนังอืๆนะอย่างสิวหรือสะเก็ดเงิน
00:23:29 → 00:23:32 อย่างเงี้ยโอเคมันมีผลต่อจิตใจคนไข้เพราะ
00:23:32 → 00:23:35 ว่ามีผลต่อภาพรักเวลาที่เราออกไปอย่าง
00:23:35 → 00:23:37 เงี้ยแต่ว่าตุ่มน้ำพองนี่มันมากกว่านั้น
00:23:37 → 00:23:39 เพราะว่าคนไข้นี่มีความเจ็บปวดทรมานจาก
00:23:39 → 00:23:43 แผลด้วยอ่าค่ะเพราะฉะนั้นเนี่ยเอ่อต้อง
00:23:43 → 00:23:46 ต้องอาศัยกำลังใจค่อนข้างมากเลยค่ะในการ
00:23:46 → 00:23:50 ที่จะสู้กับโลกนี้ประมาณนี้ค่ะอืจริงเนาะ
00:23:50 → 00:23:53 ใช่การแล้วการเป็นตุ่มพองน้ำใสเนี่ยค่ะ
00:23:53 → 00:23:57 คุณหมอพออ่ะมันเป็นละเป็นเวลานานเออมัน
00:23:57 → 00:24:00 ยังไม่สงบแต่ว่าการเครียดการอยู่ใน
00:24:00 → 00:24:03 สถานการณ์นี้ต่อเนื่องเนี่ยมันจะนำพามา
00:24:03 → 00:24:06 ซึ่งอาการของโรคอื่นได้มั้ยหรือตุ่มพอง
00:24:06 → 00:24:08 น้ำใสเนี่ยจะนำมาซึ่งโรคอื่นได้อีกหรือ
00:24:08 → 00:24:12 เปล่าคะเอ่อถ้าเป็นตัวตุ่มดน้ำพองใสแมฟ
00:24:12 → 00:24:18 กัสเนี่ยก็จะไม่ได้เอ่อทำให้เกิดปัญหา
00:24:18 → 00:24:21 อะไรอื่นๆนะคะยกยกยกเว้นแต่ว่าเกิดผลข้าง
00:24:21 → 00:24:23 เคียงจากตัวโรคก็คือเป็นการติดเชื้อแทรก
00:24:23 → 00:24:28 ซ้อนนะคะหรือเกิดผลข้างเคียงจากการรักษา
00:24:28 → 00:24:30 ก็คือผลให้กินจากยาสเตียรอยหรือยากดภูมิ
00:24:30 → 00:24:33 ท่านทานนั่นแหละค่ะนะคะซึ่งเราอาจจะต้อง
00:24:33 → 00:24:38 กินหลายปี 3 ปีถ 5 ปีค่ะทีนี้อ่าผลข้าง
00:24:38 → 00:24:42 เคียงของยากดภูมิต้านทานเนี่ยเมื่อเรากิน
00:24:42 → 00:24:46 มานานๆเลยระยะหนึมันอาจจะเสี่ยงต่อการ
00:24:46 → 00:24:49 เกิดมะเร็งผิวหนังหรือว่ามะเร็งกระเพาะ
00:24:49 → 00:24:54 ปัสสาวะอะไรต่างๆเพิ่มขึ้นในในในกรณีที่
00:24:54 → 00:24:57 ทานนานทานมากอันนี้ก็เป็นรายละเอียดปีก
00:24:57 → 00:25:02 ย่อยนะคะค่ะว่าหมอที่ดูแลอยู่เก็จะเ่อแนะ
00:25:02 → 00:25:05 นำแล้วก็ติดตามเอ่อตรวจเลือดดูอาการเป็น
00:25:05 → 00:25:08 ระยะเพื่อปรับยาตรงเให้มันน้อยที่สุดที่
00:25:09 → 00:25:11 จะคุมโรคได้แล้วก็มีผลข้างเขียนมากที่สุด
00:25:11 → 00:25:15 ก็เป็นอีกเรื่องนึงที่สำคัญค่ะอค่ะการ
00:25:15 → 00:25:18 ปรับยาการถอยยาถ้าหากว่าสถานการณ์ของโรค
00:25:18 → 00:25:20 ดีขึ้นแล้วเนี่ยค่ะแต่สุดท้ายคือเขา
00:25:20 → 00:25:23 สามารถเลิกทานยาไปเลยได้ไหหรือว่ายังทาน
00:25:23 → 00:25:27 ต้องทานตลอดชีวิตด้วยปริมาณน้อยๆคะคุณหมอ
00:25:27 → 00:25:30 ค่ะว่าในช่วงมันจะมีอยู่ 2 ระยะช่วงที่
00:25:30 → 00:25:33 ตุ่มพองกำลังเบ่งบันออกมาเยอะแยะมากมาย
00:25:33 → 00:25:35 เนี่ยถือว่าเรียกว่าโรคกำเริบใช่มั้ยคะ
00:25:35 → 00:25:39 ช่วงเค่ะเราจำเป็นต้องใช้ยาขนาดสูงนะคะ
00:25:39 → 00:25:43 หรือใช้ยาฉีดคาะเจาะจงลงไปเลยเพื่อควบคุม
00:25:43 → 00:25:45 โรคให้มันสงบอยู่ได้เร็วก็คือไม่เกิดตุ่ม
00:25:45 → 00:25:49 ใหม่แผลเดิมก็แห้งผิวหนังประมานนะคะ
00:25:49 → 00:25:52 อันเนี้ยเมื่อคนไข้เข้าสู่ระยะที่ไม่เกิด
00:25:52 → 00:25:55 ตุ่มใหม่ก็ผิวหนังสมาดแล้วเนี่ยโอเคตอน
00:25:55 → 00:25:58 เนี้ยเขาจะเริ่มดำรงชีวิตได้ตามปกติติละ
00:25:58 → 00:26:01 ใช่มั้ยคะมันก็อยู่ระยะที่อ่าเรียกว่า
00:26:01 → 00:26:05 อะไรระยะระยะที่ต้องดูแลต่อเนื่องระยะนี้
00:26:05 → 00:26:07 แหละค่ะเป็นระยะที่เราจะค่อยๆถอยยากดกุม
00:26:08 → 00:26:11 ท้านพันลงนะคะอาจจะต้องถอยช้าๆบางคนอาจจะ
00:26:11 → 00:26:14 ถอยได้เร็วบางคนอาจจะต้องถอยช้านิดนึง
00:26:14 → 00:26:18 เพราะว่าถอยปุ๊บแล้วเกิดตุ่มอ่าเหอขึ้นมา
00:26:18 → 00:26:21 ใหม่อะไรแบบนี้เป็นต้นเพราะงั้นก็ต้องมี
00:26:21 → 00:26:24 การปรับยาอยู่ในช่วงตรงเนี้ยค่ะสุดท้ายพอ
00:26:24 → 00:26:28 เราปรับยาลดลงไปเรื่อยๆเนี่ยอ่าหมอสเือ
00:26:28 → 00:26:32 ว่าอาจจะใช้เวลาประมาณ 1-2 ปีนะคะจะลดยา
00:26:32 → 00:26:36 ลงไปจนถึงระดับน้อยที่สุดที่จะคุมโรคได้
00:26:36 → 00:26:39 นะคะเก็จะเข้าสู่ระยะที่มันแบบค่อนข้างคง
00:26:39 → 00:26:42 ที่ละพอถึงระยะเนี้ยเราก็จะบอกคนไข้ว่า
00:26:42 → 00:26:46 เ่าโรคเริ่มสงบแล้วนะแต่ว่ายังไม่หายขาด
00:26:46 → 00:26:49 มีโอกาสกลับเป็นซ้ำเพราะะนั้นต้องดูแลตัว
00:26:49 → 00:26:52 เองอย่างต่อเนื่องนะคะอืกระตุ้นต่างๆก็
00:26:52 → 00:26:56 ต้องไม่มีนะอาหารการกินต้องดีไม่เครียบอ
00:26:56 → 00:26:58 อะไรประมาณเนี้ยค่ะเพ
00:26:58 → 00:27:01 ได้ทราบสถานะของโรคด้วยแล้วก็ได้ดูแลตัว
00:27:01 → 00:27:04 เองไปพร้อมๆกันยแล้วถ้าอีกกลับกันนะครับ
00:27:04 → 00:27:08 เอ่ออยู่ดีๆเอ้ยอยากหายเอ้ยอยากหายเร็ว
00:27:08 → 00:27:13 ขึ้นเพิ่มยาตัวเองไปซะเลยกินทวีทับทบไป
00:27:13 → 00:27:15 อย่างเงี้ยคุณหมอเกเกินคำสั่งเหรอเกินคำ
00:27:15 → 00:27:19 สั่งใช่มั้ยคะใช่มันมันจะดีมันจะดีเลยค่ะ
00:27:19 → 00:27:22 สุ่มจะยุบเลยแต่ว่าคนไข้จะเริ่มรู้สึกว่า
00:27:22 → 00:27:26 หน้าบวมตัวบวมออออ่าฝนข้างเคียงมันจะมา
00:27:26 → 00:27:30 ค่ะอจะสั่นนอนจะไม่หลับเก็จะเริ่มไม่โอเค
00:27:30 → 00:27:34 ะก็จะมาหาหมอบอกว่าไม่ไหวแล้วหมอต้องลดยา
00:27:34 → 00:27:36 คะอะไรอย่างเงี้ยค่ะนั้นก็คือเนี่ยค่ะมัน
00:27:36 → 00:27:40 เป็นแดบสังคมเราให้อยากกดกดภูมิเยอะๆไป
00:27:40 → 00:27:43 นี่คือโรคสงบแน่นอนเพียงแต่ว่าคนข้าง
00:27:43 → 00:27:46 เคียนของยานั่นแหละที่จะเป็นปัญหาต่อไป
00:27:46 → 00:27:51 ค่ะอือือเออนะเออผลค้างเคียนของยานี่คือ
00:27:51 → 00:27:54 น่ากังวลมากนะใช่ค่ะเป็นอะไรที่น่ากังวล
00:27:54 → 00:27:57 ใช่ค่ะเมื่อเมื่อสมัยก่อนที่เรายังไม่ได้
00:27:57 → 00:28:02 ใช้ยาตรงนี้มากนักความรู้อะไรยังไม่มี 30
00:28:02 → 00:28:06 40 ปีต่อนเนี้ยค่ะเอ่อเอ่ออัตราเสีย
00:28:06 → 00:28:09 ชีวิตของโรคสูงครับอนะคะพอมียาสเตียรอยด์
00:28:09 → 00:28:12 กดภุมิต้านทานมาปึ๊บอัตราเสียชีวิตจากโรค
00:28:12 → 00:28:16 เนี้ยลดลงมากเลยแต่คนเสียชีวิตจากผลข้าง
00:28:16 → 00:28:21 เคียงจากยาแทนออือย่างเงี้ยค่ะค่ะตัวโรค
00:28:21 → 00:28:25 คุมได้แต่ว่ามาแย่จากุก้างเคียงของยาค่ะ
00:28:25 → 00:28:29 มันก็เลยเป็นเป็นสิ่งที่จะต้องค้นคว้าหา
00:28:29 → 00:28:33 การกวิธีการรักษาที่มันอ่าทั้งควบคุมโรค
00:28:33 → 00:28:36 ได้ดีด้วยแล้วก็ไม่มี่าเขียนกับคนไข้ด้วย
00:28:36 → 00:28:39 ค่ะค่ะปัจจุบันมันมันจะมีนวัตกรรมหรือว่า
00:28:39 → 00:28:42 วิวัฒนาการในการรักษาที่ขยับเพิ่มเติมจาก
00:28:42 → 00:28:47 เดิมอีกมั้ยฮะเอ่อออคิดว่ายังมีไปเรื่อยๆ
00:28:47 → 00:28:50 อยู่นะคะเพราะว่าในช่วง 20-3 ปีมานี้ก็
00:28:50 → 00:28:53 เริ่มมียาฉีดอที่บากีได้ได้ได้นำเรียนไป
00:28:53 → 00:28:56 ก็จะเป็นตัวที่มันไปเฉพาะจจงกับเซลล์ที่
00:28:56 → 00:28:59 ผิดเพี้ยนเลยเลยอันเนี้ยมีแนวโน้มว่าดี
00:28:59 → 00:29:03 แล้วก็ปัจจุบันก็มีการผลิตเ่อคามความ
00:29:03 → 00:29:06 เทคโนโลยีของยาตัวเนี้ยยาเกลุ่มลักษณะ
00:29:06 → 00:29:09 เนี้ยเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆๆๆๆซึอยู่ในท่อ
00:29:09 → 00:29:12 ของการศึกษาวิจัยอยู่ค่ะอีกไม่นานน่ะค่ะ
00:29:12 → 00:29:15 หมอคิดว่ามันจะเราจะสามารถคอนโทรลคู่คุม
00:29:15 → 00:29:19 โรคนี้ได้ดีขึ้นเรื่อยๆนะคะอค่ะเมื่อสัก
00:29:19 → 00:29:21 ครู่คุณหมอบอกว่าเอ่อเรื่องแสงแดดเนาะมัน
00:29:21 → 00:29:25 ก็จะเป็นเอ่อปัจจัยที่ทำให้อ่าอาการตัว
00:29:25 → 00:29:29 กระตุ้นให้เ่อมีโรคนี้มากยิ่งขึ้นน่ะนะคะ
00:29:29 → 00:29:33 เอ่อถ้าเป็นแล้วเราอยู่ในที่ร่มมากเกินไป
00:29:33 → 00:29:37 วิตามินดีก็อาจจะน้อยสำหรับผู้ป่วยบาง
00:29:37 → 00:29:40 ท่านอันนี้โรคนี้เนี่ยมันควรจะเสริม
00:29:40 → 00:29:42 วิตามินอะไรไปบ้างสำหรับผู้ป่วยคะคุณหมอ
00:29:42 → 00:29:47 คะอืโอคำถามนี้ดีเลยนะคะเพราะว่าแม้
00:29:47 → 00:29:49 กระทั่งหมอผิวหนังเองเนาะเราก็หลบแดดแล้ว
00:29:49 → 00:29:52 ก็ขาดวิตามินดีกันเหมือนกันนะคะเเราก็
00:29:52 → 00:29:54 ต้องกินวิตามินดีเสริมเหมือนกันสำหรับคน
00:29:54 → 00:29:58 ไข้ตุ่มล้ำทองใสพวกเนี้ยค่ะส่วนใหญ่เกือบ
00:29:58 → 00:30:01 ทุกคนเนี่ยจะได้ยาสเตียรอยด์ค่ะซึ่งเป็น
00:30:01 → 00:30:05 ยากฎภูมิต้านทานเป็นชนิดรับประทานนะคะใน
00:30:05 → 00:30:08 ขนาดที่ค่อนข้างสูงเลยวันนึงอาจจะเป็น 6
00:30:08 → 00:30:11 เมด 8 เมด 10 เมดอะไรก็แล้วแต่แต่ความรุน
00:30:11 → 00:30:14 แรงของโรคนะคะยาสเตียรอยเนี่ยเมื่อเราทาน
00:30:14 → 00:30:19 ไปสักระยะนึงจะมีผลที่ทำให้อ่ามันดึง
00:30:19 → 00:30:24 แคลเซียมออกมาจากกระดูกทำให้กระดูกเราบาง
00:30:24 → 00:30:28 นะคะอ่ากระดูกบางเพราะฉะนั้นเนี่ยในคนไข้
00:30:28 → 00:30:31 ที่จำเป็นต้องได้รับยาสเตียรอยด์นานๆใน
00:30:31 → 00:30:34 ขนาดสูงเนี่ยก็จะมีความจำเป็นต้องเสริม
00:30:34 → 00:30:39 แคลเซียมแล้วก็วิตามินดีเพื่อเอ่อเสริม
00:30:39 → 00:30:41 สร้างตรงกระดูกนี้นะคะป้องกันไม่ให้
00:30:41 → 00:30:45 กระดูกมันบางหรือก่อนไปนะคะนี้เป็นตัว
00:30:45 → 00:30:49 หลักๆเลยที่ที่ต้องให้คนไข้ค่ะวิตามิน
00:30:49 → 00:30:50 อื่นๆ
00:30:50 → 00:30:54 เอ่อไม่ได้มีผลอะไรกับโรคนะคะอันนี้ก็
00:30:54 → 00:30:58 แล้วแต่ว่าจะทานอะไรค่ะอค่ะค่ะแต่เขา
00:30:58 → 00:31:01 สามารถทานวิตามินเสริมไปได้ปกติเหมือน
00:31:01 → 00:31:04 เอ่อคนไม่ได้เป็นโรคอย่างอย่างเอ่อคนทำ
00:31:04 → 00:31:09 งานทั่วไปเอ่อไดไดซินวิตามินซิงคหรือว่า
00:31:09 → 00:31:11 อะไรอย่างเงี้ยก็ทานได้ใช่มั้ยคะไม่ได้มี
00:31:11 → 00:31:13 ผลว่าเออมันจะทำให้โรคกระตุ้นโรคเพิ่ม
00:31:13 → 00:31:16 ขึ้นอะไรเงี้ยใช่มั้ยคะค่ะสามารถทันได้
00:31:16 → 00:31:19 ค่ะสามารถทันได้ครับค่ะอืนะฮก็เป็นข้อมูล
00:31:19 → 00:31:22 ที่คุณหมอเอ่อมาทำให้เรารู้จักกับโรคนี้
00:31:22 → 00:31:26 มากขึ้นตุ่มพองน้ำใสอค่ะอืมนะฮะอ่าคุณหมอ
00:31:26 → 00:31:30 คะก่อนหน้านี้ขวัญเคยเห็นข่าวอยู่แว๊บๆ
00:31:30 → 00:31:34 ว่าเอ่อโรคตุ่มพองน้ำใสเนี่ยอาจจะเป็น
00:31:34 → 00:31:36 เกิดขึ้นได้หลังฉีดวัคซีนโควิดเนี่ยแต่
00:31:36 → 00:31:39 เอ่อไอ้ข้อเท็จจริงตรงนี้เป็นยังไงคะหมอ
00:31:39 → 00:31:41 อ๋อมันมีคำถามนี้อยู่ช่วงโควิดเหมือนกัน
00:31:41 → 00:31:45 เนาะใช่ใช่ๆค่ะช่วงนั้นเนี่ยก็มีมีหลายๆ
00:31:45 → 00:31:48 โรคเกิดขึ้นเลยนะคะช่วงที่เราเนื่องจาก
00:31:48 → 00:31:51 วัคซีนเนาะมันเป็นอะไรที่เร่งรีบใช้
00:31:51 → 00:31:53 ฉุกเฉินเพราะฉะนั้นเนี่ย
00:31:53 → 00:31:56 เอ่ออะไรต่างๆมันก็จะเกิดขึ้นหลังจากฉี
00:31:56 → 00:32:00 วัคซีนนะคะค่ะเราเราคงเคยเห็นข้อมูลข่าว
00:32:00 → 00:32:02 หลายอย่างแม้กระทั่งโรคผมร่วมเป็นหย่อม
00:32:02 → 00:32:06 ใช่ค่ะที่เคยมีว่าหลายๆเคสออกมาบอกว่าฉีด
00:32:06 → 00:32:08 วัคซีนแล้วผมรกเป็นหยอมจนกระทั่งเมีแบบ
00:32:08 → 00:32:11 ฟอร์มในการแบบก่อนเราฉีดวัคซีนเอ้มีแบบ
00:32:11 → 00:32:15 สอบถามช่วงใช่เข็มกระตุ้นนี่ขวัญเจอมา
00:32:15 → 00:32:18 แล้วสำหรับเรื่องผมร่วงเป็นหย่อมอ่าค่ะๆ
00:32:18 → 00:32:22 แต่ว่าอืซึ่งคือจริงๆไม่ว่าจะเป็นผมรูก
00:32:22 → 00:32:26 เป็นหย่อมหรือว่ากลุ่มตลุ่มน้ำพองเนี่ย
00:32:26 → 00:32:28 มันเป็นกลุ่มของของภูมิผิดเพี้ยนทั้งคู่
00:32:29 → 00:32:31 ก็คือเป็นกลุ่มร่วมแพภูมิตัวเองทั้งคู่
00:32:31 → 00:32:32 ค่ะนะคะ
00:32:32 → 00:32:36 อ่าหลังจากที่รวบรวมข้อมูลมาเนี่ยพบว่า
00:32:36 → 00:32:40 ส่วนนึงฉีดวัคซีนแล้วก็เกิดจริงๆแต่อีก
00:32:40 → 00:32:43 ส่วนนึงมันก็ไม่ได้สัมพันธ์กับวัคซีนที่
00:32:43 → 00:32:46 ชัดเจนเพราะฉะนั้นถามว่าตอนนี้เนี่ยพอจะ
00:32:46 → 00:32:51 สรุปได้มก็ยังไม่เพียงพอที่จะสรุปค่ะถาม
00:32:51 → 00:32:53 ว่ามีรายงานมยมีรายงานฉีดวัคซีนแล้วผมล
00:32:53 → 00:32:56 เป็นหยมฉีดวัคซีนแล้วตุ่มน้ำทองใสเหิขึ้น
00:32:56 → 00:33:00 ในทางการก็มีเหมือนกันคือเป็นตุ่มน้ำทอง
00:33:00 → 00:33:04 ใสแล้วไปฉีดวัคซีนแล้วก็คุมได้ดีขึ้นก็มี
00:33:04 → 00:33:07 นะคะมีเหมือนกันคนไ้ของเราก็มีเหมือนกัน
00:33:07 → 00:33:09 บอกว่าเออไปฉีดวัคซีนมาอยู่ๆตุ่มมันก็ไม่
00:33:09 → 00:33:13 ขึ้นอีกเลยอะไรทำทำให้ลดยาได้ใช่ค่ะเออ
00:33:13 → 00:33:17 มันก็เป็นมันก็ยังไม่ได้ชัดเจนขนาดนั้น
00:33:17 → 00:33:19 ค่ะก็เข้าใจว่าน่าจะมีความเกี่ยวข้องอ่ะ
00:33:19 → 00:33:22 ค่ะเพียงแต่ว่าเราอาจจะยังไม่ไม่อธิบาย
00:33:22 → 00:33:26 มันไม่ได้ทั้งหมดว่าไม่ได้ทุกคนอืนะคะไม่
00:33:26 → 00:33:29 ได้ไม่ได้เ่ออธิบายไม่ได้ทุกคนอย่างเงี้ย
00:33:29 → 00:33:33 ค่ะค่ะอือครับอืออือครับก็เป็นอีกหนึ่ง
00:33:33 → 00:33:36 วันนะที่คุณผู้ฟังได้รู้จักกับโรคที่แบบอ
00:33:36 → 00:33:39 มันไม่ไม่ได้เกิดกับทุกคนน่ะแต่ว่ามันพอ
00:33:39 → 00:33:42 เป็นแล้วเนี่ยถ้าคนที่เป็นแล้วมันมันมัน
00:33:42 → 00:33:45 มันรักษานานแล้วมันส่งผลต่อจิตใจแล้วมัน
00:33:45 → 00:33:51 แบบมันทรมานอ่ะมันทรมานแต่ว่าก็อยากพนะคะ
00:33:51 → 00:33:53 อย่าท้อค่ะมันไม่ใช่มะเร็งเอาอย่างนี้ก็
00:33:53 → 00:33:56 ได้งอาจจะเศร้ากว่าหรือเปล่าอันนี้ก็อัน
00:33:56 → 00:33:59 นี้ก็เราก็ไม่เคยเป็นนะแต่เราก็เข้าใจคน
00:33:59 → 00:34:03 ใครว่ามันก็คงทุกข์ทรมานไม่ไม่น้อยแหละนะ
00:34:03 → 00:34:06 คะก็อยากจะบอกว่าไม่ท้อค่ะไม่ท้อเพราะว่า
00:34:06 → 00:34:10 ก็รักษาได้รักษาได้นะคะค่ะครับขอบคุณคุณ
00:34:10 → 00:34:12 หมอมากครับว่ามาให้ความรู้ในวันนี้โอกาส
00:34:12 → 00:34:14 หน้าอาจจะมีมีการพูดคุยเกี่ยวกับเรื่อง
00:34:14 → 00:34:16 อื่นๆเกี่ยวกับเรื่องของผิวหนังอื่นๆ
00:34:16 → 00:34:19 เพิ่มเติมมากขึ้นนะครับได้เลยค่ะขอบคุณ
00:34:19 → 00:34:22 ครับคุณหมอครับขอบพระคุณค่ะสวัสดีค่ะ
00:34:22 → 00:34:26 สวัสดีสวัสดีค่ะแพทย์หญิงอรยานะครับกว้าง
00:34:26 → 00:34:29 สุขสถิตนะครับรองผู้อำนวยการด้านการแพทย์
00:34:29 → 00:34:34 สถาบันโรคผิวหนังกรมการแพทย์นะครับ