00:00:00 → 00:00:04 ถามคุณหมอก่อนเลยครับว่าอาการหน้าบิดหน้า
00:00:04 → 00:00:07 เบี้ยวหน้าผิดรูปเนี่ยนะฮะก่อนที่เราจะไป
00:00:07 → 00:00:09 ก่อนที่เราจะไปโยนในเรื่องของเจ้า
00:00:09 → 00:00:12 โทรศัพท์มือถือที่ตกเป็นจำเลยเนี่ยนะฮะ
00:00:12 → 00:00:15 มันเกิดขึ้นได้จริงๆมครับอยู่ๆหน้าเรามัน
00:00:15 → 00:00:17 จะบิดหน้าเราจะเบี้ยวหน้าเราจะผิดรูปได้ม
00:00:17 → 00:00:21 ครับอืครับเกิดขึ้นได้นะครับเนื่องจากว่า
00:00:21 → 00:00:25 ใบหน้าของคนเราจะควบคุมการทำงานด้วยเส้น
00:00:25 → 00:00:28 ประสาทสมองคู่ที่ 7 เป็นหลักนะครับซึ่ง
00:00:28 → 00:00:32 เอ่อเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 เนี่ยข้างขวา
00:00:32 → 00:00:35 ก็จะควบคุมการเคลื่อนไหวของใบหน้าซีกขวา
00:00:35 → 00:00:38 ข้างซ้ายก็จะคุมการเคลื่อนไหวของใบหน้าซี
00:00:38 → 00:00:42 ซ้ายครับอืทีนี้ถ้าสมมุติว่าเ่อตัวเส้น
00:00:42 → 00:00:45 ประสาทนี้นะครับหรือว่าระบบประสาทสั่งการ
00:00:45 → 00:00:49 ของสมองมีความผิดปกติก็จะทำให้มีอาการใบ
00:00:49 → 00:00:51 หน้าอ่อนแรงหรือว่ามีอาการหน้าเบี้ยว
00:00:51 → 00:00:55 ครึ่งซีกเนี่ยได้ครับออืมีโอกาสเกิดขึ้น
00:00:55 → 00:00:59 ได้ใช่มครับคุณหมอครับใช่ครับอืสาเหตุ
00:00:59 → 00:01:01 จริงๆจริงไงคุณหมออครับไอ้อาการมันเกี่ยว
00:01:01 → 00:01:03 กับโทรศัพท์มั้ยคะคุณหมอเออนั่นน่ะสิครับ
00:01:03 → 00:01:06 คุณหมอครับเ่าไม่เกี่ยวกับการใช้โทรศัพท์
00:01:06 → 00:01:09 มือถือนะครับสาเหตุที่เราเจอบ่อยสุดนะ
00:01:09 → 00:01:12 ครับก็มันอาจจะขึ้นอยู่กับช่วงอายุด้วยนะ
00:01:12 → 00:01:15 ครับถ้าสมมุติเป็นวัยสูงอายุนะครับเป็น
00:01:15 → 00:01:18 ผู้ใหญ่ค่ะเ่อที่อาจจะมีโรคประจำตัวเป็น
00:01:18 → 00:01:21 เบาหวานเป็นความดันเป็นไขมันในเลือดสูง
00:01:21 → 00:01:23 โอกาสที่จะมีอาการหน้าเบี้ยวขึ้นซีกก็
00:01:23 → 00:01:25 เกิดจากโรคหล่อนเลือดสมองไม่ว่าจะเป็น
00:01:25 → 00:01:28 เส้นเลือดสมองแตกปีกหรืออุตันก็ได้นะครับ
00:01:28 → 00:01:32 ออที่เราที่ไม่ใช่สูงอายไม่ได้มีโรคประจำ
00:01:32 → 00:01:36 ตัวอะไเป็นคนวัยหนุ่มสาวทำงานเอ่อไม่ได้
00:01:36 → 00:01:39 เอ่อมีความเจ็บป่วยอะไรเลยนะครับโอกาสที่
00:01:39 → 00:01:41 จะเกิดหน้าเบี้ยวก็อาจจะเกิดจากเส้น
00:01:41 → 00:01:45 ประสาทสมองคู่ที่ 7 อักเสบครับผมอืโอ้โห
00:01:45 → 00:01:48 แสดงว่าข้อมูลที่ถูกส่งต่อกันเป็นเป็นการ
00:01:48 → 00:01:50 ส่งข้อมูลซ้ำๆเนี่ยก็คือแสว่าว่าโทรศัพท์
00:01:50 → 00:01:53 มือถือเป็นสาเหตุใช่คือจริงๆแล้วคือมัน
00:01:54 → 00:01:57 มันไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลยไม่ได้มีโอกาส
00:01:57 → 00:02:00 ที่จะไปแตะเรื่องของการใช้โทรศัพท์มือถือ
00:02:00 → 00:02:02 มีโอกาสทำให้เกิดหน้าเบี้ยวไม่ใช่เลยใช่
00:02:02 → 00:02:05 มั้ยครับคุณหมอครับอครับผมไม่ใช่นะครับ
00:02:05 → 00:02:07 ยังเน้นยำเหมือนเดิมว่าปัจจุบันเอันตราย
00:02:07 → 00:02:09 ที่สุดจากการใช้โทรศัพท์มือถือการตกคือ
00:02:09 → 00:02:13 การตกเป็นเหยื่อของแกง Call เซ็นตเไม่ได้
00:02:13 → 00:02:16 เกี่ยวข้องกับหน้าเที่ยวเลยตรงมากๆเลยค่ะ
00:02:16 → 00:02:20 ใช่ค่ะได้ยินเรื่องเนี้ยมาตั้งแต่คือลืม
00:02:20 → 00:02:22 ตาตื่นขึ้นมาก็จะมีเรื่องเนี้ยเข้ามา
00:02:22 → 00:02:26 แล้วะไม่ว่าใครในอาชีพไหนอย่างไรนักข่าว
00:02:26 → 00:02:30 หรือผู้ที่เป็นน่าจะเป็นตำรวจก็ยจะเคต้อง
00:02:30 → 00:02:32 ถามคุณหมอหคุณหมอเคยมีเคเคยมั้ยครับคุณ
00:02:32 → 00:02:36 หมอครับเคอ่อผมเมื่อซักเกือบ 2 ปีที่
00:02:36 → 00:02:39 แล้ว่ต้องเคยคุยกับคุณหคุณหมอส่งข้อมูล
00:02:39 → 00:02:42 ให้เราดูเอใชใช่นี่เห็นมั้ยนี่นี่คือ
00:02:42 → 00:02:44 อันตรายที่สุดของโทรศัพท์แล้วคุณหมอได้
00:02:44 → 00:02:47 ได้แบบว่ามีกรรมวิธีป้องกันระบบนี้ยังไง
00:02:47 → 00:02:51 บ้างคะเรื่องคอ Center เนี่ยคะล็ไปเลยเ
00:02:51 → 00:02:53 ไม่มีนะครับแต่ว่าในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาผม
00:02:53 → 00:02:56 ไม่โดนที่เมืองไทยเพราะว่าตอผมไปเรียนที่
00:02:56 → 00:02:58 อเมริกาเพิ่งกลับมาตอนที่อยู่ที่นู่นก็
00:02:58 → 00:03:01 คือเอ่อไม่มีโทรศัพ์กลับมาก็ถือว่าเป็น
00:03:01 → 00:03:06 โชคดีไปนะครับประมาณเดือนนึงอใช่ครับ
00:03:06 → 00:03:09 เดือนนึงเก็มีแล้วก็เรื่อยๆถือว่าเป็น
00:03:09 → 00:03:12 เรื่องราวดีๆไปโอ้ยินดีด้วยค่ะคุณหมออ๋อ
00:03:12 → 00:03:15 เลยคุณหมอกลับมาก็เลยรับใช้สังคม 2 วัน
00:03:15 → 00:03:18 ติดต่อกันนะก็เลยถามคุณหมอกลับมาที่
00:03:18 → 00:03:21 เรื่องของโรคหน้าเบี้ยวครึ่งซี่กันก่อน
00:03:21 → 00:03:24 แล้วต่อแล้วกันนะครับคุณหมอครับอาการของ
00:03:24 → 00:03:27 โรคหน้าเบี้ยวครึ่งซีกครับคุณหมอครับคือ
00:03:27 → 00:03:31 ถ้าถ้ามันเริ่มเกิดแล้วเนี่ยอาการอะไรที่
00:03:31 → 00:03:34 เราจะสังเกตได้ง่ายที่สุดว่าเฮ้ยเราเริ่ม
00:03:34 → 00:03:37 มีอาการลักษณะแบบนี้แล้วอ่ะครับคุณหมอ
00:03:37 → 00:03:41 ครับเอ่อคืออย่างแรกจริงๆเราจะต้องแยกจาก
00:03:41 → 00:03:44 เอ่อตัวกลุ่มโรคของโรคหลอดเลือดสมองที่ทำ
00:03:44 → 00:03:47 ให้มีอาการหน้าเบี้ยวซึ่งมักจะมีอาการผิด
00:03:47 → 00:03:50 ปกติทางระบบประสาทอื่นๆร่วมด้วยซึ่งมักจะ
00:03:50 → 00:03:54 เป็นพวกแขนขาอ่อนแรงหรือพูดไม่ชัดร่วมกับ
00:03:54 → 00:03:56 อาการหน้าเบี้ยวด้วยซึ่งถ้ามีแบบนี้ต้อง
00:03:56 → 00:04:00 ไปโรงพยาบาลในทันทีที่มีอาการไม่ว่าว่า
00:04:00 → 00:04:02 ตอนนั้นเนี่ยจะเป็นช่วงเวลาไหนก็ตามนะ
00:04:02 → 00:04:04 ครับเพราะกระบวนการรักษาเนี่ยมันก็จะมี
00:04:04 → 00:04:08 ความสำคัญกับเอ่อที่มีความจำเป็นในเรื่อง
00:04:08 → 00:04:11 ของระยะเวลาด้วยเพราะถ้าสมมุติว่าไปช้า
00:04:11 → 00:04:15 เอ่อโอกาสในการให้การรักษาเนี่ยมันก็จะลด
00:04:15 → 00:04:18 น้อยถอยลงไปเรื่อยๆนะครับแต่ว่าสิ่งที่
00:04:18 → 00:04:21 เราเอ่อจะพูดถึงกันในวันนี้ก็คือเรื่อง
00:04:21 → 00:04:23 ของหน้าเบี้ยวถ้าว่าเฉพาะหน้าเบี้ยวอย่าง
00:04:23 → 00:04:26 เดียวเนี่ยอันเนี้ยมันจะทำให้เข้าใจไปถึง
00:04:26 → 00:04:29 เรื่องของอาการหน้าเบี้ยวจากเส้นประสา
00:04:29 → 00:04:32 สมองคู่ที่ 7 ที่มีการอัพเกตซึ่งจะทำให้
00:04:32 → 00:04:34 มีอาการหน้าเบี้ยวอย่างเดียวโดยที่แขงขา
00:04:34 → 00:04:37 ไม่ได้อ่อนแรงไม่ได้มีปัญหาเรื่องของการ
00:04:37 → 00:04:40 พูดนะครับซึ่งถ้าสมมุติว่าอาการโดยส่วน
00:04:40 → 00:04:43 ใหญ่ตอนที่เริ่มมีอาการหน้าเบี้ยวเช่น
00:04:43 → 00:04:47 เอ่อไปแปรงฟันแล้วรู้สึกว่าน้ำมันไหลออก
00:04:47 → 00:04:49 จากมุมปากซึ่งปกติเนี่ยเวลาเราแปลงฟันเรา
00:04:49 → 00:04:52 ต้องอมน้ำแล้วก็บ้วนน้ำออกมาเนี่ยเราก็จะ
00:04:52 → 00:04:56 สามารถอมน้ำได้ครบจะไม่มีปัญหาเรื่องของ
00:04:56 → 00:04:59 น้ำรั่วนะครับเราจะสามารถหลับตากระพริบตา
00:04:59 → 00:05:03 ได้แบบปกติไม่ได้มีปัญหาว่าหลับตาแล้ว
00:05:03 → 00:05:05 ทำไมรู้สึกเหมือนกับตามันเคืองๆหรือหลับ
00:05:05 → 00:05:08 ตาไม่สนิทหรือหลับตาไม่ได้ซึ่งอาการเหล่า
00:05:08 → 00:05:11 เนี้ยก็จะเป็นอาการแรกๆที่รู้สึกแต่ไม่
00:05:11 → 00:05:13 ได้หมายความว่าเป็นอาการแรกของความผิด
00:05:14 → 00:05:17 ปกตินะครับแต่มักจะคนจะรู้อ่ะตอนที่เริ่ม
00:05:17 → 00:05:20 มีอาการผิดปกตินิดแล้วหรือบางคนอาจจะเอ่อ
00:05:20 → 00:05:23 เยอะจนแบบเอ๊ะไปยิ้มแล้วทำไมปากุมมุมปาก
00:05:23 → 00:05:26 ข้างนี้มันไม่ขยับอันนี้ถึงจะไปโรงพยาบาล
00:05:26 → 00:05:28 แต่ถ้าพูดถึงอาการจริงๆแล้วเนี่ยเนื่อง
00:05:28 → 00:05:31 จากว่ามันเป็นอาการอักเสบนะครับแล้วเส้น
00:05:31 → 00:05:34 ประสาทสมองคู่ที่ 7 เนี่ยมันก็จะเลี้ยง
00:05:34 → 00:05:38 มันก็จะออกจากเ่อตัวสมองเนี่ยแถวๆใบหู
00:05:38 → 00:05:40 หรือว่าตรงรูหูด้านหน้าของเราเนี่ยนะครับ
00:05:40 → 00:05:42 เพราะฉะนั้นเวลาที่มันมีการอักเสบก็จะ
00:05:42 → 00:05:45 เหมือนอักเสบทั่วไปเลยตามแขนขาที่เราอาจ
00:05:45 → 00:05:48 จะเคยมีการอักเสบมันจะมีอาการปวดนะครับออ
00:05:48 → 00:05:50 เพราะฉะนั้นเนี่ยบางคนก็อาจจะเริ่มต้น
00:05:50 → 00:05:54 ด้วยอาการปวดแต่จะไม่เหมือนปวดหัวจะไม่
00:05:54 → 00:05:58 เหมือนปวดฟันนะครับแต่เค้าก็อาจจะไม่รู้
00:05:58 → 00:06:01 ว่ามันปวดอะไรเพราะว่ามันจะมีปวดอย่าง
00:06:01 → 00:06:04 เดียวโดยที่ยังไม่ได้มีอาการอ่อนแรงอาจจะ
00:06:04 → 00:06:07 ปวดอยู่วัน 2 วันหรือปวดตอนกลางคืนตื่น
00:06:07 → 00:06:10 เช้ามาแล้วถึงเริ่มมีความรู้สึกว่าใบหน้า
00:06:10 → 00:06:13 ซีกนึงเนี่ยมันผิดปกติไปแล้วก็เอ่อถึงจะ
00:06:13 → 00:06:16 มาโรงพยาบาลในวันนั้นหรือบางคนถ้ามันน้อย
00:06:16 → 00:06:20 มากจริงๆเนี่ยเขาอาจจะยังสังเกตไม่ได้จะ
00:06:20 → 00:06:22 ผ่านไป 2 วัน 3 วันแล้วเห็นชัดเจนมากขึ้น
00:06:23 → 00:06:26 ถึงจะมาโรงพยาบาลก็มีครับโอ้โหมันเป็น
00:06:26 → 00:06:29 อาการที่หลากหลายพกควรคุณหมอคะเมื่อโดน
00:06:29 → 00:06:31 เร็วนี้น่าจะเป็นเป็นเวลาเป็นเดือนที่คุณ
00:06:31 → 00:06:35 ขออนุญาตเอ่ยนามพิธีกรคุณมดดำอ่ะที่แกปาก
00:06:35 → 00:06:37 เบี้ยวอะไรอย่างงั้นใช่มั้ยคะครับที่ที่
00:06:37 → 00:06:41 แกใช่ครับทุกคนสังเกตเห็นอืแกก็รู้ถ้าฟัง
00:06:41 → 00:06:45 ถ้าฟังตามฟังตามข่าวก็น่าจะเป็นอาการแบบ
00:06:45 → 00:06:47 เดียวกันที่เรากำลังพูดถึงก็คือเส้นปสาท
00:06:47 → 00:06:49 สมองคู่ที่ 7 มีการอักเสบครับอืมอันนั้น
00:06:50 → 00:06:52 เขไม่น้านะคะเขาเป็นที่ปากของเขาแล้วเรา
00:06:52 → 00:06:54 ก็สังเกตเห็นแล้วก็เก็รู้เลยแล้วเบอกว่า
00:06:54 → 00:06:56 เดี๋ยวสักพักนึงเขาก็จะคืนกลับมาแล้วก็
00:06:56 → 00:06:59 กลับมาจริงๆนะคะนี่คืออาการน้อยเหรอคะคุณ
00:06:59 → 00:07:04 หมหรอเอ่อของอาการอักเสบของตัวเส้นประสาท
00:07:04 → 00:07:06 สมองคู่ที่ 7 เนี่ยนะครับเวลาที่มีการ
00:07:06 → 00:07:08 อักเสบเนี่ยมันก็จะมีหลากหลายสาเหตุที่จะ
00:07:08 → 00:07:11 ทำให้เกิดการอักเสบได้นะครับเอ่อซึ่ง
00:07:11 → 00:07:14 ประมาณเกินครึ่งมักจะเป็นการอักเสบโดยที่
00:07:14 → 00:07:17 ไม่ทราบสาเหตุก็คืออยู่ๆมันก็อักเสบของ
00:07:17 → 00:07:21 มันเองแล้วก็เอ่อมีทำให้เกิดมีอาการนะ
00:07:21 → 00:07:25 ครับอีกส่วนนึงก็จะเช่นมีการติดเชื้อ
00:07:25 → 00:07:27 กลุ่มที่เป็นพวกไวรัสเช่นงูสวรรค์นะครับ
00:07:28 → 00:07:31 ซึ่งพวกนั้นอาจจะมีสุ่มผื่นคล้ายๆเป็น
00:07:31 → 00:07:35 สุ่มน้ำนะครับคล้ายๆกับตอนที่เราเป็นอิสุ
00:07:35 → 00:07:39 อีสัยเกิดขึ้นที่บริเวณตรงแถวใบหูหรืออาจ
00:07:39 → 00:07:42 จะลมาแถวหน้าด้านหน้าเนี่ยด้วยก็ได้นะ
00:07:42 → 00:07:46 ครับหรือเป็นติดเชื้อไวรัสอื่นๆเช่นตาม
00:07:46 → 00:07:50 หลังการติดเชื้อไวรัสวัไวรัสพวกคออักเสบ
00:07:50 → 00:07:52 ที่ทำให้มีการติดเชื้อในทางเดินหายใจส่วน
00:07:52 → 00:07:54 บนอะไรเงี้ครับอืมันก็อาจจะทำให้มีการ
00:07:54 → 00:07:57 อักเสบของตัวเส้นประสาทร่วมด้วยเนี่ยก็
00:07:57 → 00:08:00 ได้นะครับซึ่งถ้าเป็นกลุ่มที่เป็นการ
00:08:00 → 00:08:02 อักเสบทั่วๆไปแบบที่ไม่ทราบสาเหตุหรือจาก
00:08:02 → 00:08:04 ไวรัสวัตซึ่งเราทราบอยู่แล้วว่าวัตเนี่ย
00:08:04 → 00:08:06 มันหายเองครับกลุ่มนี้ก็เหมือนกันการ
00:08:06 → 00:08:09 อักเสบเกิดขึ้นแล้วก็มันก็จะหายอักเสบ
00:08:09 → 00:08:12 เนี่ยด้วยตัวเองเพียงแต่ว่าอาการหน้า
00:08:12 → 00:08:15 เบี้ยวมันจะไม่ได้หายเลยในทันทีเหมือนกับ
00:08:15 → 00:08:17 พอหวัดหายแล้วหน้าเี้ยวมันไม่ได้หายมัน
00:08:17 → 00:08:20 ยังหลงเหลือความผิดปกติอยู่ซึ่งจะต้อง
00:08:20 → 00:08:23 อาศัยเวลาในการฟื้นตัวให้เส้นประสาทฟื้น
00:08:23 → 00:08:25 ตัวซึ่งส่วนใหญ่ก็จะใช้เวลาประมาณ 3
00:08:25 → 00:08:28 เดือนครับอุ้ยนานเหมือนกัน 3 เดือนนี่คือ
00:08:29 → 00:08:32 เราอาจจะต้องเจอภาวะที่หน้าเบี้ยวปปัก
00:08:32 → 00:08:35 เบี้ยวอยู่ตลอดเลยหรอครับคุณหมอครับใน
00:08:35 → 00:08:38 ช่วง 3 เดือนที่ต้องรอให้ค่อยๆให้ตัวเส้น
00:08:38 → 00:08:41 ประสาทคู่ที่เอ่อเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7
00:08:41 → 00:08:45 เนี่ยมันหายอักเสบฮะอืใช่ๆครับคือการ
00:08:45 → 00:08:48 อักเสบเนี่ยเวลาที่มันมีการอักเสบเกิด
00:08:48 → 00:08:51 ขึ้นเนี่ยตัวเส้นประสาทใยประสาทสมมุติว่า
00:08:51 → 00:08:53 ใยประสาท 100% เนี่ยแต่ละคนก็จะมีการ
00:08:54 → 00:08:56 อักเสบแล้วก็เสียหายไม่เท่ากันนะครับอาจ
00:08:56 → 00:09:00 จะมีคนที่เสียหายแค่เป็นเป็นเลขหลักเดียว
00:09:00 → 00:09:03 หรือเป็นเลข 2 หลักตั้งแต่ 10 20 30 40
00:09:03 → 00:09:06 50 60 หรือว่า 100% เนี่ยก็แล้วแต่ว่า
00:09:06 → 00:09:09 แต่ละคนเนี่ยมีการอักเสบมากน้อยแค่ไหนที
00:09:09 → 00:09:13 นี้เวลาที่เอ่อหายอักเสบไปแล้วหายปวดแล้ว
00:09:13 → 00:09:17 ไม่มีการอักเสบเกิดขึ้นแล้วเอ่อส่วนของใย
00:09:17 → 00:09:19 ประสาทที่มันเสียหายไปเนี่ยมันก็เสียหาย
00:09:19 → 00:09:23 เลยแต่ว่าเอ่อถ้ามันไม่ได้ถูกตัดขาดไป
00:09:23 → 00:09:26 ส่วนที่เสียหายไปเนี่ยร่างกายเราก็สามารถ
00:09:26 → 00:09:30 ที่จะซ่อมแซมแล้วก็เอ่ออ
00:09:30 → 00:09:32 ทำให้มันสามารถที่จะกลับมาใช้งานได้เพียง
00:09:32 → 00:09:34 แต่ระยะเวลาในการซ่อมแซมโดยเฉลียเนี่ยมัน
00:09:34 → 00:09:37 ก็จะอยู่ที่ประมาณ 3 เดือนซึ่ง 3 เดือน
00:09:37 → 00:09:40 นี้มันอาจจะไม่ได้เท่ากับวันแรกตลอดนะ
00:09:40 → 00:09:43 ครับแต่ว่าจากเดิมที่มันขยับไม่ได้เลย
00:09:43 → 00:09:46 เช่นเราหลับตาและยังเห็นตาขาวอยู่เลยอะไร
00:09:46 → 00:09:49 อย่าเงี้ยครับแต่เมื่อเวลาผ่านไปถ้าเข้า
00:09:49 → 00:09:52 สู่กระบวนการรักษามันก็จะทำให้เราสามารถ
00:09:52 → 00:09:54 ที่จะหลับตาเนี่ยได้มากขึ้นมากขึ้นเรื่อย
00:09:54 → 00:09:58 ๆจน 100% หรือเกือบ 100% ที่ระยะเวลา
00:09:58 → 00:10:02 เฉลี่ยประมาณ 3 เดือนครับคุณหมอคะเอ่อการ
00:10:02 → 00:10:05 ที่มีภาวะเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 อักเสบ
00:10:05 → 00:10:09 เนี่ยมันมันมาได้จากเราพักผ่อนน้อยเป็น
00:10:09 → 00:10:12 หลักมั้ยคะหรือว่าเราขาดวิตามินเกลือแร่
00:10:12 → 00:10:15 อย่างไรคะคุณหมอครับเ่ออย่างที่ผมบอก
00:10:15 → 00:10:17 เมื่อสักครู่นะครับว่าเกินครึ่งเนี่ยมัน
00:10:17 → 00:10:19 เป็นการอักเสบแบบที่ไม่ทราบสาเหตุเลย
00:10:20 → 00:10:22 เพราะฉะนั้นเนี่ยเราใช้ชีวิตตามปกติไม่
00:10:22 → 00:10:25 ได้ใช้ชีวิตโลดผลนะครับไม่ใช่ว่าไม่ดูแล
00:10:25 → 00:10:29 ตัวเองคนทั่วไปที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอนอน
00:10:29 → 00:10:32 ักคอก็มีโอกาสที่จะเใช่ก็มีโอกาสที่จะ
00:10:32 → 00:10:35 เกิดได้แต่อีกกลุ่มนึงก็คือเช่นสมมุติว่า
00:10:35 → 00:10:39 เรานอนไม่พอทำงานเยอะไม่ค่อยได้พักผ่อน
00:10:39 → 00:10:42 เปรียดพวกนั้นเนี่ยมันก็จะเป็นผลทำให้
00:10:42 → 00:10:44 เรื่องของภูมิคุ้งกันเราเนี่ยอาจจะตกลง
00:10:44 → 00:10:47 ชั่วคราวทำให้เราเ่อเป็นหวัดได้ง่ายก็
00:10:47 → 00:10:50 เหมือนกับเ่อความเสี่ยงของการเป็นหวัด
00:10:50 → 00:10:53 ทั่วๆไปนอนดึกก็เป็นหวัดได้ทำงานเยอะก็
00:10:53 → 00:10:57 เป็นหวัดได้ไปเจอไอฝนโดยเฉพาะในช่วงนี้
00:10:57 → 00:10:59 ที่ฝนตกแบบแทบจะทุกวันวันอะไรอย่างเงี้นะ
00:10:59 → 00:11:02 ครับก็มีโอกาสที่จะเป็นหวัดได้ซึ่งพอหาย
00:11:02 → 00:11:05 จากหวัดหรือระหว่างที่มีการเอ่ออาการหวัด
00:11:05 → 00:11:08 อยู่เนี่ยก็มีโอกาสที่จะเกิดเ่ออาการ
00:11:08 → 00:11:10 อักเสบของตัวเส้นประสาทคู่นี้ได้เช่น
00:11:10 → 00:11:15 เดียวกันครับคือถ้าบอกว่า 50% ของคนที่
00:11:15 → 00:11:18 เป็นอาการนี้เนี่ยเราไม่ทราบสาเหตุนี่เรา
00:11:18 → 00:11:20 สามารถใช้คำว่ามันเป็นโรคเวรโรคกรรมได้
00:11:20 → 00:11:23 มั้ยคุณหมอออจะพูดอย่างงั้นก็ได้ครับ
00:11:23 → 00:11:25 อย่างงั้นเลยเหรอคะอนั่นไงพี่นกมันไม่
00:11:25 → 00:11:27 ทราบสาเหตุเพราะว่าเราดูแลตัวเองอย่าง
00:11:27 → 00:11:30 สมบูรณ์แบบแล้วหมอบ่อเนี่ยคือกินครบ 5
00:11:30 → 00:11:35 หมู่ออกกำลังกายนอนพักผ่อนเต็มที่เลยไม่
00:11:35 → 00:11:37 เครียดด้วยอะไรเงี้ยแล้วอยู่ๆมันก็มาเป็น
00:11:37 → 00:11:39 ได้อะไรอย่างเงี้ย 50% เลยใช่มั้ยครับคุณ
00:11:39 → 00:11:43 หมอครับที่อืโอ้โหมันตอนจนถึงณเวลาเ
00:11:43 → 00:11:46 วิทยาการที่มันทันสมัยมากยิ่งขึ้นเนี่ย
00:11:46 → 00:11:49 เราก็ยังไม่สามารถที่จะระบุสาเหตุของ
00:11:49 → 00:11:52 อาการนี้ได้เลยใช่มั้ยครับคุณหมอใช่ครับเ
00:11:52 → 00:11:55 ก็จะยังใช้คำว่าไม่ทราบสาเหตุอยู่โอไม่
00:11:55 → 00:11:59 ทราบสาเหตุก็ถือว่าเป็นอาการที่โอน่าแต่
00:11:59 → 00:12:01 น่าตกใจน่ารู้อยู่เหมือนกันแต่เมื่อเกิด
00:12:01 → 00:12:05 ขึ้นกับเราแล้วเรามีวิธีรักษาไปหาคุณหมอ
00:12:05 → 00:12:08 แล้วก็ฟื้นตัวเส้นประสาทเหล่านี้ก็หายได้
00:12:08 → 00:12:11 อย่างเช่นดาราท่านนึงใช่มั้ยคะก็หายได้
00:12:11 → 00:12:14 ใช่มั้ยคะอืใช่ครับการรักษานี่มันมันมัน
00:12:15 → 00:12:17 มันยากมครับคุณหมอครับหรือว่ามันจะต้อง
00:12:17 → 00:12:21 ใช้ระยะเวลาต้องกินน้ำต้องนู่นนี่นั่นยัง
00:12:21 → 00:12:24 ไงบ้างมครับคุณหมอครับอครับการรักษาจะ
00:12:25 → 00:12:27 แบ่งเป็น 2 ส่วนนะครับก็คือเ่อส่วนที่ 1
00:12:27 → 00:12:30 ก็คือเรื่องของรถการอักเสบส่วนที่ 2 ก็
00:12:30 → 00:12:33 คือเรื่องของการฟื้นฟูนะครับเอาไปที่
00:12:33 → 00:12:36 เรื่องของลดการอักเสบก่อนทีนี้เอ่ออย่าง
00:12:36 → 00:12:39 ที่ผมบอกเมื่อสักครู่นะครับว่ามันเกิดการ
00:12:39 → 00:12:42 อักเสบเนี่ยมันอาจจะไม่ได้ 100% ของตัว
00:12:42 → 00:12:44 เส้นใหญ่เนี่ยทั้งหมดก็ได้นะครับอาจจะแค่
00:12:44 → 00:12:48 อักเสบบางส่วนทีนี้ถ้าสมมุติว่าการอักเสบ
00:12:48 → 00:12:51 ในช่วงเอ่อ 3 วันแรกหรือ 72 ชั่วโมงแรก
00:12:51 → 00:12:54 เนี่ยการอักเสบถ้าสมมุติว่าเราไม่สามารถ
00:12:54 → 00:12:57 ที่จะหยุดยั้งการอักเสบในช่วงนั้นได้เช่น
00:12:57 → 00:13:00 วันแรกอาจจะ 10% วันที่ 2 2 อาจจะ 30
00:13:00 → 00:13:03 วันที่ 3 อาจจะ 50 ถ้าสมมุติว่ามาเจอหมอ
00:13:03 → 00:13:07 ตอนช่วงวันแรกนะครับที่ 10% แล้วเราให้ยา
00:13:07 → 00:13:11 ลดการอักเสบมันก็จะช่วยทำให้เอ่อลดจาก 30%
00:13:11 → 00:13:15 เนี่ยไม่ให้มันกลายไปเป็น 50% ได้นะครับ
00:13:15 → 00:13:18 เพราะฉะนั้นเนี่ยเอ่อโดยเฉลี่ยถ้าสมมุติ
00:13:18 → 00:13:22 ว่าคนไข้มาภายใน 70 72 ช่วโมงหลังจากที่
00:13:22 → 00:13:25 มีการอักเสบเกิดขึ้นนะครับเราก็จะพิจารณา
00:13:25 → 00:13:28 ให้ยาลดการอักเสบซึ่งก็จะเป็นกลุ่มที่
00:13:28 → 00:13:31 เป็นสตรระยะสั้นๆประมาณ 1 สัปดาห์เนี่ย
00:13:31 → 00:13:34 ร่วมด้วยร่วมกับถ้าเราทราบสาเหตุซึ่งส่วน
00:13:34 → 00:13:38 ใหญ่ก็จะเป็นแค่ใช่มีหรือไม่มีงูสวัสดิ์
00:13:38 → 00:13:41 ถ้ามีงูสวัสดิ์เราก็จะให้ยาฆ่าไวรัสงู
00:13:41 → 00:13:44 สวัสดิ์เนี่ยด้วยแต่ถ้าสมมุติเป็นเอ่อ
00:13:44 → 00:13:46 ไวรัสหวัดดูแล้วอาการเหมือนหวัดหรือเป็น
00:13:46 → 00:13:49 ตามหลังหวัดมีประวัติเอ่อเรื่องของการ
00:13:49 → 00:13:51 เป็นหวัดชัดเจนอันนี้เรารู้อยู่แล้วว่า
00:13:51 → 00:13:54 ไวรัสหวัดมันไม่มียาไวรัสนะครับไม่มีการ
00:13:54 → 00:13:56 รักษามันหายได้เองอันนี้เราอาจจะไม่ต้อง
00:13:56 → 00:14:00 ให้ยาอะไรพิเศษก็ให้แค่ตัวเอ่อยาลดการ
00:14:00 → 00:14:02 อักเสบที่เป็นสเตียรอยด์อย่างที่ผมพูดไป
00:14:02 → 00:14:05 เมื่อสักครู่กิ 1 สัปดาหนะครับควบคู่กับ
00:14:05 → 00:14:08 เราคิดว่าการอักเสบเกิดขึ้นแล้วแล้วก็
00:14:08 → 00:14:10 สเตียรอยด์เราให้เพื่อที่จะหยุดเรื่องของ
00:14:10 → 00:14:13 การอักเสบที่เหลือเราก็จะให้วิตามินเพื่อ
00:14:14 → 00:14:17 ที่จะให้เป็นอาหารสำหรับร่างกายแล้วก็
00:14:17 → 00:14:20 เส้นประสาทใช้ในการซ่อมแซมตัวเองซึ่งก็จะ
00:14:20 → 00:14:24 เป็นวิตามิน b162 ซึ่งมันก็จะมีส่วนเอ่อ
00:14:24 → 00:14:27 ประกอบสำคัญในการที่จะเอามาสร้างตัวเ่า
00:14:27 → 00:14:30 เส้นประสาทซ่อมต๋เส้นประสาทนะครับที่
00:14:30 → 00:14:32 เหลือก็คือจะรักษาตามอาการอย่างเช่น
00:14:32 → 00:14:35 สมมุติว่าเวลาที่เป็นแล้วหลับตาไม่สนิท
00:14:35 → 00:14:38 เวลาลมพัดตามันก็จะแห้งเรากระพริบตาอยู่
00:14:38 → 00:14:41 ตลอดเวลานะครับเพื่อที่จะเปลี่ยน้ำตาลที่
00:14:41 → 00:14:44 ออกมาจากต่มสร้างน้ำตาลเนี่ยให้มันไปทั่ว
00:14:44 → 00:14:47 ๆดวงตานะครับเพราะฉะนั้นถ้าสมมติว่าเรา
00:14:47 → 00:14:50 หลักตาไม่สนิทอ่าเปลือกตาก็จะไม่สามารถ
00:14:50 → 00:14:54 เกลี่ยน้ำตาไปทั่วๆได้ก็จะมีอาการเคืองตา
00:14:54 → 00:14:57 ระคายเคืองหรือบางคนอาจจะตาแห้งจนตา
00:14:57 → 00:14:59 อักเสบได้นะนะครับโดยเฉพาะถ้าสมมุติว่า
00:14:59 → 00:15:03 ตอนที่เวลาเรานอนปกติเราก็จะหลับตาเพราะ
00:15:03 → 00:15:06 ว่าตอนที่นอนเราเราไม่ได้กระพริบตานะครับ
00:15:06 → 00:15:09 การหลับตามันจะช่วยปกป้องดวงตาไม่ให้ตา
00:15:09 → 00:15:12 แห้งในช่วงกลางคืนได้ทีนี้คนที่มีปัญหา
00:15:12 → 00:15:15 เรื่องนี้ก็จะมีปัญหาเรื่องของเคืองตาตา
00:15:15 → 00:15:17 แห้งหรือถ้าเป็นมากก็จะตาอักเสบจากการที่
00:15:17 → 00:15:21 ตาแห้งได้เราก็จะให้ยาอ่าที่เป็นน้ำตา
00:15:21 → 00:15:23 เทียมในช่วงกลางวันเพื่อที่จะใช้หยอดตา
00:15:23 → 00:15:26 เนี่ยอยู่เรื่อยๆนะครับแล้วก็ถ้าเป็นตอน
00:15:26 → 00:15:29 กลางคืนก็จะเป็นขี้พึ่งป้ายตาโะเอาไว้เลย
00:15:29 → 00:15:34 ไม่ให้ตาแห้งนะครับอแล้วก็เอ่อถ้ามีปัญหา
00:15:34 → 00:15:35 เรื่อง
00:15:35 → 00:15:39 เอ่อหูบางคนเนื่องจากเส้นประสาทสมองคู่
00:15:39 → 00:15:42 ที่ 7 เนี่ยก็จะไปเลี้ยงที่กล้ามเนื้อที่
00:15:42 → 00:15:45 หูด้วยบางคนอาจจะรู้สึกหูอื้อหรือหรือรู้
00:15:45 → 00:15:48 สึกเหมือนมีเสียงดังก้องๆในหูอะไรอย่าง
00:15:48 → 00:15:51 เงี้ยแต่ว่าอาจจะไม่จำเป็นต้องใช้พวกยา
00:15:51 → 00:15:54 หยอดหูนะครับหรือบางคนอาจจะมีปัญหาเรื่อง
00:15:54 → 00:15:56 ของการรับรถด้วยอันเนี้ยอันนี้ก็อ่าไม่
00:15:56 → 00:15:59 ต้องมีอะไรเพิ่มเป็นพิเศษเพราะฉะนั้นที่
00:15:59 → 00:16:01 เหลือก็จะเป็นการรักษาตามอาการและถ้าปวด
00:16:01 → 00:16:04 หัวด้วยก็อาจจะให้ยาแก้ปวดยาลดค่ายกลุ่ม
00:16:04 → 00:16:07 พาระซึ่งจริงๆเวลาเราให้เสี่รอยลดการ
00:16:07 → 00:16:08 อักเสบมันก็จะบรรเทาอาการปวดอยู่แล้ว
00:16:09 → 00:16:11 เพราะว่ามันปวดจากการอักเสบออันนี้ก็จะ
00:16:11 → 00:16:15 เป็นช่วงของการรักษานะที่เหลือระหว่าง
00:16:15 → 00:16:19 นั้นเนี่ยพอโอเคไม่ปวดแล้วนะครับเ่ออาการ
00:16:19 → 00:16:22 ทุกอย่างโอเคก็จะเข้าสู่ขั้นตอนเรื่องของ
00:16:22 → 00:16:27 การฟื้นฟูทีนี้ปกติเวลาที่เราเ่อมีไม่
00:16:27 → 00:16:30 สบายแล้วเนี่ยเนี่ยเวลาเราจะหลับตายัก
00:16:30 → 00:16:34 คิ้วมันก็จะไม่ขยับเวลาจะยิ้มจะพูดริมฝี
00:16:35 → 00:16:37 ปากมันก็จะไม่ขยับแต่ว่าเราก็จะบอกคนไข้
00:16:37 → 00:16:42 ว่าอ่ะให้พยายามเอ่อขยับนะครับถึงแม้ว่า
00:16:42 → 00:16:44 เราตั้งใจขยับแต่ว่ามันไม่ขยับเนี่ยไอ้
00:16:44 → 00:16:46 ที่เราเห็นว่ามันไม่ขยับนี่คือเราเห็น
00:16:46 → 00:16:50 ด้วยตาแต่ว่าจริงๆเนี่ยเอ่อตัวใยกล้าม
00:16:50 → 00:16:53 เนื้อเล็กๆมันก็จะมีการถูกสั่งการอยู่ถ้า
00:16:53 → 00:16:56 เราสั่งการมันเรื่อยๆเรื่อยๆนะครับมันก็
00:16:56 → 00:16:59 จะค่อยๆฟื้นตัวเนี่ยขึ้นมานะครับแล้วก็
00:16:59 → 00:17:04 อ่าวิธีที่ 2 ก็คือก็จะปรึกษาคุณหมอเอ่อ
00:17:05 → 00:17:09 กายภาพคุณหมอเ่อฟื้นฟูเวชศาสตร์ฟื้นฟูนะ
00:17:09 → 00:17:13 ครับแล้วก็นักกายภาพเจะเจะใช้ตัวไฟฟ้า
00:17:13 → 00:17:16 กระตุ้นนะครับใช้วิธีการนวดซึ่งก็จะช่วย
00:17:16 → 00:17:18 ทำให้กล้ามเนื้อที่เราสั่งการเองให้มัน
00:17:19 → 00:17:21 ขยับเนี่ยมันไม่ขยับแต่ว่าเวลาใช้ไฟฟ้า
00:17:21 → 00:17:24 กระตุ้นหรือพูดง่ายๆเหมือนใช้ไฟช็อตในไฟ
00:17:24 → 00:17:27 ในปริมาณอ่อนๆใช่ครับมันก็ทำให้กล้าม
00:17:27 → 00:17:29 เนื้อเนี่ยมีการ
00:17:29 → 00:17:32 หดตัวแล้วก็เหมือนเสมือนให้มันทำงานโดย
00:17:32 → 00:17:36 ใช้การกระตุ้นจากไฟฟ้าซึ่งก็จะทำเป็น
00:17:36 → 00:17:39 ประจำสม่ำเสมอนะครับจนมันสามารถที่จะซ่อม
00:17:39 → 00:17:43 แซมตัวเองได้ดีแล้วแลสามารถที่จะมาหดหรือ
00:17:43 → 00:17:46 ว่าทำงานได้เองตามปกติอันนั้นเราถึงจะ
00:17:46 → 00:17:50 หยุดเรื่องของการืูฟื้นฟูแสดงว่าคนที่
00:17:50 → 00:17:53 เป็นอาการเช่นนี้เนี่ยมีการรักษาให้หาย
00:17:53 → 00:17:57 ได้เหมือน 90% เลยยคะคุณหมอคะใช่ครับส่วน
00:17:57 → 00:18:00 ใหญ่ 0 10 - 90% ก็จะหายเองนะครับมี
00:18:00 → 00:18:04 แค่ส่วนน้อยมากๆที่ที่เ่อจะยังหลงเหลือ
00:18:04 → 00:18:07 อาการหน้าเบี้ยวอยู่ซึ่งถ้าสมมุติว่าเป็น
00:18:07 → 00:18:10 กลุ่มที่เป็นส่วนน้อยนะครับหรือว่าเป็น
00:18:10 → 00:18:12 หน้าเบี้ยวจากเช่นหลังผ่าตัดแล้วบังเอิญ
00:18:12 → 00:18:16 ไปโดนเส้นประสาทู้ที่ 7 นี้นะครับแล้วทำ
00:18:16 → 00:18:18 ให้มีอาการหน้าเบี้ยวซึ่งไม่สามารถจะฟื้น
00:18:18 → 00:18:21 ฟูกลับไป 100% ได้หลังกระบวนการรักษาและ
00:18:21 → 00:18:25 ฟื้นฟูแล้วเนี่ยปัจจุบันก็คุณหมอเ่อผ่า
00:18:25 → 00:18:27 ตัดนะครับคุณหมอศัลยกรรมระบบประสาทก็จะ
00:18:27 → 00:18:31 ร่วมกับคุณหมอหูคอจมูกคุณหมอตานะครับแล้ว
00:18:31 → 00:18:34 ก็บางที่อาจจะมีคุณหมอฟันที่เป็นเอ่อคุณ
00:18:34 → 00:18:37 หมอผ่าตัดเรื่องของฟันเนี่ยร่วมด้วยเนี่ย
00:18:37 → 00:18:40 เขาก็จะมีวิธีการรักษาด้วยการปลูกถ่าย
00:18:41 → 00:18:44 เส้นประสาทนะครับก็คือไปเอาเส้นประสาทมา
00:18:44 → 00:18:47 จากส่วนอื่นๆของร่างกายที่อาจจะไม่จำเป็น
00:18:47 → 00:18:50 ต้องใช้ซึ่งต้องขออภัยผมไม่แน่ใจว่ามาจาก
00:18:50 → 00:18:54 ที่ไหนนะครับแล้วก็จะเอามาปลูกถ่ายนะครับ
00:18:54 → 00:18:58 ที่เอ่อบริเวณใบหน้านะครับปัญหาสำคัญที่
00:18:58 → 00:19:01 ที่สุดเลยก็คือ 2 เรื่องนะครับก็คือ
00:19:01 → 00:19:03 เรื่องของการหลับตาอย่างที่ผมบอกเพราะ
00:19:03 → 00:19:05 ฉะนั้นก็จะมีคุณหมอตาเค้าก็จะรับหน้าที่
00:19:05 → 00:19:07 ในการถูกถ่ายเพื่อที่จะให้เส้นประสาทตัว
00:19:07 → 00:19:10 ใหม่เนี่ยไปเลี้ยงที่บริเวณเปลือกตาเพื่อ
00:19:10 → 00:19:13 ที่จะให้สามารถหลับตาแล้วก็กระพริบตาได้
00:19:13 → 00:19:16 เพราะว่าถ้าสมมุว่ากระพริบตาไม่ได้เลย
00:19:16 → 00:19:18 โอกาสที่จะตาแห้งแบบระยะยาวแล้วทำให้เกิด
00:19:18 → 00:19:21 ตาอักเสบมันจะสูงมากนะครับออีกอันนึงก็
00:19:21 → 00:19:25 คือจะเป็นเรื่องของเอ่อการขยับเอ่อใบหน้า
00:19:25 → 00:19:28 นะครับเวลาที่ขยับใบหน้าได้ไม่เต็มที่นะ
00:19:29 → 00:19:31 ครับบางคนอาจจะสูญเสียความมั่นใจไม่กล้า
00:19:31 → 00:19:34 ออกไปข้างนอกไม่กล้าไปทำงานไม่กล้าไปพบคน
00:19:34 → 00:19:37 อื่นอะไรอย่าเงี้ครับอืมใช่เลยคือ
00:19:37 → 00:19:39 โทรศัพท์เนี่ยไม่เกี่ยวแน่นอนไม่ใช่ไม่
00:19:39 → 00:19:42 ใช่จำเลยละมันอยู่ที่เรื่องของระบบประสาท
00:19:42 → 00:19:46 ทิ้งไปได้เลยอยู่ที่เวรเวรกรรมอีก 40 50%
00:19:46 → 00:19:49 ใช่่โรคเวรและโรคกรรมคุณหมอมันมีประเด็น
00:19:49 → 00:19:51 นึงที่ฟังๆดูแล้วเนี่ยวิตามินบีที่เราได้
00:19:51 → 00:19:55 ให้ฟื้นฟูเนี่ยอ้าทีนี้เราจะรู้ได้อย่าง
00:19:55 → 00:19:57 ไรว่าเราขาดวิตามินอย่างไรเรากินเสริมมัน
00:19:57 → 00:20:00 เข้าไปเลยดีมั้ยคะป้องกันเอาไว้ก่อนครับ
00:20:00 → 00:20:03 อืเอ่อพวกกลุ่มที่เป็นแร่ธาตุแลก็วิตามิน
00:20:03 → 00:20:06 เป็นเอ่อสิ่งที่ร่างกายเราไม่สามารถที่จะ
00:20:06 → 00:20:10 ขาดได้นะครับแต่เราไม่ได้ต้องการในปริมาณ
00:20:10 → 00:20:14 สูงนะครับการรับประทานอาหารแบบปกติทั่วๆ
00:20:14 → 00:20:17 ไปไม่ใช่คนที่อันนั่นก็ไม่กินอันนี้ก็ไม่
00:20:17 → 00:20:20 กินฉันจะกินน้อยกลัวอ้วนอะไรอย่างเงี้ย
00:20:20 → 00:20:23 ถ้าไม่ใช่คนแบบพิเศษด้านใดด้านนึงนะครับ
00:20:23 → 00:20:26 โอกาสที่จะขาดเนี่ยมันจะค่อนข้างน้อย
00:20:26 → 00:20:29 เพราะว่าเอ่อพวกที่เป็นแร่ธาตุแล้วก็
00:20:29 → 00:20:32 วิตามินไม่เฉพาะวิตามินดีเราจะได้รับจาก
00:20:32 → 00:20:35 อาหารที่เรารับประทานอยู่แล้วสำหรับคน
00:20:35 → 00:20:39 ทั่วๆไปเพราะฉะนั้นเนี่ยอาจจะไม่จำเป็นนะ
00:20:39 → 00:20:42 ครับที่จะต้องซื้อมาทานเอ่อผมใช้คำว่าอาจ
00:20:42 → 00:20:45 จะไม่จำเป็นเพราะว่าบางคนเช่นรู้สึกโอ้
00:20:45 → 00:20:47 ช่วงนี้ทำงานเยอะเหลือ
00:20:47 → 00:20:50 เกินเกินอะไรเงี้ยครับก็อาจจะอยากทาน
00:20:50 → 00:20:52 วิตามินบำรุงร่างกายอะไรอย่างเงี้ยซึ่ง
00:20:52 → 00:20:55 ถ้าสมมติว่ามีกำลังนะครับซื้อหามาได้โดย
00:20:55 → 00:20:58 ที่ไม่รู้สึกว่าลำบากจะกินอันนี้ก็คิดว่า
00:20:58 → 00:21:02 ไม่น่าจะมีปัญหานะครับเพราะ 1 พวกวิตามิน
00:21:02 → 00:21:04 พวกนี้เราต้องการแต่เราไม่ต้องการเยอะ
00:21:05 → 00:21:06 เพราะฉะนั้นถ้าสมมุติว่าร่างกายเรามัน
00:21:06 → 00:21:09 เพียงพออยู่แล้วแล้วเราซื้อกินเข้าไปมัน
00:21:09 → 00:21:11 ก็จะขับทิ้งออกมาเนี่ยอยู่ดีเพราะฉะนั้น
00:21:12 → 00:21:15 เนี่ยเอ่อถ้าสมมุติว่าเราไม่มีกำลังมากพอ
00:21:15 → 00:21:17 การไปซื้อมากินมันก็อาจจะไม่ได้ประโยชน์
00:21:17 → 00:21:20 ครับมันมองเห็นเหวิตามินบีเเนี่ยถูกจ่าย
00:21:20 → 00:21:23 ให้กับผู้สูงอายุอ่ะหลายรายเลยนะคะที่บอก
00:21:23 → 00:21:28 ว่าไปกินวิตามินบีรวมเออๆใช่ๆๆๆๆสังเกตดู
00:21:28 → 00:21:33 ในคนใกล้ชิดนะคะอือืครับอ่อถอ่าก็ต้องไป
00:21:33 → 00:21:34 ดูว่าจริงๆแล้วคุณหมอเข้าใจด้วย
00:21:34 → 00:21:37 วัตถุประสงค์อะไรนะครับเช่นสมมุติว่าถ้าเ
00:21:37 → 00:21:39 มีปัญหาเรื่องของระบบประสาทนะครับแล้วเ
00:21:39 → 00:21:44 คิดว่าเอ่อวิตามิน B 12 ที่มันอยู่ในตัว
00:21:44 → 00:21:46 เอ่อวิตามินที่จ่ายไปเนี่ยมันจะอย่างน้อย
00:21:46 → 00:21:50 มันช่วยไปเอ่อทำให้ชะลอโรคที่เป็นความผิด
00:21:50 → 00:21:52 ปกติทางระบบเช่นกลุ่มที่เป็นเรื่องของ
00:21:52 → 00:21:56 ความจำนะครับหรือคนที่มีปัญหาเรื่องของ
00:21:56 → 00:21:59 เ่อเส้นประสาทอักเสบจากเกอื่นๆนะครับเช่น
00:21:59 → 00:22:01 เป็นจากเบาหวานนะครับเป็นจากกลุ่มที่ไม่
00:22:02 → 00:22:05 ทราบสาเหตุเป็นจากเอ่อผุงกันผิดปกติอะไร
00:22:05 → 00:22:07 อย่าเงี้ยครับกลุ่มที่เป็นวิตามินบเนี่ย
00:22:07 → 00:22:10 เขาก็จะให้ไปเพื่อที่จะช่วยทำให้เป็น
00:22:10 → 00:22:13 อาหารสำหรับการซ่อมแฟนตัวเส้นประสาทใช้
00:22:13 → 00:22:15 สำหรับเรื่องของการซ่อมเซลล์ซ่อมแซมเซลล์
00:22:15 → 00:22:18 สมองที่เ่อมีส่วนในเรื่องของความจำอะไร
00:22:18 → 00:22:21 อย่าเงี้ยครับต้องถามสมถพูดถึงถ้าพูดถึง
00:22:21 → 00:22:23 อาหารทั่วไปเนี่ยมันได้อยู่ในอะไรบ้างคะ
00:22:23 → 00:22:27 พืชผักผลไม้อย่างงี้เหรอคะวิตามินบีอ่าก็
00:22:27 → 00:22:29 จะเป็นกุมที่เป็นพวกข้าวใช่มั้ยครับ
00:22:29 → 00:22:33 วิตามินบีก็จะเป็นข้าวซ้อมมือเป็นเ่อพวก
00:22:33 → 00:22:38 รำข้าวในน้ำมันรำข้าวก็อาจจะมีนะครับหรือ
00:22:38 → 00:22:42 เอ่อถ้าเป็นผักก็จะเป็นพวกที่เป็นเบต้า
00:22:42 → 00:22:44 แคโรทีนเป็นวิตามินซีอะไรอย่าเงี้ยครับ
00:22:44 → 00:22:46 เพราะฉะนั้นอย่างที่บอกว่าถ้าสมมติว่าเรา
00:22:46 → 00:22:49 กินอาหารครบ 5 หมู่ไม่ได้เลือกกินชนิดใด
00:22:49 → 00:22:52 ชนิดนึงไม่ได้จำกัดเรื่องของการกินโอกาส
00:22:52 → 00:22:55 ที่จะขาดมันก็แทบจะไม่มีอืแล้วอย่างไอ้
00:22:55 → 00:22:58 พวกเครื่องดื่มชูกำลังที่อ้างว่าว่าผสม
00:22:58 → 00:23:01 วิตามินบมากมายเหลือเกินเอะไรอย่างเงี้ย
00:23:02 → 00:23:04 มันมันมันได้มั้ยครับคุณหมอครับมันช่วย
00:23:04 → 00:23:06 ได้ถ้าสมมุติว่าเราขาดนะครับแต่ว่าจริงๆ
00:23:06 → 00:23:08 เนี่ยเราไม่จำเป็นที่จะต้องไปซื้อเครื่อง
00:23:08 → 00:23:12 เดิมแบบเอ่อขลอ่า 5 บาท 6 บาทหรือผมไม่
00:23:12 → 00:23:15 ทราบราคานะครับผมก็เดาเอาซึ่งจริงๆถ้า
00:23:15 → 00:23:17 สมมติว่าซื้อเป็นเม็ดที่มันเป็นวิตามิน
00:23:17 → 00:23:19 จริงๆมันอาจจะไม่เม็ดละแค่บาทนึง 2 บาท
00:23:19 → 00:23:22 อะไรอย่าเงี้ยซึ่งจริงๆสตว่าถ้าเราคิดว่า
00:23:22 → 00:23:25 ร่างกายเราจำเป็นต้องได้วิตามินเพิ่มเติม
00:23:25 → 00:23:27 อะไรอย่าเงี้ยืที่เป็นวิตามินจริงมันก็
00:23:27 → 00:23:30 อาจจะราคาถูกกว่าที่จะไปซื้อเป็นแบบจาก
00:23:30 → 00:23:32 เครื่องดื่มยกเว้นว่าเราต้องการอะไรอย่าง
00:23:32 → 00:23:34 อื่นจากเครื่องดื่มนั้นซึ่งส่วนใหญ่
00:23:34 → 00:23:37 เครื่องดื่มบำรุงกำลังทั้งหลายเขาก็มักจะ
00:23:37 → 00:23:39 ไม่ได้ผสมแค่วิตามิน B12 ใช่มั้ยครับก็
00:23:39 → 00:23:42 อาจจะผสมอย่างอื่นเช่นอาจจะมีหลักๆผมคิด
00:23:42 → 00:23:45 ว่ามีคาเฟอีนด้วยแน่นอนเพราะว่าทีแล้วรู้
00:23:45 → 00:23:48 สึกสดชื่นกระปี้กระเป๋าซึอาจจะต้องระวัง
00:23:48 → 00:23:50 ในคนที่วันนั้นกินกาแฟอยู่แล้วคิดว่า
00:23:50 → 00:23:52 เครื่องดื่มพรุ่งนี้โอเคมีมันเขียนข้าง
00:23:52 → 00:23:55 ขวดว่าวิตามิน B12 ตัวใหญ่ๆคงไม่มีอะไร
00:23:55 → 00:23:57 อย่างอื่นมั้งแต่จริงๆเราต้องไปดูราย
00:23:58 → 00:24:00 ละเอียดขณะที่เป็นตัวเล็กๆซึ่งมักจะมี
00:24:00 → 00:24:03 คาเฟอีนผสมอยู่ทำให้เราได้คาเฟอีนเยอะ
00:24:03 → 00:24:05 เกินอาจจะทำให้มีปัญหาเรื่องของใจสั่น
00:24:05 → 00:24:08 หน้ามืดเวียนหัวอะไรอย่างเงี้ยซึ่งก็ต้อง
00:24:08 → 00:24:11 ไปหาหมออีกทีนึงอะไรอย่าเงี้ยครับออืคุณ
00:24:11 → 00:24:15 หมอครับในเมื่ออ่ะใครๆก็เป็นได้แล้วก็ 50%
00:24:15 → 00:24:19 เนี่ยมันยังไม่ทราบสาเหตุว่าแท้จริงแล้ว
00:24:19 → 00:24:22 เนี่ยมาจากอะไรมันก็มีคำถามที่คุณผู้ฟัง
00:24:22 → 00:24:25 หลายท่านก็คงสงสัยแล้วก็อยากจะรู้เหมือน
00:24:25 → 00:24:29 กันครับว่าในการรักษานะครับอาการนี้เนี่ย
00:24:29 → 00:24:32 ที่คุณหมอเคยเจอเพื่อนๆพี่ๆน้องๆหรือว่า
00:24:32 → 00:24:36 ผลสำรวจมาเนี่ยส่วนใหญ่ครับมักจะเจอใน
00:24:36 → 00:24:39 กลุ่มคนอายุเท่าไหร่แล้วก็เพศไหนที่มักจะ
00:24:39 → 00:24:44 เจอได้เยอะมากกว่ากันนะฮะอ่าผู้หญิงผู้
00:24:44 → 00:24:48 ชายไม่ต่างกันนะครับส่วนอ่าเรื่องอายุ
00:24:48 → 00:24:50 เนี่ยจะเป็นวัยผู้ใหญ่วัยทำงานนี่แหละ
00:24:50 → 00:24:52 ครับโดยเอ่อข้อมูลที่เป็นข้อมูลทางการ
00:24:52 → 00:24:54 แพทย์แล้วก็โดยประสบการณ์ส่วนตัวด้วยคน
00:24:55 → 00:24:58 ไข้ที่มาหาก็จะเป็นคนวัยทำงานอืส่วนใหญ่
00:24:58 → 00:25:01 เป็นวัยทำงานใช่มครับที่ถ้าจะเจออาการ
00:25:01 → 00:25:03 เหล่านี้เนี่ยได้บ่อยเพราะว่าปัจจัยมันคง
00:25:03 → 00:25:06 จะเยอะมากๆใช่มั้ครับคุณหมอครับถ้าถ้าฟัง
00:25:06 → 00:25:08 จากคุณหมอตั้งแต่แรกเลยว่ามันอ่ะนอกจาก
00:25:08 → 00:25:11 50% ตัดไปแล้วไม่ทราบสาเหตุแต่ว่าสาเหตุ
00:25:11 → 00:25:14 อื่นๆเนี่ยมันก็มีประกอบด้วยในช่วงวัยทำ
00:25:14 → 00:25:17 งานประมาณนั้นมั้ครับคุณหมอได้ใช่ครับอื
00:25:17 → 00:25:20 คุณหมอครับอาการนี้เนี่ยถ้าเป็นแล้วเนี่ย
00:25:20 → 00:25:23 ไปรักษาเรียบร้อยมันมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำ
00:25:23 → 00:25:26 ได้มยครับคุณหมอครับอครับมีโอกาสกลับเป็น
00:25:26 → 00:25:29 ซ้ำได้นะครับเอ่ออาจจะซ้ำข้างเดิมหรือว่า
00:25:29 → 00:25:33 เป็นอีกข้างนึงก็ได้ครับถ้าโอกาสเหมือน
00:25:33 → 00:25:35 หวัเหมือนเหมือนเป็นวัดตเลยที่เราสามารถ
00:25:35 → 00:25:38 เป็นหวัดได้เ่อบางคนอาจจะถ้าดูแลตัวเอง
00:25:38 → 00:25:41 ไม่ดีหน่อยปีนึงอาจจะเป็นหลายรอบถ้าคนที่
00:25:41 → 00:25:44 ดูแลตัวเองเยอะๆนะครับอาจจะเป็นหวัดแค่ปี
00:25:44 → 00:25:47 ละรอบอะไรเพราะฉะนั้นก็เป็นแล้วเป็นซ้ำ
00:25:47 → 00:25:50 ได้ข้างเดิมก็ได้เป็นอีกข้างนึงก็ได้ต่อม
00:25:50 → 00:25:52 ทอนซินที่เป็นข้างนึงข้างซ้ายที่เรารู้
00:25:52 → 00:25:55 สึกเจ็บๆเป็นข้างๆอีกครั้งนึงเราก็เป็น
00:25:55 → 00:25:58 อีกข้างนึงอย่างงั้นใช่มยคะอใช่ครับอืมัน
00:25:58 → 00:26:00 ขึ้นอยู่กับปัจจัยอะไรมั้ยครับคุณหมอครับ
00:26:00 → 00:26:03 หรือว่ามันก็อย่างที่คุณหมอยืนยันคำเดิม
00:26:03 → 00:26:06 เลยก็คือแล้วแต่เวรแต่กรรม 50% ไม่ทราบ
00:26:06 → 00:26:09 สาเหตุอะไรเลยครับคุณหมอครับกับกับการที่
00:26:09 → 00:26:12 จะกลับมาเกิดซ้ำผมว่าผมว่าใช้คำของคุณรีม
00:26:12 → 00:26:16 ได้นะครับเพราะว่ามันก็เอ่อเป็นโรคที่มัน
00:26:16 → 00:26:18 ไม่สามารถที่จะคาดเราได้ถ้าถ้าจะถามว่า
00:26:18 → 00:26:21 อ้าแล้วจะป้องกันยังไงก็ตอบไม่ได้อีก
00:26:21 → 00:26:24 เหมือนกันเพราะว่ามันก็สามารถเกิดขึ้นได้
00:26:24 → 00:26:28 แม้ในคนที่สุภาพร่างแงดูแลตัวเองเช้าใน
00:26:28 → 00:26:29 เช้าแต่ละวันที่เราตื่นขึ้นมาเราต้อง
00:26:29 → 00:26:32 สังเกตอะไรบ้างคะหูอื้อตาแห้งอย่างคุณผู้
00:26:32 → 00:26:35 ฟังคนนึงถามมาเรามีอาการตาแห้งบางทีอากาศ
00:26:35 → 00:26:38 เย็นอยู่ดีๆก็นิดนึงอยู่ดีๆเราก็หูอื้อ
00:26:38 → 00:26:41 นิดนึงเอ๊ะเราแต่หน้าก็เบี้ยังไม่ได้
00:26:41 → 00:26:43 เบี้ยวอะไรอย่างเงี้ค่ะเราอย่าวิตกจริตไป
00:26:43 → 00:26:46 เลยยังไงดีคะคุณหมอใช่ใช่ครับเพราะว่า
00:26:46 → 00:26:48 เวลาเราฟังเรื่องของสุขภาพหลายครั้งเราก็
00:26:48 → 00:26:51 จะเจอเอ่อคนไข้มาบอกว่าเนี่ยผมฟังอันนี้
00:26:51 → 00:26:54 ผมดู YouTube ผมอ่านละอาการเหมือนกันเลย
00:26:55 → 00:27:00 เลยทำให้ต้องรีบมาเงี้สกระจกใช่ฟังเพื่อ
00:27:00 → 00:27:03 ให้รู้เท่าทันฟังเพื่อให้ไม่ประมาทแต่ไม่
00:27:03 → 00:27:06 ใช่ฟังเพื่อที่จะให้รู้สึกว่านเพราะ
00:27:06 → 00:27:08 ฉะนั้นเนี่ยอาจจะไม่จำเป็นว่าโอต้องมา
00:27:08 → 00:27:11 ตื่นมาทุกเช้าเพื่อที่จะมาสำรวจว่าวันนี้
00:27:11 → 00:27:13 หน้าเบี้ยวหรือเปล่าอะไเงี้คงไม่ขนาดนั้น
00:27:13 → 00:27:15 นะครับแต่ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่เรารู้สึก
00:27:15 → 00:27:17 ว่าร่างกายมันผิดปกติไปจากเดิมอะไรอย่า
00:27:17 → 00:27:20 เงี้ยครับโอเคเราอาจจะให้เวลาเพิ่มมาก
00:27:20 → 00:27:22 ขึ้นในการที่จะสังเกตว่ามันมีอาการอะไร
00:27:22 → 00:27:25 ที่มันผิดปกติบ้างและความผิดปกตินั้น
00:27:25 → 00:27:27 จำเป็นที่จะต้องรีบไปโรงพยาบาลแค่ไหนค่ะ
00:27:27 → 00:27:29 ที่ผมเรียนในตอนต้นว่าอาการหน้าเบี้ยวนี่
00:27:29 → 00:27:32 มันเกิดได้จาก 2 อย่างก็คือหลักๆนะครับ
00:27:32 → 00:27:34 ใหญ่ๆก็คืออาการของกลุ่มที่เป็นโรคหลอด
00:27:34 → 00:27:37 ด้วสมองกับเส้นประสาทสมองผู้ที่เกอักเสบ
00:27:37 → 00:27:40 อันนั้นมีอย่างอื่นรมลอใช่ซึ่งถ้าเป็น
00:27:40 → 00:27:43 กลุ่มที่เป็นเ่อโรคหลอดเลือดสมองอันนี้มี
00:27:43 → 00:27:45 ความจำเป็นอย่างสูงมากที่จะต้องไปโรง
00:27:45 → 00:27:48 พยาบาลหนตอนั้นเลยเพราะฉะนั้นอันนั้นน่ะ
00:27:48 → 00:27:51 มันมีความสำคัญในเรื่องของเวลาแต่ถ้าสว่า
00:27:51 → 00:27:54 เป็นเส้นประสัสมองอักเสบเนี่ยโอเคยังมี
00:27:54 → 00:27:59 เวลาทองประมาณตั้ง 3 วันอะไเา 3 วันโอ 3
00:27:59 → 00:28:02 วันเนาถ้าสังเกตดูแล้วเอ๊มันเข้าขายแล้ว
00:28:02 → 00:28:05 ยังไงค่อยว่ากันครับแต่คิดว่าเราก็ไม่ได้
00:28:05 → 00:28:08 เจอบ่อยใช่มั้คะคุณหมอในอัตราการเกิดของ
00:28:08 → 00:28:12 ประชากรไทยเราเรื่องของหน้าเบี้ยวคือถ้า
00:28:12 → 00:28:15 เป็นถ้าเป็นโรงพยาบาลทั่วๆไปที่ตรวจรักษา
00:28:15 → 00:28:19 ทุกๆโรคอะไรอย่างเงี้นะครับอาจจะเจอไม่
00:28:19 → 00:28:21 บ่อยนักนะครับแต่ว่าบังเอิญที่สถาบัน
00:28:21 → 00:28:24 ประสาวิทยาดูแลเรื่องของโรกระบบประสาเป็น
00:28:24 → 00:28:26 หลักเพราะฉะนั้นเวลาใครเกป่วยด้วยอาการ
00:28:26 → 00:28:29 ที่คิดว่าผิดปกทางระบบประสาเก็จะมามันก็
00:28:29 → 00:28:31 อาจจะทำให้เราเจอเยอะกว่าปกติแต่ว่าไม่
00:28:31 → 00:28:34 ใช่ตัวแทนของประชากรทั้งหมดเพราะฉะนั้น
00:28:34 → 00:28:36 อ่าในความเป็นจริงแล้วอาจจะไม่ได้เยอะมาก
00:28:36 → 00:28:38 เพราะว่าผมเชื่อว่าทุกคนเคยเป็นหวัดอย่าง
00:28:39 → 00:28:42 น้อยก็ปีละครั้งครับแต่เราก็ไม่ได้มี
00:28:42 → 00:28:45 อาการเส้นประสาทสมองผู้ที่จะอัเสตามหลัง
00:28:45 → 00:28:48 หวัดเลยครับเพราะฉะนั้นจริงๆมันเจอน้อยนะ
00:28:48 → 00:28:51 ครับแต่ว่าถ้าเจอก็คือแค่รู้แล้วก็ไป
00:28:51 → 00:28:54 รักษาแค่นั้นเองไม่อยากให้รู้สึกกังวล
00:28:54 → 00:28:57 หรือว่าเอ่อเครียดจนตื่นมาแล้วเดียวหรือ
00:28:57 → 00:29:01 เปล่าไม่สุดท้ายคุณหมอให้ความรู้ให้ขควร
00:29:01 → 00:29:04 ระวังให้หลักในการเอ่อสบายใจนะคะกับ
00:29:04 → 00:29:07 เรื่องของอาการเช่นประสาทคู่ที่ 7 เนี่
00:29:07 → 00:29:11 ค่ะอือือครับเอ่อถึงแม้ว่ามันจะไม่มีวิธี
00:29:11 → 00:29:14 การที่จะสามารถป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นได้
00:29:14 → 00:29:17 นะครับแต่ว่าเราก็ยังแนะนำให้ทุกคนดูแล
00:29:17 → 00:29:21 สุขภาพนะครับดูแลเอ่อเรื่องของการกินนะ
00:29:21 → 00:29:24 ครับค่ะกินดีก็จะอยู่ดีนะครับแล้วก็ออก
00:29:24 → 00:29:27 กำลังกายดีมันก็จะช่วยทำให้ร่างกายเนี่ย
00:29:27 → 00:29:30 ดีแล้วเราก็จะนอนหลับดีถ้ากินดีออกกำลัง
00:29:30 → 00:29:34 กายดีนอนหลับดีชีวิตดีแน่ๆนะครับแต่ว่า
00:29:34 → 00:29:37 เราพูดเรื่องหวัดด้วยก็ช่วงนี้อาจจะต้อง
00:29:37 → 00:29:39 ระมัดระวังเป็นพิเศษเนื่องจากว่าไข้หวัด
00:29:39 → 00:29:43 ใหญ่นะครับค่อนข้างที่จะระบาดแล้วก็อาการ
00:29:43 → 00:29:45 มันรุนแรงมากอันนี้เจอมากับตัวเมื่อ
00:29:45 → 00:29:48 สัปดาห์ที่แล้วผมเป็นไขหวัดใหญ่ไปคุณหมอ
00:29:48 → 00:29:52 ไม่ได้ฉีดยาใช่มั้คะฉีดวัคซีนฉีดครับ
00:29:52 → 00:29:56 อเนี่ยใช่วัคซีนไม่ได้แปลว่าเราจะไม่เป็น
00:29:56 → 00:30:00 แต่มันจะช่วยทำให้ถ้าเราเป็นอาการมันไม่
00:30:00 → 00:30:02 รุนแรงนะครับเพราะฉะนั้นก็ฉีดนะครับแต่
00:30:02 → 00:30:04 ไม่ได้หมายความว่าฉีดแล้วจะไม่เป็นนะครับ
00:30:04 → 00:30:07 เป็นแล้วอาจจะรุนแรงเนี่ยลดน้อยลงหน่อย
00:30:07 → 00:30:09 แต่ว่าอยากจะบอกว่าไขหวัดใหญ่ตอนนี้อาการ
00:30:09 → 00:30:12 มันรุนแรงมากกว่าโควิดมากๆเลยโควิดยังไม่
00:30:13 → 00:30:16 ทรมานเท่าั้นต้องดูแลตัวเองอาการไม่มาก
00:30:16 → 00:30:21 มากมั้ยคะโอมากแบบมากแบบ 36 ชั่วโมงอครับ
00:30:21 → 00:30:24 วันครึ่งปวดหัวปวดตัวปวดแบบปวดเมื่อยปวด
00:30:24 → 00:30:27 สุดทรมานสุดเลยครับโอ้โหโอ้โหผู้จะเป็น
00:30:27 → 00:30:31 หมออย่างน้อยว่าจะมีการระวังป้องกันแต่มี
00:30:31 → 00:30:33 ความเสี่ยงมากกว่าผู้คนอย่างเราเพราะคุณ
00:30:33 → 00:30:36 หมอเจอะเจอกับคนหลากๆเจอหลากหลายไงหลาก
00:30:36 → 00:30:39 หลายโรคมากๆเลยนะครับกราบขอบพระคุณคุณหมอ
00:30:39 → 00:30:41 มาคำคืนวันนี้ต้องขอกราบขอบพระคุณคุณหมอ
00:30:41 → 00:30:43 มากๆนะครับที่มาให้ความรู้กับเรานะครับ
00:30:44 → 00:30:47 เรียกว่าตอบทุกคำถามตอบทุกข้อสงสัยแล้วก็
00:30:47 → 00:30:49 ทำให้เรารู้ด้วยว่าจำเลยของเราในค่ำคืน
00:30:49 → 00:30:51 วันนี้อย่างโทรศัพท์มือถือไม่ได้เป็นไม่
00:30:51 → 00:30:54 ใช่สาเหตุสาเหตุหลักของการที่ทำให้เกิด
00:30:54 → 00:30:56 อาการหน้าเบี้ยวนะครับวันนี้ขอบพระคุณคุณ
00:30:56 → 00:30:59 หมอมากนะครับขอบคุณมากๆค่ะสวัสดีค่ะ
00:31:00 → 00:31:04 ขอบพระคุณครับสวัสดีครับคุณหมอครับ