00:00:14 → 00:00:18 รู้จักโรคหลงตัวเองอาการทางจิตเวทที่ทำ
00:00:18 → 00:00:22 ร้ายความสัมพันธ์คนรอบข้างเปิดวิธีการ
00:00:22 → 00:00:25 รักษาโรคหลงตัวเองด้วยจิตแพทย์และนัก
00:00:25 → 00:00:28 บำบัดช่วยให้ผู้ป่วยปรับตัวเข้าสู่สังคม
00:00:28 → 00:00:30 ได้อย่างมีความสุขค่ะ
00:00:30 → 00:00:34 พลังแห่งการกอดภาษากายง่ายๆที่ทำให้อายุ
00:00:34 → 00:00:38 ยืนติดตามเรื่องราวทั้งหมดได้ในรายการ TNN
00:00:38 → 00:00:39 Health วัน
00:00:39 → 00:00:41 [เพลง]
00:00:41 → 00:00:45 นี้สวัสดีค่ะขอต้อนรับเข้าสู่รายการ TNN
00:00:45 → 00:00:47 Health เข้าถึงทุกสาระสุขภาพเสริมภูมิ
00:00:48 → 00:00:51 คุ้มกันรู้ทันโลคไปกับ tn He นะคะและนี่
00:00:51 → 00:00:55 นะค่ะเป็นเทปสุดท้ายของปลายปี
00:00:55 → 00:00:58 2566 ของ TNN H กันแล้วหวังใจเป็นอย่าง
00:00:58 → 00:01:01 ยิ่งค่ะว่าคุณผู้ชมจะมีความสุขต้อนรับปี
00:01:01 → 00:01:04 ใหม่กันเลยทีเดียวและแน่นอนนะคะดิฉันหมอ
00:01:04 → 00:01:07 ดาวแพทย์หญิงสัตดาวจังวังกรค่ะแพทย์เฉพาะ
00:01:07 → 00:01:10 ทางสาขาเวชศาสตร์ครอบครัวพร้อมที่จะรับ
00:01:10 → 00:01:13 หน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการพาคุณผู้ชมมา
00:01:13 → 00:01:16 เข้าถึงสาระสุขภาพดีๆ
00:01:16 → 00:01:24 [เพลง]
00:01:24 → 00:01:27 กันเป็นที่ทราบกันดีนะคะคุณผู้ชมว่าโรค
00:01:27 → 00:01:30 ทางใจนั้นมีความสำ
00:01:30 → 00:01:33 ไม่แพ้โรคทางกายเลยเพราะโรคทางใจค่ะ
00:01:33 → 00:01:37 สามารถทำให้คนใกล้ตัวของคนป่วยก็ป่วยตาม
00:01:37 → 00:01:41 กันไปด้วยนั่นก็คือโรคหลงตัวเองอาการทาง
00:01:41 → 00:01:45 จิตเวทที่ทำร้ายความสัมพันธ์คนรอบข้าง
00:01:45 → 00:01:49 เป็นอย่างไรนั้นไปติดตามชมกันค่ะโรคหลง
00:01:49 → 00:01:51 ตัวเอง narcissistic personality
00:01:51 → 00:01:55 disorder เรียกย่อๆว่า npd หรือภาวะ
00:01:55 → 00:01:59 นาซิมเป็นภาวะปกพร่องด้านบุคคลิกภาพผู้
00:01:59 → 00:02:02 ป่วยโรคนี้จะมีลักษณะยึดตัวเองเป็นศูนย์
00:02:02 → 00:02:05 กลางต้องการยกยอชื่นชมหมกมุ่นอยู่กับการ
00:02:05 → 00:02:09 โออวดตัวตนของตัวเองเช่นความสำเร็จรูป
00:02:09 → 00:02:12 ร่างหน้าตาหรือฐานะทางการเงินเชื่อว่าตัว
00:02:12 → 00:02:16 เองนั้นเหนือกว่าผู้อื่นผู้ที่เป็นโรคนี้
00:02:16 → 00:02:18 มักจะกลัวความขายหน้าจึงไม่ยอมที่จะให้
00:02:19 → 00:02:22 ตัวเองตกอันดับแต่กลับจะทำตัวให้โดดเด่น
00:02:22 → 00:02:25 และมีความมั่นใจในตัวเองสูงมากยิ่งหากรับ
00:02:25 → 00:02:28 การตอบสนองที่ดีก็จะยิ่งเป็นการกระตุ้น
00:02:28 → 00:02:31 ให้อาการกำเริบอย่างหนักแต่ในทางกลับกัน
00:02:31 → 00:02:33 ถ้าไม่ได้รับการตอบสนองหรือเสียงตอบรับ
00:02:33 → 00:02:36 ที่ไม่ดีเท่าที่ควรก็จะยิ่งทำให้เกิดความ
00:02:36 → 00:02:39 ผิดพลาดอย่างหนักจนอาจทำให้เกิดอาการของ
00:02:39 → 00:02:43 โรคซึมเศร้าและไปก่ออันตรายแก่ผู้อื่นได้
00:02:43 → 00:02:46 โดยชื่อของโรคได้แรงบันดาลใจมาจาก
00:02:46 → 00:02:48 เทพนิยายกรีกซึ่งชายหนุ่มรูปงามชื่อ
00:02:48 → 00:02:52 นาซีซัสมีรูปร่างหน้าตาดีจนคนทั้งเมือง
00:02:52 → 00:02:55 หลงรักแต่ถูกเลี้ยงอย่างตามใจจากพ่อแม่
00:02:55 → 00:02:58 และยังทำร้ายจิตใจคนอื่นที่เข้ามาหลงรัก
00:02:58 → 00:03:02 ตัวเองทำให้เทพแห่งความรักสาปให้หลงรัก
00:03:02 → 00:03:06 เงาน้ำของตัวเองจนถอนตัวไม่ขึ้นและฆ่าตัว
00:03:06 → 00:03:09 ตายในที่สุดสุดท้ายก็กลายเป็นดอกไม้ที่มี
00:03:09 → 00:03:14 ชื่อว่านาซีซัสค่ะอาการของผู้ป่วยโรคนี้
00:03:14 → 00:03:17 จะคล้ายคลึงกับนาซีซัสตามเทพนิยายทุก
00:03:17 → 00:03:21 ประการคือคลั่งไคล้ตัวเองมากเกินกว่าปกติ
00:03:21 → 00:03:24 จนก่อให้เกิดความบกพร่องทางบุคคลิกภาพจาก
00:03:24 → 00:03:28 การศึกษาพบว่าผู้ป่วยโรคนี้จะมีอาการ 9
00:03:28 → 00:03:33 อย่างดังนี้ค่ะ 1 สำคัญตัวเองผิดผู้ป่วย
00:03:33 → 00:03:37 มักเข้าใจไปเองว่าตัวเองเป็นบุคคลที่มี
00:03:37 → 00:03:40 ความสามารถโดดเด่นเหนือคนอื่นทั้งปวงใน
00:03:40 → 00:03:44 โลกนี้ 2 คิดว่าตัวเองประสบความสำเร็จใน
00:03:44 → 00:03:48 ทุกด้านอย่างไม่มีขีดจำกัดเลิศเลอ Perfect
00:03:48 → 00:03:52 ไปทุกอย่าง 3 เข้าใจว่าตัวเองเป็นบุคคล
00:03:52 → 00:03:55 พิเศษซึ่งก็จะมีแต่บุคคลพิเศษด้วยกันเท่า
00:03:55 → 00:03:59 นั้นที่จะเข้าใจตัวเขาได้ 4 ต้องการการ
00:03:59 → 00:04:03 ชื่นชมสนใจจากคนอื่นมากเกินไป 5 มีความ
00:04:03 → 00:04:06 รู้สึกว่าไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็ถูกต้องไป
00:04:06 → 00:04:10 หมดทุกอย่างจึงไม่มีความรู้สึกผิดเวลาที่
00:04:10 → 00:04:14 ทำอะไรผิดพลาด 6 ชอบใช้คนอื่นเป็นเครื่อง
00:04:14 → 00:04:17 มือเพื่อทำประโยชน์บางอย่างแก่ตัวเองอยู่
00:04:17 → 00:04:21 เสมอ 7 จิตใจกระด้างเย็นชาไม่มีความเห็น
00:04:21 → 00:04:26 อกเห็นใจคนรอบข้าง 8 อิจฉาริษยาคนรอบข้าง
00:04:26 → 00:04:29 หรือมีความเชื่อว่าคนอื่นๆรอบตัวกำลัง
00:04:29 → 00:04:34 อิจฉาตัวเขาอยู่ 9 แสดงความหยิงยโสโอหัง
00:04:34 → 00:04:38 ออกมาทั้งทางพฤติกรรมคำพูดและทัศนคติ
00:04:38 → 00:04:41 สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคหลงตัวเองคือ 1 ถุก
00:04:41 → 00:04:45 เลี้ยงดูอย่างตามใจทำผิดไม่เคยโดนดุดนว่า
00:04:45 → 00:04:48 ได้ในสิ่งที่อยากได้มาตลอดมีคนสนใจอยู่
00:04:48 → 00:04:52 ตลอดเวลา 2 ไม่เคยได้รับความพ่ายแพ้หรือ
00:04:52 → 00:04:56 มีคนยอมให้ชนะมาตลอดชีวิต 3 ถูกเลี้ยงดู
00:04:56 → 00:05:00 อย่างเคร่งครัดและเข้มงวดมากเกินไป 4 ใน
00:05:00 → 00:05:03 ทางกลับกันอาจเติบโตในครอบครัวที่ไม่เคย
00:05:03 → 00:05:07 ดูแลไม่เคยเหลียวแลจึงชอบที่จะเห็นคนเข้า
00:05:07 → 00:05:11 มาสนใจเข้ามาชื่นชม 5 ถูกกลั่นแกล้งตั้ง
00:05:11 → 00:05:15 แต่เป็นเด็กขาดเพื่อนขาดคนเข้าใจ 6 ถูกทำ
00:05:16 → 00:05:18 ร้ายจิตใจอย่างรุนแรงตั้งแต่ตอนเป็นเด็ก
00:05:19 → 00:05:22 ถูกปิดกั้นจากสังคมจนตัวเองต้องสร้าง
00:05:22 → 00:05:25 เกราะขึ้นมาปกป้องจิตใจอันบอบบางจากการทำ
00:05:25 → 00:05:28 ร้ายจากคนอื่นด้วยการให้กำลังใจตัวเอง
00:05:28 → 00:05:33 เพื่อช่วชเชยการขาดการยอมรับจากคนอื่น 7
00:05:33 → 00:05:36 เป็นคนหน้าตาดีหรือเก่งมีความสามารถแล้ว
00:05:36 → 00:05:40 หลงว่าไม่มีใครหน้าตาดีหรือเก่งเท่าตัว
00:05:40 → 00:05:44 เองเป็นอย่างไรกันบ้างคะได้รู้จักโรคนี้
00:05:44 → 00:05:48 กันไปบ้างแล้วในสัปดาห์นี้เราจะมาพูดคุย
00:05:48 → 00:05:51 เรื่องโรคหลงตัวเองอาการทางจิตเวทที่ทำ
00:05:51 → 00:05:54 ร้ายความสัมพันธ์คนรอบข้างคุณผู้ชมได้รู้
00:05:54 → 00:05:57 กันไปแล้วนะคะว่าเบื้องต้นเป็นอย่างไรและ
00:05:57 → 00:06:00 ตอนนี้เราจะมาพูดคุยกับจิตแพทย์ค่ะแพทย์
00:06:00 → 00:06:03 หญิงเต็มหทัยนาคเทวจิตแพทย์ศูนย์ส่งเสริม
00:06:03 → 00:06:08 สุขภาพจิตโรงพยาบาลนวเวชสวัสดีค่ะ
00:06:08 → 00:06:12 อาจารย์ขอเริ่มที่คำถามแรกเลยนะคะอาจารย์
00:06:12 → 00:06:15 โรคหลงตัวเองมีความสัมพันธ์กับโรคทาง
00:06:15 → 00:06:18 จิตเวทอื่นๆหรือไม่อย่างไรคะเอ่อโรคของ
00:06:18 → 00:06:21 ตัวเองนะคะสามารถพบโรคร่วมได้ก็คือโรค
00:06:21 → 00:06:23 ซึ้งเศร้าอ่ะค่ะเนื่องจากว่าบุคคลิกภาพ
00:06:23 → 00:06:27 แบบหลงตัวเองเนี่ยเขามักจะมีความชื่นชม
00:06:27 → 00:06:30 หรือว่าการรู้ถึงคุณค่าหรือความรักตัวเอง
00:06:30 → 00:06:32 หรือที่เรียกว่า S esteem เนี่ยค่อนข้าง
00:06:32 → 00:06:34 ต่ำอ่ะค่ะดังนั้นแล้วมักจะทำให้เขารู้สึก
00:06:34 → 00:06:37 ว่าตัวเองเนี่ยแย่หรือตัวเองเนี่ยไม่ได้
00:06:37 → 00:06:40 มีคุณค่ามากพออารมณ์ส่วนใหญ่ลึกๆเนี่ยจะ
00:06:40 → 00:06:43 เป็นอารมณ์เศร้าค่ะดังนั้นแล้วก็จะมีความ
00:06:43 → 00:06:45 เสี่ยงที่จะเป็นโรคซึมเศร้าได้มากกว่านะ
00:06:45 → 00:06:48 คะอาจารย์ขาอันที่จริงแล้วทุกคนเนี่ยมี
00:06:48 → 00:06:51 อาการของโรคหลงตัวเองอยู่ในตัวแล้วหรือ
00:06:51 → 00:06:53 เปล่าคะอาจารย์การหลงตัวเองหรือว่าความ
00:06:53 → 00:06:56 หลงตัวเองเนี่ยจริงๆแล้วอ่ะสามารถพบได้ใน
00:06:56 → 00:06:59 คนทั่วไปนะคะแต่เมื่อไหร่ที่เราจะวินิจัย
00:06:59 → 00:07:02 ฉัยว่าคนเนี้ยมีอาการหลงตัวเองที่ผิดปกติ
00:07:02 → 00:07:05 ไปอันเนี้ยจะต้องให้แพทย์เป็นผู้วินิจฉัย
00:07:05 → 00:07:08 และจะมีความแตกต่างกันนะคะระหว่างความหลง
00:07:08 → 00:07:12 ตัวเองในคนที่มีบุคลิกภาพปกติกับคนที่มี
00:07:12 → 00:07:15 บุคลิกภาพผิดปกติโดยคนที่มีบุคคลิกภาพผิด
00:07:15 → 00:07:18 ปกติที่หลงตัวเองเนี่ยเขาจะมีการสร้างตัว
00:07:18 → 00:07:22 ตนในอุดมคติขึ้นมาค่ะเช่นตัวตนที่รู้สึก
00:07:22 → 00:07:25 ว่าตัวเองดีดีเว่อร์ดีเลิศเลอมากกว่าคน
00:07:25 → 00:07:28 อื่นเพื่อที่จะปกปิดตัวตนที่เขารู้สึกว่า
00:07:28 → 00:07:30 ไม่มั่นใจและอีกอย่างเนี่ยเขาจะต้องการ
00:07:30 → 00:07:33 การยอมรับหรือว่าการคอนเฟิร์มตัวตนใน
00:07:33 → 00:07:36 อุดมคติตรงนี้ของเขาด้วยอ่ะค่ะแต่ลึกๆ
00:07:36 → 00:07:39 แล้วเนี่ยเขารู้นะคะว่าตัวตนในอุดมคติของ
00:07:39 → 00:07:41 เขาอ่ะกับตัวตนที่แท้จริงอ่ะมันมีความแตก
00:07:41 → 00:07:44 ต่างกันมากดังนั้นแล้วอ่ะมันจะทำให้การ
00:07:44 → 00:07:46 รับรู้คุณค่าของตัวเองของเขาเนี่ยต่ำก็
00:07:46 → 00:07:50 คือเฟมต่ำซึ่งจะต่างกับคนที่มีบุคคลิกภาพ
00:07:50 → 00:07:54 ปกติแต่หลงตัวเองซึ่งคนกลุ่มเนี้ยจะมีเซน
00:07:54 → 00:07:58 ที่ยังดีอยู่ค่ะแล้วคนกลุ่มไหนที่เข้า
00:07:58 → 00:08:01 ข่ายมีอาการเป็นโรคลงตัวเองคะเราสามารถ
00:08:01 → 00:08:04 สังเกตได้เบื้องต้นง่ายๆนะคะจากเรื่องของ
00:08:04 → 00:08:07 ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลค่ะเพราะฉะนั้น
00:08:07 → 00:08:10 คนกลุ่มเนี้ยเขามักจะมีปัญหาในเรื่องของ
00:08:10 → 00:08:12 ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลเนื่องจากว่าเขา
00:08:12 → 00:08:15 จะไม่สามารถเข้าใจหรือว่าเห็นอกเห็นใจคน
00:08:15 → 00:08:17 อื่นได้อ่ะค่ะอีกทั้งเขายังมักจะแสดงตัว
00:08:17 → 00:08:20 โอ้อวดว่าตัวเองดีหรือว่าเหนือกว่าคนอื่น
00:08:20 → 00:08:23 น่ะดังนั้นแล้วมันก็แน่นอนเลยว่ามันจะยาก
00:08:23 → 00:08:25 มากที่จะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนอื่นนะ
00:08:25 → 00:08:29 ค่ะอาจารย์ขาแล้วการที่เรารักแล้วก็ชื่น
00:08:29 → 00:08:32 ชมตัวเองเนี่ยถือว่าเราเข้าขายโรคหลงตัว
00:08:32 → 00:08:35 เองมั้คะอค่ะเป็นคำถามที่ดีมากเลยค่ะการ
00:08:35 → 00:08:37 รักตัวเองหรือว่าเ Love เนี่ยเป็น
00:08:37 → 00:08:40 คุณสมบัติที่ดีนะคะและก็เป็นคุณสมบัติ
00:08:40 → 00:08:43 พื้นฐานในการพัฒนาจิตใจของมนุษย์ที่เป็น
00:08:43 → 00:08:46 ปกติค่ะดังนั้นแล้วทุกคนก็ควรจะมีการรัก
00:08:46 → 00:08:48 ตัวเองแต่จะบอกว่าเอ๊ะเรารักตัวเองมาก
00:08:48 → 00:08:51 น้อยแค่ไหนต้องยังไงเนี่ยมันไม่สามารถชี้
00:08:51 → 00:08:54 วัดได้อ่ะค่ะแต่การรักตัวเองอ่ะมันจะแตก
00:08:54 → 00:08:56 ต่างจากความหลงตัวเองตรงที่ว่าการรักตัว
00:08:57 → 00:08:59 เองของเราเนี่ยมันจะทำให้ตัวเราเราและคน
00:08:59 → 00:09:02 อื่นไม่เดือดร้อนค่ะต่างจากการที่เป็นโรค
00:09:02 → 00:09:06 หลงตัวเองนะคะแล้วปัจจัยที่ทำให้เกิดโรค
00:09:06 → 00:09:09 หลงตัวเองเนี่ยคืออะไรอ่ะคะอาจารย์ปัจจัย
00:09:09 → 00:09:12 หลักๆเลยเนี่ยมีอยู่ 3 ประการนะคะ 1 เลย
00:09:12 → 00:09:14 ก็คือเรื่องของความสัมพันธ์หรือว่าการ
00:09:14 → 00:09:17 เลี้ยงดูในครอบครัวค่ะซึ่งเป็นปัจจัยที่
00:09:17 → 00:09:20 สำคัญและเป็นปัจจัยหลักที่สุดค่ะอ่าเราจะ
00:09:20 → 00:09:23 พบโลกของตัวเองได้ในครอบครัวที่พ่อแม่มี
00:09:23 → 00:09:26 ลักษณะการเลี้ยงดู 3 แบบด้วยกันนะค่ะ 1
00:09:26 → 00:09:30 ก็คือพ่อแม่ที่ตามใจหรือโอ๋มากเกินไปจน
00:09:30 → 00:09:32 เด็กคนนั้นเนี่ยรู้สึกว่าเคเป็นคนพิเศษสม
00:09:32 → 00:09:35 ควรได้รับการทวทหรือการดูแลที่มันเหนื่อ
00:09:35 → 00:09:37 กว่าคนอื่นนะค่ะอ่ะอีกแบบนึงก็จะเป็นพ่อ
00:09:37 → 00:09:41 แม่ที่ละเลไม่ใส่ใจเด็กไปเลยก็จะทำให้
00:09:41 → 00:09:44 เด็กคนเนี้ยมีทักษะในการเห็นอกเห็นใจหรือ
00:09:44 → 00:09:46 เข้าใจผู้อื่นได้น้อยก็จะเพิกเฉยคนอื่นไป
00:09:46 → 00:09:50 เลยค่ะกับอีกแบบนึงก็จะเป็นพ่อแม่ที่ค่อน
00:09:50 → 00:09:53 ข้างจะดุเป็นคนช่างตำหนิอย่างเงี้ยค่ะทำ
00:09:53 → 00:09:55 ให้เด็กเขารู้สึกว่าเอ๊ะเค้าไม่เชื่อมั่น
00:09:55 → 00:09:58 ในตัวเองเไม่ดีหรือเปล่าเาก็เลยต้อง
00:09:58 → 00:10:01 พยายามสร้างสร้างตัวตนที่มันเหมือนมีความ
00:10:01 → 00:10:04 มั่นใจมากลบเกลือนอ่ะค่ะความรู้สึกเปลอ
00:10:04 → 00:10:07 บางภายในอาจจะเป็นบุคลิกที่โอ้อวดหรือว่า
00:10:07 → 00:10:10 หยิ่งผยองในตัวเองเค่ะอ่าส่วนปัจจัยที่ 2
00:10:10 → 00:10:12 นะคะก็คือเป็นเรื่องของพันธุกรรมอย่างที่
00:10:13 → 00:10:15 หมอได้กล่าวไปตั้งแต่ข้อแรกว่าทายาทของ
00:10:15 → 00:10:18 ผู้ที่เป็นโรคของตัวเองเนี่ยก็สามารถที่
00:10:18 → 00:10:21 จะมีบุคลิกแบบนี้ได้ด้วยส่วนข้อที่ 3 ก็
00:10:21 → 00:10:24 คือเรื่องของสมองของเราค่ะสมองเนี่ยก็จะ
00:10:24 → 00:10:27 พบว่ามีความผิดปกติของการทำงานของสาใน
00:10:27 → 00:10:30 สมองบางอย่างอ่ะค่ะซึ่งจะทำให้มีพฤติกรรม
00:10:30 → 00:10:33 อารมณ์หรือว่าความคิดที่ผิดปกติไปนะคะ
00:10:33 → 00:10:36 แล้วพฤติกรรมแบบไหนที่เขาขายว่าเป็นโรค
00:10:36 → 00:10:40 หลวงตัวเองคะค่ะการที่เราจะวินิจฉัยว่าคน
00:10:40 → 00:10:43 ๆนึงเนี่ยเป็นโรคบุคลิกภาพผิดปกติแบบหลง
00:10:43 → 00:10:46 ตัวเองได้นะคะจะมีเกณฑ์การวินิจฉัยทั้ง
00:10:46 → 00:10:49 หมด 9 ข้อถ้าเกิดว่าคนนึงเนี่ยมีไปและ 5
00:10:49 → 00:10:52 ข้อค่ะก็สามารถวินิจฉัยได้อ่ะค่ะข้อแรก
00:10:52 → 00:10:55 เลยนะคะบุคคลพวกเนี้ยจะมีลักษณะของความ
00:10:55 → 00:10:58 มั่นใจที่สูงเกินปกติคิดว่าตัวเองมีความ
00:10:59 → 00:11:02 ความสำคัญมากกว่าปกติค่ะข้อที่ 2 ก็คือคน
00:11:02 → 00:11:05 กลุ่มเนี้ยมักจะเอ่อเพิฝันอ่ะค่ะหรือว่า
00:11:05 → 00:11:09 หมกมุ่นอยู่ในอำนาจความฉลาดความงามอ่ะค่ะ
00:11:09 → 00:11:12 ข้อที่ 3 นะคะคนกลุ่มเนี้ยต้องการการยก
00:11:12 → 00:11:15 ย่องเชิดชูชื่นชมที่มันมากกว่าปกติอ่ะค่ะ
00:11:15 → 00:11:17 ข้อที่ 4 ก็คือคนกลุ่มเนี้มักจะรู้สึกว่า
00:11:17 → 00:11:20 ตัวเองอ่ะเป็นคนที่พิเศษเกว่าคนอื่นนะค่ะ
00:11:20 → 00:11:23 ข้อที่ 5 นะคะคนกลุ่มเนี้ยมักจะขาดเรื่อง
00:11:23 → 00:11:25 ของความเห็นอกเห็นใจแล้วก็เข้าใจคนอื่น
00:11:25 → 00:11:28 ค่ะข้อที่ 6 ก็คือคนกลุ่มเนี้ยมักจะรู้
00:11:28 → 00:11:30 สึกว่าตัวเองังมีอภิสิทธิ์เหนือกว่าคน
00:11:30 → 00:11:32 อื่นแล้วก็ข้อที่ 7 คนกลุ่มนี้มักจะเอา
00:11:32 → 00:11:35 เปรียบคนอื่นนะคะข้อที่ 8 คนกลุ่มนี้
00:11:35 → 00:11:37 เนี่ยมักจะอิจฉาคนอื่นหรือคิดว่าคนอื่น
00:11:37 → 00:11:40 อิจฉาเราอ่ะและข้อสุดท้ายคนกลุ่มเนี้ยมัก
00:11:40 → 00:11:44 จะมีท่าทีที่ดูหยิ่งผยองหรือว่ายัสอ่ะค่ะ
00:11:44 → 00:11:47 อาจารย์คะแล้ววิธีสังเกตคนใกล้ตัวว่าเป็น
00:11:47 → 00:11:51 โรคหลงตัวเองนั้นทำอย่างไรได้บ้างคะค่ะ
00:11:51 → 00:11:53 เอ่ออย่างที่หมอกล่าวไปเบื้องต้นนะคะโรค
00:11:53 → 00:11:56 หลงตัวเองเนี่ยมีลักษณะอาการถึง 9 แบบ
00:11:56 → 00:11:58 ด้วยกันแต่ว่าการโดดเด่นที่เราสามารถ
00:11:58 → 00:12:00 สังเกตได้ได้เนี่ยก็คือเรื่องของการที่
00:12:00 → 00:12:03 เา้าอ่ะจะเห็นว่าตัวเองอ่ะเป็นจุดศูนย์
00:12:03 → 00:12:05 กลางของโลกใบนี้อ่าแล้วก็รู้สึกว่าตัวเอง
00:12:05 → 00:12:08 อ่ะดีเด่นหรือว่าสำคัญกว่าคนอื่นและก็
00:12:08 → 00:12:11 ต้องการการยกย่องชวชูหรือการตอบสนองมาก
00:12:11 → 00:12:13 กว่าคนอื่นและที่สำคัญน่ะเขาจะไม่สามารถ
00:12:14 → 00:12:16 เห็นอกเห็นใจหรือว่าเข้าใจคนอื่นได้เลย
00:12:16 → 00:12:19 ค่ะคนที่เป็นโรคหลงตัวเองจะส่งผลเสีย
00:12:19 → 00:12:23 อย่างไรบ้างคะค่ะประเด็นแรกเลยเนี่ยก็คือ
00:12:23 → 00:12:26 ส่งผลเสียกับตัวเขาเองนั่นแหละค่ะเนื่อง
00:12:26 → 00:12:28 จากว่าเค้าอ่ะรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนพิเศษ
00:12:28 → 00:12:32 ใช่มั้ยคะเค้าก็เลยต้องการการที่คนอื่น
00:12:32 → 00:12:34 แสดงกับเาอ่ะว่าเค้าเป็นคนพิเศษนะต้องการ
00:12:34 → 00:12:37 การตอบสนองแบบนั้นแต่เมื่อไหร่อ่ะที่เขา
00:12:37 → 00:12:39 ไม่ได้การรับตอบสนองแบบนั้นน่ะหรือว่าเค
00:12:39 → 00:12:42 ถูกปฏิเสธอ่ะค่ะตรงเนี้ยจะทำให้เขารู้สึก
00:12:42 → 00:12:44 ไม่มีความสุขอ่ะค่ะมันเหมือนเป็นการทำล้า
00:12:44 → 00:12:48 Self esteem ของเขาถ้าในภาษาจิตวิทยาจะ
00:12:48 → 00:12:51 เรียกว่า narcissistic injury ค่ะข้อที่
00:12:51 → 00:12:54 2 ก็คือว่าเ้ากลุ่มเนี้ยมักจะมีปัญหาใน
00:12:54 → 00:12:56 เรื่องของความสัมพันธ์เนื่องจากว่าตัวเค
00:12:56 → 00:12:59 เองเนี่ยต้องการความสัมพันธ์หรือความความ
00:12:59 → 00:13:01 รักที่มันเป็นอุดมคติมากอ่ะแต่เขาไม่
00:13:01 → 00:13:04 สามารถที่จะเข้าใจอีกฝ่ายได้หรือว่าเห็น
00:13:04 → 00:13:06 ใจอีกฝ่ายได้ดังนั้นเขาก็ไม่สามารถรักษา
00:13:06 → 00:13:09 ความสัมพันธ์ได้เช่นกันนะค่ะ 3 นะคะก็คือ
00:13:09 → 00:13:12 เขาจะทำให้คนรอบข้างเนี่ยรู้สึกไม่มีความ
00:13:12 → 00:13:14 สุขรู้สึกอึดอัดหรือว่ารู้สึกด้อย่าตัว
00:13:14 → 00:13:17 เองไปด้วยเนื่องจากว่าตัวเขาเองอ่ะจะไม่
00:13:17 → 00:13:20 ยอมรับความผิดอะไรเลยแล้วก็โยนความผิดให้
00:13:20 → 00:13:22 คนอื่นด้วยดังนั้นแล้วถ้าคนอื่นจะมาแนะนำ
00:13:22 → 00:13:24 หรือให้เาปรับปรุงตัวเนี่ยเขาจะไม่
00:13:24 → 00:13:26 ปฏิบัติอ่ะค่ะดังนั้นแล้วคนรอบข้างก็จะ
00:13:26 → 00:13:29 รู้สึกเป็นทุกข์ไปด้วยค่ะแล้ววิธีการ
00:13:29 → 00:13:32 บำบัดรักษาโรคหลงตัวเองจะต้องทำอย่างไร
00:13:32 → 00:13:35 บ้างคะค่ะมีด้วย 2 ประเด็นด้วยกันนะคะข้อ
00:13:36 → 00:13:38 แรกที่มีความสำคัญมากเลยก็คือการทำจิต
00:13:38 → 00:13:41 บำบัดค่ะอ่ะเราจะเน้นที่จิตบำบัดส่วน
00:13:41 → 00:13:44 บุคคลเป็นหลักนะคะจะทำให้คนไข้เนี่ยได้
00:13:44 → 00:13:47 เข้าใจเรื่องของพัฒนาการทางจิตใจตั้งแต่
00:13:47 → 00:13:50 วัยเด็กของเขาอ่ะค่ะที่มีความผิดปกติ
00:13:50 → 00:13:53 เมื่อเขาเข้าใจตรงนี้แล้วอ่ะเขาก็จะได้
00:13:53 → 00:13:56 พัฒนาเรื่องของจิตใจของเขาไปในทางที่ดี
00:13:56 → 00:13:58 ยิ่งขึ้นพัฒนาเรื่องของพฤติกรรมไปในทาง
00:13:58 → 00:14:00 ที่ที่ดียิ่งขึ้นค่ะส่วนอีกแบบก็คือเป็น
00:14:01 → 00:14:03 การทำจิตบำบัดแบบกลุ่มอ่ะค่ะเพื่อให้เขา
00:14:03 → 00:14:06 เนี่ยเกิดโอกาสที่จะรู้รู้จักการแบ่งปั้น
00:14:07 → 00:14:10 หรือว่ารู้จักเห็นอกเห็นใจคนอื่นค่ะ 2 ก็
00:14:10 → 00:14:13 คือการใช้ยานะคะการใช้ยาเนี่ยเราจะใช้ยา
00:14:13 → 00:14:16 รักษาตามอาการของแต่ละคนไปอ่าเช่นยาต้าน
00:14:16 → 00:14:19 เศร้าคลายกังวลในคนที่มีความรู้สึกเศร้า
00:14:19 → 00:14:22 หรือว่ายาที่ควบคุมอารมณ์ในคนที่มีอาการ
00:14:22 → 00:14:24 เด่นเรื่องของความหงุดหงิดคุมพฤติกรรมยาก
00:14:25 → 00:14:29 อ่ะค่ะอาจารย์คะคำถามสุดท้ายค่ะแล้วจะทำ
00:14:29 → 00:14:33 อย่างไรให้เรามีสุขภาพใจที่ดีคะหมอจะ
00:14:33 → 00:14:36 เริ่มที่ตัวของคนไข้ก่อนนะคะด้วยโรค
00:14:36 → 00:14:39 บุคลิกภาพผิดปกติแบบหลงตัวเองเนี่ยมัน
00:14:39 → 00:14:41 เป็นเรื่องของความเชื่อของคนน่ะค่ะที่มี
00:14:41 → 00:14:44 ความบิดเบือนไปอ่ะดังนั้นยากมากเลยที่จะ
00:14:44 → 00:14:47 ทำให้คนไข้กลุ่มเนี้ยเกิดการตระหนักรู้
00:14:47 → 00:14:50 ว่าเอ๊ะเขาคมีความผิดปกติเควรได้รับการดู
00:14:50 → 00:14:53 แลนะดังนั้นแล้วคนรอบๆข้างค่ะควรจะช่วย
00:14:53 → 00:14:56 พูดคุยทำให้เขาเกิดการตระหนักรู้ว่าเนี่ย
00:14:56 → 00:14:58 พฤติกรรมของเขานะมันทำให้เกิดความความ
00:14:58 → 00:15:01 เดือดร้อนแก่่คนรอบข้างและที่สำคัญเลยถ้า
00:15:01 → 00:15:04 เราทำให้เขารู้ได้ว่าไอ้สิ่งที่เขาเป็น
00:15:04 → 00:15:06 เนี่ยมันทำให้เกิดความเดือดร้อนแก่ตนเอง
00:15:06 → 00:15:09 เนี่ยค่ะเขาจะอยากที่จะมารักษาหรือว่า
00:15:09 → 00:15:12 อยากที่จะมาดูแลตัวเองมากยิ่งขึ้นค่ะ
00:15:12 → 00:15:14 เพราะคนกลุ่มนี้เขาก็อยากจะรักตัวเองใน
00:15:14 → 00:15:16 ทางที่ถูกต้องเหมือนกันน่ะนะคะส่วนอีก
00:15:16 → 00:15:19 ด้านนึงถ้าเกิดคนรอบข้างอ่ะที่ได้รับผล
00:15:19 → 00:15:21 กระทบอ่ะไม่สามารถที่จะโนมนาวเข้ามาได้ใน
00:15:21 → 00:15:24 ทันทีหรือว่าในช่วงเวลาอันใกล้นะคะหมอแนะ
00:15:24 → 00:15:27 นำว่าให้คนรอบข้างเนี่ยดูแลจิตใจตัวเอง
00:15:27 → 00:15:30 เหมือนกันอ่าเชเช่นอาจจะฝึกปฏิเสธด้วย
00:15:30 → 00:15:33 วิธีที่ละมุนละม่อมอ่อนโยนหรืออาจจะต้อง
00:15:33 → 00:15:36 หาสังคมอื่นๆที่สามารถเยียวยาพูดคุยดูแล
00:15:36 → 00:15:39 จิตใจของเราได้อ่ะค่ะขอบพระคุณอาจารย์หมอ
00:15:39 → 00:15:42 นะคะที่มาให้ความรู้ความเข้าใจในเรื่อง
00:15:42 → 00:15:45 ของโรคหลงตัวเองรวมไปถึงการดูแลสุขภาพจิต
00:15:45 → 00:15:48 ให้แข็งแรงด้วยเช่นกันค่ะและช่วงนี้นะคะ
00:15:49 → 00:15:52 เราจะมารู้เรื่องของการกอดกันให้ลึกซึ้ง
00:15:52 → 00:15:55 พลังของการกอดนั้นนะคะไม่ใช่แค่ภาษากาย
00:15:55 → 00:15:58 ค่ะแต่ยังทำให้อายุยืนอีกด้วยเป็นอย่างไร
00:15:58 → 00:16:00 ไปชมกัน
00:16:00 → 00:16:04 ค่ะพลังแห่งการกอดภาษากายง่ายๆที่ช่วยให้
00:16:04 → 00:16:08 เราอายุยืนจะเป็นอย่างไรไปดูกันค่ะ 1 การ
00:16:08 → 00:16:11 กอดช่วยลดความเครียดเมื่อคนใกล้ชิดกำลัง
00:16:11 → 00:16:14 เผชิญกับสิ่งที่เจ็บปวดความผิดหวังท้อแท้
00:16:14 → 00:16:18 หรือไม่พอใจในชีวิตให้กอดพวกเขานัก
00:16:18 → 00:16:20 วิทยาศาสตร์กล่าวว่าการให้การสนับสนุน
00:16:20 → 00:16:24 บุคคลอื่นผ่านการสัมผัสสามารถลดความ
00:16:24 → 00:16:27 เครียดของบุคคลที่ได้รับการปลอบโยนแถมยัง
00:16:27 → 00:16:29 ลดความเครียดได้ด้วย
00:16:29 → 00:16:33 2 การกอดอาจปกป้องคุณจากความเจ็บป่วยผล
00:16:33 → 00:16:35 ของการลดความเครียดจากการกอดอาจช่วยให้
00:16:35 → 00:16:39 คุณมีสุขภาพที่ดีขึ้นจากการศึกษาผู้ใหญ่
00:16:39 → 00:16:43 กว่า 400 คนนักวิจัยพบว่าการกอดอาจลด
00:16:43 → 00:16:46 โอกาสที่คนเราจะป่วยได้ค่ะโดยผู้เข้าร่วม
00:16:46 → 00:16:50 การทดสอบมีการตอบสนองทางอารมณ์สุขภาพและ
00:16:50 → 00:16:54 ภูมิต้านทานที่ดีขึ้นมีโอกาสป่วยน้อยลง
00:16:54 → 00:16:58 หรือถ้าป่วยก็จะมีอาการรุนแรงน้อยกว่า 3
00:16:58 → 00:17:01 การกอดช่วยให้หัวใจแข็งแรงเพราะว่าการกอด
00:17:01 → 00:17:04 แต่ละครั้งจะทำให้ระดับความดันเลือดของ
00:17:04 → 00:17:07 เราลดลงค่ะและอัตราการเต้นของหัวใจอยู่ใน
00:17:07 → 00:17:11 ระดับปกติเป็นการถนอมหัวใจได้ดีมากทำให้
00:17:11 → 00:17:15 หัวใจเราไม่ต้องไปทำงานหนักยิ่งกอดก็ยิ่ง
00:17:15 → 00:17:19 ดีต่อใจนะคะ 4 การกอดสามารถทำให้คุณมี
00:17:19 → 00:17:24 ความสุขมากขึ้นในเวลาที่เราเหงาว้าเวย
00:17:24 → 00:17:27 หรือซึมเศร้าเราย่อมต้องการคนที่เรารัก
00:17:27 → 00:17:31 หรือรักเราสักคนนะคะมาอยู่ใกล้ๆคอยกุมมือ
00:17:31 → 00:17:34 และโอบกอดถ้าทำได้เช่นนั้นนะคะจะรู้สึกดี
00:17:34 → 00:17:37 อุ่นๆใจค่ะและมีความสุขมากขึ้นอย่างแน่
00:17:37 → 00:17:41 นอนหรือแม้แต่ได้สัมผัสหรือโอบกอดกับสิ่ง
00:17:41 → 00:17:45 ของที่เรารักก็มีความสุขได้เช่นกันค่ะข้อ
00:17:45 → 00:17:49 5 การกอดอาจช่วยลดความกลัวของคุณได้ค่ะ
00:17:49 → 00:17:52 ถามว่าทำไมนะคะมีงานวิจัยค่ะพบว่าการกอด
00:17:52 → 00:17:56 นั้นจะช่วยลดอาการวิตกกังวลใจค่ะทำให้รู้
00:17:56 → 00:17:58 สึกผ่อนคลายดีขึ้นอีกด้วย
00:17:59 → 00:18:03 6 การกอดอาจช่วยลดความเจ็บปวดของคุณได้
00:18:03 → 00:18:05 การกอดนะคะช่วยให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมน
00:18:05 → 00:18:08 ออกซิโทซินมากขึ้นฮอร์โมนตัวนี้รู้จักกัน
00:18:08 → 00:18:12 ในอีกหนึ่งชื่อคือเลฮอร์โมนซึ่งช่วยให้
00:18:12 → 00:18:15 เรามีความสุขและลดความปวดตึงของกล้าม
00:18:15 → 00:18:20 เนื้อทั่วร่างกาย 7 การกอดช่วยให้คุณสื่อ
00:18:20 → 00:18:23 สารกับผู้อื่นได้การสื่อสารของมนุษย์ส่วน
00:18:23 → 00:18:27 ใหญ่เกิดขึ้นทางวาจาหรือทางสีหน้าค่ะแต่
00:18:27 → 00:18:30 การสัมผัสด้วยการกอดก็เป็นอีกวิธีหนึ่ง
00:18:30 → 00:18:33 ที่สำคัญมากช่วยให้ผู้คนสามารถส่งข้อความ
00:18:33 → 00:18:37 ถึงกันได้แล้วใน 1 วันเราควรกอดกันบ่อย
00:18:38 → 00:18:38 แค่
00:18:38 → 00:18:44 ไหน 1 กอดกันวันละ 4 ครั้งคุณจะรู้สึกดี
00:18:44 → 00:18:47 ต่อตัวเองและสิ่งแวดล้อมเอาชนะความกลัว
00:18:47 → 00:18:52 ได้ 2 กอดกันวันละ 8 ครั้งหรือทุกๆ 3
00:18:52 → 00:18:56 ช่วโมงค่ะคุณจะรู้สึกดีมีชีวิตชีวาและสด
00:18:56 → 00:19:00 ชื่นไปตลอดทั้งวัน 3 กอดกันวันละ 12
00:19:00 → 00:19:04 ครั้งหรือทุกๆ 2 ชั่วโมงส่งผลดีต่อจิตใจ
00:19:04 → 00:19:08 และร่างกายอย่างหน่าอัศจรรย์เห็นไหคะว่า
00:19:08 → 00:19:11 การกอดนั้นมีประโยชน์มากมายขนาดไหนใน 1
00:19:11 → 00:19:15 วันเราควรจะกอดกันบ่อยๆนะคะและที่สำคัญ
00:19:15 → 00:19:19 อย่าลืมรักและกอดตัวเองจะทำให้เรามีความ
00:19:19 → 00:19:22 สุขเพิ่มขึ้นมีกำลังใจเพื่อสู้ต่อไปให้
00:19:22 → 00:19:26 ผ่านพลวิกฤตต่างๆที่ท้าโทมเข้ามาในชีวิต
00:19:26 → 00:19:30 วันนี้คุณกอดคบ้างหรรือยัง
00:19:30 → 00:19:34 คะเป็นอย่างไรกันบ้างคะกับสาระสุขภาพดีๆ
00:19:34 → 00:19:36 ที่ tn and Hell นำมาฝากคุณผู้ชมในวัน
00:19:36 → 00:19:39 นี้หวังใจเป็นอย่างยิ่งค่ะว่าคุณผู้ชมจะ
00:19:39 → 00:19:42 นำความรู้ดีๆที่ได้จากรายการเรานะคะไปดู
00:19:42 → 00:19:46 แลตัวเองต้อนรับปีใหม่ให้สดใสฉไลกว่าเดิม
00:19:46 → 00:19:49 ค่ะและขอบคุณคุณผู้ชมนะคะที่ติดตามรับชม
00:19:49 → 00:19:53 รายการ TNN มาโดยตลอดค่ะหวังใจเป็นอย่าง
00:19:53 → 00:19:55 ยิ่งต้องติดตามกันไปเรื่อยๆนะคะและอย่า
00:19:55 → 00:19:58 ลืมนะคะติดตามรับชมรายการ TNN He เป็น
00:19:58 → 00:20:02 เป็นประจำทุกวันเสาร์เวลาดี 15:00 น-
00:20:02 → 00:20:07 15:30 นที่นี่ TNN ช่อง 16 ค่ะอย่าลืมกด
00:20:07 → 00:20:11 ไลคกดแชร์กด Subscribe และให้หัวใจให้กับ
00:20:11 → 00:20:14 ทีมงานและหมอดาวกับรายการ TNN Health นะ
00:20:14 → 00:20:16 คะไม่ว่าจะเป็นช่องทาง Social Network
00:20:16 → 00:20:19 ค่ะ YouTube tiktok Facebook Instagram
00:20:19 → 00:20:22 แลก็ LINE official ด้วยเพื่อที่จะเข้า
00:20:22 → 00:20:25 ถึงสาระสุขภาพดีๆกันและวันนี้หมอดาวและ
00:20:25 → 00:20:28 ทีมงาน TNN ต้องขอตัวลาคุณผู้ชมไปก่อน
00:20:28 → 00:20:33 สำหรับวันนี้สวัสดี
00:20:33 → 00:20:57 [เพลง]
00:20:57 → 00:21:18 ค่ะ
00:21:18 → 00:21:21 แ