00:00:00 → 00:00:02 คนไทยเนี่ยเราพบนิ่ว
00:00:02 → 00:00:05 บ่อยเพราะว่าเมืองไทยเนี่ยเป็นประเทศของ
00:00:05 → 00:00:07 อาหารเพราะว่าอาหารเมืองไทยอร่อยแต่ใน
00:00:07 → 00:00:09 ความอร่อยนั้นเนี่ยมันก็มีความซ่อนอยู่
00:00:09 → 00:00:12 ของมหันตภัยบางอย่างนึกภาพนะครับเรามีกา
00:00:12 → 00:00:14 น้ำร้อนอันนึงแต่พอมันมีนิ่วมันเหมือนมี
00:00:15 → 00:00:17 ตะกอนวันดีคืนดีถ้าตะกอนมันเล็กๆไม่เป็น
00:00:17 → 00:00:19 ไรแต่ถ้าตะกอนมันฟอร์มตัวใหญ่ขึ้นจนมันไป
00:00:20 → 00:00:22 อุดปากกาน้ำร้อนทำให้น้ำร้อนเนี่ยไม่
00:00:22 → 00:00:24 สามารถที่จะรินออกมาได้เช่นเดียวกับถุง
00:00:24 → 00:00:26 น้ำดีถ้ามันมีนิ่วไปอุดอยู่ตรงปากถุงน้ำ
00:00:26 → 00:00:29 ดีมันก็จะทำให้มีภาวะการคั่งถุงน้ำดีถุง
00:00:29 → 00:00:31 น้ำดีก็จะมีการอักเสบคนไข้ก็จะมีอาการปวด
00:00:31 → 00:00:34 ท้องปวดจุกแน่นท้องตำแหน่งบริเวณลิ้นปีก
00:00:34 → 00:00:36 หรือว่าใต้ชายโครงข้างขวาอาการปวดเนี่ย
00:00:36 → 00:00:39 มักจะสัมพันธ์กับมื้ออาหารก็คือมักจะปวด
00:00:39 → 00:00:41 หลังจากที่เราทานข้าวเสร็จพบว่าคนไข้ที่
00:00:41 → 00:00:44 เป็นมะเร็งถุงน้ำดีเนี่ยประมาณร้อยละ 80
00:00:44 → 00:00:47 มักจะมีนิ่วในถุงน้ำดีด้วย
00:00:47 → 00:00:50 แล้วเพศไหนที่เจอเยอะกว่ากันคะเพศที่เจอ
00:00:50 → 00:00:52 เยอะที่สุดของการเป็นนิ่เนี่ยคือเพศหญิง
00:00:53 → 00:00:55 แต่เคสที่เจอนิ่วในอายุที่น้อยที่สุดอายุ
00:00:55 → 00:01:00 ประมาณซัก
00:01:00 → 00:01:05 เกลาแก้โรคเกลานิสัยห่างไกล
00:01:05 → 00:01:08 โรคสวัสดีค่ะยินดีต้อนรับเข้าสู่รายการ
00:01:08 → 00:01:10 เกาแก้โรคค่ะโรคที่เราจะมาคุยกันในวันนี้
00:01:10 → 00:01:13 เนี่ยมีโอกาสเป็นทุกคนเลยค่ะแล้วโรคนี้นะ
00:01:13 → 00:01:16 คะก็เกิดจากการชอบสะสมด้วยอ่ามีใครชอบ
00:01:16 → 00:01:18 สะสมมั้คะแล้วสะสมยังไงถึงเป็นโรคนี้นะคะ
00:01:18 → 00:01:20 วันนี้แพนด้าอยู่กับคุณหมอท่านหนึ่งที่
00:01:20 → 00:01:23 เป็นคุณหมอผ่าตัดเป็นใครไปไม่ได้คุณหมอ
00:01:23 → 00:01:26 สุ่ยจากช่องเิดดอกสวัสดีค่ะครับสวัสดี
00:01:26 → 00:01:29 ครับวันนี้อยากชวนคุยเรื่องนิ่วค่ะดีครับ
00:01:29 → 00:01:32 ค่ะอยากทราบก่อนว่าอย่างนิ่วในถุงน้ำดี
00:01:32 → 00:01:35 เนี่ยค่ะมันคืออะไรคะก่อนอื่นนะครับต้อง
00:01:35 → 00:01:38 เข้าใจก่อนว่านิ่วเนี่ยมันมีหลายส่วนเป็น
00:01:38 → 00:01:42 นิ่วถุงน้ำดีเป็นนิ่วไตเป็นนิ่วกระเพาะ
00:01:42 → 00:01:44 ปัสสาวะเป็นนิ่วท่อไตทั้งหมดก็เป็นนิ่้ว
00:01:44 → 00:01:46 ได้เรื่องของนิ่วในถุงน้ำดีเนี่ยครับต้อง
00:01:46 → 00:01:48 เข้าใจว่าตัวถุงน้ำดีเนี่ยมันอยู่ตรงไหน
00:01:48 → 00:01:50 ก่อนถุงน้ำดีเนี่ยมันเป็นอวัยวะที่มัน
00:01:50 → 00:01:52 เป็นเหมือนถุงอยู่ใต้ตับฝั่งข้างขวาของ
00:01:52 → 00:01:54 เรานะครับอยู่ตรงใต้ชายโคงนิ่้วในถุงน้ำ
00:01:55 → 00:01:56 ดีเนี่ยมันก็คือเป็นภาวะที่มันเป็นเหมือน
00:01:56 → 00:01:59 มีก้อนอาจจะเป็นก้อนกวดเป็นก้อนตะกอนอะไร
00:01:59 → 00:02:02 ที่มันมีการฟอร์มตัวจับตัวแข็งตัวกลาย
00:02:02 → 00:02:04 เป็นนิ่วแล้วสะสมอยู่ในถุงน้ำดีของเรา
00:02:04 → 00:02:07 นั่นเราเรียกว่านิ่ในถุงน้ำดีอ๋อแต่จริงๆ
00:02:07 → 00:02:10 นิ่นี่ก็คือมันคือตะกอนที่เกิดได้กับ
00:02:10 → 00:02:12 อวัยวะหลายๆอย่างเลยใช่มั้ยคะส่วนใหญ่ก็
00:02:12 → 00:02:15 มักจะเกิดกับอวัยวะที่มันมีน้ำเคลื่อน
00:02:15 → 00:02:19 ผ่านตั้งแต่ถุงน้ำดีท่อน้ำดีไตท่อไต
00:02:19 → 00:02:22 กระเพาะปัสสาวะแล้วเราจะรู้ได้ยังไงคะว่า
00:02:22 → 00:02:24 อวัยวะที่มีน้ำเนี่ยค่ะแล้วมันจะเกิดนิ่ว
00:02:24 → 00:02:26 เนี่ยคือตะกอเหล่าเนี้ยมันเลือกยังไงว่า
00:02:26 → 00:02:28 จะไปอยู่ที่อวัยวะไหนอ่ะถ้าเป็นนิ่้วใน
00:02:28 → 00:02:32 ถุนน้ำดีนะครับต้องบอกว่ามันคือการสะสม
00:02:32 → 00:02:35 ของตะกอนตะกอนเกิดขึ้นได้ยังไงตะกอนพวก
00:02:35 → 00:02:38 เนี้ยมันเกิดจากการที่มันมีความไม่สมดุล
00:02:38 → 00:02:41 กันนะครับของสารหรือองค์ประกอบที่อยู่ใน
00:02:41 → 00:02:43 บริเวณอวัยวะนั้นๆถ้าเป็นถุงน้ำดีก็คือ
00:02:43 → 00:02:45 น้ำดีใช่มั้ยครับแปลว่าน้ำดีเนี่ยองค์
00:02:45 → 00:02:47 ประกอบของน้ำดีเนี่ยที่มันเคยมีสัดส่วน
00:02:47 → 00:02:49 เท่าเนี้ยวันนึงมันไม่สมดุลพอมันไม่สมดุล
00:02:49 → 00:02:51 นานเข้าไอ้สิ่งที่มันไม่สมดุลเนี่ยมันจะ
00:02:51 → 00:02:54 ถูกกลั่นออกมากลายเป็นตะกอนอยู่ข้างใน
00:02:54 → 00:02:56 อย่างตัวนิ่วมีถุงน้ำดีเนี่ยนะครับตะกอน
00:02:56 → 00:02:58 ที่เกิดขึ้นเนี่ยหลักๆเนี่ยก็จะมีอยู่ 2
00:02:58 → 00:03:02 อย่างก็คือเป็นตะกอนนิ่วคอเลสเตอรอลที่
00:03:02 → 00:03:04 มากเกินไปอันที่ 2 เนี่ยเป็นตะกอนนะครับ
00:03:05 → 00:03:07 ที่เกิดจากการแตกตัวของเม็ดเลือดแดงองค์
00:03:07 → 00:03:09 ประกอบของมันมันแตกตัวไปสะสมจนมากเกินไป
00:03:09 → 00:03:12 มันก็จะกลายเป็นนิ่วเกิดขึ้นมาได้ครับอื
00:03:12 → 00:03:15 ค่ะซึ่งนิ่วในถุงน้ำดีกับนิ่้วในระบบทาง
00:03:15 → 00:03:16 เดินปัสสาวะเนี่ยค่ะมันต่างกันมั้คะหรือ
00:03:16 → 00:03:18 ว่านิ่้วก็คือนิ่้วเหมือนกันนิ่้วก็คือ
00:03:18 → 00:03:20 นิ่้วแต่ว่าความแตกต่างคือเป็นความแตก
00:03:20 → 00:03:23 ต่างขององค์ประกอบอของการเกิดนิ่วสารที่
00:03:23 → 00:03:26 เป็นสารตั้งต้นในการทำให้เกิดนิ่วมีความ
00:03:26 → 00:03:28 แตกต่างกันสารที่ทำให้เกิดนิ่วในกระเพาะ
00:03:28 → 00:03:31 ปัสสาวะในทางเดินปัสสาวะมักจะเป็นพวก
00:03:31 → 00:03:33 กลุ่มแคลเซียมเป็นยูริกแต่กลุ่มอย่างที่
00:03:33 → 00:03:35 ผมบอกว่าถ้าเป็นนิ่ในถุงน้ำดีส่วนใหญ่
00:03:35 → 00:03:37 เนี่ยมันมักจะเกิดจากการสะสมของ
00:03:37 → 00:03:39 คอเลสเตอรอลหรือว่าเม็ดเลือดแดงที่มันแตก
00:03:39 → 00:03:42 ตัวออกไปเท่านั้นครับอค่ะแล้วเคสนิ่้วแบบ
00:03:42 → 00:03:45 ไหนที่คุณหมอพาตัดเจอบ่อยๆค่ะก็มักจะเป็น
00:03:45 → 00:03:48 นิ่้วในถุงน้ำดีที่เป็นคอเลสเตอรอลสูงพวก
00:03:48 → 00:03:51 นี้ก็จะสัมพันธ์กับเรื่องของวิถีชีวิต
00:03:51 → 00:03:54 แล้วก็การกินแล้วเพศไหนที่เจอเยอะกว่ากัน
00:03:54 → 00:03:57 ค่ะเพศที่เจอเยอะที่สุดนะฮะของการเป็น
00:03:57 → 00:03:59 นิ่วเนี่ยคือเพศหญิงสัดส่วนที่เจอเนี่ย
00:03:59 → 00:04:02 ประมาณ 3:1 หรือประมาณ 3 เท่าเอ่อสัดส่วน
00:04:02 → 00:04:06 ตรงนี้เนี่ยเราเจอบ่อยมากนะฮะจนกระทั่งมี
00:04:06 → 00:04:09 คำที่เราสอนกับนักเรียนแพทย์ด้วยกันหรือ
00:04:09 → 00:04:11 ว่าสอนกันหรือมีการจดจำกันในหมู่นักเรียน
00:04:11 → 00:04:15 แพทย์หรือว่าหมอเราจะท่องว่า 4F 4F F
00:04:15 → 00:04:17 แรกคือฟีเมลฟีเมลคือผู้หญิง F ที่ 2 นี่
00:04:17 → 00:04:20 คือ 4 คืออายุ 40 F ที่ 3 เนี่ยก็คือ
00:04:20 → 00:04:23 เฟtiไทเฟอร์ไทคือหญิงวัยเจริญพันธ์หรือ
00:04:23 → 00:04:25 ว่ามีประวัติการกินยาคุมกำเนิดการใช้
00:04:25 → 00:04:27 ฮอร์โมน F ที่ 4 F สุดท้ายเนี่ยคือ
00:04:27 → 00:04:30 fatตี้คือพวกไขมันนะการกินอาหารไขมัน
00:04:30 → 00:04:32 คอเลสเตอรอลสูงๆก็จะเป็นกลุ่มสาเหตุที่
00:04:32 → 00:04:34 เราเจอบ่อยเพราะฉะนั้นแล้วเนี่ยเพศหญิง
00:04:34 → 00:04:36 เจอเยอะสุดในเรื่องของตัวนิ่วในถุงน้ำดี
00:04:36 → 00:04:39 มากกว่าผู้ชายครับแล้วเจ้านิ่วในถุงน้ำดี
00:04:39 → 00:04:42 เนี่ยคะมันน่ากลัวยังไงคะอันตรายขนาดไหน
00:04:42 → 00:04:44 นึกภาพนะครับนิ่้วในถุงน้ำดีเนี่ยมัน
00:04:44 → 00:04:47 เหมือนกับตะกอนเรามีกาน้ำร้อนอันนึงซึ่ง
00:04:47 → 00:04:49 ปกติกาน้ำร้อนเนี่ยเวลาเราเทน้ำร้อนเราเท
00:04:49 → 00:04:51 ได้สะดวกใช่มั้ครับไม่มีอะไรไปอุดขวางตรง
00:04:51 → 00:04:53 ปากกาน้ำร้อนมันแต่พอมันมีนิ่วมันเหมือน
00:04:53 → 00:04:56 มีตะกอนวันดีคืนดีถ้าตะกอนมันเล็กๆไม่
00:04:56 → 00:04:59 เป็นไรแต่ถ้าตะกอนมันฟอร์มตัวใหญ่ขึ้นจน
00:04:59 → 00:05:01 มันไปอุดปากกาน้ำร้อนทำให้น้ำร้อนเนี่ย
00:05:01 → 00:05:03 ไม่สามารถที่จะรินออกมาได้เช่นเดียวกับ
00:05:03 → 00:05:06 ถุงน้ำดีฮะถ้ามันมีนิ่้วไปอุดอยู่ตรงปาก
00:05:06 → 00:05:08 ถุงน้ำดีมันก็จะทำให้มีภาวะการคั่งของน้ำ
00:05:09 → 00:05:11 ดีถุงน้ำดีก็จะมีการอักเสบคนไข้ก็จะมีการ
00:05:11 → 00:05:14 ปวดท้องอะไรอย่างเงี้ยได้ครับผมแล้วมัน
00:05:14 → 00:05:17 สามารถนำไปสู่โรคอื่นๆได้อีกมั้คะได้ครับ
00:05:17 → 00:05:20 คือการมีนิ่วในถุงน้ำดีเนี่ยนะครับมีได้
00:05:20 → 00:05:23 ตั้งแต่ชนิดที่ไม่มีอาการเลยกับมีอาการจน
00:05:23 → 00:05:26 นำไปสู่โรคอื่นๆถ้ามีอาการก็อาจจะมีอาการ
00:05:26 → 00:05:28 ของอาการปวดท้องจุกแน่นอะไรอย่างี้ใช่มั้
00:05:28 → 00:05:30 ครับนะแต่ถ้ามันนำไปสู่โรคอื่นๆก็จะมี
00:05:30 → 00:05:33 เรื่องของตัวถุงน้ำดีอักเสบเกิดจากการที่
00:05:33 → 00:05:35 นิ่้วไปอุดตันอยู่ตรงบริเวณปากถุงน้ำดี
00:05:35 → 00:05:38 หรือนิ่วเนี่ยที่มันตอนแรกอยู่ในถุงน้ำดี
00:05:38 → 00:05:40 มันเคลื่อนตัวถูกบีบออกมาอยู่ในบริเวณของ
00:05:40 → 00:05:42 ท่อน้ำดีซึ่งมันเชื่อมต่อกันถ้ามีนิ่วใน
00:05:42 → 00:05:44 ท่อน้ำดีคนไข้ก็จะมีอาการของท่อน้ำดี
00:05:44 → 00:05:47 อักเสบได้หรือในบางรายนะฮะถ้าเกิดว่า
00:05:47 → 00:05:50 นิ่้วมีขนาดใหญ่มากเป็นมาระยะเวลานานนิ่ว
00:05:51 → 00:05:53 เนี่ยก็สามารถที่จะทำให้เกิดมะเร็งถุงน้ำ
00:05:53 → 00:05:57 ดีได้นะครับอืก็จริงๆนำไปสู่โรคอื่นๆได้
00:05:57 → 00:05:59 อีกเลยถูกต้องครับอืค่ะอย่างที่คุณหมอบอก
00:05:59 → 00:06:02 ว่าเจ้าก้อนนิ่วเนี่ยมันเกิดได้จาก 2
00:06:02 → 00:06:05 อย่างคือตะกอนจากเอ่ออาหารการกินกับอีก
00:06:05 → 00:06:07 อันนึงก็คือเรื่องของเลือดใช่มั้คะอ่า
00:06:07 → 00:06:09 เรื่องของตัวเม็ดเลือดแดงที่มันแตกตัว
00:06:09 → 00:06:11 สลายตัวมากเกินไปอค่ะแล้วอย่างอาหารการ
00:06:11 → 00:06:13 กินน่ะค่ะอย่างที่คุณหมอบอกว่าอาหาร
00:06:13 → 00:06:16 ประเภทไขมันสูงมีอะไรอีกบ้างคะที่แบบเป็น
00:06:16 → 00:06:18 อาหารในกลุ่มที่อาจจะทำให้เกิดก้อนนิ่ว
00:06:18 → 00:06:20 ได้จริงๆแล้วเนี่ยหลักๆเป็นอาหารเรื่อง
00:06:20 → 00:06:23 ของไขมันเป็นส่วนใหญ่ก็คือคอเลสเตอรอลที่
00:06:23 → 00:06:26 สูงก็จะนำมาเรื่องของตัวน้ำดีน้ำดีเนี่ย
00:06:26 → 00:06:29 พูดง่ายๆนะฮะมันจะมีองค์ประกอบหลายอย่าง
00:06:29 → 00:06:32 นะครับมีกดเกลือน้ำดีมีเรื่องของตัว
00:06:32 → 00:06:34 คอเลสเตอรอลอะไรต่างๆพอมันมากเกินไปมันก็
00:06:34 → 00:06:37 จะฟอร์มตัวเองกลายเป็นตะกอนเป็นนิ่วจาก
00:06:37 → 00:06:40 คอเลสเตอรอลอาหารอื่นๆที่มันจะมีผลแน่นอน
00:06:40 → 00:06:42 ว่าส่วนใหญ่เนี่ยเราก็จะเชื่อว่าเป็น
00:06:42 → 00:06:45 อาหารที่ทำให้เกิดไขมันสูงเช่นการกินของ
00:06:45 → 00:06:48 มันของทอดนะกินแกงกะทิอะไรอย่างเงี้ยครับ
00:06:48 → 00:06:53 เป็นต้นอืก็เป็นอาหารที่คนไทยชอบกินใช่
00:06:53 → 00:06:56 ครับคนไทยเนี่ยนะฮะเราพบนิ่วบ่อยเพราะว่า
00:06:56 → 00:06:59 เมืองไทยเนี่ยเป็นประเทศของอาหารเราเป็น
00:06:59 → 00:07:02 เมืองของอาหารพูดง่ายๆว่าถ้าเป็นในเซาทอส
00:07:02 → 00:07:04 เอเชียหรือในเอเชียเนี่ยพูดถึงเมืองไทย
00:07:04 → 00:07:06 เขาจะนึกถึงอาหารก่อนอันดับแรกเพราะว่า
00:07:06 → 00:07:09 อาหารเมืองไทยอร่อยแต่ในความอร่อยนั้น
00:07:09 → 00:07:11 เนี่ยมันก็มีความซ่อนอยู่นะครับของ
00:07:11 → 00:07:13 มหันธภัยบางอย่างเพราะว่าอาหารเมืองไทย
00:07:13 → 00:07:15 ส่วนใหญ่เราปรุงวัตถุดิบมาจากอะไรครับแกง
00:07:15 → 00:07:19 กะทิแกงเขียวหวานหรือว่าของมันของทอดหมู
00:07:19 → 00:07:22 กรอบไก่ทอดทอดเข้ามันไก่อะไรอย่างเงี้ย
00:07:22 → 00:07:25 ครับเป็นต้นอือค่ะอย่างโอ๋เวลากินแกง
00:07:25 → 00:07:27 อย่างขนมจีนอย่างเงี้ยโอก็ต้องกินน้ำแกง
00:07:27 → 00:07:30 จนหมดด้วยใช่ครับอ่าอันนี้ก็ไม่ดีเนาะใช่
00:07:30 → 00:07:34 ครับกะทิเต็มๆเลยอือค่ะทีนี้ตะกอนเอ่อ
00:07:34 → 00:07:37 ก้อนนิ่วสะสมจากอาหารที่เรากินเข้าไป
00:07:37 → 00:07:40 เนี่ยค่ะมันมีวิธีที่เราจะสามารถขับตะกอน
00:07:40 → 00:07:42 เนี้ยออกได้โดยธรรมชาติมั้คะเพื่อไม่ให้
00:07:42 → 00:07:45 มันแบบสะสมเป็นก้อนใหญ่อ่ะคือต้องบอกว่า
00:07:45 → 00:07:48 ปัจจุบันเนี่ยครับมันยังไม่มีอือวิธีการ
00:07:48 → 00:07:52 อะไรที่ได้ผลและมีประสิทธิภาพนะฮะในการ
00:07:52 → 00:07:56 ที่จะขับนิ่วในถุงน้ำดีให้ออกมาจากนอก
00:07:56 → 00:07:58 ร่างกายหรืออะไรอย่างเงี้ยครับต้องเข้าใจ
00:07:58 → 00:08:01 กันว่าตัวถุงน้ำดีนะครับมันเชื่อมต่อกับ
00:08:01 → 00:08:03 ท่อน้ำดีอย่างมากสุดเนี่ยมันก็อาจจะเกิด
00:08:03 → 00:08:05 จากการที่นิ่วในถุงน้ำดีเนี่ยครับมันหลุด
00:08:05 → 00:08:08 ออกมาจากในถุงมาอยู่ในท่อซึ่งมันก็จะก่อ
00:08:08 → 00:08:11 ให้เกิดอีกโรคนึงอยู่ดีมีเพียงบางส่วน
00:08:11 → 00:08:13 น้อยมากๆนะครับก็คือนิ่วมีขนาดเล็กมาก
00:08:13 → 00:08:15 เล็กที่ว่าคือน้อยกว่า 2-3 มม.อาจจะหลุด
00:08:15 → 00:08:19 รอดออกมาได้แล้วหลุดออกมาในร่างกายในลำ
00:08:19 → 00:08:21 ไส้ในอะไรแล้วถ่ายออกไปได้แต่เป็นส่วน
00:08:21 → 00:08:23 น้อยมากๆครับแปลว่าถ้ามันเริ่มมีแล้ว
00:08:23 → 00:08:26 เนี่ยมันก็จะมีไปตลอดถูกมั้คะส่วนใหญ่
00:08:26 → 00:08:29 เป็นแบบนั้นครับอืแล้วก็มีแต่จะใหญ่ขึ้น
00:08:29 → 00:08:32 ใหญ่ขึ้นถูกต้องครับทำไมเศร้าจังล่ะจริงๆ
00:08:32 → 00:08:35 ต้องบอกว่ามันมันเป็นตัวโรคที่เมื่อมัน
00:08:35 → 00:08:38 เกิดขึ้นแล้วเนี่ยนะครับมันมันมักจะรีเลท
00:08:38 → 00:08:41 กับเรื่องของพฤติกรรมกับการใช้ชีวิตคนที่
00:08:41 → 00:08:45 กินของมันของทอดมาตลอดพฤติกรรมโดยปกติก็
00:08:45 → 00:08:47 มักจะเป็นคนกินของแบบนั้นอยู่ตลอดเวลาคน
00:08:47 → 00:08:50 ที่ไม่ค่อยออกกำลังกายนะครับก็มักจะไม่
00:08:50 → 00:08:53 ค่อยออกกำลังกายพอเวลาที่เกิดนิ่วในถุงดี
00:08:53 → 00:08:55 เกิดขึ้นอย่างที่ผมบอกมันเกิดความไม่
00:08:55 → 00:08:57 บาanceซกันของสารสมดุลที่อยู่ในน้ำดีจน
00:08:57 → 00:09:00 กลั่นตัวเป็นตะกอนคอเลสเตอรอลที่สูงขึ้น
00:09:00 → 00:09:03 จากพฤติกรรมการกินเาไม่รู้ตัวเขาก็ยังกิน
00:09:03 → 00:09:05 ต่อไปบางคนมีนิ่วแล้วไม่รู้ตัวแล้วก็ยัง
00:09:05 → 00:09:07 กินเหมือนเดิมมันก็เลยกลายเป็นสาเหตุที่
00:09:07 → 00:09:10 ทำให้ตัวตะกอนนิ่้วจากคอเลสเตอรอลมันก็
00:09:10 → 00:09:12 เพิ่มขึ้นเรื่อยๆเรื่อยๆๆๆขยายขนาดขึ้น
00:09:12 → 00:09:15 หรือว่ามีจำนวนที่มากขึ้นตามลำดับอืค่ะ
00:09:15 → 00:09:18 อ่าอย่างที่หมอบอกตอนแรกค่ะว่าส่วนใหญ่
00:09:18 → 00:09:21 เกิดในเพศหญิงอายุสัก 40 แปลว่าถ้าสมมุติ
00:09:21 → 00:09:23 เป็นแพนด้าเนี่ยจะไปรู้ตัวอีกทีว่าเป็น
00:09:24 → 00:09:25 หรือเปล่าเนี่ยคือต้องรออายุ 40 เลยหรือ
00:09:25 → 00:09:27 เปล่าคะหรือว่ามันสามารถเกิดได้ก่อนอายุ
00:09:27 → 00:09:31 เท่านั้นน่ะโอเคเคสที่ผมเจอบ่อยๆเนี่ยนะ
00:09:31 → 00:09:34 เราตัดกันที่เนี่ย 40-50 แต่เคสที่เจอใน
00:09:34 → 00:09:36 อายุที่น้อยที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอเลยนะ
00:09:37 → 00:09:39 ถ้าเป็นจากตัวคอเลสเตอรอลเนี่ยอายุประมาณ
00:09:39 → 00:09:42 สซัก 20 แต่คนไข้ในคนนั้นเป็นคนที่เจ้า
00:09:42 → 00:09:46 เนื้อนะฮะคือตัวใหญ่แล้วก็เป็นไขมันพวก
00:09:46 → 00:09:48 นี้เค้าเหมือนกับเค้ากินของที่เป็นของมัน
00:09:48 → 00:09:51 ของทอดเยอะแล้วก็มีการสะสมมาตั้งแต่ตอน
00:09:51 → 00:09:54 เด็กๆแค่อายุ 20 ก็เจอแล้วแต่ในบางคนนะ
00:09:54 → 00:09:57 ครับที่เป็นนิ่วผิดปกติของเม็ดเลือดแดง
00:09:57 → 00:09:59 ที่มันแตกตัวไปเช่นเป็นโรคเลือดอะไรบาง
00:09:59 → 00:10:00 อย่างพวกนี้เนี่ยอาจจะมีนิ่วตั้งแต่ตอน
00:10:00 → 00:10:03 อายุน้อยๆอายุ 10 ขวบ 12 ขวบ 14 ขวบอะไร
00:10:03 → 00:10:07 ด้วยซ้ำออืค่ะแล้วก็มีโอกาสเป็นทุกคนคือ
00:10:07 → 00:10:09 คือเมื่อกี้เราพูดกันว่าเพศหญิงเป็นเยอะ
00:10:09 → 00:10:12 ไม่ได้แปลว่าผู้ชายจะไม่เป็นออใช่ครับถ้า
00:10:12 → 00:10:15 เกิดว่าผู้ชายเนี่ยมีพฤติกรรมนะครับในการ
00:10:15 → 00:10:18 ที่จะอ่ากินของมันของทอดไม่ออกกำลังกายไข
00:10:18 → 00:10:21 มันในเลือดสูงมากๆก็มีความเสี่ยงการเกิด
00:10:21 → 00:10:24 นิ่้วในถุงดีเหมือนกันเพียงแต่ว่าผู้หญิง
00:10:24 → 00:10:26 เนี่ยมีfacตอร์หรือว่าปัจจัยเนี่ยในการ
00:10:26 → 00:10:29 ที่จะส่งนำให้เกิดนิ่วในถุงน้ำดีมากกว่า
00:10:29 → 00:10:31 facเตอร์ตัวนั้นคืออะไรหรอคะก็เพศหญิงใช่
00:10:31 → 00:10:34 มั้ครับเราจะมีฮอร์โมนตัวนึงที่มากกว่า
00:10:34 → 00:10:37 ผู้ชายก็คือเอสโตรเจนกับโปรเจสเตโตรโรน
00:10:37 → 00:10:39 ซึ่งฮอร์โมนตัวนี้เนี่ยมันมีความเกี่ยว
00:10:39 → 00:10:41 ข้องกับการดูดซึมกับการเปลี่ยนแปลงเม
00:10:41 → 00:10:43 metabolisึมของตัวคอเลสเตอรอลซึ่งผู้หญิง
00:10:43 → 00:10:46 มีเยอะดังนั้นเนี่ยมันทำให้เวลาเรากิน
00:10:46 → 00:10:48 อาหารเข้าไปเนี่ยการสะสมคอเลสอลในร่างกาย
00:10:48 → 00:10:50 เนี่ยจะเยอะกว่าผู้ชายนั่นก็เป็นปัจจัย
00:10:50 → 00:10:52 เสี่ยงอย่างนึงว่าทำไมผู้หญิงถึงมี
00:10:52 → 00:10:55 คอเลสเตอรอลที่สูงกว่าผู้ชายมันก็จะนำมา
00:10:55 → 00:10:57 สู่การเป็นนิ่วคอเลสเตอรอลที่สูงกว่าผู้
00:10:57 → 00:10:59 ชายเช่นเดียวกันอันที่ 2 เนี่ยผู้หญิง
00:10:59 → 00:11:01 เนี่ยโมวลกล้ามเนื้อจะน้อยกว่าผู้ชายพอ
00:11:01 → 00:11:03 มวลกล้ามเนื้อเราน้อยเสร็จปุ๊บการเผาผลาญ
00:11:03 → 00:11:06 พลังงานไม่ดีพอเผาผลพลังงานไม่ดีเนี่ยการ
00:11:06 → 00:11:09 เผาผลาญส่วนที่มันเป็นไขมันต่างๆมันก็จะ
00:11:09 → 00:11:12 น้อยลงตามมาการสะสมไขมันก็จะมากกว่าดัง
00:11:12 → 00:11:14 นั้นเนี่ยจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเพศหญิงถึง
00:11:14 → 00:11:16 มีโอกาสในการที่จะเจอนิ่วในถุงนั้นดีมาก
00:11:16 → 00:11:19 กว่าผู้ชายครับอืค่ะแล้วอย่างเวลาเราไป
00:11:19 → 00:11:21 ตัวสุขภาพค่ะคุณหมอเราดูที่คอเลสเตอรอล
00:11:21 → 00:11:24 ใช่มั้ยคะว่าระดับคอเลสเตอรอลนี่แหละที่
00:11:24 → 00:11:26 มันจะส่งผลให้เรารู้ว่าเรามีโอกาสเกิด
00:11:26 → 00:11:28 นิ่วมั้ยคือเราดูที่ค่านี้หรือว่ามีค่า
00:11:28 → 00:11:30 อื่นอีกอ่ะค่ะจริงๆแล้วเนี่ยการตรวจ
00:11:30 → 00:11:33 สุขภาพโดยทั่วไปเนี่ยครับเมีการเจาะไขมัน
00:11:33 → 00:11:35 เจาะน้ำตาลการดูเพียงแค่ไขมันในเลือด
00:11:35 → 00:11:37 อย่างเดียวคือการดูคอเลสเตอรอลหรือว่า
00:11:37 → 00:11:39 ไตรกีซาไรด์ไขมันดีไขมันเลวเนี่ยนะครับ
00:11:39 → 00:11:42 ไม่ใช่ข้อมูลที่เพียงพอในการวินิจฉัยนิ้ว
00:11:42 → 00:11:44 ในถุดีนะครับมันเป็นแค่ตัวบอกปัจจัย
00:11:44 → 00:11:46 เสี่ยงเฉยๆปัจจัยเสี่ยงคือปัจจัยที่หนุน
00:11:47 → 00:11:48 นำจะทำให้เกิดขึ้นซึ่งมันอาจจะยังเกิด
00:11:49 → 00:11:50 หรือไม่เกิดก็ได้เพราะฉะนั้นเนี่ยถ้าเกิด
00:11:50 → 00:11:53 ว่าเจาะคอเลสเตอรอลแล้วสูงสมมุตินะค่า
00:11:53 → 00:11:55 Normal มันคือสมมุติว่าคอเลสเตอรอลเนี่ย
00:11:55 → 00:11:58 ตัดที่ 200 ถ้าได้สัก 3-400 ก็ไม่ได้แปล
00:11:58 → 00:12:00 ว่าเขาจะเป็นนิ่วในถุงน้ำดีแปลว่าเขาไข
00:12:00 → 00:12:02 มันสูงนั่นแหละเฉยๆการจะเป็นนิ่วในถุงน้ำ
00:12:02 → 00:12:04 ดีก็ต้องมีวิธีการในการตรวจด้วยวิธีการ
00:12:04 → 00:12:07 อื่นครับตรวจด้วยวิธีการไหนคะปกติเนี่ย
00:12:07 → 00:12:09 การตรวจการวินิจฉัยนิ่ในถุงนี้ได้ที่ดี
00:12:09 → 00:12:12 ที่สุดเนี่ยนะครับก็คือการใช้อัตราซาวก็
00:12:12 → 00:12:14 จะเป็นคุณหมอรังสีแพทย์นะครับใช้เครื่อง
00:12:14 → 00:12:17 มือเป็นซาวด์ตรวจขึ้นความถี่สูงมาซาวด์ใน
00:12:17 → 00:12:19 ตำแหน่งใต้ชายโครงข้างขวาของเราเพื่อดู
00:12:19 → 00:12:22 ว่าถุงน้ำดีเราเป็นยังไงมีนิ่วอยู่ข้างใน
00:12:22 → 00:12:23 หรือเปล่ามีติ่งเนื้ออยู่ข้างในหรือเปล่า
00:12:23 → 00:12:26 เนี่ยเป็นต้นครับอันนี้ถามอาจจะตลกๆนิด
00:12:26 → 00:12:28 นึงนะคะเช่นไอ้อย่างก้อนก้อนนิ่วในถุงน้ำ
00:12:28 → 00:12:30 ดีก้อนที่ใหญ่ที่สุดที่คุณหมอเคยเจอนี่
00:12:31 → 00:12:33 ขนาดประมาณเท่าไหร่อ่ะคะผมเคยเจอสูงสุดก็
00:12:33 → 00:12:36 ประมาณสซัก 4-5 ซม.เลยนะ 4-5 ซม.เนี่ยถ้า
00:12:36 → 00:12:38 นึกไม่ออกอ่ะนิ้วก้อยเราประมาณสักเซมนึง
00:12:38 → 00:12:41 โดยประมาณนะครับนะโดยทั่วไปสัก 1 ซม.เรา
00:12:41 → 00:12:43 ก็เหมือนกับ 5 นิ้วก้อยเนี่ยมาเรียงติด
00:12:43 → 00:12:47 ต่อกันนะครับก้อนใหญ่มากฮะคือใหญ่อารมณ์
00:12:47 → 00:12:49 เหมือนกับลูกมะนาว 1 ลูกอ่ะผมก็เคยเจอ
00:12:49 → 00:12:52 ประมาณอย่างนั้นเลยครับโอ้แล้วอายุเท่า
00:12:52 → 00:12:54 ไหร่คะจริจริงๆมีรูปมีรูปนิ่วให้ดูด้วย
00:12:54 → 00:12:59 แต่ว่าเดี๋ให้ดูหลังไปโอ้เอ๊ะคนดูอยากดู
00:12:59 → 00:13:01 แล้วแล้วคนไข้คนนั้นอายุเท่าไหร่คะผมจำ
00:13:01 → 00:13:03 อายุไม่ได้นะครับว่าอายุเท่าไหร่แต่ว่า
00:13:03 → 00:13:05 ส่วนใหญ่ก็ประมาณเนี้ยครับ 40-50 แปลว่า
00:13:05 → 00:13:07 มันก็ใช้เวลาสะสมกว่าที่มันจะก้อนใหญ่
00:13:07 → 00:13:09 ขนาดนั้นแต่อย่าเพิ่งดีใจนะคะไม่ใช่ว่า
00:13:09 → 00:13:11 อุ้ยก้อนใหญ่ขนาดนั้นถึงจะถึงจะต้องไปผ่า
00:13:11 → 00:13:14 ตัดคือแต่ละคนเนี่ยขนาดที่ทำให้เราทนไม่
00:13:14 → 00:13:16 ไหวแล้วมันต่างกันใช่มั้คะจริงๆต้องบอก
00:13:16 → 00:13:19 ว่าการมีนิ่วจำนวนมากหรือน้อยขนาดที่ใหญ่
00:13:19 → 00:13:21 หรือเล็กอาจจะไม่ทำให้เกิดอาการก็ได้บาง
00:13:21 → 00:13:24 คนเนี่ยมีนิ่วจำนวนมากแต่ไม่เกิดอาการก็
00:13:24 → 00:13:27 มีบางคนนิ่วแต่ไม่มีอาการก็มีนะบางคนนิ่ว
00:13:27 → 00:13:29 แค่เม็ดเดียวก้อนเดียวเล็กๆทำให้เกิด
00:13:29 → 00:13:31 อาการก็เยอะเพราะฉะนั้นแล้วเนี่ยสัดส่วน
00:13:32 → 00:13:34 จำนวนขนาดเนี่ยไม่ได้มีผลต่อความรุนแรง
00:13:34 → 00:13:36 ของอาการนะครับแต่ว่าอาจจะมีผลในเรื่อง
00:13:36 → 00:13:39 อื่นๆมากกว่าแปลว่าถุงน้ำดีขยายได้ใช่มั้
00:13:39 → 00:13:41 คะถุงน้ำดีเป็นอวยที่ขยายได้ครับคือด้วย
00:13:41 → 00:13:44 ความที่มันเป็นอวัยวะที่เหมือนถุงเนาะนึก
00:13:44 → 00:13:46 ผ้าเหมือนลูกโป่งอ่ะครับเราเป่าลมเข้าไป
00:13:46 → 00:13:48 มันก็ขยายได้เรื่อยๆแต่ถ้าเป็นไงครับถ้า
00:13:48 → 00:13:51 เกิดว่าวันนึงมันมีนิ่้วในถุงน้ำดีไปอุด
00:13:51 → 00:13:52 อยู่ตรงปากถุงน้ำดีนะครับแทนที่มันจะ
00:13:52 → 00:13:54 ระบายน้ำดีออกมาได้ระบายออกมาไม่ได้ถุง
00:13:54 → 00:13:56 น้ำดีจะขยายขนาดขึ้นเรื่อยๆขยายขนาดขึ้น
00:13:56 → 00:13:59 เรื่อยๆพอขยายขนาดที่มันมากเกินไปจนมีการ
00:13:59 → 00:14:02 อักเสบขยายไปเรื่อยๆอีกไอ้ถุงน้ำดีเนี่ย
00:14:02 → 00:14:03 ก็เหมือนลูกโป่งพอเราเป่าลมไปเรื่อยๆเป็น
00:14:03 → 00:14:06 ไงมันจะแตกออกมันก็จะเกิดภาวะถุงน้ำดี
00:14:06 → 00:14:09 อักเสบจนตัวถุงน้ำดีเนี่ยมันแตกออกมาก็จะ
00:14:09 → 00:14:11 เป็นภาวะอาการติดเชื้อในช่องท้องแบบ
00:14:11 → 00:14:14 รุนแรงต้องผ่าตัดด่วนอืไม่ว่ายังไงก็ไม่
00:14:14 → 00:14:17 เป็นก็ดีกว่าถูกต้องครับเออถึงแม้ถึงแม้
00:14:17 → 00:14:19 ว่าขนาดของอาการเจ็บป่วยแต่ละคนจะไม่ได้
00:14:19 → 00:14:23 เท่ากันแต่ก็อย่ามีเลยถูกต้องเออค่ะแล้ว
00:14:23 → 00:14:26 อาการที่บ่งบอกตอนเเราอาจจะไม่รู้หรอกว่า
00:14:26 → 00:14:29 มีหรือไม่มีแต่เราจะเคยได้ยินว่าถ้าเรา
00:14:29 → 00:14:31 ปวดท้องเนี่ยอาจจะเป็นนิ่วในถุงน้ำดีได้
00:14:31 → 00:14:33 แล้วอาการปวดท้องแบบไหนคะที่จะบ่งบอกว่า
00:14:33 → 00:14:35 เออเรามีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคนี้อ่ะค่ะ
00:14:35 → 00:14:38 โอเคเป็นคำถามที่อยากให้ทุกคนได้รู้นะ
00:14:38 → 00:14:40 ครับนิ่้วในถุงน้ำดีเนี่ยนะครับอากอาการ
00:14:40 → 00:14:43 ส่วนใหญ่เนี่ยมักจะมีอาการปวดจุกแน่นท้อง
00:14:43 → 00:14:45 นะฮะตำแหน่งบริเวณลิ้นปีกหรือว่าใต้ชัย
00:14:45 → 00:14:48 โครงข้างขวา 30-40% อาจจะมีอาการร้าวไป
00:14:48 → 00:14:51 ข้างหลังหรือว่าร้าวไปที่ไหล่ข้างขวาร้าว
00:14:51 → 00:14:53 ไปสะบักข้างขวาได้อาการปวดเนี่ยมักจะ
00:14:53 → 00:14:56 สัมพันธ์กับมื้ออาหารก็คือมักจะปวดหลัง
00:14:56 → 00:14:58 จากที่เราทานข้าวเสร็จอาจจะกินข้าวไปสัก
00:14:58 → 00:15:01 15 นาที 20 นาทีเริ่มปวดบางคนก็กินสัก
00:15:01 → 00:15:03 ครึ่งชั่วโมงเริ่มปวดปวดแต่ละครั้งปวด
00:15:03 → 00:15:05 อยู่นานเป็นชั่วโมงบางคนก็ชั่วโมง 2
00:15:05 → 00:15:07 ชั่วโมงบางคนก็ 4-5 ชั่วโมงบางคนก็ทั้ง
00:15:07 → 00:15:10 คืนเลยนี่ก็เป็นอาการของอาการปวดของนิ่ว
00:15:10 → 00:15:13 ในถุงน้ำดีเราจะแยกอาการปวดของนิ่วในถุง
00:15:13 → 00:15:16 น้ำดีกับท้องอืดปกติออกจากกันได้ยังไงคะ
00:15:16 → 00:15:18 ต้องบอกว่ามันเป็นเรื่องที่ทำให้เกิดความ
00:15:18 → 00:15:21 สับสนเป็นอย่างมากนะฮะแล้วก็บางครั้ง
00:15:21 → 00:15:24 เนี่ยมันก็เป็นมหันตภัยที่เรารู้สึกว่า
00:15:24 → 00:15:26 หมอเนี่ยเวลาที่มาเจอกับการวินิจฉัยแบบ
00:15:26 → 00:15:28 เนี้ยก็ค่อนข้างอะไรที่เป็น challeng
00:15:28 → 00:15:30 หรือว่าท้าทายเหมือนกันเพราะว่าลักษณะของ
00:15:30 → 00:15:33 อาการปวดเี่มันมาคล้ายๆกันคนที่เป็นนิ่ใน
00:15:33 → 00:15:35 ถุงดีคืออาการที่ผมบอกไปใช่มั้ยครับก็จะ
00:15:35 → 00:15:38 มีอาการปวดจุกแน่นท้องนะฮะอันนี้ก็คือ
00:15:38 → 00:15:40 เป็นลักษณะอาการแบบนั้นนะครับนะปวดจุก
00:15:41 → 00:15:43 แน่นท้องร้าวไปข้างหลังอาการสัมพันธ์กับ
00:15:43 → 00:15:46 มื้ออาหารแต่คนที่เป็นภาวะจุกเสียดแน่น
00:15:46 → 00:15:48 ธรรมดาที่ไม่ได้เกิดจากนิ่วเนี่ยครับเา
00:15:48 → 00:15:50 มักจะมีอาการก็คือเป็นเหมือนกับกินเข้าไป
00:15:50 → 00:15:53 แล้วเท้องอืดท้องอืดอาหารไม่ย่อยแต่ไม่
00:15:53 → 00:15:56 ปวดท้องนะแค่รู้สึกว่าเหมือนท้องอืดๆมี
00:15:56 → 00:15:58 เลอบ่อยเหมือนมีลักษณะเหมือนกรดไหลย้อน
00:15:58 → 00:16:01 ขึ้นมาไม่ได้มีอาการปวดร้าวไปข้างหลัง
00:16:01 → 00:16:02 อาการอาจจะไม่ได้สัมพันธ์กับมื้ออาหาร
00:16:02 → 00:16:05 อะไรมากมักจะสัมพันธ์กับอาหารที่กินบาง
00:16:05 → 00:16:08 อย่างเช่นอาหารที่มีกดแก๊สเยอะน้ำอัดลม
00:16:08 → 00:16:10 อะไรอย่างเงี้ยเป็นต้นพวกนี้อยู่เฉยๆไม่
00:16:10 → 00:16:12 ต้องทำอะไรอาการมักจะหายเองดีขึ้นถ้าได้
00:16:12 → 00:16:14 เลอหรือว่าได้ผายลมแต่กลุ่มคนที่เป็น
00:16:15 → 00:16:18 นิ่้วในถุงน้ำดีอันเนี้ยไม่หายฮะคือกิน
00:16:18 → 00:16:20 ทุกครั้งทุกครั้งก็จะปวดและยิ่งถ้ากินของ
00:16:20 → 00:16:22 มันของทอดเนี่ยก็จะยิ่งกระตุ้นให้เกิด
00:16:22 → 00:16:24 อาการปวดมากขึ้นไปอีกแล้วมีคนที่เป็นนิ่ว
00:16:24 → 00:16:27 ในถุงน้ำดีนะแต่ว่าเขาไม่ได้ปวดท้องมีมั้
00:16:27 → 00:16:30 คะมีครับเจอบ่อยเลยฮะหลายๆเคสที่คนไข้
00:16:30 → 00:16:32 เนี่ยมีนิ่วในถุงน้ำดีแล้วก็ไม่มีอาการ
00:16:32 → 00:16:35 อะไรครับไปเจอจากการตรวจอันซาวพบว่ามี
00:16:36 → 00:16:38 นิ่วในถุงน้ำดีตรวจสุขภาพประจำปีพวกนี้ก็
00:16:38 → 00:16:41 ไม่จำเป็นที่จะต้องไปผ่าตักนะครับอ๋อแสดง
00:16:41 → 00:16:46 ว่าเรายังอยู่ได้ไม่ได้ทรมานจากมันคือถ้า
00:16:46 → 00:16:48 ตามทางการแพทย์เนี่ยครับถ้าเกิดว่าคนไข้
00:16:48 → 00:16:51 เนี่ยมีนิ่้วในถุงน้ำดีแล้วไม่มีอาการไม่
00:16:51 → 00:16:53 จำเป็นที่ต้องไปผ่าตัดเพราะว่าตัวนิ่
00:16:53 → 00:16:55 เนี่ยยังไม่ได้ก่อเรื่องก่อราวยังไม่ได้
00:16:55 → 00:16:57 ก่ออันตรายอะไรแต่ถ้าเกิดว่านิ่วเนี่ยมี
00:16:57 → 00:17:01 อาการนะครับนะเช่นสมมุติว่ามีกินแล้วกิน
00:17:01 → 00:17:03 ข้าวกินอะไรไปแล้วมีการปวดจุกท้องนะครับ
00:17:03 → 00:17:06 มีแน่นท้องมีปวดร้าวไปข้างหลังมีตัว
00:17:06 → 00:17:08 เหลืองตาเหลืองหรือมีภาวะถุงน้ำดีอักเสบ
00:17:08 → 00:17:11 ท่อน้ำดีอักเสบพวกเนี้ยอันนี้เป็นข้อบ่ง
00:17:11 → 00:17:13 ชี้ที่จะต้องไปผ่าตัดหรือต้องไปจัดการ
00:17:13 → 00:17:15 นิ่วมันถ้าสมมุติว่าโอเควันนี้เรายังไม่
00:17:15 → 00:17:18 เป็นเนาะแต่วันนึงเกิดมีอาการปวดท้องอ่ะ
00:17:18 → 00:17:20 ใช่ทุกอย่างเลยที่คุณเหมาพูดมาเนี่ยค่ะ
00:17:20 → 00:17:23 อยากรู้ว่าโดยปกติแล้วอ่ะมันจะใช้เวลา
00:17:23 → 00:17:25 ประมาณเท่าไหร่ก่อนที่เราจะต้องรู้ตัวว่า
00:17:25 → 00:17:28 ไปผ่าตัดเหอะอย่างเงี้ยคือจริงๆเนี่ยแค่
00:17:28 → 00:17:30 มีอาการเนี่ยก็มีข้อบ่งชี้ในการผ่าตัดละ
00:17:30 → 00:17:33 สมมุติว่าแค่มาโรงพยาบาลนะฮะแล้วเราพบว่า
00:17:33 → 00:17:35 คนไข้มีประวัติเป็นนิ่้วในถุงน้ำดีซัก
00:17:35 → 00:17:37 ประวัติตรวจร่างกายแล้วนะฮะเนี่ยคิดว่า
00:17:37 → 00:17:39 อาการปวดเนี้ยน่าจะเกิดจากนิ่วในถุนดีก็
00:17:39 → 00:17:42 นัดผ่าตัดกันได้เลยไม่จำเป็นที่จะต้องมา
00:17:42 → 00:17:44 ประวิงรอเวลาหรือต้องให้การรักษาด้วยยา
00:17:44 → 00:17:47 ก่อนรอไปก่อนนะ 3 เดือน 6 เดือน 1 ปีดู
00:17:47 → 00:17:48 อาการอีกทีนึงอาจจะไม่มีแล้วก็ได้อย่าง
00:17:48 → 00:17:50 เงี้ยไม่ใช่ถ้ามีอาการแล้วคิดว่ามันเป็น
00:17:50 → 00:17:53 จากนิ่วในถุงน้ำดีจริงๆอย่ารอส่วนใหญ่เรา
00:17:53 → 00:17:55 ก็ผ่าตัดเลยครับแล้วผ่าตัดนี่คือเอาแค่
00:17:55 → 00:17:58 ก้อนนิ่วออกมาแต่ถุงน้ำดียังอยู่ใช่มั้คะ
00:17:58 → 00:18:01 ไม่ใช่ครับการผ่าตัดเนี่ยเราไม่ได้ผ่าตัด
00:18:01 → 00:18:04 เข้าไปเพื่อไปเปิดถุงน้ำดีแล้วก็ครีบนิ่ว
00:18:04 → 00:18:05 ออกมานะครับอันเนี้ยเป็นความเชื่อที่ไม่
00:18:05 → 00:18:08 ถูกสิ่งที่เราทำกันนะครับที่เป็นการรักษา
00:18:08 → 00:18:11 แบบมาตรฐานเป็นสแตนารดที่ทั่วโลกเขาทำกัน
00:18:11 → 00:18:14 เลยก็คือการตัดถุงน้ำดีทิ้งเลยครับซึ่ง
00:18:14 → 00:18:16 การตัดถุงน้ำดีเนี่ยนะฮะปัจจุบันเนี่ยเรา
00:18:16 → 00:18:18 ใช้เครื่องมือที่ใช้ในการผ่าตัดได้ดีขึ้น
00:18:18 → 00:18:21 ก็คือเป็นการผ่าตัด 2 กล้องแผลเล็กก็ตัด
00:18:21 → 00:18:23 ถุงน้ำดีทิ้งออกไปเลยการที่เราผ่าตัดเปิด
00:18:23 → 00:18:25 ถุงน้ำดีครีบเฉพาะนิ่้วออกอย่างเดียว
00:18:25 → 00:18:27 เนี่ยโดยที่ไม่ได้เอาถุงน้ำดีออกไปเนี่ย
00:18:27 → 00:18:30 ปัญหาที่ตามมาก็คือตราบใดก็ตามที่ยังมี
00:18:30 → 00:18:32 ถุงน้ำดีอยู่มันก็มีโอกาสที่จะเกิดนิ่วใน
00:18:32 → 00:18:35 ถุงน้ำดีเกิดขึ้นมาใหม่ได้นั่นเองอืมี
00:18:35 → 00:18:37 หลายคำถามเกิดขึ้นค่ะเอาตรงนี้ก่อนว่า
00:18:37 → 00:18:39 แล้วคนที่ถูกตัดไปแล้วเนี่ยค่ะเใช้ชีวิต
00:18:39 → 00:18:42 ต่อไปยังไงคะเพราะว่าน้ำดีเนี่ยมี
00:18:42 → 00:18:45 คุณสมบัติในการช่วยย่อยอาหารประเภทไขมัน
00:18:45 → 00:18:48 ใช่มั้ยคะแต่ถ้าเราไม่มีถุงน้ำดีแล้วเกิด
00:18:48 → 00:18:52 อะไรขึ้นโอเคต้องเข้าใจกันก่อนนะครับว่า
00:18:52 → 00:18:54 ถุงน้ำดีเนี่ยมันมีหน้าที่ในการกักเก็บ
00:18:54 → 00:18:58 น้ำดีเป็นที่สำรองน้ำดีเฉยๆตัวที่สร้าง
00:18:58 → 00:19:00 น้ำดีจริงๆคือตับเพราะฉะนั้นแล้วเนี่ยต่อ
00:19:00 → 00:19:02 ให้เราตัดถุงน้ำดีออกไปเราก็ยังมีน้ำดี
00:19:02 → 00:19:05 อยู่เราก็ยังมีตับในการสร้างตัวน้ำดีออก
00:19:05 → 00:19:08 มาเพื่อมาย่อยละลายสลายตัวไขมันได้อยู่นะ
00:19:08 → 00:19:10 ครับอันนั้นข้อแรกแต่หลังจากตัดออกไป
00:19:10 → 00:19:12 เนี่ยนะครับปัญหาที่เราพบเจอกันบ่อยๆใน
00:19:12 → 00:19:15 ช่วง 6 เดือนแรกก็คือคนไข้ที่กินอาหารพวก
00:19:15 → 00:19:18 ของมันของทอดเนี่ยนะครับอาจจะกินแล้วมี
00:19:18 → 00:19:21 อาการท้องอืดแน่นๆได้ในช่วงแรกเหตุผลคือ
00:19:21 → 00:19:24 ปกติเรามีตัวถุงน้ำดีไว้กักเก็บน้ำดีให้
00:19:24 → 00:19:27 ใช้เพียงพอในปริมาณที่ร่างกายต้องการพูด
00:19:27 → 00:19:30 ง่ายๆเหมือนกับว่าเวลาที่เรามีเขื่อนอ่ะ
00:19:30 → 00:19:32 เนาะเขื่อนเป็นตัวกักเก็บน้ำไว้ให้
00:19:32 → 00:19:35 เกษตรกรนะฮะในการเพาะปลูกต่างแต่ปกติเรา
00:19:35 → 00:19:37 มีเขื่อนเนี้ยน้ำฝนอะไรมาเราเก็บไว้ใน
00:19:37 → 00:19:39 เขื่อนก่อนจะใช้เราก็เปิดประตูเขื่อน
00:19:39 → 00:19:43 ระบายเขื่อนออกมาให้น้ำมาท่วมตัวพืชผล
00:19:43 → 00:19:45 เกษตรกรต่างๆเพื่อทำการเผาะปลูกแต่
00:19:45 → 00:19:47 อันเนี้ยเราไม่มีเขื่อนละปึ๊บมันถูกสร้าง
00:19:47 → 00:19:49 ออกมามันไหลมาเลยพอมันไหลออกมาปัญหาที่
00:19:49 → 00:19:51 ตามมาคือพอมันไม่มีที่กักเก็บเนี่ยสิ่ง
00:19:51 → 00:19:54 สำคัญก็คือเวลาที่ร่างกายกินไขมันไป
00:19:54 → 00:19:56 ปริมาณมากๆเนี่ยมันมีน้ำดีมาใช้ไม่เพียง
00:19:56 → 00:19:59 พอพอน้ำดีมาใช้ไม่เพียงพอเนี่ยมันก็จะ
00:19:59 → 00:20:01 เกิดปัญหาคือไขมันบางตัวที่เรากินเข้าไป
00:20:01 → 00:20:04 เนี่ยมันไม่ถูกละลายมันไม่ถูกสลายไปคนอาจ
00:20:04 → 00:20:07 จะมีอาการท้องอืดท้องเฟ้อบางคนก็อาจจะมี
00:20:07 → 00:20:09 อาการถ่ายเหลวท้องเสียได้แต่ทั้งหมดนี้ก็
00:20:09 → 00:20:11 จะเจอในช่วง 6 เดือนแรกพอร่างกายปรับตัว
00:20:11 → 00:20:14 ได้เขาก็จะสามารถที่จะกลับมากินอาหารพวก
00:20:14 → 00:20:16 ของมันของทอดได้เหมือนเดิมครับฟังมาถึง
00:20:16 → 00:20:19 ตรงนี้ถ้าสมมุติมีบางคนคิดว่าอันนั้นเป็น
00:20:19 → 00:20:21 ตัวปัญหาเนาะแล้วเราก็ตัดทิ้งไปแล้วะ
00:20:21 → 00:20:23 อย่างงั้นดีกับชีวิตเรามากกว่ามั้คะแบบ
00:20:23 → 00:20:25 ตัดตัวปัญหาทิ้งไปหลังจากนี้ฉันกินของมัน
00:20:25 → 00:20:28 ของทอดได้เลยถ้าสมมุติว่าเราตัดถุงน้ำดี
00:20:28 → 00:20:30 ออกไปแล้วกินเนี่ยกินของมันของทอดแล้วทำ
00:20:30 → 00:20:32 ให้เกิดนิ่มในถุงดีตัดออกไปแล้วจะกินยัง
00:20:32 → 00:20:34 ไงก็ได้ไม่ต้องสนใจแล้วกินยังไงก็ไม่เกิด
00:20:34 → 00:20:37 นิ่้วคำตอบนี้ต้องบอกว่าจริงครึ่งนึงไม่
00:20:37 → 00:20:39 จริงครึ่งนึงคือมันคงไม่เกิดนิ่้วในถุง
00:20:39 → 00:20:41 น้ำดีแล้วแหละเพราะเราตัดถุงน้ำดีออกไป
00:20:41 → 00:20:44 แล้วแต่น้ำดีที่ถูกสร้างมาเนี่ยครับมันก็
00:20:44 → 00:20:46 อาจจะเกิดความไม่สมดุลจากการที่คอเลสอล
00:20:46 → 00:20:49 มันยังเยอะอยู่ไปพอกพูนเจริญเติบโตนะ
00:20:49 → 00:20:52 สร้างตะกอนอยู่ในท่อน้ำดีกลายเป็นว่าใน
00:20:52 → 00:20:54 ถุงน้ำดีไม่มีแต่ในท่อน้ำดีมันอาจจะมีการ
00:20:54 → 00:20:57 ฟอร์มนิ่วกลับขึ้นมาแทนก็เป็นได้เพราะ
00:20:57 → 00:20:59 ฉะนั้นแล้วตัดถุงน้ำดีเสร็จไม่ได้แปลว่า
00:20:59 → 00:21:01 จะกลับไปกินของมันของทอดได้อย่างเต็มที่
00:21:01 → 00:21:03 ชีวิตนี้จะไม่เป็นอะไรเกี่ยวกับนิ่วในถุง
00:21:03 → 00:21:06 น้ำดีในทอดน้ำอีกแล้วไม่ใช่นะครับยังเกิด
00:21:06 → 00:21:09 ได้อยู่ครับออืค่ะแล้วนิ่้วในถุงน้ำดีแบบ
00:21:09 → 00:21:11 ไหนคะที่อาจจะทำให้เกิดมะเร็งในถุงน้ำดี
00:21:11 → 00:21:14 ได้ส่วนใหญ่เนี่ยนะฮะคนที่เป็นนิ้วในถุง
00:21:14 → 00:21:16 ดีเนี่ยไม่ได้ทำให้เป็นมะเร็งถุงน้ำดีทุก
00:21:16 → 00:21:20 คนฮะอย่าอย่าเข้าใจสับสนว่าการมีนิ่วใน
00:21:20 → 00:21:22 ถุงน้ำดีแล้วจะเท่ากับเป็นมะเร็งถุงน้ำดี
00:21:22 → 00:21:25 ไม่ใช่นะฮะแต่เราพบว่าคนไข้ที่เป็นมะเร็ง
00:21:25 → 00:21:27 ถุงน้ำดีเนี่ยประมาณร้อยละ 80 มักจะมี
00:21:27 → 00:21:30 นิ่วในถุงน้ำดีด้วยทีนี้นิ่้วแบบไหนที่
00:21:30 → 00:21:32 มันทำให้เกิดมะเร็งในถุงน้ำดีนะครับก็คือ
00:21:32 → 00:21:35 นิ่วนิ้วที่มีขนาดใหญ่เกิน 3 ซม.ถ้าเกิด
00:21:35 → 00:21:38 ว่านิ่วมีขนาดใหญ่เนี่ยสมมุติว่าคนไข้
00:21:38 → 00:21:42 มานะแล้วผมตรวจพบว่านิ่วมากเลย 34 ซม.ต่อ
00:21:42 → 00:21:44 ให้ไม่มีอาการผมก็จะบอกว่าต้องผ่าตัดเหตุ
00:21:44 → 00:21:46 ผลที่ต้องผ่าตัดก็เพราะว่านิ่วเขามีขนาด
00:21:46 → 00:21:48 ใหญ่ครับมันเพิ่มความเสี่ยงของการที่จะ
00:21:48 → 00:21:50 เป็นมะเร็งถุงน้ำดีได้อันที่ 2 คือกลุ่ม
00:21:50 → 00:21:52 คนไข้ที่มีนิ่วนานเกิน 10 ปีทำไมถึงต้อง
00:21:52 → 00:21:55 เกิน 3 ซม.ทำไมถึงต้องเกิน 10 ปีแล้วถึง
00:21:55 → 00:21:57 จะเพิ่มความเสี่ยงของการเป็นมะเร็งถุงน้ำ
00:21:57 → 00:21:59 ดีกลไกการเกิดมะเร็งถุงน้ำดีนะครับเรา
00:21:59 → 00:22:02 เชื่อว่าการที่นิ่มีขนาดใหญ่เนี่ยขนาดที่
00:22:02 → 00:22:04 ใหญ่จะเพิ่มพื้นที่ผิวอยู่ในถุงน้ำดีมัน
00:22:04 → 00:22:06 จะกลิ้งโดยรอบได้เยอะการที่มันไปกลิ้งขูด
00:22:07 → 00:22:09 นู่นขูดนี่โดนผนังเซลล์ของตัวถุงน้ำดี
00:22:09 → 00:22:11 เนี่ยมันจะทำให้เกิดการอักเสบของถุงน้ำดี
00:22:11 → 00:22:14 อยู่ตลอดเวลาต่อเนื่องการอักเสบการทำลาย
00:22:14 → 00:22:16 ของตัวเซลล์ผิวของตัวถุงน้ำดีอย่างเงี้ย
00:22:16 → 00:22:18 ครับมันจะกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่บาง
00:22:18 → 00:22:20 ครั้งมันก็สร้างเซลล์ที่ถูกต้องบางครั้ง
00:22:20 → 00:22:22 มันก็สร้างกลายไปเป็นเซลล์มะเร็งซึ่งมัน
00:22:22 → 00:22:24 ก็จะทำให้เกิดโอกาสที่ทำให้เกิดมะเร็งถุง
00:22:24 → 00:22:26 น้ำหนีได้ในทำนองเดียวกับคนที่เป็นนิ่ว
00:22:26 → 00:22:28 เกิน 10 ปีนะครับไม่สนขนาดใหญ่เล็กแน่นอน
00:22:28 → 00:22:31 พอขนาดที่เกิน 10 ปีเวลาเรากินข้าวกิน
00:22:31 → 00:22:33 อะไรถุงน้ำดีบีบตัวนิ่วก็จะมีการเคลื่อน
00:22:33 → 00:22:36 ตัวขูดถุงน้ำดีไปมาอาจจะมีการอักเสบเรื้อ
00:22:36 → 00:22:39 รังซ้ำซ้อนไปมากระตุ้นทำให้เกิดมะเร็งถุง
00:22:39 → 00:22:42 น้ำหนีได้นะครับอือค่ะโอยแสดงว่าอย่างเคส
00:22:42 → 00:22:44 ที่คุณหมอยกตัวอย่างว่าอันนั้น 5 ซม.นี่
00:22:44 → 00:22:47 เค้าเเป็นมะเร็งมั้คะไม่เป็นครับก็ตัดออก
00:22:47 → 00:22:50 ไปเราจะมีการส่งชิ้นเนื้อไปตรวจนะครับก็
00:22:50 → 00:22:52 เป็นถุงน้ำลีอักเสบแบบปกตินะครับเพียงแต่
00:22:52 → 00:22:55 ว่านิ่วมีขนาดใหญ่เฉยๆก็อย่างที่ผมบอกว่า
00:22:56 → 00:22:58 ในกลุ่มคนไข้ที่มีนิ่วนะครับต่อให้ขนาด
00:22:58 → 00:23:01 ใหญ่เล็กก็อาจจะไม่ได้เป็นมะเร็งทุกคนอาจ
00:23:01 → 00:23:04 จะเจอแค่ว่าในบางคนไข้ที่เป็นมะเร็งถุง
00:23:04 → 00:23:06 น้ำดีพอเราเรโทกลับไปนะเราย้อนกลับไปดู
00:23:06 → 00:23:09 อ้าวทุกคนมักจะมีนิ่วประมาณ 80% ตามราย
00:23:09 → 00:23:12 งานทางการแพทย์อคุณหมอบอกว่าอ่าถ้าอย่าง
00:23:12 → 00:23:14 คนที่สะสมนิ่วมาเกิน 10 ปีอย่างเงี้ยแนะ
00:23:15 → 00:23:17 นำจะให้ตัดออกอันนี้เป็นตัวเลขทางสถิติ
00:23:17 → 00:23:19 ทางการแพทย์ที่เราเชื่อว่าการมีนิ่้วที่
00:23:19 → 00:23:22 นานๆเป็น 10 ปีเราเพิ่มความเสี่ยงการ
00:23:22 → 00:23:25 อักเสบเรื้อรังเฉยๆนะครับซึ่งพวกนี้เนี่ย
00:23:25 → 00:23:27 ส่วนใหญ่เนี่ยบางคนไม่ต้องรอถึง 10 ปีนะ
00:23:27 → 00:23:29 ครับ 3-4 ปีบางคนก็มีอาการกลับมาเป็นละ
00:23:29 → 00:23:32 ตอนแรก 1 ปีแรกไม่มีอาการ follow กลับไป
00:23:32 → 00:23:34 ปี 2 ไม่มีอาการพอปี 3 เริ่มจุกๆแน่นๆ
00:23:34 → 00:23:37 เอ๊ะไม่แน่ใจไม่รู้ใช่หรือเปล่าให้รักษา
00:23:37 → 00:23:40 แบบโรคกระเพาะก่อนอ้าไม่ดีขึ้นพอรักษาแบบ
00:23:40 → 00:23:43 ไม่ดีขึ้นปีที่ 4 ถัดมาอ่าชัดเจนละน่าจะ
00:23:43 → 00:23:45 เป็นอยากนิ่วในถุงดีก็ผ่าตัดบางทีก็เลย
00:23:45 → 00:23:48 ไม่ค่อยเจอในเคสที่รอจนถึง 10 ปีทั้งหมด
00:23:48 → 00:23:50 นี้มันเป็นรายงานทางการแพทย์เฉยๆส่วนใหญ่
00:23:50 → 00:23:53 ถ้า 2-3 ปี 4 ปีบางคนจากที่ไม่เคยปวดก็จะ
00:23:53 → 00:23:56 เริ่มกลับมีอาการปวดละค่ะถ้าสมมุติเรายัง
00:23:56 → 00:23:59 อายุไม่ถึง 40 เราควรจะมีการตรวจนิ่วใน
00:23:59 → 00:24:02 ถุงน้ำดีมั้คะไปอัลตอซาวด์ดูมยอายุเท่า
00:24:02 → 00:24:04 ไหร่อะไรอย่างเงี้ยจริงๆแล้วความจำเป็นใน
00:24:04 → 00:24:06 การตรวจนิ่วในถุงดีแบบรูทีนคือการว่าตรวจ
00:24:06 → 00:24:09 แบบเป็นประจำสม่ำเสมอที่อายุเท่านั้นเท่า
00:24:09 → 00:24:11 นี้เนี่ยไม่มีความจำเป็นนะครับส่วนใหญ่
00:24:11 → 00:24:14 เนี่ยเราดูตามข้อบงชี้นะก็จะดูจากอาการ
00:24:14 → 00:24:16 ของเราเป็นหลักถ้าเกิดว่าเราสุขภาพแข็ง
00:24:16 → 00:24:20 แรงดีกินได้ปกติอาหารย่อยปกติไม่มีปวด
00:24:20 → 00:24:22 ท้องนะครับอย่างอื่นแข็งแรงต่อให้จะเป็น
00:24:22 → 00:24:25 ผู้หญิงอายุ 50 ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไป
00:24:25 → 00:24:27 ตรวจอันต้าซาวเพื่อดูว่ามีนิ่้วในถุงดี
00:24:27 → 00:24:30 หรือเปล่าตรวจเมื่อไหร่ก็จะตรวจในลายที่
00:24:30 → 00:24:33 มีอาการเช่นมีอาการปวดจุกแน่นนะเหมือน
00:24:33 → 00:24:35 อาหารไม่ย่อยมีปวดร้าวไปข้างหลังมีอาการ
00:24:35 → 00:24:38 ตัวเหลืองตาเหลืองนะมีเจ็บแน่นใต้ชายโครง
00:24:38 → 00:24:41 ข้างขวาเป็นหลังกินข้าวไม่ต้องรอจนถึง 40
00:24:41 → 00:24:43 ปีอายุอายุแค่ 20 30 ถ้ามีอาการแบบนี้ก็
00:24:43 → 00:24:46 ไปตรวจได้เลยครับอือฮึก็นั่นหมายความว่า
00:24:47 → 00:24:50 จริงๆก็คือดูที่ร่างกายของเราว่าถ้ามี
00:24:50 → 00:24:52 อาการบ่งชี้ละแล้วก็คิดว่าน่าจะใช่เนี่ย
00:24:52 → 00:24:55 ก็คือไปตรวจแต่ว่าถ้าใครที่ยังโอเคชีวิต
00:24:55 → 00:24:57 ยังเราเราสังเกตดูแล้วมันยังโอเคอยู่ไม่
00:24:57 → 00:24:59 ได้มีอะไรก็ไม่ต้องกังวลจนเกินไปถูกต้อง
00:24:59 → 00:25:02 ครับอืค่ะถ้าสมมุติบางคนชีวิตนี้ยังไม่
00:25:02 → 00:25:05 เคยเป็นแต่เราบอกกันแล้วว่าเฮ้ยทุกคนมี
00:25:05 → 00:25:08 โอกาสเป็นนะแล้วเขาเกิดมีความกังวลขึ้นมา
00:25:08 → 00:25:11 ค่ะกังวลมากๆในขณะที่ว่าไม่กล้ากินอะไร
00:25:11 → 00:25:13 เลยเพราะว่าเนี่ยของทอดของมันคือไม่เอา
00:25:13 → 00:25:16 เลยกลัวว่าจะเป็นในอนาคตกังวลมากๆแบบ
00:25:16 → 00:25:19 เนี้ยคุณหมอมีคำแนะนำในการที่จะลดความ
00:25:19 → 00:25:22 กังวลได้ยังไงบ้างคะผมจะบอกว่าความกังวล
00:25:22 → 00:25:24 คือกังวลในสิ่งที่มันยังมาไม่ถึงส่วนใหญ่
00:25:24 → 00:25:27 เนี่ยเราร้อยละ 80-90% เนี่ยผมเชื่อว่า
00:25:27 → 00:25:29 เป็นการกังวลล่วงหน้าถ้ากังวลสิ่งที่เกิด
00:25:29 → 00:25:32 ขึ้นอยู่แล้วเนี่ยโอเคไม่เป็นไรแต่เรามัก
00:25:32 → 00:25:35 จะกังวลสิ่งที่มันยังมาไม่ถึงนะเราคิดว่า
00:25:35 → 00:25:37 กินอย่างนั้นแล้วจะเป็นถ้าเราทำแบบนั้น
00:25:37 → 00:25:39 แล้วเราจะเป็นโรคนั้นโลกนี้จริงๆแล้ว
00:25:39 → 00:25:41 เนี่ยต้องบอกว่าความกังวลทั้งหลายแหละ
00:25:41 → 00:25:43 เนี่ยจะแก้ไขได้ด้วยความรู้นะฮะก็คือถ้า
00:25:43 → 00:25:46 เรามีความรู้ที่ถูกต้องเนี่ยสมมุติว่าเรา
00:25:46 → 00:25:48 อาจจะปรึกษากับแพทย์เนี่ยกังวลเรื่องนั้น
00:25:48 → 00:25:50 ก็ไปปรึกษากับแพทย์ทางด้านนั้นหรือว่าดู
00:25:50 → 00:25:53 คลิปของรายการเกลาแก้โลกอ่าอย่างี้นะครับ
00:25:54 → 00:25:56 ก็ถ้าเราจะได้ความรู้ตรงเเราก็จะพอรู้ได้
00:25:56 → 00:25:59 ว่าอาการของเราแบบนี้เนี่ยเข้าได้กับ
00:25:59 → 00:26:01 นิ่้วในถุงนั้นดีมยอาการแบบนี้ของเรา
00:26:01 → 00:26:03 เนี่ยนะครับมันเหมือนกับนิ่วในถุงนี้แล้ว
00:26:03 → 00:26:05 หรือยังถ้าเรามีความรู้ความกังวลตรงนี้จะ
00:26:05 → 00:26:08 ลดลงอันที่ 2 การที่เรากังวลจนมากจนเกิน
00:26:08 → 00:26:10 ไปนะฮะจนทำให้เราไม่กล้ากินนั่นกินนี่
00:26:10 → 00:26:12 เนี่ยอันนี้เนี่ยต้องบอกว่าเป็นความคิด
00:26:12 → 00:26:14 ที่ไม่ถูกต้องย้อนกลับมาครับร่างกายเรา
00:26:15 → 00:26:17 เนี่ยสอนกันมาตั้งแต่ตอนเด็กว่าสุดท้าย
00:26:17 → 00:26:19 เราก็ต้องกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ไขมันก็
00:26:19 → 00:26:21 เป็นหนึ่งในหมู่ที่เราจะต้องกินเข้าไปนะ
00:26:21 → 00:26:23 ครับการกินไขมันไม่ได้เป็นแต่ข้อเสีย
00:26:23 → 00:26:26 อย่างเดียวมันก็เป็นข้อดีส่วนหนึ่งก็คือ
00:26:26 → 00:26:28 ช่วยในการเป็นพลังงานสะสมเป็นไขมันในร่าง
00:26:28 → 00:26:30 กายช่วยในการสร้างนู่นนี่นั่นเพราะฉะนั้น
00:26:30 → 00:26:33 แล้วเนี่ยถ้าเรากินอาหารให้ครบ 5 หมู่ตาม
00:26:33 → 00:26:35 หลักการยังไงไขมันก็ต้องกินถ้าเรากังวลจน
00:26:35 → 00:26:38 เกินไปจนอะไรที่ไม่กล้ากินไปเลยเราจะกลาย
00:26:38 → 00:26:41 เป็นคนขาดสารอาหารไม่ครบถ้วย
00:26:41 → 00:26:43 ซึ่งสุดท้ายแล้วสิ่งเนี้ยมันก็จะส่งผล
00:26:43 → 00:26:45 ร้ายให้กับตัวเราก็อย่างที่ผมบอกนะครับ
00:26:45 → 00:26:47 ว่าการกินอาหารสุดท้ายเราต้องกลับมาที่
00:26:47 → 00:26:50 สมดุลของเราการเลือกอาหารการกินนะครับการ
00:26:50 → 00:26:53 กินสัดส่วนที่มันไม่มากเกินไปไม่น้อยเกิน
00:26:53 → 00:26:56 ไปเลือกอาหารอย่างเหมาะสมเลือกวิธีในการ
00:26:56 → 00:26:58 กรรมวิธีในการปรุงอาหารการกินอย่างเหมาะ
00:26:58 → 00:27:01 สมแล้วก็ต้องมีเลือกอาหารการกินแบบมีสติ
00:27:01 → 00:27:03 ด้วยนะครับนั่นก็เป็นสิ่งที่ผมอยากจะแนะ
00:27:03 → 00:27:06 นำไว้อือุ๊ยกินอย่างมีสติแล้วกินอย่างมี
00:27:07 → 00:27:09 สติคืออะไรคะแบบหมายถึงว่าทุกครั้งที่เรา
00:27:09 → 00:27:11 กำลังจะตัดสินใจเอาอะไรเข้าปากนี่คือต้อง
00:27:11 → 00:27:13 บอกตัวเองว่ายังไงหรือยังไงโอเคคือจริงๆ
00:27:13 → 00:27:15 การกินแบบมีสติเนี่ยมันไม่ใช่การกินด้วย
00:27:15 → 00:27:18 ความหวาดกลัวนะฮะมันไม่ใช่แบบอาหารมาตั้ง
00:27:18 → 00:27:21 กินงานเลี้ยงกับเพื่อนด้วยการโอ๋มีขาหมู
00:27:21 → 00:27:24 มาตั้งมีเป็ดย่างมาตั้งมีอะไรมาตั้งแล้ว
00:27:24 → 00:27:27 โอหนี่คือของมันของทอดกินแล้วจะเป็นโรค
00:27:27 → 00:27:29 กินแล้วจะเป็นโรคแล้วก็สะกดจิตตัวเองแบบ
00:27:29 → 00:27:32 เนี้ยตลอดอันนี้ไม่ใช่การกินแบบมีสติการ
00:27:32 → 00:27:34 กินแบบมีสติที่ถูกต้องเลยจริงๆเนี่ยมัน
00:27:34 → 00:27:36 คือเป็นการกินแล้วเรามองว่าแบบเอ้ยเรา
00:27:37 → 00:27:39 โฟกัสตัวเองว่าวันเนี้ยเราจะกินอาหารแบบ
00:27:39 → 00:27:41 เนี้ยเนี่ยเพื่อสุขภาพที่ดีของเราเพื่อ
00:27:42 → 00:27:44 ร่างกายที่แข็งแรงของเราเราจะกินเหมือน
00:27:44 → 00:27:46 กันแต่เราจะกินในสัดส่วนที่น้อยหน่อยเรา
00:27:46 → 00:27:47 จะเลือกกินเหมือนกันแต่เราจะเลือกกินใน
00:27:47 → 00:27:49 สัดส่วนที่เป็นประโยชน์อะไรที่เป็น
00:27:49 → 00:27:52 ประโยชน์กินมากอะไรที่ประโยชน์น้อยอ้ากิน
00:27:52 → 00:27:54 ให้ได้พอคุณค่าทางสารอาหารพอแล้วก็กิน
00:27:54 → 00:27:56 น้อยหน่อยเท่านั้นเองครับอก็เป็นเรื่อง
00:27:56 → 00:27:58 ของใจด้วยเหมือนกันเนาะที่จะใช่สะกดจิต
00:27:58 → 00:28:02 ตัวเองที่ถูกต้องเอค่ะครับเออแล้วก็เป็น
00:28:02 → 00:28:04 เรื่องพลังใจในการที่แบบเราจะบางครั้งก็
00:28:04 → 00:28:07 เป็นของชอบนะแต่ก็ต้องอ่าห้ามใจนิดนึง
00:28:07 → 00:28:10 จริงๆผมบอกว่ากินได้นะครับแต่ว่าไม่ไม่
00:28:11 → 00:28:13 ได้กินมากเหมือนเหมือนแต่ก่อนคือคนเรา
00:28:13 → 00:28:15 ต้องมีอาหารที่เราชอบคนเราต้องมีอาหารที่
00:28:15 → 00:28:17 เราอยากกินคือการที่สุดท้ายเนี่ยเราอยาก
00:28:17 → 00:28:19 กินอะไรแล้วเราไม่ได้กินน่ะมันจะเป็น
00:28:19 → 00:28:21 ทุกข์นะฮะจริงๆแล้วเรากินได้แต่เพียงแต่
00:28:22 → 00:28:24 ว่าเราลดปริมาณการกินจากเคยกินแบบนี้เลย
00:28:24 → 00:28:28 50% เราลงมาเหลือสัก 20% 30% ขอให้ได้
00:28:28 → 00:28:30 กินนิดนึงก็ยังดีอะไรอย่างเงี้ยฮะแต่ไม่
00:28:30 → 00:28:33 ใช่จะไม่กินเลยแล้วก็เป็นทุกข์ใจแล้วก็
00:28:33 → 00:28:35 กลับบ้านไปทำไมไม่กินนะสุดท้ายมานั่งกด
00:28:35 → 00:28:39 แกปกดไลายแมนขอสั่งมาดีกว่าแล้วมากินให้
00:28:39 → 00:28:41 หนำเลยอะไรเงี้ยไม่ได้โอก็เป็นเรื่องที่
00:28:41 → 00:28:43 เราต้องดีลกับตัวเองแล้วก็ใช้พลังใจใช้
00:28:43 → 00:28:46 ศิลปะในการเลือกเหมือนกันคุณหมอเนี่ยมี
00:28:46 → 00:28:49 เคล็ดลับในการสร้างพลังใจให้ตัวเองไงใน
00:28:49 → 00:28:51 การที่เราจะดูแลสุขภาพของตัวเองเนี่ย
00:28:51 → 00:28:54 อย่างแบบให้มันยั่งยืนอ่ะค่ะผมรู้สึกว่า
00:28:54 → 00:28:57 คำถามเไม่ง่ายคือตอบยังไงเนี่ยก็เป็นเป็น
00:28:58 → 00:29:00 มุมมองของตัวเองนะเป็นมุมมองส่วนบุคคล
00:29:00 → 00:29:02 ร่างกายของเราเนี่ยด้วยความเป็นหมอเนอะ
00:29:02 → 00:29:05 เรารู้ว่าอวัยวะที่ทำงานมาตั้งแต่แรกเกิด
00:29:05 → 00:29:07 เลยเนี่ยคือหัวใจหัวใจนี้ทำงานหนักตั้ง
00:29:07 → 00:29:09 แต่เรายังไม่ได้เกิดนะตั้งแต่อยู่ในท้อง
00:29:09 → 00:29:11 แม่หัวใจเราดิ้นละกระเพาะอาหารจะไม่ได้ทำ
00:29:11 → 00:29:14 งงทำงานอะไรเพราะมันผ่านสายรกแม่กินอะไร
00:29:14 → 00:29:16 เข้าผ่านสายรกเข้าทางนั้นนะครับสมองก็ยัง
00:29:16 → 00:29:18 ไม่ได้พัฒนายังไม่ได้ทำอะไรเต็มที่ยังไม่
00:29:18 → 00:29:20 ได้เรียนรู้ยังไม่ได้อะไรแต่หัวใจเนี่ยทำ
00:29:20 → 00:29:22 งานมาก่อนเพราะฉะนั้นเนี่ยการที่หัวใจมัน
00:29:22 → 00:29:24 ทำงานมาตั้งแต่ตอนที่เรายังอยู่ในท้องแม่
00:29:24 → 00:29:27 จนคลอดออกมาเนี่ยครับมันทำงานตลอดเวลาการ
00:29:27 → 00:29:29 ที่ร่างกายของเราเนี่ยนะครับไม่ได้ดูแล
00:29:29 → 00:29:31 ตัวเองไม่ออกกำลังกายไม่รักษาสุขภาพตัว
00:29:31 → 00:29:34 เองเนี่ยสุดท้ายเนี่ยมันทำงานอยู่แล้วแต่
00:29:34 → 00:29:36 เรายังไปเพิ่มเวิร์คโหลดมันยังไม่บำรุง
00:29:36 → 00:29:39 มันอันนี้เป็นไอเดียที่ผมมองว่าผมต้อง
00:29:39 → 00:29:41 กลับมาดูคนที่อยู่ข้างในมันก็คือหัวใจของ
00:29:41 → 00:29:43 เรามันก็มีชีวิตเหมือนกันมันถ้ามันไม่มี
00:29:43 → 00:29:45 ชีวิตมันก็คงไม่เต้นแล้วนะครับเพราะ
00:29:45 → 00:29:47 ฉะนั้นผมก็จะกลับมาดูว่าผมจะทำยังไงได้
00:29:47 → 00:29:49 บ้างนะครับที่จะทำให้ร่างกายของผมเนี่ยมี
00:29:49 → 00:29:52 สุขภาพที่ดีผมก็จะออกกำลังกายการออกกำลัง
00:29:52 → 00:29:54 กายนี้เอาตามมาตรฐานเลยนะครับถ้าตาม
00:29:54 → 00:29:57 มาตรฐานเนี่ยโดยทั่วไปเนี่ยคือ 150 นาที
00:29:57 → 00:29:59 ต่อสัปดาห์จะออกยังไงก็ได้แต่ขอให้ออก 150
00:29:59 → 00:30:02 นาทีต่อสัปดาห์กินอาหารผมทานทุกอย่างนะ
00:30:02 → 00:30:04 ครับผมไม่ได้คุมอาหารอะไรกินหมดเพียงแต่
00:30:04 → 00:30:08 ว่าอะไรที่มันมากเกินไปผมก็ไม่กินอะไรที่
00:30:08 → 00:30:10 เอ๊ะเรายังขาดตรงนี้เรายังขาดผักผลไม้ตรง
00:30:10 → 00:30:13 นี้เราก็มาเติมออกกำลังกายกินอาหารที่
00:30:13 → 00:30:15 เหมาะสมฟังดูมันเหมือนง่ายๆฮะ 2 อย่างฮะ
00:30:15 → 00:30:18 ออกกำลังกายแล้วเมื่อไหร่จะออกแล้วจะออก
00:30:18 → 00:30:20 ได้เมื่อไหร่แค่ลุกไปก็ไม่ไหวแล้วไม่อยาก
00:30:20 → 00:30:22 จะลุกแล้วนอนอยู่บนเตียงโซฟากำลังดีเลย
00:30:22 → 00:30:25 ไม่อยากลุกถ้าชนะใจตัวเองตรงนี้ได้นะครับ
00:30:25 → 00:30:27 ก็ทำได้กินอาหารจะเลือกกินยังไงอ่ะหมู
00:30:27 → 00:30:29 กรอบนั้นก็อร่อยใช่มั้ยครับข้าวมันไก่
00:30:29 → 00:30:32 เจ้านั้นก็ดีขาหมูเจ้านั้นก็เยี่ยมอจะทำ
00:30:32 → 00:30:34 ยังไงดูนั้นเราก็ต้องกลับมาคอนโทรลที่ตัว
00:30:34 → 00:30:36 เองอ่ะครับว่าถ้าเราคอนโทรลจิตใจตัวเอง
00:30:37 → 00:30:39 ได้นะครับปรับรูปแบบของการใช้ชีวิตอาหาร
00:30:39 → 00:30:43 การกินทุกอย่างสุขภาพมันก็จะดีตามมาครับ
00:30:43 → 00:30:46 อืค่ะอยากถามคุณหมอคำถามสุดท้ายแล้วค่ะ
00:30:46 → 00:30:49 ว่าสุดท้ายไม่ว่าเราจะวันนึงเราเราอาจจะ
00:30:49 → 00:30:52 เป็นคนที่เคยแข็งแรงดูแลตัวเองมาโดยตลอด
00:30:52 → 00:30:55 ค่ะแต่เมื่อวันนึงอยู่ๆมันมีโรคบางอย่าง
00:30:55 → 00:30:57 เกิดขึ้นกับเราเนี่ยอยากได้มุมมองจากคุณ
00:30:57 → 00:31:00 หมอว่าเฮ้ยบางทีการเป็นโรคเนี่ยมันผิดมั้
00:31:01 → 00:31:05 คะผมเนี่ยนะอยู่ในโรงพยาบาลเนี่ยนะผม
00:31:05 → 00:31:07 การันตีได้ว่าโรงพยาบาลบาเนี่ยเป็นสถาน
00:31:07 → 00:31:10 ที่เดียวที่เห็นครบทุกอย่างตั้งแต่เกิด
00:31:10 → 00:31:13 แก่เจ็บตายนะผมว่าน่าจะเป็นที่เดียวที่ทำ
00:31:13 → 00:31:16 งานที่อื่นไม่น่ามีนะครับที่วัดก็เห็นแค่
00:31:16 → 00:31:18 ตอนตายเนาะการที่ผมเห็นตรงนี้เนี่ยมันทำ
00:31:18 → 00:31:20 ให้ผมรู้ว่าสุดท้ายเนี่ยนะวันนึงเนี่ยตอน
00:31:20 → 00:31:23 ที่เรายังคุยๆกันอยู่แบบเนี้ยนะครับ 30
00:31:23 → 00:31:25 กว่าเนี่ยวันนึงผมก็ต้อง 50-60 กว่าถ้า
00:31:25 → 00:31:28 ยังอยู่ถึงผมก็ต้องแก่อาจจะมีโรคอย่าง
00:31:28 → 00:31:30 อื่นเข้ามาอาจจะไม่เป็นโรคไขมันเบาหวาน
00:31:30 → 00:31:33 แต่อาจจะเข่าเสื่อมข้อเสื่อมตาอาจจะพร่า
00:31:33 → 00:31:35 มัวทุกอย่างพวกนี้มันเป็นไปตามธรรมชาตินะ
00:31:35 → 00:31:38 ครับคือคนเรามันก็ต้องเสื่อมทุกอย่างมัน
00:31:38 → 00:31:40 มีความเสื่อมมันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว
00:31:40 → 00:31:42 ข้อแรกเนี่ยเราต้องยอมรับก่อนนะว่าความ
00:31:42 → 00:31:44 เสื่อมเป็นเรื่องธรรมดายังไงก็เกิดช้า
00:31:44 → 00:31:47 เร็วยังไงก็เกิดอันที่ 2 ทุกคนตายเหมือน
00:31:47 → 00:31:50 กันแต่ว่าตายเร็วตายช้าเหมือนกันหมดอัน
00:31:50 → 00:31:53 ที่ 3 เมื่อเราเข้าใจแล้วนะฮะว่าทุกอย่าง
00:31:53 → 00:31:55 ทั้งหมดเนี่ยมันเป็นเรื่องธรรมดาใจมันจะ
00:31:55 → 00:31:57 เบาคือเราจะมองว่าแบบไม่มีอะไรหรอกอื
00:31:57 → 00:32:00 เดี๋ยวก็มันก็เป็นอย่างนี้แหละอนะคือพอใจ
00:32:00 → 00:32:03 เราเบาปุ๊บมันก็จะทำให้การเครียดการกังวล
00:32:03 → 00:32:05 มานั่งกังวลเรื่องความเสื่อมหรือความเจ็บ
00:32:05 → 00:32:07 ไข้ได้ป่วยอะไรต่างๆมันลดลงแต่การมองแบบ
00:32:07 → 00:32:10 นี้อย่ามองให้มันเป็นการมองที่เราบอกว่า
00:32:10 → 00:32:11 งั้นเราไม่ต้องดูแลตัวเองอ่ะเดี๋ก็ตาย
00:32:11 → 00:32:13 เหมือนกันผมเคยเจอคนไข้หลายคนเพูดอย่าง
00:32:14 → 00:32:17 เงี้ยอย่างผมก็เคยมีคุณป้าคนนึงเขาก็มา
00:32:17 → 00:32:19 ที่ห้องตรวจอะไรเงี้ยผมก็จะแนะนำเรื่อง
00:32:19 → 00:32:21 อาหารการกินอย่างเงี้ยครับว่าคุณป้านะ
00:32:21 → 00:32:23 ครับกินตรงนั้นนะอ่ะตรงนี้ถ้าไม่ดีตรง
00:32:23 → 00:32:25 นั้นไม่กินนะคุณป้าก็จะบอกว่าเฮ้ยจะไปกิน
00:32:25 → 00:32:28 ทำไมก็ไม่คุมทำไมล่ะเอาหงอาหารเดี๋ยวก็
00:32:28 → 00:32:30 ตายเนี่ยเดี๋ก็ตายกันหมดแล้วจริงๆจะบอก
00:32:30 → 00:32:33 ว่าอย่างที่ผมบอกคือการคิดแบบเนี้ยมันไม่
00:32:33 → 00:32:35 ถูกเพราะว่าสุดท้ายเนี่ยในเรื่องของอาหาร
00:32:35 → 00:32:37 การกินเนี่ยช้าเร็วมันก็จะมีผลกับร่างกาย
00:32:38 → 00:32:40 อยู่ดีไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่งเพราะฉะนั้น
00:32:40 → 00:32:42 แล้วเนี่ยการที่คิดแบบว่าให้ปล่อยวางให้
00:32:42 → 00:32:44 เข้าใจความเป็นธรรมชาติของมันเนี่ยไม่ได้
00:32:44 → 00:32:47 แปลว่าเราจะกินอะไรก็ได้ตามใจอยากจะทำ
00:32:47 → 00:32:49 อะไรก็ได้ที่อยากทำโดยที่เราไม่ได้ดูแล
00:32:49 → 00:32:51 ร่างกายตัวเองเลยอันนี้ก็ยังไงก็ไม่ถูก
00:32:51 → 00:32:56 ต้องนะครับอืค่ะก็หาทางสายกลางถูกต้อง
00:32:56 → 00:32:58 ครับวันนี้โอ้โหแพนด้าได้อะไรเยอะมากๆจาก
00:32:58 → 00:33:01 การที่เราเริ่มคุยกันในเรื่องของนิ่วใน
00:33:01 → 00:33:04 ถุงน้ำดีมาก่อนนะแล้วก็มาเรื่อยๆจนมาถึง
00:33:04 → 00:33:05 คุณป้า
00:33:05 → 00:33:08 ท่านเมื่อกี้เออแต่ว่าจริงๆแล้วเนี่ยแม้
00:33:08 → 00:33:10 ว่าโรคบางโรคมันอาจจะไม่ได้แสดงอาการ
00:33:10 → 00:33:13 พร้อมกันหรือเราฟังแล้วอาจจะรู้สึกว่ามัน
00:33:13 → 00:33:15 ก็ไม่ได้น่ากลัวนี่ซึ่งจริงๆก็ไม่กลัวก็
00:33:15 → 00:33:18 ก็ดีแต่ว่าก็ไม่ได้อยากให้ประมาทในการใช้
00:33:18 → 00:33:21 ชีวิตแล้วก็วันนี้คิดว่าหลายๆท่านที่ฟัง
00:33:21 → 00:33:23 เนี่ยน่าจะได้ประโยชน์ในการที่จะดูแลตัว
00:33:24 → 00:33:26 เองในเรื่องอาหารการกินเพื่อไม่ให้เกิด
00:33:26 → 00:33:29 นิ่วในถุงดำดีเพราะว่าไอ้เจ้าตัวนี้เนี่ย
00:33:29 → 00:33:31 มันอาจจะนำไปสู่โรคอื่นๆที่อันตรายแล้วก็
00:33:32 → 00:33:34 ถึงชีวิตได้เลยวันนี้ก็ต้องขอขอบคุณคุณ
00:33:34 → 00:33:36 หมอมากๆนะคะวันนี้เราคุยกันในเรื่องของ
00:33:36 → 00:33:40 นิ่วในถุงน้ำดีอ่าเกาก็เลยมีถุงผ้าถุง
00:33:41 → 00:33:45 เกลาค่ะมาให้คุณหมออันนี้จะเป็นขนาดที่
00:33:45 → 00:33:47 แบบว่าใส่ของได้เยอะค่ะข้างในครับค่ะอ่า
00:33:47 → 00:33:50 ใส่ของกินได้นะคะของทอดของมันใส่ได้
00:33:50 → 00:33:53 เหมือนกันใส่ได้เลยเพิ่งห้ามไปออเพิ่ง
00:33:53 → 00:33:56 ห้ามไปอันนั้นถุงน้ำดีอันนี้ถุงผ้าอ่ะใส่
00:33:56 → 00:33:58 ได้เหมือนกันแล้วก็เผื่อคุณหมอเอาไปใช้
00:33:58 → 00:34:00 ได้นะคะอ่ะแล้วก็ถ้าท่านไหนที่สนใจนะคะ
00:34:00 → 00:34:03 อยากมีถุงผ้าแบบนี้นะคะสามารถสั่งซื้อได้
00:34:03 → 00:34:05 ที่ใต้ใต้ description นี้เลยนะคะฝากอุด
00:34:05 → 00:34:07 หนุนเกลาด้วยนะคะถุงนี้ขยายไม่ได้เหมือน
00:34:08 → 00:34:10 เหมือนถุงน้ำดีนะคะแต่ว่าใส่ของได้เยอะ
00:34:10 → 00:34:12 อยู่แล้วนะคะฝากอุดหนุนด้วยนะคะมีเสื้อ
00:34:12 → 00:34:15 กับหมวกด้วยนะคะยังไงก็ไปลองดูเป็นกำลัง
00:34:15 → 00:34:17 ใจให้ทีมงานเกลาด้วยนะคะมอบให้คุณหมอเลย
00:34:17 → 00:34:20 ค่ะแล้วก็ถ้าท่านไหนอยากติดตามคุณหมอก็
00:34:20 → 00:34:23 ที่ช่องเอกใช่ครับอ่าค่ะแล้วก็อย่าลืมกด
00:34:23 → 00:34:26 ไลก์กดแชร์เป็นกำลังใจให้ทีมงานด้วยนะคะ
00:34:26 → 00:34:28 เราจะได้มีคลิป EP ต่อๆไปแล้วก็ยังไม่หมด
00:34:28 → 00:34:30 เท่านี้นะคะเดี๋ยวมีคลิปกับคุณหมอสูอีก
00:34:30 → 00:34:35 แน่นอนยังไงก็ฝากติดตามเอาไว้ด้วยค่ะ
00:34:35 → 00:34:54 [เพลง]