00:00:00 → 00:00:03 This Is Thai PBS podcast View the
00:00:03 → 00:00:04 world vi The
00:00:05 → 00:00:08 Voice สวัสดีครับผมวีรพงษ์ทวีศักดิ์
00:00:08 → 00:00:12 ดิฉันสุธิราพรปรีเปรมและนี่คือศัลยกรรม
00:00:12 → 00:00:15 ความสุขรายการที่ฟังแล้วทำให้คุณมีความ
00:00:15 → 00:00:18 สุขมากขึ้นมีความทุกข์น้อย
00:00:18 → 00:00:22 ลงพี่อ้อยครับวันนี้ผมมีเรื่องจะมาปรึกษา
00:00:22 → 00:00:24 พี่อ้อยครับอ๋อค่ะเพราะว่าผมเจอสถานการณ์
00:00:24 → 00:00:28 บางอย่างมันจะ 2 จิต 2 ใจอ่ะแล้วก็มัน
00:00:28 → 00:00:30 เกิดเหตุการณ์เหตการณ์นึงแล้วก็มันมีผล
00:00:30 → 00:00:35 บางอย่างเกิดขึ้นแต่ผมกำลังไม่แน่ใจว่า
00:00:35 → 00:00:38 ระหว่างทาง 2 ทางนี้เดี๋ยวพี่อ้อยช่วยให้
00:00:38 → 00:00:41 ผมตัดสินใจด้วยนะได้ค่ะนะครับผมกำลัง
00:00:41 → 00:00:47 สงสัยว่าเอ๊ะเราจะบอกดีหรือไม่บอก
00:00:47 → 00:00:49 ดี
00:00:49 → 00:00:52 โอ้เหตุการณ์นั้นคืออะไรคะเหตุการณ์นั้น
00:00:52 → 00:00:55 ก็คือพี่อ้อยเคยเจอสถานการณ์มั้ยครับอัน
00:00:55 → 00:00:57 นี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นเลยนะครับก็
00:00:57 → 00:01:02 คือว่าอมีคนๆนึงค่ะค่ะนะฮะซื้อผลไม้มาอื
00:01:02 → 00:01:05 ซื้อผลไม้มาให้ผมพี่น้อยเคยมีคนซื้อผลไม้
00:01:05 → 00:01:08 ให้มั้ยโอมีค่ะมีบ่อยๆใช่มีบ่อยๆนะเนี่ย
00:01:08 → 00:01:12 ก็มีคนซื้อผลไม้มาให้ผมเนี่ยค่ะเขาก็เอา
00:01:12 → 00:01:15 ผลไม้มาฝากค่ะแล้วเราก็รับผลไม้มาผมก็
00:01:15 → 00:01:20 เป็นคนชอบผลไม้ด้วยนะแล้วก็พอเอาผลไม้มา
00:01:20 → 00:01:23 แต่ปรากฏว่าผลไม้ที่เขเอามาให้เราอ่ะที่
00:01:23 → 00:01:28 เขาคซื้อมาให้เราอ่ะอืมันเน่าอืมันเน่า
00:01:28 → 00:01:33 ค่ะแล้วเราก็เอ๊ผลไม้มันเน่าเราจะบอกเค้า
00:01:33 → 00:01:39 ดีมั้ยเออจะบอกหรือไม่บอกออค่ะเนี่ยก็เลย
00:01:39 → 00:01:42 ลังเลเพว่ามันก็เลยลังเลเพราะว่าผมคิดว่า
00:01:42 → 00:01:44 มันการที่เราจะบอกหรือไม่บอกเนี่ยมันมัน
00:01:44 → 00:01:48 มีตัวแปรมากมายกับกองเลยนะจริงๆเออคราว
00:01:48 → 00:01:51 นี้ผมก็เลยบอกว่าเอ๊ะเราจะบอกดีหรือไม่
00:01:51 → 00:01:54 บอกดีนะเนี่ยมาปรึกษาพี่อ้อยดีกว่าถ้า
00:01:54 → 00:01:57 เป็นพี่อ้อยพี่อ้อยจะบอกหรือไม่บอกหรือ
00:01:57 → 00:02:00 เอาอย่างงี้ค่ะอย่าเพิ่งก่อนจะตอบนะเออ
00:02:00 → 00:02:04 มันมีตัวละครอะไรมันมีตัวแปรอะไรเกิดขึ้น
00:02:04 → 00:02:08 บ้างในกรณีนี้ตัวแปรเนี่ยตัวละครก่อนตัว
00:02:08 → 00:02:11 ละครที่เกี่ยวข้องใครบ้างอ่าตัวละครตัว
00:02:11 → 00:02:17 ละครก็ต้องเค้าผู้ให้ผู้ให้ผู้รับผู้รับ
00:02:17 → 00:02:21 อืแล้วก็ใครอีกแล้วก็ไม่รู้เซื้อที่ไหน
00:02:21 → 00:02:24 ถ้าเไปซื้อทั่วไปก็ซื้อแม่ค้าแม่ค้าก็มีเ
00:02:24 → 00:02:27 ไปซื้อจากห้างก็ก็พนักงานห้างก็เป็นแม่
00:02:27 → 00:02:30 ค้าเหมือนกันนะอแม่ค้าเป็นแม่ค้านะตอนนี้
00:02:30 → 00:02:35 มีคนคนนซื้อเอผู้ให้ผู้รับนะแล้วก็มีแม่
00:02:35 → 00:02:40 ค้าที่ขายผลไม้ 3 คนแล้วก็มีมีตัวมี
00:02:40 → 00:02:43 เกี่ยวข้องกับอะไรอีกเกี่ยวกับผลไม้
00:02:43 → 00:02:47 เกี่ยวกับผลไม้อเกี่ยวกับ
00:02:47 → 00:02:52 อืมเค้าเรู้เค้ารู้หรือไม่ว่าผลไม้ที่
00:02:52 → 00:02:56 เขาคซื้ออ่ะเออสภาพสภาพมันเป็นยังไงเออ
00:02:56 → 00:02:59 ถ้าสมมุติเค้าเลือกเองกับมืออ่ะเชื่อว่า
00:02:59 → 00:03:02 มันจะต้องเลือกแบบดีแบบสดแต่ถ้าเไปซื้อ
00:03:02 → 00:03:06 แบบสำเร็จหิ้วกระเช้าเลยปึ๊กปึ๊บก็ไม่รู้
00:03:06 → 00:03:09 เลยโดนยัดไส้ก็ไม่รู้ก็ไม่รู้เอ่าแล้วมี
00:03:09 → 00:03:11 เออถ้าอย่างงี้เมีตัวแปรอีกอันนึงพี่อ้อย
00:03:11 → 00:03:15 พี่้อยบอกว่าถ้าเกิดเขาไปซื้อแบบมาเป็น
00:03:15 → 00:03:18 แบบสำเร็จก็ยกมาเลยใช่มั้ยแต่ถ้าเกิดเ
00:03:18 → 00:03:21 เลือกอเค้าเลือกปุ๊บเคก็ต้องเลือกของดี
00:03:21 → 00:03:23 ใช่มั้ยครับตัวแปรคืออะไรรู้มั้ยพี่อ้อย
00:03:23 → 00:03:27 คือก็คือถ้าเกิดเ้าไปเลือกเนี่ยตัวแปรคือ
00:03:27 → 00:03:31 เค้าอ่ะเลือกเป็นหรือเปล่าด้วยอ๋อใช่มั้
00:03:31 → 00:03:33 ใช่ๆๆเพราะว่าคนที่ซื้อผลไม้หลายคนเนี่ย
00:03:33 → 00:03:36 ถึงแม้แม่ค้าบอกให้เลือกนะอือฮึแต่เลือก
00:03:36 → 00:03:39 ไม่เป็นใช่ๆๆใช่มั้ยเพราะอันนี้ผมรู้ทัน
00:03:40 → 00:03:43 ทีเลยเพราะใครรู้มั้ยผมนี่แหละไม่เป็นใช่
00:03:43 → 00:03:46 ป่ะพี่ก็ไม่ใช่จะได้ทั้งหมดนะคะเออได้บาง
00:03:46 → 00:03:51 ชนิดอืแล้วก็ตัวแปรอีกอันนึงคือแม่ค้าแม่
00:03:51 → 00:03:55 ค้าเนี่ยก็ไม่ใช่ว่ามีตัวละครก็คือแม่ค้า
00:03:55 → 00:03:58 ก็คือแม่ค้าจบนะค่ะมันมีมีแยกอีกนะอคน
00:03:58 → 00:04:00 ซื้อผลไม้ถ้าเลือกก็มีเลือกเป็นกหลือกไม่
00:04:00 → 00:04:04 เป็นใช่มั้ยครับค่ะค่ะแม่ค้าก็มีตัวแปรก็
00:04:04 → 00:04:07 คือแม่ค้าคนนั้นเป็นแม่ค้าที่มีคุณธรรม
00:04:07 → 00:04:10 กับไม่มีคุณธรรมพึ่งเจอเลยพี่เพิ่งเจอเลย
00:04:10 → 00:04:13 เหรอโอ้โหนึกถึงอันนี้เลยเอองั้นเดี๋ยว
00:04:13 → 00:04:15 ติดอดใจไว้ก่อนเดี๋ยวเรากำลังวิเคราะห์
00:04:15 → 00:04:18 ตัวละครก่อนนะค่ะแล้วก็มีตัวละครอีกอัน
00:04:18 → 00:04:23 นึงตัวแปรอีกอันก็คือคนซื้อผลไม้กับแม่
00:04:23 → 00:04:28 ค้าเนี่ยอเค้าซื้อแบบร้านทั่วไปหรือร้าน
00:04:28 → 00:04:32 ประจำอ้าอออันนี้ก็เป็นตัวแปรนะอาฮะอ่า
00:04:32 → 00:04:36 ค่ะคุณผู้ฟังครับตอนนี้ตัวละครครบะเรามา
00:04:36 → 00:04:39 เริ่มวิเคราะห์เอาจากวิเคราะห์จากเรื่อง
00:04:39 → 00:04:42 ที่พี่อ้อยเพิ่งเจอเมื่อกี้ดีกว่าเออค่ะ
00:04:42 → 00:04:47 เจออะไรครับเมื่อกี้พี่วีจบด้วยอร้านทั่ว
00:04:47 → 00:04:51 ไปหรือร้านประจำอ่าอ่าอันนี้เหตุการณ์ของ
00:04:51 → 00:04:54 พี่ออยคือร้านทั่วไปอ่าไม่ใช่ร้านประจวัน
00:04:54 → 00:04:58 นั้นจะไปหาเพื่อนฮะในในในบ้านใหม่ที่เรา
00:04:58 → 00:05:02 ไม่เคยไปครับเราก็เลยเลยคิดว่าแวะซื้อ
00:05:02 → 00:05:04 อะไรนิดหน่อยในซอยเนี่ยเรารู้ว่ามันมีของ
00:05:04 → 00:05:10 ขายเยอะอืๆเขไปเฮ้ยเจอเป็นรถกระบะแล้วก็
00:05:10 → 00:05:13 มีฝรั่งอยู่ท้ายเอฝรั่งกิมจูอยู่ท้ายอ๋อ
00:05:13 → 00:05:15 เป็นผลไม้ใช่มั้ยผมนึกว่ากระบะมีเป็น
00:05:15 → 00:05:19 ฝรั่งแบบคนชนชาติผู้คนคายเป็นคนไทยเนี่ย
00:05:19 → 00:05:23 ค่ะเป็นผู้หญิงอ๋อเราก็บอกเฮ้ยฝรั่งกิมจู
00:05:23 → 00:05:27 น่าสนใจเออๆๆก็แต่ฝรั่งเนี่ยเป็นอะไรที่
00:05:27 → 00:05:30 เลือกยากมากพี่วีอ้าเหรอเหมือนกันหมดเลย
00:05:30 → 00:05:33 นะคะกิมจูพันธุ์เดียวกันเนี่ยนะค่ะแต่บาง
00:05:33 → 00:05:36 ครั้งจืดเป็นกระดาษเลยเออแต่บางครั้งก็
00:05:36 → 00:05:40 โอ้โหรสชาติดีมากๆอืแต่วันนั้นก็ไม่รู้
00:05:40 → 00:05:43 ล่ะจะไปหาเพื่อนต้องเอาให้ได้เออๆๆก็จอด
00:05:43 → 00:05:47 จอดท้ายกระบะแล้วก็ถามเโลเท่าไหร่ 60 อือ
00:05:47 → 00:05:50 60 เสร็จแล้วก็เลือกเราอ่อฝรั่งเนี่ยจะ
00:05:50 → 00:05:54 เลือกเป็นอือบอกรสชาติดีมั้ยดีมากเลยพี่
00:05:54 → 00:05:56 อือๆแล้วก็อีกกองนึงก็จะเป็นลูกที่ใหญ่
00:05:56 → 00:06:00 ขึ้นมานิดนึงอืออันนี้อะไรหรอคะคะบอก
00:06:00 → 00:06:03 กิมจูเหมือนกันเอ้ยไม่ใช่กิมจูโทษทีเป็น
00:06:03 → 00:06:07 ฝรั่งไส้แดงอ๋อซึ่งอันเนี้ยแพงกว่ากิมจู
00:06:07 → 00:06:12 กิมจู 60 อันนี้ 85 อือแพงกว่าโลละ 25
00:06:12 → 00:06:16 บาทอือโอ้โหแพงกว่าตั้ง 25 บาทอมันอร่อย
00:06:16 → 00:06:19 มากเลยพี่อือลูกค้าซื้อแล้วกลับมาซื้ออีก
00:06:19 → 00:06:23 ทุกคนเลยพี่อ้าจริงหรองั้นฉันเอากิมจู 60
00:06:23 → 00:06:26 บาทกลับบ้านแล้วฉันเอาไส้แดงให้เพื่อนเออ
00:06:26 → 00:06:30 ๆๆอืหลังจากเอาไปฝาก
00:06:30 → 00:06:32 กินไม่ได้ค่ะทั้ง
00:06:32 → 00:06:37 กิมจูเขียวที่ปกติเนี่ยจืดสนิทเป็นกระดาษ
00:06:37 → 00:06:41 และกิมชูไส้แดงก็ไม่อร่อยเหมือนกันจืด
00:06:41 → 00:06:45 เหมือนกันออันนี้คือแม่ค้าที่เป็นร้าน
00:06:45 → 00:06:48 ทั่วไปที่เราไปเจอเครั้งแรกแต่เขาเชียร์
00:06:49 → 00:06:53 จนแบบให้เรายอมจ่ายเพิ่มอีกกิโลละ 25 บาท
00:06:53 → 00:06:55 เออเพื่อไปฝากเพื่อนอืโอ้โหนี่เจอมากับ
00:06:56 → 00:06:58 ตัวเองใช่แต่เ้าพูดจริงอยู่อย่างนึงนะ
00:06:58 → 00:07:01 เหรอคะลูกค้าที่ซื้อกับเ้านะก็กลับมาหา
00:07:01 → 00:07:06 เค้าทุกรายกลับมาต่อวใช่ไม่ได้กลับมาซื้อ
00:07:06 → 00:07:10 ซ้ำใช่ป่ะค่ะนี่ไงก็เราไปเชื่อเขาเองเออ
00:07:10 → 00:07:12 ใช่แต่แต่ว่าอันนี้น่าสนใจนะพี่อ้อยมันมา
00:07:12 → 00:07:15 เข้าประเด็นที่ว่าค่ะพอพี่อ้อยซื้อไปฝาก
00:07:15 → 00:07:18 ปึ๊บมันไม่ได้เรื่องทั้งคู่เลยใช่มั้ยใช่
00:07:18 → 00:07:20 ค่ะแต่ว่าไอ้ที่เราซื้อมากินเองเราไม่ได้
00:07:20 → 00:07:22 เรื่องคือเราก็กินปึ๊บเราก็เลยรู้ค่ะแต่
00:07:22 → 00:07:24 ซื้อไปฝากเพื่อนเนี่ยพอมันไม่ได้เรื่อง
00:07:24 → 00:07:27 ปุ๊บเพื่อนเบอกพี่อ้อยใช่ค่ะเราก็ถามค่ะ
00:07:27 → 00:07:31 อ๋อพี่อ้อยถามเใช่มั้ยก็เราก็โฆษณาเลยค่ะ
00:07:31 → 00:07:34 แม่ค้าเขบอกว่าเนี่ยลูกค้าต้องกลับมาซื้อ
00:07:34 → 00:07:37 ซ้ำนะแล้วเนี่ยอันเนี้ยมันแพงกว่าของปกติ
00:07:37 → 00:07:40 อ่ะลละ 25 บาทเลยนะมันต้องอร่อยด้วยนะมัน
00:07:40 → 00:07:44 เป็นไส้แดงนะเออเขาก็เลยบอกกลับมาอ๋อเาก็
00:07:44 → 00:07:49 เลยบอกกลับมาว่าอืไม่ได้เรื่องเลยกินไม่
00:07:49 → 00:07:52 กินไม่ได้เลยอ่ะเรื่อ๋อจืดโออันนี้อันนี้
00:07:52 → 00:07:55 ทำให้ผมพบตัวแปรอีกอันนึงอพี่อ้อยเกี่ยว
00:07:55 → 00:07:58 กับเรื่องนี้นะก็คือว่าความสัมพันธ์
00:07:58 → 00:08:04 ระหว่างงเราคนให้กับผู้รับอือีกอีกต่อนึง
00:08:04 → 00:08:07 ใช่มั้ยคืออันนี้ทั้งหมดเที่ผมพูดทั้งหมด
00:08:07 → 00:08:09 เลยนะคุณผู้ฟังชื่อตอนวันนี้ก็คือว่าเอ๊ะ
00:08:09 → 00:08:13 จะบอกดีหรือไม่บอกดีเนี่ยค่าการที่เราเจอ
00:08:13 → 00:08:16 เหตุการณ์เนี้ยผลไม้ซื้อมาแล้วเน่าเนี่ย
00:08:16 → 00:08:20 แล้วคนรับบอกว่ามันเน่าและได้รับผลไม้
00:08:20 → 00:08:22 เน่าเนี่ยการจะบอกดีหรือไม่บอกดีเนี่ยมัน
00:08:22 → 00:08:25 ขึ้นอยู่กับตัวแปรทั้งหมดนี้เลยนะพี่อ้อย
00:08:25 → 00:08:29 อืตัวแปรทั้งหมดที่มีรวมถึงความสัมพันธ์
00:08:29 → 00:08:32 ใช่อือเพราะถ้าเกิดว่าเราเนี่ยมีความ
00:08:32 → 00:08:36 สัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิดสนิทชึดเชื้อแบบ
00:08:36 → 00:08:39 ว่ามากเลยแล้วก็สามารถบอกได้เลยว่าโทรมา
00:08:39 → 00:08:41 บอกได้เลยว่าไอ้ที่ซื้อมาฝากว่ามันเน่า
00:08:41 → 00:08:46 ว่ะออืแต่ถ้าเกิดว่าเราไปฝากคนที่เราแบบ
00:08:46 → 00:08:49 ว่าอยากจะไปฝากเค้าแต่เราไม่ได้สัมพันธ์
00:08:49 → 00:08:51 สนิทชิดเชื้อขนาดนั้นพี่อ้อยคิดว่าเจะ
00:08:51 → 00:08:54 กล้าบอกมั้ยคิดว่าไม่นะคะเออคิดว่าไม่
00:08:54 → 00:08:57 แล้วแล้วไม่เนี่ยก็อันตรายเล็กๆว่าไม่บอก
00:08:57 → 00:09:00 แล้วว่าไปคิดมากหรือเปล่าว่ามันซื้ออะไร
00:09:00 → 00:09:04 มาฝากวะไม่ได้เรื่องเลยหรือว่าเออแบบไม่
00:09:04 → 00:09:07 ได้คิดลบอ่ะมันจะมีคิดลบกับไม่คิดลบอนี่
00:09:07 → 00:09:10 แหละครับพี่อ้อยประเด็นที่ผมมาถามว่าจะ
00:09:10 → 00:09:14 บอกหรือไม่บอกดีเพราะตรงนี้ครับออืเพราะ
00:09:14 → 00:09:17 การที่เราบอกหรือไม่บอกเนี่ยมันจะเป็น
00:09:18 → 00:09:23 เหตุที่ทำให้ตัวละครใดตัวละครหนึ่งคือตัด
00:09:23 → 00:09:26 แม่ค้าออกไปเลยนะค่ะระหว่างผู้ให้กับผู้
00:09:26 → 00:09:31 รับเนี่ยมีความสุขหรือมีความทุกข์
00:09:31 → 00:09:36 อืเพราะว่ามีผู้ซื้อผลไม้บางคนนะพี่ห้อย
00:09:36 → 00:09:41 ค่ะซื้อผลไม้ไปฝากค่ะใครบางคนค่ะแล้ว
00:09:41 → 00:09:44 ปรากฏว่ามันเน่าอืเน่าเสร็จปึ๊บเา้าโทรมา
00:09:44 → 00:09:49 บอกอเลยแต่พอบอกปึ๊บของพี่อ้อยเนี่ยพอ
00:09:49 → 00:09:52 เพื่อนโทรมาบอกว่าผลไม้ไม่เวิร์คอือพี่
00:09:52 → 00:09:56 อ้อยทุกข์มั้ยเฉยแต่ว่าเจ้านี้นะอย่าหวัง
00:09:56 → 00:09:59 นะฉันจะไม่ไปซื้ออีกอใช่มั้ยอ่าเพราะคุณ
00:10:00 → 00:10:02 ไม่จริงใจซึ่งการบอกของเพื่อนเนี่ยดีหรือ
00:10:02 → 00:10:05 ไม่ดีเรารู้สึกดีเรารู้สึกดีดีใช่มั้ย
00:10:05 → 00:10:08 ทั้งเพื่อนก็ก็ได้บอกแล้วเราก็จะได้รู้
00:10:08 → 00:10:10 สึกดีเราจะได้ไม่ไปซื้ออีกอันนี้มีแต่
00:10:10 → 00:10:13 เรื่องดีเกิดขึ้นจากการบอกค่ะค่ะแต่เหตุ
00:10:13 → 00:10:16 การณ์อีกเหตุการณ์นึงอืคนนึงซื้อไปฝากอีก
00:10:16 → 00:10:20 คนนึงแล้วเน่าแล้วคนรับก็เลยโทรมาบอกคน
00:10:20 → 00:10:23 ซื้อมาฝากเน่าแต่ว่าคนที่ซื้อมาฝากอ่ะ
00:10:23 → 00:10:27 ทุกข์ใจมากเลยอืทุกข์ใจมากเพราะว่าว่าฉัน
00:10:27 → 00:10:28 เอาของไม่ดีไปให้อย่างงี้เหรอคะเหมือนถูก
00:10:29 → 00:10:32 ตำหนิอ๋อถูกตำหนิเออเหมือนถูกตำหนิแล้วมี
00:10:32 → 00:10:35 ความรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนแย่มากเลยอ่ะอ
00:10:35 → 00:10:39 อือที่ซื้อผลไม้น้าออกไปฝากเค้าอ่ะอ่า
00:10:40 → 00:10:43 อย่างเงี้ยแล้วก็ทุกข์ใจอือแล้วก็เสียเซล
00:10:43 → 00:10:48 เลยนะอืนี่ไงผมก็เลยอันนี้เป็นเหตุที่ทำ
00:10:48 → 00:10:51 ให้ผมเกิดความคิดว่าเอากรณีนี้กรณีเดียว
00:10:51 → 00:10:53 เลยผลไม้เน่าเนี่ย
00:10:53 → 00:10:57 อการที่เราจะบอกหรือไม่บอกเนี่ยมันมีตัว
00:10:57 → 00:11:01 แปรเยอะมากอืใช่แล้วเราไม่สามารถที่จะบอก
00:11:01 → 00:11:05 ได้เลยนะว่าบอกคนที่ได้รับผลไม้และผลไม้
00:11:06 → 00:11:10 เน่าแล้วโทรไปบอกเค้าเนี่ยเป็นคนไม่ดีอือ
00:11:10 → 00:11:14 หรือเป็นคนดีอือบอกไม่ได้บอกไม่ได้ค่ะ
00:11:14 → 00:11:17 แล้วบอกไม่ได้ตัดสินไม่ได้แล้วก็คนที่
00:11:17 → 00:11:21 ซื้อผลไม้เนี่ยซื้อผลไม้ไปฝากคนอื่นแล้ว
00:11:21 → 00:11:24 ดันซื้อผลไม้เน่าคนนี้เป็นคนไม่ดีหรือ
00:11:24 → 00:11:30 เป็นคนดีก็บอกไม่ได้อีกคือการตัดสิน
00:11:30 → 00:11:34 ว่าคนดีหรือไม่ดีพี่อ้อยคิดว่าทุกกรณีอื
00:11:34 → 00:11:37 ต้องไม่ตัดสินอยู่แล้วตัดสินไม่ได้เลยไม่
00:11:37 → 00:11:40 ได้อยู่แล้วแต่ว่าพี่อ้อยกลับมองอีกมุม
00:11:40 → 00:11:43 นึงพี่หวีอือมองในมุมนึงพอดีไปนึกถึง
00:11:43 → 00:11:46 ประสบการณ์ในตอนวัยเด็กอ่าเราก็นึกถึง
00:11:46 → 00:11:51 กรณีนี้ว่าการที่เราบอกและเราบอกเหตุผล
00:11:51 → 00:11:57 และเจตนาอเออด้วยเอออันเนี้ยมันจะช่วยให้
00:11:57 → 00:12:02 คนที่เอ่อเอ่อฝ่ายที่เป็นคนถูกบอกอ่ะว่า
00:12:03 → 00:12:06 อุ๊ยผลไม้ที่คุณให้มันเน่านะเค้าจะไม่รู้
00:12:07 → 00:12:09 สึกไม่ดีหรือไม่ไม่รู้สึกว่าถูกตำหนิหรือ
00:12:09 → 00:12:12 เปล่าเอออันเนี้ยมันเป็นกรณีตอนพี่อ้อย
00:12:12 → 00:12:16 มัธยมเลยฮะๆเป็นโรงเรียนหญิงล้วนเออมี
00:12:16 → 00:12:20 เพื่อนผู้หญิงคนนึงแล้วเมีกลิ่นตัวออแล้ว
00:12:20 → 00:12:24 ไม่มีใครกล้าบอกเเลยเออๆคิดนานมากเออจะ
00:12:24 → 00:12:27 บอกดีไม่บอกดีบอกดีไม่บอกดีอย่างเงี้ย
00:12:27 → 00:12:31 แล้วเสร็จเสร็จแล้วเจตนาเอ่อคิดกับตัวเอง
00:12:31 → 00:12:36 ว่าเฮ้ยเราบอกอ่ะเรามีเจตนาดีอืบอกเถอะอื
00:12:36 → 00:12:39 ก็เลยสกิดเพื่อนไป 2 คนอือแล้วก็บอกว่า
00:12:39 → 00:12:42 เนี่ยเราบอกอะไรเถอะได้มั้ยอือๆเออ
00:12:42 → 00:12:46 อันเนี้ยเราไม่มีใครกล้าบอกเธอนะแต่เรา
00:12:46 → 00:12:50 อ่ะอยากบอกอือเพราะว่าเพราะว่าเรารู้ว่า
00:12:50 → 00:12:54 อันนี้มันเป็นจุดที่ควรแก้ไขอืเออแล้วเรา
00:12:54 → 00:12:57 ก็รู้ว่าเรื่องนี้ไม่มีใครกล้าที่จะบอก
00:12:57 → 00:13:00 แต่เราอยหวังดีแล้วเราอยากให้เธอได้แก้ไข
00:13:00 → 00:13:04 เราก็เลยมาบอกว่าเธอมีกลิ่นตัวอือเขาบอก
00:13:04 → 00:13:08 ว่าจริงเหรอเออไม่เคยรู้เลยอุ๊ยขอบคุณมาก
00:13:08 → 00:13:11 เลยนะเอออย่างเงี้ยค่ะก็กลายเป็นแบบ
00:13:11 → 00:13:14 เรื่องที่เข้าใจกันแล้วเขาก็ไปแก้ไขอื
00:13:14 → 00:13:17 เอ่าหุยอันนี้ดีมากเลยครับคุณฟังต้อง
00:13:17 → 00:13:20 ขอบคุณพี่อ้อยเพราะอะไรเพราะว่าที่เรา
00:13:20 → 00:13:24 เปิดประเด็นนี้มาปุ๊บเนี่ยเพราะว่ามันเรา
00:13:24 → 00:13:26 เราแคร์เรื่องนี้ไงค่ะเราแคร์ว่าถ้าเรา
00:13:26 → 00:13:29 บอกไปแล้วจะเป็นผลดีหรือหรือเป็นผลเสีย
00:13:29 → 00:13:33 อ่าแล้วถ้าเราไม่บอกจะเป็นผลดีหรือเป็นผล
00:13:33 → 00:13:36 เสียอผมก็มีหน้าที่เปิดประเด็นอย่างเดียว
00:13:36 → 00:13:39 เลยค่ะแล้วพี่อ้อยเป็นเป็นผู้มีหน้าที่
00:13:39 → 00:13:43 เก็บประเด็นแล้วก็หา solution แล้ว solu
00:13:43 → 00:13:46 พี่อ้อยเนี่ยคือสิ่งนี้เลยที่ผมรที่ผมรอ
00:13:46 → 00:13:50 เลยเออเหรอคะคือในที่สุดแล้วการบอกหรือ
00:13:51 → 00:13:54 ไม่บอกเนี่ยมันจะส่งผลดีหรือไม่ดีเนี่ย
00:13:54 → 00:13:59 มันขึ้นอยู่กับองค์ประกอบแวดล้อมอื่นอือ
00:13:59 → 00:14:04 อือือฮึอย่างที่มีคนเกี่ยวข้องตัวแปรทั้ง
00:14:04 → 00:14:07 หลายเอทั้งหลายเนี่ยมันเกี่ยวข้องแล้วพี่
00:14:07 → 00:14:13 อ้อยก็มีวิธีในการแก้ไขอืก็คือบอกเหอะอือ
00:14:13 → 00:14:19 แต่ว่าไม่ใช่บอกเลยนะอ่าบอกแล้วก็มีวิธี
00:14:19 → 00:14:23 ในการส่งมอบนี้อ่ะอือฮึแบบที่พี่ย่อใช้คำ
00:14:23 → 00:14:26 ว่าบอกพร้อมคำอธิบายอ่ะใช่ค่ะเหมือนกับ
00:14:26 → 00:14:29 ให้อะไรบางอย่างพร้อมคู่มือประกอบือไง
00:14:29 → 00:14:33 instru เลยเออใช่พร้อมคำอธิบายแล้วผมชอบ
00:14:33 → 00:14:37 มากเลยนะว่าวิธีในการให้คำอธิบายของพี่
00:14:37 → 00:14:39 อ้อยเนี่ยมันทำให้เา้าแบบ
00:14:39 → 00:14:46 ว่ารับได้ง่ายขึ้นค่ะแล้วมีการบอกถึง
00:14:46 → 00:14:49 เบื้องหลังด้วยนะว่าเรื่องแบบนี้เนี่ยคน
00:14:49 → 00:14:53 อื่นเขาไม่กล้าบอกนะอือเออแต่ย้ำเลยว่า
00:14:53 → 00:14:56 คุณอื่นไม่กล้าบอกแต่เราอ่ะก็ไม่แน่ใจ
00:14:56 → 00:14:58 เหมือนกันนะแต่เราขอบอกได้มั้ยอะไรเงี้
00:14:58 → 00:15:01 แล้วมีการถามก่อนด้วยนะใช่ค่ะเออค่ะโหคุณ
00:15:01 → 00:15:05 ผฟังเห็นมั้ยครับว่าในที่สุดแล้ววิธีการ
00:15:05 → 00:15:06 ก็ปรากฏ
00:15:06 → 00:15:10 ขึ้นว่าเวลาที่เราเจอสถานการณ์ว่าเราจะ
00:15:10 → 00:15:13 บอกหรือไม่บอก
00:15:13 → 00:15:18 ดีหลังจากที่เราคิดสารตะซะมาดีแล้วดีแล้ว
00:15:18 → 00:15:24 อือแล้วก็ตัดสินใจแล้วการถามนำไปก่อนอ่ะ
00:15:24 → 00:15:27 อือๆหรือว่าเกริ่นไปก่อนอือมันเหมือน
00:15:28 → 00:15:32 เตรียมผู้รับอ้าการเตรียมเตรียมความพร้อม
00:15:32 → 00:15:35 ของผู้รับเออๆให้เค้าอย่างน้อยเเปิดใจเออ
00:15:35 → 00:15:40 ๆที่จะนิดนึงก็ยังดีแต่ไม่ใช่อยู่ๆโล่ง
00:15:40 → 00:15:44 เออถ้าพี่วีโทรไปฮัลโหลที่ผลไม้ที่คุณให้
00:15:44 → 00:15:47 มามันเน่านะเออเป็นเรื่องสิคะเอเออใช่
00:15:47 → 00:15:50 มั้ยใช่ค่ะนี่ไงเหมือนเหมือนอันนี้เลยว่า
00:15:50 → 00:15:55 นี่เธอเธอมีอิ่นตัวนะก็เป็นเรื่องเออๆ
00:15:55 → 00:15:57 แสดงว่าอีกอันนึงเลยไม่พชื่อตอนตอนเยแต่
00:15:57 → 00:15:59 ว่าถ้าเกิดว่าชื่อตอนที่เหมาะสมเนี่ยมัน
00:15:59 → 00:16:02 จะยาวกว่านี้มากออเหรอคะคืออะไรคะก็คือ
00:16:02 → 00:16:05 ชื่อตอนบอกว่าจะบอกหรือไม่บอกดีไงค่ะก็
00:16:05 → 00:16:08 คือว่าอะไรเราก็แค่คิดว่าการบอกนั้นมันดี
00:16:08 → 00:16:12 หรือไม่ดีอืการไม่บอกดีหรือไม่ดีอือแค่
00:16:12 → 00:16:17 นี้ไงถามว่าพอมั้ยไม่พออือว่าดีหรือไม่ดี
00:16:17 → 00:16:20 ไม่พออือแต่ว่ามัน
00:16:20 → 00:16:25 มีตัวแปรอื่นที่พี่อ้อยพูดเมื่อกี้ไงค่ะ
00:16:25 → 00:16:28 ว่ามันจะต้องมีการเตรียมความพร้อมเออถึง
00:16:28 → 00:16:34 แม้แม้จะบอกดีนะแต่ก็ไม่ใช่บอกไปเลยนะใช่
00:16:34 → 00:16:37 ต้องมีการเตรียมความพร้อมค่ะเหมือนกับทำ
00:16:37 → 00:16:39 ให้ผมนึกถึงเรื่องตลกเรื่องนึงนะพี่อ้อย
00:16:39 → 00:16:41 ออค่ะก็เป็นเรื่องประมาณนี้แหละนะเวลาที่
00:16:41 → 00:16:43 เราตัดสินใจว่าจะบอกหรือไม่บอกดีเนี่ย
00:16:43 → 00:16:45 เพราะว่าบอกไปแล้วมันทำให้เค้าตกใจหรือ
00:16:45 → 00:16:48 เปล่าอะไรอย่าเงี้นะเค้าก็เลยมีเรื่องก็
00:16:48 → 00:16:51 มีอยู่ว่าอมี
00:16:51 → 00:16:55 เอ่อผู้ชายคนหนึ่ง
00:16:55 → 00:16:59 เค้าเลี้ยงแมวอือฮึนะเค้าเลี้ยงแมวแล้ว
00:16:59 → 00:17:02 เขาก็รักแมวมากอือแล้วมีวันนึงเขาก็ไป
00:17:02 → 00:17:05 ประชุมต่างประเทศอือแล้วเขาก็อยู่ๆเวลา
00:17:05 → 00:17:07 ที่เขาอยู่ต่างประเทศกำลังประชุมอยู่
00:17:07 → 00:17:11 เนี่ยอือเขาก็มีภรรยาเโทรศัพท์ไปบอกค่ะ
00:17:11 → 00:17:15 บอกนี่คุณแมวที่คุณเลี้ยงอ่ะอือที่คุณรัก
00:17:15 → 00:17:18 มากเนี่ยเมื่อวานเนี้ยมันตกจากหลังคาแล้ว
00:17:18 → 00:17:21 มันตายเลยนะอุ้ยโอ้โหแบบ
00:17:21 → 00:17:25 อืคือภรรยาก็คงไม่รู้เค้าได้คิดก่อนรือ
00:17:26 → 00:17:27 เปล่าว่าจะบอกหรือไม่บอกดีอะไรอย่างงี้
00:17:27 → 00:17:30 ใช่มั้ยแต่ในที่สุดตใจบอกอ่ะเออก็บอกใน
00:17:30 → 00:17:35 ที่สุดก็บอกบอกปุ๊บสามีใจเสียเลยอืเออ
00:17:35 → 00:17:37 สามีใจเสียแล้วก็เลยในเมื่อสามีเค้าเป็น
00:17:37 → 00:17:41 คนที่แบบว่าเป็นนักสื่อสารด้วยไงเคก็เลย
00:17:41 → 00:17:44 สอนภรรยาบอกนี่คุณเวลาที่คุณจะสื่อสาร
00:17:44 → 00:17:47 เรื่องนี้มันทำให้ผมใจเสียนะแต่ผมจะแนะนำ
00:17:47 → 00:17:51 คุณนิดนึงนะว่าคราวหลังเนี่ยคุณก็สเต็ป
00:17:51 → 00:17:55 ที่ 1 คุณก็ต้องโทรบอกผมก่อนว่านี่คุณแมว
00:17:55 → 00:17:58 คุณน่ะที่คุณเลี้ยงไว้อ่ะมันตกจากหลังคา
00:17:58 → 00:18:02 นะอือๆคือบอกแค่นี้แล้วตอนนี้ฉันส่งลงมา
00:18:02 → 00:18:04 คือถึงแม้ว่าในความเป็นจริงคือมันตายนะ
00:18:04 → 00:18:06 อือๆแต่คุณยังไม่บอกว่ายังไม่ต้องบอกว่า
00:18:06 → 00:18:09 มันตายอ่ะค่ะบอกว่าตอนนี้ให้หมอรักษาอยู่
00:18:09 → 00:18:16 นะอืคือมันก็จะแบบว่าใจเตรียมใจเอออืแบบ
00:18:16 → 00:18:20 ยังยังไม่ตายอ่ะก็ยังโอโหโชคดีจังเลยหเออ
00:18:20 → 00:18:23 ยังมีความหวังเนี่ยแล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้คุณ
00:18:23 → 00:18:26 ค่อยโทรมาบอกก็ได้อือว่าเนี่ยหมอรักษา
00:18:26 → 00:18:30 แล้วก็บอกว่ามันนั่นแะไหมันตายนะอืองั้น
00:18:30 → 00:18:33 ตอนที่เราบอกว่าตายเนี่ยก็คือว่าอะไรอือ
00:18:33 → 00:18:36 มันก็ไม่ไม่โครมเดียวอ่ะอืใช่เตรียม
00:18:36 → 00:18:39 เตรียมความพร้อมก่อนใช่ค่ะใช่มั้ยหลังจาก
00:18:39 → 00:18:43 นั้นปึ๊บอ่าภรรยาก็เกิดการเรียนรู้ะนะ
00:18:43 → 00:18:47 เนี่ยออีกเดือนต่อมาไปประชุมอีกอืค่ะไป
00:18:47 → 00:18:50 ประชุมอีกคราวนี้พอประชุมอยู่ปุ๊บเนี่ย
00:18:50 → 00:18:55 วันที่ 2 ปุ๊บภรรยาโทรมาบอกว่านี่คุณแม่
00:18:55 → 00:18:58 คุุณน่ะอือฉันไปเยี่ยบแม่คุณเมื่อวาน
00:18:58 → 00:19:02 เนี่ยแม่คุณเนี่ยประสบอุบัติเหตุนะเล้ม
00:19:02 → 00:19:05 แต่ตอนเฉันส่งโรงพยาบาลแล้วโหมัน
00:19:05 → 00:19:09 แพทเทิร์นแพทเทิร์นแมวชัด
00:19:09 → 00:19:12 ๆอันนี้เป็นเรื่องตลกที่นักสื่อสารเค้า
00:19:12 → 00:19:17 คุยกันเอแสดงว่าอะไรแสดงว่าแม่เดทแล้วแม่
00:19:17 → 00:19:21 เดทแล้วแม่เสียชีวิตแล้วนะฮะค่ะแต่แต่ว่า
00:19:21 → 00:19:24 อันนี้มันเข้าเข้าเรื่องเกี่ยวกับที่พี่
00:19:24 → 00:19:28 อ้อยพูดถึงเลยว่าอืมันจะมีการเตรียมความ
00:19:28 → 00:19:32 ความพร้อมผู้ฟังค่ะชื่อตอนตอนนี้ถึงแม้
00:19:32 → 00:19:35 แค่เราบอกว่าผมกำลังผม
00:19:36 → 00:19:39 กำลังตัดสินใจอยู่ค่ะว่าจะบอกหรือไม่บอก
00:19:39 → 00:19:43 ดีค่ะแต่ว่าถ้าเราตัดสินใจอยู่แล้วหวัง
00:19:44 → 00:19:46 ว่าจะบอกหรือไม่บอกอือแค่ดีหรือไม่ดีไม่
00:19:46 → 00:19:50 พออือฮึอ่าอ่าไม่ว่าจะบอกหรือไม่บอกไม่
00:19:50 → 00:19:53 ว่ามันจะดีหรือไม่ดีต้องมีการเตรียมความ
00:19:53 → 00:19:57 พร้อมผู้ฟังเตรียมความพร้อมผู้ฟังนี่ใช่
00:19:57 → 00:20:00 เลยแล้วมันจะทำให้เสามารถที่จะรับสิ่ง
00:20:00 → 00:20:03 นั้นได้ออันนี้ผมได้กลยุทธ์เลยนะพี่อ้อย
00:20:03 → 00:20:07 ออได้กลยุทธ์เพื่อที่จะไปช่วยใครบางคนที่
00:20:07 → 00:20:10 ที่จริงที่ต้องบอกก่อนว่าสาเหตุที่คุย
00:20:11 → 00:20:14 เรื่องนี้เพราะว่าได้รับได้รับฟังเรื่อง
00:20:14 → 00:20:18 ราวมาอือจากคนๆนึงจากเพื่อนคนนึงที่เขามา
00:20:18 → 00:20:20 เล่าเรื่องนี้ให้ฟังค่ะแล้วก็บอกว่า
00:20:20 → 00:20:24 เพื่อนร่วมงานเขาอ่ะซื้อผลไม้ไปฝากคนอ
00:20:24 → 00:20:28 แล้วได้รับฟีดแบคว่าผลไม้เน่าอือฮึแล้วก็
00:20:28 → 00:20:31 เลยใจเสียอืแล้วก็เลยตำหนิตัวเองแล้ว
00:20:31 → 00:20:35 ตำหนิตัวเองแล้วก็เสียเซลแล้วก็ทุกข์ใจ
00:20:35 → 00:20:38 ค่ะนี่ไงผมก็เลยเอ๊เราจะได้ประโยชน์อะไร
00:20:38 → 00:20:41 จากเรื่องนี้เนี่ยอือก็เอามาคิดต่ออือฮึ
00:20:42 → 00:20:44 คิดต่อแล้วก็ว่าเอ๊ะถ้าเราเอามาคิดต่อ
00:20:44 → 00:20:48 แล้วเราเอาคำถามนี้เนี่ยมาถามพี่อ้อยนะ
00:20:48 → 00:20:50 น่าจะได้
00:20:50 → 00:20:53 solu ระวังผิดหวังนะคะพี่วีอืผมรับ
00:20:53 → 00:20:55 ประกันได้ผมไม่ผิดหวังหรอกผมไม่ใช่เป็น
00:20:55 → 00:20:59 พ่อค้าขายฝรั่งนะที่แบอร่อยแน่นอนไม่ใช่
00:20:59 → 00:21:02 ไม่ใช่นะค่ะเนี่ยคุณผู้ฟังสังเกตมั้ยแสดง
00:21:02 → 00:21:06 ว่าตอนนี้นะพี่อ้อยนะผมคิดว่าสิ่งที่เรา
00:21:06 → 00:21:10 ได้เรียนรู้ก็คือว่าเวลาที่เราแล้วพี่
00:21:10 → 00:21:12 อ้อยก็ผมก็พูดถึงแต่ผลไม้ใช่มั้ยแต่พี่
00:21:12 → 00:21:14 อ้อยยกตัวอย่างมาเรื่องสมัยเป็นเด็ก
00:21:14 → 00:21:18 เรื่องกึ่งตัวคุณผู้ฟังลองนึกถึงว่าใน
00:21:18 → 00:21:23 ชีวิตเราเราเคยเจอใครมั้ยออือที่เราตก
00:21:23 → 00:21:26 อยู่ในสภาวะที่เราจะบอกหรือไม่บอกดีมัน
00:21:26 → 00:21:29 ต้องมีค่ะพี่วีไม่เหตุการณ์ใดก็เหตุการณ์
00:21:29 → 00:21:31 หนึ่งเออแล้วมันจะเป็นเหตุการณ์ที่รู้สึก
00:21:31 → 00:21:35 หนักใจมากเลยคือมันเหมือนกับว่าอเอ่อบอก
00:21:35 → 00:21:39 แล้วจะดีหรือไม่แต่ว่าถ้าไม่บอกก็รู้สึก
00:21:39 → 00:21:43 แบบมันติดค้างในใจอย่างเงี้ยค่ะอๆเนี่ย
00:21:43 → 00:21:46 แสดงว่าคราวนี้ที่ผมได้เรียนรู้เลยนะพี่
00:21:46 → 00:21:48 อ้อยแสดงว่าค่ะการบอกหรือไม่บอกดีหรือไม่
00:21:48 → 00:21:52 ดีนี่เรื่องนึงแต่ว่ามันจะมีขั้นตอนที่มา
00:21:52 → 00:21:54 ช่วยอทำให้ผมนึกถึงอีกเรื่องนึงเลยพี่ออย
00:21:54 → 00:21:58 เวลาที่ผมแบบเอ่อเวลาที่เราเป็นผู้ฟัง
00:21:58 → 00:22:02 แล้วมีวิทยากรเนี่ยค่ะแล้วปรากฏว่า
00:22:02 → 00:22:05 วิทยากรเนี่ยอือเป็นเป็นอาจารย์เนี่ยที่
00:22:05 → 00:22:08 เป็นเป็นสุภาพบุรุษเป็นผู้ชายค่ะก่อนที่
00:22:08 → 00:22:10 เขาจะเตรียมความพร้อมเริ่มก่อนบรรยายส่วน
00:22:10 → 00:22:14 ใหญ่เค้าจะไปไหนครับพี่ย้อยคือวิทยากร
00:22:14 → 00:22:17 ก่อนจะเริ่มบรรยายเลยเจะแนะนำตัวหืก่อน
00:22:17 → 00:22:19 หน้านั้นก่อนหน้าที่เขมาในห้องก่อนการ
00:22:19 → 00:22:21 บรรยายวิทยากรเจะเตรียมความพร้อมด้วยอะไร
00:22:21 → 00:22:24 รู้มั้ยเตรียมคำพร้อด้วยอะไรคะไปเข้าห้อง
00:22:24 → 00:22:28 น้ำเพราะพี่ให้ข้ามขั้นตอนนั้นไปใช่ป่ะ
00:22:29 → 00:22:31 เพราะคนเป็นวิทยากรก็คือเตรียมตัวให้
00:22:31 → 00:22:34 พร้อมให้แต่งเข้าห้องน้ำแต่งตัวแล้วก็จะ
00:22:34 → 00:22:36 ต้องทำภารกิจให้เรียบร้อยเพราะในระหว่าง
00:22:36 → 00:22:39 การบรรยายเนี่ยใช่คุณจะไปไหนไม่ได้คือคุณ
00:22:39 → 00:22:41 บอกเออเดี๋ยวพักก่อนเดี๋ยวผมไปเข้าห้อง
00:22:41 → 00:22:44 น้ำก่อนเนี่ยไม่ได้นะค่ะวิทยากรไม่ได้นะ
00:22:44 → 00:22:47 ไม่ควรนะไม่ไม่ไม่ได้แล้วไม่เคยเจอเหตุ
00:22:48 → 00:22:50 การณ์นี้เลยเออใช่ป่ะค่ะยกเว้นว่าท้อง
00:22:50 → 00:22:53 เสียอย่างรุนแรงอันนี้ยังต้องอั้นเลยใช่
00:22:53 → 00:22:57 ป่ะแต่ว่าผู้ฟังอ่ะไม่ได้ผู้ฟังอ่ะได้ฟัง
00:22:57 → 00:22:59 ๆอยู่เปิดีก็
00:22:59 → 00:23:02 ไปเข้าห้องน้ำได้ใช่มั้ยแต่ผู้พูดไม่ได้
00:23:02 → 00:23:05 นะเออเพราะฉะนั้นเนี่ยวิทยากรส่วนใหญ่
00:23:05 → 00:23:07 เนี่ยต้องไปเข้าห้องน้ำผมก็เป็นอย่างงั้น
00:23:07 → 00:23:10 ใช่ป่ะให้ให้พร้อมเลยนะแล้วเราก็จะเจอ
00:23:10 → 00:23:14 สถานการณ์นึงที่วิทยากรก่อนเริ่มบรรยายไป
00:23:14 → 00:23:17 เข้าห้องน้ำใช่มั้ยค่ะแล้วลืมลู่ซิ
00:23:17 → 00:23:22 โอ้โหเออแล้วเราเป็นผู้ฟังอ่ะเราเห็นเรา
00:23:22 → 00:23:26 เราเห็นแล้วเราจะบอกหรือไม่บอกดีค่ะเออ
00:23:26 → 00:23:29 พี่อ้อยไม่ได้เจอเจอเหตุการณ์นี้บนเวที
00:23:29 → 00:23:34 ของวิทยากรเออแต่พี่อ้อยเจออ่าเป็นคนร่วม
00:23:34 → 00:23:39 อร่วมห้องในการเรียนรู้ฮะๆค่ะก็พี่อ้อยก็
00:23:39 → 00:23:44 ประชิดตัวค่ะเออๆๆแล้วพี่อ้อยก็บอกว่ารู้
00:23:44 → 00:23:49 จิบหน่อยออนี่ไงเราหลายคนก็บอกว่าจะบอก
00:23:49 → 00:23:52 หรือไม่บอกดีค่ะเพราะถ้าบอกตอนนั้นเดี๋ยว
00:23:52 → 00:23:57 เค้าก็จะทำไม่รู้จะอาจจะอายก็ได้นะหรือ
00:23:57 → 00:24:00 แต่ถ้าไม่บอกบอกเค้าก็จะอับอายไปยาวเลย
00:24:00 → 00:24:04 ล่ะอะไรอย่างเงี้ยใชค่ะมันเพะงั้นเห็น
00:24:04 → 00:24:06 มั้ยครับคุณผู้ฟังต้อง
00:24:06 → 00:24:10 ช่างบอกดีหรือไม่บอกดีนี่เรื่องนึงแต่ว่า
00:24:10 → 00:24:13 ไม่ว่าจะบอกหรือไม่บอกก็ต้องมีศิลปะและมี
00:24:13 → 00:24:15 การเตรียมความพร้อมใช่แต่กลยุทธ์นี้พี่
00:24:15 → 00:24:19 อ้อยบอกว่าต้องบอกอนะต้องบอกค่ะแต่บอกแบบ
00:24:19 → 00:24:23 ประชิดตัวบอกแบบประชิดตัวก็คือถ้าเค้า
00:24:23 → 00:24:26 กำลังหันหน้าแล้วผู้คนเยอะๆเราจะประชิด
00:24:26 → 00:24:30 ตัวแล้วเราพาเหันหลังเลยเราก็บอกเขเก็จะ
00:24:30 → 00:24:34 สามารถแก้ไขใช่มั้ยใช่ค่ะกับอีกอันนึงน่า
00:24:34 → 00:24:38 จะเป็นตัวอย่างสุดท้ายเราจะเห็นคนบางคนทำ
00:24:38 → 00:24:43 อะไรบางอย่างในโซเชียล Media อืที่ผิด
00:24:43 → 00:24:47 พลาดอือแล้วเราจะบอกหรือไม่บอกดี
00:24:47 → 00:24:51 อือันนี้พี่อ้อยไม่ไม่อยากให้ความเห็นมัน
00:24:51 → 00:24:54 ยากอ่าใช่เพราะมันเป็นการสื่อสารผ่านตัว
00:24:54 → 00:25:01 หนังสือผ่านระบบอีกมันไม่ใช่ตัวต่อตัวเ to
00:25:01 → 00:25:03 เค่ะอใช่อันเนี้ยอันนี้ผมก็เจอสถานการณ์
00:25:03 → 00:25:06 นี้บ่อยๆแล้วผมใช้วิธีอะไรรดีมั้ยค่ะเวลา
00:25:06 → 00:25:09 ที่เ้าทำอะไรบางอย่างผิดพลาดเนี่ยผมส่วน
00:25:09 → 00:25:12 ใหญ่ถ้าเกิดเป็นเรื่องสำคัญรุนแรงร้ายแรง
00:25:12 → 00:25:16 นะผมจะบอกแต่ว่าผมจะบอกหลังบ้าน
00:25:16 → 00:25:21 อืคือผมจะมีหลักของผมว่าในโซเชียล Media
00:25:21 → 00:25:23 ถ้าผมต้องบอกอะไรใครบางอย่างถ้าเรื่อง
00:25:23 → 00:25:26 นั้นเป็นเรื่องดีผมจะบอกในที่สาธารณะอ่า
00:25:26 → 00:25:29 อันนี้สำคัญมากชอบมากมาแต่ถ้าเป็นเรื่อง
00:25:29 → 00:25:31 ไม่ดีเรื่องต้องปรับปรุงแก้ไขผมจะบอกเป็น
00:25:31 → 00:25:35 การส่วนตัวหลังบ้านค่ะแบบอส่ง Message ไป
00:25:35 → 00:25:39 inbox ส่วนตัวอ่าค่ะเรื่องดีบอกในที่
00:25:39 → 00:25:42 สาธารณะค่ะเรื่องไม่ดีบอกเป็นการส่วนตัว
00:25:42 → 00:25:46 โออันนี้เป็นหลักการที่พึงกระทำเลยนะคะ
00:25:46 → 00:25:49 นึกถึงหัวหน้าลูกน้องเออๆถ้าด่าลูกน้องไป
00:25:49 → 00:25:53 ด่ากัน 2 คนแต่ถ้าชมลูกน้องไปชมสาธารณะ
00:25:53 → 00:25:55 นี่เห็นมั้ยก็กลายเป็นเรื่องเป็นเรื่อง
00:25:55 → 00:25:58 เดียวกับที่เรากำลังพูดถึงเลยนะฮะว่าจะ
00:25:58 → 00:26:00 บอกหรือไม่บอกดีเนี่ยเป็นเรื่องนึงแต่
00:26:00 → 00:26:03 ศิลปะในการบอกต้องมีการเตรียมความพร้อม
00:26:03 → 00:26:04 ค่ะ
00:26:04 → 00:26:09 และต้องมีศิลปะในการส่งมอบค่ะค่ะโอ้สรุป
00:26:09 → 00:26:12 แล้ววันนี้บอกหรือไม่บอกดียังไม่รู้แต่
00:26:12 → 00:26:15 ไม่รู้แต่ต้องคิดเพิ่มเติมนะฮะแต่ว่าวัน
00:26:15 → 00:26:19 นี้ศัลกรรมความสุขวเวลาหมดลงแล้วนะครับผม
00:26:19 → 00:26:21 และพี่อ้อยต้องลาไปก่อนครับสวัสดีครับ
00:26:21 → 00:26:24 สวัสดี
00:26:24 → 00:26:27 ค่ะติดตามรายการทางเว็บไซต์และ
00:26:27 → 00:26:30 แอปพลิเคชันของ Thai PBS podcast
00:26:30 → 00:26:33 spotify soundcloud Google podcast
00:26:33 → 00:26:35 Apple podcast และ YouTube Channel
00:26:35 → 00:26:40 Thai PBS podcast tha PBS podcast
00:26:40 → 00:26:42 View the world via The Voice
00:26:42 → 00:26:48 [เพลง]