00:00:00 → 00:00:01 Social Marketing เนี่ยเน้นในเรื่องของ
00:00:01 → 00:00:04 การปรับเปลี่ยน Behavior คือการปรับ
00:00:04 → 00:00:07 เปลี่ยนเรื่องพฤติกรรมคือเราไม่ได้เน้น
00:00:07 → 00:00:09 เรื่องของการแบบทำแอโฆษณาหรือการแบบ
00:00:09 → 00:00:11 communicate ไปเรื่อยๆแต่เราเน้นว่าสุด
00:00:11 → 00:00:13 ท้ายแล้วเนี่ยคือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
00:00:13 → 00:00:16 เหล่าเนี้ยจะต้องนำมาซึ่งแบบพฤติกรรมที่
00:00:16 → 00:00:18 ดีขึ้นต้องบอกว่า Social Marketing
00:00:18 → 00:00:20 เนี่ยชื่อมันก็บอกแล้วว่าการตลาดเพื่อ
00:00:20 → 00:00:22 สังคมเนี่ยแปลว่ามันเน้นในเรื่องของสังคม
00:00:22 → 00:00:25 ด้วยแล้วก็น่าจะเรียกว่าเป็นจุดเน้นมาก
00:00:25 → 00:00:32 กว่าตัวเองด้วย
00:00:33 → 00:00:35 สวัสดีครับยินดีต้อนรับเข้าสู่ podcast
00:00:35 → 00:00:37 ของสถาบันการเรียนรู้การสร้างเสริมสุขภาพ
00:00:37 → 00:00:39 Thai He Academy นะครับผมหมอหนุ่มนาย
00:00:39 → 00:00:41 แพทย์นันทวัฒน์สิทธิรักษนะครับวันนี้เรา
00:00:41 → 00:00:44 ได้รับเกียรติจากอาจารย์บุญยิ่งคงอาชาพัฒ
00:00:44 → 00:00:46 นะครับจากวิทยาลัยการจัดการมหาวิทาลัย
00:00:46 → 00:00:49 มหิดลนะครับวันนี้เราจะมาคุยกันเรื่อง
00:00:49 → 00:00:52 Social Marketing การตลาดเพื่อสังคมการ
00:00:52 → 00:00:54 ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลด ncd แล้วก็ทำ
00:00:54 → 00:00:57 ให้คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นนะครับอาจารย์
00:00:57 → 00:00:59 ครับก็เราก็ได้ยินคำว่า Social Marketing
00:00:59 → 00:01:01 อะไรมันนะ Social Marketing Social
00:01:01 → 00:01:03 Media หรือการตลาดเพื่อสังคมหรืออะไร
00:01:03 → 00:01:07 เงี้ยถ้าให้อาจารย์พูดให้ชัดว่ามันคือ
00:01:07 → 00:01:09 อะไร Social Marketing นะมันแล้วอะไร
00:01:09 → 00:01:11 โซเชียล Media ที่คนเราได้ยินมันเหมือน
00:01:11 → 00:01:13 ต่างกันยังไงหรือมันซ้อนทับกันตรงไหนอะไร
00:01:13 → 00:01:15 ยังไงมั้ยครับอาจารย์ได้แครับขอบคุณครับ
00:01:15 → 00:01:17 คุณหมอก็ต้องบอกอย่างงี้ฮะว่าคำว่า Social
00:01:18 → 00:01:20 Marketing เนี่ยจริงๆแล้วในในในเชิงของ
00:01:20 → 00:01:22 ภาษาทางการตลาดเนี่ยจริงๆแล้วมีการใช้มา
00:01:22 → 00:01:26 ตั้ง 50 ปีะคือตั้งแต่เปอร์ฉบับแรกๆเลยปี
00:01:26 → 00:01:30 2 1971 เนี่ยก็ profess คอลอเป็นคนที่
00:01:30 → 00:01:32 แบบตีพิมพ์เขียนเปเปอร์เกี่ยวกับเรื่อง
00:01:32 → 00:01:35 นี้ว่าเรามีการใช้การตลาดเพื่อสังคมก็คือ
00:01:35 → 00:01:37 มีเป็นเรื่องของโซเชียลที่จริงคำเต็มๆตอน
00:01:37 → 00:01:39 แรกที่ตอนนั้นเขาจะใช้เจะใช้คำว่า Social
00:01:39 → 00:01:41 cost Marketing แต่ว่าตัดให้มันสั้นลง
00:01:41 → 00:01:43 ก็เป็นเือแค่ Social Marketing ถ้าเป็น
00:01:43 → 00:01:46 ภาษาไทยเราอาจจะเรียกว่าเป็นการตลาดเพื่อ
00:01:46 → 00:01:49 สังคมทีนี้ต้องบอกว่าสมัย 50 ปีที่แล้ว
00:01:49 → 00:01:52 เนี่ยมันยังไม่มีคำว่าโซเชียล Media มัน
00:01:52 → 00:01:54 ยังไม่มีมันยังไม่มีอะไรสื่อสังคมออนไลน์
00:01:54 → 00:01:56 ใช่มั้ยฮะแต่ว่ายุคปัจจุบันเนี่ยเรามีการ
00:01:56 → 00:01:58 ใช้สื่อสังคมออนไลน์เยอะขึ้นแล้วก็มีการ
00:01:58 → 00:02:01 ใช้โชลมากขึ้นแล้วแล้วพอดีมันเป็นมันเป็น
00:02:02 → 00:02:03 ศาสตร์นึงที่เรียกว่าค่อนข้างได้รับความ
00:02:03 → 00:02:05 นิยมมากในทางการตลาดพวก Digital
00:02:05 → 00:02:07 Marketing Social Media Marketing
00:02:07 → 00:02:09 มันก็เลยทำให้คนอาจจะเข้าใจสับสนแต่จริงๆ
00:02:10 → 00:02:11 แล้วต้องบอกว่า Social Marketing เนี่ย
00:02:11 → 00:02:14 ด้วยตัวมันเองเนี่ยเป็นตัวที่เรียกว่ามี
00:02:14 → 00:02:16 มีประโยชน์มากๆนะเป็นการตลาดศาสตร์นึงที่
00:02:16 → 00:02:19 เรียกว่าเป็นการตลาดที่มีความเฉพาะตัวไม่
00:02:19 → 00:02:21 เหมือนการตลาดทั่วๆไปแล้วก็เป็นมุมมองของ
00:02:21 → 00:02:22 การตลาดที่เรียกว่าต้องเรียกว่าเป็นเชิง
00:02:22 → 00:02:25 บวกมากๆเพราะว่าเป็นการตลาดที่เอามาใช้ใน
00:02:25 → 00:02:28 ประเด็นปัญหาได้ได้หลายๆอย่างยกตัวอย่าง
00:02:28 → 00:02:30 ที่ผมจะอย่างเช่นแนเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพ
00:02:30 → 00:02:32 อย่างงานของสสสเนี่ยที่เป็นลานเกี่ยวกับ
00:02:32 → 00:02:34 การส่งเสริมสนับสนุนเรื่องเกี่ยวกับ
00:02:34 → 00:02:36 สุขภาพเนี่ยก็ต้องบอกว่า Social
00:02:36 → 00:02:38 Marketing ตัวนี้เป็นตัวนึงที่ที่ใช้ใน
00:02:38 → 00:02:40 การขับเคลื่อนได้แล้วก็ Social Marketing
00:02:40 → 00:02:42 เนี่ยสามารถใช้ขับเคลื่อนได้หลายๆอย่าง
00:02:42 → 00:02:45 เพราะว่ามันเน้นไปว่ามันจะทำเพื่อสังคม
00:02:45 → 00:02:47 มันก็เลยสามารถจะปรับได้หลอย่างเช่นปัญหา
00:02:47 → 00:02:50 วันนี้เราบอกสิ่งแวดล้อมเราบอกว่าปัญหา
00:02:50 → 00:02:53 เรื่องความยากจนปัญหาเรื่องความปลอดภัยใน
00:02:53 → 00:02:55 ชีวิตปัญหาเรื่องเกี่ยวกับ financial
00:02:55 → 00:02:57 wellbeing ของคนเนี่ยอะไรก็ตามที่มัน
00:02:57 → 00:03:00 เป็นปัญหาของคนแล้วก็มันส่งผลกระทบต่อ
00:03:00 → 00:03:02 สังคมโดยรวมเนี่ยเรานำเอาเรื่องของ Social
00:03:02 → 00:03:04 Marketing เข้ามาช่วยใช้ก็เลยทำให้
00:03:04 → 00:03:06 Social Marketing เนี่ยจริงๆแล้วต้อง
00:03:06 → 00:03:09 เรียกว่ามีบทบาทสำคัญแต่ว่าในวงการที่
00:03:09 → 00:03:11 อยู่ข้างนอกเนี่ยอาจจะยังมีมีความจำกัด
00:03:11 → 00:03:14 อยู่ในแง่ของการรับรู้ครับผมแล้วถ้าอีกคำ
00:03:14 → 00:03:17 นึงอาจารย์เพื่อให้เห็นภาพชัดเนาะคำว่า
00:03:17 → 00:03:19 การตลาดทั่วๆไปหรือ commercial Marketing
00:03:19 → 00:03:22 นะ Social Marketing ผมพอจะเข้าใจจังว่า
00:03:22 → 00:03:25 มันทำให้สังคมดีขึ้นคุณภาพชีวิตดีขึ้นเอา
00:03:25 → 00:03:28 เหมือนสสมาใช้รถโรกรถอะไรอย่างเงี้ยนะ
00:03:28 → 00:03:30 ครับแล้วแล้วมันเหมือนหรือต่างกับ
00:03:30 → 00:03:32 comercial Marketing มั้ยครับโอเต้อง
00:03:32 → 00:03:34 บอกว่าอย่างงี้ฮะคือคำว่า Social
00:03:34 → 00:03:36 Marketing เนี่ยจริงๆแล้วก็คือเรียกว่า
00:03:36 → 00:03:39 เป็นการใช้ Marketing ในการใช้กระบวนการ
00:03:39 → 00:03:41 ใช้เรื่องเครื่องมือต่างๆทาการตลาดเนี่ย
00:03:41 → 00:03:44 คล้ายๆกับการตลาดปกตินะฮะแล้วก็เอาเรื่อง
00:03:44 → 00:03:47 พวกเนี้ยเข้ามาใช้ในการเรียกกับการปรับ
00:03:47 → 00:03:50 เปลี่ยนพฤติกรรมนะจุดที่เน้นของมากๆคือ
00:03:50 → 00:03:52 เรื่องของการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมแล้วก็ทำ
00:03:52 → 00:03:55 แล้วสุดท้ายเนี่ยให้เกิดประโยชน์กับคนที่
00:03:55 → 00:03:57 เรียกว่าเกิดกับประโยชน์กับสังคมด้วยนะก็
00:03:57 → 00:04:00 คือเรียกว่า Society หรือว่าสังคมโดยรวม
00:04:00 → 00:04:01 เนี่ยได้ประโยชน์ในสิ่งนี้ด้วยเพราะ
00:04:01 → 00:04:04 ฉะนั้นถามว่าจุดเน้นหลักๆของเอ่อ Social
00:04:04 → 00:04:06 Marketing ที่ที่เรียกว่าถ้าเกิดว่าใคร
00:04:06 → 00:04:08 ที่สนใจการตลาดหรือว่าจะนำเอาเรื่อง
00:04:08 → 00:04:10 Social Marketing ไปใช้เนี่ยจะมีอยู่
00:04:10 → 00:04:12 3-4 จุดที่เป็นเ้าเรียกว่าเป็น Key
00:04:12 → 00:04:14 Point ของเรื่องเรื่องนี้เลยก็คืออันที่
00:04:14 → 00:04:16 1 Social Marketing เนี่ยเป็นกระบวน
00:04:16 → 00:04:18 การที่สำคัญทางการตลาดเเรียกว่าเป็น
00:04:18 → 00:04:20 systematic process คือเรียกว่ามันมี
00:04:20 → 00:04:22 กระบวนการที่ชัดเจนมันมีกระบวนการซึ่ง
00:04:22 → 00:04:24 เดี๋ยวเราจะเล่ารายละเอียดกระบวนการให้
00:04:24 → 00:04:26 ฟังต่อไปนะว่ากระบวนการของ Social
00:04:26 → 00:04:28 Marketing เนี่ยมันมีอะไรบ้างอันนี้อัน
00:04:28 → 00:04:31 ที่ 2 เนี่ยก็คือว่าเราจะต้องเวลาเรา
00:04:31 → 00:04:33 เลือกปัญหาของ Social Marketing เนี่ย
00:04:33 → 00:04:36 มันจะไม่ใช่การแบบสื่อสารหรือทำอะไรกับคน
00:04:36 → 00:04:38 ทั่วๆไปมันจะต้องเลือกกลุ่มเป้าหมายเรา
00:04:38 → 00:04:40 เรียกกลุ่มแบบนี้เรียกว่า priority
00:04:40 → 00:04:42 audience นะมีการเลือกกลุ่มเป้าหมายที่
00:04:42 → 00:04:45 ชัดเจนว่าเรากำลังจะทำเรื่องนี้กับใครตัว
00:04:45 → 00:04:47 ที่ 3 เนี่ยเราบอกว่า Social Marketing
00:04:47 → 00:04:49 เนี่ยเน้นในเรื่องของการปรับเปลี่ยน
00:04:49 → 00:04:51 Behavior คือการปรับเปลี่ยนเรื่อง
00:04:51 → 00:04:54 พฤติกรรมคือเราไม่ได้เน้นเรื่องของการแบบ
00:04:54 → 00:04:56 ทำแอดโฆษณาหรือการแบบ communicate ไป
00:04:56 → 00:04:59 เรื่อยๆแต่เราเน้นว่าสุดท้ายแล้วเนี่ยคือ
00:04:59 → 00:05:01 การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเหล่าเนี้ยจะต้อง
00:05:01 → 00:05:04 นำมาซึ่งแบบพฤติกรรมที่ดีขึ้นแล้วก็สุด
00:05:04 → 00:05:06 ท้ายเนี่ยเราที่จริงแล้วการปรับเปลี่ยน
00:05:06 → 00:05:08 พฤติกรรมต้องบอกว่ายกตัวอย่างเมื่อกี้เรา
00:05:08 → 00:05:09 พูดถึงเรื่องของสุขภาพเราพูดถึงเรื่อง
00:05:09 → 00:05:12 สิ่งแวดล้อมว่าจะทำไงให้คนแบบสนใจเรื่อง
00:05:12 → 00:05:15 สิ่งแวดล้อมทำไงให้คนใช้ภาชนะที่มันไม่
00:05:15 → 00:05:17 ใช่เป็นพลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวมากขึ้นทำ
00:05:17 → 00:05:19 ไงให้แบบคนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเรื่องพวก
00:05:19 → 00:05:21 นี้ขับขี่ปลอดภัยมากขึ้นสิ่งเหล่านี้
00:05:21 → 00:05:24 เนี่ยมันจะได้ประโยชน์ทั้งกับตัวเองแล้ว
00:05:24 → 00:05:26 ก็ได้ประโยชน์ทั้งกับสังคมต้องบอกว่า
00:05:26 → 00:05:28 Social Marketing เนี่ยชื่อมันก็บ่อย
00:05:28 → 00:05:30 แล้วว่าการตลาดเพื่อสังคมเนี่ยแปลว่ามัน
00:05:30 → 00:05:32 เน้นในเรื่องของสังคมด้วยแล้วก็น่าจะ
00:05:32 → 00:05:35 เรียกว่าเป็นจุดเน้นมากกว่าตัวเองด้วยอ
00:05:35 → 00:05:37 เพราะว่าในหลายๆครั้งเนี่ยเราเห็นว่า
00:05:37 → 00:05:40 ปัญหาเนี่ยมันอาจจะเกิดขึ้นว่าเราเรามี
00:05:40 → 00:05:43 การให้ทำอะไรบางอย่างแล้วก็บอกว่าบางที
00:05:43 → 00:05:45 มันก็อาจจะไม่ใช่ประโยชน์ต่อบุคคลสมมุติ
00:05:45 → 00:05:47 ว่ายกตัวอย่างผมผมเรียนอย่างงี้ว่าถ้า
00:05:47 → 00:05:50 สมมุติเราบอกว่าเรากำลังให้คนอยากจะแบบลด
00:05:50 → 00:05:52 การสูบบุหรี่อันนี้อันจริงๆแล้วเป็นเป็น
00:05:52 → 00:05:54 เป็นข้อดีกับเขาคใช่มั้ยฮะสุขภาพดีขึ้น
00:05:54 → 00:05:57 สังคมก็ดีขึ้นเพราะว่าโรคภัยไข้เจ็บมันก็
00:05:57 → 00:06:00 จะน้อยลงแต่บางทีแล้วในมุมของของคนเนี่ย
00:06:00 → 00:06:02 ก็มีความรู้สึกว่าเค้ายังไม่ได้รู้สึก
00:06:02 → 00:06:04 ซัฟเฟอร์จากเรื่องของบุหรี่นะแต่สิ่งที่
00:06:04 → 00:06:07 เขาได้คือความเพลิดเพลินความเท่ความอะไร
00:06:07 → 00:06:09 ก็ตามซึ่งตรงเก็เลยเป็นจุดที่เรียกว่าทำ
00:06:09 → 00:06:12 ให้คนมีความรู้สึกว่าเอ้ยเค้ามีประโยชน์
00:06:12 → 00:06:14 นะการที่เราไปใช้ Social Marketing ก็
00:06:14 → 00:06:17 คือทำให้ประโยชน์เหล่าเนี้ยบางทีในบาง
00:06:17 → 00:06:19 กรณีมันอาจจะลดลงหรืออย่างเมื่อกี้ผมพูด
00:06:19 → 00:06:22 ถึงกรณีของสิ่งแวดล้อมเนี่ยบอกว่าเอ๊ะคน
00:06:22 → 00:06:24 เวลาที่จะบอกว่าให้ให้พยายามใช้พวก Single
00:06:24 → 00:06:27 use พลาสติเนี่ยคือใช้พวกภาชนะถุง
00:06:27 → 00:06:29 พลาสติกที่จะใช้ครั้งเดียวเพราะฉะนั้นแปล
00:06:29 → 00:06:31 ว่าเราต้องเอาถุงผ้าออกจากบ้านเราต้องเอา
00:06:31 → 00:06:33 แก้วน้ำที่เรียกว่าเป็นแก้วที่ use ที่
00:06:33 → 00:06:36 สามารถจะใส่อ่าซ้ำอกทีได้เนี่ยเอาออกจาก
00:06:36 → 00:06:39 บ้านแต่เรื่องพวกเนี้ยคนจะต้องมีภาระมาก
00:06:39 → 00:06:42 ขึ้นคือผมก็จะต้องติดถุงพลาสติกหรือเอ้ย
00:06:42 → 00:06:45 ถึงถุงผ้าหรือก็ติดแก้วน้ำเนี่ยออกไปเดิน
00:06:45 → 00:06:48 ทางออกไปด้วยสิ่งเหล่านี้มันก็ทำให้คนมี
00:06:48 → 00:06:51 คามมีความรู้สึกว่าบางทีเรามองในแง่ตัว
00:06:51 → 00:06:53 เราเองเอ๊ะเราได้ประโยชน์จริงหรือเปล่า
00:06:53 → 00:06:55 เนาะแต่ว่าการตลาดเพื่อสังคมจะเน้นว่า
00:06:55 → 00:06:57 ส่วนใหญ่แล้วจะได้ประโยชน์ทั้งกับตัวเอง
00:06:57 → 00:07:00 แล้วก็ได้ benefit กับสังคมโดยรวมซึ่ง
00:07:00 → 00:07:02 จริงๆเอาจริงๆแล้วเนี่ยสุดท้ายเราพูดถึง
00:07:02 → 00:07:05 ผลเ่าเรียกว่าสังคมโดยรวมเนี่ยสังคมโดย
00:07:05 → 00:07:07 รวมก็กลับมาที่ตัวเองอีกเพราะเราบอกว่า
00:07:07 → 00:07:09 ปัญหาอย่างสิ่งแวดล้อมเราก็เห็นว่าอย่าง
00:07:09 → 00:07:12 เงี้ยโอ้โหช่วงวันนี้ PM 2.5 แบบม้าฝุ่น
00:07:12 → 00:07:15 เยอะมากถามว่าอันนี้ก็เป็นผลมาจากการที่
00:07:15 → 00:07:18 แต่ละคนทำกันใช่มั้ยฮะมีการเผาป่ามีการ
00:07:18 → 00:07:21 แบบอ่าสมมุติว่าเราเผาไล่อ้อยมีการใช้รถ
00:07:21 → 00:07:24 ยนต์มากอะไรอย่างเงี้ยถามว่าสุดท้ายเนี่ย
00:07:24 → 00:07:27 เราอาจจะสบายในแง่ของการเผาในแง่ของการอ
00:07:27 → 00:07:30 ผะอ่าการการขับแต่ว่าสุดสุดท้ายผลเสียก็
00:07:30 → 00:07:32 คืออากาศมันก็เป็นพิษไปหมดพออากาศเป็นพิษ
00:07:32 → 00:07:34 มันก็ย้อนกลับมาที่ว่าตัวของบุคคลเอง
00:07:34 → 00:07:37 เนี่ยก็ก็รับผลตรงนั้นด้วยแล้วก็ในแง่
00:07:38 → 00:07:40 สังคมเองเนี่ยมันก็จะเกิดผลเสียเช่น
00:07:40 → 00:07:42 เรื่องงบประมาณของราชการแทนที่เราจะเอางบ
00:07:42 → 00:07:44 ประมาณไปพัฒนาประเทศเรื่องอื่นเราต้องมา
00:07:44 → 00:07:46 แก้ปัญหาเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพเราต้องมา
00:07:46 → 00:07:48 แก้ปัญหเกี่ยวกับว่าเอ๊ทำยังไงฝุ่นมันถึง
00:07:48 → 00:07:51 จะแบบน้อยลงหรือว่าอะไรอย่างเงี้ยก็คือ
00:07:51 → 00:07:53 สุดสุดท้ายก็จะเป็นอะไรที่เรียกว่าย้อนไป
00:07:53 → 00:07:56 ย้อนมาก็ก็ต้องเรียกว่า Social Marketing
00:07:56 → 00:07:58 ก็เลยมีบทบาทในการแบบเข้ามาช่วยในเรื่อง
00:07:58 → 00:08:01 พวกนี้ฝุ่นยกตัวอย่างที่อาจารย์พูดถึง PM
00:08:01 → 00:08:03 2.5 นะครับ Social Marketing มามีส่วน
00:08:03 → 00:08:06 ช่วยให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นหรือวันนี้เรา
00:08:06 → 00:08:08 คุยกันเรื่องนะโรคไม่ติดต่อ ncd แล้วก็
00:08:08 → 00:08:10 คุณภาพชีวิตอาจารย์ยกตัวอย่างฝุ่นมันเป็น
00:08:10 → 00:08:13 อันแรกเนี่ย Social Marketing อ่ะมา
00:08:13 → 00:08:16 เกี่ยวอะไรกับรดฝุ่นหรือให้สุขภาพดีขึ้น
00:08:16 → 00:08:18 คุณภาพชีวิตดีขึ้นครับก็ต้องบอกว่าอย่าง
00:08:18 → 00:08:20 งี้บอกว่าจริงๆแล้วอ่ะคือมัน Social
00:08:20 → 00:08:22 Marketing เนี่ยจริงๆแล้วมันก็เรียกว่า
00:08:22 → 00:08:24 พยายามใช้เครื่องมือต่างๆทำความเข้าใจว่า
00:08:25 → 00:08:27 เราเราเรารู้ว่ามันมีปัญหาแบบเนี้ยแล้วก็
00:08:27 → 00:08:30 ไอ้ปัญหาที่มันมีอยู่เนี่ยเราจะคล้ายๆกับ
00:08:30 → 00:08:33 ว่าทำเป็นแคมเปญรณรงค์ยังไงที่จะทำให้เขา
00:08:33 → 00:08:36 แบบว่าพยายามที่จะลดพฤติกรรมการทำแบบนี้
00:08:36 → 00:08:38 เพื่อให้เขาเห็นว่าสิ่งที่เขาทำไปเนี่ย
00:08:38 → 00:08:41 สุดท้ายมันจะเกิดประโยชน์บางอย่างเนในใน
00:08:41 → 00:08:43 ทางการตลาดเราเรียกว่าทฤษฎีการแลกเปลี่ยน
00:08:43 → 00:08:45 เเรียกว่า Exchange theory ก็คือว่าเขา
00:08:45 → 00:08:47 ต้องแลกเปลี่ยนกับ benefit อะไรบางอย่าง
00:08:47 → 00:08:49 คือเขาต้องเห็นประโยชน์ด้วยว่าอ่ะโอเคเค
00:08:49 → 00:08:52 รู้แหละเมีพฤติกรรมแบบนี้แต่ว่าเดี๋ยวถ้า
00:08:52 → 00:08:54 เขาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมแบบนี้มันจะมี
00:08:54 → 00:08:56 ประโยชน์บางอย่างที่สุดท้ายมันดีกับเขา
00:08:56 → 00:08:58 เพราะฉะนั้นเนี่ยจริงๆต้องเรียกว่าการ
00:08:58 → 00:09:00 ตลาดแบบโชลเอ่าการตลาดเพื่อสังคมหรือ
00:09:00 → 00:09:02 Social Marketing ก็พยายามที่จะแบบ
00:09:02 → 00:09:04 เรียกว่าหาประเด็นหรือว่าหาเครื่องมือ
00:09:04 → 00:09:06 ต่างๆมาสื่อสารแล้วก็มาปรับเปลี่ยน
00:09:06 → 00:09:09 พฤติกรรมทำให้อย่างเช่นลักษณะของคนที่ขับ
00:09:09 → 00:09:12 รถก็ตามหรือว่าคนที่บับเผาไล่อ้อยก็ตาม
00:09:12 → 00:09:14 หรือเผาป่าก็ตามเนี่ยก็จะต้องแบบปรับลด
00:09:14 → 00:09:16 พฤติกรรมพวกนี้เพราะมองเห็นว่ามันมี
00:09:16 → 00:09:19 ประโยชน์อะไรบางอย่างซึ่งจะต้องมาทดแทนใน
00:09:19 → 00:09:22 สิ่งที่เขาทำอยู่ครับผมแล้วมนุษย์เราไม่
00:09:22 → 00:09:24 ได้เป็นแบบสิ่งมีชีวิตที่มีเหตุมีผลรู้
00:09:24 → 00:09:27 อยู่แล้วมันไม่ดีนะแล้วก็ไม่ทำหรืออะไรมย
00:09:27 → 00:09:30 มีคนหลายคนพูดถึงไอ้ฤษดี n theory อนะ
00:09:30 → 00:09:33 ว่าเอ๊ะคนเราเป็น oral Being ด้วยซ้ำไป
00:09:34 → 00:09:36 แล้วก็เอ๊ะมันก็มีคนเราก็เป็นสสิ่งเป็น
00:09:36 → 00:09:40 ซียนมีเหตุการณ์มีเหตุผลมีหลักการไอ้
00:09:40 → 00:09:42 เรื่องพวกนี้มันเกี่ยวอะไรกับมาออกแบบให้
00:09:42 → 00:09:44 คนเปลี่ยนพฤติกรรมปรับพฤติกรรมครับ
00:09:44 → 00:09:47 อาจารย์นัอะไคุณคุณหมอเชื่อมโยงคือคำคำ
00:09:47 → 00:09:49 นี้ที่คุณหมอพูดขึ้นมาเนี่ยคำว่านัชเนี่ย
00:09:49 → 00:09:51 ต้องบอกว่าเออก็เป็นคำที่น่าสนใจมากๆ
00:09:51 → 00:09:53 เพราะว่าจริงๆแล้วเวลาที่เราทำเรื่อง
00:09:53 → 00:09:54 เกี่ยวกับ Social Marketing เนี่ยก็มี
00:09:54 → 00:09:58 หลายๆคนพูดถึงประเด็นของนันัหรือว่านั
00:09:58 → 00:10:00 หรือว่าพวก behave viral Economic ซึ่ง
00:10:00 → 00:10:03 เป็นเศรษฐศาสตร์เชิงพฤติกรรมว่าจริงๆอ่ะ
00:10:03 → 00:10:04 ถ้าเป็นนักเศรษฐศาสตร์โดยตรงนัก
00:10:04 → 00:10:06 เศรษฐศาสตร์จะมองว่าทุกคนเนี่ยเ้าเรียก
00:10:06 → 00:10:08 ว่าเป็นมนุษย์ที่มีเหตุมีผลแบบว่าตัดสิน
00:10:08 → 00:10:11 ใจอะไรจะต้องเบสออนเหตุผลเราดูเทียบเลย
00:10:11 → 00:10:13 ว่าคอสเป็นยังไง benefit เป็นยังไงคือ
00:10:13 → 00:10:15 ประโยชน์คืออะไรโทษคืออะไรแล้วเอา 2
00:10:15 → 00:10:17 อย่างนี้มาวัดน้ำหนักกันชั่งเสร็จเรียบ
00:10:17 → 00:10:20 ร้อยแต่เขาบอกว่ามันมีมันมีนัก
00:10:20 → 00:10:22 เศรษฐศาสตร์นะจริงๆแล้วมี 2 ท่านก็คือ
00:10:22 → 00:10:26 เทเลอรแล้วก็สตอร์ที่ที่พูดถึงว่าเัตที่
00:10:26 → 00:10:28 พูดถึงว่าเป็นอาจารย์ที่เป็นโปรเฟสเซอร์
00:10:28 → 00:10:30 อยู่ที่ชิคาโกทก็ 2 ท่านเนี่ยจริงๆแล้ว
00:10:30 → 00:10:34 อ่าก็คือมามามามอนิเตอร์หรือว่ามาศึกษา
00:10:34 → 00:10:37 เกี่ยวกับพฤติกรรมของมนุษย์แล้วพบว่าเอ๊ะ
00:10:37 → 00:10:39 จริงๆแล้วที่เราบอกว่าคนเนี่ยมนุษย์เนี่ย
00:10:39 → 00:10:41 เป็นคนที่มีเหตุมีผลแล้วทำอะไรตามหลัก
00:10:41 → 00:10:44 เศรษฐศาสตร์เนี่ยจริงๆแล้วบางทีก็ไม่ใช่
00:10:44 → 00:10:46 เพราะมีพฤติกรรมเยอะแยะเลยที่เราทำขึ้นมา
00:10:46 → 00:10:49 โดยที่เอาจริงๆแล้วเราก็ไม่ได้เราก็บางที
00:10:49 → 00:10:52 ไม่รู้ตัวด้วยนะฮะบางทีมันจะมีสมองเรเรีย
00:10:52 → 00:10:54 ว่าสมองอัตโนมัตที่มันสั่งแล้วมันก็
00:10:54 → 00:10:57 ดำเนินการไปอย่างยกตัวอย่างเช่นเรื่องของ
00:10:57 → 00:10:59 นัชเนี่ยมันมีข้อมูลน่าสนใจ
00:10:59 → 00:11:02 ที่ที่ที่ผมคิดว่าเออมันเป็นเคสที่ที่ที่
00:11:02 → 00:11:05 ที่แปลกมากๆอย่างยกตัวอย่างในยุโรปเนี่ย
00:11:05 → 00:11:08 ฮะในยุโรปเนี่ยเขามีการบริจาคอวัยวะเวลา
00:11:08 → 00:11:10 ที่เหมือนกับเราเสียชีวิตใช่มั้ยฮะเราก็
00:11:10 → 00:11:13 มีการบริจาคอวัยวะปรากฏว่าเพบว่าตัวเลขใน
00:11:13 → 00:11:17 ในเยอรมันนีเนี่ยมีเพียง 12% ของคนที่
00:11:17 → 00:11:20 บริจาคอวัยวะนะฮะในขณะที่ในออสเตรียซึ่ง
00:11:20 → 00:11:22 มันก็อยู่ไม่ไกลกันในยุโรปเหมือนกันใน
00:11:22 → 00:11:27 ออสเตรียเนี่ยมีคนบริจาคถึง 99% อ่าพอเรา
00:11:27 → 00:11:29 เห็นตัวเลขแล้วเราบอกว่าโอ้โหแบบอันนึง
00:11:29 → 00:11:33 12% อันนึง 99% นี่แปลว่าคนออสเตรีย
00:11:33 → 00:11:36 เนี่ยเขามีเป็นคนจิตใจดีมยเป็นคนแบบว่า
00:11:36 → 00:11:38 รักเพื่อนมนุษย์ก็เลยแบบว่ารู้สึกว่าเอ้ย
00:11:38 → 00:11:41 ถ้าเสียชีวิตไปเดี๋ยวฉันจะบริจาคอวัยวะใน
00:11:41 → 00:11:43 ขณะที่คนเยอรมันนีนี่รู้สึกแบบเไม่ค่อย
00:11:43 → 00:11:46 แบบไม่ค่อยมีน้ำใจหรือเปล่าทำไมแบบบริจาค
00:11:46 → 00:11:49 แค่ 12% นะปรากฏว่าเอาจริงๆแล้วเนี่ย
00:11:49 → 00:11:53 เรื่องเอธิบายด้วยนั theory ได้ก็คือว่า
00:11:53 → 00:11:55 จริงๆนะในแบบฟอร์มของเรื่องของการบริจาค
00:11:55 → 00:11:57 เนี่ยเาใช้เทเทคนิคที่เรียกว่า Off in
00:11:57 → 00:12:01 off Out คืออก็คือว่าถ้าสมมิก็คือว่า
00:12:01 → 00:12:04 ถ้าคุณไม่เอาเรากำหดไว้ก่อนเป็นแบบนี้ว่า
00:12:04 → 00:12:06 กำหนดให้เป็นแบบนี้เช่นกำหนดให้คุณบริจาค
00:12:06 → 00:12:09 บริจยกตัวอย่างเช่นในเมืองไทยเราสมมติเรา
00:12:09 → 00:12:11 ผมบอกว่าเรากำหนดว่าทุกคนต้องบริจาค
00:12:11 → 00:12:14 อวัยวะถ้าคุณไม่ประสงค์จะเอบริจาคอวัยวะ
00:12:14 → 00:12:16 คุณต้องติ๊กนะอันนี้เรียกอ Out คือคุณ
00:12:16 → 00:12:18 ต้องเป็นคนบอกปรากฏว่าในออสเตลียเนี่ยเขา
00:12:18 → 00:12:21 ใช้วิธีอ Out ก็คือถ้าคุณไม่บริจาคคุณ
00:12:21 → 00:12:23 ต้องคุณต้องติ๊กต้องติ๊กออกคนก็ไม่ค่อย
00:12:23 → 00:12:26 ได้สนใจหรือว่ายังไงก็ตามเนี่ยฮะปรากฏว่า
00:12:26 → 00:12:29 คนส่วนใหญ่ก็ปรากฏว่า 99% ปล่อยมันไยังไง
00:12:29 → 00:12:31 น่ะก็บริจาคตามกันไปเบอกให้บริจาคฉันก็
00:12:31 → 00:12:34 บริจาคแต่ในขณะที่ในเยอรมนีเนี่ยบอกว่า
00:12:34 → 00:12:37 ต้องออินคือถ้าคุณจะบริจาคคุณต้องติ๊กว่า
00:12:37 → 00:12:40 คุณจะบริจาคก็เลยมีคนแค่ 12% ส่วนคนที่
00:12:40 → 00:12:43 เหลือรู้สึกว่าไม่ติ๊กอ่ะเฉยๆเนี่ยเพะ
00:12:43 → 00:12:45 ลักษณะของการอ in อ Out ก็เลยเป็นเป็นตัว
00:12:45 → 00:12:48 นึงที่เรียกว่ามันก็เป็นเทคนิคอันนึงที่
00:12:48 → 00:12:50 เอามาใช้จริงๆแล้วในการบริหารองค์กรเนี่ย
00:12:50 → 00:12:53 บางทีเราเราเซตเ้าเรียกว่าเป็นค่า default
00:12:53 → 00:12:55 หรือเป็นค่ามาตรฐานเพราะว่าเราอยากเช่น
00:12:55 → 00:12:58 เราอยากให้พนักงานเนี่ยมีการออมเงินแล้วเ
00:12:58 → 00:13:00 บอกว่าทุกคนต้องเข้าไปอยู่ภายใต้กองทุน
00:13:00 → 00:13:03 สำรองเลี้ยงชีพเราบอกว่าทุกคนต้องเข้าไป
00:13:03 → 00:13:05 แบบสมัครแล้วก็ออมเงินในสหกรณ์ออมทรัพย์
00:13:05 → 00:13:07 เรากำหนดไว้เป็น default ก่อนกี่
00:13:07 → 00:13:09 เปอร์เซ็นต์ของเงินเดือนถ้าคุณไม่เอาคุณ
00:13:10 → 00:13:12 ต้องติ๊กเพคุณไม่เอาแต่ถ้าคุณไม่ติ๊กหรือ
00:13:12 → 00:13:14 คุณไม่อ่านรายละเอียดโอเคเราเราถือว่าคุณ
00:13:14 → 00:13:16 ปฏิบัติตามนั้นไอ้เนี้ยเราก็เรียกว่าเป็น
00:13:16 → 00:13:18 การใช้เทคนิค Off in off Out เนี่ยเอา
00:13:18 → 00:13:20 เข้ามาใช้ซึ่งอันนี้เป็นส่วนหนึ่งของนั
00:13:20 → 00:13:23 หรือว่าจริงๆนัเนี่ยยังใช้ได้อีกหลายๆ
00:13:23 → 00:13:25 อย่างเพราะว่ายกตัวอย่างเช่นนั theory
00:13:25 → 00:13:27 เนี่ยบางทีก็ใช้ในเรื่องคุณหมอเคยเห็น
00:13:27 → 00:13:30 เค้าเรียกโถฉี่ใช่มั้ยฮะฮะที่มันมีแบบว่า
00:13:30 → 00:13:33 ของผู้ชายเนาะเบอกว่าเวลาผู้ชายแบบบางที
00:13:33 → 00:13:36 ปัสสาวะเนี่ยจะเหมือนกับมันไม่ค่อยสนใจ
00:13:36 → 00:13:38 เรื่องตำแหน่งโถเท่าไหร่นะก็เลอะเทอะบาง
00:13:38 → 00:13:40 ทีมีเปียกๆที่พื้นอะไรอย่างเงี้ยเขาก็เลย
00:13:40 → 00:13:44 บอกว่าไปอ่าคนคิดก็ไปเอารูปแมงวันเป็นจุด
00:13:44 → 00:13:46 ดำๆมาแปะไว้ตรงอ่าเป็นเป้าว่าเอ้ยคุณต้อง
00:13:46 → 00:13:49 ยิงเล็งไปตรงนี้ซึ่งปรากฏว่าได้ผลเพราะ
00:13:49 → 00:13:51 ว่าพอใช้อย่างงี้ปุ๊บถ้าคุณยิงไม่ไม่ไม่
00:13:51 → 00:13:54 ตรงเนี่ยมันมันเหมือนกับคล้ายๆกับว่ามัน
00:13:54 → 00:13:56 ไม่แม่นเพราะฉะนั้นน่ะมันเป็นการไอ้นัช
00:13:56 → 00:13:58 ตัวนี้ก็เป็นการคล้ายๆปรับเปลี่ยน
00:13:58 → 00:14:00 พฤติกรรมหว่ามีอีกอีอีกตัวอย่างนึงเบอก
00:14:00 → 00:14:03 ว่าในโรงอาหารในต่างประเทศเนี่ยเวลาจะจะ
00:14:03 → 00:14:06 บอกให้เด็กแบบเ่อทานอาหารเนี่ยเบอกว่าถ้า
00:14:06 → 00:14:08 เราตั้งอาหารลายปกติไปเด็กก็ทานอะไรไป
00:14:08 → 00:14:10 เรื่อยปกติเนาะเอาตามที่ตัวเองชอบกิน
00:14:10 → 00:14:12 พิซซ่ากินอะไรอย่างเงี้ยแต่ถ้าเราอยากจะ
00:14:12 → 00:14:15 ส่งเสริมให้เขาคทานพวกผักผลไม้เยอะขึ้น
00:14:15 → 00:14:17 เขาบอกว่านัชนี่ก็บอกว่าเอาผักผลไม้ไป
00:14:17 → 00:14:20 ตั้งไว้ก่อนเช่นเวลาเราไปตามร้านบุฟเฟ่ต์
00:14:20 → 00:14:22 เนี่ยเอาาเอาผักผลไม้ตั้งไว้ก่อนพอเรา
00:14:22 → 00:14:24 เห็นปุ๊บบางทีมันก็เหมือนกับจูงใจตักผัก
00:14:24 → 00:14:26 ซะหน่อยอะไรอย่างเงี้ยมันก็เป็นเรียกว่า
00:14:26 → 00:14:28 กระตุ้นให้คนบริโภคสิ่งเหล่านี้มากขึ้น
00:14:28 → 00:14:31 อันนี้ก็เลยเป็นเป็นลักษณะของนั theory
00:14:31 → 00:14:33 ที่เรียกว่าเอามาปรับใช้กับในเรื่องของ
00:14:33 → 00:14:36 Social Marketing ได้ครับผมก็ประมาณว่า
00:14:36 → 00:14:39 คนเราไม่ใช่เอ่อสิ่งมีชีวิตที่ใช้เหตุผล
00:14:39 → 00:14:41 ทั้งไม่ได้ใช้เหตุผลตลอดเวลาบางทีเราก็
00:14:41 → 00:14:45 ตามๆเอาจริงๆผมเเพิ่มเติมนิดนึงว่าจริงๆ
00:14:45 → 00:14:47 คำว่านัชเนี่ยถ้าถ้าแปลเป็นภาษาไทยมันแปล
00:14:47 → 00:14:50 ว่าดุลก็คล้ายๆกับแม่ช้างลูกช้างใช่มเรา
00:14:50 → 00:14:52 บอกว่านัชเมาจากพฤติกรรมงี้ว่าแม่ช้าง
00:14:52 → 00:14:54 เนี่ยเวลาจะบอกให้ลูกแบบเช่นบอกเดินไป
00:14:54 → 00:14:56 ข้างหน้าอย่างเงี้ยแทนที่จะบอกว่าอ่ะลูก
00:14:56 → 00:14:58 เดินไปข้างหน้านะแม่ช้างก็ใช้วิธีเอาเอา
00:14:58 → 00:15:02 งวงดุ
00:15:02 → 00:15:08 ขันเหือว่าิีในรคล้ายๆว่าบอกให้คนบอกว่า
00:15:08 → 00:15:10 ทำแบบนี้นะอะไรอย่างเงี้ยแล้วคนก็จะรู้
00:15:10 → 00:15:13 สึกว่าตัดสินใจไปในทางนี้เยอะขึ้นครับผม
00:15:13 → 00:15:16 มันก็เหมือนว่าก็รู้ว่าดีกันนะบริจาคร่าง
00:15:16 → 00:15:19 กายแต่ไปเปลี่ยนอะไรเล็กๆน้อยๆที่ตัว
00:15:19 → 00:15:23 อย่างของออสเตรียกับเยอรมันก็ทำให้คนคนนะ
00:15:23 → 00:15:25 อัตราการบริจาคร่างกายมันต่างกันได้เยอะ
00:15:25 → 00:15:28 เลยไทฤษฎีที่ว่าอาจารย์บอกไปโถฉี่ที่ของ
00:15:28 → 00:15:31 ผู้ชายนะปรับนิดเดียวนะก็ทำให้พฤติกรรม
00:15:31 → 00:15:34 คือคนเราก็รู้แหละว่าควรจะยืนให้ชิดทำให้
00:15:34 → 00:15:37 เ่อทำกิกิจให้เรียบร้อยอะไรแต่ว่าพอไม่มี
00:15:37 → 00:15:39 ตัวกระตุ้นหรไม่มีอะไรมันก็เหมือนลืมพอมี
00:15:39 → 00:15:41 ตัวช่วยให้นั่นโดยไม่ใช่เหตุผลเนาะอัน
00:15:41 → 00:15:43 นั่นนเป็นเป็นใช่ๆไม่ไม่ไม่ได้จะต้องมี
00:15:43 → 00:15:46 อะไรมาแบบว่ามีคนมาบอกหรือมาบอกว่าได้
00:15:46 → 00:15:48 ประโยชน์อะไรอย่างเงี้ยครับผมอก็ก็
00:15:48 → 00:15:51 พฤติกรรมก็ก็เปลี่ยนนะไม่ใช่โฮโม
00:15:51 → 00:15:54 economicus นะเป็นโฮโมเปี้นที่มีอารมณ์
00:15:54 → 00:15:57 ด้วยมีเหตุผลใช้ความรู้สึกด้วยนะซึ่งใน
00:15:57 → 00:15:59 social Marketing เนี่ยเอามาใช้เยอะ
00:15:59 → 00:16:01 เหรอครับใช่ๆครับเพราะว่าจริงๆต้องบอกว่า
00:16:01 → 00:16:04 รากฐานของนัเนี่ยจริงึงไอ้ตัวเเรียกว่า
00:16:04 → 00:16:06 behavioral Economic หรือเศรษฐศาสตร์
00:16:06 → 00:16:08 เชิงพฤติกรรมเนี่ยเอาจริงๆในภาษาการตลาด
00:16:08 → 00:16:10 เราเรียก consumer Behavior ก็คือ
00:16:10 → 00:16:13 พฤติกรรมผู้บริโภคเรารู้ว่าผู้บริโภคไม่
00:16:13 → 00:16:15 ได้มีเหตุผลเสมอไปบางทีเราบอกเดินเข้าไป
00:16:15 → 00:16:18 สมมุติผมทำเซอร์เวย์มาผมถามบอกว่าถ้าคุณ
00:16:18 → 00:16:21 จะตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าคุณจะเลือกอะไร
00:16:21 → 00:16:23 คุณหมอคิดว่าคนทั่วๆไปทุกคนก็ต้องบอกว่า
00:16:23 → 00:16:27 เราเลือกของคุณภาพดีแล้วก็ราคาถูกทุกคนก็
00:16:27 → 00:16:31 จะตอบคล้ายๆแบบนีุ้ครับอย่าริใช่พอเดิน
00:16:32 → 00:16:36 เข้าไปร้าสดกซดเข้าไปในก็เห็นขนมเ้น่านสี
00:16:36 → 00:16:38 สวยเราก็ไม่ได้เห็นจะสนใจอะไรที่มัน
00:16:38 → 00:16:40 เกี่ยวกับสุขภาพมากมายใช่ฮเราก็รู้สึกว่า
00:16:40 → 00:16:43 อยากลองอยากชิมอยากกินเห็นเพื่อนเขากิน
00:16:43 → 00:16:45 กันเห็นคนกินแล้วถ่ายลงโซเชียลเราก็จะบอก
00:16:45 → 00:16:48 ว่าอเราก็อยากทำตามเพราะฉะนั้นมนุษย์ไม่
00:16:48 → 00:16:50 ได้ไม่ได้ ration เสมอไปไม่ได้มีความเป็น
00:16:50 → 00:16:55 เหตุเป็นผลเสมอไปครับผมครับอแล้วถ้ากรอบ
00:16:55 → 00:16:59 วิธีการเวิรในการใช้ไม่ว่าจะเป็นดีอะไรก็
00:16:59 → 00:17:02 ตามในการทำงาน Social Marketing เนี่ยมี
00:17:02 → 00:17:04 หลักการหรือมีอะไรมั้ยครับอาจารย์หรือว่า
00:17:04 → 00:17:06 อยากให้อาจารย์จะยกตัวอย่างให้เห็นภาพ
00:17:06 → 00:17:09 หลักการบกตัวอย่างว่าเอมันทำยังไงอะไร
00:17:09 → 00:17:11 เงี้ยครับครับผมเมเมื่อกี้ที่ที่เรียนคุณ
00:17:11 → 00:17:13 หมอไฟนะว่าจริงๆแล้วนบอกว่า Social
00:17:13 → 00:17:15 Marketing เนี่ยมันมีความใหญ่กว่านั
00:17:15 → 00:17:18 เพราะนัเนี่ยคือเ้ามองเรื่องแค่พฤติกรรม
00:17:18 → 00:17:20 เค้าแค่อ่านพฤติกรรมว่าคนมีพฤติกรรมแบบ
00:17:20 → 00:17:22 ไหนโดยที่เราอาจจะยังไม่รู้ว่าการมี
00:17:22 → 00:17:24 พฤติกรรมแบบนั้นแล้วจะยังไงต่อเน Social
00:17:24 → 00:17:26 Marketing เนี่ยเป็นคำที่เรียกว่าเป็น
00:17:26 → 00:17:28 กระบวนการเป็น systematic process คือ
00:17:28 → 00:17:30 มันใหญ่กว่าขั้นตอนของมันเนี่ยเอาจริงๆ
00:17:30 → 00:17:32 ถ้าถ้าเรียงตามหลักการเลยเนี่ย framework
00:17:32 → 00:17:35 เนี่ยมันจะมีอยู่ 6-7 ขั้นตอนครับขั้นตอน
00:17:35 → 00:17:37 แรกๆเนี่ยก็จะเป็นเรื่องของการแบบว่า
00:17:37 → 00:17:39 สังเกตประเด็นปัญหาเราเรียก Social issue
00:17:39 → 00:17:41 นะหรือ wicket problem ก็คือว่าเราดู
00:17:41 → 00:17:43 ก่อนว่าสังคมมีปัญหาอะไรเช่นเราบอกว่าตอน
00:17:44 → 00:17:46 นี้เรามีปัญหา ncd ที่คุณหมอพูดขึ้นมา
00:17:46 → 00:17:48 หรือว่าเราหอกมีปัญหาเรื่องฝุ่นมลภาวะใน
00:17:48 → 00:17:51 เรื่องของ PM 2.5 นี้คือปัญหาทางสังคม
00:17:51 → 00:17:54 เสร็จแล้วเราก็มานั่งดูว่าจากปัญหาเนี้ย
00:17:54 → 00:17:56 Social Marketing จะทำอะไรเราเรียกว่า
00:17:56 → 00:17:58 ตรงนี้ว่าเป็น purpose and Focus คือ
00:17:58 → 00:18:01 รู้ว่าเราจะทำอะไรด้วยเครื่องมืออะไรเช่น
00:18:01 → 00:18:04 เราจะบอกว่าทำอ่าเราจะทำการรณรงค์นี้
00:18:04 → 00:18:06 เพื่ออ่าเรียกว่าปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอะไร
00:18:06 → 00:18:09 บางอย่างนะฮะก็ด้วยเครื่องมืออะไรคือใช้
00:18:09 → 00:18:11 ข้อความหรือใช้ความรู้หรือใช้อะไรบาง
00:18:11 → 00:18:13 อย่างอันที่ 3 เนี่ยเราบอกว่าเราต้อง
00:18:13 → 00:18:15 เลือกตัว priority audience คือแปลว่า
00:18:15 → 00:18:17 เหมือนกับหลักการตลาดเลยหลักการตลาดก็
00:18:17 → 00:18:19 ต้องบอกว่าเราต้องเลือก target customer
00:18:19 → 00:18:22 ไม่ใช่ว่าพูดอะไรก็ได้ไม่ใช่พูดอะไรสื่อ
00:18:22 → 00:18:24 สารกับใครเราต้องเราต้องถามว่าที่เราทำ
00:18:24 → 00:18:26 แคมเปญนี้ขึ้นมาเนี่ยเรากำลังคุยกับใคร
00:18:26 → 00:18:29 เพราะการคุยกับคนแต่ละคนในทางการตลเนี่ย
00:18:29 → 00:18:31 ไม่เหมือนกันเลยครับการเข้าหาเด็กรุ่น
00:18:31 → 00:18:34 ใหม่ๆกับการเข้าหาคนรุ่นผู้ใหญ่เนี่ยแค่
00:18:34 → 00:18:36 โซเชียล Media ที่เราสังเกตใช่มั้ยฮะเรา
00:18:36 → 00:18:38 จะเห็นว่าต่างกันแล้วถ้าเราคุยกับรุ่นคุณ
00:18:38 → 00:18:41 พ่อคุณแม่โทรทัศน์หรือ LINE อาจจะพอได้
00:18:41 → 00:18:43 ถ้าเกิดว่าไปคุยกับเรุ่นประมาณ genx กลาง
00:18:43 → 00:18:46 ๆลงมาอาจจะเป็นเรื่อง Facebook ถ้าเป็น
00:18:46 → 00:18:48 คุยกับ geny หรือถัดลงมาเซเนี่ยจะเริ่ม
00:18:48 → 00:18:51 เป็นเรื่อง IG Instagram แล้วถ้าคุย
00:18:51 → 00:18:53 เรื่องเด็กๆเลยพวกเจ Alpha เนี่ยตอนนี้
00:18:53 → 00:18:55 ต้องเข้าไปใน x ใน Twitter ซึ่งอันเนี้ย
00:18:55 → 00:18:58 ต้องบอกว่าถ้าเราพยายามจะสื่อสารกับเด็ก
00:18:58 → 00:19:01 แต่ว่าเราใช้ Facebook มันอาจจะไม่ได้ผล
00:19:01 → 00:19:03 เพราะเด็กไม่ได้อยู่ใน Facebook กับเรา
00:19:03 → 00:19:06 แต่ว่าถ้าเกิดว่าผู้ใหญ่เด็กเขาอยากจะคุย
00:19:06 → 00:19:07 อะไรถ้าเราอยากรู้เราต้องเข้าไปใน x เรา
00:19:07 → 00:19:10 จะได้รู้ว่าเด็กเขาคุยอะไรกันทีนี้จาก
00:19:10 → 00:19:12 prity audience อันนี้เมื่อกี้อันที่ 3
00:19:12 → 00:19:14 อันถัดมาอันที่ 4 ก็คือว่าพอเรารู้ตรง
00:19:14 → 00:19:16 นั้นปุ๊บเราต้องกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนก็
00:19:16 → 00:19:18 คือเขาเรียกว่า Design Behavior ก็คือ
00:19:18 → 00:19:21 ว่าพฤติกรรมอะไรล่ะที่เราอยากได้เช่น
00:19:21 → 00:19:23 พฤติกรรมนี่ก็หลากหลายเลยตั้งแต่การทำ
00:19:23 → 00:19:26 พฤติกรรมดีๆเช่นออกกำลังกายเยอะขึ้นมย
00:19:26 → 00:19:28 หรือว่าไม่สูบุหรี่มยหรือว่าถ้าเคยออก
00:19:28 → 00:19:31 กำลังกายออกกำลังให้มันต่อเนื่องเคยวิ่ง
00:19:31 → 00:19:33 วิ่งให้มันเยอะขึ้นหรือแบบทำหรือไม่ทำ
00:19:33 → 00:19:35 พฤติกรรมใดๆก็ตามเนี่ยอันนี้เราเรียกว่า
00:19:35 → 00:19:38 เป็น Design Behavior ความสำคัญของ
00:19:38 → 00:19:40 Social Marketing ที่ผมเรียนไปก็คือว่า
00:19:40 → 00:19:42 เราต้องเน้นเรื่องพฤติกรรมคือเราจะไม่
00:19:42 → 00:19:44 เน้นว่าเอ้ยสื่อสารแบบเล่าไปเรื่อยทำ
00:19:44 → 00:19:47 แคมเปญไปเรื่อยแต่สุดท้ายเราวัดไม่ได้ว่า
00:19:47 → 00:19:49 คนมันเปลี่ยนพฤติกรรมหรือเปล่าถ้าเกิดว่า
00:19:49 → 00:19:51 ไม่เปลี่ยนพฤติกรรมเนี่ยเราถือว่าไม่ได้
00:19:51 → 00:19:54 ผลในเชิงโซเชียล Marketing ครับถัดมาอัน
00:19:54 → 00:19:56 ที่ 4 ก็คือว่าเพื่อที่เราจะเข้าใจเค้า
00:19:56 → 00:19:58 อย่างเงี้ยเราต้องเรียเราเราต้องมีเค้า
00:19:58 → 00:20:01 เรียกว่าเป็น audience insight คือเข้า
00:20:01 → 00:20:03 ใจเค้านะการตลาดก็จะมีว่าวิธีการหา
00:20:03 → 00:20:06 insight เช่นการทำ qualitative ทำ inp
00:20:06 → 00:20:08 Interview ทำ Focus Group ทำการแบบสอบ
00:20:08 → 00:20:11 ถามต่างๆก็คือว่าพยายามดูว่าพฤติกรรมของ
00:20:11 → 00:20:13 คนเป็นยังไงเสร็จแล้วหลังจากนั้นเนี่ยเรา
00:20:13 → 00:20:14 ก็จะมาหาเค้าเรียกว่า Marketing
00:20:14 → 00:20:16 intervention Mix ก็คือคล้ายๆกับ 4P
00:20:16 → 00:20:19 ถ้าเกิดใครพอรู้จักก็คือว่า 4P Marketing
00:20:19 → 00:20:21 Mix หรือว่า 4c หรืออะไรก็ตามนะเครื่อง
00:20:21 → 00:20:23 มือคล้ายๆแบบเนี้ฮะก็จะเป็นตัวที่เรียก
00:20:24 → 00:20:26 ว่าเข้ามาว่าดูเครื่องมือเราอย่างที่ผม
00:20:26 → 00:20:29 เรียนว่าบางคนพูดถึงคำว่า Communication
00:20:29 → 00:20:31 หรือการทำแแอเนี่ยเป็นแค่เครื่องมือ 1 ใน
00:20:32 → 00:20:34 4 ของของการตลาดนะซึ่งเดี๋ยวเราจะยกตัว
00:20:34 → 00:20:37 อย่างเคสให้ฟังแล้วสุดท้ายเนี่ยพอเราทำ mi
00:20:37 → 00:20:38 ตัวนี้เข้าไปปุ๊บสุดท้ายก็จะเป็นเรื่อง
00:20:39 → 00:20:40 ของ resource เราก็มา Monitor ว่า
00:20:40 → 00:20:42 resource ของการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม
00:20:42 → 00:20:44 เนี่ยได้รับอย่างที่ว่าหรือเปล่าทีนี้ผม
00:20:44 → 00:20:48 มีมีเคสตัวอย่างที่ที่คิดว่าน่าจะสอด
00:20:48 → 00:20:50 คล้องกับสสสรวมทั้งเรื่องของ ncd นะครับ
00:20:50 → 00:20:52 ผมอาจจะยกตัวอย่างเป็นเคสให้ให้ให้ท่าน
00:20:52 → 00:20:56 ผู้ที่สนใจเฟังเพิ่มเติมเคสแรกเนี่ยเป็น
00:20:56 → 00:20:59 เคสที่เกี่ยวกับการรณรงคกันสูบุหรี่นะฮะ
00:20:59 → 00:21:02 ของในอเมริกาเขาบอกว่าประมาณปี 2000 นิดๆ
00:21:02 → 00:21:04 เนี่ยในอเมริกาเนี่ยมันเกิดปัญหาก็คือว่า
00:21:04 → 00:21:07 เด็กเนี่ยถึง 1 ใน 3 ที่เป็นวัยรุ่นนะฮะ
00:21:07 → 00:21:09 เาบอกว่าจากการทำเซอร์เวย์เนี่ยอย่างน้อย
00:21:09 → 00:21:11 เนี่ย 1 อย่างน้อยมีการสูบบุหรี่ไม่น้อย
00:21:11 → 00:21:14 กว่า 1 ครั้งใน 30 วันที่ผ่านมานะแสดงว่า
00:21:14 → 00:21:17 โอ้โหมีการแบบทดลองนี้แล้วเขบอกว่ายิ่ง
00:21:17 → 00:21:19 เด็กในเกรดที่เรียกว่าเกรด 12 ก็คือ
00:21:19 → 00:21:21 ประมาณสักม 6 บ้านเราเนี่ยอันเนี้ยสู่
00:21:21 → 00:21:23 บุหรี่ถึงประมาณสัก 40 กว่าเปอซึ่งก็เป็น
00:21:24 → 00:21:26 ตัวเลขที่สูงมากเราก็บอกว่าจริงๆเป้าหมาย
00:21:26 → 00:21:29 ของสสเองอันนึงเนี่ยที่ผมเหก็คือว่าเราก็
00:21:29 → 00:21:31 พยายามป้องกันเรียกว่านักสูบหน้าใหม่คือ
00:21:31 → 00:21:33 ไม่พยายามไม่ให้คนกลุ่มเนี้ยเข้ามาเริ่ม
00:21:33 → 00:21:36 สูบมากขึ้นถามว่าจะทำยังไงนะฮะเราก็ต้อง
00:21:36 → 00:21:39 พยายามดูว่าเออทำยังไงถึงจะไม่สูบทำไงถึง
00:21:39 → 00:21:40 จะรู้เรื่องเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้มากขึ้น
00:21:40 → 00:21:42 ในอเมริกาก็เกิดเป็นแคมเปญที่เรียกว่า
00:21:42 → 00:21:45 Truth แคมเปญคือเป็นแคมเปญที่เรียกว่า
00:21:45 → 00:21:49 เอาความจริงมาเปิดเผยเพราะว่าจริงๆแล้ว
00:21:49 → 00:21:52 นอกรอบจริงๆได้ได้มีโอกาสเอ่อคุยคุยกับ
00:21:52 → 00:21:56 คุณหมอในโอกาสนึงเว่าจริงๆแล้วเวลาเราพูด
00:21:56 → 00:21:59 ถึงคำว่า Marketing ใช่มั้ยฮะคุณบอกว่า
00:21:59 → 00:22:01 เอ๊ะทำไม Marketing เนี่ยคือบริษัทที่ทำ
00:22:01 → 00:22:03 พวกบุหรี่เนี่ยก็ทำเรื่องเกี่ยวกับพวก
00:22:03 → 00:22:06 Marketing เหมือนกันเก็ทำประชาสัมพันธ์
00:22:06 → 00:22:08 อย่างเงี้ยแล้วเก็บอกว่าสุบแล้วก็โอเคนะ
00:22:08 → 00:22:11 ไม่เป็นไรนะหล่อเท่ใช่บางอันบอกว่าโอ้โห
00:22:11 → 00:22:14 บุหรี่บางบางยี่ห้อเนี่ยในอดีตเนี่ยเรียก
00:22:14 → 00:22:16 ว่าเป็นโอ้โห represent Identity ว่า
00:22:16 → 00:22:18 เป็นความอิสระเป็น Freedom คนอเมริกัน
00:22:18 → 00:22:20 เนี่ยมองแมองบุหรี่ยี่ห้อนี้แล้วรู้สึก
00:22:20 → 00:22:23 ว่าเฮ้ยแบรนด์นี้แหละโอ้โหมันคือ repent
00:22:23 → 00:22:26 ความแบบเป็นหล่อเท่ของเราดตรงกับตรงกับใน
00:22:26 → 00:22:29 แคมเปญนี้เลยว่าเราบอกว่าเราต้องการลดกัน
00:22:29 → 00:22:31 สู่บุหรี่ในคนที่เป็นเด็กอายุประมาณซัก
00:22:31 → 00:22:34 วัยรุ่น 12-17 ปีอะไรประมาณนี้นะฮะแล้ว
00:22:34 → 00:22:37 บอกว่าคนกลุ่มนี้อตเคคืออะไรคือเขา
00:22:37 → 00:22:40 ต้องการอยากจะโตเป็นผู้ใหญ่แล้วเขามีความ
00:22:40 → 00:22:43 รู้สึกว่าถ้าเกิดว่าเค้าเอ่อสุบบุหรี่
00:22:43 → 00:22:45 หรือทำพฤติกรรมอะไรก็ได้เนี่ยบางอย่าง
00:22:45 → 00:22:48 เนี่ยแล้วเขาจะรู้สึกว่าเขาโตขึ้นบุหรี่
00:22:48 → 00:22:50 เนี่ยถูกมองว่ามันเป็นตัวนึงที่ที่ที่ทำ
00:22:50 → 00:22:53 ให้เขารู้สึกว่าเออเขาคต่อต้านพ่อแม่จะ
00:22:53 → 00:22:55 บอกว่าอย่าสูบบุหรี่นะลูกอะไรอย่างเงี้ย
00:22:55 → 00:22:57 แต่ว่าเรู้สึกว่าเอ้ยนี่แหละเคขยับตัวเอง
00:22:57 → 00:22:59 ขึ้นมาอนเป็นผู้
00:22:59 → 00:23:04 ใหญ่
00:23:05 → 00:23:09 เพึณรงทำซัมเมอทัวรทั่วอเมริกามีรถเป็นรถ
00:23:09 → 00:23:12 บัสไใหญ่ๆที่โปรแกรม tru แล้วก็เดินสาย
00:23:12 → 00:23:15 ทั่วมีกิจกรรมที่ให้เด็กสามารถทำและแสดง
00:23:15 → 00:23:18 ออกถึงความมั่นใจในการเติบโตผู้ใหญ่ได้มี
00:23:18 → 00:23:21 การรณรงคพูดถึงว่าโโทษจากบุหรี่ยกตัว
00:23:21 → 00:23:24 อย่างเช่นก็บอกว่าข้อมูลนึงคือคนที่สูบ
00:23:24 → 00:23:27 บุหรี่เนี่ยเอ่อถ้าคุณเลี้ยงหมาแมวเนี่ย
00:23:27 → 00:23:29 หมาแมวที่เป็นเค้าเรียกว่า Second Hand
00:23:29 → 00:23:31 smoker นะคือสูบุหรี่เนี่ยหมาแมวดมกลิ่น
00:23:31 → 00:23:34 เข้าไปเนี่ยโอกาสเป็นมะเร็ง 2 เท่าของคน
00:23:34 → 00:23:36 เขาบอกว่าจากข้อมูลอย่างเงี้ยถ้าเกิดว่า
00:23:36 → 00:23:38 เด็กรุ่นรุ่นใหม่ๆเขบอกว่าเป็นวัยรุ่น
00:23:38 → 00:23:40 เนี่ยบางทีชอบเลี้ยงหมาแมวสุนัขในบ้านเ
00:23:40 → 00:23:42 แล้วก็จะรักสัตว์เพราะฉะนั้นพอเห็นข้อมูล
00:23:42 → 00:23:44 อย่างนี้ก็จะรู้สึกว่าโอไม่ได้แล้วสุเรา
00:23:44 → 00:23:46 ต้องต่อตใช่อันนี้ก็เป็นเป็นตัวอย่างนึง
00:23:46 → 00:23:49 หรือว่ามันมีอีกตัวอย่างนึงที่ที่ผมคิด
00:23:49 → 00:23:52 ว่าน่าสนใจจริงๆตัวอย่างมีเยอะมากนะในใน
00:23:52 → 00:23:54 ในเคสในโลกนี้มีตัวอย่างนึงเขาบอกว่า
00:23:54 → 00:23:57 รณรงค์ในเรื่องเกี่ยวกับเรื่องของปัญหา
00:23:57 → 00:24:00 ทางสุขภาพจิตเาบอกคนในอังกฤษเนี่ยโอ้โห
00:24:00 → 00:24:01 ประมาณสัก
00:24:01 → 00:24:04 12.5% เนี่ยมีปัญหาทางเรื่องของสุขภาพ
00:24:04 → 00:24:06 ซึ่งก็ไปหา customer insight เหมือนกัน
00:24:06 → 00:24:08 ว่าเอ๊ะมันเกิดจากอะไรแล้วพบว่า customer
00:24:08 → 00:24:11 Inside อันนึงก็คือว่าคนที่เป็นคนใน
00:24:11 → 00:24:13 อังกฤษเนี่ยโดยเฉพาะเพศชายเนี่ยเรามี
00:24:13 → 00:24:15 ปัญหาก็คือว่ามีความแบบรู้สึกว่าตัวเอง
00:24:16 → 00:24:18 เป็นผู้ชายเป็นเพศที่แข็งแรงเราก็จะมายอม
00:24:18 → 00:24:20 รับไม่ได้นะว่าตัวเองมีความเครียดยอมรับ
00:24:21 → 00:24:23 ไม่ได้ว่าตัวเองมีความ ani คกังวลใช่มั้ย
00:24:23 → 00:24:26 ฮะความแบพวก deess พวกแบบซึมเศร้าอะไร
00:24:26 → 00:24:30 เงี้ยยอมรับไม่ได้เก็ชาย 32 ไม่เป็นเป็น
00:24:30 → 00:24:32 ไม่ได้ใช่ก็เลยก็ก็เลยต้องแบบว่าเกมี
00:24:32 → 00:24:35 แคมเปญขึ้นมารณรงตรงนี้สื่อสารว่าจริงๆ
00:24:35 → 00:24:37 แล้วเนี่ยสามารถจะพูดคุยกับเพื่อนได้นะ
00:24:37 → 00:24:39 เวลามีปัญหาอะไรเงี้ยแชร์ให้คนอื่นรู้ได้
00:24:39 → 00:24:42 อย่างเงี้ยปัญหาเรื่องของเ่อความซึมเศร้า
00:24:42 → 00:24:44 หรือว่าเรื่องของแบบพวกปัญหาสุภาพจิตใน
00:24:44 → 00:24:46 อังกฤษก็สถานการณ์ก็ดีขึ้นหรืออย่างตัว
00:24:47 → 00:24:48 อย่างสุดท้ายเนี่ยอีกอันนึงที่ผมอยากจะยก
00:24:48 → 00:24:51 ก็คือเรื่องของการบริโภคผักผลไม้พัน
00:24:51 → 00:24:54 บริโภคผักผลไม้เนี่ยในอเมริกาก็บอกว่า
00:24:54 → 00:24:57 เอ๊ะคนบริโภคผักผลไม้น้อยเาก็เลยตั้ง
00:24:57 → 00:24:59 แคมเปญชื่อ f a day ก็คือว่าอย่างน้อย
00:24:59 → 00:25:02 วันนึงเนี่ยกินสัก 5 เซฟวิ่งก็ educate
00:25:02 → 00:25:04 คนตรงนี้ทีนี้การ educate เนี่ยจริงๆต้อง
00:25:04 → 00:25:06 บอกว่าเมื่อกี้ที่เราบอกว่าใช้ Marketing
00:25:06 → 00:25:08 Mix ทั้ง 4 p คือ product Price P
00:25:09 → 00:25:11 promotion คือทุกอย่างเลยครบถ้วนเลยคือ
00:25:11 → 00:25:14 เช่นอย่างอย่าเ่อผมยกตัวอย่างอย่างเช่น
00:25:14 → 00:25:16 ตัว Price เนี่ยทำยังไงให้คนเข้าถึงง่าย
00:25:16 → 00:25:18 เพราะคนรู้สึกว่าเอ๊ะผักผลไม้บางทีมันแพง
00:25:18 → 00:25:21 อ่ะมันซื้อของกินแฮมเบอร์เกอร์ง่ายๆเงี้ย
00:25:21 → 00:25:24 มันจะถูกกว่านะทำไงเราถึงจะแบบว่าเข้าถึง
00:25:24 → 00:25:26 ได้อันนี้เา้าก็มีโปรแกรมว่าไปคุยกับ
00:25:26 → 00:25:29 ซุปเปอร์มาร์เก็ตในโลลมีการไปคุยกับพวกคน
00:25:29 → 00:25:31 ใน community แล้วก็ช่วยกันปลูกผักอะไร
00:25:31 → 00:25:34 ขึ้นมาก็ทำให้คนเข้าถึงได้ง่ายขึ้นหรือ
00:25:34 → 00:25:38 ว่าเพสเก็ใช้นัชเอามาช่วยเขาก็บอกว่าใน
00:25:38 → 00:25:40 มหาวิทยาลัยหนึ่งที่เป็นมหาวิทยลัยทางการ
00:25:40 → 00:25:43 แพทย์บอกว่าเวลาต้อนรับคนน่ะเดินทางเข้า
00:25:43 → 00:25:45 มาเนี่ยเขาบอกว่าถาดที่ต้อนรับนั่นคือผัก
00:25:45 → 00:25:48 ผลไม้มีสลัดมีผักผลไม้ต้อนรับแล้วก็เวลา
00:25:49 → 00:25:52 ที่จะตู้เย็นเขาบอกว่าหัวหน้างานหรือว่า
00:25:52 → 00:25:54 คุณหมอเนี่ยเขาก็แนะนำว่าเอ้ยคุณหมอหนัก
00:25:54 → 00:25:57 งานซื้อผักผลไม้มาไว้ในตู้เย็นหน่อยแล้ว
00:25:57 → 00:25:59 เวลาพนักงานเปิดมาเห็นก็จะเห็นว่าอ้ามี
00:25:59 → 00:26:02 ผลไม้มีกล้วยมีส้มมีแอปเปิ้ลหยิบทานได้
00:26:02 → 00:26:04 อย่างเงี้ยก็จะเป็นการส่งเสริมให้คนเนี่ย
00:26:04 → 00:26:06 ทานอาหารมากขึ้นพวกเนี้ยเขาเรียกว่าเป็น
00:26:06 → 00:26:10 การใช้เขเข้าใจอตแล้วก็หาเ่ากลไกเรียกว่า
00:26:10 → 00:26:13 ส่วนผสมทางการตลาดเนี่ยเอาเข้ามาใช้อัน
00:26:13 → 00:26:15 นี้ก็เป็นเป็นตัวอย่างที่เราเรียกว่าเป็น
00:26:15 → 00:26:17 เคสตัวอย่างที่ที่ค่อนข้างเกี่ยวข้องกับ
00:26:17 → 00:26:18 เรื่องของสุขภาพที่คิดว่า Social
00:26:18 → 00:26:21 Marketing มาปรับใช้ได้ครับฟังดูก็เป็น
00:26:21 → 00:26:25 อีกศาสตรนึงเลยนะแต่ก็หลักๆคือให้คนปรับ
00:26:25 → 00:26:28 พฤติกรรมนะครับนะเพื่อลดความเสี่ยงลดโลก
00:26:28 → 00:26:32 หรือว่าหลักๆก็ให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นจริงๆ
00:26:32 → 00:26:35 สสสเองก็ทำเรื่อง Social Marketing เยอะ
00:26:35 → 00:26:37 ก็เป็นอีกอีกด้านนึงเพื่อให้คนเนี้ยลด
00:26:37 → 00:26:41 พฤติกรรมเสี่ยงในภาพรวมนะกินเหล้าลดลงสูบ
00:26:41 → 00:26:44 บุหรี่ลดลงหรือนักสูบหน้าใหม่ลดลงแต่ว่า
00:26:44 → 00:26:46 เหมือนที่อาจารย์ยกตัวอย่างให้ฟังว่าจะทำ
00:26:46 → 00:26:47 ยังไงแล้ว
00:26:47 → 00:26:51 ก็ audience นะแต่ละอันนะ prity ก็ไม่ไม่
00:26:51 → 00:26:53 เหมือนกันต้องหาให้ดีเดี๋ยวนี้ก็มีเด็ก
00:26:53 → 00:26:56 ยุคใหม่เด็กแทบจะเรเด็กอนุบาลเด็กประถม
00:26:56 → 00:26:59 ต้นก็เริ่มสู่บุหรี่ไฟฟ้ากันแล้วก็ยังเรา
00:26:59 → 00:27:01 พยายามจะคิดว่าจะทำยังไงเพราะว่าเหมือน
00:27:01 → 00:27:03 ที่อาจารย์ว่าอาจต้องมีการออกแบบการสื่อ
00:27:03 → 00:27:06 สารอะไรเงี้ยครับจริงๆแล้วสสสเองก็ทำ
00:27:06 → 00:27:08 เรื่องนี้มาค่อนข้างเยอะนะครับจริงๆเรามี
00:27:08 → 00:27:10 ยินึงเรียกว่า Social Marketing เลยทำ
00:27:11 → 00:27:13 เรื่องนี้เพราะว่าจะปรับพฤติกรรมของสังคม
00:27:13 → 00:27:17 โดยรวมแล้วสสเองก็มีศาตร์มีองค์ความรู้
00:27:17 → 00:27:19 เรื่องนี้อยู่พอสมควรจริงๆทางสถาบันการ
00:27:19 → 00:27:21 เรียนรู้การสร้างสสุค่าก็มีหลักสูตรอัน
00:27:21 → 00:27:23 นึงเรื่องการตลาดเพื่อสังคมนะก็เพเป็น
00:27:23 → 00:27:25 Health promotion อันนึงนะ Social
00:27:25 → 00:27:27 Marketing for Health promotion เก็
00:27:27 → 00:27:30 เป็นสิ่งที่เราพยายามจะสนับสนุนถอดบท
00:27:30 → 00:27:33 เรียนแล้วก็เอาไปใช้ได้นะฟังดูอย่างเงี้ย
00:27:33 → 00:27:35 ผมว่าจริงๆแล้วศาสตร์เนี้ยมันโตไปเรื่อยๆ
00:27:35 → 00:27:37 คือมันเปลี่ยนไปตามอาจารยบอกวัยของเด็ก
00:27:37 → 00:27:40 พฤติกรรมของเด็กความสนใจของเด็กมัน
00:27:40 → 00:27:42 เปลี่ยนแปลงมันต้องมีการเค้าเรียกตื่นตัว
00:27:42 → 00:27:46 มีการตามให้ทันหรือคิดดักไว้ให้ทันนะครับ
00:27:46 → 00:27:48 แล้วแล้วก็ของมันก็ออกมาใหม่เรื่อยๆนะ
00:27:49 → 00:27:51 ครับมันทำให้น่าสนใจขึ้นอย่ายกตัวอย่าง
00:27:51 → 00:27:53 บุรีไฟฟ้าเดี๋ยวนี้มันก็ดูกลายเป็นอย่าง
00:27:53 → 00:27:55 กับของเล่นไม่เห็นเหมือนบุหรี่เลยอะไร
00:27:55 → 00:27:57 อย่างเงี้ยใชผมว่าจริงๆแล้วก็ชื่นชมความ
00:27:57 → 00:28:00 พยายามของสสนะครับผมว่าสสก่อตั้งมาก็เป็น
00:28:00 → 00:28:02 หลาย10บปีแล้วก็มีหลายๆแคมเปญเลยที่ประสบ
00:28:03 → 00:28:04 ความสำเร็จอย่างตอย่างเช่นให้เห้าเท่ากระ
00:28:04 → 00:28:06 แช่งเงี้ยคนก็เรียกว่าเปลี่ยนปรับเปลี่ยน
00:28:07 → 00:28:08 ค่านิยมว่าเอ้ยถ้าคุณยังจะให้เห่าเป็นของ
00:28:08 → 00:28:10 ขวัญปีใหม่คุณต้องระวังนะอันนี้มันไม่ดี
00:28:10 → 00:28:12 ต่อสุขภาพหรือผมเห็นว่าบางองค์บางหน่วย
00:28:12 → 00:28:14 งานเนี่ยถ้าทำเกี่ยวกับเรื่องสุขภาวะองค์
00:28:14 → 00:28:17 กรก็ทำอย่างเช่นรณรงค์ในเรื่องการตักบาตร
00:28:17 → 00:28:21 เฮะผมเห็นมีอะไรนะเณรกล้าโภชนาดีสงฆ์ไทย
00:28:21 → 00:28:23 ไกโลกเงี้ยก็เป็นการเรรณรงอันนี้ก็เป็น
00:28:23 → 00:28:25 ลักษณะของแคมเปญที่เรียกว่าเอา Social
00:28:25 → 00:28:27 Marketing มาใช้เห็นด้วยกับคุณหมอเลยว่า
00:28:27 → 00:28:30 ตอนนี้เรายังมีโซเชียลใหม่ๆ Social
00:28:30 → 00:28:31 problem หรือ issue เนี่ยใหม่ๆขึ้นมา
00:28:31 → 00:28:33 อย่างเช่นบุรี่ไฟฟ้าเนี่ยตอนนี้ก็เป็น
00:28:33 → 00:28:36 อะไรที่เรียกว่าบริษัทที่โฆษณาก็เอาพวก
00:28:36 → 00:28:39 นี้มาล่อเด็กว่าเป็นรสชาติแบบอร่อยๆส
00:28:39 → 00:28:41 สตอเบอร์รี่หรือรสชาติอะไรอย่างเงี้ยอัน
00:28:41 → 00:28:43 นี้ก็อันตรายกับเด็กรุ่นใหม่มากอย่างอีก
00:28:43 → 00:28:45 หลายเรื่องครับอาจารย์เรื่องอุบัติเหตุ
00:28:45 → 00:28:47 เรื่องอะไรก็ Social Marketing ก็น่าจะ
00:28:47 → 00:28:50 เข้ามีส่วนในการลดอุบัติเหตุลดอัตราการ
00:28:50 → 00:28:53 ตายได้เหมือนกันนะครับนี้เป็นอเป็นศาสตร์
00:28:53 → 00:28:56 ที่ที่น่าสนใจแล้วมันได้ผลในวงกว้างนะมัน
00:28:56 → 00:28:58 ก็มีความความท้าทายของมันอยู่เหมือนกันนะ
00:28:59 → 00:29:01 ครับนะก็วันนี้ก็ต้องขอบคุณอาจารย์บุญ
00:29:01 → 00:29:03 ยิ่งคงอาชาภัทรนะครับชื่อเล่นชื่ออาจารย์
00:29:03 → 00:29:06 หนุ่มนะมาคุยกับเราเรื่องโซเชียลอ่าขอบ
00:29:06 → 00:29:08 คุณหมอหมอหนุ่มนะครับมาคุยกันเรื่อง
00:29:08 → 00:29:10 Social Marketing นะการตลาดเพื่อสังคม
00:29:10 → 00:29:13 นะครับนะการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลด
00:29:13 → 00:29:16 โรค ncd โรคที่ไม่ติดต่อนะครับแล้วก็ทำ
00:29:16 → 00:29:20 ให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นนะครับหวังว่าเราจะ
00:29:20 → 00:29:23 ได้เอาไปใช้ประโยชน์เอาไปปรับใช้ในชีวิต
00:29:23 → 00:29:25 หรือในการทำงานเราได้โดยโดยหลักคือปรับ
00:29:25 → 00:29:28 พฤติกรรมแล้วสุขภาพดีขึ้นสุขภาวะดีขึ้น
00:29:28 → 00:29:30 ขึ้นนี่เป็นสิ่งที่สถาบันการรุการสร้าง
00:29:30 → 00:29:33 สูนสุขภาพแล้วก็สสสฝันอยากเห็นนะครับก็
00:29:33 → 00:29:35 ขอบคุณอาจารย์มากครับวันนี้ขอบคุณครับ
00:29:35 → 00:29:43 ขอบคุณครับอาจารย์สดีครับ
00:29:43 → 00:29:46 [เพลง]