00:00:00 → 00:00:02 ก็สวัสดีครับวันนี้ผมจะมาพูดเกี่ยวข้อง
00:00:02 → 00:00:05 กับเรื่องของการุณยฆาตนะครับหรือว่าการ
00:00:05 → 00:00:09 ให้คนไข้ของเราเนี่ยเสียชีวิตด้วยวิธีทาง
00:00:09 → 00:00:12 การแพทย์อย่างหนึ่งนะครับว่าส่วนตัวผม
00:00:12 → 00:00:14 แล้วผมเห็นว่าเป็นเป็นยังไงนะครับมันมี
00:00:14 → 00:00:16 ข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้างนะครับแล้วก็
00:00:16 → 00:00:19 เดี๋ยวผมมีอะไรเสริมเพิ่มเติมก็เดี๋ยวจะ
00:00:19 → 00:00:22 เล่าให้ฟังนะครับพบกับผมนะครับนายแค่เธอ
00:00:22 → 00:00:23 มีธนียวันนะครับเป็นอาจารย์แก้อยู่ที่
00:00:23 → 00:00:26 ประเทศสหรัฐอเมริกานะครับเชี่ยวชาญโรคปอด
00:00:26 → 00:00:29 การปลูกถ่ายปอดและได้เกือบบำบัดนะครับคำ
00:00:29 → 00:00:32 ว่าการุณยฆาตเนี่ยก็จริงๆมันก็คือคำว่ากา
00:00:32 → 00:00:37 รุณบวกคาดในละคือกันการฆ่าด้วยความ
00:00:37 → 00:00:41 การุณย์ง่ายๆนะครับคือสำหรับคนที่มีโรค
00:00:41 → 00:00:44 บางอย่างที่ไม่สามารถรักษาให้หายได้แล้ว
00:00:44 → 00:00:48 ก็มีความทรมานมากๆนะครับก็มีคนคิดว่าเออ
00:00:48 → 00:00:50 ถ้าอย่างนั้นเนี่ยเราสามารถทำให้เขาเสีย
00:00:50 → 00:00:54 ชีวิตได้ด้วยยความสงบนะครับแล้วก็ปรารถนา
00:00:54 → 00:00:59 ความทรมานน่าจะเป็นสิ่งที่ดีนะครับก็พอก
00:00:59 → 00:01:03 แนวคิดนี้ออกอันนี้มันก็มีหลายๆคนเลยนะ
00:01:03 → 00:01:06 ครับที่แสดงความคิดเห็นแล้วก็จะมีเรื่อง
00:01:06 → 00:01:09 ของจริยธรรมนะครับที่เข้ามาเกี่ยวข้อง
00:01:09 → 00:01:13 เป็นอย่างมากเลยนะครับว่าเออคนเราเนี่ย
00:01:13 → 00:01:16 มันจะมีปัญหาเรื่องทางด้านปรัชญาจริยธรรม
00:01:16 → 00:01:20 ต่างๆตามมาเยอะแยะไปหมดนะครับเช่นเวลาที่
00:01:20 → 00:01:23 เราเกิดมามีชีวิตหรือสิ่งมีชีวิตเกิดขึ้น
00:01:23 → 00:01:25 มาบนโลกนี้นะครับการไปทำลายชีวิตเขาไม่
00:01:25 → 00:01:28 ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆก็ตามนะครับมันก็เป็น
00:01:28 → 00:01:32 สิ่งที่คนเราเอาหลายๆศาสนานะครับที่จริง
00:01:32 → 00:01:35 พระพุทธศาสนาสอนมาว่าไม่ควรทำนะครับมันก็
00:01:35 → 00:01:38 มีสาเหตุว่าทำไมไม่ควรทำในแต่ละศาสนาซึ่ง
00:01:38 → 00:01:41 ก็อาจจะพูดที่พูดไม่เหมือนกันก็ได้นะครับ
00:01:41 → 00:01:44 ตรงนี้นอกจากนี้มันก็ไปเกี่ยวข้องกับ
00:01:44 → 00:01:48 คล้ายๆกับเรื่องพวกทำแท้งนะฮะว่าเอถ้าเรา
00:01:48 → 00:01:52 เกิดมาแล้วลูกไม่สมประกอบมีปัญหาเลยเนี้ย
00:01:52 → 00:01:55 ทำแท้งถือว่าผิดไม้นะครับอะไรอย่างไรหรือ
00:01:55 → 00:01:59 เปล่านะครับตรงนี้เนี้ยจริงๆผมคิดว่าถ้า
00:01:59 → 00:02:03 เป็นผมและก็จะมามุ่งเน้นตรงที่ว่าเออทำไม
00:02:03 → 00:02:07 เราต้องทำการุณยฆาตด้วยนะครับคำตอบก็คือ
00:02:07 → 00:02:09 ว่าคนไข้คนนั้นมีความทรมานอย่างแสนสาหัส
00:02:09 → 00:02:12 ที่ไม่สามารถมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ได้นะ
00:02:12 → 00:02:15 ครับแต่ว่าว่าถ้าอย่างนั้นทำไมเราไม่คิด
00:02:15 → 00:02:19 ว่าเกอร์แทนที่เราจะรักษาเขาให้หายซึ่ง
00:02:19 → 00:02:22 มันเป็นไม่ได้เราปรับเปลี่ยนมุมมาว่าเรา
00:02:22 → 00:02:25 ทำอย่างไรให้เขาไม่พอลมาแต่เราไม่ฆ่าเขา
00:02:25 → 00:02:28 จะได้ไหมนะครับเพราะถ้าทำแบบนี้เนี่ยข้อ
00:02:28 → 00:02:31 แรกก็คือมันก็ไม่มีปัญหาทางด้านจริยธรรม
00:02:31 → 00:02:34 ศาสนาใดๆทั้งสิ้นเพราะว่าเราไม่ได้ไปแพร่
00:02:34 → 00:02:37 ชีวิตของคนคนหนึ่งนะครับและวันที่ 2 ก็
00:02:37 → 00:02:41 คือว่ามันก็ยังสามารถที่จะแก้ไขภาวะที่คน
00:02:41 → 00:02:45 ไข้มีความทรมานได้นะครับอ่ะนี่เป็นความ
00:02:45 → 00:02:48 คิดของผมถ้าเป็นผมผมก็ไม่ไม่ค่อยเห็นด้วย
00:02:48 → 00:02:51 กับการที่เราจะไปทำการุณยฆาตเป็นอย่างไร
00:02:51 → 00:02:54 นะครับแต่ว่าก็อาจจะมีหมอบางท่านหรือว่า
00:02:54 → 00:02:58 คนบางคนซึ่งคิดว่าภาวะอะที่ตัวเองเป็น
00:02:58 → 00:03:01 อยู่เนี่ยมันไม่ดีมันอยู่ข้างมากการทำกา
00:03:01 → 00:03:03 รุณอย่างค่าน่าจะเป็นวิธีที่เหมาะสมที่
00:03:03 → 00:03:06 สุดนะฮะอันนี้เห็นตรงกันไม่ว่าอะไรกันนะ
00:03:06 → 00:03:08 ครับเพราะว่าในโลกปัจจุบันนี้นะครับ
00:03:08 → 00:03:11 เรื่องการุณยฆาตก็จำเป็นหัวข้อซึ่งมีคนถก
00:03:11 → 00:03:13 เถียงกันมากมายนะครับว่าควรหรือไม่ควรนะ
00:03:13 → 00:03:17 ครับแล้วก็มีแค่บางประเทศเท่านั้นที่การ
00:03:17 → 00:03:20 ทำการุณยฆาตเนี่ยมันเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมาย
00:03:20 → 00:03:22 ในงานเช่นทางสวิตเซอร์แลนด์อย่างนี้เป็น
00:03:22 → 00:03:24 ต้นนะครับที่มีกันอย่างห้ามทำอยู่นะครับ
00:03:24 → 00:03:27 ทำไม่ได้นะถ้าทำแล้วถือว่าเราผิดนะครับ
00:03:27 → 00:03:30 เราถือว่าเป็นการฆ่าคนโดยเจตนานั้นซึ่งก็
00:03:30 → 00:03:33 มีความผิดมากๆนะครับอันนี้ก็ห้ามทำที่
00:03:33 → 00:03:36 อเมริกานะครับส่วนตัวผม
00:03:36 → 00:03:39 ผมไม่เห็นด้วยเพราะว่าอะไรนะครับผมคิดว่า
00:03:39 → 00:03:42 คนเราเนี่ยเกิดมาหรือว่าสิ่งมีชีวิตเกิด
00:03:42 → 00:03:45 มาบนโลกนี้มันเกิดมาเพราะว่าเหตุผลอะไร
00:03:45 → 00:03:49 บางอย่างนะครับแล้วถ้าเราไปตัดวงจรเหตุผล
00:03:49 → 00:03:53 นะเนี่ยนะครับมันก็อาจจะเป็นอะไรที่ต่อ
00:03:53 → 00:03:56 ก่อให้เกิดผลบางอย่างตามมานะนาคตนะครับ
00:03:56 → 00:03:59 เวลาที่ก่อให้เกิดปัญหาบางอย่างตามมานาน
00:03:59 → 00:04:01 แล้วคนเนี่ยปัญหาเต็มที่เกิดตามมามันอาจ
00:04:01 → 00:04:05 จะยุ่งยากกว่าเดิมซะอีกนะครับเช่นเราคง
00:04:05 → 00:04:09 เคยได้ยินกดว่ามีแรงกระทำอะไรสักอย่างมัน
00:04:09 → 00:04:12 ก็จะต้องมีปฏิกิริยาอะไรตามมาหลังจากนั้น
00:04:12 → 00:04:15 นะครับมี Action ก็มี reaction อย่างนี้
00:04:15 → 00:04:17 เป็นต้นนะครับที่ว่าเราพักลูกบอลลูกบอล
00:04:17 → 00:04:21 มันก็ต้องมีการกลิ้งไปอย่างนี้เป็นต้นนะ
00:04:21 → 00:04:23 ครับนั่นคือเรียช่างของการเป็นผักฟุตบอล
00:04:23 → 00:04:27 ครับแต่ปัญหาก็ถือว่าถ้าเราไปหยุดลูกบอล
00:04:27 → 00:04:30 นะฮะมันก็อาจจะมีการที่ที่จะต้องมีการ
00:04:30 → 00:04:34 เสียอะไรไปบางอย่างนะครับเช่นอ้ะถ้าลูก
00:04:34 → 00:04:36 บอลนั้นวิ่งมาช้าๆนี้คงไม่ค่อยมีใครเห็น
00:04:36 → 00:04:38 อะไรชัดเจนสมมติว่าถ้าเป็นลูกบอลที่วิ่ง
00:04:38 → 00:04:41 มาเร็วๆเลยนะครับเช่นว่าเราเตะลูกบอลแรง
00:04:41 → 00:04:44 และเราต้องเอามือไปหยุดมันนะครับคนที่
00:04:44 → 00:04:46 หยุดเนี่ยจะต้องมีอำนาจมากเพียงพอได้อยู่
00:04:46 → 00:04:48 ลูกบอลได้ไม่ฉะนั้นก็อาจจะมีการเจ็บข้อ
00:04:48 → 00:04:50 มือนะครับบาดเจ็บได้นะครับก็เกิดปัญหา
00:04:50 → 00:04:54 ต่างๆขึ้นมาได้นานหรือว่าเอ่ออาจจะมีการ
00:04:54 → 00:04:57 เปื้อนอะไรอย่างนี้เป็นต้นนะครับหรือลูก
00:04:57 → 00:04:59 บอลกระเด็นไปทางอื่นถ้าเราหยุดมันไม่ได้
00:04:59 → 00:05:02 มันก็จะไปชนเมื่อคืนนะครับนี่ก็คือเป็นผล
00:05:02 → 00:05:05 ของการอ่านหยุด Reaction อันนึงนะครับการ
00:05:05 → 00:05:08 ที่เราไปหยุดอะไรสักอย่างเนี่ยมันก็
00:05:08 → 00:05:11 เหมือนกับกฎของเทอร์โมไดนามิกส์นะฮะกฎของ
00:05:11 → 00:05:14 เทอร์โมไดนามิกส์ก็คือว่าพลังงานมันมีทาง
00:05:14 → 00:05:16 หายไปไหนนะครับระยะชาติมันมีทางหายไปไหน
00:05:16 → 00:05:19 ถึงแต่เราเปลี่ยนแปลงมันเป็นทางอื่นเท่า
00:05:19 → 00:05:21 นั้นเองครับการเปลี่ยนแปลงมันเป็นทางอื่น
00:05:21 → 00:05:23 มันจะไปส่งผลให้เกิดอะไรขึ้นมามากนี้ก็
00:05:23 → 00:05:26 สุดแล้วแต่นะครับแต่ปัญหาก็คือว่าเราจะ
00:05:26 → 00:05:30 ไม่มีทางรู้ว่า a การไปเปลี่ยนแปลงการ
00:05:30 → 00:05:33 ทรมานมันจะเกิดอะไรขึ้นบ้างนะครับอันนี้
00:05:33 → 00:05:35 เราอาจจะมีความเข้าใจที่ไม่เพียงคอนะครับ
00:05:35 → 00:05:40 R เหมือนอะไรบ้างเหมือนว่าเราทำนายได้
00:05:40 → 00:05:43 ไหมว่ามันจะเกิดคลื่นยักษ์สึนามิขึ้นมา
00:05:43 → 00:05:47 แน่ๆไม่มีใครสามารถทำนายได้นะครับมันแค่
00:05:47 → 00:05:50 บอกว่าโปรการ์ดเกิดสูงแต่ไม่ได้บอกว่า
00:05:50 → 00:05:53 โอกาสเกิด 100% เต็มเราจะไม่สามารถทำนาย
00:05:53 → 00:05:55 ได้เพราะว่ามันมีอะไรอีกหลายๆอย่างในโลก
00:05:55 → 00:05:58 นี้ในจักรวาลนี้ซึ่งเราไม่ทราบนะครับแล้ว
00:05:58 → 00:06:01 พอเราไม่ทราบเราก็จะก็สามารถทำนายได้แล้ว
00:06:01 → 00:06:03 บางคนพอไม่ทราบก็เอาไปตีเป็นเรื่องของ
00:06:03 → 00:06:06 ไสยศาสตร์เป็นอะไรไปสิก็เรื่องของดวงดาว
00:06:06 → 00:06:10 โคจรดาวมฤตยูย้ายดาวอะไรอย่างนี้นะครับจะ
00:06:10 → 00:06:13 ทำให้เกิดปัญหาทำให้เกิดวิกฤติอะไรอย่าง
00:06:13 → 00:06:15 นี้ต่างๆหนาเวลาคนไม่เข้าใจอะไรเขาก็จะไป
00:06:15 → 00:06:18 ทางนั้นไปก่อนนะครับนี่คือการที่บอกว่า
00:06:18 → 00:06:21 บางครั้งมันมีเหตุผลอะไรสักอย่างที่เรา
00:06:21 → 00:06:24 อาจจะไม่เข้าใจพูดเหตุผลทำให้เกิดสิ่ง
00:06:24 → 00:06:27 หนึ่งซึ่งเราไม่สามารถทำนายได้นี่คือการ
00:06:27 → 00:06:30 ที่เราไปหยุดอะไรที่เราไม่ทราบนะครับเช่น
00:06:30 → 00:06:34 แบบนี้ผมคิดว่ามันจะเอาไปประยุกต์ในกรณี
00:06:34 → 00:06:38 ของความทรมานชีวิตที่เกิดมาแล้วก็การตาย
00:06:38 → 00:06:41 ได้นะครับถ้าชีวิตคนเราเกิดมามันจะต้อง
00:06:41 → 00:06:43 ประสบพบเจออะไรสักอย่างนั่นแปลว่ามันอาจ
00:06:44 → 00:06:47 จะมีเหตุผลอะไรสักอย่างที่ทำให้เราจะเป็น
00:06:47 → 00:06:50 เช่นนั้นนะครับแล้วถ้าเหตุผลมันทำให้เรา
00:06:50 → 00:06:54 ต้องเป็นเช่นนั้นการไปจะหยุดยั้งสิ่งที่
00:06:54 → 00:06:57 ควรจะเกิดไม่ให้มันเกิดนะครับมันก็จะต้อง
00:06:57 → 00:07:00 ไปมีผลกระทบในทางอื่นอีกเช่นกันส่วนแต่ใน
00:07:00 → 00:07:03 ทางอื่นที่จะเกิดขึ้นคืออะไรผมก็ต่อไม่
00:07:03 → 00:07:05 ได้เหมือนกันนะครับเพราะว่าผมก็ไม่เข้าใจ
00:07:06 → 00:07:07 ในทุกๆเรื่องเหมือนกันแต่ผมเชื่อเลยนะ
00:07:07 → 00:07:11 ครับว่ามันจะต้องมีแน่ๆนะฮะเหมือนกับอย่า
00:07:11 → 00:07:15 ตรงๆเลยยาพาราเซตามอลเป็นยาลดไข้ก็เป็น
00:07:15 → 00:07:19 ครับอยากลดอาการปวดพาราเซตามอลกินไปโอเค
00:07:19 → 00:07:22 แล้วเข้าใจอย่างหนึ่งแล้วว่ามันคุณจะลด
00:07:22 → 00:07:25 ไข้ได้มันก็จะลดอาการปวดได้ถามว่ามันได้
00:07:25 → 00:07:27 ปวดร้อยเปอร์เซ็นต์มั้ยไม่ได้ทำไมมันถึง
00:07:27 → 00:07:30 ไม่ได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์มีผลมากมายหลาย
00:07:30 → 00:07:33 อย่างเลยครับเช่นอาการไข้นั้นอาจจะเกิด
00:07:33 → 00:07:37 จากภาวะติดเชื้อรุนแรงข้างหนึ่งก็ก็ไปลด
00:07:37 → 00:07:39 ไข้มันก็ไม่ได้ทำให้เหตุผลในการเกิดไข้
00:07:39 → 00:07:43 หายไปไหนนะฮะเป็นต้นอาการปวดมันอาจจะไป
00:07:43 → 00:07:47 เกิดจากการที่เราบาดเจ็บรุนแรงซึ่งมันมี
00:07:47 → 00:07:50 อำนาจเหนือยาก็เป็นไม่ได้นะครับและยาตัว
00:07:50 → 00:07:53 นี้มันมีผลดีตลอดไปไหมก็ไม่นะครับมันก็มี
00:07:53 → 00:07:55 ผลเสียเช่นกินมากไปเอาก็ตับเสียอีกนะครับ
00:07:55 → 00:07:58 อย่างนี้เป็นต้นนะมันไม่ได้มีข้อดีตลอด
00:07:58 → 00:08:02 เวลาดังนั้นมันไม่มีเหตุผลแล้วก็มีสิ่ง
00:08:02 → 00:08:05 ที่เกิดขึ้นตามอะไรก็แล้วแต่ที่เราจะทำมา
00:08:05 → 00:08:10 เสมอส่วนเราจะรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นอาจจะ
00:08:10 → 00:08:12 รู้แล้วก็อาจจะไม่รู้นะครับไทยนอกหรือ
00:08:12 → 00:08:15 พาราเซตามอลอาจจะมีผลจะอยู่ที่ผมไม่รู้ก็
00:08:15 → 00:08:17 เป็นได้นะครับอ่าไม่ใช่ผมรู้หมดทุกอย่าง
00:08:17 → 00:08:20 มันอาจจะมีบางอย่างที่ไม่รู้นะครับหรือ
00:08:20 → 00:08:23 กรณีให้ตรงไปกว่านั้นอีกเช่นวันก่อนมีคน
00:08:23 → 00:08:29 มาบอกผมว่าเอถ้าเราต่อไปในอนาคตนะครับ
00:08:29 → 00:08:32 วิธีในการรักษาโรคเนี่ยจะเน้นไปที่การ
00:08:32 → 00:08:34 รักษาธรรมชาติบำบัดให้เรารับประทานอะไร
00:08:34 → 00:08:37 เข้าไปสักอย่างเพื่อปรับเปลี่ยน DNA ของ
00:08:37 → 00:08:39 คนเราแก้ไขที่ต้นต่อทำให้ตัวโรคมันหายไป
00:08:39 → 00:08:43 ถามว่าคำนี้เนี่ยมันฟังดูดีนะครับแต่มัน
00:08:43 → 00:08:45 เป็นไปไม่ได้หรอกครับถามว่าทำไมเป็นยัง
00:08:45 → 00:08:48 ไม่ได้ข้อแรกเรารู้หรือเปล่าว่าสิ่งที่
00:08:48 → 00:08:51 เรารับประทานเข้าไปธรรมชาติบำบัดเนี่ยมัน
00:08:51 → 00:08:53 ไปทำอะไรกับร่างกายเรา
00:08:53 → 00:08:55 ตอบไม่ได้หรอกครับเพราะว่าสิ่งที่มีใน
00:08:55 → 00:08:57 ธรรมชาติมันไปทำอะไรตรงไหนของร่างกายเรา
00:08:57 → 00:09:01 เนี่ยมันหลากหลายมากจนกระทั่งคุณก็ไม่ไม่
00:09:01 → 00:09:02 สามารถที่จะบอกได้หรอกเพราะว่าเกิดอะไร
00:09:02 → 00:09:05 ขึ้นแล้วยิ่งกว่านั้นไปปรับเปลี่ยน DNA
00:09:05 → 00:09:08 ของคนมันแค่เป็นไปไม่ได้เลยนะครับมันเข้า
00:09:08 → 00:09:10 ไปในทางเดินอาหารเราก็อยู่ตรงนั้นเซลล์
00:09:10 → 00:09:13 ที่จะมีผลก็มีแค่เซลล์ทางเดินอาหารแต่ไม่
00:09:13 → 00:09:15 ได้เป็นเซลล์ทั้งร่างกายของเราต่อให้มา
00:09:15 → 00:09:16 ดูดซึมเข้าไปทั้งร่างกายของเรานั้นไม่มี
00:09:16 → 00:09:18 ทางที่สารเหล่านั้นจะไปเจอทุกเซลล์ของ
00:09:18 → 00:09:20 ร่างกายแล้วก็เปลี่ยนแปลงดีเอ็นเอได้นะ
00:09:20 → 00:09:23 ครับกลไกในการเปลี่ยนแปลงดีเอ็นเอมันถ้า
00:09:23 → 00:09:24 เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วอันที่หนึ่งนะครับ
00:09:24 → 00:09:27 อันที่สองสมมติว่ามันเปลี่ยนแปลงได้จริงๆ
00:09:27 → 00:09:29 ท่านรู้เหรอครับว่าจะไปเปลี่ยนแปลงส่วน
00:09:29 → 00:09:32 ไหนของ DNA ดีเลย์ของคนเราเนี่ยมันมียืน
00:09:32 → 00:09:36 ตั้ง 200 แล้วก็มันมีส่วนที่เราไม่รู้จัก
00:09:36 → 00:09:39 อีกมากมายนะครับเรารู้จักแค่เศษเสี้ยวของ
00:09:39 → 00:09:42 ทั้งหมดเองแล้วการเปลี่ยนแปลงยีน 1 ยีนต์
00:09:42 → 00:09:47 มันไม่ได้มีผลแค่อย่างเดียวนะครับ 5 เรา
00:09:47 → 00:09:49 บางโรคมันไม่ใช่เกิดเพราะว่ายีน 1 ยีนต์
00:09:49 → 00:09:51 มันเกิดพระอินทร์หลายๆยืนพร้อมกันท่าน
00:09:51 → 00:09:54 เปลี่ยนแปลงทุกอย่างไม่ได้หรอกครับนะดัง
00:09:54 → 00:09:58 นั้นเนี่ยการที่เราเอาคุยมาถึงเรื่องการ
00:09:58 → 00:10:00 ดูในค่ารถมาไกลได้ขนาดนี้เท่าไหร่เนี่ยผม
00:10:00 → 00:10:04 ก็จะบอกว่าเออการที่เราไปแก้ไขสิ่งหนึ่ง
00:10:04 → 00:10:08 สิ่งใดโดยที่เราไม่เข้าใจอย่างของแท้นะ
00:10:08 → 00:10:11 ครับมันอาจจะทำให้เกิดสิ่งต่างๆตามมาที่
00:10:11 → 00:10:14 เราไม่คาดคิดคาดฝันก็ได้ใครจะทราบว่าการ
00:10:14 → 00:10:18 ตายเป็นสิ่งที่สิ้นสุดของชีวิตผมคิดว่า
00:10:18 → 00:10:20 มันไม่ใช่หรอกครับการตายมันเป็นสิ่งหนึ่ง
00:10:20 → 00:10:23 ซึ่งชีวิตจะต้องผ่านต่างหากนะครับเหมือน
00:10:23 → 00:10:26 ที่เราจำเป็นจะต้องเจริญเติบโตพันธุ์การ
00:10:26 → 00:10:28 เรียนชั้นป 1 ป 2 ป 3 ไปเรื่อยๆอย่างนี้
00:10:28 → 00:10:32 นะครับถ้าเราเป็นโรงเรียนชีวิตเนี่ยนะ
00:10:32 → 00:10:35 ครับเราเกิดแก่เจ็บตายไปตายไปเดี๋ยวมันก็
00:10:35 → 00:10:38 เกิดมาใหม่อีกสักที่หนึ่งนะครับแล้วส่วน
00:10:38 → 00:10:40 ว่าการที่เราไปทำให้คนหนึ่งเขาตายเนี่ยจะ
00:10:40 → 00:10:43 มีผลอะไรต่อเราในชีวิตหน้าหรือเปล่าอัน
00:10:43 → 00:10:46 นี้ก็ไม่แน่ใจนะครับส่วนคนที่เขาตายไปเขา
00:10:46 → 00:10:48 จะไปเกิดผลอะไรต่อหลังข้างหลังจากที่เขา
00:10:48 → 00:10:50 ตายไปแล้วอันนี้ก็ไม่มีใครทราบเหมือนกัน
00:10:50 → 00:10:52 นะครับเพราะว่าแน่นอนว่าทุกคนไม่มีทาง
00:10:52 → 00:10:54 ทราบเรื่องพรุ่งนี้ได้ของบางอย่างมันไม่
00:10:54 → 00:10:58 มีทางทราบได้หรอกครับนะฮะเราก็เรื่องคน
00:10:58 → 00:11:01 บอกว่าโอเราดูดูดวงดูอะไรอย่างนี้ได้หรือ
00:11:01 → 00:11:05 ว่าไปเข้าใจเรื่องของอรหันต์เรื่องอะไร
00:11:05 → 00:11:07 พวกนี้ได้ผมคิดว่าถ้าท่านไม่มีประสบการณ์
00:11:07 → 00:11:10 นั้นโดยตรงเนี้ยก็ก็ไม่สามารถที่จะมาเล่า
00:11:10 → 00:11:12 ได้หรอกครับเราที่สำคัญคือเรื่องพวกนี้
00:11:12 → 00:11:15 มันเป็นเรื่องเฉพาะบุคคลคนที่สามารถ
00:11:15 → 00:11:18 สัมพันธ์มันได้เท่านั้นที่จะเอามาเล่าเรา
00:11:18 → 00:11:20 ก็ตัวเองเข้าใจอยู่คนเดียวนะครับเล่าให้
00:11:20 → 00:11:22 คนอื่นฟังก็ไม่ได้ยิ่งคนที่สั่งมาแล้วมา
00:11:22 → 00:11:25 เล่าต่อเนี่ยไม่น่าเชื่อถือใหญ่เลยนะครับ
00:11:25 → 00:11:27 เพราะว่าท่านไม่ได้ประสบพบด้วยตัวเองนะ
00:11:27 → 00:11:30 ครับงั้นผมก็จะรู้สึกว่าเออเราไม่อยากจะ
00:11:30 → 00:11:32 ไปเชื่อคนเหล่านี้แล้วก็อยากจะลงลึกไปใน
00:11:32 → 00:11:35 สิ่งเหล่านั้นนะครับแต่เราได้คิดดำเก็บผล
00:11:35 → 00:11:38 ว่ามันมีวิชั่นมันก็มันต้องมี Action ตาม
00:11:38 → 00:11:41 มาหลังฉะนั้นไม่ว่าเราจะรู้ว่าสิ่งนั้น
00:11:41 → 00:11:43 คืออะไรก็ตามนะครับนี่คือเป็นสิ่งที่ผม
00:11:43 → 00:11:47 มองนะครับแล้วถามว่าเออถ้าเกิดว่าคนเรา
00:11:47 → 00:11:49 ทรมานมากๆเช่นเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายแล้ว
00:11:49 → 00:11:52 มันปวดกระดูกทั้งตัวเลยนะครับเลือยเรา
00:11:52 → 00:11:54 เป็นมะเร็งต่อแล้วเหนื่อยหายใจไม่ได้เลย
00:11:54 → 00:11:56 นะครับผมจะทำยังไงนะครับทางการแพทย์เนี่ย
00:11:56 → 00:12:00 จะมีคำว่าแพรวหยุดแคร์กับคอร์สติด ka ไหม
00:12:00 → 00:12:04 ดีขึ้นมานะครับแครีทิศก็คอสติดเนี่ยเป้า
00:12:04 → 00:12:07 หมายของเขาเนี่ยคือเพื่อที่จะให้คนไข้คน
00:12:07 → 00:12:10 นั้นเนี่ยชีวิตที่หลงเหลืออยู่ของเขามี
00:12:10 → 00:12:14 ความสุขมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้นะ
00:12:14 → 00:12:17 ครับเท่าที่จะเป็นไปได้เช่นก็จะมีการให้
00:12:17 → 00:12:19 ยากลุ่มมอร์ฟีนเพื่อที่จะให้เขาไม่เจ็บ
00:12:19 → 00:12:22 ปวดนะครับให้ยากลุ่มมอร์ฟีนเพื่อที่จะให้
00:12:22 → 00:12:24 เขาไม่หนื่อยอย่างนี้เป็นต้นนะครับหรือ
00:12:24 → 00:12:27 ให้ยาบางตัวเพื่อที่จะให้เขาไม่มีพวก
00:12:27 → 00:12:30 เสียงหากมากเกินไปแต่ว่าการให้ยาเหล่านี้
00:12:30 → 00:12:34 มันก็เป็นยาที่มีผลเสียเหมือนกันนะครับผล
00:12:34 → 00:12:36 เสียงเขาก็คืออาจจะทำให้คนไข้ไม่ค่อยตอบ
00:12:36 → 00:12:39 สนองนะครับทำให้คนไข้สะลึมสะลือหรือทำให้
00:12:39 → 00:12:43 คนไข้เนี่ยะหลักอะไรนี้เป็นต้นนะครับแต่
00:12:43 → 00:12:46 เราต้องอย่าลืมนะครับว่าจุดมุ่งหมายของ
00:12:46 → 00:12:48 การให้เนี่ยคือเพื่อให้คนไข้เขาสบายที่
00:12:48 → 00:12:52 สุดนะฮะเราจะไม่ให้จนทำให้หลับไปแบบทุกๆ
00:12:52 → 00:12:55 คนนะครับเราจะให้ถ้าให้ปุ๊บเนี่ยคนไข้เขา
00:12:55 → 00:12:58 เขาไม่เจ็บไม่ปวดนะครับมีชีวิตอยู่ได้
00:12:58 → 00:13:01 อย่างสบายนะครับเราก็จะให้ติดตามแค่นั้น
00:13:01 → 00:13:03 เราไม่ให้มากกว่านั้นนะครับก็ให้มากกว่า
00:13:03 → 00:13:05 นั้นก็จะมีปัญหาอีกนะฮะส่วนถ้าบางคนจะไม่
00:13:05 → 00:13:08 ต้องได้โดนขนาดสู่มาเพราะว่าเวลาตื่นแล้ว
00:13:08 → 00:13:11 ก็จะทรมานเราก็จะไม่ต้องให้แบบนั้นคนไข้
00:13:11 → 00:13:14 ก็จะลำก็จะมีการให้โดยที่แตกต่างกันไปใน
00:13:14 → 00:13:17 แต่ละคนก็จะได้เหมือนกันนะครับนี่ก็คือ
00:13:17 → 00:13:20 แนวคิดของทะเลเจอแกกับ Horse ติดแต่จะไม่
00:13:20 → 00:13:23 ใช่แค่การรักษาทางร่างกายเท่านั้นระยะ
00:13:23 → 00:13:26 มุ่นเน้นไปการรักษาของจิตใจอีกนะครับเช่น
00:13:26 → 00:13:29 ว่าเราจะมีการคุยว่าเอ่อชีวิตของคนไข้
00:13:29 → 00:13:31 ช่วงไหนที่มีความสุขเราจะดึงความสุขตรง
00:13:31 → 00:13:34 นั้นออกมาให้กับคนไข้นะครับเตรียมตัวคน
00:13:34 → 00:13:36 ไข้ในการเสียชีวิตเพราะว่าแน่นอนการเสีย
00:13:36 → 00:13:38 ชีวิตมันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ค่อย
00:13:38 → 00:13:41 ๆเกิดมาก็ต้องเสียชีวิตทั้งนั้นนะครับมัน
00:13:41 → 00:13:42 ไม่มีใครหรอกครับเกิดมาแล้วไม่เสียชีวิต
00:13:42 → 00:13:45 น่ะไม่ว่าจะด้วยเหตุอะไรก็แล้วแต่นะครับ
00:13:45 → 00:13:48 เราจะต้องมีการเตรียมตัวคนไข้นะครับแล้ว
00:13:48 → 00:13:52 ก็ที่สำคัญคือมีการเตรียมตัวครอบครัวถ้า
00:13:52 → 00:13:55 อย่างนี้เป็นต้นนะครับตรงนี้ก็จะเป็นหน้า
00:13:55 → 00:13:57 ที่ของทาลิปแคร์ก๊อซปิดซึ่งมีความสำคัญ
00:13:57 → 00:14:01 มากๆที่ประเทศไทยอาจจะยังไม่ค่อยผมมี
00:14:01 → 00:14:03 เรื่องเท่าไหร่นะครับแต่ที่อเมริกาเรื่อง
00:14:03 → 00:14:05 นี้จะเด่นมากๆนะครับเราก็จะทำให้ทุก Case
00:14:05 → 00:14:08 แล้วก็ที่สำคัญไม่ใช่เฉพาะคนไข้ที่กำลัง
00:14:08 → 00:14:11 จะตายเท่านั้นที่เราทำให้นะครับคนไข้ที่
00:14:11 → 00:14:13 เราทำให้เนี่ยคือจริงๆคนถ้าไม่ต้องเป็น
00:14:13 → 00:14:15 นับกำลังจะตายก็ได้นะครับอาจจะมีมะเร็ง
00:14:15 → 00:14:18 บางอย่างซึ่งเอาร่วมในหายแต่ว่าเราไม่รู้
00:14:18 → 00:14:20 เมื่อไหร่จะเสียชีวิตน่าจะแบบปี 1 6
00:14:20 → 00:14:22 เดือนอย่างนี้เป็นต้นแล้วก็ทำให้นะครับ
00:14:22 → 00:14:25 เพราะว่าการที่เราทำให้เนี่ยจะทำให้คนไข้
00:14:25 → 00:14:29 มีความสบายแล้วก็ก็มีสภาพจิตใจที่ดีขึ้น
00:14:29 → 00:14:32 คนเราเวลามีสภาพจิตใจที่ดีขึ้นชีวิตที่
00:14:32 → 00:14:34 เหลืออยู่ก็จะมีความสุขเวลาเรามีความสุข
00:14:34 → 00:14:37 ทุกอย่างก็จะดูมีความหมายขึ้นมาทันทีทั่ว
00:14:37 → 00:14:39 ไปฮะถ้าเราไม่มีความสุขเรากลายเป็นซึม
00:14:39 → 00:14:41 เศร้าน่าจะรู้สึกว่าไม่รู้จะอยู่ไปทำไม
00:14:41 → 00:14:45 อยู่กับเป็นภาระคนอื่นเราเกิดมาไร้ค่า
00:14:45 → 00:14:48 ความคิดเหล่าเนี้ยแน่นอนทำให้จิตเราเนี่ย
00:14:48 → 00:14:50 ไม่มีความสุขแดงสิ้นชีวิตที่หลงเหลืออยู่
00:14:50 → 00:14:52 ของเราเนี่ยมันก็จะทรมานแล้วเราก็ไม่แน่
00:14:52 → 00:14:54 ใจหรอกครับว่าถ้าเราสีชีวิตไปด้วยความคิด
00:14:54 → 00:14:57 แบบนี้สิ่งที่เราเกิดขึ้นน่ะเป็นยังไงนะ
00:14:57 → 00:15:00 ผมคิดว่ามันไม่ดีหรอกครับทั้งเธอคิดยังไง
00:15:00 → 00:15:03 ก็ได้สมมติท่านมีเรื่องเครียดมากๆนะครับ
00:15:03 → 00:15:06 วันในที่ท่านเครียดแบบสุดๆรับอย่างเงี้ย
00:15:06 → 00:15:09 คิดจำแล้วทำผิดข้านอนท่านก็นอนไม่ค่อย
00:15:09 → 00:15:11 หลับหรอกครับนอนหลับก็ไปฝันหมายนะครับนม
00:15:11 → 00:15:14 ใครๆกับชีวิตที่และคล้ายกับชีวิตหลังความ
00:15:14 → 00:15:16 ตายอย่างหนึ่งซึ่งผมเปรียบเทียบให้ฟังนะ
00:15:16 → 00:15:20 ท่านเราไปนอนหลับแล้วตั้งสติสุดท้ายก่อน
00:15:20 → 00:15:23 ที่จะหลับไปมันไม่ดีนะครับท่านฝันก็จะไม่
00:15:23 → 00:15:25 ดีหรอกครับไม่มีอะไรที่ฟันแล้วเป็นความ
00:15:25 → 00:15:28 สุขนั่นมันก็อยู่ที่ความคิดของท่านมัน
00:15:28 → 00:15:32 เป็นยังไงซะมากกว่านะครับแล้วที่สำคัญ
00:15:32 → 00:15:36 คำว่าการุณอยากฆ่าเนี่ยจริงๆก็มีแค่เธอ
00:15:36 → 00:15:39 มนุษย์เนี่ยที่เราเป็นฝ่ายคิดขึ้นมาซะมาก
00:15:39 → 00:15:42 กว่านะครับสัตว์เนี่ยไม่มีความคิดอย่าง
00:15:42 → 00:15:44 นี้เท่าไหร่ของครับนั้นอาจจะมีก็ได้แต่ผม
00:15:44 → 00:15:48 ไม่ทราบแล้วก็ผมก็ไม่เห็นนะครับเอิ่มจริง
00:15:48 → 00:15:51 ๆผมก็อยากจะให้ท่านไปดู
00:15:51 → 00:15:54 มันเป็นซีรีส์อันหนึ่งนะครับชื่อไบโอนิค
00:15:54 → 00:15:57 เพชรนะครับผมจะแปะลิงค์ไว้ให้ใต้คอมเม้น
00:15:57 → 00:15:59 ด้วยนะครับคือซีรีส์เรื่องเนี้ยผมว่ามัน
00:15:59 → 00:16:02 ดีมากก็คือมีสัตว์หลายๆชนิดเนี่ยนะครับ
00:16:02 → 00:16:06 ที่ขาด้วนด้วยอุดรเฮหรือว่าดูอะไรก็แล้ว
00:16:06 → 00:16:10 แต่นะครับแล้วก็บางครั้งเนี่ยถ้าพาไปหา
00:16:10 → 00:16:10 หมอ
00:16:10 → 00:16:13 สัตวแพทย์บางคนเขาก็จะบอกว่าเอาอย่างนี้
00:16:13 → 00:16:16 เราทำการุณยฆาตเข้าไปดีกว่านะครับอยู่เขา
00:16:16 → 00:16:18 ไปก็ทรมานโดยไม่ได้สักพักนึงเขาก็จะเจ็บ
00:16:18 → 00:16:20 ป่วยแล้วก็เสียชีวิตอย่างทรมานไปเองนะ
00:16:20 → 00:16:24 ครับแต่ว่าไบโอ 1 เพชรนี้เขาเป็นการทำขา
00:16:24 → 00:16:27 เทียมให้สัตว์นะครับทำทุกอย่างตั้งแต่ทำ
00:16:27 → 00:16:31 ขาเทียมเทพเป็ดให้สุนัขให้แกะให้ช้างให้
00:16:31 → 00:16:34 ทุกชนิดที่จะมีมาเลยนะครับคือแล้วสักตรง
00:16:34 → 00:16:37 นี้พอทำแต่พวกเขามีชีวิตที่ดีเหลือตอบ
00:16:37 → 00:16:39 เหลืออยู่ต่อได้นะครับก็เป็นการสร้าง
00:16:39 → 00:16:41 คุณภาพชีวิตให้เขาให้ดีนะครับเพราะบาง
00:16:41 → 00:16:44 ครั้งเนี่ยมันสามารถที่จะต่อชีวิตต่อทุก
00:16:44 → 00:16:48 อย่างทำให้ชีวิตของเขาเนี่ยมีส่วนที่ดี
00:16:48 → 00:16:50 ได้และแน่นอนว่ามันไม่เข้ากับขาจริงนะ
00:16:50 → 00:16:52 ครับแล้วก็ยังไงก็เสียชีวิตอยู่ดีในอนาคต
00:16:52 → 00:16:55 แต่ว่ามันก็เป็นสิ่งหนึ่งซึ่งทำให้ได้นะ
00:16:55 → 00:16:58 ครับอ่าอันนี้ผมอยากได้ทุกๆคนไปดูนะครับ
00:16:58 → 00:17:00 เราสัตว์พวกเนี้ยเวลาที่เค้าทน่าทานมากๆ
00:17:00 → 00:17:02 นะครับทั้งนั้นเขาไม่มี Cartier ไม่มีคน
00:17:02 → 00:17:05 มารักษาให้เขาเนี่ยเขาก็ไม่มีความคิดฆ่า
00:17:05 → 00:17:08 ตัวตายนะครับไม่มีความคิดว่าคือไปให้
00:17:08 → 00:17:10 สัตว์ตัวหนึ่งผลักตกเหวตายอย่างนี้ไม่มี
00:17:10 → 00:17:13 นะฮะเขาก็อยู่ของเขาเนี่ยทรมานเขาก็อยู่
00:17:13 → 00:17:16 ของเขานะครับคือสัตว์เนี่ยมีสัญชาตญาณ
00:17:16 → 00:17:18 ดั้งเดิมอย่างหนึ่งซึ่งผมคิดว่าเป็น
00:17:18 → 00:17:22 สัญชาตญานที่บ่งบอกให้เอาตัวรอบนะฮะโมง
00:17:22 → 00:17:25 บอกให้เอาตัวรอดนะผมก็เลยสุดจะว่าเออคน
00:17:25 → 00:17:28 เราเนี่ยเวลามีความคิดมากขึ้นมากขึ้นมา
00:17:28 → 00:17:30 ขึ้นเนี่ยสิ่งหนึ่งซึ่งสูญเสียไปก็คือ
00:17:30 → 00:17:33 สัญชาตญาณบางอย่างซึ่งมันมีความสำคัญมากๆ
00:17:33 → 00:17:37 นะครับเรามีความเจริญมากๆแล้วก็หลงลืมราก
00:17:37 → 00:17:40 เหง้ารากกำเนิดของเรามาแล้วไม่แน่นะครับ
00:17:40 → 00:17:43 ถ้าเกิดว่าเรามีสติสัมปชัญญะสมาธิที่ดีๆ
00:17:43 → 00:17:46 และมองย้อนกลับไปเดียวเราอาจจะเข้าใจนะ
00:17:46 → 00:17:48 ครับว่าคนเราเกิดมาทำไมเกิดมาเพราะอะไร
00:17:48 → 00:17:51 แล้วทำไมการฆ่าตัวตายมันเป็นสิ่งที่ไม่
00:17:51 → 00:17:55 ถูกต้องทำไมการอยู่ต่อมันเป็นสิ่งที่สม
00:17:55 → 00:17:59 ควรทำทำไมเราจึงจะต้องเกิดมาแบบนี้แล้ว
00:17:59 → 00:18:02 ทำไมเราจึงจะต้องจคำศัพท์ต่างๆนะครับก็
00:18:02 → 00:18:04 ฝากมาเล่นเท่านี้นะครับผมก็เคยคิดของผม
00:18:04 → 00:18:06 เองเหมือนกันนะครับแต่ว่ามันเป็นสิ่งที่
00:18:06 → 00:18:10 เฉพาะตัวผมบอกไปก็ไม่น่าจะมีใครที่เข้าใจ
00:18:10 → 00:18:12 เรื่องพวกนี้นะครับท่านจะต้องเข้าใจได้
00:18:12 → 00:18:16 ด้วยตัวเองนะครับเหมือนกับกรณีที่เวลาคน
00:18:16 → 00:18:18 เข้าใจเรื่องคณิตศาสตร์บางอย่างนะครับ
00:18:18 → 00:18:21 เป๊ะธิบายให้เด็กๆฟังอาจจะเด็กอาจจะไม่
00:18:21 → 00:18:23 เข้าใจตัวเองเข้าใจก็ได้นะครับอ่ะมันจะ
00:18:23 → 00:18:26 เป็นความเข้าใจส่วนบุคคลนะครับโอเควันนี้
00:18:26 → 00:18:29 ก็เล่ามาซะยาวเลยนะครับใครมีประสบการณ์
00:18:29 → 00:18:30 อะไรส่วนตัวเห็นด้วยไม่เห็นด้วยยังไงอัน
00:18:30 → 00:18:33 นี้แล้วแต่เลยนะครับก็สามารถมาคอมเม้น
00:18:33 → 00:18:35 แล้วก็สอบถามได้นะครับขอบคุณมากครับ
00:18:35 → 00:18:37 สวัสดีครับ