00:00:00 → 00:00:02 สวัสดีครับวันนี้ผมจะมาพูดเกี่ยวข้องกับ
00:00:02 → 00:00:04 เรื่องของโรคเกาต์นะครับซึ่งเป็นโรคที่คน
00:00:04 → 00:00:07 เป็นกันค่อนข้างที่จะเยอะนะฮะเราอยากจะมา
00:00:07 → 00:00:09 อธิบายว่าโรคเก๊าท์นี้มันคืออะไรเกิดขึ้น
00:00:09 → 00:00:12 ได้อย่างไรใครที่มีความเสี่ยงบ้างแล้วถ้า
00:00:12 → 00:00:14 เราเป็นโรคเกาต์แล้วเราจะต้องมีวิธีในการ
00:00:15 → 00:00:18 ปฏิบัติตัวหรือรักษาอย่างไรบ้างนะครับก็
00:00:18 → 00:00:20 พบกับผมนะครับนายแพทย์ธานินทร์ธนียวรรณนะ
00:00:20 → 00:00:22 ครับเป็นอาจารย์แพทย์อยู่ที่ประเทศสหรัฐ
00:00:22 → 00:00:24 อเมริกาเชี่ยวชาญโรคปอดการปลูกถ่ายปอดและ
00:00:24 → 00:00:27 วิกฤตบำบัดนะครับก่อนอื่นเก๋าคืออะไรครับ
00:00:27 → 00:00:30 เก๊าเนี่ยมันเป็นผลึกตัวหนึ่งชื่อว่า
00:00:30 → 00:00:33 ยูเรตหรือว่ายูริคแอซิดนะครับแล้วมันไปตก
00:00:33 → 00:00:36 ตะกอนอยู่ตามข้อของเราทำให้เกิดการอักเสบ
00:00:36 → 00:00:40 ขึ้นมานะครับทีนี้ไอ้ผลึกตัวนี้เนี่ยนะ
00:00:40 → 00:00:41 ครับถ้ามันมีเยอะๆแล้วก็เป็นอยู่นานๆ
00:00:41 → 00:00:44 เนี่ยก็อาจจะไปตกตะกอนใต้บริเวณผิวหนัง
00:00:44 → 00:00:47 หรือบริเวณกระดูกของเราทำให้มีการสึก
00:00:47 → 00:00:49 กร่อนของกระดูกก็ได้แล้วก็ผิวหนังก็อาจจะ
00:00:49 → 00:00:52 เป็นตะปุ่มตะป่ำสีขาวๆซึ่งเรียกว่าโทร
00:00:52 → 00:00:54 facial Scout หรือโทไฟล์นะครับตรงนี้ก็
00:00:54 → 00:00:57 เป็นสิ่งที่เราไม่ชอบนะฮะถ้าเป็นมากกว่า
00:00:57 → 00:00:59 นั้นอีกไปนานๆมันก็จะไปตกผลึกอยู่ในไตทำ
00:00:59 → 00:01:01 ให้ให้เราเกิดนิ่วในไตขึ้นมาได้อีกนะครับ
00:01:01 → 00:01:05 ทั้งหมดที่พูดมาเนี่ยก็จะเกิดขึ้นในคนที่
00:01:05 → 00:01:08 มีค่า Unit Acid หรือกรดยูริกในเลือดสูง
00:01:08 → 00:01:09 นะครับแต่
00:01:09 → 00:01:13 ประมาณสัก 2 ใน 3 ของคนไข้ที่มีกรดยูริก
00:01:13 → 00:01:16 สูงในเลือดเนี่ยจะไม่เกิดอาการโรคเก๊าท์
00:01:16 → 00:01:19 นะครับไม่ได้แปลว่าถ้าท่านไปเจาะเลือด
00:01:19 → 00:01:22 ตรวจประจำปีแล้วเจอค่าอยู่เด็กสูงในเลือด
00:01:22 → 00:01:24 นะครับแล้วจะบอกว่าท่านจะเกิดโรคเกาต์ใน
00:01:24 → 00:01:26 อนาคตไม่จำเป็นนะครับบางคนก็ส่วนใหญ่จริง
00:01:26 → 00:01:29 ๆส่วนใหญ่ไม่เกิดด้วยซ้ำไปนะครับแต่ว่า
00:01:29 → 00:01:31 สาเหตุที่ทำให้มันเกิดขึ้นมาจริงๆแล้ว
00:01:31 → 00:01:34 เนี่ยเรายังไม่แน่ใจเหมือนกันว่าคนไหนที่
00:01:34 → 00:01:37 ถ้าเราไปตรวจเจอว่ามันสูงแล้วจะเกิดหรือ
00:01:37 → 00:01:40 อีกคนนึงจะไม่เกิดตรงนี้เรายังไม่ทราบนะ
00:01:40 → 00:01:42 ครับแต่ว่ามันมีปัจจัยเสี่ยงที่ผมจะเล่า
00:01:42 → 00:01:45 ต่อไปนี้ที่ทำให้คนเหล่านั้นเนี่ยมีโอกาส
00:01:45 → 00:01:48 จะเกิดโรคเก่าขึ้นมานะครับอะไรคือปัจจัย
00:01:48 → 00:01:51 เสี่ยงนะฮะก่อนที่จะเข้าศึกปัจจัยเสี่ยง
00:01:51 → 00:01:53 ปัจจัยการแรกก็คือว่าต้องบอกไว้ก่อนเลยนะ
00:01:54 → 00:01:56 ครับโรคเก๊าท์เนี่ยมันมักจะเกิดขึ้นตาม
00:01:56 → 00:01:59 ช่วงอายุถ้าเป็นในผู้ชายก็ประมาณสัก 30-4
00:01:59 → 00:02:02 5 ปีอ่าจะเจอบ่อยนะครับแล้วก็อีกช่วง
00:02:02 → 00:02:05 อายุก็คือเกิน 65 ปีขึ้นไปก็เจอบ่อยแต่
00:02:05 → 00:02:07 ถ้าเป็นในผู้หญิงมักจะเจอตอนอายุเยอะ
00:02:07 → 00:02:10 หน่อยเช่นเกิน 55 ปีจะเยอะขึ้นนะครับยิ่ง
00:02:10 → 00:02:13 65 ปีขึ้นไปก็ยิ่งเยอะขึ้นนะครับถ้าพวก
00:02:13 → 00:02:16 ในเด็กไม่ค่อยจะเจอเก๊าถ้าเจอแปลว่าอาจจะ
00:02:16 → 00:02:18 มีโรคแปลกๆเช่นโรคทางพันธุกรรมบางชนิดก็
00:02:18 → 00:02:20 ได้นะครับ
00:02:20 → 00:02:23 นี่เป็นปัจจัยเรื่องของอายุปัจจัยอื่นๆ
00:02:23 → 00:02:26 คือ 1 เรื่องของความอ้วนนะครับถ้าเราอ้วน
00:02:26 → 00:02:30 เราก็จะมีเสี่ยงต่อความเป็นต่อโอกาสการ
00:02:30 → 00:02:32 เกิดโรคเกาต์เพิ่มขึ้นนะครับการมีความดัน
00:02:32 → 00:02:35 โลหิตสูงนะครับการที่เรามีโรคไตเรื้อรัง
00:02:35 → 00:02:38 การที่เราดื่มแอลกอฮอล์อยู่เป็นประจำพวก
00:02:38 → 00:02:41 นี้จะมีความเสี่ยงมากๆนะครับคนที่
00:02:41 → 00:02:45 ถ้าเรากินพวกเนื้อสัตว์มากๆเนื้อสัตว์
00:02:45 → 00:02:48 หรือพวกกลุ่มอาหารทะเลมากๆก็จะมีความ
00:02:48 → 00:02:49 เสี่ยงนะครับดังนั้น
00:02:49 → 00:02:52 คนที่กะว่าจะทำ Carnival Diet คือกินแต่
00:02:52 → 00:02:53 พวกเนื้ออย่างเดียวเพื่อลดน้ำหนักตรงนี้
00:02:53 → 00:02:56 ต้องระวังมากๆนะครับเพราะว่า Carnival
00:02:56 → 00:02:57 Diet เนี่ยก็คือการกินเนื้ออย่างเดียว
00:02:57 → 00:03:00 เลยนะครับเนื้อแดงอันนี้กินอย่างเดียวดัง
00:03:00 → 00:03:02 นั้นคนเหล่านี้ก็จะมีโอกาสเกิดโรคเกาต์
00:03:02 → 00:03:06 ได้มากกว่าคนอื่นทั่วไปนะครับแล้วก็เอ่อ
00:03:06 → 00:03:10 ถ้าสมมุติว่าเรากินพวกน้ำอัดลมเยอะน้ำอัด
00:03:10 → 00:03:13 ลมที่ไม่ใช่เอ่อพวกไดเอทนะครับคือไม่ใช่
00:03:13 → 00:03:15 พวกศูนย์แคลอรี่นะฮะก็เป็นพวกน้ำอารมณ์
00:03:15 → 00:03:18 ทั่วไปพวกเนี้ยจะมีไอ้ฟรุกโตสคอนเซอรัส
00:03:18 → 00:03:21 เยอะนะครับซึ่งมันมีความเกี่ยวข้องกับการ
00:03:21 → 00:03:23 เกิดโรคเกาต์ดังนั้นถ้าคนไหนที่ชอบกินของ
00:03:23 → 00:03:26 พวกเนี้ยนะฮะก็ต้องระวังตัวเองไว้ดีๆนะ
00:03:26 → 00:03:27 ครับ
00:03:27 → 00:03:29 นอกเหนือจากนี้มันยังมียาบางตัวที่ทำให้
00:03:29 → 00:03:32 ค่ากรดยูริกในร่างกายมันสูงขึ้นแล้วก็อาจ
00:03:32 → 00:03:35 จะทำให้ก่อโรคเกาต์ได้ก็คือพวกยาขับ
00:03:35 → 00:03:37 ปัสสาวะบางชนิดโดยเฉพาะยากลุ่มที่เรียก
00:03:37 → 00:03:40 ว่าไทอะซายนะครับเนี่ยตรงนี้ก็คือเป็น
00:03:40 → 00:03:43 เรื่องของความเสี่ยงต่อการเกิดโรคกรรมอีก
00:03:43 → 00:03:46 อย่างหนึ่งซึ่งเกิดได้ก็คือการอดอาหารนาน
00:03:46 → 00:03:49 ๆ intermittle fasting หรือคนที่ทำ If
00:03:49 → 00:03:52 แล้วต้องการจะอดข้ามวันข้ามคืนนะเพราะว่า
00:03:52 → 00:03:55 บางคนอาจจะแบบเห็นว่าเฮ้ยถ้าอดข้ามวันได้
00:03:55 → 00:03:59 เนี่ยค่าเก่งนะมันจะต้องแบบโอ้โหมีผลดีมี
00:03:59 → 00:04:01 คนมาชื่นชมเยอะๆถ้าเราอดฆ่าถึง 2 วัน 3
00:04:01 → 00:04:04 วัน 4 วัน 5 วันอะไรอย่างเงี้ยนะครับก็
00:04:04 → 00:04:05 ต้องระวังเพราะว่าบางคนอดอาหารนานขนาด
00:04:05 → 00:04:08 นั้นก็จะเกิดโรคเกาต์กำเริบแล้วก็เป็นโรค
00:04:08 → 00:04:10 เกาต์ขึ้นมาถ้าท่านทำบ่อยๆนะครับตรงนี้ก็
00:04:10 → 00:04:13 ต้องระวังอย่างนึงเหมือนกันทีนี้ถ้า
00:04:13 → 00:04:16 วินิจฉัยแล้วว่าเป็นโรคเกาต์เออถ้าเรารู้
00:04:16 → 00:04:18 ตัวว่าเป็นโรคเกาต์อะไรที่ทำให้เก๊ามัน
00:04:18 → 00:04:21 กำเริบได้มากนะครับข้อแรกถ้าเรากิน
00:04:21 → 00:04:24 แอลกอฮอล์อยู่เนี่ยแน่ๆมันกำเริบได้ชัวร์
00:04:24 → 00:04:26 ๆเลยนะครับกำเนิดได้บ่อยด้วยนะครับคนที่
00:04:26 → 00:04:29 มีการบาดเจ็บบริเวณข้อเช่นการผ่าตัดนะ
00:04:29 → 00:04:31 ครับผ่าตัดอะไรก็แล้วแต่ทำให้ร่างกายมี
00:04:31 → 00:04:34 ความเครียดหรือการไปมีการบาดเจ็บที่ข้อ
00:04:34 → 00:04:36 เช่นไปเดินเตะโดนอะไรอย่างนี้อันนี้ก็อาจ
00:04:36 → 00:04:39 จะทำให้เกิดเกาต์อักเสบขึ้นมาที่บริเวณ
00:04:39 → 00:04:41 ข้อที่ท่านมีการบาดเจ็บก็ได้นะครับถ้า
00:04:41 → 00:04:44 ท่านขาดน้ำไม่ค่อยกินน้ำนะครับถ้าท่านที่
00:04:44 → 00:04:47 ทำ intermitten fasting นะครับนานๆก็จะ
00:04:47 → 00:04:50 เสี่ยงแล้วก็ถ้าท่านที่มีกินเข้าไปเยอะๆ
00:04:50 → 00:04:52 กินอาหารเยอะๆพวกนี้ก็จะเสี่ยงทำให้เกิด
00:04:52 → 00:04:55 โรคเกาต์กำเริบได้เช่นกันนะครับนอกเหนือ
00:04:55 → 00:04:57 จากนี้ก็คือยาอย่างที่ผมบอกนะครับยาหลายๆ
00:04:57 → 00:05:00 ตัวก็จะทำให้
00:05:00 → 00:05:03 เรามีอาการโรคเก๊าท์กำเริบได้นะครับ
00:05:03 → 00:05:05 อ่ะทีนี้พอเรารู้ถึงเรื่องความเสี่ยงแล้ว
00:05:05 → 00:05:08 ว่าเฮ้ยถ้าเรามีความเสี่ยงแบบเนี้ยแล้ว
00:05:08 → 00:05:10 เราไปตรวจเลือดดูแล้วค่ายูริคของเรามัน
00:05:10 → 00:05:12 สูงก็มีโอกาสแปลว่าถ้าท่านไม่เป็นโรค
00:05:12 → 00:05:14 เก๊าท์มาก่อนมันอาจจะกลายเป็นโรคเกาต์ก็
00:05:14 → 00:05:16 ได้นะครับแต่ถ้าท่านเป็นโรคเกาต์อยู่แล้ว
00:05:16 → 00:05:18 ก็มีโอกาสที่ท่านจะเกิดการกำเริบได้นะ
00:05:18 → 00:05:21 ครับดังนั้นตรงนี้สำคัญที่จะต้องรู้
00:05:21 → 00:05:23 ปัจจัยเสี่ยงเราต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
00:05:23 → 00:05:27 เพื่อที่จะแก้ไขไม่ให้ท่านเกิดเก่านะครับ
00:05:27 → 00:05:29 ยูริคสูงในร่างกายไม่ได้แปลว่าท่านเป็น
00:05:29 → 00:05:31 เกาต์เสมอไปนะครับเก๊าคือการที่ยูริกมัน
00:05:31 → 00:05:33 ไปตกผลึกตามที่ต่างๆเราเกิดการปวดขึ้นมา
00:05:33 → 00:05:36 เกิดการอักเสบนะครับแล้วเกาต์เนี่ยเวลา
00:05:36 → 00:05:39 ที่เราเป็นขึ้นมานะครับมันมีอาการเรา
00:05:39 → 00:05:43 เรียกเป็นระยะดีกว่าระยะทั้งหมด 3 ระยะ
00:05:43 → 00:05:46 ด้วยกันระยะแรกก็คือเกาเหลาก็คือมีอาการ
00:05:46 → 00:05:48 นะครับก็คือผลึกมันไปตกสักที่หนึ่งแล้ว
00:05:48 → 00:05:50 เกิดการอักเสบปวดบวมแดงร้อนขึ้นมานะครับ
00:05:50 → 00:05:52 ส่วนใหญ่แล้วมันจะเป็นที่ข้อนิ้วโป้งเท้า
00:05:52 → 00:05:54 นะครับภาษาทางการแพทย์เราจะเรียกว่า
00:05:54 → 00:05:58 product แรกนะครับคือมันจะปวดบวมแดงมากๆ
00:05:58 → 00:06:00 เลยแล้วไอ้เก๊านี่มันมักจะเป็นตอนกลางคืน
00:06:00 → 00:06:03 หรือไม่ก็ตอนเช้าๆอ่ะแล้วพอมันปวดเนี่ย
00:06:03 → 00:06:05 มันแรกๆก็ปวดนิดๆหน่อยๆก่อนหลังจากนั้น
00:06:05 → 00:06:08 น่ะประมาณซักครึ่งวันถึง 1 วันเต็มมันจะ
00:06:08 → 00:06:11 ปวดแบบรุนแรงมากๆนะครับแล้วถ้าเราปล่อย
00:06:11 → 00:06:13 ไว้สักพักนึงมันหายของมันเองบางคนก็ใช้
00:06:13 → 00:06:15 เวลาไม่กี่วันบางคนก็ใช้เวลาเป็นอาทิตย์
00:06:15 → 00:06:17 ถูกกว่ามันจะหายนะครับต่อให้เราไม่รักษา
00:06:17 → 00:06:20 มันก็จะหายไปได้เองนะฮะซึ่งปัจจุบันเรา
00:06:20 → 00:06:22 ยังไม่แน่ใจว่ากลไกอะไรของร่างกายที่ทำ
00:06:22 → 00:06:25 ให้พวกนี้มันหายไปนะฮะคือผลิตมันก็ไปตก
00:06:25 → 00:06:27 อยู่ตรงนั้นแล้วก็ร่างกายมีภูมิต้านทานมา
00:06:27 → 00:06:30 ที่จะไปจัดการกับผลึกในการที่ภูมิต้านทาน
00:06:30 → 00:06:31 ไปจัดการกับผลึกเนี่ยมันปล่อยสารอักเสบ
00:06:31 → 00:06:35 ขึ้นมาจะทำให้เกิดการปวดข้อได้นะครับเก๊า
00:06:35 → 00:06:37 มันมักจะปวดอยู่ข้อเดียวข้อใดข้อหนึ่งนะ
00:06:37 → 00:06:40 ครับแต่ว่าถ้าเป็นบ่อยๆเป็นนานๆแล้วไม่
00:06:40 → 00:06:42 ได้ไปรักษาเนี่ยอาจจะเป็นปวดหลายข้อขึ้น
00:06:42 → 00:06:45 มาพร้อมกันก็ได้นะครับอ่าปวดหลายข้อก็ได้
00:06:45 → 00:06:48 หรือคนที่มีโรคข้อเสื่อมอยู่เก่านะครับ
00:06:48 → 00:06:51 เช่นมีโรคข้อเสื่อมที่เราเรียกว่าออสโตร
00:06:51 → 00:06:54 นะครับพวกนี้เนี่ยมันก็มักจะเกิดอาการ
00:06:54 → 00:06:57 เก๊าท์กำเริบในข้อที่ท่านเสื่อมเช่นถ้า
00:06:57 → 00:06:59 ท่านมีข้อนิ้วมือเสื่อมอยู่แล้วนะครับ
00:06:59 → 00:07:02 เป็นทุนเดิมนะครับพวกนี้ข้อนิ้วมือจะปูด
00:07:02 → 00:07:04 โปนถ้าท่านเป็นสังเกตคนที่อายุเยอะๆบางคน
00:07:04 → 00:07:06 เนี่ยข้อข้อตรงเนี้ยนะครับกับข้อตรงเนี้ย
00:07:06 → 00:07:09 มันจะมันจะมีการปูดโปนขึ้นมานะครับ 2 ข้อ
00:07:09 → 00:07:12 เนี่ยพอมันปูดโปเนี่ยบางครั้งถ้าท่านมี
00:07:12 → 00:07:14 ค่ายูริคสูงในร่างกายโดยเฉพาะถ้าท่านมี
00:07:14 → 00:07:16 โรคความเสี่ยงอื่นๆเช่นมีโรคอ้วนกิน
00:07:16 → 00:07:18 แอลกอฮอล์เป็นประจำโรคไตโรคความดันสูง
00:07:18 → 00:07:21 อะไรพวกนี้นะครับเกิดอักเสบขึ้นมาตามข้อ
00:07:21 → 00:07:23 พวกนี้ได้ดังนั้นคนพวกเนี้ยอาจจะมีเก๊าท์
00:07:23 → 00:07:26 กำเริบที่มือไม่ใช่ที่เท้านะครับซึ่งแตก
00:07:26 → 00:07:29 ต่างจากกรณีทั่วไปได้นะครับอันนี้คือเรา
00:07:29 → 00:07:30 เรียกว่าเกาต์
00:07:30 → 00:07:32 ระยะที่ 2 นะครับเราจะเรียกว่า
00:07:32 → 00:07:35 interritical Out ก็คือระหว่างที่มีการ
00:07:35 → 00:07:37 กำเริบของเก๊านะครับเช่นอันนี้กำเริบ
00:07:37 → 00:07:39 ครั้งแรกและอันนี้กำเริบครั้งที่ 2 ช่วง
00:07:39 → 00:07:41 ที่ไม่มีการกำเริบเนี่ยเราจะเรียกว่า
00:07:41 → 00:07:43 Inter critical นะครับคือช่วงที่มีการ
00:07:43 → 00:07:46 กำเริบช่วงระยะเวลานี้ส่วนใหญ่แล้วจะ
00:07:46 → 00:07:48 ประมาณสัก 2 ปีเพราะฉะนั้นบางคนบอกว่าให้
00:07:48 → 00:07:50 เป็นเก๊าครั้งแรกแล้วมันหายไปเลยแล้วมัน
00:07:50 → 00:07:52 ไม่เป็นอีกเลยแล้วอยู่ๆมันมาเป็นอีกทีนึง
00:07:52 → 00:07:54 นี่ก็คือช่วง interche critical
00:07:54 → 00:07:57 แต่ว่าบางคนก็ไม่นานขนาด 2 ปีครับบางคนก็
00:07:57 → 00:07:59 อาจจะสั้นกว่านั้นนะฮะแล้วถ้ามันเป็น
00:07:59 → 00:08:01 ครั้งที่ 2 แล้วเนี่ยครั้งที่ 3 มันมักจะ
00:08:01 → 00:08:04 สั้นลงละมันมันไม่นานมันก็กำเริบแล้วยิ่ง
00:08:04 → 00:08:07 กำเริบหลายครั้งยิ่งมีโอกาสที่จะเป็น
00:08:07 → 00:08:09 กำเริบที่แบบบ่อยมากขึ้นโดยที่ไม่ทิ้ง
00:08:09 → 00:08:13 ช่วงนั้นนะครับแล้วก็ช่วงที่ 3 ช่วงที่ 3
00:08:13 → 00:08:16 นี่จะเป็นเอ่อโทร facial gout นะครับโทร
00:08:16 → 00:08:17 facial ก็คือเราปล่อยให้ยูริกเนี่ยมัน
00:08:17 → 00:08:19 สูงในร่างกายนานมากๆนะครับพอมันสูงมากๆ
00:08:19 → 00:08:22 เอาล่ะไอ้ผลึกเนี่ยแทนที่มันจะตกตะกอน
00:08:22 → 00:08:25 อยู่เฉพาะตรงข้อเราก็คอกเสพใช่ไหมครับถ้า
00:08:25 → 00:08:27 มันตกตะกอนมากๆแต่มันจะกลายเป็นตุ่มนะ
00:08:27 → 00:08:29 ครับตุ่มพวกเนี้ยจะลักษณะสีขาวๆนะครับ
00:08:30 → 00:08:32 เหมือนมีช็อกอยู่ข้างในนะฮะ
00:08:32 → 00:08:34 ชอบขาวๆชอบเขียนกระดานขาวๆอยู่ใต้ผิวหนัง
00:08:34 → 00:08:35 ตรงนี้แหละ
00:08:35 → 00:08:38 มันจะเกิดขึ้นตรงข้อก็ได้ตรงผิวหนังก็ได้
00:08:38 → 00:08:40 นะครับอ่าตรงไหนก็ได้เลยมันก็จะทำให้
00:08:40 → 00:08:42 ลักษณะมันน่าเกลียดมันปูดเหมือนเป็น
00:08:42 → 00:08:44 ตะปุ่มตะบ่ำขึ้นมานะครับโดยไอ้ตะปุ่ม
00:08:44 → 00:08:47 ตะป่ำพวกเนี้ยไม่เจ็บนะครับแต่ว่ามันก็
00:08:47 → 00:08:50 เกิดมันก็อาจจะเกิดการอักเสบได้นะครับใน
00:08:50 → 00:08:53 บางคนนะฮะนี่คือ profession เก่ามันจะทำ
00:08:53 → 00:08:55 ให้ข้อผิดรูปกระดูกผิดรูปแล้วก็ไม่สวยงาม
00:08:55 → 00:08:58 ได้นะครับนี่คือถ้าคนที่ปล่อยไว้ไปนานๆนะ
00:08:58 → 00:09:02 ฮะอันนี้คือระยะต่างๆของเขานะครับอีก
00:09:02 → 00:09:04 อย่างหนึ่งซึ่งเมื่อกี้ได้พูดเกริ่นไป
00:09:04 → 00:09:06 แล้วก็คือว่าเกาเนี่ยมันสามารถตกผลึกใน
00:09:06 → 00:09:08 ท่อไตได้นะครับเพราะมันตกผลึกในท่อไตมัน
00:09:08 → 00:09:11 ก็เกิดเป็นนิ่วในท่อไตนะครับหรือที่เรา
00:09:11 → 00:09:14 เรียกว่า eurolet Crystal ในไตนะครับพอ
00:09:14 → 00:09:16 มันตกเอาตกตะกอนตรงนั้นก็เป็นนิ่วนิ่วมี
00:09:16 → 00:09:19 อาการก็คือเราอาจจะมีปัสสาวะเป็นเลือดนะ
00:09:19 → 00:09:22 ครับแล้วก็ปวดมากๆเลยก็ปวดตรงหลังแล้วก็
00:09:22 → 00:09:24 อาจจะร้าวลงบริเวณขาหนีบก็ได้นะครับก็
00:09:24 → 00:09:26 ขึ้นอยู่กับว่ามันไอ้ตัวนิลตัวนี้มันไป
00:09:26 → 00:09:29 มันไปอุดตันตรงบริเวณไหนนะครับอาจจะอุด
00:09:29 → 00:09:32 ตันต้องบริเวณอ่าท่อขั้วไตก็ได้หรือว่า
00:09:32 → 00:09:34 ตรงท่อนำปัสสาวะที่จากไตลงมาในกระเพาะ
00:09:34 → 00:09:38 ปัสสาวะก็ได้นะครับนี่ก็คือเอ่อเวลาที่
00:09:38 → 00:09:42 เราดูเรื่องของอากาศทีนี้ถ้าเรามีอาการ
00:09:42 → 00:09:44 พวกเนี้ยนะครับหมอเขาจะวินิจฉัยได้ยังไง
00:09:44 → 00:09:47 ว่าเราเป็นโรคเกาต์นะครับข้ออักเสบของเรา
00:09:47 → 00:09:49 เนี่ยวิธีที่ดีที่สุดในการวินิจฉัยก็คือ
00:09:49 → 00:09:52 ต้องเจาะเอาน้ำในคอกมาตรวจหาผลึกนี่แหละ
00:09:52 → 00:09:56 ครับปกติถ้าเป็นที่เข่าก็เจาะน้ำในเข่า
00:09:56 → 00:09:59 ถ้าเป็นที่ตรงที่บริเวณหัวนิ้วโป้งเท้า
00:09:59 → 00:10:01 แล้วก็ต้องเจาะเอาน้ำมาตรวจนะครับเพราะ
00:10:01 → 00:10:03 ตรวจเสร็จปุ๊บเราก็จะหาลักษณะผลึกของเกา
00:10:03 → 00:10:05 ซึ่งมันจะมีลักษณะเฉพาะนะครับคือเป็น
00:10:05 → 00:10:08 เหมือนเข็มนะอยู่ในเข็มเข็มจิ้มอยู่กับ
00:10:08 → 00:10:10 เซลล์นั้นลักษณะเหมือนไม้เสียบลูกชิ้นอ่ะ
00:10:10 → 00:10:13 ประมาณนั้นนะครับคือเนี่ยเป็นผลึกที่เรา
00:10:13 → 00:10:16 จะต้องการไปดูมันนะครับถ้าเจอแบบนี้ในข้อ
00:10:16 → 00:10:19 แล้วก็ถ้ามีประวัติเข้าได้นะครับก็คือปวด
00:10:19 → 00:10:22 ก็ปวดมากนะครับพอกำเริบเสร็จปุ๊บและใน
00:10:22 → 00:10:24 ช่วงที่มันหายเนี่ยของเก๊าเนี่ยมันหาย
00:10:24 → 00:10:26 แล้วหายเลยนะครับหายแล้วไม่มีอาการปวด
00:10:26 → 00:10:28 อะไรอีกเลยยกเว้นว่าท่านเป็นบ่อยๆมากขึ้น
00:10:28 → 00:10:30 เรื่อยๆแล้วเวลามันหายบางทีอาจจะไม่หาย
00:10:30 → 00:10:33 ถาวรนะครับอาจจะมีอาการปวดหรือมีอาการผิด
00:10:33 → 00:10:34 รูปของข้อได้ถ้าเกิดว่าเป็นบ่อยๆนะครับ
00:10:34 → 00:10:37 แต่ว่าส่วนใหญ่แล้วตอนช่วงที่เป็นแรกๆมัน
00:10:37 → 00:10:40 ก็จะมีการกำเริบปวดปุ๊บแล้วมันหายมันหาย
00:10:40 → 00:10:43 ขาดนะครับเอาไปเจาะแล้วก็เจอว่าเอ้ยยูริก
00:10:43 → 00:10:46 อยู่ในข้อพวกนั้นสูงอันนี้คือวิธีในการ
00:10:46 → 00:10:50 วินิจฉัยที่ดีที่สุดนะครับอ่าแล้วก็อีก
00:10:50 → 00:10:53 อย่างหนึ่งก็คือการตรวจยูริคในเลือดนะ
00:10:53 → 00:10:56 ครับตรวจกรดยูริกในเลือดการตรวจกรดยูริก
00:10:56 → 00:10:58 ในเลือดนี้จะมีประโยชน์ตอนที่ท่านไม่ได้
00:10:58 → 00:11:01 กำลังเป็นเกาต์อยู่นะครับตอนช่วงที่ข้อ
00:11:01 → 00:11:03 ของท่านไม่ปวดเพราะว่าถ้าท่านไปตรวจตอน
00:11:03 → 00:11:06 ข้อมันกำลังปวดเนี่ยค่ากรดยูริกในเลือด
00:11:06 → 00:11:08 ของท่านอาจจะปกติก็ได้นะครับถามว่าทำไม
00:11:09 → 00:11:11 เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าไอ้กรดยูริของท่าน
00:11:11 → 00:11:13 เนี่ยมันไปตกตะกอนอยู่ตรงข้อของท่านหมด
00:11:13 → 00:11:16 แล้วครับมันก็เหลือในเลือดน้อยดังนั้นตอน
00:11:16 → 00:11:18 ที่กำลังปวดข้ออยู่ถ้าเราไปตรวจเนี่ยมัน
00:11:18 → 00:11:21 อาจจะปกติก็ได้นะครับอ่าแต่เมื่อไหร่ก็
00:11:21 → 00:11:24 แล้วแต่ที่เราไม่มีปวดข้อแล้วตรงนี้ผลึก
00:11:24 → 00:11:26 ยูนิตในเลือดเรามันจะสูงขึ้นทำให้เราตรวจ
00:11:26 → 00:11:28 เจอมันได้นะครับดังนั้นขึ้นอยู่กับว่า
00:11:28 → 00:11:32 ท่านไปจดตอนไหนด้วยนะครับอ่าที่พอเรารู้
00:11:32 → 00:11:35 แล้วว่าเออให้เราเป็นโรคเกาต์แล้วอ่ะมัน
00:11:35 → 00:11:39 มีวิธีในการดูแลรักษาอย่างไรนะครับคนที่
00:11:39 → 00:11:41 เป็นโรคเกาต์ที่ไม่ค่อยรุนแรงพวกนี้น่ะ
00:11:41 → 00:11:44 เราก็จะให้กินยาแก้ปวดนะครับส่วนใหญ่ยา
00:11:44 → 00:11:46 แก้ปวดเนี่ยก็จะเป็นยากลุ่มที่เรียกว่า
00:11:46 → 00:11:48 ences นะครับ non student and Thai
00:11:48 → 00:11:51 experatory drux นะครับยกตัวอย่างเช่น I
00:11:51 → 00:11:55 Blue profend อ่า coxia นะครับอีคอริค
00:11:55 → 00:11:58 10 อ่าอินโดเมทาซินแต่ gofinac มีหลาก
00:11:58 → 00:12:01 หลายตัวนะครับยากลุ่มนี้ถ้าจะกินนะครับ
00:12:01 → 00:12:04 เราต้องกินตั้งแต่ช่วงที่มันเริ่มปวดใหม่
00:12:04 → 00:12:06 ๆถ้าเราไปกินตอนมันปวดมากๆแล้วไม่ค่อยได้
00:12:06 → 00:12:09 ผลนะครับแล้วขนาดที่กินเนี่ยจะต้องค่อน
00:12:09 → 00:12:11 ข้างเป็นขนาดที่สูงนะครับไม่ใช่ขนาดยาแก้
00:12:11 → 00:12:14 ปวดธรรมดาจะต้องเป็นขนาดสูงๆเช่น
00:12:14 → 00:12:17 ถ้าเรากิน Ibuprofen เราอาจจะต้องกิน 800
00:12:17 → 00:12:21 หรือ 1,200 mg 3 ครั้งต่อวันนะครับถ้า
00:12:21 → 00:12:23 เกิดว่าเป็นแค่กินแก้ปวดธรรมดาบางที
00:12:23 → 00:12:25 200-400 มิลลิกรัมต่อวันก็พอแล้วนะครับ
00:12:25 → 00:12:27 แต่ว่าเป็นเกาต์อาจจะต้องสูงกว่านั้นเป็น
00:12:27 → 00:12:30 ต้นตรงนี้ต้องไปถามหมอเอานะครับ
00:12:30 → 00:12:34 ข้อควรระวังของ nsaids พวกนี้มีครับข้อ
00:12:34 → 00:12:37 แรกถ้าท่านมีเลือดออกในกระเพาะอันนี้ห้าม
00:12:37 → 00:12:39 กินมีแผลในกระเพาะไม่ให้กินนะครับคนที่มี
00:12:39 → 00:12:41 เลือดออกง่ายหรือมีปัญหาทางด้านของเกล็ด
00:12:41 → 00:12:45 เลือดต่ำปกติเราจะไม่ให้กินนะครับคนที่
00:12:45 → 00:12:48 กินยาสลายยาละลายลิ่มเลือดอยู่หรือยาป้อง
00:12:48 → 00:12:52 กันเลือดแข็งตัวเช่นยากลุ่มวาฟารีนยา
00:12:52 → 00:12:54 ไวโอล็อกสเปนนะครับอย่า pix span พวกนี้
00:12:54 → 00:12:57 นะครับยาที่มันหลายๆลิ่มเลือดเนี่ยอ่าไม่
00:12:57 → 00:13:00 ควรกินคู่กับยา nsaid นะครับท่านที่มีโรค
00:13:00 → 00:13:03 ไตอันนี้อย่ากินเสร็จท่านที่มีโรคหัวใจนะ
00:13:03 → 00:13:07 ครับก็อยากกินนะฮะโรคไตโรคหัวใจพวกเนี้ย
00:13:07 → 00:13:09 อยากกินนะครับเพราะว่ามันอาจจะทำให้โรค
00:13:09 → 00:13:11 หัวใจของท่านกำเริบกับเป็นหัวใจวายก็ได้
00:13:11 → 00:13:13 นะครับไตของท่านกำเริบก็ได้หรือไตเสีย
00:13:13 → 00:13:15 เพิ่มขึ้นก็ได้นะครับอันนี้คือข้อเสียของ
00:13:15 → 00:13:19 nsaid นะครับกินไปนานเท่าไหร่ส่วนมากก็
00:13:19 → 00:13:22 จะกินอยู่กระทั่งท่านหายปวดนะครับหายปวด
00:13:22 → 00:13:25 แล้วก็จะค่อยๆหยุดนะฮะอีกอย่างหนึ่งซึ่ง
00:13:25 → 00:13:27 สามารถช่วยได้ก็คือยาชื่อว่าโคจิซินนะ
00:13:27 → 00:13:30 ครับโคซิซินตัวนี้ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับไต
00:13:30 → 00:13:33 นะครับแล้วก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับการเกิด
00:13:33 → 00:13:36 เลือดออกนะฮะพวกนี้สามารถกินได้แต่ว่าข้อ
00:13:36 → 00:13:38 เสียของมันก็คือมันทำให้ท้องเสียนะครับ
00:13:38 → 00:13:40 บางคนกินเข้าไปแล้วท้องเสียบางคนกินเข้า
00:13:40 → 00:13:44 ไปแล้วมีการกดการทำงานของพวกไขกระดูกถ้า
00:13:44 → 00:13:46 เกิดกินเยอะๆนะครับงั้นคนที่มีปัญหาด้าน
00:13:46 → 00:13:49 ขายกระดูกอยู่ตั้งแต่แรกในบางทีอาจจะไม่
00:13:49 → 00:13:51 ใช่คำตอบของท่านนะครับก็ต้องระวังเรื่อง
00:13:51 → 00:14:54 นี้นิดนึงนะฮะอันนี้คือกรณีของโคจิซิน
00:14:54 → 00:14:57 ก็จะไปช่วยลดการอักเสบนะครับอ่าอาจจะได้
00:14:57 → 00:14:59 ผลดีในคนที่เป็นเก๊าที่แบบเป็นทีเดียว
00:14:59 → 00:15:02 หลายๆข้อนะครับมันจะมีบางคนเป็นหลายข้อก็
00:15:02 → 00:15:03 อาจจะต้องใช้ยากลุ่มนี้นะครับ
00:15:03 → 00:15:04 แต่ว่า
00:15:04 → 00:15:07 มันจะต้องมีการค่อยๆลดยาลงไม่ใช่ว่าเรา
00:15:07 → 00:15:10 ให้กินไปแล้วเราเลยหยุดทันทีไม่ได้เก๊าจะ
00:15:10 → 00:15:12 กำเริบนะครับโดยปกติวิธีในการกินยา
00:15:12 → 00:15:14 สเตียรอยด์เนี่ยเราจะให้กินไปประมาณสัก
00:15:14 → 00:15:16 2-3 อาทิตย์แล้วค่อยๆลดๆๆยาลงนะครับโดย
00:15:16 → 00:15:19 เฉพาะคนที่เป็นเกาต์กำเริบบ่อยๆเราจะลด
00:15:19 → 00:15:22 เร็วไม่ได้ก็ต้องค่อยๆลดนะครับอ่านี่คือ
00:15:22 → 00:15:27 ยาที่ใช้แก้ไขการปวดข้อแต่แต่นะครับถ้า
00:15:27 → 00:15:30 ท่านเป็นการปวดข้อเกาที่รุนแรงมากๆนะครับ
00:15:30 → 00:15:33 หรือเป็นบ่อยๆพวกนี้จำเป็นจะต้องให้ยาที่
00:15:33 → 00:15:35 เป็นลดกรดยูริกของท่านด้วยครับโดยเป้า
00:15:35 → 00:15:38 หมายในการลดกรดยูริกเนี่ยเรามักจะต้องการ
00:15:38 → 00:15:40 ให้มันต่ำกว่า 6 นะครับให้มันต่ำกว่า 6
00:15:40 → 00:15:43 หรือถ้าเกิดคนไหนที่มี profession เก่าก็
00:15:43 → 00:15:46 คือมีไอ้ตุ่มขาวๆอยู่ใต้ผิวหนังแล้วเนี่ย
00:15:46 → 00:15:47 เป็นเกาต์เยอะๆเป็นทีเดียวมันเป็นหลายๆ
00:15:47 → 00:15:50 ข้อพวกเนี้ยอาจจะต้องเอายูริกให้มันต่ำ
00:15:50 → 00:15:55 กว่า 5 นะครับยาที่ใช้มันมียาทั้งหมดอ่า 3
00:15:55 → 00:15:58 แบบหลักๆด้วยกันนะครับโดยยาแบบแรกก็เป็น
00:15:58 → 00:16:02 ยาที่เป็นลดการสร้างยูริกนะครับยาแบบที่ 2
00:16:02 → 00:16:05 เป็นยาที่ขับยูนิคออกมาทางปัสมาให้เยอะ
00:16:05 → 00:16:08 ขึ้นยาแบบที่ 3 เป็นยาที่ไปสลายกรดยูริก
00:16:08 → 00:16:11 นะครับเราเริ่มกันที่ตัวแรกก่อนก็คือเป็น
00:16:11 → 00:16:14 ยาที่ลดการสร้างยูริคนะครับมีทั้งหมด 2
00:16:14 → 00:16:17 ตัวหลักๆนะครับตัวแรกก็คือยาชื่อว่า
00:16:17 → 00:16:19 alopilinal นะครับยาที่ 2 ก็คือยาชื่อ
00:16:19 → 00:16:23 เซฟิวส์นะครับ 2 ตัวนี้เนี่ยเป็นยาที่
00:16:23 → 00:16:26 ค่อนข้างมีประโยชน์มากๆนะครับแล้วก็เราจะ
00:16:26 → 00:16:28 ใช้กันบ่อยมากเลยนะครับแต่ว่าก็มีข้อควร
00:16:28 → 00:16:30 ระวังนะครับเพราะว่ายา 2 ตัวนี้มันแพ้
00:16:30 → 00:16:33 รุนแรงได้โดยเฉพาะบางคนเกิดการแพ้รุนแรง
00:16:33 → 00:16:35 ชนิดที่เรียกว่า Stephen Johnson
00:16:35 → 00:16:38 Syndrome ก็คือผิวหนังมันลอกนะครับมี
00:16:38 → 00:16:40 อวัยวะต่างๆอักเสบอะไรเยอะแยะไปหมดแล้ว
00:16:40 → 00:16:42 เราต้องมาคอยดูด้วยว่ามันมีปัญหาอะไรหรือ
00:16:42 → 00:16:45 เปล่าแล้วก็ทั้ง 2 ตัวนี้เราจะต้องตรวจดู
00:16:45 → 00:16:48 ค่าการทำงานของตับเวลาที่เราให้ไปแล้วบาง
00:16:48 → 00:16:50 คนมีเกิดการตับอักเสบขึ้นมานะครับจากการ
00:16:50 → 00:16:53 กินยาก็ต้องมีการตรวจประจำนะครับแอโร
00:16:53 → 00:16:56 เพียวเรอร์เนี่ยเอ่อมันอาจจะกดการทำงาน
00:16:56 → 00:16:58 ของไขกระดูกได้เหมือนกันนะครับดังนั้น
00:16:58 → 00:17:00 ต้องระวังให้ดีเหมือนกันนะฮะโดยเฉพาะถ้า
00:17:00 → 00:17:03 ท่านที่กินยาตัวนึงอยู่ชื่อว่ายา
00:17:03 → 00:17:06 azio gin นะครับหรืออีเมลแรงนะครับยา
00:17:06 → 00:17:08 ตัวนี้เนี่ยมันเป็นยากดภูมิต้านทานตัว
00:17:08 → 00:17:10 หนึ่งนะครับที่ถ้าท่านกินคู่กับอารมณ์
00:17:10 → 00:17:13 เพียวเรอร์แล้วล่ะก็
00:17:13 → 00:17:15 ใครก็ดูของท่านน่ะบางทีอาจจะหยุดการทำงาน
00:17:15 → 00:17:17 ไปเลยโดยก็ได้นะครับก็คือหยุดการทำงาน
00:17:17 → 00:17:19 เกิดอะไรขึ้นครับเม็ดเลือดขาวท่านสร้าง
00:17:19 → 00:17:21 ไม่ได้นะครับเม็ดเลือดแดงท่านสร้างไม่ได้
00:17:21 → 00:17:23 ติดเลือดท่านสร้างไม่ได้คราวนี้นะครับ
00:17:23 → 00:17:26 เกิดปัญหาเต็มไปหมดเลยนะฮะนั้นคนที่กินยา
00:17:26 → 00:17:28 ชื่ออีเมลแรงหรือเอแซลีนอยู่เวลาจะต้อง
00:17:28 → 00:17:30 ใช้ยาโรคเกาต์จะต้องระวังเป็นอย่างยิ่ง
00:17:30 → 00:17:33 แล้วก็จะต้องให้คุณหมอดูชัดเจนนะครับปกติ
00:17:33 → 00:17:36 เวลาที่ผมจะให้ยากลุ่มพวกนี้นะอันนี้
00:17:36 → 00:17:38 สำหรับถ้าหมอเข้ามาฟังนะครับถ้าจะต้องให้
00:17:38 → 00:17:41 ยาทั้งสองตัวที่คู่กัน azarthai Free ผม
00:17:41 → 00:17:44 จะให้แค่ 25 mg แล้วก็ aeropenal ผมให้
00:17:44 → 00:17:46 แค่ 25 mg ก็คือโดสต่ำมากๆต่ำแบบเตี้ย
00:17:46 → 00:17:49 เรี่ยดินแล้วก็ต้องตรวจติดตามใกล้ชิดหรือ
00:17:49 → 00:17:50 ด้วยซ้ำไปว่าจะมีปัญหาอะไรขึ้นมาหรือ
00:17:50 → 00:17:52 เปล่านะครับอ่า
00:17:52 → 00:17:55 จะต้องระวังในคนที่เป็นโรคไตเรื้อรังนะ
00:17:55 → 00:17:57 ครับจะต้องให้โดสต่ำก่อนแล้วค่อยๆขึ้น
00:17:57 → 00:18:00 เพิ่มขึ้นนะครับแต่เฟสวิวโสด status
00:18:00 → 00:18:02 เนี่ยไม่มีปัญหากับคนที่เป็นโรคไตก็
00:18:02 → 00:18:04 สามารถให้ได้นะครับยาตัวกลุ่มเนี้ยเป็น
00:18:04 → 00:18:07 ตัวที่ใช้กันบ่อยมากที่สุดนะฮะอ่ากลุ่ม
00:18:07 → 00:18:10 ที่ 1 ก็คือยากลุ่มที่ลดการสร้างกรดยูริก
00:18:10 → 00:18:13 ในร่างกายยากลุ่มที่ 2 ก็คือยากลุ่มที่
00:18:13 → 00:18:15 เอาไปขับยูริคออกไปทางปัสสาวะนะครับก็มี
00:18:15 → 00:18:18 ยาด้วยกันทั้งหมด 2 ตัวนะครับตัวนึงชื่อ
00:18:18 → 00:18:20 ว่า promenesis นะครับอีกตัวนึงชื่อเบนซ์
00:18:21 → 00:18:23 โรมอารมณ์นะครับ 2 ตัวนี้ไม่ค่อยป๊อปเท่า
00:18:24 → 00:18:25 ไหร่ไม่ค่อยมีคนเขาใช้เท่าไหร่เพราะว่า
00:18:25 → 00:18:27 มันไม่ดีเท่าไอ้ยากลุ่มแรกนะครับแล้วก็
00:18:27 → 00:18:30 มันเป็นการขับกรดยูริกออกไปทางปัสสาวะ
00:18:30 → 00:18:33 เพิ่มขึ้นมันก็จะเพิ่มความเสี่ยงให้กับ
00:18:33 → 00:18:36 นิ่วในไตนะครับถ้าเกิดว่าบางคนเนี่ยเคยมี
00:18:36 → 00:18:39 ประวัติว่าเป็นนิ่วกรดยูริกในไตแล้วเนี่ย
00:18:39 → 00:18:42 เราจะไม่ให้ยากลุ่มนี้เด็ดขาดนะครับยา
00:18:42 → 00:18:45 กลุ่มที่ 3 คืออะไรยากลุ่มที่ 3 เป็นยา
00:18:45 → 00:18:49 กลุ่มที่ไปทำลายกรดยูริกนะครับเอ่อตัวนี้
00:18:49 → 00:18:52 เราจะเรียกว่าเป็นเป็นยาที่ไปสลายกรดปกติ
00:18:52 → 00:18:55 uric ในร่างกายเนี่ยถ้าสลายมันจะสลายไป
00:18:55 → 00:18:59 เป็นตัวนึงชื่อว่าเอเลนโทนตัวนี้มันจะ
00:18:59 → 00:19:01 ละลายน้ำได้แล้วก็ออกมากับปัสสาวะได้นะ
00:19:01 → 00:19:03 ครับซึ่งเอนไซม์ในการเป็นสลายกรดยูริกให้
00:19:03 → 00:19:05 เป็น alontreme เนี่ยร่างกายมนุษย์เราไม่
00:19:05 → 00:19:07 มีนะครับแต่ถ้าเป็นในสัตว์อย่างอื่นบางที
00:19:07 → 00:19:11 มันมีพวกพวกนกอย่างนี้นะครับนกจะมีสารที่
00:19:11 → 00:19:15 ไปจัดการกับสารยูริกให้มันกลายเป็นตัว
00:19:15 → 00:19:17 errantrol นะครับนกมีแต่เราไม่มีนะครับ
00:19:17 → 00:19:20 เพราะเราไม่มีอ่ะมันมียากลุ่มนี้แต่ว่ายา
00:19:20 → 00:19:23 กลุ่มนี้จะไม่ใช่ยากินนะครับมันจะเป็นยา
00:19:23 → 00:19:27 ฉีดนะครับยาฉีดพวกนี้ก็โดยทั่วไปเราก็ไม่
00:19:27 → 00:19:29 ให้กันนะครับตัวแรกก็คือ rashburge นะ
00:19:29 → 00:19:32 ครับเรามักจะให้ในกรณีที่เป็นมะเร็งนะ
00:19:32 → 00:19:34 ครับมะเร็งโดยเฉพาะมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
00:19:34 → 00:19:36 หรืออะไรพวกเนี้ยที่เวลาที่เราทำลายเซลล์
00:19:36 → 00:19:39 ด้วยเอ่อการรักษาแบบเคมีบำบัดเนี่ยเซลล์
00:19:39 → 00:19:42 มันแตกพอมันแตกปุ๊บมันจะปล่อยกดยูริคออก
00:19:42 → 00:19:43 มาเต็มไปหมดเลยพวกเนี้ยเราอาจจะต้องให้ยา
00:19:43 → 00:19:46 ชื่อว่า raspber Case นะครับซึ่งตัวมัน
00:19:46 → 00:19:48 เองก็มีปัญหาของมันนะครับที่เราต้องระวัง
00:19:48 → 00:19:51 เช่นถ้าหมอเข้ามาฟังก็จะมีอันนึงที่เรา
00:19:51 → 00:19:54 รู้ดีก็คือเกิดฮีโมโกลบินผิดปกติชนิดที่
00:19:54 → 00:19:56 เรียกว่าแม่ทีมเมียทำให้ร่างกายขาด
00:19:56 → 00:19:58 ออกซิเจนได้นะครับนี่คือเป็นอันนึงแล้วก็
00:19:58 → 00:20:01 มีโอกาสแพ้รุนแรงได้นะครับดังนั้นยาพวก
00:20:01 → 00:20:03 นี้ไม่ใช่ว่ายาที่เราจะเอามาให้เล่นๆได้
00:20:03 → 00:20:07 นะครับตัวที่ 2 ตัวนี้ผมยังไม่เคยใช้นะ
00:20:07 → 00:20:09 ครับแต่ว่ามันใช้ในโรคเกาต์แล้วก็ไม่ได้
00:20:09 → 00:20:11 ไม่ได้ใช้ในคนที่เป็นมะเร็งชื่อว่า
00:20:12 → 00:20:15 แพ็คเกจนะครับตัวนี้ก็มีโอกาสที่จะแพ้
00:20:15 → 00:20:17 รุนแรงเหมือนกันแล้วก็เป็นยาฉีดนะครับไม่
00:20:17 → 00:20:19 ได้เป็นยาป้องกันระยะยาวตัวนี้ก็ต้องมา
00:20:19 → 00:20:23 ระมัดระวังการใช้นะครับงั้นสรุปของยากาว์
00:20:23 → 00:20:25 เนี่ยก็มีทั้งหมด 3 กลุ่มด้วยกันกลุ่มที่
00:20:25 → 00:20:28 ใช้บ่อยๆก็คืออย่าเป็นกลุ่มที่ลดการสร้าง
00:20:28 → 00:20:29 กรดยูริกชื่อว่า aloe Venom แล้วก็
00:20:29 → 00:20:34 Facebook นะครับอ่าทีนี้วิธีในการดูแล
00:20:34 → 00:20:37 รักษาเกาต์เรารู้ไปแล้วว่าโอเคเราต้องจัด
00:20:37 → 00:20:39 การความเสี่ยงนะครับถ้าเป็นบ่อยๆการรุน
00:20:39 → 00:20:42 แรงเราต้องใช้ยาที่มันลดกรดยูริกโดยเป้า
00:20:42 → 00:20:45 หมายคือกรดยูริกลบน้ำน้อยกว่า 6 นะครับ
00:20:45 → 00:20:48 หรือถ้าเป็นก็น้อยกว่า 5 นะครับยาที่เรา
00:20:48 → 00:20:51 มักจะให้เป็นยากลุ่มที่ต้านการสร้างกรด
00:20:51 → 00:20:53 ยูริกขึ้นมาในร่างกายนะครับตรงนี้ก็เป็น
00:20:54 → 00:20:57 สิ่งที่เรามีความจำเป็นจะต้องรู้นะครับที
00:20:57 → 00:20:59 นี้
00:20:59 → 00:21:01 ถ้าสมมุติว่าเราเข้าใจตรงนี้ทั้งหมดแล้ว
00:21:01 → 00:21:04 เนี่ยวิธีในการกินยาของเราตรงนี้สำคัญว่า
00:21:04 → 00:21:07 จะต้องให้ยายังไงนะครับยาลดกรดยูริกทั้ง
00:21:07 → 00:21:11 หมดที่ผมพูดไปนะครับอารมณ์สุดแซดเนี่ย
00:21:11 → 00:21:15 หรือว่ายากลุ่ม probenesis
00:21:15 → 00:21:18 กำลังกำเริบเด็ดขาดเพราะมันจะยิ่งทำให้
00:21:18 → 00:21:21 เขากำเริบมากขึ้นนะครับห้ามให้เด็ดขาดนะ
00:21:21 → 00:21:24 ครับเราจะต้องไปให้ตอนที่เก๊ามันควบคุม
00:21:24 → 00:21:26 อาการได้ดีขึ้นแล้วนะครับแล้วพอมันควบคุม
00:21:27 → 00:21:30 อาการได้ดีขึ้นจะต้องให้ซ้อนควบคู่ไปกับ
00:21:30 → 00:21:33 ยาที่มันลดการอักเสบของข้อก็คือไม่
00:21:33 → 00:21:36 สเตียรอยด์ก็โคจิซินหรือไม่ก็เป็นเศษที่
00:21:36 → 00:21:39 เมื่อกี้ผมให้ไปที่บอกไปนะครับโดยเราจะ
00:21:39 → 00:21:42 ให้ซ้อนกันจนกระทั่งเราสามารถลดกรดยูริก
00:21:42 → 00:21:45 ลงมาจนสู่ระดับที่ต่ำกว่าเป้าหมายคือต่ำ
00:21:45 → 00:22:45 กว่า
00:22:45 → 00:22:48 สามารถลด ldl มันก็ช่วยลดกรดยูริกให้กับ
00:22:48 → 00:22:51 ร่างกายได้อ่าอันนี้เป็น 3 3 ยาที่อาจจะ
00:22:51 → 00:22:53 พอช่วยได้มากแล้วก็มันไม่ได้เป็นยาเก๊า
00:22:53 → 00:22:57 โดยตรงแต่ก็ช่วยได้นะครับโอเควันนี้ก็ขอ
00:22:57 → 00:23:00 สรุปให้นะครับว่าข้อแรกเก๊าท์เนี่ยเกิด
00:23:00 → 00:23:03 จากการที่เรามียูริคสูงในร่างกายแต่ไม่
00:23:03 → 00:23:05 ใช่ทุกคนที่มียูริคสูงในร่างกายจะเกิด
00:23:05 → 00:23:07 เกาต์นะครับส่วนใหญ่แค่ส่วนใหญ่เนี่ย 60
00:23:07 → 00:23:11 70% เนี่ยจะไม่เกิดเกาต์นะครับคนที่เกิด
00:23:11 → 00:23:13 เกาต์ขึ้นมาเนี่ยไอ้ยูริกจะไปตกผลึกตาม
00:23:13 → 00:23:15 ที่ต่างๆโดยเฉพาะที่คลอดทำให้เกิดการ
00:23:15 → 00:23:18 อักเสบแล้วก็การปวดขึ้นมาความเสี่ยงต่อ
00:23:18 → 00:23:21 การเกิดโรคเกาต์คือโรคอ้วนความดันสูงนะ
00:23:21 → 00:23:24 ครับมีโรคไตเรื้อรังอดอาหารเรื้อรังนะ
00:23:24 → 00:23:26 ครับอาจต้องระวังคนที่ทำ If work มากๆนะ
00:23:26 → 00:23:29 ครับ If มากๆก็ยิ่งเป็นนะครับกินมากๆก็
00:23:29 → 00:23:31 ยิ่งเป็นคนที่ดื่มน้ำอัดลมชนิดปกตินะครับ
00:23:31 → 00:23:36 ที่มีคอร์สระดับปนนะครับคนที่กินกันพวก
00:23:36 → 00:23:38 เนื้อเยอะๆนะครับหรือว่ากินแต่ไอ้พวก
00:23:38 → 00:23:41 อาหารทะเลพวกนี้ก็ต้องระวังว่ามันจะเกิด
00:23:41 → 00:23:43 โรคขึ้นมาได้นะครับยาบางตัวเช่นยากับ
00:23:43 → 00:23:46 ปัสสาวะกลุ่มถ่ายก็จะมีปัญหาได้คนที่กิน
00:23:46 → 00:23:48 แอลกอฮอล์ประจำพวกนี้ก็จะเสี่ยงต่อการ
00:23:48 → 00:23:50 เกิดโรคเกาต์คนที่เป็นโรคเกาต์แล้วถ้ามี
00:23:50 → 00:23:53 การบาดเจ็บของข้อการผ่าตัดนะครับก็จะเกิด
00:23:53 → 00:23:55 เก๊าท์กำเริบได้นะครับคนที่เป็นโรคเกาต์
00:23:55 → 00:23:58 ต้องดื่มน้ำให้เพียงพอไม่งั้นเกากำเริบนะ
00:23:58 → 00:24:00 ครับอย่าไปอดอาหารนานไม่งั้นเกากำเรือกิน
00:24:00 → 00:24:02 อาหารมากๆจนเกินไปก็เกากำเริบอาหารพวก
00:24:03 → 00:24:04 เครื่องในเนื้อแดงพวกนี้นะครับจะต้อง
00:24:04 → 00:24:06 พยายามหลีกเลี่ยงโดยเฉพาะคนที่เป็นบ่อยๆ
00:24:06 → 00:24:09 นะครับพยายามหลีกเลี่ยงสมัยก่อนเคยมีการ
00:24:09 → 00:24:12 พูดถึงเรื่องของพวกยอดผัดผักทอดยอดทั้ง
00:24:12 → 00:24:13 หลายแหล่ว่ามันเกี่ยวข้องกับโรคเกาต์แต่
00:24:13 → 00:24:15 จริงๆเอาจริงๆเนี่ยไม่ค่อยเกี่ยวข้องเท่า
00:24:15 → 00:24:18 ไหร่นะครับยกกันว่าเออถ้าท่านทำทุกอย่าง
00:24:18 → 00:24:20 แล้วมันไม่ดีขึ้นก็อาจจะค่อยไปดูเรื่อง
00:24:20 → 00:24:22 ของผักพวกนี้ได้นะครับถามว่าอาหารพวกนี้
00:24:22 → 00:24:24 มันมีอะไรมันถึงให้เก๊ากำเริบนักหนา
00:24:24 → 00:24:27 เก๊าท์ไอ้ยูริกเนี่ยนะครับมันอยู่ใน DNA
00:24:27 → 00:24:29 นะครับมันมีความเกี่ยวข้องกับกระบวนการ
00:24:29 → 00:24:31 สลายของ DNA ดังนั้นอะไรที่มีเซลล์เยอะๆ
00:24:31 → 00:24:33 เนี่ยมันมักจะทำให้เก๊าของเราเนี่ยเกิด
00:24:33 → 00:24:35 เรื่องได้นะครับโดยเฉพาะพวกเครื่องในพวก
00:24:35 → 00:24:37 นี้เซลล์เยอะเต็มไปหมดนะครับก็เกิดการ
00:24:37 → 00:24:41 เลิกก็ต้องหลีกเลี่ยงมันนะครับอ่าวิธีใช้
00:24:41 → 00:24:43 เกาต์ก็คือเนี่ยต้องไปเจาะข้อมาตรวจนะ
00:24:43 → 00:24:47 ครับแล้วก็การตรวจเลือดในร่างกายก็ควรจะ
00:24:47 → 00:24:49 ดูกรดยูริกตอนที่เราไม่มีการกำเริบนะครับ
00:24:49 → 00:24:51 การดูแลตัวเองคือแก้ไขปัจจัยเสี่ยงเมื่อ
00:24:51 → 00:24:54 กี้ที่ผมว่าไปแล้วก็ในบางคนจำเป็นจะต้อง
00:24:54 → 00:24:57 กินยาที่ลดกรดยูริกนะครับโอเควันนี้ก็
00:24:57 → 00:24:59 เล่าให้ฟังเท่านี้นะครับใครมีอะไรสงสัยก็
00:24:59 → 00:25:01 สอบถามมาได้นะครับขอบคุณมากครับสวัสดี
00:25:01 → 00:25:03 ครับ