00:00:00 → 00:00:02 หมอคุณหมอครับเราได้ยินมาตั้งแต่เด็กๆ
00:00:02 → 00:00:05 แล้วว่าเราไม่คุณจะดื่มแอลกอฮอล์เพราะมัน
00:00:05 → 00:00:08 ไม่มีประโยชน์มันมีล่ะโทษครับจริงๆแล้ว
00:00:08 → 00:00:10 เนี่ยพอมันมีแต่โทษมันไม่มีประโยชน์หรือ
00:00:10 → 00:00:13 ยังไงครับจะบอกว่ามองแต่แง่ลบมีแต่โทษ
00:00:13 → 00:00:15 อย่างเดียวก็ไม่ถูกครับมันก็มีประโยชน์
00:00:15 → 00:00:19 เพราะว่าทางการแพทย์เองเนี่ยเราก็เอา
00:00:19 → 00:00:21 แอลกอฮอล์มาเป็นส่วนประกอบในการทำอย่า
00:00:21 → 00:00:24 เพราะว่าแอลกอฮอล์เนี่ยมันจะช่วยทำให้การ
00:00:24 → 00:00:27 ดูดซึมของยาหลายชนิดดีขึ้นครับแต่ที่นี้
00:00:27 → 00:00:30 เนี่ยเราส่วนใหญ่จะได้ยินแต่โทษของมันฉาว
00:00:30 → 00:00:32 จริงๆแล้วโทษของมันเนี่ยมันรุนแรงถึงขนาด
00:00:32 → 00:00:35 นั้นเลยนะฮะมันมีอะไรบ้างทุกของมันก็ขึ้น
00:00:35 → 00:00:38 อยู่กับปริมาณการดื่มครับพฤติกรรมการดื่ม
00:00:38 → 00:00:41 และก็อีกหลายปัจจัยสิ่งเหล่านี้จะเป็นตัว
00:00:41 → 00:00:45 ที่ทำให้การดื่มมันจะมีคุณหรือมีโทษอย่าง
00:00:45 → 00:00:47 ในกรณีที่เราพูดถึงการดื่มแอลกอฮอล์เพื่อ
00:00:47 → 00:00:52 ลดความเสี่ยงไม่ได้บอกใช้รักษาใช้ลดความ
00:00:52 → 00:00:55 เสี่ยงเช่นคนอายุมากๆเช่นอายุ 65 ปีขึ้น
00:00:55 → 00:00:59 ไปเขามีการสำรวจดูพฤติกรรมของการดื่มของ
00:00:59 → 00:01:03 คนค่ะวันนี้ว่าเอ๊ะลักษณะการดื่มแบบไหน
00:01:03 → 00:01:07 ที่จะช่วยลดความเสี่ยงน่าสนใจใช่ไหมครับ
00:01:07 → 00:01:10 เค้าพูดอย่างนี้ว่าการดื่มไวน์ในปริมาณ
00:01:10 → 00:01:12 ที่เหมาะสมในทางการแพทย์เนี่ยเราบอกว่า
00:01:12 → 00:01:16 เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 1 ริ้งคำว่า 1
00:01:16 → 00:01:18 drink เนี่ยหมายถึงเครื่องดื่มที่มีส่วน
00:01:18 → 00:01:22 ผสมของแอลกอฮอล์ประมาณ 12-14 กรัมอ่ะถ้า
00:01:22 → 00:01:25 ดูให้ใกล้ตัวมากขึ้นเนี่ยเบียร์ 1
00:01:25 → 00:01:29 กระป๋องที่เราทานก็ประมาณ 12 ออนนะครับนะ
00:01:29 → 00:01:32 ก็ก็คิดเป็นเปอร์เซ็นแอลกอฮอล์ประมาณสัก 5
00:01:32 → 00:01:34 เปอร์เซ็นต์ครับอันนี้ก็จะเท่ากับ 1 Link
00:01:34 → 00:01:37 ก็จะมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ประมาณ 12-14
00:01:37 → 00:01:41 กรัมบางคนบอกรักที่จะดื่มไว้แค่ไหนถึงจะ
00:01:41 → 00:01:44 เท่ากับ 1 Link ก็ประมาณ 5 อ่อนก็คือ
00:01:44 → 00:01:46 แก้วไวน์สัก 1 แก้ว
00:01:46 → 00:01:48 เนื้อหาเพราะว่า Y เนี่ยส่วนผสมของ
00:01:48 → 00:01:51 แอลกอฮอล์ก็จะประมาณสัก 12% มามากกว่า
00:01:51 → 00:01:53 เบียร์จะมากกว่าเบียร์ออนี่มันน้อยมากเลย
00:01:53 → 00:01:57 นะครับก็ประมาณสัก 154 ครับครับอันนั้นก็
00:01:57 → 00:02:00 เท่ากับ 1 Link อีกกลุ่มหนึ่งบอกว่าไม่
00:02:00 → 00:02:03 ดื่มเบียร์ไม่ดื่มไวน์แต่รักที่จะดื่มพวก
00:02:03 → 00:02:06 1 40 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น 40 ดีกรีทั้ง
00:02:07 → 00:02:08 นั้นอีกทีดิ Green ๆเท่านั้นเพราะไม่งั้น
00:02:08 → 00:02:12 อ้วนกระตุกถูกเช่นเวลาเรารับประทานซัก 1
00:02:12 → 00:02:16 เป๊กครับ 45cc หรือบอลครึ่งเนี่ยอันนี้ก็
00:02:16 → 00:02:19 เท่ากับ 1 เร่งแอลกอฮอล์ซึ่งในการศึกษา
00:02:19 → 00:02:22 ทางระบาดวิทยาเนี่ยครับเพราะว่าผู้หญิง
00:02:22 → 00:02:25 ผู้ชายการรับประทานแอลกอฮอล์ในชีวิตประจำ
00:02:25 → 00:02:28 วันเนี้ยที่จะไม่ก่อให้เกิดปัญหาหรือก่อ
00:02:28 → 00:02:31 ให้เกิดโรคอย่างชัดเจนเนี่ยผู้หญิงอยู่
00:02:31 → 00:02:34 ที่ประมาณ 1 ลิงค์ต่อวันมีผู้ชายถึงสิไม่
00:02:34 → 00:02:37 เกิน 2 Link ต่อวันแบบนี้ทางการแพทย์บอก
00:02:37 → 00:02:40 ว่าเป็นการดื่มที่ปริมาณไม่มากซึ่งเพราะ
00:02:40 → 00:02:43 ว่าช่วยลดโอกาสที่เขาจะเกิดกล้ามเนื้อหัว
00:02:43 → 00:02:46 ใจตายจากหลอดเลือดอุดตันแต่ในปริมาณที่
00:02:46 → 00:02:49 ไม่มากเกินไปในแต่ละวันการดื่มเนี่ยเพราะ
00:02:49 → 00:02:51 ว่าโดยพฤติกรรมการเดินทางว่าแอลกอฮอล์มี
00:02:51 → 00:02:55 ผลอย่างไรกับกับร่างกายร่างกายของเราต้อง
00:02:55 → 00:02:59 บอกว่ามีได้ตั้งแต่หัวจรดเท้าแทบจะทุบ
00:02:59 → 00:03:01 อวัยวะในร่างกายถ้าเราไล่ไปตั้งแต่ที่
00:03:01 → 00:03:05 สมองก่อนเริ่มดื่มปั๊บความรู้สึกแรกที่จะ
00:03:05 → 00:03:09 เกิดขึ้นก็คือร้อนตื่นเต้นใจกล้าคิดกล้า
00:03:09 → 00:03:12 ทำกล้าแสดงออกความรู้สึกง่วงเหงาหาวนอนจะ
00:03:12 → 00:03:20 หายไปทันที
00:03:20 → 00:03:23 พอยิ่งดื่มในปริมาณที่มากขึ้นความสนุกมัน
00:03:23 → 00:03:27 เริ่มลดระดับลงครับความยับยั้งชั่งใจมัน
00:03:27 → 00:03:30 จะเริ่มน้อยลงดึงความรู้สึกที่จะหยุดอื่น
00:03:30 → 00:03:33 ๆบางทีมันก็ต่อเนื่องใบเพื่อนชวนแต่มันก็
00:03:33 → 00:03:37 ดื่มต่อไปมากขึ้นเรื่อยๆ
00:03:37 → 00:03:43 [เพลง]
00:03:43 → 00:03:47 สุดท้ายมันก็ก่อให้เกิดปัญหาระยะยาวเป็น
00:03:47 → 00:03:50 ความเคยชินทำให้พฤติกรรมหรือนิสัยความเคย
00:03:50 → 00:03:53 ชินกับการดื่มเนี่ยเพื่อนำไปสู่ความสนุก
00:03:53 → 00:03:56 มันกลายเป็นกิจวัตรประจำวันจนทำให้โดย
00:03:56 → 00:03:59 ส่วนใหญ่ปริมาณการดื่มมักจะเพิ่มขึ้นไป
00:03:59 → 00:04:02 เรื่อยๆซึ่งอันนี้แหละก็จะนำไปสู่การเกิด
00:04:02 → 00:04:05 โลกต่อการที่ดื่มในปริมาณที่มากเนี่ยการ
00:04:05 → 00:04:08 มองเห็นลานสายตาก็จะแคบลงการขับรถในเวลา
00:04:08 → 00:04:11 กลางคืนลานสายตาที่แคบรวมเราจะทำให้มอง
00:04:11 → 00:04:14 สิ่งต่างๆรอบข้างได้แคบลงภาพรถที่สวนมา
00:04:14 → 00:04:18 หรืออะไรต่างๆก็จะไม่ระมัดระวังตัวรวมถึง
00:04:18 → 00:04:21 ความสามารถในการตัดสินใจก็จะช้าลง
00:04:21 → 00:04:24 อุบัติเหตุตามมาปัจจุบันนี้เราจะเห็นข่าว
00:04:24 → 00:04:28 ของกลุ่มนักศึกษาหรือกลุ่มวัยรุ่นมี
00:04:28 → 00:04:30 พฤติกรรมที่ค่อนข้างรุนแรงส่วนหนึ่งเนี่ย
00:04:30 → 00:04:32 มันก็มีผลสืบเนื่องจากพฤติกรรม
00:04:32 → 00:04:35 ก็เพราะการดื่มก็เข้าไปมีส่วนทำให้เกิด
00:04:35 → 00:04:38 ความเขินการตัดสินใจที่ผิดพลาดซึ่งกำลัง
00:04:38 → 00:04:42 เอานี้ก็เกาะให้เกิดปัญหาตามมาอันนี้คือ
00:04:42 → 00:04:44 ผลเสียของการดื่มของการดื่มในแง่ของการ
00:04:44 → 00:04:47 ตัดสินใจของการทำงานก็จะสมองจริงนะครับ
00:04:47 → 00:04:49 คุณหมอครับอย่างที่บอกคือก่อนจะกลับบ้าน
00:04:49 → 00:04:51 หลังจากดื่มเหล้าหรือแอลกอฮอล์แล้วเนี่ย
00:04:51 → 00:04:54 เราควรจะดื่มนมเปรี้ยวบ้างล่ะหรือว่าจะหา
00:04:54 → 00:04:56 อะไรทานก่อนหรือว่าควรจะเข้าห้อง
00:04:56 → 00:04:59 น้ำปัสสาวะให้มากๆก่อนรักของเราจะได้ไม่
00:04:59 → 00:05:01 มีอ่ะพออยู่ในร่างกายจริงไหมครับเรื่อง
00:05:01 → 00:05:03 ความเชื่อเกี่ยวกับการดื่มอะไรบางอย่าง
00:05:03 → 00:05:06 หรือการทำพฤติกรรมดังอย่างเพื่อที่จะลด
00:05:06 → 00:05:09 ปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายในลมหายใจเนี่ย
00:05:09 → 00:05:11 ต้องบอกว่ามันไม่ได้เป็นความจริงอย่าง
00:05:11 → 00:05:13 นั้นนะครับแล้วก็เหาะเนี่ยปกติเวลาเรา
00:05:13 → 00:05:17 ดื่มเข้าไปมันลงไปในกระเพาะอาหารครับมัน
00:05:17 → 00:05:19 ก็จะถูกดูดซึมในกระเพาะอาหารส่วนหนึ่งสัก
00:05:19 → 00:05:23 ประมาณสัก 1 ใน 5 ประมาณสัก 20% อีกสัก
00:05:23 → 00:05:26 แปดสิบเปอร์เซ็นต์ก็ลงไปในลำไส้มีการดูด
00:05:26 → 00:05:29 ซึมเข้าสู่กระแสเลือดซึ่งกระแสเลือดใน
00:05:29 → 00:05:31 ช่องท้องเนี่ยโดยทั้งหมดมันจะไหลเวียน
00:05:31 → 00:05:34 กลับไปที่ต่ำเต็มปากนี้เป็นอวัยวะที่อยู่
00:05:34 → 00:05:37 บริเวณชายโครงขวาของเราก็ทำหน้าที่ในการ
00:05:37 → 00:05:40 ผ่านแอลกอฮอล์ปรับเปลี่ยนเพื่อใช้พลังงาน
00:05:40 → 00:05:43 คือใช้ประโยชน์จากมันในระดับหนึ่งแต่ใน
00:05:43 → 00:05:46 ขบวนการเผาผลาญเองเนี่ยมันก็จะมีสารที่
00:05:46 → 00:05:48 เป็นผลจากการย่อยสลายออกมาซึ่งสารอันนี้
00:05:48 → 00:05:52 มันคือสารที่ก่อให้เกิดปัญหามันออกฤทธิ์
00:05:52 → 00:05:56 ต่อสมองของคนเราในระยะแรกของปริมาณสารที่
00:05:56 → 00:05:59 ไม่มากนักมันจะกระตุ้นความรู้สึกให้มี
00:05:59 → 00:06:02 ความสุขกล้าตื่นตัวครับแต่เมื่อใช้ไปใน
00:06:02 → 00:06:04 ระดับหนึ่งเนี่ยมันจะทำให้เกิดอาการ
00:06:04 → 00:06:08 ลักษณะของการกดการทำงานของระบบสมองยิ่ง
00:06:08 → 00:06:11 ถ้าเกิดมีการดื่มและมีปริมาณในร่างกายสูง
00:06:11 → 00:06:14 ต่อเนื่องอย่างระยะยาวฝนก็คือมันจะทำให้
00:06:14 → 00:06:17 เซลล์ในอวัยวะต่างๆเสื่อมสมรรถภาพลงแล้ว
00:06:17 → 00:06:20 ก็เสื่อมตายไปมากขึ้นนั้นจะเห็นว่าผลของ
00:06:20 → 00:06:23 แอลกอฮอล์มันไม่ได้เกิดขึ้นแค่อวัยวะต้น
00:06:23 → 00:06:26 ทางที่ลำไส้และก็ก็ตัวต่ำมันไปไกลทุกที่
00:06:26 → 00:06:30 ตั้งแต่สมองหน้าการทำงานต่างๆปกติคนที่
00:06:30 → 00:06:33 ดื่มมากๆพฤติกรรมการรับประทานอาหารก็ก็
00:06:33 → 00:06:36 ไม่ได้กินเป็นมื้อปกติบัญชีกินเหล้าแทน
00:06:36 → 00:06:39 เนื้อหาด้วยซ้ำครับทำให้ขาดสารอาหารรวม
00:06:39 → 00:06:42 ถึงวิตามินหลายชนิดอย่างเช่นวิตามินบี 1
00:06:42 → 00:06:46 ก็เป็นส่วนประกอบที่สำคัญที่ทำให้เราเป็น
00:06:46 → 00:06:48 คนที่ขาดสารวิตามินชนิดเนี้ยจะเกิดภาวะ
00:06:48 → 00:06:52 สมองเสื่อมเกิดขึ้นซึ่งในระยะยาวก็ก็มัน
00:06:52 → 00:06:55 แก้ไขกับคืนยะและคนก็บอกว่าเวลาจะทาน L
00:06:55 → 00:06:58 คอทานเหล้านี่แล้วคุณจะทานกับแกล้มคู่กัน
00:06:58 → 00:07:01 ไปด้วยนะไม่ใช่อยู่ดีๆท้องว่างก็มาทาน
00:07:01 → 00:07:03 เหล้าเราจะส่งผลเสียต่อสุขภาพจะมาเร็ว
00:07:03 → 00:07:06 ครับจริงไหมครับอันนั้นก็เป็นส่วนหนึ่ง
00:07:06 → 00:07:10 เพราะเขาพบว่าการรับประทานแอลกอฮอล์ก่อน
00:07:10 → 00:07:13 เมื่ออาหารโดยส่วนหนึ่งแอลกอฮอล์มันทำให้
00:07:13 → 00:07:15 เจริญอาหารใช่ครับทำให้เรากินอาหารต่างๆ
00:07:15 → 00:07:18 ได้เยอะขึ้นแน่นอนร่างกายไม่ขาดสารอาหาร
00:07:18 → 00:07:21 ปัญหาก็เลยรู้สึกว่ามันไม่มากนักเพราะว่า
00:07:21 → 00:07:24 เราได้ดื่มเหล้าเป็นตัวหลักปริมาณที่เข้า
00:07:24 → 00:07:27 ไปในร่างกายไม่ได้เยอะเกินไปครับเราได้
00:07:27 → 00:07:29 สารอาหารจากอาหารที่เรากินตามมื้อปกติ
00:07:29 → 00:07:32 นั้นคนที่มีพฤติกรรมการกินลักษณะเนี้ยโร
00:07:32 → 00:07:35 ก็จะไม่ได้รุนแรงน้ำมากนักออกต่างกันกับ
00:07:35 → 00:07:38 คนที่ไม่รับประทานอาหารกินเป็นกับแกล้ม
00:07:38 → 00:07:41 ซึ่งกับแก้มส่วนใหญ่ก็เป็นพวกถั่วเป็น
00:07:41 → 00:07:44 อะไรต่างๆซึ่งคุณค่าทางอาหารไม่ได้เยอะ
00:07:44 → 00:07:47 นักเมื่อเค้ากินพรุ่งนี้มันไม่อยู่ท้อง
00:07:47 → 00:07:49 พลังงานไม่อยู่สิ่งที่เค้าได้คือได้จาก
00:07:49 → 00:07:52 การดื่มแอลกอฮอล์โอ้โห alcohol ที่ดื่มใน
00:07:52 → 00:07:55 ปริมาณมากคู่กับในภาวะที่ที่สารอาหารต่าง
00:07:55 → 00:07:57 ๆไม่เพียงพอเนี่ยอันนี้ก็จะเกิดโลกง่าย
00:07:57 → 00:08:00 ขึ้นเพราะว่าอย่าลืมว่าสารอาหารหลายชนิด
00:08:00 → 00:08:03 รวมถึงวิตามินที่เราเห็นอยู่ในอาหารต่างๆ
00:08:03 → 00:08:06 เนี่ยมันเป็นตัวที่ช่วยการเผาผลาญและก็
00:08:06 → 00:08:09 เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่เราเรียกว่าสาร
00:08:09 → 00:08:12 ต่อต้านอนุมูลอิสระครับ alcohol ที่เรา
00:08:12 → 00:08:15 ดื่มเข้าไปเนี่ยมันไปผ่านที่ต่ำมันจะทำ
00:08:15 → 00:08:18 ให้เกิดกรดหรือสารบางอย่างที่ทำให้เกิด
00:08:18 → 00:08:21 การอักเสบการรับประทานอาหารอย่างครบหมู่
00:08:21 → 00:08:24 มีสารอาหารที่ครบหมู่มันจะมีสารต่อต้าน
00:08:24 → 00:08:27 อนุมูลอิสระที่จะช่วยลดการอักเสบหรือช่วย
00:08:27 → 00:08:30 ชะลอปัญหาจากการดื่มได้ด้วยมีคนศึกษา
00:08:30 → 00:08:32 อย่างนี้นะครับว่าลักษณะการกินเหล้าแบบ
00:08:33 → 00:08:35 ไหนชุดเกราะปัญหาบ้างซึ่งต้องบอกว่านี่
00:08:35 → 00:08:37 คือปัญหาในปัจจุบันรูปแบบของการกินโดย
00:08:37 → 00:08:40 เฉพาะในวัยรุ่นผู้หญิงผู้ชายโดยชอบผู้
00:08:40 → 00:08:43 หญิงเดี๋ยวนี้โดยสถิติเนี่ยการดื่มเพิ่ม
00:08:43 → 00:08:45 สูงขึ้นบางคนกินเหล้าอย่างผู้หญิงกิน
00:08:45 → 00:08:48 ประมาณแซ่บ 4 ลิงครับได้ระยะเวลาอันสั้น
00:08:48 → 00:08:51 ใน 1 วันทำการแพทย์เนี่ยบอกว่ารูปแบบการ
00:08:51 → 00:08:55 ดื่มเนี้ยเขาเรียกว่าเป็นการดื่มแบบแบบใน
00:08:55 → 00:08:58 ปริมาณมากในระยะเวลาสั้นกลับพบว่าจะก่อ
00:08:58 → 00:09:01 ให้เกิดปัญหากับร่างกายมากว่าเอาพฤติกรรม
00:09:01 → 00:09:05 การดื่มก่อนมื้ออาหารในปริมาณที่ไม่มาก
00:09:05 → 00:09:08 นักก่อนเมื่อ / ต่อเนื่องและพูดถึงปัญหา
00:09:08 → 00:09:10 ที่เกิดจากตัวเราเองนอกจากสมองส่วนหน้า
00:09:10 → 00:09:13 แล้วหลายวิธีและศูนย์เลยครับอะไรลงมา
00:09:13 → 00:09:16 เนี่ยครับใกล้ตัวที่สุดตอนนี้หัวใจหัวใจ
00:09:16 → 00:09:20 ทำไมครับหัวใจมีคนที่ดื่มแอลกอฮอล์ถ้า
00:09:20 → 00:09:23 เมื่อไหร่มีอาการวิงเวียนก็รู้สึกน่าจะ
00:09:23 → 00:09:25 มืดเหมือนความดันต่ำครับมีคนบอกไปดื่ม
00:09:25 → 00:09:28 เบียร์สิอ่ะความอยากจะได้สูบฉีดจะได้สูบ
00:09:28 → 00:09:31 ฉีดถามว่าจริงไหมมันเป็นสารชนิดหนึ่งที่
00:09:31 → 00:09:34 ช่วยกระตุ้นทำให้หัวใจทำงานมากขึ้นซึ่ง
00:09:34 → 00:09:37 อันนี้ต้องระวังเลยว่าในคนสูงอายุยิ่งมี
00:09:37 → 00:09:39 ปัญหาเรื่องความดันโลหิตสูงอยู่แล้วเนี่ย
00:09:39 → 00:09:42 ยิ่งดื่มเลยมันมากความดันสูงขึ้นในระยะ
00:09:42 → 00:09:45 สั้นอาจจะก่อนเกิดโลกอย่างรวดเร็วรวมทั้ง
00:09:45 → 00:09:49 การดื่มในบางคนจะสังเกตว่าดื่มให้ 5
00:09:49 → 00:09:51 ปาร์ตี้สักพักนึงเรื่องรู้สึกเหมือนมี
00:09:51 → 00:09:54 อาการใจสั่นก็เพราะว่า alcohol เองมีผล
00:09:54 → 00:09:57 ต่อการเต้นของจังหวัดหัวใจทำให้เกิดใจ
00:09:57 → 00:10:01 เต้นผิดจังหวะของคนเป็นตอนเร็วขึ้นมันจะ
00:10:01 → 00:10:03 เต้นเร็วขึ้นครับแล้วบางทีเต้นเร็วขึ้น
00:10:03 → 00:10:05 แบบเต้นรัวไม่ได้เป็นจังหวัดสม่ำเสมอซึ่ง
00:10:05 → 00:10:08 อันนี้จะทำให้การสูบฉีดเลือดผิดปกติดี
00:10:08 → 00:10:12 เกิดอาการช็อกของหัวใจได้รวมถึงการดื่ม
00:10:12 → 00:10:15 ทั้งเดือนไปต่อเนื่องและนานๆยิ่งนานวัน
00:10:15 → 00:10:17 เข้าเป็นเวลาหลายๆปีก็เพราะว่าตัว
00:10:17 → 00:10:20 แอลกอฮอล์นอกจากมันมีผลต่อเซลล์สมองมันก็
00:10:20 → 00:10:22 มีผลต่อเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจนะครับจะทำ
00:10:22 → 00:10:25 ให้กล้ามเนื้อหัวใจเนี่ยเสื่อมมากขึ้นตาย
00:10:25 → 00:10:27 มากขึ้นก็เป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจผิดปกติ
00:10:27 → 00:10:31 ผู้จัดการดื่มในปริมาณที่มากนี่คือจะเอา
00:10:31 → 00:10:34 ไว้ว่าหัวใจนะครับถัดไปเนี่ยลงหัวใจลงมา
00:10:34 → 00:10:36 หน่อยก็อาจจะเป็นอาหารกับพระอาหารช่อง
00:10:36 → 00:10:40 ท้องอ่ะเวลาเราดื่มเข้าไปเนี่ย alcohol
00:10:40 → 00:10:43 มันผ่านไปตั้งแต่หลอดคอครับลงไปในกระเพาะ
00:10:43 → 00:10:46 อาหารลงลำไส้ซึ่งโดยสถิติเนี่ยเขาเพราะ
00:10:46 → 00:10:49 ว่าการดื่มในปริมาณที่มากเช่นประมาณ 3
00:10:49 → 00:10:52 Link ขึ้นไปอย่างต่อเนื่องเนี่ยความ
00:10:52 → 00:10:56 เสี่ยงที่จะเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับหลอด
00:10:56 → 00:10:59 อาหารช่องคอก็คือมะเร็งนะครับสูงถึง 3
00:10:59 → 00:11:02 เท่าเมื่อเทียบกับคนที่ไม่ดื่มเพราะลงไป
00:11:02 → 00:11:04 ในกระเพาะเนี่ยเราเพราะว่าคนไข้กลุ่ม
00:11:04 → 00:11:07 หนึ่งที่ดื่มในปริมาณมากจะเกิดอาการปวด
00:11:07 → 00:11:09 ท้องอย่างเฉียบพลันที่เป็นเช่นนั้นเนี่ย
00:11:09 → 00:11:12 ส่วนหนึ่งเกิดจากแล้วก็ฮอเองมันก็มีผล
00:11:12 → 00:11:15 ระคายกระเพาะทำให้เกิดการอักเสบของ
00:11:15 → 00:11:17 กระเพาะอย่างรุนแรงครับคนไข้กลุ่มนี้มี
00:11:17 → 00:11:19 ปัญหาอาเจียนเป็นเลือดแต่ในคนกลุ่มหนึ่ง
00:11:19 → 00:11:23 ที่ดื่มในปริมาณมากนะเนี่ยจะเอากอฮอล์มัน
00:11:23 → 00:11:25 ทำให้เกิดตับแข็งพอมันแข็งเลือดมันไหล
00:11:25 → 00:11:27 พันธุ์ตัดไม่สะดวกสิ่งที่เกิดขึ้นมันก็ไป
00:11:27 → 00:11:30 เกิดทางลัดของเส้นเลือดในหลอดอาหารใน
00:11:30 → 00:11:31 กระเพาะอาหารที่เราเรียกว่าเส้นเลือดขอด
00:11:31 → 00:11:36 โอและใหญ่ละวันร้ายคืนร้ายแตกอาเจียนเป็น
00:11:36 → 00:11:38 เลือดอันนี้ก็คือเป็นผลต่อเนื่องระยะยาว
00:11:38 → 00:11:40 ที่เกิดจากการดื่มมีผลต่อตัวกับเพราะ
00:11:40 → 00:11:42 อาหารเองโดยตรงและบางทีเราเห็นผู้เฒ่าแก่
00:11:42 → 00:11:45 ที่เราคุณปู่คุณย่าที่ยังดื่มเหล้าอยู่
00:11:45 → 00:11:47 ทำไมยังอยู่ได้เลยแล้วก็คุณหมอความรุนแรง
00:11:47 → 00:11:50 ในแต่ละคนไม่เท่ากันมันยังมีอีกหลาย
00:11:50 → 00:11:53 ปัจจัยเป็นตัวกำหนดก็พบว่าในคนเอเชีย
00:11:53 → 00:11:56 เนี่ยจะมียีนชนิดหนึ่งที่ควบคุมการเผา
00:11:56 → 00:11:57 ผลาญแอลกอฮอล์
00:11:57 → 00:12:01 ปกติเนี่ยก็พอที่เราดื่มเข้าไปในกระเพาะ
00:12:01 → 00:12:04 อาหารจะมีเอนไซม์ในการย่อยครับก่อนที่มัน
00:12:04 → 00:12:07 จะดูดซึมนะครับเพื่อลดปริมาณแอลกอฮอล์ใน
00:12:07 → 00:12:10 กระแสเลือดในคนเอเชียที่มียีนบางประเภท
00:12:10 → 00:12:14 เนี่ยทำให้ความสามารถในการผ่านพ้นเนี้ย
00:12:14 → 00:12:17 ต่ำลมจะทำให้มีปริมาณแอลกอฮอล์เข้าสู่
00:12:17 → 00:12:20 กระแสเลือดหนึ่งขึ้นมากขึ้นเลือดก็จะสูบ
00:12:20 → 00:12:23 ฉีดแดงหน้าแดงเกิดมีอาการคลื่นไส้อาเจียน
00:12:23 → 00:12:26 เวียนศีรษะมันเหมือนกับเป็นสิ่งที่ช่วย
00:12:26 → 00:12:29 กำหนดให้เขาว่าหยุดได้และสัญญาณเตือนทาง
00:12:29 → 00:12:32 พันธุกรรมวันหยุดได้แล้วคุณได้เท่านี้
00:12:32 → 00:12:35 อย่าฝืนต่อเอาคนที่ดื่มเหล้าและน้ำหน้า
00:12:35 → 00:12:39 ไม่แสดงสีหน้าเลยนี่นะลืมไปบางทีหน้า 4
00:12:39 → 00:12:42 ด้วยครับเพราะมันก็เป็นอย่างนั้นเพราะว่า
00:12:42 → 00:12:45 เส้นเลือดมันหดตัวนะครับซึ่งการตอบสนอง
00:12:45 → 00:12:48 ของแต่ละคนในแต่ระยะก็ไม่เท่ากันครับนั้น
00:12:48 → 00:12:51 บางคนกินใหม่ๆหน้าแดงกล่ำเลยเพราะกินไป
00:12:51 → 00:12:54 สักพักนะเริ่ม 4 เริ่ม 4 และขอไปนอนบ้าง
00:12:54 → 00:12:56 ลักษณะก็เป็นแบบนั้นแม่ครับผมสังเกตว่าดู
00:12:56 → 00:12:59 แล้วก็ตื่นเช้ามาอีกวันนึงเนี่ยอยู่ที่
00:12:59 → 00:13:02 ปากแห้งคอแห้งครับคอแห้งครับเพราะว่าการ
00:13:02 → 00:13:05 ดื่มเนี่ยมันจะทำให้คุณปัสสาวะบ่อยขึ้น
00:13:05 → 00:13:09 สูญเสียเหงื่อออกไปเยอะขึ้นจะทำให้ปริมาณ
00:13:09 → 00:13:13 น้ำในร่างกายน้อยลงนั้นคนที่ดื่มก็จะรู้
00:13:13 → 00:13:16 สึกว่าคอแห้งต้องดูดน้ำบ่อยๆก็อ้างจากผล
00:13:16 → 00:13:19 อันนี้เองแล้วสำหรับผู้หญิงที่ตั้งครรภ์
00:13:19 → 00:13:21 ล่ะครับขับ alcohol มาจะส่งผลเสียยังไง
00:13:21 → 00:13:25 กับคันเอ่อลูกในท้อง alcohol มีผลต่อการ
00:13:25 → 00:13:29 พัฒนาการของเด็กตั้งแต่ในครรภ์รู้ทำให้
00:13:29 → 00:13:32 เด็กที่เกิดจากแม่แม่ที่เดือนแอลกอฮอล์
00:13:32 → 00:13:35 ส่วนหนึ่งบางคนเสียชีวิตตั้งแต่ในครรภ์
00:13:35 → 00:13:40 บางคนคลอดก่อนกำหนดน้ำหนักตัวน้อยครับบาง
00:13:40 → 00:13:45 คนคลอดออกมาได้ตามปกติแต่มีผลระยะยาวก็พบ
00:13:45 → 00:13:47 ว่าเด็กกลุ่มนี้บางทีมีการเปลี่ยนแปลงทาง
00:13:47 → 00:13:53 กายภาพศีรษะกะโหลกศีรษะเล็กลงคิ้วตาจมูก
00:13:53 → 00:13:55 ปากหน้าตาเปลี่ยนไป
00:13:55 → 00:13:59 จะมีผลต่อทางสภาพของทางสมองทางจิตใจเด็ก
00:13:59 → 00:14:03 กลุ่มนี้อาจจะมีพฤติกรรมที่ก้าวร้าวอาจจะ
00:14:03 → 00:14:07 มีสมาธิสั้นครับซึ่งผลอันนี้เขาเพราะว่า
00:14:07 → 00:14:09 มันมีความเกี่ยวข้องกับการดื่มในระหว่าง
00:14:09 → 00:14:11 การตั้งขั้นจะว่าไปผลเสียจากการดื่ม
00:14:11 → 00:14:13 แอลกอฮอล์ผู้หญิงมีมากกว่าผู้ชายหลายเท่า
00:14:13 → 00:14:16 ไหร่เท่านี้พูดถึงช่องของแล้วนั้นพร้อมคะ
00:14:16 → 00:14:19 แล้วก็ลงแต่เอาไว้ว่าหนึ่งที่สำคัญมากใน
00:14:19 → 00:14:21 ช่องท้องที่ยังไม่ได้กล่าวถึงคือ
00:14:21 → 00:14:25 ประปาทำไมครับครับตับซึ่งเป็นอวัยวะอยู่
00:14:25 → 00:14:28 ที่ช่องท้องด้านขวาคำไปเวลาดื่มไปสักพัก
00:14:28 → 00:14:31 บางคนบนผู้ดื่มและจุกจุกต่ำที่ที่มันจะไป
00:14:31 → 00:14:34 ของการดื่มของการกินอาหารได้ตามไปต่ำปาก
00:14:34 → 00:14:38 คืออวัยวะที่จะทำการปรับเปลี่ยนแอลกอฮอล์
00:14:38 → 00:14:42 นำมันไปใช้เป็นสารอาหารที่ให้พลังงานเผา
00:14:42 → 00:14:44 ผลาญจนมัน
00:14:44 → 00:14:47 ทั้งหมดฤทธิ์ไปแต่มันก็จะมีของเสียเกิด
00:14:47 → 00:14:50 ขึ้นหรือพลังงานที่รับไปจากการเดือนที่
00:14:50 → 00:14:53 มากมันก็จะเกิดการเปลี่ยนรูปสะสมในรูป
00:14:53 → 00:14:55 พลังงานรูปอื่นๆครับนั้นจะเห็นว่าคนที่
00:14:55 → 00:14:58 ดื่มเหล้าในปริมาณมากนานเนี่ยเวลาไปตรวจ
00:14:58 → 00:15:01 สุขภาพมักจะเจอคุณหมอบอกว่ามีไขมันข้างใน
00:15:02 → 00:15:05 ต่ำให้บ้านโตถ้วนอันนี้เป็นผลจากการดื่ม
00:15:05 → 00:15:09 แล้วในคนกลุ่มนึงเนี่ยจะเกิดปัญหาตับ
00:15:09 → 00:15:12 อักเสบตามมาอาการเป็นไงครับเริ่มการเกษตร
00:15:12 → 00:15:16 มันก็จะเริ่มจุกแน่นอืดท้องบางคนนี้ขึ้น
00:15:16 → 00:15:20 ไส้ถ้าเป็นรุนแรงขึ้นตัดเนี่ยความสามารถ
00:15:20 → 00:15:23 หนึ่งของตากถูกการขับของเสียงอุจจระคนเรา
00:15:23 → 00:15:26 ที่เราเห็นเป็นสีเหลืองเนี่ยครับคือน้ำดี
00:15:26 → 00:15:30 น้ำดีก็คือสารชนิดนึงที่ตับทำหน้าที่ย่อย
00:15:30 → 00:15:32 สลายสารบางอย่างและได้เป็นน้ำดีรับขับลง
00:15:32 → 00:15:35 สู่เมื่อท่านเดินอาหารออกมากูจะละด้วยการ
00:15:35 → 00:15:37 ไปสีเหลืองมีเธอเป็นสีเหลืองนั้นเวลามี
00:15:37 → 00:15:41 ตับอักเสบสมรรถภาพในการขับน้ำดีจะไม่ปกติ
00:15:41 → 00:15:44 สิ่งที่เกิดขึ้นมันก็คือข้างในร่างกายคน
00:15:44 → 00:15:47 ที่เป็นตับอักเสบจากการดื่มสิ่งที่เกิด
00:15:47 → 00:15:49 ขึ้นก็คือตาเหลืองเพราะน้ำดีคือสารเม็ดสี
00:15:49 → 00:15:52 เหลืองครับสะสมตามผิวหนังตามตาตาก็จะ
00:15:52 → 00:15:55 เหลืองซึ่งถ้าเกิดเป็นมากๆจนแต่ประเศษ
00:15:55 → 00:15:57 ดำเนินไปเรื่อยๆสุดท้ายจะกลายเป็นตับแข็ง
00:15:57 → 00:16:02 ทำไมตัดสินแข็งเพราะว่าแอลกอฮอล์เนี่ยที่
00:16:02 → 00:16:05 ดื่มเข้าไปมันไปทำลายเซลล์ทำให้มันอักเสบ
00:16:05 → 00:16:08 ทำลายแต่ร่างกายเองต้องช่วยตัวเองยังไง
00:16:08 → 00:16:11 การช่วยตัวเองก็คือว่าทำการซ่อมแซมจะ
00:16:11 → 00:16:14 สร้างทำคือเหมือนกับที่ผิวหนังทำพืชมันก็
00:16:14 → 00:16:17 ไปสะสมในตับมันก็จะทำให้ตากมีการกดรูปผิด
00:16:17 → 00:16:22 ปกติไปผลตามมาก็คือมันจะแข็งตัวขึ้นผู้จะ
00:16:22 → 00:16:24 ว่าไปผลเสียมันเยอะมากนะเยอะกำลังกายเลย
00:16:24 → 00:16:27 ตัวร่างกายนะครับนี้ในเรื่องของช่องท้อง
00:16:27 → 00:16:30 แล้วค่ะเราขยับลงมาอีกนะมันจะมีอะไรอีก
00:16:30 → 00:16:33 ครับที่ได้รับผลสีจากแอลกอฮอล์เออจริงๆ
00:16:33 → 00:16:37 แล้วเนี่ยก็อ่าที่อื่นๆแม้แต่ในไปใน
00:16:37 → 00:16:39 กระเพาะปัสสาวะเองเขาก็เพราะว่ามันจะทำ
00:16:39 → 00:16:43 ให้ไตต้องทำงานหนักมากขึ้นผลเสียก็จะทำ
00:16:43 → 00:16:47 ให้เกิดไตวายได้ในบางส่วนรวมถึงในกระเพาะ
00:16:47 → 00:16:50 ปัสสาวะเองก็อาจจะมีการผลจากการดื่มทำให้
00:16:50 → 00:16:52 เกิดความสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเพราะ
00:16:52 → 00:16:54 ปัสสาวะอาจารย์ครับสำหรับคนที่ดื่ม
00:16:54 → 00:16:57 แอลกอฮอล์แบบดื่มดื่มมากขนาดที่ว่ากลาง
00:16:57 → 00:17:00 คืนดื่มตื่นขึ้นมาเนี่ยอาจจะให้ท้อแล้วก็
00:17:00 → 00:17:02 ต้องดื่มอีกครับบางครั้งไม่ได้ดูเลยมือ
00:17:02 → 00:17:06 สั่นครับนิดมันต้องดื่มถึงจะสบายเป็นปกติ
00:17:06 → 00:17:08 ค่ะนี่มันเป็นยังไงมันเป็นโรคอะไรครับ
00:17:08 → 00:17:11 เป็นลักษณะของคนไข้ที่กำลังติดสุราเป็น
00:17:11 → 00:17:13 โรคพิษสุราเรื้อรังที่ดื่มในปริมาณที่มาก
00:17:13 → 00:17:16 และนานครับและคนกลุ่มนี้จะมีความเสี่ยง
00:17:16 → 00:17:19 ต่อการเสียชีวิตค่อนข้างมากคนกลุ่มนี้
00:17:19 → 00:17:24 เวลาญาติพามาหาหมอเราก็จะแนะนำให้เขาทราบ
00:17:24 → 00:17:27 ถึงแก้ปัญหาต่างๆที่เกิดจากการดื่มพอแนะ
00:17:27 → 00:17:31 นำให้หยุดดื่มคนไข้บอกว่าเคยลองพยายาม
00:17:31 → 00:17:35 แล้วแต่ก็จะเจอปัญหาว่าแค่ไม่ถึงวันก็จะ
00:17:35 → 00:17:39 เกิดอาการขาดหรือลงแดงของการดื่มเกิด
00:17:39 → 00:17:43 อาการกระวนกระวายเห็นภาพหลอนหูแว่วจะคิด
00:17:43 → 00:17:46 ว่ามีคนมาทำร้ายครับเห็นภาพต่างๆผิดปกติ
00:17:46 → 00:17:49 ไปอันตรายมากแต่คนที่ดื่มเหล้าดื่ม
00:17:49 → 00:17:51 แอลกอฮอเขาเขาไม่รู้หรอกว่าเขากำลังจะ
00:17:51 → 00:17:54 เข้าสู่การเป็นโรคพิษสุราเรื้อรังค่ะเขา
00:17:54 → 00:17:56 จะรู้ตัวเองได้ยังไงมีสัญญาณอะไรมึงบอก
00:17:56 → 00:17:58 ไม่ครับว่าตอนนี้มันเริ่มเข้าสู่ขั้น
00:17:58 → 00:18:00 วิกฤตแล้วก็มันจะเป็นโรคนี้เอาง่ายๆเลย
00:18:00 → 00:18:03 เนี่ยลองสำรวจตัวเองดูตั้งคำถามตัวเองมี
00:18:03 → 00:18:08 มีการศึกษาและมีข้อแนะนำคำถาม 4 คำถามที่
00:18:08 → 00:18:10 เราใช้การที่คำถามที่คำถามง่ายๆครับถ้า
00:18:10 → 00:18:13 เกิดว่าคุณตอบได้ถูก 2 ใน 4 คำถามเนี่ย
00:18:13 → 00:18:17 บอกเลยคุณสอบผ่านอาจเป็นโรคพิษสุราลามแรก
00:18:17 → 00:18:20 เลยนะครับคำถามแรกถามคนไข้ว่าว่ามีความ
00:18:20 → 00:18:23 รู้สึกอยากจะหยุดดื่มบ้างไหมกับสิ่งที่
00:18:23 → 00:18:25 คุณกำลังมีพฤติกรรมการเดือนนี้ถ้าจะได้
00:18:25 → 00:18:30 ตอบว่าก็อยากอยู่นะแปลว่าว่าคุณเองเนี่ย
00:18:30 → 00:18:33 ต้องมีอะไรบางอย่างที่กระตุ้นให้คุณเริ่ม
00:18:33 → 00:18:36 รู้สึกตัวเองว่าคุณดื่มเยอะๆคนรอบข้าง
00:18:36 → 00:18:38 เริ่มมองว่าคุณดื่มแบบนี้มีปัญหานี้ทาง
00:18:38 → 00:18:41 ตัวคนอื่นเองเลยนะฮะว่าก็จะนะคะติยาหยุด
00:18:41 → 00:18:44 ดีอย่างอื่นๆมั้ยถ้าตอบว่าใช่อันนี้เขา
00:18:44 → 00:18:46 ขายแล้วขายและแจ้งว่าคุณดื่มเยอะงานข้อ
00:18:46 → 00:18:49 อันสะท้อนของการดื่มข้อที่ 2 เคยมีใครมา
00:18:49 → 00:18:52 นั่งเซ้าซี้ถามคุณเรื่องการดื่มและพยายาม
00:18:52 → 00:18:55 ให้คุณหยุดดื่มบ่อยไหมแต่ว่าคุณน่ะดื่ม
00:18:55 → 00:18:59 เยอะจริงๆจนทำให้คนรอบข้างเริ่มรู้สึกว่า
00:18:59 → 00:19:02 ไม่ไหวแล้วนะบริกรรมนี้มันแย่นะคะที่ศาล
00:19:02 → 00:19:05 เราบอกว่าอาถามตรงๆคุณรู้สึกผิดกับสิ่ง
00:19:05 → 00:19:08 ที่คุณยังดื่มอยู่ทุกวันนี้หรือเปล่าถ้า
00:19:08 → 00:19:12 คนไข้เริ่มมีความรู้สึกลึกๆมันก็รู้สึก
00:19:12 → 00:19:15 ผิดรู้ซีดีแสดงว่ามันต้องมีอะไรบางอย่าง
00:19:15 → 00:19:17 ในครอบครัวชีวิตประจำวันที่มันเกิดขึ้น
00:19:17 → 00:19:21 เป็นผลจากการดื่มข้อสุดท้ายถามว่าตื่นมา
00:19:21 → 00:19:24 พบคุณจะต้องถอนเลยไหมแสดงว่าสิ่งที่คุณ
00:19:24 → 00:19:28 ดื่มอยู่ทุกวันถ้ามันเยอะมากจนทำให้เมื่อ
00:19:28 → 00:19:30 ปริมาณแอลกอฮอล์ในกระแสเลือดขึ้นตกนิด
00:19:30 → 00:19:33 หน่อยเกิดอาการเพื่อให้คงอยู่ในระดับนั้น
00:19:33 → 00:19:36 เพื่อลดอาการของอาการขาดเงินบ่พอแปลว่า
00:19:36 → 00:19:40 ถ้าคุณมีอาการ 2 ใน 4 ข้อบอกได้เลยว่าคุณ
00:19:40 → 00:19:44 คือคนที่ติดสุราแล้วญาติหรือคนไข้เองหลาย
00:19:44 → 00:19:47 คนก็มักจะถามว่าเธอแล้วคุณหมอมีวิธีอย่าง
00:19:47 → 00:19:51 ไรที่จะช่วยทำให้เขาหยุดดึงให้ได้หรือ
00:19:51 → 00:19:53 ดื่มในปริมาณที่น้อยหรือลดความเสี่ยงต่าง
00:19:53 → 00:19:55 การรักษานี้เป็นเรื่องของการเปลี่ยน
00:19:55 → 00:19:57 พฤติกรรมซึ่งมันหญ้านะครับซึ่งเป็นเรื่อง
00:19:57 → 00:20:00 ที่ยากหลายคนจะเข้าใจว่าการรักษาโรคจาก
00:20:00 → 00:20:03 การดื่มพิษสุราเรื้อรังหวังพึ่งอย่าเช่น
00:20:03 → 00:20:06 มีคนบอกว่าการรับประทานวิตามินหลายตัวจะ
00:20:06 → 00:20:08 ช่วยลดการเกิดโรคพิษสุราเรื้อรังก็กิน
00:20:08 → 00:20:11 วิตามินผู้กับกีฬาเหมือนดื่มเหล้าเลยต้อง
00:20:11 → 00:20:13 บอกเลยว่ามันไม่ได้แก้หรอกครับเพียงแต่
00:20:13 → 00:20:16 ว่าการกินวิตามินมันอาจจะช่วยลดปัญหาได้
00:20:16 → 00:20:19 บางคนที่ว่าไม่ค่อยรับประทานอาหารขาดสาร
00:20:19 → 00:20:22 อาหารอาจจะช่วยระดับนั้นที่นี่เวลาทำอะไร
00:20:22 → 00:20:25 สักอย่างนึงเนี่ยมันต้องมีเป้าหมายถ้ามา
00:20:25 → 00:20:28 ถึงเป้าหมายที่ชัดเจนว่าการที่เขาจะหยุด
00:20:28 → 00:20:32 ดื่มได้มันก่อให้เกิดผลดีอย่างไรเพราะเขา
00:20:32 → 00:20:34 มีเป้าหมายโอกาสสำเร็จจะมีเยอะขึ้น
00:20:34 → 00:20:37 ประโยชน์อาจจะไม่ใช่ตัวเขาคนส่วนใหญ่มาก
00:20:37 → 00:20:40 จะไม่มองตัวเองฉันทำตัวเองปล่อยฉันไปเถอะ
00:20:40 → 00:20:43 ครับแต่การทานถ้าเกิดเขาสามารถทำได้ให้
00:20:43 → 00:20:46 ประโยชน์กับคนที่เขารักหรือคนที่รักเขา
00:20:46 → 00:20:49 รอบข้างเนี้ยเพราะก็หมายชัดเจนขึ้น
00:20:49 → 00:20:52 มีแหล่งชุมใจมันจะเริ่มมีเยอะขึ้นต้อง
00:20:52 → 00:20:55 เปลี่ยนทัศนคติเขาให้ได้ปากโอ้โหนะฮะขั้น
00:20:55 → 00:20:58 ต่อไปถ้าเขาเห็นถึงประโยชน์ของการทำว่า
00:20:58 → 00:21:00 มันจะก่อให้เกิดอะไรขึ้นเนี่ย
00:21:00 → 00:21:03 หลายคนกังวลว่าหยุดดื่มเลยเดี๋ยวจะเกิด
00:21:03 → 00:21:07 อาการลงแดงชักลดน้อยลงก็ลดลาแล้วก็ยอมได้
00:21:07 → 00:21:09 ว่าถ้าไม่สามารถหยุดดื่มได้ทันทีในคนที่
00:21:09 → 00:21:12 ติดสุราเรื้อรังเราก็พยายามเปลี่ยน
00:21:12 → 00:21:14 พฤติกรรมเค้าให้ดื่มในปริมาณที่น้อยลง
00:21:14 → 00:21:17 ซึ่งมันจะช่วยทำให้การทำงานของอวัยวะต่าง
00:21:17 → 00:21:20 ๆในร่างกายเริ่มดีขึ้นเขาจะเริ่มรู้สึกสด
00:21:20 → 00:21:22 ชื่นขึ้นเรื่องรู้สึกดีขึ้นว่าการที่เขา
00:21:22 → 00:21:25 ดื่มน้อยลงสภาพร่างกายก็จะดีขึ้นเขาจะ
00:21:25 → 00:21:27 เริ่มเห็นตัวเค้าเองก็ดีขึ้นต้องแนะนำให้
00:21:27 → 00:21:29 เขาเปลี่ยนพฤติกรรมไปทำพฤติกรรมอย่างอื่น
00:21:29 → 00:21:32 ที่อาจจะต้องใช้แรงใช้พลังงานมากขึ้นเช่น
00:21:32 → 00:21:36 ออกกำลังกายสันทนาการต่างๆมันก็จะช่วยลด
00:21:36 → 00:21:39 สมาธิที่เขาจะไปเพ่งเล็งกับการดื่มหรือ
00:21:39 → 00:21:43 โอกาสที่เขาจะได้ดื่มเนี่ยน้อยลงกระจ่าง
00:21:43 → 00:21:45 ชัดเจนนะครับวันนี้ก็ต้องขอขอบคุณคุณหมอ
00:21:45 → 00:21:48 มากๆเลยนะครับที่วันนี้มาบอกถึงผลเสียของ
00:21:48 → 00:21:49 การดื่มแอลกอฮอล์
00:21:49 → 00:21:53 และก็วิธีการรักษาและการปรับตัวรวมถึง
00:21:53 → 00:21:56 ประโยชน์จากการเลือกดื่มแอลกอฮอล์นะครับ
00:21:56 → 00:21:58 ขอบคุณมากนะต้องรองเท้าสวัสดีครับคุณผู้
00:21:58 → 00:22:00 ชมครับวันนี้ผมคุณหมอต้องขอลาคุณผู้ชมไป
00:22:00 → 00:22:03 ก่อนนะครับวันนี้ลากันไปก่อนสวัสดีครับ
00:22:03 → 00:22:04 พี่
00:22:04 → 00:22:08 [เพลง]
00:22:08 → 00:22:11 ม.ค