00:00:00 → 00:00:02 บางทีเราก็งงเนาะเวลาใช้ชีวิตอย่างเงี้ย
00:00:02 → 00:00:04 เราจะไม่ได้เห็นเนาะว่าเอ้ยข้างทางมีรถชน
00:00:04 → 00:00:07 ข้างทางแต่อยู่โรงพยาบาลคือจะจะถึงขั้น
00:00:07 → 00:00:09 เอ่ยปากมาว่าคนเรามันขับรถมอเตอร์ไซค์ชน
00:00:09 → 00:00:12 กันได้บ่อยขนาดนี้เลยหรอคือโรงบที่แอยู่
00:00:12 → 00:00:14 เหมเป็นย่านนั้นด้วยมาแล้วก็ไม่เข้าใจว่า
00:00:14 → 00:00:16 แบบคนเราจะขี่มอเตอร์ไซค์ชนกันได้เยอะ
00:00:16 → 00:00:19 ขนาดนี้ได้ไงในวันๆนึงอ่ะคือชนกันมาเยอะ
00:00:19 → 00:00:22 แล้วก็ส่วนใหญ่ก็ไม่ใส่หมูกันเนาะแล้วก็
00:00:22 → 00:00:25 เป็นสิ่งที่น่าเสียใจมากๆเนาะเวลาที่พอ
00:00:25 → 00:00:28 ไม่ใส่หมวกันน็อคเนี่ยบางคนมาถึงสมองไหล
00:00:28 → 00:00:31 หรือบางคนที่เห็นนะที่เคสเชียมเห็นโหดๆก็
00:00:31 → 00:00:34 คือขี่มอเตอร์ไซค์นี่แหละแล้วไม่ได้สวม
00:00:34 → 00:00:37 หมวกกันน็อคแบบเต็มใบใดๆเนาะแล้วก็ขับ
00:00:37 → 00:00:41 ปึ๊บชนตูดกระบะแต่รถชนไม่พอเอาเอาปากตัว
00:00:41 → 00:00:43 เองเนี่ยไปจิ้มตูดเขาอีกเพราะฉะนั้นยังไง
00:00:43 → 00:00:46 ตรงนี้หายไปเลยไม่สามารถ identify ได้ว่า
00:00:47 → 00:00:49 สิ่งไหนคือฟันหรือสิ่งไหนคือลิ้นที่อยู่
00:00:49 → 00:00:51 แล้วเราต้องทำอะไรต้องใส่ท่อช่วยหายใจคนน
00:00:51 → 00:00:54 เยเพราะว่าเดี๋ยวมันจะลงไปอุดเนต้อง ect
00:00:54 → 00:00:56 Airway เพราะฉะนั้นเนี่ยสิ่งที่อยากบอก
00:00:56 → 00:00:59 คือหมวกน็อเป็นสิ่งสำคัญที่สำคัญต้องใส่
00:00:59 → 00:01:02 หมวกน็อที่ได้คุณภาพไม่ใช่ว่าใส่เป็นพอ
00:01:02 → 00:01:06 ไม่ให้ตำรวจจับเข้าใจมยเพราะว่าคุณเไม่
00:01:06 → 00:01:08 ได้บังคับว่าเอ้ยฉันอยากจับคุณนะแต่เขา
00:01:08 → 00:01:11 เป็นห่วงชีวิตคุณถ้าเกิดคุณใส่มันสามารถ
00:01:11 → 00:01:14 โทคชีวิตหรือว่าบางคนบอกว่าเอไม่เป็นไรก็
00:01:14 → 00:01:16 ตายมันไม่ตายไงถ้าเกิดมันไม่ตายแล้วมัน
00:01:16 → 00:01:19 กลายเป็นแบบอัมพฤกษ์อัมพาตพิการติดเตียง
00:01:19 → 00:01:23 อย่างเงี้ยชีวิตมันทรมานมันจะมีโรคอีกมาก
00:01:23 → 00:01:25 มายตามมาคนในครอบครัวคุณอีกมากมายที่ต้อง
00:01:25 → 00:01:27 ดูแลเพราะฉะนั้นสวมหมุกับน็อคที่ได้
00:01:27 → 00:01:30 มาตรฐานด้วยไม่ใช่ว่าชนปุ๊บปุกหมวกระนก
00:01:30 → 00:01:34 แตกโพะกะโหลกแตกโพะสมองเละโพะอย่างเงี้ย
00:01:34 → 00:01:37 ไม่ได้ต้องเลือกของที่มันมีคุณภาพเนาะ
00:01:37 → 00:01:39 สิ่งเราเนี้ยมันเป็นสิ่งที่เค้าเรียกว่า
00:01:39 → 00:01:42 อะไรอ่ะเราเราไม่คิดว่าจะเกิดกับเราแต่
00:01:42 → 00:01:45 คุณไม่รู้หรอกว่าเหตุใดจะเกิดจะเคยเจอเคส
00:01:45 → 00:01:48 นึงเป็นน้องผู้ชายขี่มอเตอร์ไซค์เด็กผู้
00:01:48 → 00:01:52 หญิงซ้อนท้าซ้อนท้ายเป็นวัยเรียนเลยวัย
00:01:52 → 00:01:55 มัธยมเด็กผู้ชายไม่ค่อยเป็นอะไรมากแต่
00:01:55 → 00:01:58 เด็กผู้หญิงอ่ะต้องใส่ท่อช่วยหายใจเลือด
00:01:58 → 00:02:01 ออกในสมองแบบเยอะมากจำได้เคสนั้นแล้วน้อง
00:02:01 → 00:02:03 ผู้ชายก็คือเออตอนนั้นน้องผู้ชายเป็น
00:02:03 → 00:02:06 เลเวล 3 จำได้มั้ยคุณผู้ชมเลเวล 3 แต่
00:02:06 → 00:02:09 น้องผู้หญิงเป็นเลเวล 1 เนาะอแล้วก็ใส่
00:02:09 → 00:02:11 ท่อช่วยหายใจอะไรกันไปแล้วเจก็ไม่ได้ตาม
00:02:11 → 00:02:14 จนสุดท้ายว่าน้องผู้หญิงเขาเป็นยังไงต่อ
00:02:14 → 00:02:17 นะแต่จำได้ว่าอาการไม่ดีมากมากพอถึงขั้น
00:02:17 → 00:02:19 ต้องใส่ท่อช่วยหายใจเลือดที่เห็นใน CT
00:02:19 → 00:02:22 สแกนคือเยอะมากส่วนน้องผู้ชายพอจะใส่น้อง
00:02:22 → 00:02:25 ผู้หญิงเสร็จก็มีเวลาไปดูน้องผู้ชายเนาะ
00:02:25 → 00:02:28 เจอก็ดูน้องผู้ชายก็ถามว่าพี่ๆแบบเพื่อน
00:02:28 → 00:02:30 ผมเป็นไงบ้างครับอะไรอย่าเงี้ยอืแล้วเขา
00:02:30 → 00:02:33 ก็แบบเหมือนบ่นกับตัวเองแบบไม่น่าเลยแบบ
00:02:33 → 00:02:36 ไม่น่าเลยแบบแค่แค่นิดเดียวจริงๆคือน้อง
00:02:36 → 00:02:40 ผู้หญิงอ่ะสกิดเขาดูติตอกนี้สิแล้วน้อง
00:02:40 → 00:02:42 ผู้ชายเอาทำำมอเตอร์ไซคหขี่มอเตอร์ไซค์
00:02:42 → 00:02:45 แล้วหันไปดูเขาบอกแค่วินเดียวจริงๆอ่ะ
00:02:45 → 00:02:48 ตุมนึกออกมยแล้วทุกอย่างมันก็เปลี่ยน
00:02:48 → 00:02:51 ชีวิตไปเลยอ่ะทั้งทั้งเแล้วก็เพื่อนเขา
00:02:51 → 00:02:53 คือไม่ได้โทษน้องผู้ชายนะแต่หมายถึงว่า
00:02:53 → 00:02:55 สมมุติคิดเป็นเราเราขับมอเตอร์ไซค์แล้ว
00:02:55 → 00:02:58 เพื่อนเราแบบอาจจะพิการหรือเสียชีวิตใดๆ
00:02:58 → 00:03:00 ก็ตามเงี้ยมันก็เป็นตาบาปส่วนน้องผู้หญิง
00:03:00 → 00:03:03 ที่มีอนาคตที่จะได้เติบโตเป็นคนดีหรือว่า
00:03:03 → 00:03:06 ทำประโยชน์ต่อในสังคมก็อาจจะต้องจบชีวิต
00:03:06 → 00:03:08 ลงหรือกลายเป็นพิการอย่างเงี้ยกับการที่
00:03:08 → 00:03:12 เราประมาทแค่แบบฟึบเขาบอกแค่แบบเแล้วเาก็
00:03:12 → 00:03:14 พูดคำนังซ้ำๆว่าไม่น่าเลยครับพี่แบบไม่
00:03:14 → 00:03:17 น่าเลยแบบแบบเหมือนเขาเสียใจแล้วก็บอกมัน
00:03:17 → 00:03:19 แค่แบบแค่แป๊บเดียวจริงๆแค่แป๊บเดียวเค้า
00:03:19 → 00:03:22 หันอย่างเงี้ยแล้วมันก็โครมเลยไงเพราะ
00:03:22 → 00:03:25 ฉะนั้นนี่แหละมันคือเรื่องเศร้าที่หลายคน
00:03:25 → 00:03:27 อาจจะไม่เห็นเพราะว่าหลายคนก็ไม่ได้แบบ
00:03:27 → 00:03:30 เราก็ใช้ชีวิตปกติไม่ได้เห็นอุปอิเเหตุ
00:03:30 → 00:03:31 แต่พออย่างเจ๊บเนี่ยเราอยู่ในมุมที่เรา
00:03:31 → 00:03:34 อยู่ในห้องอุบัติเหตุและฉุกเฉินเจ๊ก็เลย
00:03:34 → 00:03:36 ว่าเจ๊บใช้ชีวิตไม่ประมาทเพราะว่าอย่าง
00:03:36 → 00:03:38 สมัยก่อนเอาจริงๆเจ๊ก็เคยเป็นคนที่ประมาท
00:03:38 → 00:03:40 ในชีวิตมาก่อนเนาะเคยเป็นวัยรุ่นขับรถ
00:03:40 → 00:03:44 เร็วเคยเวลาใดๆอย่างเงี้ยก็ชอบความแบบเ้ย
00:03:44 → 00:03:46 รวดเร็วทันใจคงไม่เกิดกับเราหรอกแต่พอเรา
00:03:46 → 00:03:48 มีวันนึงที่เราได้ไปอยู่แล้วเราเห็นตัว
00:03:48 → 00:03:51 อย่างอ่ะก็ถือว่าคนไข้เป็นอุทาหรณ์แล้วก็
00:03:51 → 00:03:55 เป็นบทเรียนสำหรับเราด้วยนะว่าแบบเฮ้ยมัน
00:03:55 → 00:03:57 ความตายหรือความเจ็บป่วยมันอยู่ใกล้ใกล้
00:03:58 → 00:03:59 มือเรามากเพราะฉะนั้นสิ่งที่เราทำได้ก็
00:03:59 → 00:04:02 คือเราอย่าประมาทมันคือคำนี้เลยว่าอย่า
00:04:02 → 00:04:04 ประมาทแต่บางทีเราไม่ประมาทแล้วคนอื่น
00:04:04 → 00:04:06 ประมาทมันก็เกิดขึ้นได้อเนาะแต่ว่าอย่าง
00:04:06 → 00:04:08 น้อยมันก็ลดความเสี่ยงลงได้ระดับนึงนั่น
00:04:09 → 00:04:11 แหละเจบเลยว่าเจบก็โชคดีที่เห็นหลายๆ
00:04:11 → 00:04:13 อย่างแล้วก็ทำให้เราเปลี่ยนตัวเองทุกวัน
00:04:13 → 00:04:17 นี้ก็แบบพยายามขับรถไม่แบบไม่เร็วเกินอื
00:04:17 → 00:04:19 เพราะว่าทุกอย่างมันเกิดขึ้นได้จริงๆ
00:04:19 → 00:04:22 อย่างที่ Who กล่าวมานะครับเมืองไทยเนี่ย
00:04:22 → 00:04:24 ติดอันดับที่ 9 ของโลกเลยเรื่องของ
00:04:24 → 00:04:26 อุบัติเหตุเพราะฉะนั้นเนี่ยเราควรป้องกัน
00:04:26 → 00:04:28 ไว้ก่อนเราจะได้ไม่ไปเกิดอุบัติเหตุหรือ
00:04:28 → 00:04:31 ทำร้ายคนอื่นด้วยด้วยเช่นเดียวกันแต่หลาย
00:04:31 → 00:04:33 ๆคนผมคิดว่ารู้อยู่แล้วแหละว่าการดื่ม
00:04:33 → 00:04:37 แอลกอฮอล์เนี่ยมันไม่ดีแล้วก็คู่สามารถ
00:04:37 → 00:04:39 ดื่มได้ในปริมาณที่เหมาะสมตามที่กฎหมาย
00:04:39 → 00:04:41 เขาระบุเอาไว้นะครับเนาะแต่อีกเรื่องนึง
00:04:41 → 00:04:43 คือเรื่องการคุยโทรศัพท์เรื่องการ
00:04:43 → 00:04:46 โทรศัพท์หลายคนบอกว่าก็แค่เปิดหูฟังหรือ
00:04:46 → 00:04:49 ว่าต่อกับเครื่องรถยนต์เนี่ยมันก็ไม่เห็น
00:04:49 → 00:04:52 เป็นอันตรายิก็ยังขับรถได้ปกติแต่จริงๆ
00:04:52 → 00:04:54 แล้วเนี่ยผมไปนั่งอ่านมานะครับเได้ทำการ
00:04:54 → 00:04:56 ทดลองก็คือว่ามันแบ่งเป็นทั้งหมด 3 กลุ่ม
00:04:56 → 00:05:00 ด้วยกันกลุ่มแรกก็คือคุยโทรศัพท์ไปขับรถ
00:05:00 → 00:05:04 ไปกลุ่มที่ 2 เนี่ยดื่มแอลกอฮอล์ถึง 0.8%
00:05:04 → 00:05:07 เลยนะเมาเลยแล้วกลุ่มที่ 3 คือกลุ่มคลอือ
00:05:07 → 00:05:10 ฮึไม่ดื่มแล้วก็ไม่คุยโทรศัพท์อพี่เจี๊ยบ
00:05:10 → 00:05:12 คิดว่ากลุ่มไหนอ่ะเกิดน่าจะเกิด
00:05:12 → 00:05:14 อุบัติเหตุได้มากที่สุดพี่คิดว่าเมาตาม
00:05:14 → 00:05:17 งานวิจัยนี้แล้วะกันอ่าตามงานวิจัยนี้คุย
00:05:17 → 00:05:20 โทรศัพท์เนี่ยเกิดอุบัติเหตุได้มากกว่าดห
00:05:20 → 00:05:24 5.8 เท่าจริงป่ะจริงคือหลายคนอาจจะคิด
00:05:24 → 00:05:25 ว่าเฮ้ยการดื่มแอลกอฮอล์มันทำให้เกิด
00:05:25 → 00:05:27 อุบัติเหตุมากกว่าแต่สำหรับงานวิจัยเเา
00:05:27 → 00:05:31 บอกอย่างงั้นมานะครับเนาะโผลวิจัยอันครับ
00:05:31 → 00:05:33 พี่เจี๊ยบคิดว่ามันจริงหรือเปล่าครับใน
00:05:33 → 00:05:35 ความคิดของพี่เจี๊ยบอ่ะครับในความคิดของ
00:05:35 → 00:05:37 เจี๊ยบเนาะเจี๊ยบคิดว่าอย่างแรกเลยมันคง
00:05:37 → 00:05:39 มีมูนอยู่แล้วแต่ว่าต้องไปดูจำนวนเอ็น
00:05:40 → 00:05:42 ด้วยนะว่าเากลุ่มวิจัยตัวอย่างขนาดไหนไม่
00:05:42 → 00:05:45 ใช่เอามาแค่ 10 คนหรือ 50 คนเต้องไปดูว่า
00:05:45 → 00:05:47 จำนวนเอ็นเนี่ยมันเยอะขนาดไหนว่าน่าเชื่อ
00:05:47 → 00:05:50 ถือมแต่ว่าเอ่อถ้าในความคิดเจบอ่ะเจบ
00:05:50 → 00:05:52 เชื่อว่าการที่เราอะไรก็ตามที่ทำให้เรา
00:05:52 → 00:05:55 เสียสมาธิอ่ะเราจะไม่ได้จดจอกกับบนท้อง
00:05:55 → 00:05:57 ถนนเพราะฉะนั้นเนี่ยมันทำให้เราเกิด
00:05:57 → 00:05:59 อุบัติเหตุได้อยู่แล้วซึ่งอันเนี้ยจะ
00:05:59 → 00:06:01 เชื่อว่าว่ายังไงก็ตามถ้าเทียบกันระหว่าง
00:06:01 → 00:06:04 คนที่ไม่ได้คุยอะไรมีสมาธิกับถนนกับคนที่
00:06:04 → 00:06:06 คุยโทรศัพท์ต่อให้ไม่ได้หยิบมือถือขึ้นมา
00:06:06 → 00:06:08 คุยยังไงมันก็ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้อยู่
00:06:08 → 00:06:11 แล้วอย่างเช่นว่าแค่เราใจลอยนึกออกมยมี
00:06:11 → 00:06:13 เรื่องใดๆอยู่ในใจสมมุติแบบยังติดค้าง
00:06:13 → 00:06:15 เรื่องนั้นอยู่แบบบางทีเราใจลอยอย่าง
00:06:16 → 00:06:18 เงี้ยอือเฮ้ยไม่ได้ดูอะไรที่อยู่ต่อหน้า
00:06:18 → 00:06:20 แล้วมันฟึบขึ้นมาคือถ้ามันถนนตรงๆอ่ะมัน
00:06:20 → 00:06:22 ไม่มีอะไรแต่สมมุติมีอะไรตัดหน้ามีอะไร
00:06:22 → 00:06:26 วึบเข้ามาเราจะไม่ได้มีสมาธิหรือสติในการ
00:06:26 → 00:06:29 ที่จะจัดการปัญหาตรงรงหน้าได้พอคือมันแค่
00:06:29 → 00:06:31 เสี้ยววเวจริงๆใช่อย่างวันก่อนน่ะที่พี่
00:06:31 → 00:06:34 ขับรถนี่ขับรถมาเลยแบบไม่แบบปกติเราจะ
00:06:34 → 00:06:37 เห็นแต่ฟุตเทจที่แบบคนขับรถชนกันแบบปุ้ม
00:06:37 → 00:06:41 แต่เนี้ยมันอยู่ในรถที่เรากำลังขับอยู่
00:06:41 → 00:06:43 แล้วก็คือให้เห็นต่อหน้าเลยคือพี่ขับรถมา
00:06:43 → 00:06:45 แล้วก็รู้สึกขอบคุณตัวเองมากในวันนั้นที่
00:06:45 → 00:06:48 ฉันไม่ได้ขับรถเร็วขับรถแบบมีสติพอดีไม่
00:06:48 → 00:06:50 ได้เกิดอะไรเพราะว่ารู้เลยพอเราไม่ได้ขับ
00:06:50 → 00:06:53 รถเร็วปุ๊บเราจัดการปัญหาที่มันจะเกิด
00:06:53 → 00:06:55 ขึ้นคือรถเจ๊บแบบขับมาอย่างงี้ใช่มยแล้ว
00:06:55 → 00:06:57 ก็มีรถคันหน้าที่เจ๊บแบบจะไม่ค่อยจี้ตูด
00:06:57 → 00:07:00 คนเดี๋ยวนี้เพราะว่าหลังจากการที่เรา
00:07:00 → 00:07:02 เพราะเดี๋ยวนี้เอาจริงๆนะด้วยความที่พอ
00:07:02 → 00:07:04 เราเห็นเยอะอ่ะตอนที่เราไม่เห็นเยอะเราจะ
00:07:04 → 00:07:07 ไม่ได้คิดอะไรเห็นภาพอ่ะแต่เจ๊บคือเห็น
00:07:07 → 00:07:10 ทุกอย่างเป็นภาพหมดว่าอ๋อถ้าเกิดจิ้มตูด
00:07:10 → 00:07:12 เราจะโดนนี่ๆๆเพราะฉะนั้นสิ่งที่อาจจะ
00:07:12 → 00:07:15 เกิดขึ้นกับเราคืออะไรบ้างนึกออกมย
00:07:15 → 00:07:18 อุบัติเหตุเดี๋ยวถุงลมกระแทกหน้านู่นแบบ
00:07:18 → 00:07:19 คือไม่อยากให้เกิดใดๆอย่างเงี้ยเราจะเห็น
00:07:19 → 00:07:22 ทุกอย่างเป็น mechanism หมดเลยว่าฉัน
00:07:22 → 00:07:25 สามารถบาดเจ็บตรงไหนได้บ้างออาจจะก็ทิ้ง
00:07:25 → 00:07:28 ระยะไว้แต่อยู่ดีๆอ่ะขับรถดูไม่มีเหตุอัน
00:07:28 → 00:07:30 ใดเลยอ่ะแล้วที่อยู่ข้างหน้าอยู่ดีๆก็มี
00:07:30 → 00:07:34 รถจากไหนก็ไม่รู้แบบขับมาแล้วก็มาซัดกัน
00:07:34 → 00:07:38 ข้างหน้าแบบปุ้มปุ้มเลยอ่ะแบบตนต่อหน้าเจ
00:07:38 → 00:07:40 ที่จะแบบอ่ะโชคดีเป็นระหะอห่างเดียวเพราะ
00:07:40 → 00:07:44 วันนั้นขับ 80 โชคดีมากแต่ถ้า 120 ขึ้นไป
00:07:44 → 00:07:46 เว่าจะไปผสมโรงกับเาอีกคนนึงอ่ะเพราะว่า
00:07:46 → 00:07:49 คันหน้าจะแบบก็ขับมาดีๆของเขาแต่อยู่ดีๆ
00:07:49 → 00:07:52 มันเหมือนมีอีกคันนึงอ่ะที่มาจากไหนไม่
00:07:52 → 00:07:55 รู้แล้วก็มาชนคันคันหน้าของเจ็บบปั้งอ
00:07:55 → 00:07:58 แล้วทุกอย่างก็คือเสียการทรงตัวคันนี้
00:07:58 → 00:08:01 หมุนคันนั้นกันกระเด้งไปกระแทกแบริเออร์
00:08:01 → 00:08:04 อะไรอย่างเงี้ยแล้วเราซึ่งอยู่ในรถอยู่ใน
00:08:04 → 00:08:07 เหตุการณ์นั้นแต่ก็คือจะยังไงเราก็คือไม่
00:08:07 → 00:08:10 ได้เราก็ชะลอและทีนี้เราก็เลยมีเวลาหลบ
00:08:10 → 00:08:13 หรือเวลาที่จะแบบเออดูเหตุการณ์ใดๆขึ้น
00:08:13 → 00:08:15 อะไรอย่างเงี้ยว่าว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น
00:08:15 → 00:08:18 เพราะฉะนั้นเนี่ยเห็นไหมมว่าอุบัติเหตุ
00:08:18 → 00:08:20 มันมาจาก out of knoware จริงๆอ่ะแต่
00:08:20 → 00:08:22 ถ้าเกิดเจฟอยู่ขาดสติเจกำลังแบบคุย
00:08:22 → 00:08:25 โทรศัพท์หรือเม้าโมยใดๆก็ตามเจอาจจะไม่มี
00:08:25 → 00:08:28 สติแล้วอาจจะขับเร็วไปจี้ตูดเขาอยู่ใดๆ
00:08:28 → 00:08:30 อย่างเงี้ยแล้วก็อาจจะผสมลงไปอีกคนนึงเออ
00:08:30 → 00:08:32 แต่จะเชื่อว่าคันนั้นที่มาอย่างงั้นน่ะจะ
00:08:32 → 00:08:35 ก็พยายามคิดมันไม่ได้มีอะไรเลยอ่ะอยู่ดีๆ
00:08:35 → 00:08:37 เหมือนเขาคเสียหลักหรืออะไรขับเร็วมั้ย
00:08:37 → 00:08:39 อ่ะครับเหมือนมันมาแล้วก็วึบมาเลยเจ๊ก็
00:08:39 → 00:08:42 เลยคิดว่าเหลับในอ๋อเพราะมันมาแปลกมาก
00:08:42 → 00:08:45 เข้าใจมมันไม่ได้มาแบบจุ๊กๆๆๆๆมาแบบ
00:08:45 → 00:08:47 เหมือนไม่ได้มาแทรกมาตัดหน้าใดๆคือเหมือน
00:08:47 → 00:08:50 อยู่ดีหักเหมาจากไหนๆมาปึ้มอเปลี่ยนเลนส
00:08:50 → 00:08:52 มาปึ้งเลยปึ้งเลยเพราะฉะนั้นจะคิดว่าเออ
00:08:52 → 00:08:55 เขาน่าจะหลับในเพราะฉะนั้นเนี่ยบอกแล้ว
00:08:55 → 00:08:58 ว่าถ้าเราไม่ได้มีสติหรือมีความโฟกัสอยู่
00:08:58 → 00:09:01 บนถนนเนี่ยมันอุบัติเหตุมันก็จะเกิดขึ้น
00:09:01 → 00:09:03 มันเกิดขึ้นได้อยู่แล้วแล้วก็ถ้าเราไม่
00:09:03 → 00:09:05 พร้อมที่จะรับมือเนี่ยเราก็อาจจะเป็น
00:09:05 → 00:09:07 หนึ่งในผู้ประสบภัยนั้นด้วยก็ได้ซึ่งแฟน
00:09:07 → 00:09:09 จะที่นั่งอยู่ข้างๆจะบอกว่าโชคดีมากเลยนะ
00:09:09 → 00:09:11 วันนั้นที่เธอขับแบบที่ไม่ใช่เขาขับเพราะ
00:09:11 → 00:09:15 เขาอาจจะแบบตกใจไร้สติไปอีกคนนึงแล้วก็
00:09:15 → 00:09:17 อาจจะแบบอาจแบบเห็นแล้วตกใจอาจจะหักแล้ว
00:09:17 → 00:09:20 ไปโดนอีกคนนึงอะไรอย่างเงี้ยซึ่งจะว่าการ
00:09:20 → 00:09:23 มีสติแล้วโฟกัสในในในในสิ่งที่อยู่ตรง
00:09:23 → 00:09:26 หน้าเรามันสำคัญเพราะฉะนั้นเนี่ยมันไม่
00:09:26 → 00:09:28 จำเป็นหรอกว่าคุณต้องถือมือถือแต่แค่ว่า
00:09:28 → 00:09:30 เคยเห็นในหนังมยที่เวลาในหนังอ่ะทะเลาะ
00:09:31 → 00:09:33 กันนะมันจะต้องเป็นฉากในหนังว่าคู่ที่คุย
00:09:33 → 00:09:36 มาด้วยกันเนี่ยแสารถบรรทุกก็จะเข้ามาคือ
00:09:36 → 00:09:40 ฉากในหนังอ่ะมูแล้วก็ชนประสานประสานงากัน
00:09:40 → 00:09:42 อย่างเงี้ยอืซึ่งจะเชื่อว่านั่นแหละมัน
00:09:42 → 00:09:44 คือการ distract จากสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
00:09:44 → 00:09:46 เรามันทำให้อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุก
00:09:46 → 00:09:48 เมื่อสิ่งนี้เลยไม่น่าแปลกใจถ้าเกิดเอ่อ
00:09:48 → 00:09:51 วิจัยนี้จะจะแม่นยำแต่ถ้าเกิดเรื่องเทียบ
00:09:51 → 00:09:54 กับแอลกอฮอล์เนี่ยจะจะไม่จะไม่แน่ใจเพราะ
00:09:54 → 00:09:57 ว่าถ้าแอลกอฮอล์หนักมากจริงๆจะว่าแบบเออ
00:09:57 → 00:09:58 มันมันขาดสติยังไงมันเกิดอุบัติเหตุได้
00:09:58 → 00:10:01 อยู่เนาะแล้วเจก็เจอบ่อยมากในห้องฉุกเฉิน
00:10:01 → 00:10:06 ที่ที่ว่าคนแบบขาดสติจากแอลกอฮอล์เยอะมาก
00:10:06 → 00:10:09 เพราะฉะนั้นเราต้องตั้งสติไว้ตลอดเวลา
00:10:09 → 00:10:10 แล้วก็ป้องกันตัวเองด้วยอย่างเช่นคนที่
00:10:10 → 00:10:14 ขับรถดนเราก็ควรใส่อ่าที่คาดเบลคาดที่คาด
00:10:14 → 00:10:16 เข็มขัดถูกมั้ยครับเพื่อป้องกันไม่ให้
00:10:16 → 00:10:17 เกิดอุบัติเหตุรวมไปถึงคนที่ขับ
00:10:17 → 00:10:20 มอเตอร์ไซค์แล้วะกันไม่ว่าจะคุณจะซ้อน
00:10:20 → 00:10:22 หรือเป็นคนขับคุณก็ควรใส่หมวกกันน็อค
00:10:22 → 00:10:24 อย่างที่เราพูดมาถูกมั้ยครับเพราะฉะนั้น
00:10:24 → 00:10:27 เนี่ยวิธีแค่คุณใส่หมวกกันน็อคเนี่ยมันก็
00:10:27 → 00:10:30 ช่วยทำให้ลดอัตราการเสียชีวิตไปทั้งหมด
00:10:30 → 00:10:33 36% ด้วยนะครับเนาะแล้วอย่างน้อยมีคนรอด
00:10:33 → 00:10:35 ชีวิตจากการที่ใส่หมวกันน็อคเนี่ยเกือบ
00:10:35 → 00:10:38 5,000 คนเลยถ้าเทียบกับคุณไม่ได้ใส่หม
00:10:38 → 00:10:40 กันน็อถึงแม้เป็นคนนั่งด้านหลังอย่างเช่น
00:10:40 → 00:10:42 คุณไปนั่งมอเตอร์ไซค์วินอย่างเงี้ยคุณก็
00:10:42 → 00:10:46 ควรขอเคแล้วะกันนะครับแล้วขอถึงแม้จะระยะ
00:10:46 → 00:10:48 สั้นนิดเดียวอ่ะการใส่หมวกกระน็มันก็ป้อง
00:10:48 → 00:10:50 กันได้ค่อนข้างเยอะเลยทีเดียวใช่เพราะว่า
00:10:50 → 00:10:52 อย่างอย่างตัวอย่างนี้เนาะเพราะว่าเจี๊บ
00:10:52 → 00:10:55 เจอมาเยอะว่าคนซ้อนหลังอ่ะก็ไม่ใช่ว่าฉัน
00:10:55 → 00:10:58 จะปลอดภัยมันไม่ได้เหมือนนั่งรถนึกออกมย
00:10:58 → 00:11:02 ขนาดนั่งรถอ่ะวันก่อนจะเจอเคสที่ว่าทุกคน
00:11:02 → 00:11:03 ในรถ
00:11:03 → 00:11:06 เอ่อนั่งรถเก่งมากลับมาจากท่องเที่ยวแล้ว
00:11:06 → 00:11:08 อยู่ดีๆก็มีรถไหนก็ไม่รู้เนี่ยแหละมาชน
00:11:08 → 00:11:11 ปุ้มทุกคนในรถใส่เข็มขัดหมดแต่คนที่นั่ง
00:11:11 → 00:11:14 หลังอ่ะไม่ได้คาดเข็มขัดคนอื่นที่อยู่ใน
00:11:14 → 00:11:17 รถไม่เป็นอะไรเลยแต่เคสเนี้ยเชื่อมว่า
00:11:17 → 00:11:20 สมองบุบแล้วก็ร่างไม่ได้กระเด้งออกไปจาก
00:11:20 → 00:11:23 นอกรถนะเคสที่ไม่ได้รับไม่ได้ลัดเข็มไม่
00:11:23 → 00:11:25 ได้แต่เคนั่งหลังนะแล้วก็ไม่ได้ไม่ได้คาด
00:11:25 → 00:11:27 เข็มขัดแล้วตัวก็ไม่ได้พุ่งออกไปในรถแต่
00:11:28 → 00:11:32 ว่าคือโอโหจะต้องแบบมันชนยังไงล่ะแล้วก็
00:11:32 → 00:11:35 พยายามนั่งนั่งนั่งนึก mechanism ว่าเขา
00:11:35 → 00:11:37 ต้องเอาหัวไปกระแทกอะไรที่มันแรงขนาดนั้น
00:11:37 → 00:11:40 น่ะในคือเราก็คิดอ่ะเบาะหลังมันชนแบบว่า
00:11:41 → 00:11:46 คือชนแรงจนหัวยุบอ่ะหัวอ่ะหัวยุบแบบเลือด
00:11:46 → 00:11:48 ออกแบบเยอะมากในสมองคือเคสนั้นจะต้องใส่
00:11:48 → 00:11:52 ท่อช่วยหายใจแล้วดูทรงไม่ดีเลยคือแบบดู
00:11:52 → 00:11:55 เลือดออกเยอะมากแล้วก็มันเลยทำให้รู้ไง
00:11:55 → 00:11:58 ไม่ว่าคุณนั่งหน้าหรือนั่งหลังคุณต้องคาด
00:11:58 → 00:12:00 เข็มขัดตลอดเพราะเมืองนอกเ้าให้คาดตลอดนะ
00:12:00 → 00:12:03 ใช่ซึ่งจะว่าเมืองไทยเราก็ควรจะคาดแล้วก็
00:12:03 → 00:12:05 แต่ว่าเดี๋ยวเนี้ยดีพวกรถใหม่ๆมันจะแบบ
00:12:05 → 00:12:08 ไม่คาดมันก็จะตึ๊งตังตึตังแต่ว่าจะมีคน
00:12:08 → 00:12:11 บางกลุ่มที่ประมาทก็คือไม่ฉันก็ยังไงจะ
00:12:11 → 00:12:14 ไม่คาดคาดหรอกขนาดเค้าบังคับแล้วยังคาด
00:12:14 → 00:12:18 หรอกได้หลยังคาดหรอกเออเนาะต้องให้ไปเห็น
00:12:18 → 00:12:21 เคสนี้ซึ่งนั่งหลังแล้วก็คือกระแทกแรงมาก
00:12:21 → 00:12:24 จนจะกระแทกกับอะไรข้างบนหรอหรือพุ่งไป
00:12:25 → 00:12:28 กระจกแล้วกลับมาเพราะว่าแบบมันแรงแบบแรง
00:12:28 → 00:12:30 จนแบบู
00:12:30 → 00:12:32 นั่งหลังแล้วก็ยังอยู่ในที่ด้วยนะแต่ว่า
00:12:32 → 00:12:34 คือสติไม่อยู่แล้วมาเลเวล 1 เลยเคสเนี้ย
00:12:34 → 00:12:37 มาใส่ท่อช่วยหายใจเพราะฉะนั้นเนี่ยเรา
00:12:37 → 00:12:40 อย่าประมาทไม่ว่าคุณจะเป็นคนขับคนซ้อนคน
00:12:40 → 00:12:42 นั่งหน้านั่งหลังอะไรก็ตามที่ป้องกัน
00:12:42 → 00:12:44 อุบัติเหตุได้คือดีที่สุดสำคัญสำหรับคน
00:12:45 → 00:12:47 ที่มีลูกอ่อนคาซีดเป็นสิ่งที่สำคัญเช่น
00:12:47 → 00:12:49 กันไม่ใช่แค่ว่าคุณสวมงวกกันนกคุณค่าเข็ม
00:12:49 → 00:12:52 ขัดสิ่งที่สำคัญที่สุดเลยคือการขับขี่ตาม
00:12:52 → 00:12:56 กฎจราจรเพราะว่าอย่างเจบเนี่ยเห็นตลอดขับ
00:12:56 → 00:12:59 รถปุ๊บจะต้องมีคนสวนหน้า้า
00:12:59 → 00:13:02 หน้าหมู่บ้านเโอ้โหคือขับเป็นแบบกิจวัตร
00:13:03 → 00:13:06 เลยอ่ะต้องมีคนสวนสวนเลนตลอดแล้วก็ไม่มี
00:13:06 → 00:13:09 เอ่อไม่มีเค้าเรียกว่าอะไรอ่ะเคคงคิดว่า
00:13:09 → 00:13:11 แค่นิดเดียวเองมันประหยัดกว่าการที่เขา
00:13:11 → 00:13:14 ต้องไปอ้อมหรืออะไรอย่างนี้เยอะนะจะเชื่อ
00:13:14 → 00:13:16 ว่าในในความคิดของคนที่เขาย้อนสอนมาเพราะ
00:13:16 → 00:13:19 เขาคิดว่ามันสะดวกกว่ามันรวดเร็วกว่าแต่
00:13:19 → 00:13:21 เขาไม่รู้หรอกว่าเวลาอุบัติเหตุขึ้นมาที่
00:13:21 → 00:13:24 มันเกิดขึ้นมาถ้าเกิดคุณสวนมาแล้วเกิดเจอ
00:13:24 → 00:13:27 รถชนเข้าไปอ่ะมันจะเกิดอะไรขึ้นคือความ
00:13:27 → 00:13:29 สูญเสียมันมันหนักกว่ามันหนักกว่าการที่
00:13:29 → 00:13:32 คุณแค่เสียเวลาอ้อมนิดนึงเสียค่าน้ำมัน
00:13:32 → 00:13:34 เพิ่มอีกนิดนึงอะไรอย่างเงี้ยในการที่เซฟ
00:13:34 → 00:13:36 ชีวิตเพราะว่าเอาจริงๆสิ่งที่คุณทำมันผิด
00:13:36 → 00:13:38 กฎหมายอยู่แล้วในการย้อนสอนมันผิดกฎการ
00:13:38 → 00:13:41 จราจรแล้วมันสร้างความอันตรายให้ทั้งกับ
00:13:41 → 00:13:43 ตัวคุณเองและผู้ที่ใช้ถนนร่วมกับคุณเพราะ
00:13:43 → 00:13:46 ฉะนั้นเนี่ยการที่เราขับขี่ตามกฎจราจร
00:13:46 → 00:13:48 ทั้งเรื่องความเร็วหรือว่ากฎหมายต่างๆเจอ
00:13:48 → 00:13:50 ว่ามันสำคัญที่สุดสำหรับคลิปเต็มๆสามารถ
00:13:50 → 00:13:52 ดูตรงนี้ได้เลยนะ
00:13:52 → 00:13:58 [เพลง]
00:13:58 → 00:14:02 ครับอ