00:00:00 → 00:00:02 เรื่องของแสงเนี่ยสำคัญกับสมองเรามาก
00:00:02 → 00:00:05 เพราะสมองเราจริงๆมันมีจุดรับแสงคือตาที่
00:00:05 → 00:00:08 3 เราคือภายelแกนใครก็ตามที่ตื่นมาตอน
00:00:08 → 00:00:11 เช้าเนี่ยควรได้รับแสงสังเกตฮะคนที่ตอน
00:00:11 → 00:00:14 เช้าตื่นมาแต่เช้าได้รับแสงแดดเงี้ยพวก
00:00:14 → 00:00:17 นี้จะอารมณ์ดีสุขภาพจิตดีไม่มีเรื่องของ
00:00:17 → 00:00:19 ภาวะซึมเศร้าถ้าเลือกมาสีนึงทั้งหมดเลย
00:00:19 → 00:00:22 อ่ะถ้าบอกฉันเอาสีนึงมาใช้เนี่ยแสงสีแดง
00:00:22 → 00:00:25 ดีที่สุดเเอาแสงสีแดงไปใส่กับพืชปรากฏว่า
00:00:26 → 00:00:28 ต้นไม้มันเติบโตขึ้นในอวกาศนะแล้วก็มีการ
00:00:28 → 00:00:31 เอาแสงสีแดงเนี่ยมาบำบัดนักบินอวการปรากฏ
00:00:31 → 00:00:35 ว่าแผลเนี่ยมันหายเร็วขึ้นนายแพทย์ทธรนัส
00:00:35 → 00:00:38 กระต่ายทองอายุรแพทย์ผู้หลงใหลนวัตกรรม
00:00:38 → 00:00:41 ทางการแพทย์ในอนาคตหนึ่งในสปีกเกอร์ที่
00:00:42 → 00:00:46 ถูกเชิญขึ้นเวทีสุขภาพชั้นนำมากมาย
00:00:46 → 00:00:48 สิ่งที่น่าสนใจอย่างนึงคือเขาบอกว่าแสงสี
00:00:48 → 00:00:50 แดงหรือ red lighterapy เนี่ยสามารถที่
00:00:50 → 00:00:54 จะป้องกัน UV ที่จะมาทำร้ายเซลล์ผิวหนัง
00:00:54 → 00:00:56 เราได้ด้วยเหมือนพิษต้านพิษนะฮะแล้วงาน
00:00:56 → 00:00:59 วิจัยออกมาหลังๆก็บอกว่ามันสามารถที่จะทำ
00:00:59 → 00:01:02 ให้เทโรเมียมันยาวขึ้นไอ้แสงสีแดงเนี่ย
00:01:02 → 00:01:06 เป็นตัวที่ทำให้อายุยืนอยากจะสาดแสงสีแดง
00:01:06 → 00:01:07 ตัวเอง
00:01:07 → 00:01:11 [เพลง]
00:01:11 → 00:01:13 on the way with ชม Ep นี้นะคะเราจะ
00:01:13 → 00:01:15 มาพูดถึงเรื่องของ Red Light Therapy
00:01:15 → 00:01:17 ค่ะหรือว่าเรื่องของแสงสีแดงนะคะซึ่งชม
00:01:17 → 00:01:20 เชื่อว่าคนที่เป็นสายสุขภาพหรือว่าคนที่
00:01:20 → 00:01:22 สนใจเรื่องของ anti aging เนี่ยก็จะต้อง
00:01:22 → 00:01:24 เคยได้ยินเรื่องนี้แน่นอนนะคะส่วนตัวชม
00:01:24 → 00:01:27 เองเนี่ยนะคะก็พอจะเคยได้ยินมาบ้างแต่ว่า
00:01:27 → 00:01:29 ก็ยังไม่มีโอกาส
00:01:29 → 00:01:32 ที่จะได้ลองนะคะก็รู้สึกว่าวันนี้ก็เป็น
00:01:32 → 00:01:35 โอกาสที่ดีเลยคุณหมอเดียนะคะก็จะมาคุยกับ
00:01:35 → 00:01:37 เราในเรื่องนี้ค่ะว่าเอ๊ะไอ้เจ้าแสงสีแดง
00:01:37 → 00:01:40 เนี่ยมันจะสามารถช่วยเราในเรื่องของ
00:01:40 → 00:01:42 สุขภาพเรื่องของความสวยงามจะมาช่วยบำบัด
00:01:42 → 00:01:45 เราได้ยังไงนะคะเดี๋ยวไปฟังกันใน On the
00:01:45 → 00:01:47 way with ชม EP นี้ค่ะเมื่อกี้แอบคุย
00:01:48 → 00:01:52 กับคุณหมอก่อนจะอัดกันะว่าจริงๆก็สนใจ
00:01:52 → 00:01:55 เรื่องนี้เหมือนกันเพราะว่าก็อยากจะเอา
00:01:55 → 00:02:00 ชนะแก่ดอนอยากจะเอาชนะ Thailand ครับแต่
00:02:00 → 00:02:01 ว่าเอ่อเรื่องของ Light Therapy โดย
00:02:01 → 00:02:03 เฉพาะ Red Light Therapy นี่ก็เป็นอะไร
00:02:03 → 00:02:06 ที่เหมือนชมก็ยังไม่ได้ไม่ได้ลงลึกมากนะ
00:02:06 → 00:02:09 ฮะก็วันนี้คุณหมอมาก็เป็นโอกาสที่ดีเลย
00:02:09 → 00:02:12 ค่ะเอาตั้งแต่ประวัติความเป็นมาเลยเห็น
00:02:12 → 00:02:14 ว่า Light Therapy เนี่ยจริงๆก็คือว่า
00:02:14 → 00:02:17 มวลมนุษยชาติเราเนี่ยก็คือมีการใช้มาช้า
00:02:17 → 00:02:19 นานแล้วใช่ใช้มานานแล้วจริงๆถ้าแบบไปดูใน
00:02:19 → 00:02:22 ประวัติศาสตร์เนาะมันใช้ตั้งแต่สมัยแบบ
00:02:22 → 00:02:25 ว่าโรมันจะตั้งแต่อีอียิปต์แล้วด้วยซ้ำไป
00:02:25 → 00:02:27 ครับแล้วเค้าทำไงน้องตากแดดกันอย่างเงี้ย
00:02:27 → 00:02:30 อ่าอ่าคำว่าไyเนี่ยต้องบอกว่ามันมีที่มา
00:02:30 → 00:02:34 ที่ไปใช้มานานเอาว่าในยุคModิสเนาะจริงๆ
00:02:34 → 00:02:38 มันเริ่มตั้งแต่เอ่อช่วงปี 1900 นะครับก็
00:02:38 → 00:02:41 มีคุณหมอที่เป็นนักวิทยาศาสตร์นะครับเป็น
00:02:41 → 00:02:46 คุณหมอที่ได้โมเบล Price ก็ปี 1902 นะ
00:02:46 → 00:02:50 ครับเอ่อคุณหมอเฟเซenก็เอาเรื่องของแสงมา
00:02:50 → 00:02:53 บำบัดอืค้นพบว่าแสง UV เนี่ยมันสามารถไป
00:02:53 → 00:02:56 กระตุ้นการสร้างวิตามินดีได้ค่ะอ่าตั้ง
00:02:56 → 00:02:58 แต่ตั้งแต่ปี 1902 เลยนะแล้วก็เลยบอกว่า
00:02:59 → 00:03:01 เออจริงๆแล้วแสงเนี่ยมันสามารถเอามารักษา
00:03:01 → 00:03:02 ลูกได้ซึ่งตอนนี้อันนี้มันเป็นความรู้
00:03:02 → 00:03:05 พื้นฐานเบสิคที่เราทุกคนรู้แต่ว่าคนพบใน
00:03:05 → 00:03:07 ปี 1900 เออใช่ 1900 หลังจากนั้นเนี่ยก็
00:03:07 → 00:03:10 คือนักวิทยาศาสตร์ของรัสเซียเริ่มแบบ
00:03:10 → 00:03:13 พัฒนาว่าเอ้ยเริ่มสนใจว่ามันมีแสงมัน
00:03:13 → 00:03:17 สามารถมาบำบัดได้นะครับตั้งแต่เช่วงปี
00:03:17 → 00:03:21 1900 เหมือนกันแล้วก็ประมาณปีเอ่อ 1960
00:03:21 → 00:03:24 ก็มีคุณหมอเริ่มเอาแสงบำบัดจนกระทั่ง
00:03:24 → 00:03:27 เขียนหนังสือเป็นไลฟ์เทปี่
00:03:27 → 00:03:29 เป็นเรื่องของการใช้แสงบำบัดจริงจังเลยนะ
00:03:29 → 00:03:33 ครับแล้วก็พอมาหลังๆเนี่ยคือเริ่มมากขึ้น
00:03:33 → 00:03:36 คือในปี 2000 อตั้งแต่ปี 2000 มาเนี่ย
00:03:36 → 00:03:39 เรียกว่า 20 กว่าปีที่ผ่านมาเอ่อนัก
00:03:39 → 00:03:42 วิทยาศาสตร์ฝั่งตะวันตกอ่ะครับหมายถึงว่า
00:03:42 → 00:03:45 ฝั่งยุโรปอเมริกาเริ่มสนใจเรื่องไปี่หรือ
00:03:45 → 00:03:48 ว่า Red Lighty เมากขึ้นเรื่อยๆเพราะว่า
00:03:48 → 00:03:51 พบว่ามันมีการสามารถเอามารักษาในหลายโรค
00:03:51 → 00:03:53 ได้คุณชมทราบมั้ว่าในในเมืองไทยก็มีการ
00:03:53 → 00:03:56 รักษานะด้วยใช้ไเทรปมานาน
00:03:56 → 00:03:59 เป็นยังไงเป็นแบบบฟิวโบราณฟิวภูมิปัญญา
00:03:59 → 00:04:01 ชาวบ้านอย่างเงี้ยเหรอฟิลมาจริงๆแล้วต้อง
00:04:01 → 00:04:04 บอกว่าถ้าเรารู้จักสมาคมป่าวรรณโลกรู้จัก
00:04:04 → 00:04:07 มั้ฮะไม่เคยได้ยินเลยครับสมัยก่อนน่ะวิธี
00:04:07 → 00:04:10 การรักษาวรรณโรคเนี่ยเค้าไม่มียานะครับ
00:04:10 → 00:04:13 ค่ะย้อนกลับไปแบบ 50 ปี 60 ปีที่แล้วไม่
00:04:13 → 00:04:17 มียาเ้าเอาคนไข้มานอนต่างแดดอืเปิด
00:04:17 → 00:04:19 หน้าต่างให้แสงแดดเข้าเนาะแล้วก็นอนตาก
00:04:19 → 00:04:22 แดดนี่คือวิธีการรักษาแบบยุคนั้นจริงๆค่ะ
00:04:22 → 00:04:24 ก็คือไปี่จริงๆแต่ว่าเป้าหมายคือต้องการ
00:04:25 → 00:04:25 เอาแสง
00:04:25 → 00:04:28 UV มาเพื่อไปกระตุ้นให้ร่างกายมันสร้าง
00:04:28 → 00:04:30 วิตามินดีค่ะแต่ว่าความรู้ตัวนั้นไม่รู้
00:04:30 → 00:04:34 ว่าเขารู้หรือไม่ว่ามันคือวิตามินดีแต่
00:04:34 → 00:04:36 ว่ามันสามารถที่จะช่วยในการรักษาวณโรคได้
00:04:36 → 00:04:38 คือรู้แต่ว่ามันแข็งแรงขึ้นน่ะใช่มัน
00:04:38 → 00:04:41 วรรณโรคมันหายอ่ะมันแข็งแรงขึ้นเขาก็เลย
00:04:41 → 00:04:44 นี่คือวิธีการรักษาแบบยุคยุคนั้นของไทย
00:04:44 → 00:04:46 แต่ว่าไม่รู้ว่าสมการมันแกะออกมายังไงแต่
00:04:47 → 00:04:50 เอาเป็นว่าปลายทางคือคนไข้แข็งแรงขึ้นใช่
00:04:50 → 00:04:53 แล้วก็พอในเรื่องของการรักษาถ้าในในตั้ง
00:04:54 → 00:04:56 แต่เรื่องของการเล่นไลฟเทปีตั้งแต่เริ่ม
00:04:56 → 00:05:00 ต้นเนี่ยคือต้องบอกว่าพัฒนาจาก NASA อื
00:05:00 → 00:05:02 เอ่อองค์การอวกาศของ NASA เนี่ยของสหรัฐ
00:05:02 → 00:05:06 อเมริกาเนี่ยเค้าใช้Redไลเทปีตั้งแต่ปี
00:05:06 → 00:05:11 1990 คือเค้ามีการศึกษานะครับในอวกาศว่า
00:05:11 → 00:05:15 เ้าเอาแสงสีแดงไปใส่กับพืชปรากฏว่าต้นไม้
00:05:15 → 00:05:19 มันเติบโตขึ้นในในอวกาศนะครับแล้วก็มีการ
00:05:19 → 00:05:22 เอาแสงสีแดงเนี่ยมาบำบัดนักบินอวกาศปรากฏ
00:05:22 → 00:05:25 ว่าแผลเนี่ยมันหายเร็วขึ้นอืออืแล้วก็
00:05:25 → 00:05:27 เนื้อเยื่อมันฟื้นฟูดีขึ้นค่ะนะก็เลยเป็น
00:05:27 → 00:05:30 ที่มาที่ไปว่าตั้งแต่นั้นฮะมีการพัฒนาจาก
00:05:30 → 00:05:33 จาก NASA ว่าเอ้ยแสงสีแดงเนี่ยมันมี
00:05:33 → 00:05:36 ประโยชน์นะในการที่จะมาบำบัดแล้วก็รักษา
00:05:36 → 00:05:38 โดยรวมทั้งฟื้นฟูเซลล์ด้วยนะครับอือ่ะคุณ
00:05:38 → 00:05:41 หมอพูดถึงแสงสีแดงหรือว่า Red Light
00:05:41 → 00:05:43 เนี่ยตั้งแต่เมื่อไหร่ที่มนุษย์รู้ว่าแสง
00:05:43 → 00:05:45 เนี่ยมันมีแยกเป็นแสงสีแดงสีน้ำเงินสี
00:05:45 → 00:05:47 นู้นสีนี้สีอะไรอย่างเงี้ยค่ะแล้วแต่ละ
00:05:47 → 00:05:50 แสงมันมีเค้าเรียกว่าอะไรอ่ะมันมีคลื่น
00:05:50 → 00:05:53 หรือว่ามีคุณสมบัติในการ Healing หรือว่า
00:05:53 → 00:05:55 แต่ละแสงมันเก่งยังไงอ่ะตั้งแต่เมื่อไหร่
00:05:55 → 00:05:57 ที่เรารู้เรื่องเต้องต้องต้องบอกว่าย้อน
00:05:57 → 00:06:00 ไปก็ช่วงเดียวกันครับคือช่วงปี 1900 ก็มี
00:06:00 → 00:06:04 การประดิษฐ์นะครับแสงเลเซอร์ขึ้นมาอ่าที
00:06:04 → 00:06:07 เนี้ยเขาก็เลยแยกแสงออกมาเป็น range ต่าง
00:06:07 → 00:06:11 ๆผมต้องเล่าให้ให้เข้าใจก่อนมันจะแยกตรง
00:06:11 → 00:06:13 ที่ว่าเราเห็นแสงสีขาวเนี่ยหรือว่า
00:06:13 → 00:06:15 visible light คือแสงแดดอย่างเงี้ยเอา
00:06:15 → 00:06:17 ง่ายๆครับแสงแดดเนี่ยจะประกอบด้วยเหมือน
00:06:17 → 00:06:20 รุ้งถูกมั้ยครับก็จะมีม่วงคำน้ำเงินเขียว
00:06:20 → 00:06:22 เหลืองแสดแดงแต่รวมกันแล้วกลายเป็นแสงสี
00:06:22 → 00:06:24 ขาวกลายเป็นแสงสีขาวหรือ visible ซึ่ง
00:06:24 → 00:06:27 อยู่ในตั้งแต่ช่วงประมาณ 400 ถึงประมาณ
00:06:27 → 00:06:30 700 นาโนเมตอันนี้คือเป็นแสงสีขาวที่เรา
00:06:30 → 00:06:33 มองเห็นใช่มั้ฮะแต่ว่าแสงที่เรามองไม่
00:06:33 → 00:06:37 เห็นนะครับแต่สัมผัสได้เช่นแสง UV เค้า
00:06:37 → 00:06:40 เรียกว่าultตra Violet คำว่าultตraแปลว่า
00:06:40 → 00:06:43 เหนือค่ะ Violet แปลว่าสีม่วง UV ก็อยู่
00:06:43 → 00:06:45 เหนืออยู่เหนืออยู่เหนือแสงสีม่วงอีกที
00:06:45 → 00:06:48 นึงก็เลยเรียกว่า UV หรือultตra violet
00:06:48 → 00:06:52 อืพอเหนือ UV ขึ้นไปก็จะเป็นแสงอีกประเภท
00:06:52 → 00:06:56 นึงเขาเรียกว่าเป็นแสงเอ่อกลุ่มพวกแกมเอื
00:06:56 → 00:06:59 อ่าอันนี้ก็จะอยู่เหนือขึ้นไปค่ะถูกมฮะ
00:06:59 → 00:07:01 เราจะเคยได้ยินบ้างแต่พวกนี้เขาจะมองไม่
00:07:01 → 00:07:04 เห็นละมองไม่เห็นละอ่ะแล้วก็จากตัว
00:07:04 → 00:07:06 visible light นะครับก็คือแสง 7 สี
00:07:06 → 00:07:09 เนี่ยนะครับก็จะถัดลงมาเ้าเรียกว่าinfrด
00:07:09 → 00:07:12 อืแสงปลายทางคือแสงสีแดงก็แดงแล้วก็
00:07:12 → 00:07:16 อินฟrเรดอ่าอิฟแปลว่าต่ำค่ะแปลว่าแสงแสง
00:07:16 → 00:07:19 ที่ต่ำกว่าสีแดงเเรียกอินฟrเรดซึ่งมีความ
00:07:19 → 00:07:22 ยาวตั้งแต่ 700-3,000 นาโนเมตออันนี้คือ
00:07:22 → 00:07:25 แสงinfrดค่ะเนาะจริงๆinfrดยังแบ่งย่อยอีก
00:07:25 → 00:07:28 เป็น 3 3 typ เป็น near infrดเป็น midle
00:07:28 → 00:07:32 เป็นinfrดเพราะนั้นจะแยกแยกย่อยลงไปแล้ว
00:07:32 → 00:07:35 ถัดจากinfrดออกไปนี่คือกลุ่มพวกคลื่น
00:07:35 → 00:07:39 วิทยุแล้วครับค่ะ FM AM นี่คือพวกนี้ละ
00:07:39 → 00:07:41 ถัดออกไปอันนี้เห็นมั้ยแค่เรื่องแสงอย่าง
00:07:41 → 00:07:43 เดียวมันแยกออกมาเป็น category แบบนี้เลย
00:07:43 → 00:07:45 ดังนั้นไอ้ตัวที่เรามาสนใจวันนี้ก็คือตัว
00:07:45 → 00:07:47 แสงสีแดงซึ่งอยู่ในกลุ่มของ Visible
00:07:47 → 00:07:49 Light ค่ะ Visible Light เนี่ยจริงๆก็
00:07:49 → 00:07:51 จะประกอบด้วย 5 สีไม่ใช่ 7 สีนะฮะก็จะ
00:07:51 → 00:07:53 เป็นสีน้ำเงินที่เมาใช้กันสีน้ำเงินสี
00:07:53 → 00:07:57 เขียวสีเหลืองนะครับแล้วก็สีแดงอ่าแล้วก็
00:07:57 → 00:08:00 อันสุดท้ายคือinfrดเป็น 5 สีที่เอามาใช้
00:08:00 → 00:08:03 ในทางการแพทย์แต่ว่าinfrดเรามองไม่เห็น
00:08:03 → 00:08:06 บางครั้งเนี่ยเขาจะเรียกรวมกันระหว่าง red
00:08:06 → 00:08:09 light กับเอ่อ infrared หรือว่า near
00:08:09 → 00:08:13 infrดจะซ้อนกันอยู่เพราะว่า wave rength
00:08:13 → 00:08:17 ประมาณเอ่อช่วงตั้งแต่ 620 ถึงประมาณ 700
00:08:17 → 00:08:19 อยู่ในเลนส์เนี้ยอยู่เลนส์เดียวกันเวลา
00:08:19 → 00:08:21 ที่เราแบบเหมือนไปสปาแล้วมันมีพวกเค้า
00:08:21 → 00:08:23 เรียกอะไรอ่ะตู้infrดอ่ะคุณบอกมันก็จะแดง
00:08:23 → 00:08:25 ๆคืออันนั้นก็คือมันก็มี Red Light อยู่
00:08:25 → 00:08:27 ในนั้นด้วยมั้ใช่ครับRedไลท์อยู่นั้น
00:08:27 → 00:08:30 เหมือนกันแต่ว่ามีคำถามว่าRedไลที่มัน
00:08:30 → 00:08:32 ผลิตออกมาเนี่ยมันจะมี 2 แหล่งในปัจจุบัน
00:08:32 → 00:08:35 นะแหล่งแรกเ้าเรียกว่าใช้จากเลเซอร์ออือ
00:08:35 → 00:08:38 นะครับเลเซอร์เป็นแสงที่ถูกแamplifyนะ
00:08:38 → 00:08:42 ครับคือมีทิศทางที่ไปทางเดียวกันแล้วก็
00:08:42 → 00:08:44 สามารถกำหนดความแรงของมันได้ความลึกของ
00:08:44 → 00:08:49 มันได้ส่วนเอ่ออีกแหล่งนึงก็คือ LED อืนะ
00:08:49 → 00:08:52 ครับหลอด LED ที่เราใช้กันเนี่ยค่ะแหล่ง
00:08:52 → 00:08:54 ผลิตไม่เหมือนกันส่วนใหญ่เลเซอร์มาจาก
00:08:54 → 00:08:57 ก๊าซเหมือนที่เราไปทำหน้ากันนะจะใช้
00:08:57 → 00:08:59 คาร์บอนใช่มั้ยครับแต่มีก๊าซตัวอื่นด้วย
00:08:59 → 00:09:02 เช่นฮีเลiมอะไรพวกนี้ด้วยแต่ว่าแสงสีแดง
00:09:02 → 00:09:05 ที่มาจาก LED เนี่ยจะมาจากตัวเอ่อไดโอด
00:09:05 → 00:09:08 ซึ่งใช้จากตัวเiconduเป็นตัวสร้างแสงออก
00:09:08 → 00:09:12 มาเพราะฉะนั้นความแรงไม่เท่าเลเซอร์อความ
00:09:12 → 00:09:14 แรงมันจะเบาบางกว่าแล้วก็กำหนดทิศทางไม่
00:09:14 → 00:09:17 ได้มันก็จะกระจายเป็นชาวอร์เป็นฝักบัวออก
00:09:17 → 00:09:19 มาอ๋อเพราะฉะนั้นถ้าสมมุติว่าแบบไปเข้า
00:09:19 → 00:09:22 ตู้อินฟrเดที่เขาแบบเหมือนคล้ายๆซาวหน้า
00:09:22 → 00:09:24 แต่ว่ามันเป็นตู้อแล้วอาจจะไม่ได้ผล
00:09:24 → 00:09:27 เรื่อง anti agaging แบบอะไรขนาดนั้นได้
00:09:27 → 00:09:29 ผลบ้างแต่ว่าอาจจะไม่อาจจะไม่เข้มข้นอาจ
00:09:29 → 00:09:32 จะไม่ดีเพราะว่าซอceของแต่ละอันเนี่ยมัน
00:09:32 → 00:09:34 ไม่เหมือนกันอย่างเลเซอร์มันจะพุ่งเป้า
00:09:34 → 00:09:37 แล้วก็แรงกว่าแล้วก็เข้มข้นกว่าแต่ส่วน
00:09:37 → 00:09:40 ถ้าเป็น LED เนี่ยมันก็จะกระจายอแต่ถาม
00:09:40 → 00:09:41 ว่าได้ประโยชน์มั้ยได้ประโยชน์เหมือนกัน
00:09:41 → 00:09:43 อ้าแล้วไอ้พวกmasสที่แบบว่าเ้าเป็นmasส
00:09:43 → 00:09:46 LED แล้วแลเป็นแสงสีแดงอ่ะค่ะคุณหมอที่
00:09:46 → 00:09:49 เขาคิดกันแล้วเห็นแบบว่าในติtอกแบบว่านอน
00:09:49 → 00:09:51 แบบเหมือนหลับเหมือนตอนกลางคืนทาคงทาครีม
00:09:51 → 00:09:54 อะไรเสร็จแล้วก็ใส่หน้ากากเป็นแบบว่า Star
00:09:54 → 00:09:56 Wars กันแล้วก็นอนอันนั้นอันนั้นก็เป็น
00:09:56 → 00:09:58 ก็มีที่ใช้แต่ไม่ถึงขั้นหลับนะฮะต้องบอก
00:09:58 → 00:10:01 ว่า LED หรือว่าแสงสีแดงที่มาใช้เนี่ยมัน
00:10:01 → 00:10:04 มีเอามาใช้ในในทางเค้าเรียกหรือความงาม
00:10:04 → 00:10:07 ค่ะในหลายรูปแบบอย่างที่อย่างที่คุณชมบอก
00:10:07 → 00:10:09 ก็คือมันจะมีเรื่องของการใส่เป็นแมสใช่
00:10:09 → 00:10:12 มั้ฮะมันก็จะมีอีกแบบนึงคือว่าเอามาใช้
00:10:12 → 00:10:15 กับผมเคยเห็นมั้ฮะอย่างที่คุณดายคือ
00:10:15 → 00:10:19 แบรนด์ Johson ก็ใส่หมวกตื่นมาปุ๊บโดนแสง
00:10:19 → 00:10:21 สีแดงก่อนแล้วก็ใส่หมวกใส่หมวกแกปหมวกแก
00:10:21 → 00:10:24 ก็จะมีแสงสีแดงอยู่เหมือนกันก็จะเป็น LED
00:10:24 → 00:10:26 เหมือนกันค่ะคือผมจะไม่ร่วงอย่างเงี้ยล่ะ
00:10:26 → 00:10:29 เออมันไปกระตุ้นการสร้างของเซลล์ผมให้มัน
00:10:29 → 00:10:31 มีการงอกขึ้นมาใหม่อเพราะฉะนั้นเนี่ยก็จะ
00:10:31 → 00:10:33 เห็นว่ามันก็จะมีนำมาใช้กับเรื่องของ
00:10:34 → 00:10:37 เรื่องของนะครับเรื่องของเอ่อเรื่องของผม
00:10:37 → 00:10:40 นะครับแล้วก็จริงๆแล้วมันต้องมาดูด้วยว่า
00:10:40 → 00:10:43 ไอ้สิ่งที่เราใช้วางบนหน้าที่เป็นหน้ากาก
00:10:43 → 00:10:46 เนี่ยมันมีจำนวนไดโอดเท่าไหร่อืคือบางที
00:10:46 → 00:10:49 ไดโอดมันไม่มันไม่เยอะพอเราก็จะแค่แบบรู้
00:10:49 → 00:10:51 สึกว่าฟลิ่งรู้สึกดีเนาะฉับหน้าสีแดงใช่
00:10:51 → 00:10:53 เพราะว่าจริงๆชมมันเร็งอีเครื่องนี้มานาน
00:10:53 → 00:10:55 มากะแล้วก็แบบเอ้ยมันขายฝันหรือเปล่าอะไร
00:10:55 → 00:10:57 อย่างเงี้ยแต่ว่าก็มีหมอคนนึงที่แบบดังนะ
00:10:57 → 00:11:00 followerวอร์แบบเป็นล้านเลยคือนางแบบ
00:11:00 → 00:11:02 เหมือนนางปักตะกร้าอะไรอย่าเงี้ยแบบจริง
00:11:02 → 00:11:06 จังเลยชุก็แบบหรือจะโดนจริงๆมันต้องไปดู
00:11:06 → 00:11:08 ครับว่าแต่ในทางทฤษฎีมันแบบว่ามันเป็นไป
00:11:08 → 00:11:10 ได้ใช่มั้เป็นไปได้แต่ต้องดูผู้ผลิตไงฮะ
00:11:10 → 00:11:12 ว่าจริงๆเครื่องเนี้ยแม้กระทั่งคุณ
00:11:12 → 00:11:15 Johจsonอ่ะเขาบอกว่าตัวหมวกแกปที่เขาใช้
00:11:15 → 00:11:17 อ่ะยังต้องบอกด้วยว่า Wave Range ที่เขา
00:11:17 → 00:11:20 ใช้อ่ะแสงสีแดงเขาอ่ะคือนาโนเมตที่เท่า
00:11:20 → 00:11:22 ไหร่อยู่ในเลนที่ถูกต้องมั้ยเช่นสมมุติ
00:11:23 → 00:11:26 เราเราใช้ตัวที่ไม่มาตรฐานเว็บมันถูกปรับ
00:11:26 → 00:11:29 ลงมาเหลืออยู่ 580 อย่างเงี้ยมันก็ไม่ใช่
00:11:29 → 00:11:31 สีแดงนะมันออกม่วงๆหน่อยอันนี้ก็ไม่ได้
00:11:31 → 00:11:33 ประโยชน์ถึงแม้ว่าตาเราจะเห็นว่ามันแดง
00:11:33 → 00:11:36 อ่าใช่ครับต้องดูว่ามันตัวผลิตภัณมันบอก
00:11:36 → 00:11:38 ว่า Range อยู่เท่าไหร่นั้นที่เหมาะสม
00:11:38 → 00:11:40 อยู่ที่ 620-700
00:11:40 → 00:11:43 นาโนเมตรดังนั้นมันจะเขียนเลยว่าไอ้
00:11:43 → 00:11:46 อุปกรณ์ชิ้นเนี้ยอยู่ที่ 620 นะอยู่ 680
00:11:46 → 00:11:48 นะอันนี้ถือว่าใช้ได้หรือยิ่งถ้ามันไป
00:11:48 → 00:11:52 อยู่ก้ำกึ่งกันเช่นอยู่ที่ 700 พอดีอัน
00:11:52 → 00:11:56 นี้คือมันมันควบกันระหว่างRedไลกับเอ่อ
00:11:56 → 00:11:58 infrดที่เป็น near infrดอันนี้ได้ได้
00:11:58 → 00:12:00 ประโยชน์เยอะเพราะว่าตัว Red Light กับ
00:12:00 → 00:12:03 near infrared เนี่ยมันมีความซ้อนกัน
00:12:03 → 00:12:05 อยู่ต้องบอกว่ามันไม่ได้ตัดกันทีเดียว
00:12:05 → 00:12:07 ขนาดนั้นเพราะฉะนั้นมันมีมันมีช่วงของมัน
00:12:07 → 00:12:09 มันทำให้ได้ผลมากกว่าเพราะว่ามันลงลึกได้
00:12:10 → 00:12:13 มากกว่าสำหรับตัวอินฟrเรดมันจะลงลึกไปมาก
00:12:13 → 00:12:16 กว่าแสงสีอื่นๆประมาณ 5 ซม.อืจากจากชั้น
00:12:16 → 00:12:18 ผิวหนังลงไปนะครับดังนั้นเนี่ยมันจะมี
00:12:18 → 00:12:21 อุปกรณ์บางอย่างที่ใช้เอ่อในการรักษาโรค
00:12:21 → 00:12:23 อย่างเช่นอุปกรณ์ของดร.เวบที่เยอรมัน
00:12:23 → 00:12:26 เนี่ยมันจะเป็นเป็นหมวกเป็นเหมือนหมวกกัน
00:12:26 → 00:12:29 น็อคเป้าหมายไม่ได้เพื่อปลูกผมนะเพื่อ
00:12:29 → 00:12:32 กระตุ้นสมองอืโดยใช้แสงที่เป็นอินฟrเรด
00:12:32 → 00:12:35 กระตุ้นก็ต้องบอกว่ามันมีการนำมาใช้ได้
00:12:35 → 00:12:39 จริงๆค่ะแล้วก็เมื่อกี้ที่คุณชมบอกว่ามัน
00:12:39 → 00:12:41 จริงหรือเปล่าอะไรงี้ใช่มั้ยก็ต้องบอกว่า
00:12:41 → 00:12:45 มันมีงานวิจัยรับรองในเรื่องของเอ่อRedไล
00:12:45 → 00:12:47 Therapy เนี่ยตอนนี้ 50,000 กว่า
00:12:47 → 00:12:50 papเปอร์เยอะมากนะครับในการที่มันนำมาใช้
00:12:50 → 00:12:54 ในทางการแพทย์สิ่งที่เา approve ก็คือ
00:12:54 → 00:12:56 USFDA เนี่ย approve อยู่ประมาณ 5 อย่าง
00:12:56 → 00:12:59 อันที่ 1 คือเรื่องของสิวนะครับอันที่ 2
00:12:59 → 00:13:02 คือเรื่องของกล้ามเนื้ออักเสบเรื่องข้อ
00:13:02 → 00:13:05 อักเสบนะครับอันที่ 3 คือเรื่องของผมร่วง
00:13:05 → 00:13:08 ที่เขา้าเป็นเป็นหมวกเนาะแล้วก็อันต่อมา
00:13:08 → 00:13:11 ก็คือเป็นเรื่องของการเพิ่มเลือดไปเลี้ยง
00:13:11 → 00:13:13 ในในอวัยวะนั้นๆนะครับอย่างเช่นคนที่เป็น
00:13:13 → 00:13:16 แผลอย่างเงี้ยถ้ามันเพิ่มบัตร circulation
00:13:16 → 00:13:18 หรือเพิ่มเลือดไปเลี้ยงให้ดีขึ้นแผลมันก็
00:13:18 → 00:13:20 หายเร็วขึ้นก็จะ approve อยู่ประมาณนี้
00:13:20 → 00:13:22 แต่ว่ามันมีการนำมาใช้ในหลายๆเรื่อง
00:13:22 → 00:13:25 เหมือนกันค่ะก็คืออันนี้ก็คือ FDA ของ
00:13:25 → 00:13:28 สหรัฐใช่ครับแล้วมีที่อื่นมั้คะที่เขา้า
00:13:28 → 00:13:30 แบบว่าเหมือนเอาไปเล่นกันหมายถึงว่าแบบ
00:13:30 → 00:13:33 เอาไปใช้รักษาโรคอะไรที่มันแบบอ่ะพูดง่าย
00:13:33 → 00:13:35 ๆที่แบบเหมือนเรายังหาทางรักษายากๆอยู่
00:13:36 → 00:13:37 เงี้ยก็มีครับเยอรมันไงฮะเยอรมันเนี่ย
00:13:37 → 00:13:41 สร้างตัวเครื่องที่เป็นไม่ใช่แค่เลไลทมัน
00:13:41 → 00:13:43 มีสีอื่นด้วยที่ผมบอกเค้าใช้หลักๆ 5 สี
00:13:43 → 00:13:47 เลยก็คือสีสีน้ำเงินสีเขียวเอ่อสีแดงนะ
00:13:47 → 00:13:51 ครับสีขาวแล้วก็อินฟrเรดค่ะคือแสงแต่ละสี
00:13:51 → 00:13:54 มันมีคุณสมบัติไม่เหมือนกันอย่างเช่นตัว
00:13:54 → 00:13:57 แสงเอ่อสีน้ำเงินเนี่ยถ้าคุณผู้ชมเคยเห็น
00:13:57 → 00:14:00 ไอ้ที่มันเป็น UV lamp เนาะอ่าเป็นสี
00:14:00 → 00:14:02 น้ำเงินเหมือนกันถูกมั้ยฮะหน้าที่มันคือ
00:14:02 → 00:14:04 ไปฆ่าเชื้อโรคนั้นถ้าเค้าใส่เข้าไปในจุด
00:14:04 → 00:14:06 ไหนมันก็จะช่วยลดการอักเสบแล้วฆ่าเชื้อ
00:14:07 → 00:14:09 โรคแสงสีเขียวเนี่ยช่วยในการสร้างไนตรริก
00:14:09 → 00:14:11 ออกไซด์ทำให้ไนตรออกไซด์ร่างกายเนี่ยมี
00:14:11 → 00:14:14 มากขึ้นดังนั้นใครที่มีปัญหาเช่นความดัน
00:14:14 → 00:14:16 เนี่ยไนตรออกไซด์มากขึ้นความดันอาจจะดี
00:14:16 → 00:14:19 ขึ้นได้อันนี้เค้าก็มีการนำมาใช้ส่วนแสง
00:14:19 → 00:14:22 สีแดงที่เราพูดถึงเนี่ยนะครับก็ช่วยใน
00:14:22 → 00:14:24 เรื่องเรียกว่าเป็นพระเอกเลยเรื่องของ
00:14:24 → 00:14:27 anti agaging นะครับเรื่องของชะลอไว
00:14:27 → 00:14:29 เรื่องของเอ่อทำให้เซลล์มันมีพลังงานมาก
00:14:29 → 00:14:32 ขึ้นส่วนแสงสีขาวเนี่ยแสงสีเหลืองเนี่ย
00:14:32 → 00:14:34 เหมือนกับแสงแดดมันก็ไปกระตุ้นการสร้าง
00:14:34 → 00:14:37 วิตามินดีในร่างกายอืนะครับส่วนอินฟราเรด
00:14:37 → 00:14:39 เนี่ยเขาก็มาใช้อย่างเมื่อกี้ที่เล่าให้
00:14:39 → 00:14:41 ฟังคือสร้างเป็นเหมือนกับหมวกแล้วก็ใส่
00:14:41 → 00:14:44 แสงอินฟราเรดกับแสงสีแดงเข้าไปก็จะมีตัว
00:14:44 → 00:14:47 ไดโอดอยู่ข้างในทีเนี้ยไดโอดข้างในเนี่ย
00:14:47 → 00:14:50 มันก็จะสามารถสร้างแสงที่มีความลึกลึกนะ
00:14:50 → 00:14:53 ครับทีเนี้ยเวลามันสร้างแสงที่มีความลึก
00:14:53 → 00:14:55 ลงไปประมาณ 5 ซม.เนี่ยแสดงว่าอะไรเวลาเรา
00:14:55 → 00:14:58 ใส่เข้าไปที่หัวเราเนี่ยมันเลยชั้นผิว
00:14:58 → 00:15:01 หนังลงไปละค่ะมันทะลุลงไปถึงเอ่อชั้น
00:15:01 → 00:15:03 กะโหลกลงไปที่สมองดังนั้นเค้าก็มาใช้กับ
00:15:03 → 00:15:06 คนไข้ที่มีปัญหาพวกเอ่ออัลไซเมอร์นะครับ
00:15:06 → 00:15:11 พาร์สันเนาะเอ่อหลงลืมซึมเศร้านะกลุ่มเ
00:15:11 → 00:15:13 ชื่อว่ากลุ่มพวกเนี้ยมันเป็นกลุ่มที่สมอง
00:15:13 → 00:15:15 มีการอักเสบอพอได้แสงเข้าไปปุ๊บเนี่ยมัน
00:15:15 → 00:15:17 ไปกระตุ้นหรือว่าสมองมันฝ่อเนี่ยมันไป
00:15:18 → 00:15:20 กระตุ้นทำให้เซลล์สมองมันมีการเค้าเรียก
00:15:20 → 00:15:23 ว่า regenerative มีการฟื้นตัวต้องบอกว่า
00:15:23 → 00:15:24 เครื่องมือพวกนี้ในในต่างประเทศในสหรัฐ
00:15:24 → 00:15:27 อเมริกาในในฝั่งยุโรปโดยเฉพาะเยอรมนี
00:15:27 → 00:15:29 เนี่ยเค้าเทำเทำงานกันอยู่แล้วก็ใช้กัน
00:15:29 → 00:15:31 อยู่ครับอ่ะเมื่อกี้คุณหมอชั่นถึงเรื่อง
00:15:31 → 00:15:34 ของเซลล์ใช่มั้คะอยากให้คุณหมอช่วยอธิบาย
00:15:34 → 00:15:38 กระบวนการหน่อยว่าไอ้แสงสีแดงเนี่ยมัน
00:15:38 → 00:15:40 สามารถไปกระตุ้นตัวไอ้ไมโตคอนเดรียหรือ
00:15:40 → 00:15:43 ว่าไปฟื้นฟูเซลล์ได้ยังไงฮะอเดี๋ต้องเล่า
00:15:43 → 00:15:46 ปูเลยฮะว่าไมโตคอนเดรียคืออะไรค่ะหลายคน
00:15:46 → 00:15:48 แบบไม่เรียนสายวิทยเนาะก็จะแบบคืออะไร
00:15:48 → 00:15:51 ไมโตคอนเดียซึ่งเราต้องปูพื้นให้ผู้ชมฟัง
00:15:51 → 00:15:54 ก่อนว่าเซลล์ของเราเนี่ยเนี่ยมันถูกขับ
00:15:54 → 00:15:57 เคลื่อนด้วยพลังงานพลังงานเนี่ยมาจากตัว
00:15:57 → 00:16:00 เค้าเรียก Powerhouse Supply หรือว่าตัว
00:16:00 → 00:16:02 โรงไฟฟ้าในเซลล์เนี่ยคือไมโครเดรia
00:16:02 → 00:16:04 ไมโทคอนเดียมีหน้าที่สร้างพลังงานหรือ
00:16:04 → 00:16:07 เรียกว่า ATP ครับอืเรากินอาหารเข้าไปกิน
00:16:07 → 00:16:12 ข้าวกินเอ่อไขมันนะครับกินน้ำตาลนะฮะกิน
00:16:12 → 00:16:14 โปรตีนเข้าไปเนี่ยทั้งหมดเนี่ยมันจะเข้า
00:16:14 → 00:16:17 ไปอยู่ในเซลล์โดยที่กระบวนการมีการ
00:16:17 → 00:16:20 สังเคราะห์นะครับจากไมโตคอนเดียแล้วก็
00:16:20 → 00:16:23 สร้างเค้าเรียก ATP หรือพลังงานออกอทีนี้
00:16:23 → 00:16:26 ถามว่าแสงมันไปยุ่งอะไรกับเรื่องของ
00:16:26 → 00:16:29 ไมโตคอนเดียต้องบอกว่าแสงสีแดงมีความ
00:16:29 → 00:16:31 จำเพาะในการที่จะไปกระตุ้นเ้าเรียกว่า
00:16:31 → 00:16:35 เอ่อเรียกว่าไซโคอกซีนสกลุ่มที่เป็น
00:16:35 → 00:16:37 complex 4 ก็คือในชั้นของตัว
00:16:37 → 00:16:39 ไมโตคอเดรียมันจะมีการชิประหว่าง
00:16:39 → 00:16:42 อิเล็กตรอนเกิดขึ้นยากละออ่าอันนี้ต้อง
00:16:42 → 00:16:44 เล่าให้ฟังสำหรับคนที่เค้าเรียกว่าฮะมี
00:16:44 → 00:16:47 ความรู้นิดหน่อยก็คือมันมีการแลกเปลี่ยน
00:16:47 → 00:16:49 อิเล็กตรอนกันเกิดขึ้นแสงเนี่ยมันเข้าไป
00:16:49 → 00:16:52 ทำให้มันมีการปล่อยพลังงานออกมานะครับ
00:16:53 → 00:16:56 อยู่ในกระบวนการของการหายใจของไมโตคอเดีย
00:16:56 → 00:16:57 มันคล้ายๆที่พืชมันต้องสังเคราะห์แสงอะไร
00:16:57 → 00:17:00 งี้มั้คุณหมอถูกต้องอ่าทุกเซลล์ของเราไม่
00:17:00 → 00:17:03 ว่าของพืชหรือของมนุษย์อ่ะใช้พลังงานหมด
00:17:03 → 00:17:05 ครับค่ะพืชก็มีการabsor์เหมือนกันอันนี้
00:17:05 → 00:17:07 พูดถึงพืชก็ดีแล้วพืชเนี่ยต้องบอกว่ามัน
00:17:07 → 00:17:10 มีคลโฟิลไอ้ตัวคลโรฟิลเนี่ยเป็นตัวสำคัญ
00:17:10 → 00:17:13 ในการabsor์แสงมนุษย์เรามีมีอะไรเป็นตัว
00:17:13 → 00:17:17 absor์แสงก็จะคือตัวฮีโมโลบินที่อยู่ใน
00:17:17 → 00:17:19 เม็ดเลือดแดงเป็นตัวดูดซับแสงเหมือนกัน
00:17:19 → 00:17:23 ดังนั้นถามว่าไปเดินตากแดดไปโดนแสงสีแดง
00:17:23 → 00:17:25 เอ๊ะมันเข้าร่างจริงเหรอเข้าเพราะว่า
00:17:25 → 00:17:27 ฮีโมโลบินที่อยู่ในเม็ดแดงเป็นตัว absorb
00:17:27 → 00:17:30 แสงสีแดงเข้ามาแล้วนำไปสู่ทุกเซลล์แล้วก็
00:17:30 → 00:17:33 มีการแลกเปลี่ยนนะครับทำให้เกิดกระบวนการ
00:17:33 → 00:17:36 เค้าเรียกการหายใจของไมโคอนเดรียในระดับ
00:17:36 → 00:17:39 เซลล์สุดท้ายคือพอมันมีการหายใจที่
00:17:40 → 00:17:43 สมบูรณ์หมายถึงว่าตัว complex 1 two 34
00:17:43 → 00:17:45 เนี่ยสมบูรณ์ปุ๊บมันจะสร้างพลังงานออกมา
00:17:45 → 00:17:48 ได้มากขึ้นดังนั้นเนี่ยแสงเป็นตัวที่
00:17:48 → 00:17:50 กระตุ้นทำให้ไมโคเดรียสร้างพลังงานหรือ
00:17:50 → 00:17:54 ATP ออกมาขึ้นอือ่าเข้าใจนะฮะคือแบบอัน
00:17:54 → 00:17:56 นี้แบบพยาอธิบายของคร่าวๆอ่าเพราะฉะนั้น
00:17:56 → 00:17:59 เพราะฉะนั้นต้องบอกว่าแสงจึงมีความสำคัญ
00:17:59 → 00:18:02 กับสิ่งมีชีวิตทุกชนิดในโลกค่ะไม่เว้นแม้
00:18:02 → 00:18:05 แต่กระทั่งแบคทีเรียหรือว่ายีสนะครับแล้ว
00:18:05 → 00:18:08 ก็แสงไม่ใช่แค่สีแดงค่ะแสงเนี่ยมันมี
00:18:08 → 00:18:09 visible light เนี่ยโดยเฉพาะแสงสี
00:18:10 → 00:18:12 น้ำเงินเนี่ยสีน้ำเงินสีเขียวเนี่ยตัว
00:18:12 → 00:18:15 คลฟieldเนี่ย absorb เอาไปใช้อืมันเป็น
00:18:15 → 00:18:17 ตัวตั้งต้นของกระบวนการเค้าเรียกกระบวน
00:18:17 → 00:18:20 การการหายใจกระบวนการสร้างพลังงานของของ
00:18:20 → 00:18:23 ไมโคอนเดรียแต่ว่าแสงสีแดงเนี่ยเป็นตัว
00:18:23 → 00:18:25 สำคัญเพราะว่าเป็นตัวสุดท้ายเค้าเรียก
00:18:25 → 00:18:27 เป็น final process ของการไปกระตุ้นให้
00:18:27 → 00:18:30 มันมีการสร้าง ATP ออกมาอืดังนั้นเนี่ยก็
00:18:30 → 00:18:33 จะเห็นว่าถ้าเลือกมาสีนึงทั้งหมดเลยอ่ะ
00:18:33 → 00:18:36 ถ้าบอกฉันเอาสีนึงมาใช้เนี่ยแสงสีแดงดี
00:18:36 → 00:18:38 ที่สุดอืก็เลยมีคำว่า red light เapy
00:18:38 → 00:18:42 เข้ามาค่ะอคือมนุษย์มันก็มีชีวิตมาตั้ง
00:18:42 → 00:18:44 แต่ไม่รู้แบบว่าตั้งแต่เราเป็นโควันยอง
00:18:44 → 00:18:46 ตั้งแต่ด้วยวิถีชีวิตในปัจจุบันอะไรเงี้ย
00:18:46 → 00:18:49 มันทำให้เราได้ Red light แบบน้อยลงมั้ย
00:18:49 → 00:18:50 คุณหมอ
00:18:50 → 00:18:52 ต้องบอกว่าเราเราได้รับ Red Light เนี่ย
00:18:52 → 00:18:55 ไม่พอด้วยซ้ำจริงๆแล้วใช่มั้คะอ่าถูกต้อง
00:18:55 → 00:18:56 ครับเพราะว่าสิ่งที่เราสิ่งที่เราได้
00:18:56 → 00:18:58 เนี่ยเราแทบไม่โดนแสงเลยทุกวันนี้ไม่ต้อง
00:18:58 → 00:19:02 UV นะคือ UV ก็ไม่โดนอืแสงอะไรก็ไม่โดน
00:19:02 → 00:19:05 เพราะว่าเราตื่นเช้ามาขับรถเข้าออฟฟิศใช่
00:19:05 → 00:19:08 มั้ฮะสิ่งที่จะโดนคือบูไรอืใช่มั้ยซึ่ง
00:19:08 → 00:19:10 มันไม่มันไม่ใช่มันไม่ได้อยู่ใน category
00:19:10 → 00:19:13 ที่จะเอามาช่วยในการที่จะดูแลรักษาสุขภาพ
00:19:13 → 00:19:15 ของเราอันนี้เราเราก็หวังตรงๆว่าเราก็ขาด
00:19:15 → 00:19:19 เรื่องของแสงสีแดงแต่สิ่งที่น่าสนสนใจ
00:19:19 → 00:19:21 อย่างนึงคือเขาบอกว่าแสงสีแดงหรือ Red
00:19:21 → 00:19:26 Lighty เนี่ยสามารถที่จะป้องกัน UV ที่
00:19:26 → 00:19:28 จะมาทำร้ายเซลล์ผิวหนังเราได้ด้วยหึแต่
00:19:28 → 00:19:31 มันมาด้วยกันมั้ยอ่าเหมือนพิษต้านพิษนะฮะ
00:19:31 → 00:19:34 อันนี้แสงต้านแสงอืแปลกดีมีงานวิจัยออกมา
00:19:34 → 00:19:36 บอกว่าไอ้แสงสีแดงเนี่ยมันสามารถที่จะไป
00:19:37 → 00:19:39 กระตุ้นไฟบาหรือเซลล์ผิวหนังเราเนี่ยให้
00:19:39 → 00:19:41 สร้างพลังงานมากขึ้นให้แข็งแรงมากขึ้นดัง
00:19:41 → 00:19:44 นั้นเวลามันโดนกับ UV นะครับ UV ซึ่งรู้
00:19:44 → 00:19:47 อยู่แล้วมันทำร้ายเซลล์ผิวหนังเราทำให้
00:19:47 → 00:19:49 เซลล์ผิวหนังของเราเนี่ยคงสภาพได้แล้วก็
00:19:49 → 00:19:52 ไม่ถูกทำลายอือแต่เวลาที่เราทากันแดด
00:19:52 → 00:19:54 เนี่ยมันกันแต่ UV ถูกมั้คุณหมอมันไม่ได้
00:19:54 → 00:19:57 กันแสงสีแดงไม่ได้แสงสีแดงถูกต้องอวัน
00:19:57 → 00:19:59 เนี้ก็ต้องเข้าใจก่อนว่า UV มันมีหลักๆ
00:19:59 → 00:20:02 คือ 2 อันใช่มั้ฮะ UV UVA กับ UVB นะไอ้
00:20:02 → 00:20:05 ตัวหลักๆคือตัวที่ทำร้ายผิวเราคือ UVB
00:20:05 → 00:20:07 ค่ะเนาะแล้วก็แต่ว่าในความที่มันทำร้าย
00:20:07 → 00:20:11 เราเนี่ยถ้าได้ได้รับในโดสที่เหมาะสมมัน
00:20:11 → 00:20:14 กลับไปช่วยกระตุ้นการสร้างของวิตามิน D3
00:20:14 → 00:20:16 เห็นมั้มันก็อะไรก็ตามถ้ามันพอดีอ่ะมันก็
00:20:16 → 00:20:19 จะดีแต่ถ้ามันมากเกินไปโอไปมันก็ไม่ดี
00:20:19 → 00:20:21 แล้วอีกเรื่องนึงที่ว่าทุกวันนี้ใช้ชีวิต
00:20:21 → 00:20:24 กันแบบว่าเค้าเรียกว่าแบบว่ามันขัดแย้ง
00:20:24 → 00:20:27 กับแบกับธรรมชาติของเราอ่ะเนาะก็คือการ
00:20:27 → 00:20:30 ที่เราไม่ได้รับแสงสีแดงอย่างเพียงพอหรือ
00:20:30 → 00:20:32 ว่าถูกที่ถูกเวลาอะไรเงี้ยก็คือมีผล
00:20:32 → 00:20:35 เกี่ยวกับการนอนหลับด้วยมีผลกับ circadian
00:20:35 → 00:20:37 rึมของเราด้วยใช่มั้คะคุณหมอยังไงใช่ใช่
00:20:37 → 00:20:39 ก็คือจริงๆแล้วตัวแสงเนี่ยไม่ว่าจะเป็น
00:20:39 → 00:20:41 แสงสีแดงหรือว่า visible light เองเนี่ย
00:20:41 → 00:20:45 มันมีผลกับเค้าเรียกของการนอนของเราอย่าง
00:20:45 → 00:20:47 เมื่อกี้ก่อนตอนก่อนเข้ารายการแล้วคุยคุณ
00:20:47 → 00:20:50 ชมพู่ว่าเรื่องของแสงเนี่ยสำคัญกับสมอง
00:20:50 → 00:20:52 เรามากเพราะสมองเราจริงๆมันมีจุดรับแสง
00:20:52 → 00:20:56 คือตาที่ 3 เราคือpนelแกนไีตัวเสำคัญเป็น
00:20:56 → 00:20:59 ตัวรับแสงเลยนั้นใครก็ตามที่ตื่นมาตอน
00:20:59 → 00:21:02 เช้าเนี่ยควรได้รับแสงนะครับแสงแดดกัน
00:21:02 → 00:21:04 ซันไลท์เนี่ยเพราะว่าตัวแสงแดดเนี่ยมันจะ
00:21:04 → 00:21:08 เป็นตัวเอ่อไปกระตุ้นต่อมไพเนลเราให้มัน
00:21:08 → 00:21:11 สร้างตัวซีโรโทนินค่ะซีโรทนินคือสารสื่อ
00:21:12 → 00:21:14 ประสาทในสมองแบบนึงนะครับทำให้เซิโนินเ่ะ
00:21:14 → 00:21:17 มันสูงระดับมีระดับสูงมากขึ้นทีพอมันสูง
00:21:17 → 00:21:20 มากขึ้นปุ๊บสิ่งที่เกิดขึ้นคือสังเกตฮะคน
00:21:20 → 00:21:22 ที่ตอนเช้าตื่นมาแต่เช้าได้รับแสงแดดหรือ
00:21:22 → 00:21:26 เงี้ยพวกนี้จะอารมณ์ดีจะแบบไม่มีเรื่อง
00:21:26 → 00:21:29 ของภาวะซึมเศร้านะครับแล้วก็เรียกว่า
00:21:29 → 00:21:31 สุขภาพจิตดีเพราะว่าซีโทนินเป็นสารสื่อ
00:21:31 → 00:21:34 ประสาทที่บ่งบอกถึงความสุขคนไข้ที่มี
00:21:34 → 00:21:37 ปัญหาเรื่องซึมเศร้าเนี่ยถ้าตรวจกันเนี่ย
00:21:37 → 00:21:40 จะพบว่ามีระดับซีโรทนินต่ำหรือไม่มีเลย
00:21:40 → 00:21:42 คือต่ำมากซีโรนินมันหายไปเลยเนาะอันนี้จะ
00:21:43 → 00:21:46 เห็นว่าซีโรนินเป็นตัวสำคัญอันที่ 2 คือ
00:21:46 → 00:21:48 ไปเกี่ยวข้องกับการนอนยังไงคือซีโรทนิน
00:21:48 → 00:21:50 ที่สร้างตอนเช้าเนี่ยมันจะถูกเก็บไว้ใน
00:21:50 → 00:21:53 สมองพอกลางคืนมันจะเปลี่ยนมันจะเทิร์น
00:21:53 → 00:21:55 กลายเป็นเมลาโทนินนะชื่อจะคล้ายๆกัน
00:21:55 → 00:21:57 ซีโรทนินจะเปลี่ยนเป็นเมลาโทนินอย่างที่
00:21:57 → 00:22:00 เราแบบต้องไปกินเสริมเมลาทonนินกันน่ะฮะ
00:22:00 → 00:22:02 ที่ทำเป็นอาหารเสริมจริงๆไม่จำเป็นเลยแค่
00:22:02 → 00:22:05 ตอนเช้ามาได้รับแสงแดดปุ๊บใช่มั้ฮะเราก็
00:22:05 → 00:22:08 ร่างกายมันจะเปลี่ยนเป็นเอ่อเซิโรทนิน
00:22:08 → 00:22:10 ซีโรนินเสร็จเก็บไว้พอกลางคืนได้เมทอนิน
00:22:10 → 00:22:12 ระดับเพียงพอปุ๊บเราก็นอนได้เร็วมัน
00:22:12 → 00:22:16 สามารถคำนวณได้มั้คุณหมอว่ากี่ชั่วโมง
00:22:16 → 00:22:18 หลังจากที่แบบว่าเราได้รับเซลโทนินแล้ว
00:22:18 → 00:22:21 มันจะแบบไปเปลี่ยนเป็นเมลาโทนินมันเป็น
00:22:21 → 00:22:24 ช่วงของเซอร์คาเดี่นน่ะครับเป็นว่าเป็น
00:22:24 → 00:22:26 ช่วงกลางวันกับกลางคืนอ่ามันไม่ได้ว่ากี่
00:22:26 → 00:22:28 ชั่วโมงคือกลางวันเนี่ยมันเก็บไว้แต่พอ
00:22:28 → 00:22:30 กลางคืนมันจะเอาเอาวัตถุดิบเนี่ยคือ
00:22:30 → 00:22:32 ซิโรทนินน่ะไปเปลี่ยนเป็นเมลาโทนินอีกที
00:22:32 → 00:22:36 นึงดังนั้นเนี่ยคนที่โดนแสงแดดตอนเช้าไม่
00:22:36 → 00:22:38 ต้องกินเมาทินเพิ่มเลยยาลับก็ไม่ต้องกิน
00:22:39 → 00:22:42 ก็คือถ้าตอนเช้าอ่ะมันไม่ได้แบบลงทะเบียน
00:22:42 → 00:22:44 กับแสงแดดอ่ะอ่ะพูดง่ายๆกลางคืนมันก็ไม่
00:22:44 → 00:22:47 เกิดไม่หรือว่ามันก็อาจจะเกิดช้ามันก็
00:22:47 → 00:22:49 เกิดน้อยเพราะไม่มีไม่มีวัตถุดิบตั้งต้น
00:22:49 → 00:22:52 ดังนั้นปัจจุบันก็จะเห็นว่าเหมือนกันกลับ
00:22:52 → 00:22:54 ย้อนกลับไปเมื่อกี้พูดถึงแสงสังเคราะห์
00:22:54 → 00:22:57 ตอนนี้วิถีชีวิตเห็นมั้ฮะหลายหลายคนก็
00:22:57 → 00:22:59 ตื่นมาสมมติตื่นแต่เช้ารีบไปทำงานไม่โดน
00:22:59 → 00:23:02 แดดมันก็เลยมีการสร้างอุปกรณ์ที่มันเป็น
00:23:02 → 00:23:04 แสงแดดสังเคราะห์ซึ่งก็ย้อนกลับไปคุณ
00:23:04 → 00:23:07 ไบอันก็ใช้ตัวนี้ก็คือตื่นเช้ามาปุ๊บแปรง
00:23:07 → 00:23:10 ฟันแทนที่จะเปิดไฟนีออนธรรมดาเปล่าเปิด
00:23:10 → 00:23:13 เค้าเรียกแสงอาทิตย์สังเคราะห์แสงอาทิตย์
00:23:13 → 00:23:15 สังเคราะห์มันก็จะมีความสว่างเหมือนแสงแง
00:23:15 → 00:23:17 อาทิตย์อ่ะเออก็คือให้ร่างกายมันรับ
00:23:17 → 00:23:19 เหมือนไปยืนตากแดดแต่จริงๆตอนนั้น 4:30
00:23:19 → 00:23:23 น.ที่เตื่นนะ 4:00 5:00 น.
00:23:23 → 00:23:25 ตื่น
00:23:25 → 00:23:28 ออกมาแต่นี้พูดถึงในกรณีที่ว่ามันจำเป็น
00:23:28 → 00:23:31 จริงๆแล้วไม่มีไม่ไม่มีโอกาสจะไปโดนแดกก็
00:23:31 → 00:23:33 ใช้ตัวช่วยแต่ถ้าจริงๆแล้วบ้านเรามีขาย
00:23:33 → 00:23:36 หรือยังคะบ้านเราบ้านเราผมไม่แน่ใจว่า
00:23:36 → 00:23:38 บ้านเรามันมีไอ้หรือแกผลิตมาใช้เองรึ
00:23:38 → 00:23:41 เปล่าในในในต่างประเทศเห็นนะครับมีมีบาง
00:23:41 → 00:23:43 ยี่ห้อที่เป็นนาฬิกาปลุกด้วยซ้ำไปแบบปลุก
00:23:43 → 00:23:44 เหมือนกันค่อยๆสว่างขึ้นมาเหมือนพระ
00:23:44 → 00:23:46 อาทิตย์ขึ้นน่ะอ่ามีเหมือนกันแต่ว่าบ้าน
00:23:46 → 00:23:48 เราเนี่ยไม่แน่ใจแต่บ้านเราจริงๆแล้วง่าย
00:23:48 → 00:23:51 สุดครับตื่นมาไปโดนแดดก่อนเลยอือันดับแรก
00:23:51 → 00:23:55 คือตื่นมาหลายคนเป็นเนาะอันดับแรกคือจับ
00:23:55 → 00:23:57 โทรศัพท์ค่ะเจอบลูไลท์ก่อนเลยเจอบลูไลท์
00:23:57 → 00:23:59 ก่อนเรียบร้อยฮะสมองรวนเลยครางนี้ดีที่
00:23:59 → 00:24:02 สุดคืออย่าจับโทรศัพท์ตื่นมาปุ๊บมันเป็น
00:24:02 → 00:24:04 รีเฟลกผมว่ามันแทบทั้งนั้นเลยนะตื่นมา
00:24:05 → 00:24:08 ต้องดูก่อนดูใครโทรมามีเช็คเมลเช็คงานไม่
00:24:08 → 00:24:10 ใช่ตื่นมาไม่ต้องไม่ดูโทรศัพท์จะโดนบูไลท
00:24:10 → 00:24:13 ก่อนเปิดหน้าต่างรับแสงก่อนเลยนะครับโดย
00:24:13 → 00:24:16 เฉพาะแสงแสงแดดตอนตอนเช้าอ่ะยังยังไงต้อง
00:24:16 → 00:24:20 โดนนะครับสัก 20 นาทีกำลังดี 10-20 นาที
00:24:20 → 00:24:22 แบบว่าอย่างน้อยให้สมองแล้วถ้ามันรีบอ่ะ
00:24:22 → 00:24:24 คุณหมอทำไงดีถ้ามันรีบคงต้องสังเคราะห์
00:24:24 → 00:24:27 อ่ะฮะเออถ้ามันรีบแบบตื่นแต่เช้ามืดอย่าง
00:24:27 → 00:24:28 เงี้ยต้องแบบก็ต้องแบบเดียวกันไอ้นี่พูด
00:24:28 → 00:24:31 ถึงในกรณีที่จะทำให้ร่างกายมันสมดุลค่ะ
00:24:31 → 00:24:35 อือเพราะว่าจริงๆที่คนเป็นซึมเศร้ากัน
00:24:35 → 00:24:38 เยอะๆทุกวันเก็เพราะว่ามันใช้ชีวิตที่มัน
00:24:38 → 00:24:40 แบบว่าขัดแย้งกับธรรมชาติของเราหมดเลยนะ
00:24:40 → 00:24:43 คุณใช่ครับผมจะแนะนำไข้ประจำที่มีกรณีที่
00:24:43 → 00:24:45 แบบว่าเออมีปัญหาซึมเศร้าเนี่ยอันดับแรก
00:24:45 → 00:24:47 เลยคุณต้องไปต้องโดนแดดอ่ะ 1 โดนแดดตอน
00:24:48 → 00:24:50 เช้า 2 คือต้องต้องไปทำกิจกิจกรรมที่เป็น
00:24:50 → 00:24:53 แบบoutติ้อ่ะเนาะอย่างฝรั่งเขาจะมีไปแบบ
00:24:53 → 00:24:56 ว่าไปแคมป์ไปพายเรือไปเงี้ยแต่บ้านเราไม่
00:24:56 → 00:24:59 ค่อยฮะบ้านเราแบบว่าเวลาวันหยุดก็ไปเดิน
00:25:00 → 00:25:03 ห้างใช่ป่ะไม่ก็ไม่ได้ไม่ได้แทบจะมาเแสง
00:25:03 → 00:25:05 เลยอ่ะแสงก็แทบไม่โดนตัวแล้วก็กลัวไปหมด
00:25:05 → 00:25:07 กลัวแสงกลัวว่าจะกลัวดำกลัวฟ้าขึ้นกลัวดำ
00:25:07 → 00:25:10 กลัวจะฟ้าขึ้นกลัวเป็นผิวหนังซึ่งไม่ใช่
00:25:10 → 00:25:13 จริงๆแล้วเราอ่ะต้องกลับไปสู่ธรรมชาติ
00:25:13 → 00:25:16 ต้องกลับไปสู่แสงแดดเนาะมันจะทำให้พอเรา
00:25:16 → 00:25:19 ได้แสงแดดปุ๊บมันหลายๆอย่างเนาะมันไม่ใช่
00:25:19 → 00:25:21 ไม่แค่เรื่องของแค่สีทนอย่างเดียวมัน
00:25:21 → 00:25:23 เรื่องของความแข็งแรงการได้รับวิตามินดี
00:25:23 → 00:25:27 ที่เพียงพออไอ้ตัวอิมมูนระบบภูมิต้านทาน
00:25:27 → 00:25:29 ของเราเนี่ยมันก็ดีขึ้นค่ะแล้วนวัตกรรม
00:25:29 → 00:25:31 ใหม่ๆที่เกี่ยวกับ Red Light อ่ะค่ะมัน
00:25:31 → 00:25:35 นอกจากมีหมวกเนาะมีหน้ากากมีอะไรแปลกๆอีก
00:25:36 → 00:25:38 มั้คะมันก็จะมีเป็นเตียงเป็นเตียงเรือน
00:25:39 → 00:25:41 ไหลก็เหมือนกับกัปตันอเมริกาฮะอันนั้นแทง
00:25:41 → 00:25:44 เย็นอันนี้แบบเข้าไปนอนอาบแสงเขาก็จะแบบ
00:25:44 → 00:25:47 ว่าถอดเสื้อผ้าเหลือแต่ชุดชั้นในแล้วก็
00:25:47 → 00:25:51 ใส่แว่นกันแสงค่ะแล้วก็นอนเราเราถ้าสมมติ
00:25:51 → 00:25:52 เราอาบนี้เราไม่ต้องทากันแดดเนาะไม่ต้อง
00:25:52 → 00:25:55 อาไม่เกี่ยวไม่เกี่ยวเราก็เบอกเอ่อ
00:25:55 → 00:25:59 โปรโตคอลก็คือประมาณสัก 10-30 นาทีต่อวัน
00:25:59 → 00:26:01 เลยเหรอต่อไม่ฮะหมายถึงว่าอาทิตย์นึงทำ
00:26:01 → 00:26:04 สัก 3 ครั้ง 3 ครั้งต่อสัปดาห์อันนี้เป็น
00:26:04 → 00:26:06 โปรโตคอลนะสำหรับในแง่ของ wellness ในแง่
00:26:06 → 00:26:10 ของการกระตุ้นเอ่อให้ร่างกายมันฟื้นฟู
00:26:10 → 00:26:12 regenerative เรื่องของ anti agaging
00:26:12 → 00:26:15 ก็ถ้าใครมีก็ใช้ได้ในในรูปแบบนี้แต่ว่า
00:26:15 → 00:26:17 เดี๋ยวจะไปลองดูมีข้อระวังเหมือนกันคือ
00:26:17 → 00:26:19 มันก็คือแสงค่ะใครที่มีปัญหาเรื่องใส่
00:26:19 → 00:26:21 แว่นเนาะต้องใส่แว่นครับมันจะเป็นแว่น
00:26:21 → 00:26:22 เหมือนแว่นว่ายน้ำอ่ะแบบว่ามันแว่นแว่น
00:26:23 → 00:26:26 ขี้ตาอ่าใช่แว่นเวลาเราไปทำเลเซอร์ยิง
00:26:26 → 00:26:28 หน้าเหมือนกันอันนั้นฮะก็ก็แล้วก็เข้าไป
00:26:29 → 00:26:31 นอนแต่ว่าบางยี่ห้อก็จะดีหน่อยบอกบาง
00:26:31 → 00:26:33 ยี่ห้อเจะเป็นแบบถ้าในในต่างประเทศเนี่ย
00:26:33 → 00:26:35 เขาจะเป็นมีแสงสีอื่นด้วยไม่ใช่ไม่ใช่แสง
00:26:35 → 00:26:37 สีแดงอย่างเดียวเหมือนเราเลือกได้ว่าเรา
00:26:37 → 00:26:39 จะทรีatเมนไหนอะไรอย่าเงี้ยใช่ครับจะเป็น
00:26:39 → 00:26:42 อิฟrเดมั้ยหรือจะเป็นredไลท์หรือเป็นแสง
00:26:42 → 00:26:45 สีอื่นแต่ว่าจริงๆแล้วอ่ะคีย์สำคัญที่ผม
00:26:45 → 00:26:48 ทิ้งไว้คือ red light กับ near infrดอัน
00:26:48 → 00:26:50 นี้สำคัญที่สุดเพราะว่าแสงสีอื่นเนี่ยถ้า
00:26:50 → 00:26:52 ในแง่ของผิวในแง่ของการที่มันจะลงไปลึก
00:26:53 → 00:26:56 เนี่ยมันนิดมันตื้นมันลงไม่ลึกแสงสีเขียว
00:26:56 → 00:26:58 แสงสีน้ำเงินเนี่ยลงแค่ 1-2 มิมเองลงแบบ
00:26:58 → 00:27:01 น้อยมากแต่ถ้าสีแดงกับอินฟราเดลงลึกเป็น
00:27:01 → 00:27:04 เซ็นเลยลงไปลงไปเยอะเพราะฉะนั้น 2 อันนี้
00:27:04 → 00:27:06 มันเลยได้ประโยชน์ในการเอามาใช้ในรูปแบบ
00:27:06 → 00:27:10 ที่เป็น external ก็คือแบบหน้ากากแบบที่
00:27:10 → 00:27:12 เป็นหมวกหรือแบบที่เป็นเตียงใช่มั้ยครับ
00:27:12 → 00:27:15 แล้วก็ในอเมริกาเนี่ยเมีการใช้ที่เป็น
00:27:15 → 00:27:17 ลักษณะเป็นเฉพาะ
00:27:17 → 00:27:21 เช่นสมมุติเป็นเอ่อคล้ายๆเอ่อที่รัดแล้ว
00:27:21 → 00:27:23 มันมีแสงสีแดงอยู่เนี่ยเขาก็จะมารัดที่
00:27:23 → 00:27:26 เขาเวลาเข่าอักเสบอืนะแล้วก็เอามารัดที่
00:27:26 → 00:27:28 หัวไหล่มีหัวไหล่อักเสบโดยที่แบบไม่ต้อง
00:27:28 → 00:27:30 ใช้ยาอันเนี้ยในอเมริกาจะมีอุปกรณ์ไอ้พวก
00:27:30 → 00:27:34 เนี้ยก็มีข้อที่นำมาใช้นะครับในคนไข้ที่
00:27:34 → 00:27:37 เป็นนักกีฬาในนอกนอกจากที่เราเคยได้ยิน
00:27:37 → 00:27:39 เรื่องของการใช้ไซสอะไรพวกนี้นะครับก็จะ
00:27:39 → 00:27:41 มีเรื่องของการใช้เลไลท์ต้องบอกว่านัก
00:27:41 → 00:27:45 กีฬาดังๆเนาะถ้าไปดูโรนัลโดหรือใครก็ตาม
00:27:45 → 00:27:47 ก็จะมีอุปกรณ์ไอ้ตัวเนี้ยRedไลทเนี่ย
00:27:47 → 00:27:50 เรียกว่าประจำบ้านเนาะหรือแม้กระทั่งดารา
00:27:50 → 00:27:52 ฮอลลีวูดก็จะมีพวกเนี้ยเพราะว่าจริงๆตัว
00:27:52 → 00:27:55 Redไลทเนี่ยอย่างที่บอกไปมันคือเป็นตัว
00:27:55 → 00:27:58 ที่ไปซ่อมเนาะไปทำให้การอักเสบเมันลดลง
00:27:58 → 00:28:00 แล้วก็ไปฟื้นฟูด้วยดังนั้นนักกีฬาเนี่ย
00:28:00 → 00:28:02 ที่สำคัญคือเขาต้องซ่อมให้ไวค่ะแล้วก็
00:28:02 → 00:28:05 ฟื้นฟูให้เร็วดังนั้นการใช้เลไลท์ของนัก
00:28:05 → 00:28:07 กีฬาเนี่ยเรียกว่าผมว่าในต่างประเทศถือ
00:28:07 → 00:28:09 ว่าเป็นรูทีนเลยด้วยซ้ำไปรวมทั้งการบาด
00:28:09 → 00:28:12 เจ็บเขาจะมีอุปกรณ์ที่เป็นเฉพาะส่วนน่ะ
00:28:12 → 00:28:14 สมมุติเป็นนักกีฬานักบอลเจะมีเป็นRedไลท
00:28:14 → 00:28:16 ที่แบบวางที่เขาปุ๊บแล้วก็ฉายเลยคืนนี้
00:28:16 → 00:28:20 ทั้งคืนนอนตื่นเช้าพวนี้มาหายอืไปซ้อมได้
00:28:20 → 00:28:22 ไปเตะต่อได้อย่างเงี้ยครับนั้นมันก็เลย
00:28:22 → 00:28:26 เป็นเอ่ออุปกรณ์ที่เรียกว่าจำเป็นในสำนัก
00:28:26 → 00:28:29 นักกีฬาแล้วก็พวกดาราซีเลฟไปแล้วครับไม่
00:28:29 → 00:28:30 ถือว่าโกงเนาะอย่างเงี้ไม่ไม่ถือว่าโกง
00:28:30 → 00:28:34 ครับไม่ติดโดฟครับโอเคแล้วก็ถ้าในเยอรมัน
00:28:34 → 00:28:36 ก็จะเป็นตัวเลเซอร์ที่สามารถเลือกได้เลย
00:28:36 → 00:28:39 ว่าจะใช้อินฟrเรดหรือแสงสีแดงแต่อย่างที่
00:28:39 → 00:28:42 บอกคือแสงสีแดงเป็นพระเอกอ่ะเป็นตัวเอก
00:28:42 → 00:28:44 เลยเพราะว่ามันกระตุ้นเรื่องของพลังงาน
00:28:44 → 00:28:47 หรือ ATP นะฮะแต่แล้วงานวิจัยออกมาหลังๆ
00:28:48 → 00:28:51 ก็บอกว่ามันสามารถที่จะทำให้เทโรเมียมัน
00:28:51 → 00:28:53 ยาวขึ้นมันก็เลยบอกว่าเออไอ้แสงสีแดง
00:28:53 → 00:28:58 เนี่ยเป็นตัวที่ทำให้ยาวจริงอ่ะอายุยืน
00:28:58 → 00:29:02 อยากอาบเลยค่ะเออแล้วก็เห็นบอกว่ามีที่ไป
00:29:02 → 00:29:04 กับน้ำเกลือด้วยเหรอใช่ครับในต่างประเทศ
00:29:04 → 00:29:07 ดร. Wer เป็นคนพัฒนาไอ้ตัวที่มันเป็น
00:29:07 → 00:29:10 เลเซอร์ที่ผมเล่าให้ฟังเมื่อสักครู่มันก็
00:29:10 → 00:29:13 จะมี 2 จุดกำเนิดกำเนิดแรกคือเป็นเลเซอร์
00:29:13 → 00:29:16 อีกอันนึงก็จะเป็นตัว LED ไอ้เลเซอร์ที่
00:29:16 → 00:29:18 ที่เยอรมันพัฒนาเนี่ยเค้าเรียกว่าเป็น Low
00:29:18 → 00:29:21 Power Laser ก็คือเป็นเลเซอร์พลังงาน
00:29:21 → 00:29:23 ต่ำเพราะฉะนั้นมันจะไม่เบิร์นไม่เหมือน
00:29:23 → 00:29:26 ที่เราไปยิงหน้าใช่มั้ถ้ายิงหน้าเราเปิด
00:29:26 → 00:29:28 เครื่องแรงไปหน้าเราไม่แต่ไอ้เลเซอร์ตัว
00:29:28 → 00:29:31 เนี้ยมันไม่มันผลิตมาแบบพลังงานต่ำดัง
00:29:31 → 00:29:33 นั้นเนี่ยมันสามารถใส่ไปในเส้นเลือดได้
00:29:34 → 00:29:36 ต้องบอกว่าในเยอรมันนีก็ได้รับความนิยม
00:29:36 → 00:29:39 ที่เขาเอามาใช้ในการรักษาในหลายๆโลกอืเขา
00:29:39 → 00:29:41 ก็เลยเรียกว่าเป็น Low Power Laser
00:29:41 → 00:29:42 Therapy แล้วมันไปกับน้ำเกลือได้ยังไง
00:29:42 → 00:29:45 อ่ะคุณหมอก็เ้าใส่ไปที่เส้นเอ่อเส้นเลือด
00:29:45 → 00:29:48 ดำมันจะเป็นสายเหมือนสายสายคล้ายๆเอ่อ
00:29:48 → 00:29:50 Fber Optic แล้วไอ้ตัวสายไออติก็คือ
00:29:50 → 00:29:52 เปิดแสงเลเซอร์เข้าไปอ๋อไม่ได้ว่ามีน้ำ
00:29:52 → 00:29:54 เกลือเป็นตัวนำอะไรอย่างี้ไม่ไม่มีครับ
00:29:54 → 00:29:56 หมายถึงว่าใส่เข้าไปแต่ว่าจะให้พร้อมกับ
00:29:56 → 00:29:59 น้ำเกลือก็ได้จะให้พร้อมกับวิตามินก็ได้
00:29:59 → 00:30:01 ก็ไหนๆก็ไหนๆแล้วก็ดิฟไปด้วยเลยอะไรอย่าง
00:30:01 → 00:30:03 งั้นใช่เคทำเป็นกันแบบนี้ในในในต่าง
00:30:03 → 00:30:06 ประเทศแล้วก็เค้าก็เปลี่ยนสีด้วยหมายถึง
00:30:06 → 00:30:09 ว่าสีแดงก็เอาสีอื่นมาใส่เพิ่มเติมแล้วก็
00:30:09 → 00:30:12 จะมีการ apply ในหลายๆอย่างเอามาใช้เช่น
00:30:13 → 00:30:15 เอ่อในอเมริกามีอีกแบบนึงเอ่อเมื่อกี้
00:30:15 → 00:30:18 ก่อนเข้ารายการก็เล่าให้ฟังว่ามันเป็นแสง
00:30:18 → 00:30:23 สีแดงใช่มั้ฮะเอามาปิดกับจมูกอือ่าคือใคร
00:30:23 → 00:30:26 ที่เป็นหวัดคัดจมูกอ่ะก็เปิดก็แสงสีแดง
00:30:26 → 00:30:28 อยู่ในจมูกก็ลดการอักเสบลดละการบวมได้โดย
00:30:28 → 00:30:31 ที่แบบไม่ต้องใช้ยาปริชีวนะไม่ต้องใช้พวก
00:30:31 → 00:30:34 เอ่อน้ำเกลือล้างอันนี้มันเป็นแก๊ดที่ที่
00:30:34 → 00:30:37 เคิดขึ้นมาเพราะว่าคุณสัมผัสของแสงสีแดง
00:30:37 → 00:30:40 คือลดการอักเสบเพิ่มการ healing ค่ะเอ่อ
00:30:40 → 00:30:42 อะไรที่มันมีบาดแผลอะไรที่มีการอักเสบ
00:30:42 → 00:30:45 อยู่เนี่ยมันจะช่วยได้เยอะอือ่ะเชื่อว่า
00:30:45 → 00:30:48 หลายคนฟังอยู่ตอนนี้ก็จะมีความรู้สึก
00:30:48 → 00:30:52 เหมือนชมก็คือว่าอยากจะสาดแสงสีแดงตัวเอง
00:30:52 → 00:30:54 ให้คุณหมอแนะนำเรื่องความปลอดภัยนิดนึง
00:30:54 → 00:30:57 ค่ะว่าสำหรับใครที่คิดจะ
00:30:57 → 00:30:59 ซื้ออุปกรณ์ที่เป็นแบบ Red Light
00:30:59 → 00:31:01 Therapy มาใช้เองต้องบอกว่าตอนเนี้ยคือ
00:31:01 → 00:31:04 หลายๆอุปกรณ์นะครับมันไม่ได้มันไม่ได้ถูก
00:31:04 → 00:31:06 รับรองโดยอย.ค่ะแต่ว่าถ้าใครอยากจะใช้
00:31:06 → 00:31:09 เนี่ยอยากให้ดูผู้ผลิตเนาะว่าผู้ผลิตเขา
00:31:09 → 00:31:12 เป็นยังไงบางเจ้าเนี่ยก็จะเป็นอาจจะไม่
00:31:12 → 00:31:14 ใช่ไม่ใช่อย.ไทยไม่รู้หาวิธีมาเนาะอย่าง
00:31:15 → 00:31:17 คุณผู้บอกว่าไอ้หน้ากากเนี่ยก็จะมีบางบาง
00:31:17 → 00:31:19 เจ้าที่เป็นแบบบางแบรนด์ที่เป็นเอ่อโia
00:31:19 → 00:31:22 FDA อะไรอย่างเงี้ย Approve มาหรือว่า
00:31:22 → 00:31:25 อย่างหมวกเนี่ยในอเมริกาก็จะมีหลายแบรนด์
00:31:25 → 00:31:27 นะครับก็จะเป็น USFDA approve มาเหมือน
00:31:27 → 00:31:29 กันซึ่งต้องบอกว่าอันเนี้เป็นอันนึงที่
00:31:29 → 00:31:32 แบบว่าอ่ะน่าเชื่อถืออันที่ 1 อันที่ 2
00:31:32 → 00:31:35 คือเวลาเราเป็นผู้บริโภคก็ต้องฉลาดในการ
00:31:35 → 00:31:38 เลือกว่าสิ่งที่เขา้าใส่ให้เรา 1 ก็คือ
00:31:38 → 00:31:41 ตัวแสงสีแดงอ่ะมันอยู่ในเลนที่กี่
00:31:42 → 00:31:45 นาโนเมตรค่ะสมมุติบอกเป็นไรเทปีแต่แบบ 500
00:31:45 → 00:31:48 เนี่ยไม่ใช่ละแสดงว่าเหลอกเราเราก็ต้อง
00:31:48 → 00:31:50 เท่าไหร่นะคะคุณหมอย้ำอีกทีนึง 620-700
00:31:50 → 00:31:53 ครับ 620-700 เกิน 700 ก็ไม่ได้ถ้าเกิน
00:31:53 → 00:31:56 ได้ครับถ้า 700 ขึ้นไปเนี่ยก็คือเป็นเนีย
00:31:56 → 00:31:58 in อินฟrเดฮะหมายถึงว่ามันจะอยู่ในเลน
00:31:58 → 00:32:02 700- 1,400 อันนี้คือเป็น near infrate
00:32:02 → 00:32:05 นั้นอยู่ในเลนสนี้เลยแต่ว่ามันอาจจะมีมี 2
00:32:05 → 00:32:08 2 แสงในในอุปกรณ์ชิ้นเดียวกันอันเนี้ยก็
00:32:08 → 00:32:10 จะช่วยเราได้เยอะแต่แปลว่าถ้าสมมุติมาบอก
00:32:10 → 00:32:12 ว่าอุ๊ยพันขึ้นอันเนี้ยก็คือไม่ใช่ไม่ใช่
00:32:12 → 00:32:15 Red Light ละมันก็ไปอินฟrเรดแล้วถ้า
00:32:15 → 00:32:18 1,400 ขึ้นไปจะเป็นจะเป็นinfrดเต็มที่ละ
00:32:18 → 00:32:20 มันก็จะไม่ใช่แต่แต่ถ้าประมาณ 1,000 ก็
00:32:20 → 00:32:22 คือยังเป็น near infrดใช่ครับก็ถือว่ายัง
00:32:22 → 00:32:24 ได้แสงสีแดงยังแสงใช่อ๋อแต่ว่าบางทีพวก
00:32:24 → 00:32:27 เนี้ยอุปกรณ์ต้องบอกว่าพอมันพอมันพันขึ้น
00:32:27 → 00:32:29 เนี่ยมันเป็นอินฟราเรดเนี่ยมันเรเตอร์ใน
00:32:29 → 00:32:33 ตัวสร้างอ่ะมันแพงค่ะบางทีผู้ผลิตเขาจะ
00:32:33 → 00:32:35 ไม่ได้ใส่อย่างงั้นนะฮะเพราะว่าถ้าถ้า
00:32:35 → 00:32:37 อย่างอุปกรณ์ที่ผมบอกอย่างในเยอรมันตัว
00:32:37 → 00:32:39 ที่เป็นหมวกที่ใช้รักษาเนี่ยมันคือ
00:32:39 → 00:32:42 อินฟrเรดนั้นมันสูงไปมันจะประมาณ 1,000
00:32:42 → 00:32:46 กว่าละมันจะไม่ใช่มันจะไม่ใช่ 600 700
00:32:46 → 00:32:49 ใช่ๆมันจะเป็นแล้วราคามันก็จะกระโดดขึ้น
00:32:49 → 00:32:51 ไปเลยอุปกรณ์การแพทย์จริงๆแล้วใช่ๆมันจะ
00:32:51 → 00:32:53 เป็นแบบนั้นเพราะฉะนั้นถ้าเราแบบว่าใช้
00:32:53 → 00:32:57 ที่บ้านก็จะอยู่ในเลนเช่นที่ผมบอก 620-700
00:32:57 → 00:33:01 แล้วก็ดูว่าจำนวนของไดโอดไดโอดคือตัว
00:33:01 → 00:33:04 แหล่งผลิตแสง LED ที่มันออกมามีจำนวนเท่า
00:33:04 → 00:33:06 ไหร่ถ้าเราไปดูนะอย่างเอาผมยกตัวอย่าง
00:33:06 → 00:33:09 ง่ายๆอย่างเช่นไอ้ไอ้หมวกที่ทำให้ผมมัน
00:33:09 → 00:33:12 งอกขึ้นเนี่ยแก้ผมร่วงเนี่ยมันก็มีตั้ง
00:33:12 → 00:33:15 แต่ราคาถูกพวกนี้บางทีใส่ไดโอดแค่ 90 ตัว
00:33:15 → 00:33:19 90 sอซิ่งเฉยๆแต่ถ้าวางแต่ว่าราคาจะสูง
00:33:19 → 00:33:22 ตามจำนวนไดโอดถ้า 300 ไดโอดเนี่ยโอ้โห
00:33:22 → 00:33:26 ขึ้นไปแบบแพงเลยเป็นหมื่นเลยหลายหมื่นเลย
00:33:26 → 00:33:28 นะฮะเพราะฉะนั้นมันอยู่ที่จำนวนไดโอดด้วย
00:33:28 → 00:33:31 อืเพราะฉะนั้นเวลาเราเลือกต้องเลือก
00:33:31 → 00:33:33 ประมาณนี้แล้วก็เลือกแหล่งด้วยนะหมายถึง
00:33:33 → 00:33:36 ว่าแหล่งผู้ผลิตด้วยเหมือนกันผลิตจากไหน
00:33:36 → 00:33:39 โคเรียผลิตจากจีนหรือผลิตจากอเมริกาอะไร
00:33:39 → 00:33:42 เงี้ยก็ก็ต้องดูความน่าเชื่อเชื่อถือค่ะ
00:33:42 → 00:33:45 แล้วก็ความปลอดภัยเช่นไม่ใช่ใช้ไปแล้วไฟ
00:33:45 → 00:33:46 ช็อตหรืออะไรเงี้ยนะครับเพราะว่ามันอย่า
00:33:46 → 00:33:49 ลืมมันก็คือหลอดไฟนี่แหละแต่จะเป็นหลอดไฟ
00:33:49 → 00:33:52 ที่เอามาปรับใช้กับร่างกายเราอืนะครับมี
00:33:52 → 00:33:55 งานวิจัยอะไรใหม่ๆที่น่าสนใจเกี่ยวกับ Red
00:33:55 → 00:33:57 Light Therapy มั้คะเมื่อกี้คุณหมอบอก
00:33:57 → 00:34:00 ว่ามีประมาณ 50,000 วิจัยอันไหนเด็ดๆบ้าง
00:34:00 → 00:34:03 ที่มันออกมาก็คืออย่างเมื่อกี้ที่เผยไป
00:34:03 → 00:34:04 นิดนึงก็คือว่ามันมีงานวิจัยเกี่ยวกับ
00:34:04 → 00:34:07 เรื่องของ Longivity Medicine มันมีการ
00:34:07 → 00:34:08 ปรับเอาเรื่องของ Red Light เนี่ยมาใช้
00:34:08 → 00:34:12 ในเรื่องของทำยังไงให้เราชะลอแก่ทำยังไง
00:34:12 → 00:34:14 ให้เราอายุยืนขึ้นเพราะว่ากลไกของมันจริง
00:34:14 → 00:34:18 ๆคือปัจจุบันเนี่ยต้องบอกว่างานวิจัยใน
00:34:18 → 00:34:20 ต่างประเทศหรือการศึกษาทางการแพทย์เนี่ย
00:34:20 → 00:34:23 เขากำลังโฟกัสไปในระดับเซลล์ในระดับ
00:34:23 → 00:34:26 โมเลกุลเไม่ได้ไม่ได้มองแค่ว่าเป็น
00:34:26 → 00:34:29 อรอกแกนเป็นอวัยวะแบบเดี๋ยวนี้คือวัน
00:34:29 → 00:34:31 เนี้ยมันก็จะมีคำคๆนึงเเรียกเเรียกว่า
00:34:31 → 00:34:34 เอ่อ mmt หรือว่าไมโตคอนเรียล metabolic
00:34:34 → 00:34:37 thapy ก็คือใช้คือไมโตคอเดียเป็นตัว
00:34:37 → 00:34:40 สำคัญในการที่จะรักษาร่างกายของเรานั่น
00:34:40 → 00:34:42 แปลว่าอะไรนั่นแปลว่าวันเนี้ยถ้าเรา
00:34:42 → 00:34:44 ไมโทคอนเดียเราแข็งแรงเนาะมันทำให้เรา
00:34:44 → 00:34:47 generate พลังงานออกมาได้นั่นแปลว่าเรา
00:34:47 → 00:34:50 อายุมากขึ้นเราก็ยังแข็งแรงอยู่เพราะ
00:34:50 → 00:34:52 ไมโครคอเดียยังสามารถผลิตพลังงานได้คุณชม
00:34:52 → 00:34:55 สังเกตมั้ว่าคนพออายุมากขึ้นคนแก่เนี่ย
00:34:55 → 00:34:59 พลังงานไม่มีเลยอืหงอยแบบว่าไม่มีแรงส่วน
00:34:59 → 00:35:01 หนึ่งก็คือเซลล์อ่ะมันไม่สามารถสร้างพลัง
00:35:01 → 00:35:03 งานไม่สามารถ generate พลังงานได้เพราะ
00:35:03 → 00:35:07 ว่าไมโทคอนเดรียมันสมมุติมันผลิตได้ปกติ
00:35:07 → 00:35:10 ตัวนึงได้ 36 ATP ทีพออายุมากขึ้นมันมัน
00:35:10 → 00:35:13 อาจจะแบบได้สัก 16 ได้ 20 อันนี้เราวัด
00:35:13 → 00:35:16 ได้ใช่มั้คะเอ่อจริงๆที่เราวัดได้จริงๆ
00:35:16 → 00:35:18 ต่างให้มันมีเครื่องวัดแต่ว่าเราวัดในใน
00:35:18 → 00:35:21 ทางการแพทย์ของเราณปัจจุบันเนี่ยประเทศ
00:35:21 → 00:35:25 ไทยวัดไม่ได้แปลว่าชมไปแลบที่ไหนอะไร
00:35:25 → 00:35:26 เงี้ยก็ยังไม่มียังไม่มียังไม่มีแต่
00:35:26 → 00:35:28 อเมริกามีครับแต่ว่าต้องบอกว่าไอ้ไอ้แลบ
00:35:28 → 00:35:31 แบบนี้ยังไม่มีแต่ว่าแค่บอกว่าเราเราจะ
00:35:31 → 00:35:34 รู้สึกว่าเราอ่ะไม่ค่อยมีพลังงานถ้าเรา
00:35:34 → 00:35:37 อายุมากขึ้นเพราะว่าตัวนึงที่สำคัญคือ
00:35:37 → 00:35:39 ไมโตคอนเดียผลิตพลังงานไม่ได้ดังนั้นเขา
00:35:39 → 00:35:42 ก็เลยบอกว่าอะไรก็ตามที่ใส่เข้าไปแล้วทำ
00:35:42 → 00:35:44 ให้ไมโรคอนเดียสามารถ generate พลังงาน
00:35:44 → 00:35:48 ได้สร้างพลังงานได้มากขึ้นนั่นคือแสงคือ 1
00:35:48 → 00:35:50 คีย์ใช่มั้ฮะแล้วมันก็ยังมีตัวอื่นๆอีก
00:35:50 → 00:35:53 อย่างเช่นตัวที่อยู่ในวงจรของการสร้าง ATP
00:35:53 → 00:35:56 หรือพลังงานอย่างเช่นตัว Q10 อย่างเงี้ย
00:35:56 → 00:35:58 เคยได้ยินใช่มั้ฮะบางบางท่านก็ทานอยู่
00:35:58 → 00:36:02 เนาะเออก็เป็นคีย์สำคัญในการที่ทำให้ตัว
00:36:02 → 00:36:05 ไมโตคอนเดรียสามารถสร้างพลังงานออกมาได้
00:36:05 → 00:36:08 อืดังนั้นเนี่ยบางคนที่ทานเป็นประจำหรือ
00:36:08 → 00:36:11 รับแสงเป็นประจำเมื่อเทียบกับคนที่อายุ
00:36:11 → 00:36:14 เดียวกันมีพลังงานมากกว่าเอ๊ะแต่ตัว Q10
00:36:14 → 00:36:16 นี้เขาก็มีข้อห้ามเหมือนกันใช่มั้ยคุณหมอ
00:36:16 → 00:36:20 ถ้าถ้ามีเกี่ยวกับหัวใจหรือว่าหลอดเลือด
00:36:20 → 00:36:22 อะไรจริงๆหัวใจเนี่ยให้ใช้เลยครับอ๋อให้
00:36:22 → 00:36:25 ใช้ใช่ครับในคนไข้ที่เป็นเรื่องของหัวใจ
00:36:25 → 00:36:28 ล้มเหลวเลือดคั่งอืพวกเนี้ยก็ต้องเ้าขาด
00:36:28 → 00:36:31 Q1 Qทไม่พอต้องใส่Qทเพิ่มออือจริงๆไม่
00:36:31 → 00:36:33 ได้ไม่ได้เป็นข้อห้ามนะครับเพราะจริงแล้ว
00:36:33 → 00:36:36 มีมั้คะคนที่ไม่เหมาะกับ Q10 คนที่แพ้ดี
00:36:36 → 00:36:38 กว่าครับแต่ว่าส่วนมากไม่แพ้เพราะว่ามัน
00:36:38 → 00:36:40 อยู่ในในเซลล์ของเราอยู่แล้วจริงๆQทอยู่
00:36:40 → 00:36:43 ในแต่ว่าแค่ว่าเราอ่ะไม่พอหนูไม่พอทีนี้
00:36:43 → 00:36:45 ก็เลยต้องบอกว่าอะไรก็ตามที่สามารถไป
00:36:45 → 00:36:48 ประจุให้แบตเตอรี่เราอ่ะมันทำงานได้ดี
00:36:48 → 00:36:49 ขึ้นสร้างพลังงานได้มากขึ้นไม่ว่าจะเป็น
00:36:49 → 00:36:52 Red Light Q10 นะครับหรือว่าอื่นๆใดๆ
00:36:52 → 00:36:56 ก็ตามเนี่ยก็ต้องใส่เข้าไปเพื่อให้ให้ตัว
00:36:56 → 00:36:58 ไมโจคเรดียเราแข็งแรงขึ้นแล้วก็สามารถ
00:36:58 → 00:37:01 สร้างพลังงานได้มากขึ้นคุณหมอมองว่าอีก 10
00:37:01 → 00:37:03 ปีข้างหน้าค่ะไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ Red
00:37:03 → 00:37:06 Light Therapy หรือว่าแบบวงการแบบ anti
00:37:07 → 00:37:08 Thai Aging อะไรอย่างเงี้ยมันจะเปลี่ยน
00:37:08 → 00:37:10 เป็นยังไงอย่าง Red Light เนี่ยจะถูกนำ
00:37:10 → 00:37:14 มาใช้ในเรื่องไหนอีกคุณหมอว่าผมว่าต่อไป
00:37:14 → 00:37:16 พวกนี้มันจะกลายเป็นเหมือนโฮมย Use ครับ
00:37:16 → 00:37:19 ทุกคนเอามาใช้ละมันอาจจะไม่ได้อยู่ในตาม
00:37:19 → 00:37:22 คลินิกหรืออยู่สปาล่ะว่าทุกคนก็มีอุปกรณ์
00:37:22 → 00:37:24 พวกนี้เหมือนไดเป่าผมเหมือนอะไรพวกเนี้ย
00:37:24 → 00:37:27 เป็นของที่บ้านเป็นของที่ the musสจำเป็น
00:37:27 → 00:37:30 ต้องมีเพราะว่าด้วยเทคโนโลยีด้วยอะไรก็
00:37:30 → 00:37:33 ตามจะเห็นว่ามันพัฒนาเร็วขึ้นดังนั้น
00:37:33 → 00:37:36 เนี่ยไม่ว่าจะเป็นเรื่องของRedไลเรื่อง
00:37:36 → 00:37:40 ของเอ่ออุปกรณ์บางอย่างเช่นเอ่อซาวound
00:37:40 → 00:37:42 เฉพาะที่เพื่อลดอาการปวดอย่างเงี้ยพวกนี้
00:37:42 → 00:37:44 มันจะถูกกลับเอามาใช้ไม่ใช่แค่คลินิกละ
00:37:44 → 00:37:47 เหมือนพูดง่ายๆกดสั่งในกดสั่งในแอปอะไร
00:37:47 → 00:37:48 อย่างเงี้ยเดี๋ก็มาส่งให้ใช่แต่มันอยู่
00:37:48 → 00:37:51 ที่ว่าเราอ่ะต้องเป็นผู้บริโภคที่ฉลาด
00:37:51 → 00:37:54 เลือกเลือกผู้ผลิตที่เหมาะสมที่ถูกต้อง
00:37:54 → 00:37:57 แล้วก็เรียกว่าไม่ไม่หลอกลวงเราแล้วก็นำ
00:37:57 → 00:38:00 มาใช้ในสิ่งที่เรามีปัญหานะครับแล้วก็ใน
00:38:00 → 00:38:02 ไม่ช้าเนี่ยคือไอ้พวกของพวกเนี้ยมันจะ
00:38:02 → 00:38:05 ช่วยทำให้เค้าเรียกชีวิตของเราอ่ะในใน
00:38:05 → 00:38:07 modเน life เนี่ยของเราที่มันไม่เหมือน
00:38:07 → 00:38:09 ยุคอดีตเนี่ยมันดีขึ้นเหมือนเราต้องมี
00:38:09 → 00:38:11 เครื่องเฝ้าอากาศมีอะไรอย่างเงี้ยในบ้าน
00:38:11 → 00:38:12 อะไรอย่างเงี้ยใช่ใช่เหมือนเรามีเครื่อง
00:38:12 → 00:38:14 ฟอกอากาศมีหุ่นยนต์ดูดฝุ่นเนาะเดี๋ยวนี้
00:38:14 → 00:38:16 มีทุกบ้านเลยถูกมั้ฮะเออมันก็เป็นสิ่งที่
00:38:16 → 00:38:18 เป็นแก๊ดเจetของเราสิ่งที่อยู่รอบตัวเรา
00:38:18 → 00:38:22 แล้วมันทำให้คุณภาพชีวิตของเราดีขึ้นอือ
00:38:22 → 00:38:25 ชมคลิปจบแล้วนะคะเม้นต์มาบอกกันหน่อยนะคะ
00:38:25 → 00:38:28 ว่าชอบอะไรไม่ชอบอะไรนะคะหรือว่ากำลังสน
00:38:28 → 00:38:30 ใจเรื่องอะไรอยากให้ชมคุยกับใครเป็นพิเศษ
00:38:30 → 00:38:32 นะคะเม้นต์มาบอกกันได้เลยค่ะอยากให้เรา
00:38:32 → 00:38:35 ปรับปรุงอะไรพัฒนาตรงไหนบอกมาได้เลยนะคะ
00:38:35 → 00:38:39 ขอรับฟังคำติชมทุกอย่างเลยค่ะขอคนละ 1
00:38:39 → 00:38:41 เม้นต์ก็แล้วกันนะคะแล้วก็อย่าลืมนะคะกด
00:38:41 → 00:38:44 ไลค์กดแชร์กด Subscribe นะคะเป็นกำลังใจ
00:38:44 → 00:38:46 ให้กับช่อง Life Dot ด้วยนะคะเราจะได้
00:38:46 → 00:38:52 สุขภาพดีไปด้วยกันอ
00:38:52 → 00:38:55 [เพลง]