00:00:00 → 00:00:03 สวัสดีครับจากที่เราก็ได้ยินข่าวกัน
00:00:03 → 00:00:05 เรื่องของการฆาตกรรมต่อเนื่องด้วย
00:00:05 → 00:00:08 ไซยาไนด์นะครับก็มีหลายๆคนนะครับคงจะ
00:00:08 → 00:00:12 สงสัยเรื่องเดียวกันว่าจิตใจของฆาตกรทำ
00:00:12 → 00:00:15 ด้วยอะไรนะครับแม้กระทั่งคนสนิทของตัวเอง
00:00:15 → 00:00:18 ยังฆ่าได้เลยโดยที่หน้าตาเฉยนะครับวันนี้
00:00:18 → 00:00:20 ผมก็เลยอยากจะเอาเรื่องนี้มาเล่าให้ฟังใน
00:00:20 → 00:00:23 มุมมองของผมนะครับแล้วต้องบอกก่อนนะครับ
00:00:23 → 00:00:26 ว่าผมเนี่ยไม่ใช่นักจิตวิทยาแล้วก็ไม่ได้
00:00:26 → 00:00:28 เป็นหมอทางจิตเวชแต่อย่างใดนะครับแต่ว่า
00:00:28 → 00:00:31 ก็เรื่องพวกนี้เนี่ยมันเป็นเรื่องที่เกิด
00:00:31 → 00:00:33 ขึ้นเรื่อยๆนะครับแล้วที่อเมริกาเองก็มี
00:00:33 → 00:00:38 กรณีศึกษาแบบนี้อยู่เรื่อยๆนะครับรวมถึง
00:00:38 → 00:00:41 บางคนถ้าเคยอ่านการ์ตูนบางทีก็จะเจอกรณี
00:00:41 → 00:00:43 แบบนี้เหมือนกันผมก็เลยอยากจะเริ่มเนี่ย
00:00:43 → 00:00:47 มาเล่าให้เราฟังนะครับว่าเออมันมีอะไร
00:00:47 → 00:00:49 บ้างที่เราจำเป็นจะต้องเข้าใจนะครับมัน
00:00:49 → 00:00:52 เกิดขึ้นได้อย่างไรแล้วมันมีวิธีในการที่
00:00:52 → 00:00:55 จะตรวจจับเคสเหล่านี้ไหมรวมทั้งแล้วต่อไป
00:00:55 → 00:00:58 เราจะทำยังไงดีนะครับก็พบกับผมนะครับนาย
00:00:58 → 00:01:00 แพทย์ธานีๆวันนะครับเป็นอาจารย์แพทย์อยู่
00:01:00 → 00:01:02 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเชี่ยวชาญโรคปอดการ
00:01:02 → 00:01:04 ปลูกถ่ายปอดและวิกฤตบำบัดนะครับ
00:01:04 → 00:01:09 เรื่องของคนที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
00:01:09 → 00:01:12 มาได้เนี่ยนะครับหลายๆคนอาจจะเคยได้ยินคำ
00:01:12 → 00:01:16 คำหนึ่งนะครับเรียกว่าไซโคพาสนะครับหรือ
00:01:16 → 00:01:19 cyclock ปกตินะครับซึ่งเป็นคำเต็มใส่ครบ
00:01:19 → 00:01:22 แฮชเนี่ยมันมีลักษณะบางอย่างที่คล้ายๆกับ
00:01:22 → 00:01:26 อีกคำๆนึงก็คือ Social pass หรือ Social
00:01:26 → 00:01:29 นะครับสองคำนี้มันมีความคล้ายคลึงกัน
00:01:29 → 00:01:32 อย่างหนึ่งแต่ว่าไอ้พวกไซโคพาสเนี่ยนะ
00:01:32 → 00:01:35 ครับมันดูน่ากลัวกว่าเยอะเลยนะครับสองคำ
00:01:35 → 00:01:37 นี้ผมจะอธิบายให้ฟังว่ามันแตกต่างกันยัง
00:01:37 → 00:01:40 ไงนะครับ Social Past เนี่ยวันนี้เราจะ
00:01:40 → 00:01:41 ไม่ได้พูดกันลงลึกถึงรายละเอียดอะไรนะ
00:01:42 → 00:01:45 ครับแต่ว่ามันก็คือพวกนักเรียนหัวไม้เกะ
00:01:45 → 00:01:48 กะเกเรเขาไปทั่วนะครับก็คือไปสร้างความ
00:01:48 → 00:01:50 เดือดร้อนไปปล้นไปจี้ไปฆ่าเขาหรืออะไร
00:01:50 → 00:01:53 อย่างนี้ครับตั้งตัวเป็นแก๊งนะครับแล้วก็
00:01:53 → 00:01:57 อาจจะมีความผูกพันกับคนในแก๊งคนที่เหมือน
00:01:57 → 00:01:59 ๆกันนะครับเพื่อนก็จะเป็นเพื่อนนักเรียน
00:01:59 → 00:02:02 หัวไม้ใช้ยาเสพติดอะไรพวกเนี้ยเหล่านี้
00:02:02 → 00:02:04 เหมือนกันอันนี้ก็จะเป็นคนที่เขา
00:02:04 → 00:02:07 มีความโกรธโมโหอารมณ์เกรี้ยวกราดแล้วก็
00:02:07 → 00:02:10 แสดงออกไปตามที่ตัวเองอยากจะแสดงไม่ได้
00:02:10 → 00:02:13 รู้สึกผิดนะครับแล้วก็ไม่ได้มีความรู้สึก
00:02:13 → 00:02:16 ว่ารับผิดชอบอะไรต่อสังคมไปที่ไหนก็มีแต่
00:02:16 → 00:02:18 คนเขาไม่อยากจะทำงานร่วมด้วยนะครับไม่
00:02:18 → 00:02:21 อยากจะยุ่งด้วยนะครับผลพวกนี้เขาก็เลยจะ
00:02:21 → 00:02:23 เกาะอยู่กับกลุ่มเดียวกันนั่นแหละที่มี
00:02:23 → 00:02:26 พฤติกรรมทำนองเดียวกันนะครับแต่คนเหล่า
00:02:27 → 00:02:31 นี้ยังมีอย่างนึงซึ่งแตกต่างจากไซโคพาสก็
00:02:31 → 00:02:35 คือเขาสามารถที่จะมีความรู้สึกผิดบาง
00:02:35 → 00:02:38 อย่างได้รู้สึกทางอารมณ์ได้นะครับโดย
00:02:38 → 00:02:42 เฉพาะถ้าเป็นคนที่เขาเคารพนับถือมากๆเช่น
00:02:42 → 00:02:44 ถ้าเกิดว่าเขามีความใกล้ชิดกับพ่อแม่เขา
00:02:44 → 00:02:47 มากๆนะครับถ้าเกิดว่าพ่อแม่เขาเตือนเนี่ย
00:02:47 → 00:02:49 บางทีเขาอาจจะฟังเขาอาจจะรู้สึกผิดได้ถ้า
00:02:49 → 00:02:52 เขาไปทำอะไรที่ให้พ่อแม่เขาเสียใจนะครับ
00:02:52 → 00:02:54 หรือถ้าเป็นเพื่อนในแก๊งเพื่อนตัวเองโดน
00:02:54 → 00:02:56 ฆ่าตายอย่างเงี้ยโดยแก๊งตรงข้ามเขาก็จะ
00:02:56 → 00:02:59 รู้สึกเสียใจได้แล้วเขาก็จะไปตามล้างแค้น
00:02:59 → 00:03:03 อีกฝ่ายหนึ่งได้นะครับแต่วันเนี้ยเรามา
00:03:03 → 00:03:05 เจาะลึกกันในเรื่องของไซโคลแพสต์หรือ
00:03:05 → 00:03:08 Cycle นะครับว่ามันน่ากลัวกว่ากันมากไป
00:03:08 → 00:03:10 อย่างไรนะครับ
00:03:10 → 00:03:13 ไซโกแพ้หรือคนที่บอกว่าเป็นโรคจิตมากๆเลย
00:03:13 → 00:03:20 นะครับคือมันจะเป็นคนที่เขามีความฉลาด
00:03:20 → 00:03:23 ระดับหนึ่งเลยแหละนะครับมีความฉลาดแล้วก็
00:03:23 → 00:03:25 ใช้ความฉลาดเนี่ยไปในทางที่ไม่ถูกต้องนะ
00:03:25 → 00:03:26 ครับ
00:03:26 → 00:03:29 สิ่งที่เกิดขึ้นของไซโคลแพสต์เนี่ยคือเขา
00:03:29 → 00:03:31 จะไม่รู้สึกผิด
00:03:31 → 00:03:35 ไม่รู้สึกเสียใจไม่รู้สึกสงสารไม่มีความ
00:03:35 → 00:03:38 ผิดบาปแต่อย่างใดอยู่ในใจนะครับไม่มีความ
00:03:38 → 00:03:41 รู้สึกเหล่านั้นอยู่ในหัวเลยตั้งแต่แรกนะ
00:03:41 → 00:03:42 ครับ
00:03:42 → 00:03:46 นอกเหนือจากนี้เขายังรู้ด้วยว่าทำยังไง
00:03:46 → 00:03:50 ให้คนอื่นเนี่ยหันมาทำตามที่เขาต้องการ
00:03:50 → 00:03:54 คือสามารถบงการคนอื่นได้นะครับตัวเองก็จะ
00:03:54 → 00:03:57 มีเสน่ห์ในตัวเองคือคนที่คุยกับคนพวกนี้
00:03:57 → 00:03:59 ก็จะรู้สึกว่าคนนี้เขาเป็นคนดีจังเลยนะ
00:03:59 → 00:04:02 เขาน่านับถือเขาช่วยเหลือเราทุกอย่างนะ
00:04:02 → 00:04:05 ครับแต่จริงๆเนี่ยเขาทำเพื่อหวังผลนะครับ
00:04:05 → 00:04:09 เพียงแต่เราคุยกับเขารู้สึกว่าคนที่ดีจัง
00:04:09 → 00:04:12 เลยนะครับแล้วคนพวกเนี้ยเขาจะไม่มีอารมณ์
00:04:12 → 00:04:15 ความรู้สึกนะครับเขาไม่แสดงอารมณ์ความรู้
00:04:15 → 00:04:16 สึกแต่สิ่งที่เขาแสดงออกมาเนี่ยเป็น
00:04:16 → 00:04:19 อารมณ์ความรู้สึกที่เขาสร้างขึ้นมาเอง
00:04:19 → 00:04:22 เพื่อให้เราตายใจเพื่อให้ได้อย่างที่เขา
00:04:22 → 00:04:23 ต้องการนะครับ
00:04:23 → 00:04:26 กรณีไหนบ้างสมมุติเขาต้องการได้ประโยชน์
00:04:26 → 00:04:29 อะไรสักอย่างจากเราอย่างเงี้ยเขาจะแทรกทำ
00:04:29 → 00:04:32 ดีแทรกทำเป็นสงสัยแสร้งทำอะไรต่างๆก็แล้ว
00:04:32 → 00:04:33 แต่นะครับ
00:04:33 → 00:04:34 รวมทั้ง
00:04:34 → 00:04:40 ถ้าโดนจับนะครับบางครั้งเขาจะแสดงอารมณ์
00:04:40 → 00:05:02 เพื่อให้เราสงสัย
00:05:02 → 00:05:17 [เพลง]
00:05:17 → 00:05:20 บงการคนต่างๆได้เขาก็จะทำให้คนในคุกเนี่ย
00:05:20 → 00:05:23 กลายเป็นเพื่อนเขานะครับแล้วก็คุยกับคนใน
00:05:23 → 00:05:25 คุกเพื่อให้ได้สิ่งที่เขาต้องการเช่นเขา
00:05:25 → 00:05:27 อยากต้องการ
00:05:27 → 00:05:29 ได้เครื่องอำนวยความสะดวกบางอย่างในคุก
00:05:29 → 00:05:32 เขาก็อาจจะไปตีสนิทกับผู้คุมพูดยังไงก็
00:05:32 → 00:05:35 ได้ให้เขาได้จนได้นะครับแล้วก็คนในคุกใน
00:05:35 → 00:05:38 บางทีก็อาจจะเห็นว่าคนนี้พฤติกรรมดีนะเออ
00:05:38 → 00:05:40 ไม่น่ามีปัญหาอะไรแต่จริงๆเขาก็ไม่ได้
00:05:40 → 00:05:43 เป็นแบบนั้นนะครับไม่ได้เป็นแบบนั้นคือทำ
00:05:43 → 00:05:45 ทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองได้ประโยชน์โดยไม่
00:05:45 → 00:05:48 ได้สนใจเลยว่าจะใช้อะไรนะครับแล้วจะโกหก
00:05:48 → 00:05:52 เนี่ยก็คือภาษาทางการแพทย์เราจะเรียกว่า
00:05:52 → 00:05:55 passological line คือโกหกแบบจริงๆ
00:05:55 → 00:05:58 เนี่ยโกหกเพื่อผลประโยชน์บางอย่างนะครับ
00:05:58 → 00:06:02 โดยที่ไม่ได้โกหกเพื่อผลประโยชน์ของผู้
00:06:02 → 00:06:05 อื่นนะครับไม่ใช่แบบว่าเฮ้ยถ้าเราโกหกพ่อ
00:06:05 → 00:06:07 แม่เราที่เขาเป็นมะเร็งเพื่อไม่ให้เขารู้
00:06:07 → 00:06:09 เขาจะได้ไม่เสียใจเขาจะได้มีกำลังใจสู้
00:06:09 → 00:06:11 ต่อนะฮะอะไรเงี้ยอันนั้นน่ะไม่ใช่นะครับ
00:06:11 → 00:06:14 คนพวกนี้เขาโกหกเพื่อให้ได้ผลสิ่งที่เขา
00:06:14 → 00:06:18 ต้องการอะไรก็ได้นะครับโดยเขาไม่สนใจเลย
00:06:18 → 00:06:21 ว่าคนอื่นจะเป็นยังไงนะครับคนที่เป็น
00:06:21 → 00:06:25 psychopath นะครับอีกอย่างหนึ่งก็คือเขา
00:06:25 → 00:06:28 จะไม่สามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับใคร
00:06:28 → 00:06:32 ได้เลยสักคนเดียวไม่แม้แต่พ่อแม่ไม่แม้
00:06:32 → 00:06:35 แต่เพื่อนสนิทไม่แม้แต่ใครก็ตามที่เข้ามา
00:06:35 → 00:06:37 ในชีวิตเขา
00:06:37 → 00:06:40 แต่เขาจะรู้สึกเหมือนกับว่าคนๆนั้นน่ะคนๆ
00:06:40 → 00:06:42 นั้นที่เข้ามาเป็นเพื่อนกับเขาจะรู้สึก
00:06:42 → 00:06:45 ว่าคนนี้มันให้ความสำคัญกับเรานะเราสนิท
00:06:45 → 00:06:47 กับเขานะเฮ้ยมันดีมันช่วยเรานะครับแต่
00:06:47 → 00:06:50 จริงๆไม่คนพวกนี้เนี่ยความสัมพันธ์จะเป็น
00:06:50 → 00:06:52 เพียงแค่ผิวเผินเพื่อประโยชน์ส่วนตัวเอง
00:06:52 → 00:06:55 เท่านั้นเองนะครับตรงนี้จะน่ากลัวนะครับ
00:06:55 → 00:06:58 หมายความว่าใครก็แล้วแต่ที่มายุ่งเกี่ยว
00:06:58 → 00:07:02 กับเขานะฮะไม่ว่าจะในแง่ไหนๆเช่นอาจจะ
00:07:02 → 00:07:05 เป็นเพื่อนมาก่อนนะครับเป็นทนายนะครับ
00:07:05 → 00:07:08 หรือเป็นที่ปรึกษาเขาจะหาประโยชน์จากคน
00:07:08 → 00:07:11 พวกนี้ทำให้สงสารเขาทำให้ต้องมาช่วยเขา
00:07:11 → 00:07:15 หรืออะไรก็แล้วแต่แต่จริงๆเนี่ยถ้าคุณหมด
00:07:15 → 00:07:17 ประโยชน์เนี่ยเขาจะตัดคุณได้ง่ายๆคือเขา
00:07:17 → 00:07:19 อาจจะฆ่าคุณทิ้งได้ง่ายๆเลยโดยที่ไม่ได้
00:07:19 → 00:07:22 รู้สึกผิดแต่อย่างใดไม่รู้สึกสำนึกในบุญ
00:07:22 → 00:07:24 คุณแต่อย่างใดนะครับนี่คือปัญหาของไซโก
00:07:24 → 00:07:28 pass แล้วคนพวกนี้เนี่ยไม่ได้ทำอะไรออก
00:07:28 → 00:07:32 ไปตามแรงกระตุ้นนะครับเช่นถ้าเมื่อกี้ผม
00:07:32 → 00:07:34 บอกว่า Social pass เนี่ยครับเขาก็จะมี
00:07:34 → 00:07:37 ความรุนแรงความก้าวร้าวนะครับใครที่มา
00:07:37 → 00:07:40 หยามหน่อยวิ่งเข้าไปชกวิ่งเอาปืนไปยิงนะ
00:07:40 → 00:07:43 ครับหรือว่าขับรถไล่ชนไปเลยก็ได้นะพวก
00:07:43 → 00:07:45 นั้นคือโซโชว์ pass ก็คือพวกทำอะไรโดยที่
00:07:45 → 00:07:49 ไม่ไม่มีความคิดแต่ไซโคแพ้เนี่ยตรงกัน
00:07:49 → 00:07:51 ข้ามเขาอาจจะมีความรู้สึกอยากจะทำอย่าง
00:07:51 → 00:07:53 นั้นอยากจะฆ่าอยากจะอะไรที่ทำรุนแรงอยาก
00:07:54 → 00:07:55 จะไปทำอะไรแบบนั้นแต่เขารู้ว่าถ้าทำแบบ
00:07:55 → 00:08:00 นั้นเนี่ยโดนจับนะครับเรือจะโดนแก้แค้น
00:08:00 → 00:08:04 เขาก็ต้องหาวิธีอะไรก็แล้วแต่เช่นวางยา
00:08:04 → 00:08:06 แบบเนี้ยเป็นต้นหรือบางทีสร้างนกต่อให้
00:08:06 → 00:08:09 อีกคนนึงไปทำแทนนะครับก็คือจะมีการวางแผน
00:08:09 → 00:08:13 เพื่อให้ตัวเองรอดในหลายๆอย่างนะครับโดย
00:08:13 → 00:08:14 ที่
00:08:14 → 00:08:18 คนมองเขาว่าคนนี้ก็ดูเป็นคนดีนะแต่ข้างใน
00:08:18 → 00:08:19 เขาเป็นอีกแบบหนึ่งเขาเป็นคนละอย่างกัน
00:08:19 → 00:08:20 เลยนะครับ
00:08:21 → 00:08:23 เพราะฉะนั้นนี่คือความน่ากลัวของของพวก
00:08:23 → 00:08:26 ไซโคพาสอย่างหนึ่งซึ่งเขาจะไม่มีโอกาสที่
00:08:26 → 00:08:29 จะรู้สึกผิดชอบชั่วดีอะไรแต่อย่างใดทั้ง
00:08:29 → 00:08:33 สิ้นนะครับแล้วก็ไม่สามารถที่จะสร้างความ
00:08:33 → 00:08:35 สัมพันธ์อะไรกับใครได้เลยความสัมพันธ์ที่
00:08:35 → 00:08:37 มีนะเป็นความสัมพันธ์จอมปลอมเพื่อผล
00:08:37 → 00:08:40 ประโยชน์ส่วนตัวเพียงเท่านั้นเองนะครับ
00:08:40 → 00:08:42 แล้วนอกเหนือจากนี้มันมีอะไรอย่างอื่นอีก
00:08:42 → 00:08:45 ไหมมีครับคนเหล่านี้เนี่ยคือนอกเหนือจาก
00:08:45 → 00:08:47 เขาไม่สามารถที่จะมีความสัมพันธ์อะไรที่
00:08:47 → 00:08:50 ดีกับใครได้เลยนะครับแล้วก็เขาจะรู้สึก
00:08:50 → 00:08:53 ตัวเองเนี่ยเป็นคนที่มีคุณค่าสูงมากนะ
00:08:54 → 00:08:57 ครับมีความมั่นใจในตัวเองสูงมากนะครับจะ
00:08:57 → 00:08:59 รู้สึกว่าในความรู้สึกลึกๆของเขานะครับก็
00:08:59 → 00:09:01 คือเขารู้สึกว่าตัวเองเป็นพระเจ้าอ่ะใหญ่
00:09:01 → 00:09:06 ที่สุดในโลกถ้าเป็นเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ที่
00:09:06 → 00:09:10 สุดมีคนนับถือหน้าตาทุกอย่างคือเขาจะมอง
00:09:10 → 00:09:12 ว่าตัวเองเนี่ยเป็นเทพเจ้าขนาดนั้นเลยนะ
00:09:12 → 00:09:14 ครับคนอื่นจะต้องอยู่แทบเท้าแล้วก็จะต้อง
00:09:14 → 00:09:19 มาทำตามที่เขาต้องการนะครับนี่คือปัญหา
00:09:19 → 00:09:21 ของคนเหล่านี้นะฮะ
00:09:21 → 00:09:24 ทีนี้คนเหล่านี้เนี่ยนะครับ
00:09:24 → 00:09:27 เรารู้แล้วว่าเขามันมีปัญหามากมายหลาก
00:09:27 → 00:09:30 หลายแล้วจริงๆเนี่ย
00:09:30 → 00:09:33 ปัญหามันมีอีกอย่างหนึ่งก็คือการรับรู้
00:09:33 → 00:09:37 อารมณ์ความรู้สึกของเขาเนี่ยมันแย่ไปนะ
00:09:37 → 00:09:40 ครับมันแย่ไปทำให้อารมณ์ความรู้สึกธรรมดา
00:09:40 → 00:09:44 เนี่ยไม่สามารถกระตุ้นเขาได้นี่จึงเป็น
00:09:44 → 00:09:49 เหตุผลหนึ่งซึ่งเขาทำอะไรที่มันไม่ดีเช่น
00:09:49 → 00:09:53 ถ้าไปทำให้คนนึงร้องไห้เสียใจฟูมฟายเจ็บ
00:09:54 → 00:09:57 ปวดนะครับมากๆที่มีความรู้สึกมากๆมันจะ
00:09:57 → 00:09:59 สามารถกระตุ้นความรู้สึกของเขาให้มันเท่า
00:09:59 → 00:10:01 กับปกติได้นะครับ
00:10:01 → 00:10:02 อ่า
00:10:02 → 00:10:06 อันนี้ในภาษาทางการแพทย์ซึ่งก็เป็นอัน
00:10:06 → 00:10:08 หนึ่งซึ่งเราเจอในคนเหล่านี้ก็คือเรา
00:10:08 → 00:10:11 เรียกว่า ordernamic
00:10:11 → 00:10:15 Under arounds
00:10:15 → 00:10:18 เป็นระบบประสาทอัตโนมัติของคนเหล่านี้นะ
00:10:18 → 00:10:19 ครับ
00:10:19 → 00:10:24 เขาจะไม่สามารถถูกกระตุ้นได้นะครับหรือ
00:10:24 → 00:10:26 automatic Under simulation นะครับ
00:10:26 → 00:10:30 หรือไฮโปร hypo หรือคือแปลว่าน้อยนะครับ
00:10:30 → 00:10:34 ก็คือเป็นการกระตุ้นนะครับหรือ simulation
00:10:34 → 00:10:36 ก็คือเป็นการกระตุ้นเหมือนกันนะครับหมาย
00:10:36 → 00:10:40 ความว่าระบบประสาทอัตโนมัติของคนเหล่านี้
00:10:40 → 00:10:44 ตอนพื้นฐานมันไม่ได้ถูกกระตุ้นได้ง่ายๆ
00:10:44 → 00:10:47 หมายความว่าอะไรเขาไปเจอว่าคนพวกนี้
00:10:47 → 00:10:51 หัวใจเต้นช้าคนปกติความรู้สึกเจ็บปวดมัน
00:10:51 → 00:10:52 ก็จะน้อยกว่าคนปกติ
00:10:52 → 00:10:56 นะครับการไปกระตุ้นให้เขารู้สึกเจ็บปวด
00:10:56 → 00:10:59 เท่ากับคนทั่วๆไปให้หัวใจเขาเต้นมากกว่า
00:10:59 → 00:11:01 คนทั่วไปให้เท่ากับคนทั่วไปอย่างน้อยๆ
00:11:01 → 00:11:03 เนี่ยจะต้องใช้แรงกระตุ้นที่มากกว่าปกติ
00:11:03 → 00:11:08 ดังนั้นอันนี้เป็นอันนึงซึ่งนักจิตวิทยา
00:11:08 → 00:11:10 เขาดูว่ามันอาจจะมีความเกี่ยวข้องกับการ
00:11:10 → 00:11:13 ที่เขาต้องไปทำอะไรที่มันดูน่ากลัวตื่น
00:11:13 → 00:11:15 เต้นนะครับมีความเสี่ยงสูงๆเพื่อที่เขาจะ
00:11:15 → 00:11:18 ได้รู้สึกเหมือนกับคนทั่วไปนะครับอันนี้
00:11:18 → 00:11:22 อาจจะเป็นการผิดปกติทางสมองบางอย่างทาง
00:11:22 → 00:11:24 พัฒนาการในระบบประสาทบางอย่างนะครับซึ่ง
00:11:24 → 00:11:26 ปัจจุบันเราก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทำไม
00:11:26 → 00:11:28 มันจึงเกิดเช่นนั้นได้นะครับเรายังไม่
00:11:28 → 00:11:30 ทราบเลยนะครับว่ามันเกิดแบบนั้นขึ้นได้
00:11:30 → 00:11:32 ยังไง
00:11:32 → 00:11:35 เล่ามาถึงตรงนี้เนี่ยก็คงมีคนสงสัยว่า
00:11:35 → 00:11:38 โอเคเรารู้แล้วไซโก pass เนี่ยมันเป็นแบบ
00:11:38 → 00:11:40 จอมบงการแล้วมันก็ไม่รู้สึกผิดชอบชั่วดี
00:11:40 → 00:11:44 มันไม่สามารถสร้างอะไรได้เลยนะครับถ้าพูด
00:11:44 → 00:11:46 ง่ายๆคือลักษณะของ
00:11:46 → 00:11:49 ไซโคพาสเนี่ยถ้าใครอ่านการ์ตูน Harry
00:11:49 → 00:11:52 Potter ก็เหมือนไอ้ตัว wall's นี่แหละ
00:11:52 → 00:11:53 ครับ
00:11:53 → 00:11:56 เป็นยังไงเป็นอย่างนั้นเลยนะครับคือเป็น
00:11:56 → 00:11:59 ไงครับตอนสมัยที่เขาเรียนเป็นทอม riddle
00:11:59 → 00:12:04 อย่างนี้ในช่วงนั้นน่ะคือเขากระหายในความ
00:12:04 → 00:12:07 ยิ่งใหญ่กระหายในความรู้เพราะเขารู้ว่า
00:12:07 → 00:12:09 ความรู้พวกนั้นจะเอามาทำอะไรได้บ้างนะ
00:12:09 → 00:12:11 ครับเขาก็สร้างเป็นนักเรียนดีเด่นทำตัว
00:12:11 → 00:12:14 ให้แบบดีหมดทุกอย่างคนพวกนี้น่ากลัวมาก
00:12:14 → 00:12:17 เพราะเขาจะทำแบบนั้นได้สุดท้ายโตมาเขาทำ
00:12:17 → 00:12:18 ยังไง
00:12:18 → 00:12:21 เขาก็มีคนมาพรรคพวกมาหาเขาแต่เขาไม่สนใจ
00:12:21 → 00:12:23 เลยนะครับว่าใครจะไปบรรทัดพวกเขาเขาฆ่า
00:12:23 → 00:12:27 ทิ้งได้ง่ายๆเลยนะไม่สนใจเลยว่าจะทำดีไม่
00:12:27 → 00:12:30 ดีเขาไม่สนนะครับเขาสนไว้ค่าแค่ว่าทำ
00:12:30 → 00:12:32 ประโยชน์ให้เขามากน้อยแค่ไหนเขาฆ่าคนได้
00:12:32 → 00:12:34 โดยที่เขาไม่รู้สึกเสียใจอะไรแต่อย่างใด
00:12:34 → 00:12:38 นะครับเขาไม่ได้รู้สึกผิดชอบชั่วดีเขาไม่
00:12:38 → 00:12:42 มีเอ่อการการที่สงสารหรืออะไรเห็นใจใคร
00:12:42 → 00:12:44 แต่อย่างไรและเขามองว่าตัวเองเนี่ยคือพระ
00:12:44 → 00:12:46 เจ้านะครับคือตัวอย่างงี้ต้องอยู่สูงที่
00:12:46 → 00:12:50 สุดนะครับมีความยิ่งใหญ่อะไรอย่างเงี้ยนะ
00:12:50 → 00:12:53 ครับแล้วต้องทำอะไรที่ตัวเองอยากทำเท่า
00:12:53 → 00:12:56 นั้นเองนะครับนี่คือแบบเหมือน The Moss
00:12:56 → 00:13:00 พูดง่ายๆคือไซโคลแพ้เนี่ยนะฮะ
00:13:00 → 00:13:02 แล้วทำไมมันถึงเกิดขึ้นภาวะนี้เกิดขึ้น
00:13:02 → 00:13:05 ได้อย่างไรต้องบอกง่ายๆคือปัจจุบันยังไม่
00:13:05 → 00:13:08 มีคนทราบว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไงแต่เขา
00:13:08 → 00:13:09 เชื่อว่าเป็น
00:13:09 → 00:13:13 มี 2 อย่างร่วมกันคืออย่างแรกกรรมพันธุ์
00:13:13 → 00:13:16 บวกกับการเลี้ยงดูและสิ่งแวดล้อมนะครับ
00:13:16 → 00:13:18 กรรมพันธุ์ในพวกนี้เนี่ยเขาเจอว่าคนที่
00:13:18 → 00:13:20 เป็นไซโคลัสเนี่ยนะครับในครอบครัวเนี่ย
00:13:20 → 00:13:24 มักจะมีประวัติคล้ายๆกันอยู่นะครับมักจะ
00:13:24 → 00:13:26 มีประวัติคล้ายๆกันอยู่เลย
00:13:26 → 00:13:30 นอกเหนือจากนี้บางคนถูกเลี้ยงดูไหมใน
00:13:30 → 00:13:32 ครอบครัวที่อาจจะมีปัญหาอยู่แล้วตั้งแต่
00:13:33 → 00:13:36 แรกก็คือเลี้ยงไม่เป็นน่ะนะครับไม่สามารถ
00:13:36 → 00:13:39 กำหนดกรอบให้ลูกทำตามได้เอออันนี้ไม่ควร
00:13:39 → 00:13:42 ทำอันนี้เกินไปก็ไม่สามารถลงโทษได้ไม่
00:13:42 → 00:13:44 สามารถติดตามว่าเฮ้ยวันนี้ลูกไปไหนได้
00:13:44 → 00:13:46 หรือว่าเขาจะไปใช้ยาเสพติดหรือจะไปติด
00:13:46 → 00:13:49 เพื่อนจะไปอะไรที่ไหนนะครับไม่มีภาวะพวก
00:13:49 → 00:13:51 นี้ไม่สามารถทำได้มีความรุนแรงในครอบครัว
00:13:51 → 00:13:55 มีอะไรพวกเนี้ยนะครับก็เป็นสิ่งที่เราคิด
00:13:55 → 00:13:58 ว่าอาจจะทำให้เกิดแบบนี้ได้นะครับแล้วใน
00:13:58 → 00:14:00 เด็กพวกในคนพวกนี้ที่เป็นไซโคลแพ้เนี่ย
00:14:00 → 00:14:02 อาจจะมีปัญหาตั้งแต่เด็กๆคือในครอบครัว
00:14:02 → 00:14:04 อาจจะมีปัญหาอะไรเยอะแยะตั้งแต่แรกนะครับ
00:14:04 → 00:14:08 และในชั้นเรียนก็อาจจะเป็นคนที่ไม่เรียน
00:14:08 → 00:14:11 ไม่เรียนบ้างแล้วเกเรเรียนนะครับแกล้ง
00:14:11 → 00:14:14 เพื่อนเอ่อทำลายเข้าของอะไรพวกนี้นะครับ
00:14:15 → 00:14:17 แล้วก็อาจจะมีปัญหาอย่างอื่นที่ร่วมกับ
00:14:17 → 00:14:19 โรคที่เขาเป็นอยู่ด้วยนะครับ
00:14:19 → 00:14:24 ซึ่งบางคนเนี่ยจะเป็นไซโกเพชรซึ่งแบบ
00:14:24 → 00:14:27 ไม่สามารถเรียนได้นะครับแต่อีกกลุ่มหนึ่ง
00:14:27 → 00:14:30 จะน่ากลัวแล้วเป็นไซโคพาสซึ่งฉลาดนะครับ
00:14:30 → 00:14:33 ดูว่าเรียนพวกนี้เอาไปทำอะไรได้เรียนแล้ว
00:14:33 → 00:14:37 คะแนนไม่ดีใช่ไหมเรามีวิธีไปประจบประแจง
00:14:37 → 00:14:39 อาจารย์นะครับหรือบางคนเอาตัวไปแลกเพื่อ
00:14:39 → 00:14:43 ให้ได้คะแนนดีเพื่อให้อาจารย์ทำที่ทำตาม
00:14:43 → 00:14:45 ที่ตัวเองต้องการแล้วถ้าอาจารย์ไม่ทำตาม
00:14:45 → 00:14:47 ที่ตัวเองต้องการก็ไปแบล็คเมล์อาจารย์ได้
00:14:47 → 00:14:50 อย่างนี้นะครับคือพวกนี้จะเป็นจะเป็น
00:14:50 → 00:14:51 ทำนองนี้เลยนะฮะ
00:14:51 → 00:14:54 พวกนี้จริงๆถ้าสังเกตต้องสังเกตตั้งแต่
00:14:54 → 00:14:56 เด็กๆว่าพฤติกรรมของเขาเป็นยังไงครอบครัว
00:14:56 → 00:14:58 ที่เขาเลี้ยงดูมาเนี่ยมันเป็นแบบไหนบ้าง
00:14:58 → 00:15:01 นะครับแล้วก็ต้องเป็นเหมือนกับสังคมเรา
00:15:01 → 00:15:03 ช่วยกันดูล่ะครับว่าถ้าเกิดพวกนี้ขึ้นมา
00:15:03 → 00:15:05 ได้ยังไงนะครับแล้วก็คนไหนที่มีความผิด
00:15:05 → 00:15:09 ปกติไปอันนี้ก็จะต้องหาวิธีที่ในหมู่บ้าน
00:15:09 → 00:15:12 ในสังคมเนี่ยจะต้องช่วยกันดูนะครับต้อง
00:15:12 → 00:15:14 บอกกล่าวให้อันนี้ไม่ปกติแล้วนะจะต้องมี
00:15:14 → 00:15:17 คนลงไปดูเลยว่าคนคนนี้เนี่ยมีวิธีในการ
00:15:17 → 00:15:19 เลี้ยงดูของครอบครัวเป็นอย่างไรและตัวเขา
00:15:19 → 00:15:21 มีปัญหาอะไรบ้างที่ต้องแก้ไขต้องไปแก้ไข
00:15:21 → 00:15:23 ตรงนั้นตั้งแต่แรกไม่ฉะนั้นก็จะโตมาแล้ว
00:15:23 → 00:15:26 ก็มีโอกาสเกิดแบบนี้ขึ้นมาได้นะครับแต่ก็
00:15:26 → 00:15:29 ยังโชคดีว่าไซโกเพชรเนี่ยยังเจอไม่ค่อย
00:15:29 → 00:15:31 เยอะเท่าไหร่นะครับมีที่อเมริกาเนี่ย
00:15:31 → 00:15:34 ประเมินไว้ว่าเอ้ยมันอาจจะน้อยกว่า 1% นะ
00:15:34 → 00:15:36 ครับของประชากรทั้งหมดแต่ลองดูสิครับ
00:15:36 → 00:15:38 ประชากรทั้งหมดเนี่ยมันเยอะขนาดนี้เป็น
00:15:39 → 00:15:41 หลายล้านคนน่ะเฮ้ย 1% ก็เยอะนะ 100 คนมี
00:15:41 → 00:15:45 สักคนนึงอะไรเงี้ยนะครับแล้วล้านคนน่ะพัน
00:15:45 → 00:15:48 ล้านคนมันมีสักคนกันซ่อนอยู่นะครับบางคน
00:15:48 → 00:15:50 อาจจะคุมตัวเองไม่ได้ก่อให้เกิดปัญหานะ
00:15:50 → 00:15:51 ครับ
00:15:51 → 00:15:55 ทีนี้แล้วเราทำไงกับ cycopative
00:15:55 → 00:15:58 เออคำถามนะครับ
00:15:58 → 00:16:00 ใส่ก็แพ้เนี่ย
00:16:00 → 00:16:03 เป็นที่หน้าเสียดายอย่างหนึ่งก็คือมันไม่
00:16:03 → 00:16:05 มีทางหายจะเป็นอย่างนี้เป็นไปตลอดชีวิต
00:16:05 → 00:16:06 เลยด้วย
00:16:06 → 00:16:10 เป็นไปตลอดชีวิตเลยด้วยนะครับความรู้สึก
00:16:10 → 00:16:14 ที่ชอบชั่วดีไม่มีนะครับไม่มีหรือตัวความ
00:16:14 → 00:16:16 ที่ต้องรับผิดชอบอะไรสักอย่างต่อการกระทำ
00:16:16 → 00:16:17 ของตัวเองไม่มี
00:16:17 → 00:16:22 เขาจะไม่เห็นใจใครเขาจะใช้ทุกๆวิถีทางใน
00:16:22 → 00:16:24 การทำอะไรก็ได้ให้ได้มาสิ่งสิ่งที่เขา
00:16:24 → 00:16:28 ต้องการเขาจะโกหกเขาจะอะไรก็ได้ทั้งหมด
00:16:28 → 00:16:32 แล้วพวกนี้มันไม่หายถ้าถือมือหมอเนี่ยหมอ
00:16:32 → 00:16:35 เขาทำอะไรได้บ้างทำอะไรไม่ได้ครับต้องบอก
00:16:35 → 00:16:36 เลยนะ
00:16:36 → 00:16:39 วิธีในการรักษานี่ก็คือจะไม่สามารถรักษา
00:16:39 → 00:16:42 ตัวไซโกตาร์ทได้แต่เขาจะไปมุ่งรักษาใน
00:16:42 → 00:16:45 สิ่งที่มันร่วมอยู่กับไซโตสพวกไซโทพาสบาง
00:16:45 → 00:16:49 ทีเขามีความผิดปกติทางจิตอย่างอื่นเช่นมี
00:16:49 → 00:16:53 โรคซึมเศร้านะครับมีติดยานะครับมีปัญหา
00:16:53 → 00:16:55 ทางด้านของโรควิตกกังวลอะไรพวกเนี้ยก็คือ
00:16:55 → 00:16:59 ต้องไปแก้ไขไอ้พวกนั้นน่ะนะครับด้วยยาถ้า
00:16:59 → 00:17:02 เป็นส่วนใหญ่ทีนี้บางคนอาจจะเคยได้ยินคำ
00:17:02 → 00:17:04 ว่า
00:17:04 → 00:17:08 cbt ซึ่งใช้กันเยอะในคนที่มีโรคซึมเศร้า
00:17:08 → 00:17:11 หรือในคนที่มีความผิดปกติทางด้านจิตใจ
00:17:11 → 00:17:16 ต่างๆนะครับโรคความกลัวโรคแพนิคโรควิตก
00:17:16 → 00:17:18 กังวลอะไรพวกนี้นะครับมันเป็นการที่
00:17:18 → 00:17:22 พยายามเปลี่ยนวิธีความคิดของคนที่มีโรค
00:17:22 → 00:17:25 ประจำตัวเหล่านั้นให้เฮ้ยเรามองโลกในแบบ
00:17:25 → 00:17:28 นี้สิอาจจะทำให้เราเข้าใจในสิ่งนั้นๆดี
00:17:28 → 00:17:38 ขึ้นแล้วโลกเราก็อาจจะดีขึ้นได้นะ
00:17:38 → 00:18:30 [เพลง]
00:18:30 → 00:18:33 ฆาตกรรมครั้งหนึ่งจะไม่มีทางกลับตัวได้
00:18:33 → 00:18:35 ครับไม่ไหว้อะไรก็ตามไม่มีทางกลับตัวได้
00:18:35 → 00:18:37 แน่ๆเพราะฉะนั้นวิธีเดียวก็คือจะต้องการ
00:18:37 → 00:18:40 ออกจากสังคมส่วนรวม
00:18:40 → 00:18:43 การออกสังคมส่วนรวมหมายความว่า
00:18:43 → 00:18:45 อันนี้คุณต้องไปดูตามข้อกฎหมายแล้วว่าคือ
00:18:45 → 00:18:48 อะไรนะครับประหารชีวิตจำคุกตลอดชีวิตหรือ
00:18:48 → 00:18:51 อะไรก็แล้วแต่แต่ผมบอกให้เลยนะครับการออก
00:18:51 → 00:18:54 จากสังคมเนี่ยหมายความว่าต่อให้เขาอยู่ใน
00:18:54 → 00:18:55 คุกเนี่ยนะครับ
00:18:55 → 00:18:59 เขาก็จะไปมีอิทธิพลต่อคนที่อยู่ในคุกทั้ง
00:18:59 → 00:19:06 หมดพอดีนะครับผู้คุมนักโทษด้วยกันก็จะโดน
00:19:06 → 00:19:08 เล่นหมดนะครับก็จะมองเพราะว่าเขาสามารถ
00:19:08 → 00:19:11 แสดงอะไรออกมาก็ได้นะครับแสดงให้คุณรู้
00:19:11 → 00:19:14 สึกว่าเฮ้ยฉันเป็นคนดีนะเข้ามาในนี้เฮ้ย
00:19:14 → 00:19:17 เราจริงๆไม่ได้ทำผิดหรอกนะครับเอ้ยตรง
00:19:17 → 00:19:18 นั้นมันมีเหตุผลอะไรเขาก็จะหาเหตุผลให้
00:19:18 → 00:19:21 ท่านแบบเป็นเพื่อนเขาไปจนได้นะครับเพื่อ
00:19:21 → 00:19:24 ผลประโยชน์ของเขาทั้งหมดเลยไม่ว่าอะไรก็
00:19:24 → 00:19:27 แล้วแต่นะครับคนที่แบบบางทีก็สามารถ
00:19:27 → 00:19:29 เปลี่ยนความคิดจากคนคนนึงซึ่งมองเขาในแง่
00:19:29 → 00:19:32 ลบเนี่ยให้มองเข้าในแง่บวกได้ทันทีถ้า
00:19:32 → 00:19:34 ท่านใกล้ชิดกับเขามากเพียงพอแล้วท่านจิต
00:19:34 → 00:19:37 ใจไม่เข้มแข็งพอโดยเฉพาะคนที่แบบโดนปั่น
00:19:37 → 00:19:39 หัวได้ง่ายคนที่แบบมีปมอยู่ในตัวเองเขาก็
00:19:39 → 00:19:43 จะเอาของท่านมาเป็นเพื่อนของเขาไอ้คนที่
00:19:43 → 00:19:45 มีปมใช่ไหมพ่อกับแม่เลี้ยงกูไม่ดีเราก็
00:19:45 → 00:19:47 เออพ่อแม่เราก็เลี้ยงดูมันไม่ดีเหมือนกัน
00:19:47 → 00:19:50 นะอะไรอย่างนี้นะครับเราก็จะเข้าพวกเขา
00:19:50 → 00:19:53 ได้แล้วก็ไปเดี๋ยวเราช่วยนะเรามาร่วมกัน
00:19:53 → 00:19:58 ไหมเราทำโน่นทำนี่ได้เผลอๆไปๆมาๆก็ยิ่งมี
00:19:58 → 00:20:00 ปัญหาเพิ่มเข้าไปใหญ่นะครับอันนี้คือ
00:20:00 → 00:20:04 เรื่องของไซโก pass นะครับหรือโรคจิตที่
00:20:04 → 00:20:08 เราบอกกันนะครับคือมันเป็นอะไรที่สังคมจะ
00:20:08 → 00:20:10 ต้องช่วยกันดูแลนะครับไม่ใช่ชี้ว่าคนโน้น
00:20:10 → 00:20:11 ผิดคนนี้ผิดนะครับ
00:20:11 → 00:20:16 บางคนมาบอกว่าเฮ้ยก็เนี่ยไซยาไนด์หมอฉีด 4
00:20:16 → 00:20:19 หมอวินิจฉัยไม่ได้อ่ะตายทั้งทีโอ้โหตัว
00:20:19 → 00:20:23 คล้ำตัวดำน้ำลายฟูมปากนี่ใครใครบ้างเห็น
00:20:23 → 00:20:25 ก็ต้องบอกว่าเอ้ยเนี่ยเป็นติดพิษซึ่งผิด
00:20:25 → 00:20:28 นะครับผมเคยอธิบายไปแล้วนะครับในคลิปก่อน
00:20:28 → 00:20:31 ว่าทำไมหมอเค้าถึงไม่คิดแบบนั้นแล้วมัน
00:20:31 → 00:20:34 วินิจฉัยยากนะครับเราไปโทษก็โทษไม่ได้นะ
00:20:34 → 00:20:37 ฮะเหมือนเอาง่ายๆก็ได้สมมุติว่าคุณทำงาน
00:20:37 → 00:20:40 อะไรอยู่ก็ได้นะผมสมมุติเลยถ้างานของคุณ
00:20:40 → 00:20:43 เนี่ยมันมีอยู่สัก 100 อย่างที่ต้องทำนะ
00:20:43 → 00:20:46 ครับแล้วแต่ละ 100 อย่างเนี่ยมันไม่
00:20:46 → 00:20:49 เหมือนกันคุณได้รับการเทรนการสอนงานทั้ง
00:20:49 → 00:20:51 หลายอย่างเรียบร้อยแล้วแต่มันจะมีไอ้งาน
00:20:51 → 00:20:53 อยู่อย่างนึงอ่ะที่คุณจะต้องทำให้เสร็จ
00:20:53 → 00:20:57 ภายใน 10 นาทีเราต้องถูกต้องด้วยถ้าไม่
00:20:57 → 00:21:01 ถูกคุณจะโดนไล่ออกนะครับในแต่ละวันนึก
00:21:01 → 00:21:03 อย่างนี้นะครับมันอาจจะเป็นงานหนึ่งใน
00:21:03 → 00:21:06 ร้อยงานอะไรก็ได้เขาจะไม่บอกเราก่อนว่า
00:21:06 → 00:21:08 วันนี้คุณจะได้งานอะไรเขาจะเอางานมาโยน
00:21:08 → 00:21:11 ตรงนี้นะครับงานอื่นคุณทำยังไงก็ได้แต่
00:21:11 → 00:21:13 ถ้ามันเป็นบังเอิญโชคร้ายไม่เป็นไอ้งาน
00:21:13 → 00:21:15 อันนี้ซึ่งคุณจะไม่มีทางรู้มาก่อนคุณต้อง
00:21:15 → 00:21:18 ทำให้เสร็จใน 10 นาทีนะครับคุณได้รับการ
00:21:18 → 00:21:22 สอนมาหมดแล้วผมเชื่ออะไรวะครับว่าร้อย
00:21:22 → 00:21:23 ทั้งร้อย
00:21:23 → 00:21:25 ถ้าคุณไม่ได้เก่งจริงไม่ได้เอะใจจริงๆ
00:21:25 → 00:21:28 แล้วบังเอิญวันนั้นคุณโชคร้ายได้งานชิ้น
00:21:28 → 00:21:30 นั้นมาพอดีเนี่ยที่ต้องทำให้เสร็จภายใน 10
00:21:30 → 00:21:32 นาทีแล้วต้องทำให้ถูกต้องด้วย
00:21:32 → 00:21:35 มีคนโดนไล่ออกกันเยอะแยะไปหมดแล้วครับนะ
00:21:35 → 00:21:40 ไซยาไนด์ก็เหมือนกันคือหมอหลายคนเนี่ยได้
00:21:40 → 00:21:42 รับการเรียนการสอนเรื่องไซนานมาแต่จะมี
00:21:42 → 00:21:45 สักกี่คนที่จำได้ทุกอย่างนะครับจำได้แล้ว
00:21:45 → 00:21:50 จะมีสักกี่คนที่สงสัยนะครับสงสัยเราต้อง
00:21:50 → 00:21:53 ทำยังไงโอ้มันไหลทอดมากแล้วมันไม่ได้เคส
00:21:53 → 00:21:56 ที่เจอกันบ่อยขนาดนั้นนะครับเนี่ยก็ตั้ง
00:21:56 → 00:21:58 แต่โควิดระบาดมาคุณเจอไซยาไนด์กี่เคส
00:21:59 → 00:22:03 นะครับก็น้อยมากนะครับเนี่ยมันถึงยากขนาด
00:22:03 → 00:22:06 นี้นะครับดังนั้นผมจะไม่ได้โทษเลยนะครับ
00:22:06 → 00:22:09 ว่าหมออะไรที่วินิจฉัยพวกนี้ไม่ได้เพราะ
00:22:09 → 00:22:12 ว่าบางคนเห็นบอกว่าผมเอามาพูดก็ปกป้องพวก
00:22:12 → 00:22:14 เดียวกันเองนะมันไม่ใช่นะครับมันวินิจฉัย
00:22:14 → 00:22:17 ยากขนาดนั้นถ้าคุณลองมาเจอของที่ยากๆแบบ
00:22:17 → 00:22:19 นี้รับรองว่ามีไม่กี่คนหรอกครับที่คิด
00:22:19 → 00:22:22 เรื่องพวกนี้ออกนะครับก็ต้องไปดูกัน
00:22:22 → 00:22:24 เรื่องพวกนี้เวลาที่เรามีเรื่องอะไรสัก
00:22:24 → 00:22:26 อย่างขึ้นมาในสังคมหรือในที่ทำงานของเรา
00:22:26 → 00:22:29 เนี่ยประเด็นแรกไม่ใช่ว่าการหาว่าใครผิด
00:22:29 → 00:22:31 นะครับไม่ใช่ว่าไอ้คนนั้นไงคนนี้คนนั้น
00:22:31 → 00:22:33 อย่างเงี้ยไม่งั้นคุณก็อาจจะเป็น
00:22:33 → 00:22:36 ไซโคลแพสต์คนนึงก็ได้เพราะแพ้เนี่ยหรือคน
00:22:36 → 00:22:38 โรคจิตพวกนี้นะครับเขาจะไม่คิดว่าตัวเอง
00:22:38 → 00:22:41 ผิดเขาจะโทษคนนั้นน่ะโทษคนนั้นคนนี้ใส่
00:22:41 → 00:22:45 ร้ายป้ายสีเพื่อให้เขาได้มาในความสบายใจ
00:22:45 → 00:22:48 ความพอใจของเขาอ่ะว่าเฮ้ยยังไงก็ได้ที่
00:22:48 → 00:22:50 เราไม่ผิดนะใส่กบแพ้ก็จะทำแบบนั้นเหมือน
00:22:50 → 00:22:53 กันนะครับก็จะพยายามเพราะว่าคนนู้นคนนี้
00:22:53 → 00:22:56 นะครับให้คนอื่นผิดให้ได้โดยเขาเนี่ยใส่
00:22:56 → 00:22:59 สะอาดไม่เป็นอะไรนะครับเวลาที่เกิดปัญหา
00:22:59 → 00:23:02 ขึ้นมาพวกนี้แทนที่เราจะไปชี้ว่าคนนั้น
00:23:02 → 00:23:04 ผิดคนนี้ผิดคนนี้ฆ่าคนตายคนนี้ต้องมี
00:23:04 → 00:23:06 ปัญหาถ้าเราเอากำจัดเข้าไปจากสังคมสังคม
00:23:06 → 00:23:09 มันจะดีขึ้นไม่ใช่หรอกครับใช่ก็แพ้ไม่ได้
00:23:09 → 00:23:11 มีคนเดียวครับคนนี้หายไปก็มีใส่ compare
00:23:11 → 00:23:13 ซ่อนอยู่ในสังคมเราอีกนั่นแหละ
00:23:13 → 00:23:18 เราต้องมาว่ากันที่ระบบนะครับระบบจะทำยัง
00:23:18 → 00:23:22 ไงกับการที่ถ้าเราเจอคนที่สงสัยว่าเป็น
00:23:22 → 00:23:25 ไซโกสต์เราจะละลายงานใครเราจะมีหน่วยงาน
00:23:25 → 00:23:28 อะไรลงมาช่วยเหลือนะครับต้องมีแบบนี้ครับ
00:23:28 → 00:23:31 และหน่วยงานทางรัฐบาลทางด้านจิตเวชทาง
00:23:31 → 00:23:33 อะไรพวกนี้ก็จะรับมือกับเคสเหล่านี้ได้
00:23:33 → 00:23:35 ยังไงนะฮะ
00:23:35 → 00:23:39 ลงมาดูแล้วก็มาดูมาดูว่าเออทำยังไงหมอถึง
00:23:39 → 00:23:43 จะสงสัยเรื่องของไซยาไนด์ได้นะครับถ้า
00:23:43 → 00:23:46 สงสัยแล้วทำยังไงต่อมียาไหมนะครับถ้า
00:23:46 → 00:23:49 สมมุติตายไปแล้วมีนิติเวชพอไหมนะครับทำไม
00:23:49 → 00:23:52 บางคนบอกว่าเอ้ยหมอนิติเวชต้องพิสูจน์ทุก
00:23:52 → 00:23:54 เคสถ้าพิสูจน์ทุกเคสที่ตายพอดีแหละครับ
00:23:54 → 00:23:56 โอเคมันเยอะมากที่เสียชีวิตถูกไหมครับดัง
00:23:56 → 00:23:59 นั้นเราก็ต้องมีเกณฑ์มีมีวิธีมีอะไรพวก
00:23:59 → 00:24:01 นี้ซึ่งต้องไปว่ากันในเชิงของระบบว่าจะทำ
00:24:01 → 00:24:04 ยังไงดีหมอนิติเวชจบมาก็มีไม่กี่คนที่จบ
00:24:04 → 00:24:07 นิติเวชในแต่ละปีถูกไหมครับแล้วส่วนมาก
00:24:07 → 00:24:10 เขาก็กระจุกอยู่ในโรงพยาบาลใหญ่ๆที่เขา
00:24:10 → 00:24:13 อยากจะทำงานเขาไม่สามารถที่ก็เหมือนทุกๆ
00:24:13 → 00:24:15 คนล่ะครับเราไม่อยากทำงานลำบากไม่อยู่
00:24:15 → 00:24:18 อยากอยู่ในพื้นที่ธุระกันดารที่มันห่าง
00:24:18 → 00:24:21 กันความเจริญหมอนิติเวชก็เหมือนกันล่ะ
00:24:21 → 00:24:23 ครับน่ะก็ไม่ได้อยากไปอยู่ในที่ที่มัน
00:24:23 → 00:24:26 ทุรกันดารไกลบ้านทำงานลำบากเงินเดือนน้อย
00:24:26 → 00:24:28 แล้วไม่ได้หรอกครับเราก็ต้องมีวิธีบอกว่า
00:24:28 → 00:24:32 โอเคหาสวัสดิการหาทุกอย่างให้เขาแล้วก็
00:24:32 → 00:24:35 ถ้าเขาต้องไปทำงานไกลบ้านก็ต้องมี
00:24:35 → 00:24:37 ค่าตอบแทนมีผลตอบแทนอะไรที่โอเคเหมือนกัน
00:24:37 → 00:24:39 นะครับไม่งั้นใครก็จะอยากไปนะครับเป็นไป
00:24:39 → 00:24:41 ไม่ได้ตัวท่านเองท่านยังไม่อยากไปนะครับ
00:24:41 → 00:24:45 หรือผมบอกให้ท่านบอกว่าเออเนี่ยไปเป็น
00:24:45 → 00:24:50 ทหารที่ชายแดนสิถ้าอยากไปไหมครับ
00:24:50 → 00:24:53 ดังนั้นเราก็ต้องเราก็ต้องมาดูกันในแง่
00:24:53 → 00:24:55 ของระบบเราจะไปชี้นิ้วว่าคนโน้นผิดคนนี้
00:24:55 → 00:24:58 ผิดไม่งั้นไม่ได้นะครับเราต้องถือโอกาส
00:24:58 → 00:25:00 ว่าเฮ้ยมันมีวิกฤตอย่างนี้มันเป็นการ
00:25:00 → 00:25:03 เตือนว่าเราจะต้องทำอะไรในแง่ของระบบที่
00:25:03 → 00:25:06 ทำให้มันดีขึ้นเรามาช่วยกันคิดครับเราไม่
00:25:06 → 00:25:08 ได้ต้องโทษใครนะครับจริงๆทุกคนมีส่วนร่วม
00:25:08 → 00:25:11 รับผิดชอบในเรื่องของพวกนี้ทั้งสังคมนะ
00:25:11 → 00:25:14 ครับเราอยู่ในสังคมไหนเราก็จะต้องมาถาม
00:25:14 → 00:25:17 ว่าเราทำอะไรให้สังคมหรืออย่างเราทำยังไง
00:25:17 → 00:25:20 ให้สังคมมันดีขึ้นไม่ใช่ว่าเราไปโทษคน
00:25:20 → 00:25:21 โน้นคนนี้นะครับเพราะยังทำแบบนั้นเนี่ย
00:25:21 → 00:25:24 สังคมมันไม่มีทางดีขึ้นแล้วมันในเมื่อมัน
00:25:24 → 00:25:26 ไม่ดีขึ้นใครอยู่ในสังคมครับก็ท่านเอง
00:25:27 → 00:25:29 นั่นแหละครับนะฮะท่านอยู่ในสังคมซึ่งมัน
00:25:29 → 00:25:31 ไม่ดีเราก็ไม่คิดจะทำให้มันดีขึ้นเพราะ
00:25:31 → 00:25:34 ว่าคิดว่าเฮ้ยเดี๋ยวมันคงมันไม่มาเจอตัว
00:25:34 → 00:25:37 เองหรอกนะครับก็นั่นแหละครับถ้าเกิดปัญหา
00:25:37 → 00:25:38 นะฮะ
00:25:38 → 00:25:40 โอเควันนี้ผมก็เล่ามาเพียงเท่านี้แล้วกัน
00:25:40 → 00:25:43 นะครับแล้วถ้าเกิดว่ามีความรู้อะไรเพิ่ม
00:25:43 → 00:25:45 เติมผมแนะนำว่าลองถามทางด้านจิตแพทย์จะดี
00:25:45 → 00:25:47 กว่านะครับน่าจะให้ความรู้ได้มากกว่าที่
00:25:47 → 00:25:50 ผมให้ในวันนี้เรื่องเกี่ยวข้องกับ cycope
00:25:50 → 00:25:52 pass นะครับแต่ว่าผมก็รู้ประมาณเท่านี้
00:25:52 → 00:25:54 แล้วกันนะครับใครมีอะไรสงสัยเพิ่มเติมก็
00:25:54 → 00:25:55 สอบถามมาได้นะครับขอบคุณมากครับสวัสดี
00:25:55 → 00:25:58 ครับ