00:00:00 → 00:00:04 ก็สำหรับในวันนี้นะคะก็ขอโปรยพูดถึงเอ่อ
00:00:04 → 00:00:07 วิทยากรประจำรายการของเราก่อนว่าทุกวัน
00:00:07 → 00:00:10 อ่าเราจะมีวิทยากรที่เกี่ยวกับเรื่องของ
00:00:10 → 00:00:14 สุขภาพจิตเรื่องของจิตวิทยานะคะมาพูดคุย
00:00:14 → 00:00:18 กันทุกวันจันทร์โดยที่มีพี่เอ่อขวัญชอบ
00:00:18 → 00:00:20 ติดปากเรียกว่าพี่ติ๋วแต่ว่าจริงๆคือด้วย
00:00:20 → 00:00:23 ความที่พี่ติ๋วเข้ามาเรียน CEO รุ่น 2 นะ
00:00:23 → 00:00:26 CEO of อาซียนก็เลยเป็นที่รู้จักกันมา
00:00:26 → 00:00:28 ก่อนแต่ว่าในที่นี้ก็ขอเรียกอาจารย์ติ๋ว
00:00:28 → 00:00:31 แล้วกันนะคะหรือจะเรียกโคตติ๋วก็ได้ไม่มี
00:00:31 → 00:00:35 ปัญหาก็คือคุณนันทนาวงบุญชูค่ะเป็นผู้
00:00:35 → 00:00:37 เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาศาสตร์การบำบัด
00:00:37 → 00:00:40 เยียวยาและการโค้ชค่ะสวัสดีค่ะพี่ติ๋วค่ะ
00:00:40 → 00:00:45 สวัสดีครับโคชติ๋วติ๋วดีกว่านะค่ะก็จริงๆ
00:00:45 → 00:00:48 แล้ววันจันทร์ในรายการสุขภาพดีของเรา
00:00:48 → 00:00:51 เนี่ยก็ขอบคุณมากที่โคติ๋วเนี่ยเข้ามาพูด
00:00:51 → 00:00:53 คุยกับเราทุกๆวันจันทร์หลังจากนี้ไปใช่
00:00:53 → 00:00:56 มั้ยคะใช่ค่ะด้วยความยินดีด้วยความยินดี
00:00:56 → 00:01:00 นะคะก็คือก่อนหน้าเเราก็อาจจะมีเ่อคุณหมอ
00:01:00 → 00:01:02 ด้านสุขภาพจิตเข้ามาพูดคุยบ้างแต่ว่าถ้า
00:01:02 → 00:01:05 ได้เ่อเรื่องของโค้ชติ๋วเข้ามาพูดคุย
00:01:05 → 00:01:08 เนี่ยน่าจะเติมเต็มเรื่องของสุขภาพจิตสู่
00:01:08 → 00:01:11 สุขภาพของร่างกายจิตเป็นนายกายเป็นบ่าว
00:01:11 → 00:01:14 ถ้าจิตดีสุขภาพร่างกายก็จะแข็งแรงไปด้วย
00:01:14 → 00:01:18 นะคะก็วันนี้ก็เลยชวนโคติ๋วคุยกันเกี่ยว
00:01:18 → 00:01:21 กับเรื่องของการลดความเครียดเพราะว่า
00:01:21 → 00:01:25 เดี๋ยวเนี้ยคนแค่เริ่มไตรมาสแรกของปีก็
00:01:25 → 00:01:28 เครียดขึึ้นมาเยอะแล้วแต่ว่ามีไปเสิร์ชดู
00:01:28 → 00:01:33 ค่ะแล้วก็แบบมีความความสงสัยว่าตัว
00:01:33 → 00:01:36 mbsr ครับมันคือย่อมาจากอะไรแล้วพออีก
00:01:36 → 00:01:41 ตัวนึงก็มี mbct โอ้โหมันคือตัวย่อแล้ว
00:01:41 → 00:01:44 มันย่อมาจากอะไรมันจะวิธีอย่างเงี้ยมันจะ
00:01:44 → 00:01:46 ช่วยคายเครียดยังไงนะโอ๊คใช่มันใช่แบบพวก
00:01:47 → 00:01:50 คณะบริหารปริญญาโท mba mba อะไรแบบนั้น
00:01:51 → 00:01:53 รึเปล่าฮะโิน่าสนใจน่าสนใจเหมือน mba
00:01:53 → 00:01:56 เงี้ยใช่มั้เออมันมีตัวย่อเหมือนกันก็เลย
00:01:56 → 00:01:59 วันนี้ก็เลยอยากชวนรู้จักกันว่า mbsr
00:01:59 → 00:02:02 แล้วก็ mbct เนี่ยจะชช่วยลดความเครียดได้
00:02:02 → 00:02:06 ยังไงเรียกว่าอะไร mindfulness Base
00:02:06 → 00:02:10 state reduction หรือว่า mbsr หรือว่า
00:02:10 → 00:02:13 แล้วก็ตัว mbct เนี่ย My fullness Base
00:02:13 → 00:02:16 conative therapy อ่าอันเนี้ย 2 ตัวนี้
00:02:16 → 00:02:19 โอ้โหชื่อยาวมากเลยโคติ๋วมันคืออะไร
00:02:19 → 00:02:21 อธิบายให้เราฟังหน่อยค่ะ
00:02:21 → 00:02:24 อื้อหือก่อนอื่นเลยเนี่ยรู้สึกชื่นชมมาก
00:02:24 → 00:02:27 เพราะว่าทางทีมงานเนี่ยทำการบ้านได้ดีมาก
00:02:27 → 00:02:32 เนาะเพราะว่าอะไรเพราะว่าแม้แต่ในวงการ
00:02:32 → 00:02:36 จิตวิทยาหรือการบำบัดทางสุขภาพจิตอ่ะค่ะ
00:02:36 → 00:02:39 ก็อาจจะยังไม่ค่อยคุ้นกับ 2 คำนี้นัก
00:02:39 → 00:02:41 เพราะว่าเป็นเรียกว่าเป็นเครื่องมือการ
00:02:41 → 00:02:45 บำบัดที่เป็นทางเลือกที่ในต่างประเทศน่ะ
00:02:45 → 00:02:48 ใช้เยอะแต่ในเมืองไทยอาจจะยังไม่ค่อยมีคน
00:02:48 → 00:02:51 รู้จักนักไม่ค่อยคุ้นเคยเลยรู้สึกชื่นชม
00:02:51 → 00:02:55 ทีมงานว่าอู่ไปหาข้อมูลได้ดีมากเพราะอะไร
00:02:55 → 00:02:58 เพราะว่ามันจะทำให้คนไทยอ่ะมีทางเลือก
00:02:58 → 00:03:02 แล้วก็มีเค้าเรียกว่าว่าข้อมูลกว้างขึ้น
00:03:02 → 00:03:04 คือได้รับรู้การเข้าถึงข้อมูลได้หลากหลาย
00:03:04 → 00:03:08 มากยิ่งขึ้นมีเครื่องมือในการกำขจัดความ
00:03:08 → 00:03:11 เครียดได้มากขึ้นถูกต้องมั้ยคะใชใช่ๆๆค่ะ
00:03:11 → 00:03:13 เป็นทางเลือกอ่ะเป็นทางเลือกอ่ะมาเข้า
00:03:13 → 00:03:17 เรื่องกันเลยค่ะว่า mbsr คืออะไรคะใช่
00:03:17 → 00:03:22 ก่อนอื่นเนี่ยก่อนที่จะพูดถึง mbsr หรือ
00:03:22 → 00:03:25 แม้กระทั่งแต่ MBC เมื่อกี้ที่ได้ยินคำ
00:03:25 → 00:03:30 ว่าเครียดเนี่ยค่ะมันเป็นความเครียดสะสม
00:03:30 → 00:03:35 เราในบางีเราก็ไม่รู้แล้วความเครียดอ่ะ
00:03:35 → 00:03:38 มันมาตั้งแต่เราเป็นเด็กก็มีมาตั้งแต่
00:03:38 → 00:03:41 อยู่ในท้องหรือเปล่าอ่านั่นแหละถูกต้อง
00:03:41 → 00:03:43 ที่สุดท้องพี่ขวัญจำได้ขนาดนั้นเลยเหรอ
00:03:43 → 00:03:47 ว่าเราเราเครียดตอนไม่ๆก็พูดไปออนึกว่า
00:03:47 → 00:03:49 ความจำความได้ตั้งแต่ตอนนั้นเลยเพะว่าคือ
00:03:49 → 00:03:52 แบบเหมือนกับว่าคุณคือถ้าคุณแม่ที่บางบาง
00:03:52 → 00:03:55 ท่านเงี้ยเขาจะเปิดเพลงให้ลูกฟังพอลูกได้
00:03:55 → 00:03:58 ยินเสียงเพลงก็จะมีความขยับขยายเซอร์ส
00:03:58 → 00:04:02 คลายเสียงสภาพแวดล้อมที่ได้รับระง้องแต่
00:04:02 → 00:04:05 ถ้าคุณแม่เครียดเคยได้ยินมาว่าลกลูกก็จะ
00:04:05 → 00:04:08 เครียดลูกจะนิ่งจะไม่ขยับมากเท่าไหร่อะไร
00:04:08 → 00:04:10 อย่างเงี้ยอันเนี้ยในฐานะคนที่เคยเป็นคุณ
00:04:10 → 00:04:12 พ่อมาแล้วอยู่
00:04:12 → 00:04:16 ครับเป็นอยู่ไม่ใช่เคยเป็นของอะไขออภัย
00:04:16 → 00:04:18 ใช่ๆเนี่ยแหละยิ่งเป็นคุณพ่อยิ่งต้อง
00:04:18 → 00:04:20 เรียนรู้ไว้ด้วยนะว่ามันมีธรรมชาตินี้
00:04:20 → 00:04:23 เกิดขึ้นจริงๆเพราะว่าอย่างเด็กอ่ะเรียน
00:04:23 → 00:04:26 รู้ตั้งแต่อยู่ในท้องแม่เหมือนแม่แม่กิน
00:04:26 → 00:04:29 อะไรเนี่ยลูกก็ได้รับสิ่งนั้นถูกมแม่คิด
00:04:29 → 00:04:32 อะไรอ่ะลูกก็ได้รับสิ่งนั้นตอนท้องอ่ะเ
00:04:32 → 00:04:35 ถึงบอกให้คุณพ่อคเอ่อคุณพ่อพูด้วยคุณพ่อ
00:04:35 → 00:04:38 ก็มีส่วนนะใช่ๆลูกอ่ะอยู่ในท้องแม่ค่ะแต่
00:04:38 → 00:04:42 คุณพ่อมีอิทธิพลสูงมากเพราะว่าเมื่อพ่อมา
00:04:42 → 00:04:45 กระทบแม่แม่ก็ลงไปูอย่าไปสร้างความเครียด
00:04:45 → 00:04:49 ให้แม่เค้าอ่านี่ผมได้ยินคำนี้ใช่มั้ถ้า
00:04:49 → 00:04:53 แม่อยากชปก็ต้องให้แม่ช็อปอ่าใช่มีเรื่อง
00:04:53 → 00:04:57 ช็อบเรื่องกินค่ะเออแล้วก็เรื่องอะไรที่
00:04:57 → 00:05:00 มันกระทบกระเทือนจิตใจเล็กๆน่ะห้ามเลยอ่ะ
00:05:00 → 00:05:04 ถูกต้องถูกต้องเพราะว่าเด็กอ่ะเรียนรู้
00:05:04 → 00:05:06 ตั้งแต่อยู่ในท้องแม่รับข้อมูลทุกอย่าง
00:05:06 → 00:05:09 ตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ถ้าแม่มีอารมณ์อะไร
00:05:09 → 00:05:13 อ่ะลูกก็มีอารมณ์นั้นร่วมเข้าไปด้วยครับ
00:05:13 → 00:05:17 ใช่คราวเนี้ยถึงถึงชวนเข้ามาสู่คำว่าความ
00:05:17 → 00:05:20 เครียดก่อนเพราะว่ามันสะสมค่ะแล้วมันเป็น
00:05:20 → 00:05:23 เรื่องที่สำคัญมากคนก็ไม่ค่อยรู้พอเรา
00:05:23 → 00:05:27 เครียดเนี่ยมันจึงมีศาสตร์การบำบัดค่ะ
00:05:27 → 00:05:31 เพื่อมาเป็นทางเลือกที่ทำให้เราเนี่ยชำระ
00:05:31 → 00:05:34 ล้างหรือว่าสลายความเครียดเพราะอะไรเพราะ
00:05:34 → 00:05:37 ความเครียดน่ะค่ะเราอ่ะได้ยินคำนี้จนรู้
00:05:37 → 00:05:41 สึกว่าเป็นเรื่องธรรมดาธรรมดาอ้าใคร
00:05:41 → 00:05:44 เครียดเคยชินใครๆก็เครียดทำงานก็เครียด
00:05:44 → 00:05:46 เป็นปกติแหละใครไม่เครียดกันบ้างเออใช่มย
00:05:46 → 00:05:49 แล้วก็เครียดก็ไม่เห็นแปลกนิหไอ้เนี่ยยัง
00:05:50 → 00:05:53 ไม่เท่าไหร่นะมันมีมากกว่านี้คือไม่
00:05:53 → 00:05:57 เครียดเก็บเอาไว้เออเหมือนเป็นความเคยชิน
00:05:57 → 00:06:00 อยู่แล้วจอก็ไม่ได้เครียดรู้สึกว่าตัวเอง
00:06:00 → 00:06:02 เครียดไม่ยอมรับว่าตัวเองเครียดค่ะเหมือน
00:06:02 → 00:06:05 เคยได้ยินคนเมามั้ยเมามั้ยไม่เมาไม่เมา
00:06:05 → 00:06:09 ไม่เมาแค่เดินเซเฉยๆเหมือนเดมถูเพราะ
00:06:10 → 00:06:12 ฉะนั้นเนี่ยค่ะมันสำคัญมากค่ะคุณผู้ฟังคะ
00:06:12 → 00:06:16 ครับที่เราอ่ะจะเริ่มยอมรับก่อนยอมรับว่า
00:06:16 → 00:06:19 เราเครียดใช่ยอมรับว่าเราเครียดและนี่ไอ้
00:06:19 → 00:06:21 การยอมรับเนี่ยเป็นอีกหนึศาสตร์การบำบัด
00:06:21 → 00:06:23 ด้วยนะเดี๋ยวดี๋ยวจะพูดให้ฟังต่อไปไอ้การ
00:06:23 → 00:06:26 ยอมรับเนี่ยเป็นการบำบัดด้วยอครับอืคราว
00:06:26 → 00:06:30 นี้พร้อมยังที่จะเข้ามาถึง MB SR พร้อม
00:06:30 → 00:06:33 ค่ะรอฟังมากเพราะว่ามันคืออะไรเพราะมัน
00:06:33 → 00:06:36 คือตัวย่อที่ยาวมากใช่ๆ
00:06:36 → 00:06:39 เอ่อเมื่อกี้ก็จะเรียกเพราะไปหลายที่ก็จะ
00:06:39 → 00:06:42 มีทั้งครูโค้ช
00:06:42 → 00:06:47 อาจารย์เมื่อสักครู่อ่ะเอ่อครูอ่ะก็จะเลย
00:06:47 → 00:06:50 เลยอยากจะเกริ่นนำให้เข้าใจถึงความเครียด
00:06:50 → 00:06:53 เพิ่มขึ้นก่อนเพราะในการบำบัดเี่มันมี
00:06:53 → 00:06:57 หลายศาสตรคราวนี้ mbsr เนี่ยหรือ
00:06:57 → 00:06:59 mindfulness
00:07:00 → 00:07:04 strate deduction ค่ะมันก็คือการบำบัด
00:07:04 → 00:07:08 อย่างนึงที่มันมีมานานแล้วตั้งแต่ปี 1979
00:07:08 → 00:07:14 โอ้ก่อนผมเกิดอีกอือื 1979 ก่อนพี่เกิด
00:07:14 → 00:07:17 ด้วยก็ใช่อ่ะพวกอ่าก่อนอาจารย์ติ๋วมั้ยคะ
00:07:17 → 00:07:19 ไม่ก่อนเท่าไหร่
00:07:20 → 00:07:25 อ่ามันก็เรียกว่านานพอสมควรที่ที่เอ่อ
00:07:25 → 00:07:29 มหาลัยที่อเมริกาเนาะที่เขาเเรียกว่าเป็น
00:07:29 → 00:07:33 ต้นกำเนิดของศาสตร์การบำบัดแขนงนี้ค่ะ
00:07:33 → 00:07:37 เนาะที่มันจะเน้นเน้นการลดความเครียดผ่าน
00:07:37 → 00:07:41 การฝึกสติในชีวิตประจำวันซึ่งฝึสติอคำว่า
00:07:41 → 00:07:46 สติอ่ะเราคนไทยอ่ะก็จะมีพระพุทธศาสนาอยู่
00:07:46 → 00:07:50 คุ้นเคยกันอยู่ถมเพียงแต่ว่ามันก็เหมือน
00:07:50 → 00:07:53 กับที่เราเกริ่นกันเมื่อสักครู่ว่าคำว่า
00:07:53 → 00:07:58 เครียดเนี่ยบางครั้งคนได้ยินกันจนกันจนจน
00:07:58 → 00:08:01 รู้สึกคิดว่าอันนี้คือเครียดไม่ไม่คิดว่า
00:08:01 → 00:08:06 คือความเครียดและไม่รู้ว่ามันอันตรายแค่
00:08:06 → 00:08:09 ไหนอืว่ามันมีโทษแค่ไหนค่ะผมพอจะนึกภาพ
00:08:09 → 00:08:14 ออกนึกออกคคือด้วยความที่ครูอ่ะทำงานอยู่
00:08:14 → 00:08:19 ในแวดวงการบำบัดการเยียวยามามากกว่า 10
00:08:19 → 00:08:23 ปีอ่ะเลยเห็นเลยว่าทุกอาการที่เราเกิดนะ
00:08:23 → 00:08:27 คะไม่ว่าจะเป็นทางกายหรือทางใจอ่ะแม้แต่
00:08:27 → 00:08:30 โรคทางกายที่เราเห็นกันอยู่อ่ะรากของทุก
00:08:30 → 00:08:35 ปัญหารากของทุกโลกอ่ะค่ะมาจากจิตใจเพราะ
00:08:35 → 00:08:38 พูดภาษาชาวบ้านก็คือความเครียดถ้าพูดให้
00:08:38 → 00:08:40 ชัดมากกว่านั้นก็คือความทุกข์ค่ะความ
00:08:40 → 00:08:44 ทุกข์ทางใจอ่ะค่ะถ้าไม่ได้รับการเยียวยา
00:08:44 → 00:08:48 ครับอมันจะสะท้อนออกมาทางร่างกายทั้ง
00:08:48 → 00:08:52 สุขภาพที่อ่อนแอลงเชความเ่อฉุนเฉียวที่
00:08:52 → 00:08:56 อาจจะเกิดขึ้นใช่ค่ะใช่ค่ะมันมีอะไรก็
00:08:56 → 00:08:58 แล้วแต่แหละมันมีรากอ่ะแม้แต่เมื่อสัก
00:08:58 → 00:09:01 ครู่ที่ครูพูดถึงคำว่าปัญหาค่ะค่ะปัญหาใน
00:09:01 → 00:09:04 ชีวิตเราอ่ะไม่ว่าจะ
00:09:04 → 00:09:08 เป็นปัญหาอกหักหลักลอยคอยงานสังขารเสื่อม
00:09:08 → 00:09:13 เออการทำงานปัญหาการเงินทุกอย่างทุกอย่าง
00:09:13 → 00:09:17 อ่ะมันล้วนมาจากจิตใจของเรามันล้วนมาจาก
00:09:17 → 00:09:20 ความคิดของเราค่ะถูกมยเมื่อสักครู่ที่พูด
00:09:20 → 00:09:22 ถึง
00:09:22 → 00:09:25 mbsr จที่เน้นก็คือเรื่องความเครียดและ
00:09:25 → 00:09:28 ลดความเครียดการลดความเครียดด้วยการอาศัย
00:09:28 → 00:09:32 สติใช่ค่ะใช่ด้วยการรู้สึกตัวซึ่งเขาก็จะ
00:09:32 → 00:09:35 มีกระบวนการเนาะไม่ว่าจะเป็นการอ่านั่ง
00:09:35 → 00:09:39 สมาธิการสแกนร่างกายค่ะถูกมอย่างนี้เป็น
00:09:39 → 00:09:42 ต้นคราวนี้เมื่อสักครู่ที่ครูพูดคำว่า
00:09:42 → 00:09:46 ความคิดค่ะอ่ะครูจะจะชี้ให้เห็นแก่นๆก่อน
00:09:46 → 00:09:49 ว่า mbsr เนี่ยจะเน้นไปในเรื่องของอะไรคะ
00:09:49 → 00:09:51 ความเครียดคววามเครียดการลดความเครียดถูก
00:09:51 → 00:09:55 มคราวนี้เมื่อสักครู่ที่พูดคำว่าความคิด
00:09:55 → 00:10:00 มันจะเชื่อมมาถึง mbct มา 2 อันนี้แแสดง
00:10:00 → 00:10:03 ว่าต้องมาคู่กันอ่ามันเหมือนเป็นการพัฒนา
00:10:03 → 00:10:06 ต่อขึ้นมาต่ออ๋อมันมีความเชื่อมโยงมันมี
00:10:06 → 00:10:08 ความเชื่อมโยงเพราะ
00:10:08 → 00:10:09 ว่า
00:10:09 → 00:10:13 mbct หรือย่อมมาจาก mindfulness Base
00:10:13 → 00:10:19 ค่ะ cognitive ครับ therapy ค่ะมันคือมี
00:10:19 → 00:10:22 เรื่องของการเชื่อมโยงมาถึงความคิดและ
00:10:22 → 00:10:28 พฤติกรรมอืครับออืหรือเค้าเรียกว่าพอมัน
00:10:28 → 00:10:31 พอมันมีเอ่อเอ่อ mbsr ที่เน้นลดความ
00:10:31 → 00:10:37 เครียดถูกมยคะค่ะมันก็ต่อต่อยอดการขยายผล
00:10:37 → 00:10:40 การศึกษามาเป็น
00:10:40 → 00:10:43 mbct ที่เน้นเกี่ยวกับการบำบัดความคิด
00:10:43 → 00:10:47 และพฤติกรรมซึ่งมันก็มีการรวมเอาศาสตร์
00:10:48 → 00:10:52 ของ cbt cbt เนี่ยคือ cognitive
00:10:52 → 00:10:55 Behavior therapy การบำบัดความคิดและ
00:10:55 → 00:11:01 พฤติกรรมค่ะในในส่วนของของ mbsr เนี่ยจะ
00:11:01 → 00:11:04 เน้นที่การลดความเครียดถูกมั้ยลดเครียด
00:11:04 → 00:11:06 โดยในส่วนของ
00:11:06 → 00:11:10 mbct นะจะเน้นในส่วนของความคิดบำบัดความ
00:11:11 → 00:11:13 คิดและพฤติกรรมถูกมั้ยเพราะว่าอะไรเพราะ
00:11:13 → 00:11:15 ว่าเมีความเชื่อ
00:11:15 → 00:11:21 ว่าทุกอย่างอ่ะมันจะเริ่มจากความคิดอืเา
00:11:21 → 00:11:24 ก็เลยเน้นให้เราเนี่ยตระหนักรู้รูปแบบของ
00:11:24 → 00:11:27 ความคิดว่าความคิดของเราเนี่ยเป็นอย่างไร
00:11:27 → 00:11:32 อืถ้าเราคิดลบอ่ะค่ะมันก็นำมาซึ่งความ
00:11:32 → 00:11:35 เครียดความไม่ไม่แบบเหมือนกับจิตใจก็หอ
00:11:35 → 00:11:39 เหี่ยวทุกอย่างก็ดูมืดมนดูฝุ่นมัวดูไม่มี
00:11:39 → 00:11:43 ความสุขดูหมองเศร้าจังเลยเห็นไอ้นู่นฝนตก
00:11:43 → 00:11:48 อีกแล้วเดินรถติดอีกแล้วไม่มีมุมบวกเลย
00:11:48 → 00:11:52 ไม่มีมุมบวกเลยอืแฉะอีกแล้วน้ำท่วมอีก
00:11:52 → 00:11:56 แล้วกลับบ้านไม่ได้อีกแล้วเออประมาณนั้น
00:11:56 → 00:12:00 ใช่มั้ยคะนี่แหละค่ะมันถึงมีสาการบำบัด
00:12:00 → 00:12:05 ทางด้านความคิดเข้ามาว่าครับถ้าคุณ
00:12:05 → 00:12:09 เปลี่ยนความคิดอ้าจินตนาการดูว่าเราจะคิด
00:12:09 → 00:12:12 อะไรบ้างเช่นฝนตกเนี่ยอ่ะเปลี่ยนสิเออก็
00:12:12 → 00:12:16 เย็นดีแล้วต้นไม้ที่บ้านต้องได้น้ำชุ่ม
00:12:16 → 00:12:19 ชื่นแน่เลยชุมชื่นเออเดี๋ยวที่สวนน่าจะมี
00:12:19 → 00:12:23 น้ำเต็มบ้างแล้วล่ะเออเดี๋ยวเข้าไปในห้าง
00:12:23 → 00:12:25 ไปหาอะไรกินซะหน่อยเออค่าเวลาดีเหมือนกัน
00:12:25 → 00:12:28 นะพักผ่อนผกาอ่ะๆทางนี้ทางนี้ความคิดทาง
00:12:28 → 00:12:31 นี้ได้มั้ทันกินใช่
00:12:31 → 00:12:38 มที่บ้านจะเผยมันจะเผยตัวตนก็อู้อย่างงี้
00:12:38 → 00:12:44 น้ำที่ในสวนมีบ้านสวนก็คงแบบทำให้ต้นไม้
00:12:44 → 00:12:47 แบบชุ่มชื้นขึ้นมาอ๋อคนที่บ้านไม่ต้อง
00:12:47 → 00:12:51 เหนื่อยในการปั๊มน้ำเออแล้วก็ถ้าเป็นแบบ
00:12:51 → 00:12:54 นี้แสดงว่าห้องที่คอนโดเราอ่ะมันโดนฝน
00:12:54 → 00:12:57 เอ่อฝนลงมาช้าคืนนี้ต้องนอนหลับเย็นสบาย
00:12:57 → 00:13:00 แน่นอนเลยเอออันเนี้ยคือมุมบวกที่เราจะ
00:13:00 → 00:13:04 มองได้จากเรื่องฝนเป็นสบายแน่ซึ่งความ
00:13:04 → 00:13:06 จริงคือถ้าคิดได้แบบนี้ก็ไม่ต้องไปหานัก
00:13:06 → 00:13:10 บำบัดศาสตร์การบำบัด cbt หรือว่า mbct
00:13:10 → 00:13:13 นี่ไม่ต้องเลยนะถ้าคิดได้แบบเนี้ยอจริงๆ
00:13:13 → 00:13:15 แล้วเวลาเราเจอปัญหาอะไรอ่ะเอ่อทาง
00:13:15 → 00:13:18 อาจารย์ติ๋วกำลังจะบอกว่าถ้าเรามองมุมบวก
00:13:18 → 00:13:21 ลองลองฝึกคิดให้มันบวกอ่ะมันก็จะกล่อม
00:13:21 → 00:13:24 เกลาจิตใจของเราเองลดความเครียดในจิตใจ
00:13:24 → 00:13:26 ของเราเองอันเนี้ยใช้แนวทางนี้มั้ยคะใช
00:13:26 → 00:13:29 แนวทางนี้เลยค่ะคุณผู้ฟังคะมันง่ายจน
00:13:29 → 00:13:32 เหลือเชื่อค่ะว่าแนวทางการบำบัดที่เราได้
00:13:32 → 00:13:36 ยินชื่อแปลกๆได้ยินชื่อที่เราอาจจะเอ๊ะ
00:13:36 → 00:13:38 มันจะเป็นยังไงไม่คุ้นเคยเลยแต่แท้จริง
00:13:38 → 00:13:42 แล้วอ่ะค่ะชวนคุณผู้ฟังให้ได้เขาเรียกว่า
00:13:42 → 00:13:45 ขีดเส้นใต้เลยว่าความจริงคือมันง่ายนิด
00:13:45 → 00:13:50 เดียวทำอย่างไรเราจะทำให้เราเนี่ยมีความ
00:13:50 → 00:13:53 สุขเพิ่มขึ้นถูกมยหรืออาจจะไม่พูดถึงคำ
00:13:53 → 00:13:55 ว่าความเครียดเนาะทำยังไงเราจะมีความสุข
00:13:55 → 00:13:59 มากขึ้นถ้าเรามีความสุขมากขึ้นเนี่ยอความ
00:13:59 → 00:14:03 มันมีที่อยู่มั้ยมันอาจจะตัวตนมันจะหายไป
00:14:03 → 00:14:06 มันก็จะค่อยๆจากมันตัวตนใหญ่ๆใช่มั้ยโอ
00:14:06 → 00:14:10 ใช่มันก็จะบังลงบังลงบังลงใช่มุมอ่ะจุดๆ
00:14:10 → 00:14:13 นี้มีบ้างแหละแต่ว่าก็มันก็ไม่ได้โผล่มา
00:14:13 → 00:14:18 ให้เราเป็นปัญหาซะแล้วรใช่ผมนึกถึงกรณี
00:14:18 → 00:14:20 ที่เป็นข่าวเป็นคราวเนี่ยเช่วงวัน 2 วัน
00:14:20 → 00:14:22 นี้แหลค่ะข่าวอะไรคะบนท้องถนนเนี่ยแหละ
00:14:22 → 00:14:26 การขับรถขับร้านเนี่ยแหละใช่มั้ยไอ้
00:14:26 → 00:14:29 เรื่องของความเครียดความความคิดค่ะอย่าง
00:14:29 → 00:14:31 ที่ครูติ๋วพูดเลยมันมีทั้งความเครียดเป็น
00:14:31 → 00:14:34 ท้องถนนค่ะรวมถึงความคิดที่แบบจะเอาชนะ
00:14:34 → 00:14:38 ให้ได้ใช่ใช่มยแต่ถ้าเราเปลี่ยนมุมมองอือ
00:14:38 → 00:14:42 สับเปลี่ยนนะเออเขาอาจจะมีเหตุผลในการรีบ
00:14:42 → 00:14:45 แหละใช่ค่ะถึงถึงถึงต้องแซงเราไปใช่ค่ะเน
00:14:45 → 00:14:48 บีบให้เราดบรถไปใช่ค่ะเปลี่ยนใหม่ซะ
00:14:48 → 00:14:50 เปลี่ยนใหม่ซเปลี่ยนความคิดเปลี่ยนใช่เขา
00:14:50 → 00:14:54 อาจจะมีธุระใช่ค่ะหลบให้เขาไปแต่ก็่แล้ว
00:14:54 → 00:14:59 เราก็จะรู้จักภาวะตัวนั้นมาได้ใช่ใช่ๆๆ
00:14:59 → 00:15:02 คือถ้าเรามองในมุมนั้นเนี่ยเราก็สามารถ
00:15:02 → 00:15:05 ที่จะหลบเลี่ยงปัญหาเลี่ยงที่จะเกิดความ
00:15:05 → 00:15:09 เครียดต่อไปในอนาคตได้อีกเพราะว่าถ้าเรา
00:15:09 → 00:15:12 พร้อมสู้พร้อมชนเอ่อเท่านั้นเนี่ยปัญหา
00:15:12 → 00:15:15 ที่เครียดนณตอนนั้นคนเดียวนะคะก็กลับกลาย
00:15:15 → 00:15:18 เป็นว่าเผชิญปัญหาใหม่เครียดมากไปอีก
00:15:18 → 00:15:22 ปัญหาเพิ่มเติมไปอีกเออ่าพอจะเห็นภาพพอ
00:15:22 → 00:15:25 เห็นภมพอจะเห็นภาพแล้วถ้าให้ดีนะคุณผู้
00:15:25 → 00:15:29 ฟังคะครับให้การบ้านเลยยังไง้วยังไงดีคะ
00:15:29 → 00:15:33 ในการที่เราจะเค้าเรียกว่าบำบัดตัวเองค่ะ
00:15:33 → 00:15:36 เราฝึกตัวเองให้เค้าเรียกว่าเทรนความคิด
00:15:36 → 00:15:40 ตัวเองเนี่ยให้ฝึกที่จะคิดบวกจอ้อเนี่ย
00:15:40 → 00:15:42 ค่ะค่ะคุณจะได้ประโยชน์จากการฟังรายการ
00:15:42 → 00:15:46 นี้เต็มๆเลยว่าทำอย่างไรที่คุณจะได้ฝึก
00:15:46 → 00:15:51 ด้วยตัวเองเลยในการที่จะคิดบวกให้ได้มาก
00:15:51 → 00:15:55 ที่สุดใน 1 วันตื่นขึ้นมาคิดบวกเลย
00:15:55 → 00:15:58 จินตนาการดูว่ามันจะมีเรื่องอะไรที่ดีกับ
00:15:58 → 00:16:01 ชีวิตเราบ้างเอออย่างน้อยอยๆบวกบวกในที่
00:16:01 → 00:16:03 นี้คือบวกแบบจริงๆนะไม่ใช่แบบเอ้ยพร้อม
00:16:03 → 00:16:06 บวกไม่ใช่งั้นนักเลงไม่ใช่พร้อมบวกน้ำ
00:16:06 → 00:16:10 เลลงไม่เอาบวกคือบวกในทางทางทางทิาที่ดี
00:16:10 → 00:16:13 ทานที่มีความสุขใชค่ะใช่ค่ะเออผมชอบแหยก
00:16:13 → 00:16:15 กันฟังเพราะว่า
00:16:15 → 00:16:20 มีอารมณ์ดีไงคืออย่างงี้มีคนที่มาปรึกษา
00:16:20 → 00:16:24 บ่อยๆว่ามันจะเป็นการหลอกตัวเองมยครูครับ
00:16:24 → 00:16:29 ออใช่เอ๊ะเหมือนบางคนยิ้มหน้ากระจกชฉัน
00:16:29 → 00:16:32 สวยแล้วก็บอกบอกว่าฉันสวยฉันมั่นใจแต่
00:16:32 → 00:16:34 จริงๆอ่ะมันคือการเติมเต็มความมั่นใจให้
00:16:34 → 00:16:36 กับตัวเองเราสวยในแบบของเรานี่แหละแต่บาง
00:16:36 → 00:16:38 คนก็เหมือนถ้าเพื่อนอยู่เป็นแบบเหมือน
00:16:38 → 00:16:41 แชร์ห้องกันหลอกตัวเองอีกและอะไรอย่า
00:16:41 → 00:16:45 เงี้ยเอออันเนี้ยโคสวยหรือเปล่าเธอเอออัน
00:16:45 → 00:16:48 เราจะจะหลบเลี่ยงมุมมองแบบนั้นจากคนอื่นๆ
00:16:48 → 00:16:52 ที่มองเราได้ยังไงเราต้องแคร์มั้ยคะเนี่ย
00:16:52 → 00:16:55 ค่ะเป็นเรื่องที่สำคัญมากครับมันมีหลาย
00:16:55 → 00:16:59 ประเด็นเช่นเราสวยเนี่ยเราอ่ะหาจุดว่าเรา
00:16:59 → 00:17:01 อ่ะมีอะไรที่สวยก็ได้นะมันก็เป็นความจริง
00:17:01 → 00:17:04 สำหรับเรามันเป็นความพึงพอใจใช่พอใจที่
00:17:04 → 00:17:06 เราหาถูต้องอุ๊ยเนี่ยเป็นคนที่ตาสวยมาก
00:17:06 → 00:17:10 เลยอ่ะถูกมั้ยเออค่ะเป็นคนที่ฟันสวยนะเธอ
00:17:10 → 00:17:13 ฟันเธอเนี่ยเรียงถูกมั้มันอยู่ที่การดึง
00:17:13 → 00:17:16 จุดถูกที่มีเนี่ยแล้วเป็นความจริงเลยถูก
00:17:16 → 00:17:18 มั้ยคะก็อีกอย่างนึงอ่ะค่ะสมองเรามันไม่
00:17:19 → 00:17:22 รู้ว่าอันไหนจริงอันไหนไม่จริงนะค่ะเออ
00:17:22 → 00:17:26 เราสามารถเทรนสมองเราได้อ๋อถูกมั้ยเราอ่ะ
00:17:26 → 00:17:29 พูดไปเรื่อยๆพูดไปเรื่อยๆเนี่ยมันจะซึม
00:17:29 → 00:17:33 ซับใช่ค่ะอืแล้วมันจะเป็นความจริงอย่าง
00:17:33 → 00:17:36 น้อยๆเป็นความจริงของใครคะของตัวเราเอง
00:17:36 → 00:17:39 ใช่แล้วที่เมื่อสักครู่คุณขวัญเนี่ยพูด
00:17:39 → 00:17:41 ว่าจิตเป็นนายกลายเป็นบ่าวมันจริงมันเป็น
00:17:41 → 00:17:44 เรื่องจริงเลยนะคะคือคือว่ายังไงหมายความ
00:17:44 → 00:17:48 ว่าพอเราสื่อสารกับตัวเองมากๆเนี่ยค่ะ
00:17:48 → 00:17:52 ข้างในเรามันก็จะเชื่อตามนั้นอืผมนึกถึง
00:17:52 → 00:17:55 นักกีฬาเหมือนกันครับคุณติ๋วเอ่อนักกีฬา
00:17:55 → 00:17:57 ก็เป็นหนึ่งในคนที่ต้องสะกดจิตตัวเอง
00:17:57 → 00:17:59 เหมือนกันนะใช่ค่ะคือคือนักกีฬาเนี่ยอ่ะ
00:17:59 → 00:18:01 เรื่องของการเทนนิ่งเรื่องของการฝึกซ้อม
00:18:01 → 00:18:04 เขามีเท่ากันเลยนักฟุตบอลสมมุตินักฟุตบอล
00:18:04 → 00:18:08 10 คนอฝีมือการซ้อมเท่ากันเป๊ะๆแต่มันจะ
00:18:08 → 00:18:10 มีอยู่สักคน 2 คนเท่านั้นแหละที่สามารถ
00:18:10 → 00:18:13 สะกดจิตตัวเองได้ว่าฉันเก่งฉันเก่งฉันไป
00:18:13 → 00:18:16 ได้ฉันติดคิมชาติได้ฉันยิงลูกนี้ได้ฉันอ
00:18:17 → 00:18:20 อะไรอย่างนี้ได้มันเกิดจากมันอยู่ในิใน
00:18:20 → 00:18:23 จิตวิทยาของทีมเหมือนกันนะครับที่ในการ
00:18:23 → 00:18:25 ฝึกคนพวกนี้ให้โดดเด่นขึ้นมาด้วยด้วยการ
00:18:25 → 00:18:29 สะกดจิตใช่ค่ะใช่ค่ะเพื่อให้ตัวเองันตัว
00:18:29 → 00:18:30 เองขึ้นมาจากจากจุดที่ว่าเก่งแล้วละแต่
00:18:31 → 00:18:33 มันไปให้โดเด่นมากยิ่งขึ้นใช่ๆมันมีอยู่
00:18:33 → 00:18:36 จริงนะมันมันมีเคสอย่างงี้ด้วยดีเลยค่ะ
00:18:36 → 00:18:39 คุณผู้ฟังจะได้เรียนรู้แล้วก็เาเรียกว่า
00:18:39 → 00:18:43 ขยายขยายไปด้วยกันพร้อมๆกับเรา 3 คนขยตอน
00:18:43 → 00:18:45 นี้คุณผู้ฟังถ้ามีคำถามอะไรนะคะสามารถแลก
00:18:45 → 00:18:48 เปลี่ยนกันมาได้ทางเพจ MCOT News FM
00:18:48 → 00:18:51 100.5 หรือว่าจริงๆแล้วใครมีคำถามเรื่อง
00:18:52 → 00:18:55 อื่นๆสามารถตั้งคำถามกันมาได้หรือว่าทาง
00:18:55 → 00:18:57 LINE @m cot News ก็ได้ค่ะเดี๋ยวก็จะ
00:18:57 → 00:19:00 ตอบให้ทันสัปดาห์นี้หรือว่าไม่ทันก็
00:19:00 → 00:19:03 เดี๋ยวจะเป็นการบ้านยกยอดไปพูดคุยใน
00:19:03 → 00:19:06 สัปดาห์ถัดๆไปก็ได้นี่เลยพี่พูนสุขบอกว่า
00:19:06 → 00:19:09 พี่พูนศุขชมตัวเองว่าหมั่นออกกำลังกาย
00:19:09 → 00:19:12 อย่างสม่ำเสมอค่ะเออดีนะดีมากยอดเยี่ยม
00:19:12 → 00:19:15 มากค่ะยอดเยี่ยมมากค่ะเออนะฮะคุณต้นโอ๊ค
00:19:15 → 00:19:18 เมื่อสักครู่อ่ะคุณเกริ่นมาได้ดีมากถึง
00:19:18 → 00:19:21 เรื่องนักกีฬาเพราะว่าอยากจะขยายให้คุณ
00:19:21 → 00:19:25 ผู้ฟังได้มีข้อมูลเพิ่มด้วยคุณน่ะพูดถูก
00:19:25 → 00:19:27 ว่านักกีฬาจริงๆแล้วทุกอาชีพนะคะควรจะปด
00:19:27 → 00:19:32 จิตตัวเองจถูกมั้นักกีฬาเนี่ยมันมีเคสนึง
00:19:32 → 00:19:35 คุณรู้มยว่าศักยภาพของร่างกายมนุษย์น่ะ
00:19:35 → 00:19:38 ทุกคนเนี่ยมันมีขีดจำกัดที่เท่ากันแหละ
00:19:38 → 00:19:41 คุณเป็นสมมุติคุณเป็นนักวิ่งเงี้ยใช่ใช่
00:19:41 → 00:19:46 ใช่ครับถูกมั้ยมันจะทางร่างกายอ่ะมันจะ
00:19:46 → 00:19:49 พัฒนาไปที่สุดมันก็จะไปไปแมกที่เท่านี้
00:19:49 → 00:19:53 แหละแมเท่านี้แหละเท่าๆกันน่ะค่ะแต่มันมี
00:19:53 → 00:19:57 แต่แต่คืออะไรรู้มั้ยมันจะไปชนะกันตรงไหน
00:19:57 → 00:20:01 จิตใจตรงจิตใจใชตรงจิตใจหัวจิหัวใจอใช่
00:20:01 → 00:20:05 คือเหมือนถ้าใจมันสู้สู้จนหยดสุดท้ายเต็ม
00:20:05 → 00:20:08 ที่ของความสามารถแล้วมันเหมือนกับเค้า
00:20:08 → 00:20:12 เรียกอะไรไม่ไม่ไม่ไม่ไม่ไม่ยอมแพ้ก่อน
00:20:12 → 00:20:15 อะไรเงี้ยล่ะคะแต่จริงๆมแก่อนนักกีฬาเค้า
00:20:15 → 00:20:19 ก็ต้องสะกดจิตทุกคนมั้ยคะอ่าก็แล้วแต่คน
00:20:19 → 00:20:23 ไงอืแต่ละคนระดับไม่เท่ากันครับมีเคสนึง
00:20:23 → 00:20:26 ที่น่าสนใจมากๆเ้าเป็นแชมป์วิ่งโอลิมปิก
00:20:26 → 00:20:28 เมื่อปี
00:20:28 → 00:20:32 เมื่อเลเอ่อักสักรอบที่แล้วอ่ะที่นักวิ่ง
00:20:32 → 00:20:35 อยู่เอ่อเป็นชาวอิตาลีนะถ้ากูจำไม่ผิด
00:20:35 → 00:20:39 อิตาลีอ้าอ่าที่ญี่ปุ่นรึเปล่าแล้วเป็น
00:20:39 → 00:20:41 โอลิมปิกญี่ปุ่นเป็นม้านอกสายตาเพราะตัว
00:20:41 → 00:20:45 เกงอ่ะคืออเมริกาครับใช่ๆๆตัวเกงอ่ะคือ
00:20:45 → 00:20:49 อเมริกาค่ะครับคราวนี้อ่ะค่ะนักวิ่งคน
00:20:49 → 00:20:52 เนี้ยก่อนหน้าเนี้ยฟอร์มเขาก็ดีมากไม่ดี
00:20:52 → 00:20:56 มั่งเรื่อยๆแต่พอเขามาเข้ากระบวนการบำบัด
00:20:56 → 00:21:00 กับโค้ชอ้าเธอไวมากมาเห็นมยลมกดอิตาลี
00:21:00 → 00:21:03 แชมป์ 100 เมตชายเนี่ยแหละโอลิมปิกเมื่อ
00:21:03 → 00:21:06 ปี 2564 ว้าวขนลุกเพ่อหนุ่มคนนี้ล่ะค่ะ
00:21:06 → 00:21:10 คุณผู้ฟังคะใชู่้ขุนข้อมูลไปนะเนี่ยบคุ้น
00:21:10 → 00:21:13 ๆคุ้นๆที่ญี่ปุ่นจะมีเรื่องราวแนี้ก็ข้า
00:21:13 → 00:21:15 เยอะเนี่ยค่ะเป็นตัวอย่างที่ดีมากชื่อ
00:21:15 → 00:21:18 จาคอบมั้ยจาคอบอะไรสักอย่างนึงมเอ่อรามอน
00:21:18 → 00:21:24 มาชลจาคอบอ่าเห็นมยพอใช้ได้คือจาคอบเนี่ย
00:21:24 → 00:21:27 เขาก็เป็นนักวิ่งมานานแล้วแล้วก็ฟอร์ม
00:21:27 → 00:21:29 ฟอร์มก็อาจจะไม่ผิดเท่าไหร่ยังไม่ท็อป
00:21:29 → 00:21:32 ฟอร์มไม่ใช่เบอร์ 1 ของรายการแน่นอนแน่
00:21:32 → 00:21:35 นอนถูกต้องตัวเกงอ่ะคืออเมริกาครับระยะ
00:21:35 → 00:21:37 สั้นที่ต้องพวกอเมริกันถูกมั้ยเข้าแถว
00:21:37 → 00:21:40 สตาร์ทเลยค่ะคุณผู้ฟังคะเข้าแถวสตาร์ท
00:21:40 → 00:21:43 พร้อมกันแต่ด้วยความที่ข้างในเขาอ่ะได้
00:21:43 → 00:21:47 รับการบำบัดเยียวยามาแล้วก่อนหน้าเนี้ย
00:21:47 → 00:21:51 เา้ามีปัญหาความสัมพันธ์กับพ่อเคออืค่ะ
00:21:51 → 00:21:55 เวลาที่คนเนี่ยมันมีเรื่องราวในใจอ่ะค่ะ
00:21:55 → 00:22:00 มันก็จะทำอะไรแบบไม่เต็มที่ตมที่เอ้ยติด
00:22:00 → 00:22:02 อยู่อ่ะเดี๋ยวกำลังจะทำอย่างงี้มันจับ
00:22:03 → 00:22:05 ย้อมมาคิดอย่างงี้อีกแล้วถูกสมาธิมันไม่
00:22:05 → 00:22:08 เต็มอ่ะครับจริงๆเคโฟออย่างงี้ก็ได้อย่าง
00:22:08 → 00:22:12 งี้ก็ได้มันจะขาดๆเกินๆมันจะไม่สมดุลมัน
00:22:12 → 00:22:16 จะไม่พอดีคราวเนี้ยค่ะพอแคอเนี่ยเค้าได้
00:22:16 → 00:22:21 รับการเยียวยาแล้วอ่ะค่ะค่ะเค้าให้
00:22:21 → 00:22:25 สัมภาษณ์ว่าเค้ารู้สึกว่าเค้าอ่ะ in the
00:22:25 → 00:22:28 Zone คือเค้าทำอะไรเนี่ยมันจะแบบ
00:22:28 → 00:22:32 สมูทไปหมดเลยสทุกอย่างมันอยู่ในการควบคุม
00:22:32 → 00:22:35 อ่าภาษาชาวบ้านอาจจะเรียกเอาอยู่ใช่ตอน
00:22:35 → 00:22:39 ที่เข้าสตาร์ทอ่ะค่ะต้น
00:22:39 → 00:22:43 โลคตัวเกงที่เป็นชาวอเมริกันเนี่ยครับทุก
00:22:43 → 00:22:46 คนลุ้นมากแล้วปรากฏว่าอะไรรู้มั้ยคุณพ่อ
00:22:46 → 00:22:52 ออกสาร์ทาวอ๋อเอ่าๆๆอมันบังเอิญเป็นเหตุ
00:22:52 → 00:22:56 บังเอิญไปเลยอืคือในๆในในเชิงการบำบัดนะ
00:22:56 → 00:22:58 มันมีคำนึงที่สำคัญมากๆคือคำว่า
00:22:59 → 00:23:02 สตหรือสภาวะสภาวะของแต่ละคนเนี่ยมันมาจาก
00:23:02 → 00:23:05 จิตใจที่ได้รับการฝึกฝนได้รับการเยียวยา
00:23:05 → 00:23:10 มาอย่างดีรับการเทรนมาแคอเนี่ยเขาบอกว่า
00:23:10 → 00:23:14 เคออกสตาร์ทแบบสบายมากคือเขารู้สึกว่าทุก
00:23:14 → 00:23:18 อย่างมันอยู่ในการควบคุมของเขาเเอาอยู่
00:23:18 → 00:23:21 เดี๋ยวลองมีโอกาสคุณผู้ฟังลองไปดูเทปนะคะ
00:23:21 → 00:23:23 คุณผู้ฟังจะได้ตัวอย่างการเรียนรู้ที่ดี
00:23:23 → 00:23:26 มากว่าสภาวะที่ดีที่จะขอบใช้คำว่า in the
00:23:26 → 00:23:29 Zone เนี่ยมันเป็นยังไงจอเออเค้าเนี่ย
00:23:29 → 00:23:33 ออกสตาร์ทแบบละมุนแล้วก็วิ่งแบบปึ๊บอ่ะ
00:23:33 → 00:23:37 เพราะจิตข้างในเ้าอ่ะมันเป็นสตตที่เหนือ
00:23:37 → 00:23:41 กับเหนือกว่าคู่แข่งทุกคนครับเมื่อสัก
00:23:41 → 00:23:44 ครู่ที่ต้นโอ๊คสื่อสารน่ะมันเยี่ยมมากว่า
00:23:44 → 00:23:47 สภาวะทางร่างกายอ่ะมันเท่ากันมันไม่เกิน
00:23:47 → 00:23:49 กันหรอกเพราะว่าเขาได้รับการพัฒนามาอย่าง
00:23:49 → 00:23:52 ดีแล้วในความเป็นนักกีฬาค่ะแต่ว่าจิตใจ
00:23:52 → 00:23:54 อ่ะมันต่างกันตรงนี้ซึ่งมันก็เชื่อมโยงมา
00:23:54 → 00:23:56 ถึงศาสตร์การบำบัดที่เราเอามาคุยกันในวัน
00:23:57 → 00:24:00 นี้ค่ะใช่ค่ะอือืคือมันมีมันมีคำนึง
00:24:00 → 00:24:03 เหมือนกันนะคุณติ๋วครับเอ่อของภาษากีฬา
00:24:03 → 00:24:06 เอ่อเขาเรียกว่าหัวจิตหัวใจความเป็นแชมป์
00:24:06 → 00:24:09 ถ้าคุณอยากเป็นแชมป์คุณต้องอคิดอย่าง
00:24:09 → 00:24:11 แชมป์เหรอต้องคิดอย่างแชมป์อือเหมือนนัก
00:24:11 → 00:24:15 มวยอ่านักมวยใครนะมูฮัมหมัดอาลีหรือเปล่า
00:24:15 → 00:24:17 จำไม่ได้ประมาณนี้แหละถ้าคุณอยากเป็น
00:24:17 → 00:24:19 แชมป์คุณต้องคิดว่าคุณเป็นแชมป์แล้วะคุณ
00:24:19 → 00:24:21 ต้องคิดเป็นตั้งแต่ก่อนขึ้นเป็นทีด้วยซ้ำ
00:24:21 → 00:24:23 ไปสังเกตมั้ยว่าคนเนที่ความคิดใช่อต้อง
00:24:23 → 00:24:25 เป็นแชมป์ก่อนความคิดต้องเป็นก่อน Yes
00:24:25 → 00:24:28 แล้วเดี๋ยวมันจะออกมาเอง Yes อแล้วก็ที่
00:24:28 → 00:24:30 เหลือไม่ใช่ไม่ฝึกซ้อมนะไม่ต้องฝึกซ้อมไป
00:24:30 → 00:24:33 ด้วยอ่าที่เหลือก็อยู่ที่ใชความสามารถ
00:24:34 → 00:24:37 ร่างกายการฝึกซ้อมแขงแรงเพราะว่าเหมือน
00:24:37 → 00:24:41 อย่างกรณีใครที่สามารถพูดต่อหน้าสาธารณะ
00:24:41 → 00:24:44 ได้เนี่ยนอกจากที่เขาจะคิดว่าเขาสามารถ
00:24:44 → 00:24:48 พูดได้แล้วการฝึกฝนกล้ามเนื้อร่างกายการ
00:24:48 → 00:24:51 พูดการออกเสียงอ่ะมันคือการเอ่อออกมาโดย
00:24:51 → 00:24:54 ที่แบบเป็นธรรมชาติอ่ะอันนั้นน่ะคือแค่
00:24:54 → 00:24:57 คิดอย่างเดียวมันไม่พอมันต้องฝึกฝนให้
00:24:57 → 00:25:00 กล้ามเนื้อร่างกายทุกมัดของร่างกายไปตาม
00:25:00 → 00:25:03 นั้นด้วยอย่างที่โอ๊คบอกเลยแหละว่าคือการ
00:25:03 → 00:25:06 ฝึกฝนเรื่องของนักกีฬาใช่มยแต่ว่าถ้าเป็น
00:25:06 → 00:25:09 เรื่องของการฝึกสติฝึกจิตล่ะคะเราจะฝึก
00:25:10 → 00:25:14 กันได้ยังไงเราจะสามารถให้อยู่ในการควบ
00:25:14 → 00:25:17 คุมอย่างที่จากขอบเขาทำได้ได้ยังไงบ้าง
00:25:17 → 00:25:19 คือคืออย่างงี้เมื่อสักครู่ที่ครูได้ยิน
00:25:19 → 00:25:23 คุณขวัญพูดถึงว่าการฝึกความคิดด้วยนะคะ
00:25:23 → 00:25:26 ค่ะความคิดเนี่ยก็เป็นเรื่องที่ต้องฝึก
00:25:26 → 00:25:29 เหมือนกล้ามเนื้อนะค่ะค่ะเราเรียกมันว่า
00:25:29 → 00:25:32 กล้ามเนื้อทางความคิดที่จะต้องฝึกให้มาก
00:25:32 → 00:25:35 พอพอเราทำมันบ่อยๆอ่ะค่ะเหมือนถ้าเราคิด
00:25:35 → 00:25:39 เรื่องดีบ่อยๆนะค่ะมันจะเป็นอติภาษาทาง
00:25:39 → 00:25:41 เอ่อ cognitive behavioral therapy
00:25:41 → 00:25:44 หรือการบำบัดความคิดเนี่ยเขาเรียกว่า
00:25:44 → 00:25:48 automatic thought คือความคิดอัตโนมัติ
00:25:48 → 00:25:51 ทำอย่างไรที่ความคิดอัตโนมัติของเราอ่ะ
00:25:51 → 00:25:56 มันจะเป็นเรื่องบวกเรื่องที่ดีโดยที่เรา
00:25:56 → 00:25:59 เค้าเรียกว่าไม่ต้องพยายามคิดไม่ต้อง
00:25:59 → 00:26:03 พยายามคิดอืเพราะว่าตอนช่วงแรกที่อัออกมา
00:26:03 → 00:26:05 อัตโนมัติใช่ๆเพราะช่วงแรกครูติ๋วบอกว่า
00:26:06 → 00:26:08 ถ้าตื่นเช้าขึ้นมาลองคิดบวกให้กับตัวเอง
00:26:08 → 00:26:11 อันเนี้ยคือคือการฝึกคือการเอ่อมันเหมือน
00:26:11 → 00:26:14 คุณตื่นวิ่งตอนเช้าทุกวันเหมือนกันนะมัน
00:26:14 → 00:26:18 ต้องฝึกอ่ะอมันต้องฝึกถูกมั้ถมีร่างกายมี
00:26:18 → 00:26:21 วินัยปุ๊บเอ้อมันมันอย่างงี้ด้วยนะครูอ่ะ
00:26:21 → 00:26:27 เคยไปโค้ชรู้จักวอร์มั้ยเเป็นโค้ชทีมชาติ
00:26:27 → 00:26:31 โค้ชทีมชาติอ่าใช่ครับเป็นเอ่อชุดเยาวชน
00:26:31 → 00:26:35 เยาวชนด้วยทีมชาติค่ะเาเป็นต่างชาติอ่ะจำ
00:26:35 → 00:26:38 ใช่ๆฮเป็นต่างชาติเป็นชุดก่อนที่จะเป็น
00:26:38 → 00:26:42 โค้ชญี่ปุ่นเข้ามาใช่อ่าเป็นเทรนชุดพวก
00:26:42 → 00:26:44 เด็กเพื่อดันเด็กพวกเนี้ยขึ้นมาสู่ทีม
00:26:44 → 00:26:48 ชาติในรุ่นๆต่อไปเค้าเคยให้ครูไปโค้ชให้
00:26:48 → 00:26:51 ครับกับทีมเนี่ยคืออย่างงี้เขาอ่ะเ้า
00:26:51 → 00:26:54 เรียกว่ามี mindset ที่ตรงกันว่าทุกเกม
00:26:54 → 00:26:57 กีฬามันเป็นเกมของความคิดและอารมณ์ค่ะถูก
00:26:57 → 00:27:00 มั้ยมันมีนะนักบอลที่ไม่ส่งบอลให้กัน
00:27:00 → 00:27:03 เนี่ยอมีถูกมั้ยเพราะเค้ามีความคิดบาง
00:27:03 → 00:27:06 อย่างที่อยู่ข้างในหัวเคคือคือกลัวคนอื่น
00:27:06 → 00:27:09 เด่นกว่าเหรอ Whatever มีหมดเลยบางทีเคย
00:27:09 → 00:27:11 มีเ้าเรียกว่ามีปัญหากันนอกรอบแล้วมัน
00:27:11 → 00:27:14 เก็บไงมันก็เก็บไปในความคิดและพฤติกรรม
00:27:14 → 00:27:17 ของเขาความคิดก็เป็นพฤติกรรมอย่างนึงนะคะ
00:27:17 → 00:27:20 คุณผู้ฟังที่สามารถฝึกกันได้แล้วยิ่งเรา
00:27:20 → 00:27:23 ฝึกบ่อยๆจินตนาการดูว่าถ้าเราอ่ะคิด
00:27:23 → 00:27:26 เรื่องดีๆบ่อยๆอ่ะกล้ามเนื้อเราจะแข็งแรง
00:27:26 → 00:27:31 มยลองเทรนเองว่านี่อายุเท่าไหร่นะปีนี้ 39
00:27:31 → 00:27:35 39 ครับถ้า 39 ปีที่ผ่านมาคุณคิดแต่
00:27:35 → 00:27:37 เรื่องดีๆคิดบวกบุกคุณคิดว่ากล้ามเนื้อ
00:27:37 → 00:27:41 ความคิดคุณจะแข็งแรงแค่ไหนโอ้แสดงว่าต่อ
00:27:41 → 00:27:44 ให้มีอะไรไม่ดีมากระทบโอ๊ก็จะสามารถคิด
00:27:44 → 00:27:49 ให้มันบวกได้ใช่ค่ะเออใช่ค่ะเออฝนตกรถติด
00:27:49 → 00:27:53 คนเดินมาเหยียบตีนได้หมดเลยเอ้อถูกมั้ย
00:27:53 → 00:27:56 เดินชนไหล่นิดๆหน่อยเดินชนไหล่นิดหน่อย
00:27:56 → 00:28:00 หรือว่าขับรถปาดหน้าเอ้อเรารับมือได้ใช่
00:28:00 → 00:28:02 ค่ะเพราะเราฝึกมาแล้วนับจากวันนี้ไปที่
00:28:02 → 00:28:06 คุณผู้ฟังฟังเราเนี่ยอาจจะมีการเริ่มฝึก
00:28:06 → 00:28:09 มากขึ้นลองดูนะคะค่ะอ่าอันนี้ก็เดี๋ยว
00:28:09 → 00:28:12 เป็นทิ้งการบ้านไว้ในช่วงแรกก่อนว่าให้
00:28:12 → 00:28:15 คุณผู้ฟังเนี่ยลองไปฝึกดูอ่าว่าตอนนี้
00:28:15 → 00:28:18 เอ๊ะเราคิดอะไรบวกๆให้กับตัวเองได้บ้าง
00:28:18 → 00:28:20 บวกในที่นี้ก็บวกดีๆนะคะบวกดี
00:28:20 → 00:28:24 ๆค่ะเดี๋ยวช่วงนี้พักกันสักครู่ก่อนค่ะ
00:28:24 → 00:28:26 เดี๋ยวกลับมาคุยกันต่อในช่วงที่ 2 ของราย
00:28:26 → 00:28:29 การค่ะกลับมาช่วงที่ 2 ของรายการสุขภาพดี
00:28:29 → 00:28:32 22:00 นนะคะก็ยังอยู่กับเรา 3 คนเป็นยัง
00:28:32 → 00:28:35 ไงบ้างคะช่วงพักเบรค 1-2 นาทีท่านผู้ฟัง
00:28:35 → 00:28:37 ได้คิดบวกเรื่องอะไรกันแล้วบ้างแชร์กันมา
00:28:37 → 00:28:40 ได้นะคะบวกเลขมาหรือ
00:28:40 → 00:28:43 เปล่าช่วงนี้บวกเลขบ่อยเลยต้นเดือนสิ้น
00:28:43 → 00:28:44 เดือน
00:28:44 → 00:28:49 เนี่ยค่ะครับที่วิธีการการฝึกคิดฝึกให้
00:28:49 → 00:28:53 กล้ามเนื้อความคิดคิดบวกให้ความคิดตรง
00:28:53 → 00:28:55 เนี้ยมันแข็งแรงเนี่ยนอกจากคิดบ่อยๆแล้ว
00:28:55 → 00:28:58 เนี่ยการทำสมาธิการ
00:28:58 → 00:29:03 อยู่รู้ทันจิตใจตามหลักศาสนาพุทธเนี่ยมัน
00:29:03 → 00:29:07 สามารถคือคือสามารถประยุกต์หรือใช้กับ
00:29:07 → 00:29:09 เรื่องนี้ได้บ้างมั้ยหรือว่าแนวทางมันจะ
00:29:09 → 00:29:14 มาบบรรจบกันได้ยังไงบ้างคะถ้าพูดถึงตรง
00:29:14 → 00:29:18 เนี้ยนะคะมันเป็นเหมือนกับแบบว่าคีย์หลัก
00:29:18 → 00:29:22 ของศาสนาเนาะในเรื่องของค่ะคำว่าสติอ่ะ
00:29:22 → 00:29:27 มันเป็นส่วนไนเจอร์ของพุทธศาสนาเหมือนที่
00:29:27 → 00:29:30 คุณคุณขวัญถามอยู่แล้วค่ะเอ่าเพราะฉะนั้น
00:29:30 → 00:29:34 เนี่ยมันจึงเป็นเป็นมากกว่าคำว่าเชื่อม
00:29:34 → 00:29:37 โยงเพราะว่ามันเป็นสิ่งเดียวกันเลยถ้าถ้า
00:29:37 → 00:29:41 คุณพูดถึงคำว่าพุทธศาสนาได้แสดงว่าคุณน่ะ
00:29:41 → 00:29:45 มีการเค้าเรียกว่าอะไรมีการ
00:29:45 → 00:29:49 ที่รู้จักแล้วก็ฝึกมันมาระดับนึงแล้วแหละ
00:29:49 → 00:29:52 คราวเนี้ยคุณจะฝึกมันมามากน้อยแค่ไหนเรา
00:29:52 → 00:29:55 จึงจึงชวนทำเรื่องง่ายๆก่อนค่ะเราทำ
00:29:55 → 00:29:58 เรื่องง่ายๆก่อนด้วยการที่เราอ่ะสสามารถ
00:29:58 → 00:30:00 ฝึกที่จะคิดบวก
00:30:00 → 00:30:05 อ่ะถ้ามีเวลานะคะเช้ากลางวันเย็นลองดู
00:30:05 → 00:30:10 ครับมันเป็นยาอย่างดีเลยนะเป็นยาฝึกคิด
00:30:10 → 00:30:12 บวกเหรอคะใช่ค่ะ
00:30:12 → 00:30:16 อืมันฟังดูฟังดูเหมือนเป็นเรื่องที่แบบ
00:30:16 → 00:30:20 ว่าแค่เยนะแต่คุณรู้มยว่าความคิดเนี่ยค่ะ
00:30:20 → 00:30:24 คุณผู้ฟังคะเป็นต้นตอต้นสายของทุกอย่าง
00:30:24 → 00:30:28 เลยค่ะเพราะฉะนั้นเนี่ยการที่เราฝึกคิด
00:30:28 → 00:30:32 บวกเหมือนกับถ้าเราอ่ะเคยมีการเทรนตั้ง
00:30:32 → 00:30:36 แต่เด็กๆเลยถ้าเรารู้สิ่งนี้ตั้งแต่เด็ก
00:30:36 → 00:30:39 กับขวัญลองคิดดูสิว่าเราจะเริ่มคิดบวกมา
00:30:39 → 00:30:41 โดยตลอดตลอดตลอดเนี่ยกล้ามเนื้อเราจะแข็ง
00:30:41 → 00:30:46 แรงแค่ไหนอืค่ะอถ้าถ้าเป็นแบบนี้อ่ะคุณ
00:30:46 → 00:30:49 ผู้ฟังฟังอยู่มีลูกมีหลานให้เขาฝึกสมาธิ
00:30:49 → 00:30:53 ฝึกคิดปวกคือเราจะสื่อสารยังไงที่จะแบบสื
00:30:53 → 00:30:56 ถ่ายทอดให้คนในครอบครัวเราว่าลองฝึกคิด
00:30:56 → 00:31:01 บวกสิเออมันง่ายมากค่ะคุณผู้ฟังถ้าคุณผู้
00:31:01 → 00:31:05 ฟังเป็นเค้าเรียกว่าเป็นผู้ใหญ่หรือเป็น
00:31:05 → 00:31:08 ผู้ที่มี
00:31:08 → 00:31:12 เอ่ออำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบในบ้านไม่
00:31:12 → 00:31:15 ว่าจะเป็นพ่อเป็นแม่เป็นพี่เลี้ยงเป็นค่ะ
00:31:15 → 00:31:18 เป็นคุณป้าคุณน้าคุณาคุุณลุคุณป้าเนี่ย
00:31:18 → 00:31:25 เราเป็นสิ่งใดคนที่เป็นเอ่อคนที่เราดูแล
00:31:25 → 00:31:29 เขาคก็จะเห็นสิ่งนั้นค่ะตัวอย่างเเดูเรา
00:31:29 → 00:31:33 แล้วก็เป็นมสำหรับเตัวอย่างเป็นตัวเพราะ
00:31:33 → 00:31:36 อะไรรู้มั้ยเพราะในทางจิตวิทยาเนี่ยค่ะคำ
00:31:36 → 00:31:40 พูดน่ะมีผลแค่ 5% คุณขวัญครับแต่พฤติกรรม
00:31:40 → 00:31:43 ต่างหากล่ะใช่มั้ยคะอืเค้าเรียกว่าภาษา
00:31:44 → 00:31:48 กับอวัจนภาษาค่ะเราไม่ต้องพูดเลยเราไม่
00:31:48 → 00:31:50 ต้องชวนเขามาว่าเนี่ยต้องเป็นคนคิดบวก
00:31:50 → 00:31:55 ต้องเป็นคนมีสมาธินะค่ะคำว่ามีสมาธินะคุณ
00:31:55 → 00:31:59 ขวัญเราตั้งใจล้างจานเนี่ยเราตั้งใจกวาด
00:31:59 → 00:32:03 บ้านเราตั้งใจทำอะไรสักอย่างหนึงอ่ะซึ่ง
00:32:03 → 00:32:06 มันเป็นหลักในการบำบัดในในทุกการทุก
00:32:06 → 00:32:08 ศาสตร์การบำบัดเลยนะที่จะเริ่มจากการ
00:32:09 → 00:32:13 เนี่ยประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันค่ะนึก
00:32:13 → 00:32:17 ออกมยเราทำงานเราก็ตั้งใจทำงานไม่ว่างาน
00:32:17 → 00:32:21 อะไรก็แล้วแต่คุณขวัญรู้มั้ยคุณต้นโอ๊ก
00:32:21 → 00:32:24 มันมีเรื่องที่น่าสลดนะที่คนจำนวนมากเลย
00:32:24 → 00:32:27 นะคะเดี๋ยวเนี้ยได้รับอุบัติเหตุจากการ
00:32:27 → 00:32:29 อะไรรู้มั้ย
00:32:29 → 00:32:32 เดินแล้วก็ดูมือถืออ๋ออ๋อเออครับ
00:32:32 → 00:32:36 ค่ะเคยเคยเห็นข่าวอยู่เหมือนกันแล้วก็นอก
00:32:36 → 00:32:40 จากนี้ก็ดูมือถือจนแบบเหมือนเราเรียกอะไร
00:32:40 → 00:32:42 ร่างกายเราปวดร้าวเพราเราก้มใช่ค่ะแล้วก็
00:32:42 → 00:32:46 จะมีปัญหาเรื่องกระดูกต้นคอค่ะกระดูกหลัง
00:32:46 → 00:32:50 ซึ่งมันจะเชื่อมโยงกันหมดเลยค่ะอืค่ะเออ
00:32:50 → 00:32:54 ถ้าเป็นแบบนี้เนี่ยคือวิธีการที่เรานอก
00:32:54 → 00:32:59 จากที่บอกว่าฝึกสมาธิลองดูดูวันคิดบวกวัน
00:32:59 → 00:33:02 ละ 3 เวลาอะไรอย่างเงี้ยถ้าเป็นแบบนี้เรา
00:33:02 → 00:33:06 การเรามาประยุกต์ใช้ในเรื่องของตัวของการ
00:33:06 → 00:33:10 ลดความเครียดด้วยการอาศัยสติอย่างตัวเอ่อ
00:33:10 → 00:33:15 MB SR ได้ยังไงบ้างคะคืออย่างงี้ในการ
00:33:15 → 00:33:16 ที่จะนำ
00:33:16 → 00:33:21 mbsr และ mbct ค่ะพูดอีกครั้งเนาะ myf
00:33:22 → 00:33:25 Base stress reduction ค่ะและ
00:33:25 → 00:33:28 mindfulness Base cognitive
00:33:28 → 00:33:31 ค่ะคือการบำบัดที่จะลดความเครียดและการ
00:33:31 → 00:33:35 บำบัดทางด้านความคิดครับมันมีเทคนิคง่ายๆ
00:33:35 → 00:33:38 อยากได้มยอ่ะมาจัดมาเลยฮคุณติวเทคนิคง่าย
00:33:38 → 00:33:41 ๆที่ทางเา้าเรียกว่าผู้คิดค้นศาสตร์เนี่ย
00:33:41 → 00:33:46 เให้มาเอออยากรู้แบว่าการที่เราจะนำ
00:33:46 → 00:33:50 เทคนิคการบำบัดทาง mbsr กับ mbct มาใช้ใน
00:33:50 → 00:33:54 ชีวิตประจำวันเนี่ยมันมีเทคนิคง่ายๆยังไง
00:33:54 → 00:33:58 ค่ะเราใช้ชื่อว่าเทคนิค Stop
00:33:58 → 00:34:03 หยุดหรอใช่ค่ะเออหยุดแล้วเราจะไปต่อยังไง
00:34:03 → 00:34:07 อ่ะคะแพรุ่งนี้ผมลาเลยเดี๋ยวหยุดเลย
00:34:07 → 00:34:13 เฮ้มันมีที่มาค่ะคือ Stop เนี่ย Stop s
00:34:13 → 00:34:18 o ค่ะเนาะ Stop คำแรกก็คือ s s เนี่ย
00:34:18 → 00:34:22 มันก็มาจาก Stop นั่นแหละคือหยุดค่ะอือือ
00:34:22 → 00:34:23 หยุด
00:34:23 → 00:34:27 หยุดอันที่ 2 คือตัวอะไร T อ่าเก่งมากค่ะ
00:34:28 → 00:34:32 นักเรียนเพิ่งสะกดให้เมื่อกี้ค่ะครับตัว T
00:34:32 → 00:34:35 เนี่ยเค้าเรียกว่า Take a Breath คือ
00:34:35 → 00:34:40 หายใจหายใจอ่ะจับอืคล้ายๆกับการตั้งสติ
00:34:41 → 00:34:43 เหมือนกันนะใช่มหยุดก่อนแล้วก็เริ่มกำหนด
00:34:43 → 00:34:46 ลมหายใจละมันเค้าเรียกว่า in Action คือ
00:34:46 → 00:34:50 มันง่ายขึ้นมันมีค่ะเอ่อดัชนีชี้วัดแบบจะ
00:34:50 → 00:34:53 ต้องทำอะไรบ้างคืออย่างน้อยๆเนี่ยสมมุติ
00:34:53 → 00:34:56 ว่าคุณกำลังเอ่อดูมือถืออยู่คุณกำลังทำ
00:34:56 → 00:35:00 งานทำไม่เสร็จแล้วคุณก็ Stop มันเลยอ่ะ
00:35:00 → 00:35:05 หยุดมันซะก่อนพอหยุดมันแล้วก็หายใจลึกๆพอ
00:35:05 → 00:35:09 หายใจลึกๆเหมือนจะได้สตินะใช่ค่ะครับอื
00:35:09 → 00:35:13 ถูกมั้ยค่ะมันง่ายมากเพราะมันมีคนจำนวน
00:35:13 → 00:35:16 นึงนะคุณรู้มยว่าเป็นโรคอะไรโรคอะไรครับ
00:35:16 → 00:35:20 คุณผู้ฟังคะมันมีโรคลืมหายใจด้วยนะคะลืม
00:35:20 → 00:35:22 หายใจทำนู่นนี่นั่นจลืหอ่ะเดี๋ยวๆไว้มี
00:35:22 → 00:35:24 โอกาสมาคุยเรื่องนี้กันโอ้ลืมหายใจเลย
00:35:24 → 00:35:28 เหรอเออคุณคุณแม่ของแพทพภาเนี่ยเป็นโรค
00:35:28 → 00:35:32 นี้อ๋อเหรอคะอ่าเคยมาออกรายการเอ่ออะไร
00:35:32 → 00:35:36 สักอย่างนึงเนี่ยคือว่าพอคนที่มีความ
00:35:36 → 00:35:39 กังวลในใจอ่ะค่ะจริงๆแล้วเราหลายคนเป็นนะ
00:35:39 → 00:35:42 เวลาที่เรากำลังแบบตื่นเต้นหรืออินอะไร
00:35:42 → 00:35:45 มากๆเนี่ยค่ะบางทีเราลืมหายใจไปแป๊บนึง
00:35:45 → 00:35:47 ลืมหายใจมันเลยเป็นที่มาของคำว่าถอนหายใจ
00:35:47 → 00:35:50 มั้ยคะเพราะว่าลืมหายใจนานๆแล้ว
00:35:50 → 00:35:53 ก็หรือเปล่าไม่เกี่ยวในตามศาสตร์เนี่ยมัน
00:35:53 → 00:35:56 ไม่เกี่ยวกันมันคนละแบบจริงๆแล้วการถอน
00:35:56 → 00:35:58 หายใจเนี่ยเป็นเทคนิคการการบำบัดอย่างนึง
00:35:58 → 00:36:01 อนึกออกมั้ยแต่มันต้องตั้งใจถอนหายใจ
00:36:01 → 00:36:03 เพราะว่าสนใจนะเพราะอย่างงี้การถอนหายใจ
00:36:03 → 00:36:06 เนี่ยเป็นอาการที่สะท้อนมาจากข้างในเรา
00:36:06 → 00:36:09 ว่าเราต้องการสิ่งนี้ออ่ะเมื่อกี้ถึงไหน
00:36:09 → 00:36:11 แล้ว Stop ของเรา Stop Take a bade
00:36:11 → 00:36:16 แล้วก็ตัว O มาที่อะไรคะ observe observe
00:36:16 → 00:36:20 อ่าสังเกตการิสังเกตอ่า be observer นะ
00:36:20 → 00:36:25 เป็นผู้สังเกตการค่ะเราเนี่ยพอ Stop หยุด
00:36:25 → 00:36:30 แล้วค่ะหายใจะค่ะให้สังเกตสังเกตตัวเอง
00:36:30 → 00:36:34 ใช่ค่ะต้นโอ๊กสังเกตตัวเองว่าเราอ่ะรู้
00:36:34 → 00:36:37 สึกอะไรอืเฮ้ยเรารู้สึกอะไรวรสึกอะไรเห็น
00:36:37 → 00:36:40 อะไรรู้สึกอะไรค่ะให้เท่าทันอารมณ์ตัวเอง
00:36:40 → 00:36:42 ใช่มั้ยคะใช่
00:36:42 → 00:36:46 อืแล้วตัวคิดอะไรอยู่วะเ้ยเมื่อกี้คิดแบบ
00:36:46 → 00:36:49 คิดอะไรอยู่นะอ่าครับตอนตอนนี้อารมณ์ไหน
00:36:49 → 00:36:53 นะโกรธแค่ไหนนะใช่ค่ะใช่ค่ะอืใช่ค่ะจะทำ
00:36:53 → 00:36:54 อะไรก่อใช่
00:36:55 → 00:37:01 ค่ะคราวนี้พอพอเราพอเราได้เริ่มทำเป็น
00:37:01 → 00:37:03 ขั้นตอนมาแล้วอ่ะค่ะตัวสุดท้ายคือตัวอะไร
00:37:03 → 00:37:08 คะพี่พี่ทุพี่ตัว P คือ proceed ที่จะให้
00:37:08 → 00:37:13 มันดำเนินการต่อไปโดยที่ไม่ก้าวก่ายไม่
00:37:13 → 00:37:15 แทรก
00:37:15 → 00:37:19 แซงตามความเป็นจริงว่าเรา
00:37:19 → 00:37:24 กำลังรู้สึกอะไรให้ยอมรับค่ะใช่ให้ยอมรับ
00:37:24 → 00:37:27 ครับซึ่งแม้แต่คำว่ายอมรับนะมันก็เป็น
00:37:28 → 00:37:30 ศาสตร์การบำบัดอีกอย่างหนึ่งค่ะมันมีชื่อ
00:37:30 → 00:37:33 ว่าแมันมีชื่อว่าแคือเดี๋ยวนะชื่อเต็มๆ
00:37:34 → 00:37:36 ของมันคือ acceptance and commitment
00:37:36 → 00:37:39 therapy ไว้มีโอกาสจะมาขยายให้ฟังมัน
00:37:39 → 00:37:42 เป็นสาสตรการบำบัดที่ได้เขาเรียกว่าได้ผล
00:37:42 → 00:37:46 การรับรองที่เยี่ยมมากว่าได้ผลดีจริงค่ะ
00:37:46 → 00:37:49 อ่ะคราวนี้เราทวนกันนิดนึงคือ Stop มี
00:37:49 → 00:37:54 อะไรบ้างคะ Stop มีหยุดหยุดแล้วก็ตั้งสติ
00:37:54 → 00:37:57 T ก็ Take a Break แล้วก็ O ก็ obs
00:37:57 → 00:38:02 สังเกตสังเกตการแล้วก็เอ่อ P ก็ยอมรับกับ
00:38:02 → 00:38:04 สิ่งที่เกิดขึ้มรับให้มันดำเนินการต่อไป
00:38:04 → 00:38:08 มันจะเกิดอะไรขึ้นสมมุติว่าเรากำลังรู้
00:38:08 → 00:38:12 สึกเศร้าครับก็ไม่เป็นไรก็แค่ยอมรับมัน
00:38:12 → 00:38:16 อ๋อกำลังเศร้าอยู่หรอหรือกำลังโกรธทันที
00:38:16 → 00:38:19 ที่เรารู้สึกึกกลับมาดูนะรู้สึกอ่ะค่ะมัน
00:38:20 → 00:38:21 จะ
00:38:21 → 00:38:27 เฟแฟบเป็นยังไงแฟบหายไปมันจะค่อยๆหายไป
00:38:27 → 00:38:30 เลยเพราะเรารู้สึกอ่ะโกรธ 100% เหลือโกรธ
00:38:30 → 00:38:33 50 เหลือโกรธ 30 และโกรธ 20 คลายความรู้
00:38:33 → 00:38:36 สึกให้มันความรู้สึกมันผ่อนคลายจากจุด
00:38:36 → 00:38:39 นั้นลงใช่ค่ะใช่แต่ถ้าเราไม่รู้สึกอ่ะลอง
00:38:39 → 00:38:42 จินตนาการว่าสมมุติมีมีอะไรมากระทบเรา
00:38:42 → 00:38:45 แล้วเรารู้สึกโรธอ่ะมันมันมันมันมันเกิน
00:38:45 → 00:38:49 ยับยั้งแล้วสติหลุดแล้วอ่ะพอมีเหตุการณ์
00:38:49 → 00:38:51 มากระทบแล้วสมมุติว่าเราโกรธใช่มั้ยคะเรา
00:38:51 → 00:38:55 โกรธเนี่ยแล้วเราก็แอชไปเลยสมมุติว่าอื
00:38:55 → 00:38:58 ใครมาขับรถปัดหน้ารักเราเราโกรธแล้วก็
00:38:58 → 00:39:02 เฮ้ยๆๆๆถูกมั้ยอ่าอวยพรใหญ่เลยแชอะไร
00:39:02 → 00:39:05 เงี้ยเออเราแอคชั่นไปเลยค่ะค่ะเพราะ
00:39:05 → 00:39:10 ฉะนั้นเนี่ยมันจะเกิดอะไรขึ้นปัญหาก็มาสิ
00:39:10 → 00:39:15 มากมายถูกมยความโกรธก็จะเป็นไงคะขยายวงไป
00:39:15 → 00:39:19 ใหญ่เลยอ่ามันจะปี๊ดมันจะขยายค่ะแต่ถ้า
00:39:19 → 00:39:22 เราใช้เทคนิค Stop คุณผู้
00:39:22 → 00:39:25 ฟังถ้าเราใช้เทคนิค Stop ขวัญคิดว่ามันจะ
00:39:25 → 00:39:29 เกิดอะไรขึ้นเราก็รู้เท่าทันตัวเองแล้วก็
00:39:29 → 00:39:31 ปัญหาที่มันอาจจะเกิดมันก็ไม่ต้องเกิดก็
00:39:31 → 00:39:36 ได้เออแล้วก็ปัญหาจริงๆเราไม่ต้องแบบไป
00:39:36 → 00:39:39 ต่อแบบทะเลาะวิวาทกับใครก็ไม่มีอะไรเยมัน
00:39:39 → 00:39:45 ก็ลดลดลดวงจรเหมือนจับว่าตัวเองได้ตั้ง
00:39:45 → 00:39:50 สติก่อนที่จะทำอะไรต่อสมมุติว่าเอ่อกำลัง
00:39:50 → 00:39:54 จะเกิดปัญหานี้ขึ้นมาเพียงแค่เราหยุดอย่า
00:39:54 → 00:39:59 พึ่งถอยถอยมาอยู่กับตัวเองเออถอนสุดลมหาย
00:39:59 → 00:40:02 ใจสักเครือกนึงก่อนอ่ะโอเคไม่เป็นไร
00:40:02 → 00:40:06 เดี๋ยวค่อยว่ากันผ่านจากจุดนี้ไปก่อน
00:40:06 → 00:40:08 เหมือนกับว่าเรื่องเรื่องจากเรื่องเล็กๆ
00:40:08 → 00:40:11 เออเรื่องใหญ่ๆมันจะดูเล็กลงทันทีเมื่อ
00:40:11 → 00:40:13 เมื่อเวลาผ่านไปจากจุดนั้นเพียงแค่ไม่กี่
00:40:13 → 00:40:16 วินาทีอ่ะผมว่านะอืมันเยมันมันมีเหตุ
00:40:16 → 00:40:18 การณ์ประมาณนี้เพราะว่าในความเป็นจริงอ่ะ
00:40:18 → 00:40:20 ค่ะทุกอย่างมันจะเกิดขึ้นเร็วมากเรามาคุย
00:40:20 → 00:40:23 กันเนี่ยเราค่อยๆย่อค่อยๆค่อยๆย่อยคำออก
00:40:23 → 00:40:26 มาค่ะเหมือนเรายืดเวลาถูกมั้ยแต่ในความ
00:40:26 → 00:40:29 เป็นจริงอ่ะมันปึ๊บแบบเนี้ยใช่เออึบปึบ
00:40:29 → 00:40:31 ถ้าเราไม่เคยเรียนรู้มาก่อนเราไม่เคยฝึก
00:40:31 → 00:40:36 อ่ะจถูกมยแต่ถ้าเราฝึกอ่ะมันจะค่อยๆถูกม
00:40:36 → 00:40:41 ค่ะนึกนึกถึงสิ่งๆบางเคยเคยมีหลายๆครั้ง
00:40:41 → 00:40:46 ที่อาจจะสังเกตได้หลายหลายคนที่มีอารมณ์
00:40:46 → 00:40:49 โกรธเวลาเห็นแชท line เพราะแชท line ไม่
00:40:49 → 00:40:53 มีน้ำเสียงอครับอ่ะก็พิมพ์ใหญ่เลยพิมพ์ๆ
00:40:53 → 00:40:55 ซึ่งเป็นการโต้ตอบกันทางแชตไลน์ซึ่งไม่มี
00:40:55 → 00:40:58 ประโยชน์เลยใช่ๆใช่แล้วก็สุดท้ายคือพอ
00:40:58 → 00:41:01 พิมพ์ด้วยความโกรธมากๆเวลาผ่านไปยกเลิก
00:41:01 → 00:41:04 ข้อความยกเลิกข้อความแต่หารู้ยว่าอใน
00:41:04 → 00:41:06 กลุ่มนั้นน่ะมันมีหลายคนซึ่งเขาก็อ่านกัน
00:41:06 → 00:41:10 ไปแล้วเออเนี่ยสิ่งเนี้ยจริงๆแล้วพอถ้า
00:41:10 → 00:41:14 Stop หยุดอ่ะแล้วก็โกรธใช่มยกำลังจะ
00:41:14 → 00:41:17 พิมพ์แล้วเนี่ยหยุดให้ได้แล้วเอ้ยเออเข้า
00:41:17 → 00:41:20 ใจเข้าใจหยุดให้ได้แล้วไม่ต้องพิมพ์แล้ว
00:41:20 → 00:41:22 กลับมาทบทวนว่าพิมพ์ไปมีประโยชน์กับใคร
00:41:23 → 00:41:25 บ้างเป็นประโยชน์กับเรามั้ยเป็นประโยชน์
00:41:25 → 00:41:27 กับคนอื่นมั้ยถ้าเมื่อมันไม่ใช่
00:41:27 → 00:41:31 ไม่จำเป็นเออเออเยี่ยมมากเลยค่ะเฮ้ยเคส
00:41:31 → 00:41:35 แบบนี้ผมเคยเคยเห็นนะแล้วก็กลายเป็นคือ
00:41:35 → 00:41:38 เห็นจากอันเนี้ยเห็นจากโซเชียลมันเหมือน
00:41:38 → 00:41:41 มันเหมือนแก๊กตลกอ่ะครูติ๋วพี่พี่หวัมัน
00:41:41 → 00:41:43 เหมือนแก๊กตลกในโซเชียลที่แบบเอ่อเหมือน
00:41:43 → 00:41:46 กับว่าสมมุติอ่าเป็นจำลองว่าเป็นเป็นร้าน
00:41:46 → 00:41:49 ร้านกาแฟร้านนึงแล้วกันลูกค้าคอมเพนมา
00:41:49 → 00:41:52 ผ่านทาง LINE ช่องทาง LINE ตึ๊ดๆๆๆไอ้คน
00:41:52 → 00:41:57 ที่เป็นบ่าบาติสต้าพิมพ์ตอบก็ตึ๊ๆๆี้ด่า
00:41:57 → 00:42:00 ด่ากลับคืนเลยนะตโตตอบเลยแต่จริงๆแล้วมัน
00:42:00 → 00:42:04 เป็นค่จินตนาการออยังไม่ได้พิมพ์รบรบก่อน
00:42:04 → 00:42:08 ขอโทษค่ะยคราวหน้าจะปรับปรุงมันทำให้แบบ
00:42:08 → 00:42:11 เอ่อพฤติกรรมของคนที่เล่นโซเชียลอย่างผมเ
00:42:11 → 00:42:14 เอ้ยเอ้ยมันก็ตลกดีนะแต่มันใช้ได้ในชีวิต
00:42:14 → 00:42:17 ได้จริงนะเว้ยคือแบบอเออเราคือในโลก
00:42:17 → 00:42:20 โซเชียลโลกของความมีเอ่อเทคโนโลยีที่มัน
00:42:20 → 00:42:24 ก้าวก้าวไกลอ่ะการพิมพ์อะไรลงไปแบบ
00:42:24 → 00:42:27 ปัจจุบันทันด่วนโอเคล่ะมันเร็วมันมัน
00:42:27 → 00:42:32 แต่ถ้าเรารอสักนิดนึงหรือว่าตั้งสติกับ
00:42:32 → 00:42:36 สิ่งที่เราเกิดเอ้ยบางทีเขาอาจจะไม่
00:42:36 → 00:42:40 ได้ขนาดนั้นก็ได้หก็บางทีอ่ะถึงขั้นที่
00:42:40 → 00:42:42 แบบเอ้ก็ก็ก็ก็ผ่านไปก่อนเดี๋ยวเดี๋ยว
00:42:42 → 00:42:44 ค่อยกลับมาอ่านใหม่แล้วก็เราไม่ลืมไปแล้ว
00:42:44 → 00:42:47 ว่ามันเกิดอะไรขึ้นด้วยซ้ำไปหรือก็อย่าง
00:42:47 → 00:42:49 งั้นแหละก็คือโอเคแหละเออเดี๋ยวๆๆข้าง
00:42:49 → 00:42:51 หน้าปรับปรุงใหม่แล้วกันอะไรเงี้ยมันก็
00:42:51 → 00:42:54 มันก็จะแบบมันก็จะเป็นแบบเหมือนแก๊กตลบใจ
00:42:54 → 00:42:56 มันใช้ได้ในชีวิตจริงนะเอใช่เออใช่มั้ค
00:42:56 → 00:42:59 ติ๋วโอยอดเยี่ยมมากนึกนึกออกเลยที่แบบว่า
00:42:59 → 00:43:03 คอ่าเป็นแบบก้อนกลมๆอยู่ในหัวอยู่ในตรง
00:43:03 → 00:43:06 นี้แต่เวลาพิดจริขอบคุณมากนะ
00:43:06 → 00:43:10 คะแล้วก็พอเพูจริงๆแล้วเนี่ยพอพูดถึง
00:43:10 → 00:43:13 เรื่องนี้แล้วถ้าเราตอบโต้โตกลับไปปั้ง
00:43:13 → 00:43:16 เลยเนี่ยดิจิตอฟุปริเดี๋ยวเนี้ยถ้าเราไป
00:43:16 → 00:43:19 กล่าวหากล่าวร้ายใครในตัวสังคมออนไลน์
00:43:19 → 00:43:23 อันเนี้ยมันก็อย่างที่เอ่อหลายๆคนเนี่ย
00:43:23 → 00:43:26 กล่าวกล่าวว่าบุคคลที่เป็นบุคคลสาธารณะ
00:43:26 → 00:43:29 อ่ะครับเราไม่ได้มีสิทธิ์ไปไปกล่าวร้ายเ
00:43:29 → 00:43:31 นะอะไรอย่าเงี้ยเรามีสิทธิ์อาจจะวิพากได้
00:43:31 → 00:43:34 วิจารณได้แต่กล่าวร้ายเนี่ยเราทำไม่ได้
00:43:34 → 00:43:36 ซึ่งจริงๆแล้วเวลาเราพิมพ์กล่าวร้ายอะไร
00:43:37 → 00:43:39 บุคคลที่เป็นสาธารณะเนี่ยเขาสามารถฟ้อง
00:43:39 → 00:43:44 ร้องเรากลับมาก็ได้อืเอออืใช่ค่ะอันนี้ก็
00:43:44 → 00:43:47 เป็นอีกมุมมองนึงอันเนี้ยเดี๋ยวขอความรู้
00:43:47 → 00:43:50 ครูติ๋วหน่อยค่ะว่าตัวการฝึกแบบเนี้ย
00:43:50 → 00:43:53 เหมาะกับคนกลุ่มไหนบ้างคนกลุ่มไหนเหมาะ
00:43:53 → 00:43:58 กับตัวเอ่อ mbsr หรือว่า mbct อืวัยเรียน
00:43:58 → 00:44:01 ได้มั้ยไวทำงานอย่างเดียวหรือเปล่าหรือ
00:44:01 → 00:44:06 ว่าผู้บริหารใช้เถอะอะไรเงี้ยโหเออทั้ง
00:44:06 → 00:44:09 หมดที่กล่าวมาเลยซึ่งเชื่อว่าคุณผู้ฟัง
00:44:09 → 00:44:11 ที่ฟังเราอยู่นะคะทั้งคุณผู้ชมคุณผู้ฟัง
00:44:12 → 00:44:15 เนี่ยกำลังเรียนรู้ไปกับเราอ่าใชนะเดี๋ยว
00:44:15 → 00:44:18 ถ้าใครอยู่หน้าจอลองตอนนี้ก็เรียนรู้ไป
00:44:18 → 00:44:21 แบบควบคู่ไปด้วยลองพิมพ์เช่นเดียวกัน Stop
00:44:21 → 00:44:25 มาก็ได้พิมพ์แค่คำว่า Stop Stop นะคุณ
00:44:25 → 00:44:27 ผู้ฟังก็จะได้เรียนรู้ไปกับเราครับคราว
00:44:27 → 00:44:29 นี้ตอบคำถามที่
00:44:29 → 00:44:34 เอ่อต้นโอ๊คก็แชร์ดีนะว่ามันเหมาะกับผู้
00:44:34 → 00:44:36 บริหารมั้ยมันเหมาะกับคนทำงานมั้ยมัน
00:44:37 → 00:44:39 เหมาะกับอะไรเนี่ยนะนักเรียนได้มั้ยอะไร
00:44:39 → 00:44:42 อย่างเงี้ยเออมันมีหมดเลยที่เหมาะหมดเลย
00:44:42 → 00:44:45 เพราะอะไรรู้ป่ะค่ะผู้บริหารเนี่ยทำงาน
00:44:45 → 00:44:48 มากครับมันมีความเครียดมั้ยมีเคต้อง
00:44:48 → 00:44:52 เครียดอยู่แล้วถูกมั้ยคราวเนี้ยถ้านำ
00:44:52 → 00:44:57 เอ่อการบำบัดหรือเทคนิคของเอ่อ
00:44:57 → 00:44:59 ตัวเครื่องมือที่เราแนะนำไปเมื่อสักครู่
00:44:59 → 00:45:02 อ่ะค่ะอ่าเอาเทคนิคไปใช้อ่ะครับความ
00:45:02 → 00:45:06 เครียดก็จะลดลงอืถูกมพอความเครียดลดลงการ
00:45:06 → 00:45:08 นันหลอดี
00:45:08 → 00:45:11 ขึ้นความสัมพันธ์ในครอบครัวดีขึ้นเพราะคน
00:45:11 → 00:45:15 มันแบบว่าสุขภาพจิตดีอสุขภาพจิตดีอ่ะนอน
00:45:15 → 00:45:19 ดีสุขภาพจิตดีร่างกายก็ออกมาดีอืถูกมยอัน
00:45:19 → 00:45:22 นี้คือในกรณีผู้บริหารพอนักเรียนถูกมั้ย
00:45:22 → 00:45:25 นักเรียนเนี่ยพอใช้เทคนิคที่เราแนะนำไป
00:45:25 → 00:45:27 ค่ะถูกมั้ยคะในการบำบัด
00:45:27 → 00:45:32 ซึ่งมันจะทำให้ความเครียดลดลงความคิดบวก
00:45:32 → 00:45:36 ความคิดดีมากขึ้นนักเรียนมีความสงบสุขมี
00:45:36 → 00:45:39 สมาธิผลการเรียนดีขึ้นมั้ยสมาดีขึ้นอย่าง
00:45:39 → 00:45:43 น้อยคือเขาก็ได้โฟกัสกับตัวบทบทเรียนห้อง
00:45:43 → 00:45:47 เรียนแล้วก็คือถ้าไม่ไม่ได้มีเรื่อง
00:45:47 → 00:45:49 เครียดเขาก็ไม่ต้องไปใส่ใจกับเรื่องที่
00:45:49 → 00:45:53 ไร้สาระอ่ะอเออแล้วก็ไปอยู่กับอะไรที่แบบ
00:45:53 → 00:45:56 เป็นบวกๆเนาะอาจจะเจอเพื่อนดีๆคุยกัน
00:45:56 → 00:45:58 เรื่องสนุกสนานอะไรอย่างเงี้ยใช่มั้ยคะ
00:45:58 → 00:46:02 ใช่ค่ะใช่ค่ะใช่ค่ะอารมณ์คนที่เจ็บป่วย
00:46:02 → 00:46:05 ไม่สบายเนี่ยใช้เทคนิคการบำบัดที่เราแนะ
00:46:05 → 00:46:10 นำไปเนี่ยนะคะขวัญต้นโอ๊คสุขภาพการที่
00:46:10 → 00:46:14 เค้าเรียกว่าการเจ็บป่วยเนี่ยอาการน่ะดี
00:46:14 → 00:46:19 ขึ้นโดยเห็นนัยยะสำคัญชัดเจนมากอครับไม่
00:46:19 → 00:46:22 ว่าจะเป็นป่วยทางกายหรือป่วยทางใจนะโดย
00:46:22 → 00:46:23 เฉพาะตัวของ
00:46:23 → 00:46:31 เอ่อ cbt หรือว่าตัวของของ MB sct เนี่ย
00:46:31 → 00:46:36 MB M MB mbsr กับ mbct แหมครูก็เอามา
00:46:36 → 00:46:40 รวมกันเอามา merge กันเราเรียกภาษาไทยว่า
00:46:40 → 00:46:44 คือการบำบัดลดความเครียดและการบำบัดทาง
00:46:44 → 00:46:46 ด้านความคิดคอ่า
00:46:46 → 00:46:50 นะ 2 2 การบำบัดเนี้ยด้วยความที่มันเป็น
00:46:50 → 00:46:53 การต่อยอดด้วยไงมันก็เลยทำให้มีความเค้า
00:46:53 → 00:46:56 เรียกว่าอะไรนะต่อยอดด้วยกันเชื่อมโยงกัน
00:46:56 → 00:47:00 ค่ะเนาะซึ่งเทคนิคการบำบัดในลักษณะเนี้ย
00:47:01 → 00:47:04 มันสามารถช่วยให้ผู้ป่วยแม้กระทั่งที่
00:47:04 → 00:47:07 เป็นโรคซึมเศร้าอ่ะค่ะออาการดีขึ้นอย่าง
00:47:07 → 00:47:12 มีนัยยะสำคัญเลยอืในการที่จะมาฝึกเทคนิค
00:47:12 → 00:47:15 ต่างๆทำให้ตัวเองเนี่ยมีสมาธิมีสติเพิ่ม
00:47:15 → 00:47:19 ขึ้นค่ะถูกมั้ยคะออแต่ว่าโรคซึมเศร้า
00:47:19 → 00:47:23 เนี่ยเค้าก็คือโรคมันหม่นไปหมดอ่ะค่ะค่ะ
00:47:23 → 00:47:27 เราจะอ่าอย่างครูติ๋วเนี่ยจะบอกให้เคยัง
00:47:27 → 00:47:29 ให้ลองคิดบวกดูสิมันหม่นจังเลยอ่ะโลก
00:47:29 → 00:47:33 เนี้ยไปดึงเมายังไงให้เขาครู้สึกว่าเออ
00:47:33 → 00:47:36 ลองคิดก็ได้ไม่เออลองดูสักครั้งนึงอะไร
00:47:36 → 00:47:39 อย่าเงี้ยค่ะอมันถึงต้องมีกระบวนการค่ะ
00:47:39 → 00:47:43 คุณผู้ฟังคะเพราะว่าในการบำบัดเนี่ยในการ
00:47:43 → 00:47:46 บำบัดจริงๆอ่ะเราจะไม่ไปบอกเค้านะครับค่ะ
00:47:46 → 00:47:49 นึกออกมั้ยลองคิดสิมันคือบังคับใช่มั้ย
00:47:49 → 00:47:54 ใช่ค่ะออแล้วเราเโน้มนาวเค้ายังไงคะมันจะ
00:47:54 → 00:47:57 มีกระบวนการที่ทำให้เค้าอ่ะค่อยค่อยๆได้
00:47:57 → 00:48:01 แอคชั่นค่อยๆได้เปิดใจอืสำคัญมากคำว่า
00:48:01 → 00:48:04 เปิดใจเนี่ยเป็นคีย์เวิร์ดเลยภาษานึงเขา
00:48:04 → 00:48:07 จะใช้คำว่าแลพอคือสร้างความสัมพันธ์ค่ะ
00:48:07 → 00:48:09 ถูกมยคะพอเรามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
00:48:09 → 00:48:14 เราเปิดใจมั้ยเปิดใจเพราะว่าตอนแรกก็เอ๊ะ
00:48:14 → 00:48:17 เข้ามาเนี่ยประสงค์อะไรจากฉันใช่มั้ยคะ
00:48:17 → 00:48:22 แต่เมื่อเรารู้จักคุ้นเคยไว้เนื้อเชื่อใจ
00:48:22 → 00:48:25 ก็พร้อมที่จะพูดเรื่องที่ไม่ได้พูดให้
00:48:25 → 00:48:29 บุคคลทั่วๆไปฟังใช่ถูกต้องมันมีความลับ
00:48:30 → 00:48:33 อย่างนึงนะคุณผู้ฟังครับอะไรที่มันทำให้
00:48:33 → 00:48:35 เรามีความทุกข์ได้
00:48:35 → 00:48:40 อ่ะมันไม่ง่ายที่จะพูดให้ใครฟังหรอกอืม
00:48:40 → 00:48:43 มันเป็นเรื่องส่วนตัวมากๆเนาใช่ค่ะอเพราะ
00:48:43 → 00:48:47 ว่าถ้าพูดให้ใครฟังได้มันไม่เก็บมาเป็น
00:48:47 → 00:48:50 ปัญหาไม่เก็บมาเป็นปมไม่เก็บมาเป็นความ
00:48:50 → 00:48:54 ทุกข์ใจออนึกออกมั้ยมันจึงเป็นเอ่อเค้า
00:48:55 → 00:48:56 เรียกว่า
00:48:56 → 00:49:01 หน้าที่ครับแล้วก็อาศัยความเชี่ยวชาญใน
00:49:01 → 00:49:05 อาชีพนั้นๆด้วยจึงมีความจำเป็นในการที่
00:49:05 → 00:49:10 เอ่อผู้เข้ารับการบำบัดเนี่ยควรที่จะมาหา
00:49:10 → 00:49:14 ผู้เชี่ยวชาญอถูกมั้ยคะในในการบำบัดแม้
00:49:14 → 00:49:17 กระทั่งที่เราคุยกันเนี่ยในในตัวของเนี่ย
00:49:17 → 00:49:21 ตัวของ mbsr กับ mbct เนี่ยมันสามารถฝึก
00:49:21 → 00:49:25 ปฏิบัติด้วยตนเองก็ได้นะอ่าค่ะแต่คราว
00:49:25 → 00:49:28 เนี้ยถ้าเรายังไม่มีความเข้าใจเรายังไม่
00:49:28 → 00:49:33 มีพื้นฐานเรายังไม่มีเอ่อการเค้าเรียกว่า
00:49:34 → 00:49:37 เช็คสตของเราว่าอยู่ในระดับไหนเนี่ยมัน
00:49:37 → 00:49:40 จึงควรที่จะมามีผู้เชี่ยวชาญในการนำ
00:49:41 → 00:49:43 กระบวนการในการนำปฏิบัติเหมือนเป็น
00:49:43 → 00:49:47 เทรนเนอร์ถ้าถ้าเราเข้าไปในยิมแล้วเรา
00:49:47 → 00:49:50 เล่นเครื่องเล่นไม่เป็นเลยเราเราจะไปเล่น
00:49:50 → 00:49:52 แบบสุ่ม 4 สุ่ม 5 มันก็อาจจะได้แหละ
00:49:53 → 00:49:55 ประโยชน์ของร่างกายน่ะแต่ได้ไม่เต็มที่
00:49:55 → 00:49:57 แต่ถ้าเรามีเ
00:49:57 → 00:50:00 สอนให้เราใช้เครื่องมือเป็นเราก็จะสามารถ
00:50:00 → 00:50:02 ใช้เครื่องมือนั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
00:50:02 → 00:50:04 ที่สุดถกถูกต้องถูกต้องคราวนี้ต้นโอ๊ก
00:50:04 → 00:50:07 ต้องจินตนาการว่าอย่างงี้ครับคนที่ไปยิม
00:50:07 → 00:50:13 อ่ะคือคนปกติอืแต่คนที่ต้องการการเยวยา
00:50:13 → 00:50:17 การดูแลเนี่ยถ้าเขาอยู่ในภาวะที่ยังไม่
00:50:17 → 00:50:21 ปกติอ่ะค่ะถูกมั้ยคะใช่ถูกมเขาจะมาใช้
00:50:21 → 00:50:24 หลักการแบบนี้โดโดยใช้ด้วยตัวเองอ่ะมัน
00:50:24 → 00:50:27 อาจจะไม่ถูกต้องจึงยังไม่แนะนำค่ะอืเรา
00:50:27 → 00:50:32 เลยแนะนำให้พบผู้เชี่ยวชาญออที่มีการ
00:50:32 → 00:50:36 เรียนรู้มาที่มีหลักการมีเครื่องมือจริงๆ
00:50:37 → 00:50:39 สิ่งนึงที่ที่เน้นนะคะคือคำว่าเครื่องมือ
00:50:39 → 00:50:42 แม้แต่ศาสตร์การบำบัดเนี่ยก็ถือว่าเป็น
00:50:42 → 00:50:47 เครื่องมือที่เอ่อแพทย์ผู้ดูแลนักบำบัด
00:50:47 → 00:50:51 หมอครูโค้ชต่างๆเนี่ยค่ะเขาจะนำเครื่อง
00:50:51 → 00:50:55 มือที่เหมาะสมมาใช้กับผู้ที่มารับการ
00:50:56 → 00:50:59 ปรึกษาอ๋อใช่ค่ะมีคุณผู้ฟังถามมาพอดีเลย
00:50:59 → 00:51:03 เออถ้าอย่างเงี้ยเริ่มต้นจากการโทรไปสาย
00:51:03 → 00:51:07 ด่วน 1 323 สายด่วนสุขภาพจิตค่ะเริ่มต้น
00:51:07 → 00:51:10 จากจุดนั้นก่อนเป็นทางเลือกที่ดีค่ะอ๋อ
00:51:10 → 00:51:12 ได้เหมือนกันใช่ค่ะเป็นทางเลือกที่ดีได้
00:51:12 → 00:51:15 เหมือนกันค่ะได้เหมือนกันอเออเหมือนกับมี
00:51:15 → 00:51:18 คนคุยแล้วก็มีคนชี้แนะว่าคุณควรจะเติมจุด
00:51:18 → 00:51:23 ไหนใช่อะไรกำลังจะในปัจจุบันเนี่ยมีมี
00:51:23 → 00:51:26 บริการทางด้านสุขภาพจิตเยอะมากเยอะมากมัน
00:51:26 → 00:51:29 คำนึงนะต้นโอ๊คและคุณขวัญครับบางครั้ง
00:51:29 → 00:51:32 เนี่ยเวลามีปัญหาเนี่ยไม่ค่อยแนะนำให้
00:51:32 → 00:51:36 ปรึกษาเพื่อนหรือคนใกล้ตัวเท่าไหร่ใกออ
00:51:36 → 00:51:39 ทำไมฮะถ้าคิดจากประสบการณ์ตัวเองบาง
00:51:39 → 00:51:43 เรื่องนะคะค่ะครับไม่กล้าเปิดใจเต็มที่
00:51:43 → 00:51:46 ด้วยเพราะว่ามันเป็นเรื่องที่เรารู้สึก
00:51:46 → 00:51:49 เป็นส่วนตัวแล้วกลัวว่าถ้าพูดออกไปเขาจะ
00:51:49 → 00:51:52 มองเราแบบไหนกลัวสายตาที่เขาจะมองย้อน
00:51:52 → 00:51:55 กลับมาใช่่ใช่นั่นคือประเด็นที่ 1 ส่วน
00:51:55 → 00:51:57 ประเด็นที่ 2 เนี่ยอย่างที่เราเกริ่นกัน
00:51:57 → 00:52:02 ว่าผู้เชี่ยวชาญเนี่ยเค้าก็จะมีการเค้า
00:52:02 → 00:52:04 เรียกว่าเรียนรู้มีหลักการมีเครื่องมือ
00:52:04 → 00:52:07 ที่จะมาอเค้าเรียกว่าให้ความช่วยเหลือเรา
00:52:07 → 00:52:10 ได้อย่างถูกต้องเหมาะสมถูกคแนำสเต็ปขั้น
00:52:10 → 00:52:13 ตอนเริ่มจากอะไรทำอย่างไรดีใช่ถูกต้องยไ
00:52:14 → 00:52:16 ดีถูกต้องที่ไหนอย่างไรเอเพราะเมีความรู้
00:52:16 → 00:52:19 แบบนั้นคือมันจะเหมือนกับว่ามันจะสามารถ
00:52:19 → 00:52:23 แก้ไขปัญหาไปให้ตรงจุดได้ไม่ใช่แบบว่าเขา
00:52:23 → 00:52:26 ว่ากันว่าเนี่ยเธอมาทำอย่างเงี้ยดี
00:52:26 → 00:52:30 รอบข้าใชใช่ๆถูกต้องเลยโดยเฉพาะใน
00:52:30 → 00:52:33 ปัจจุบันค่ะคุณผู้ฟังมีบริการทางด้าน
00:52:33 → 00:52:37 สุขภาพจิตเยอะมากค่ะมีหลายรูปแบบด้วยมี
00:52:37 → 00:52:41 เขาเรียกว่าหลายเครื่องมือให้เลือกหลาย
00:52:41 → 00:52:45 สถาบันให้พิจารณามากมายเลยมีทั้งมีเอ่อ
00:52:45 → 00:52:50 ค่าค่าบริการและไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะมีให้
00:52:50 → 00:52:55 เลือกค่ะคุณผู้ฟังอือซึ่งย้ำว่าการการดู
00:52:55 → 00:52:58 แลสุขภาพจิตหรือปรึกษาปัญหาสุขภาพจิตไม่
00:52:58 → 00:53:02 ใช่เรื่องที่ผิดคนไม่ต้องติดจับคำว่าเอ้ย
00:53:02 → 00:53:05 ป่วยเป็นจิตโรคจิตถึงต้องไปปรึกษาปัญหา
00:53:05 → 00:53:07 สุขภาพจิตไม่ใช่อย่างงั้นแล้วยุคนี้ไม่
00:53:07 → 00:53:11 ใช่อย่างงั้นแล้วยุคนี้มันคือการการรู้
00:53:11 → 00:53:14 จักตัวเองการเปิดใจกันเการหาปมของตัวเอง
00:53:14 → 00:53:18 ให้มันคลายลงแล้วก็เปิดกับเอ่อประตูใหม่ๆ
00:53:18 → 00:53:20 ที่มันอาจจะทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายหรือ
00:53:20 → 00:53:23 โล่งแล้วก็เจออะไรที่มันมีความสุขให้กับ
00:53:23 → 00:53:26 ชีวิตได้มากขึ้นมันเป็นทางเลือกแล้วเป็น
00:53:26 → 00:53:30 ทางออกอีกอย่างนึงนะคะเอ่อศาสตร์พวกเนี้ย
00:53:30 → 00:53:33 เค้าเรียกอีกนัยยะนึงนะว่าการพัฒนาตัวเอง
00:53:33 → 00:53:38 เหมือนกันอืๆเราไม่ได้จะเป็นเฉพาะคนป่วย
00:53:38 → 00:53:42 เออค่ะครับคนที่จะต้องการดึงศักยภาพตัว
00:53:42 → 00:53:44 เองออกมาเช่นเดียวกับกีฬาไงใช่มั้ยเช่น
00:53:44 → 00:53:46 เดีกีฬาเออใช่ค่ะใช่ค่ะใช่ค่ะแม้กระทั่ง
00:53:47 → 00:53:49 ครูเองเนี่ยเริ่มต้นเนี่ยครูก็เข้า
00:53:49 → 00:53:51 มาเรียนรู้ศาสตร์เรื่องพวกนี้แล้วจริงๆ
00:53:51 → 00:53:54 อ่ะนะคเราทุกคนเนี่ยค่ะต้องการสิ่งนี้
00:53:54 → 00:53:57 เพราะเราต้องการพัฒนาตัวเองเองอืและคีย
00:53:57 → 00:54:01 สำคัญนะเราไม่รู้ว่าเราไม่รู้อะไรบางที
00:54:01 → 00:54:04 เราก็ไม่รู้หรอกว่าเฮ้ยเรามีปมอะไรเออออ
00:54:04 → 00:54:08 เพราะมันถูกปิดกดเอาไว้จนมิจนแบบเราลืมไป
00:54:08 → 00:54:11 แล้วเหมือนตัวเราเองนี่แหละที่จะถมปมที่
00:54:11 → 00:54:13 เรารู้สึกว่าเป็นปมนั้นน่ะปิดเอาไว้ปิด
00:54:13 → 00:54:17 เอาไว้ปิดเอาไว้จนเราเราก็อ๋อจนเราไม่รู้
00:54:17 → 00:54:21 แล้วว่าเราปิดไปแล้วอ่ะเออครับๆเออมันก็
00:54:21 → 00:54:23 น่าสนใจเหมือนกันนะศาสตร์ในการค้นหาแล้ว
00:54:23 → 00:54:26 ก็ยอมรับแล้วให้เขาคลายสิ่งนั้นออกมา
00:54:26 → 00:54:28 เพื่อให้เขาสามารถได้ปลดล็อคอันนี้อยาก
00:54:28 → 00:54:32 ชวนครูติ๋วคุยโอกาสถัดๆไปเนาะยินดีค่ะ
00:54:32 → 00:54:34 เพราะมันเป็นเรื่องสำคัญมากคืออย่างงี้
00:54:34 → 00:54:38 ถ้าเราบำบัดตัวเองเยียวยาตัวเองคลีนตัว
00:54:38 → 00:54:42 เองแล้วอ่ะค่ะมันจะสามารถพัฒนาตัวเองได้
00:54:42 → 00:54:46 ไกลมากๆแล้วไวมากๆเพียงแค่เรามาเคลียร์
00:54:46 → 00:54:50 ตัวเองก่อนเท่านั้นเองค่ะอือือก็ถือว่า
00:54:50 → 00:54:54 เป็นอีกคำแนะนำนึงสำหรับการที่เราได้พูด
00:54:54 → 00:54:57 คุยกันในวันนี้แล้วก็ววันจันทร์ถัดๆไปก็
00:54:57 → 00:55:00 จะได้พูดคุยกับครูติ๋วอีกนะคะเพราะว่าเรา
00:55:00 → 00:55:03 จะชวนครูติ๋วมาเป็นวิทยากรประจำวันจันทร์
00:55:03 → 00:55:05 ของเราคุยกันเกี่ยวกับเรื่องของสุขภาพจิต
00:55:05 → 00:55:09 แล้วก็การดูแลร่างกายผ่านจิตใจและให้มัน
00:55:09 → 00:55:12 แข็งแรงไปด้วยกันแล้วก็สำหรับวันนี้เนี่ย
00:55:12 → 00:55:14 ที่ครูติ๋วได้มาพูดคุยกันในวันแรกเนี่ย
00:55:15 → 00:55:18 เป็นไงบ้างสรุปให้เราฟังหน่อยว่าเออการดู
00:55:18 → 00:55:21 แลสุขภาวะทางจิตความเครียดเนี่ยมันดูแล
00:55:21 → 00:55:26 ได้ยากง่ายแค่ไหนอ่ะคืออย่างงี้สิ่งที่
00:55:26 → 00:55:29 อยากสื่อสารในวันนี้นะคะคืออะไรคืออยากจะ
00:55:29 → 00:55:33 สื่อสารว่าเรื่องสุขภาพจิตเนี่ยมันเป็น
00:55:33 → 00:55:37 เรื่องที่สำคัญที่สุดของชีวิตมนุษย์เรา
00:55:37 → 00:55:43 ทุกคนเพราะว่าอะไรเพราะว่าตัวจิตเนี่ยมัน
00:55:43 → 00:55:46 เป็นตัวควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างเลยนะค่ะ
00:55:46 → 00:55:49 อารมณ์ของเรามันก็จะไปสร้างฮอร์โมนหรือ
00:55:49 → 00:55:52 เคมีในร่างกายค่ะแล้วสิ่งเนี้ยมันก็จะมา
00:55:52 → 00:55:56 สะท้อนทำให้ร่างกายเราเนี่ยเป็นไปในรูป
00:55:56 → 00:56:00 รูปแบบต่างๆถ้าเราสามารถดูแลจิตใจเราให้
00:56:00 → 00:56:03 มีอารมณ์ที่ดีได้ฮอร์โมนในร่างกายเคมีใน
00:56:03 → 00:56:05 ร่างกายเราอ่ะมันก็จะเป็นตัวขับเคลื่อน
00:56:05 → 00:56:09 ให้ร่างกายเราเนี่ยมีศักยภาพที่ดีแล้วผล
00:56:09 → 00:56:13 ลัพธ์ต่างๆมันก็จะตามมาในชีวิตค่ะก็ถือ
00:56:13 → 00:56:16 ว่าเป็นบทสรุปของวันจันทร์นี้นะคะวัน
00:56:16 → 00:56:18 จันทร์นี้ของเราทั้ง 3 คนขวัญกมลพรร่วม
00:56:18 → 00:56:22 ทองคำโอ๊คชุสนะตันตยานนท์ครูติ๋วนันทนาลา
00:56:22 → 00:56:25 คุณผู้ฟังไปก่อนนะคะสวัสดีค่ะสวัสดีค่ะ
00:56:25 → 00:56:29 สวัสดีค่ะสวัสดีค่ะครับ