00:00:00 → 00:00:03 Single Being podcast about Living
00:00:03 → 00:00:07 your Best Single Life โดยหมอผิง
00:00:07 → 00:00:11 แพทย์หญิงธิดารุจิพัฒนกุล
00:00:11 → 00:00:16 ซึ่งเสียงกรนเนี่ยหลายๆคนก็คิดว่ามันอาจ
00:00:16 → 00:00:19 จะเป็นปัญหาแค่ทำให้คนข้างๆนอนไม่หลับแต่
00:00:19 → 00:00:21 จริงๆแล้วในทางการแพทย์เนี่ยการนอนกรนมัน
00:00:21 → 00:00:24 มีปัญหาที่มากกว่านั้นใช่ไหมคะอาจารย์ใช่
00:00:24 → 00:00:26 ครับคือจริงๆแล้วนอนกรนเองเนี่ยคือเหมือน
00:00:27 → 00:00:29 เป็นคล้ายๆ waring Sign หรือเป็นสัญญาณ
00:00:29 → 00:00:33 เือแรกๆนะครับว่าเรามีช่องทางเใจส่วนบน
00:00:33 → 00:00:36 เนี่ยที่มันแคบลงในขณะที่เราลับอยู่อนะ
00:00:36 → 00:00:38 ซึ่งการที่มันแคบลงเนี่ยสิ่งที่เกิดขึ้น
00:00:38 → 00:00:41 ก็คือมันทำให้ลมที่ผ่านเข้าไปในปอบเนี่ย
00:00:41 → 00:00:44 มันจะลดลงในขณะที่เราหลับอยู่ซึ่งมันจะ
00:00:44 → 00:00:46 ก่อเกิดให้เกิดออกซิเจนตกลงมาได้ในขณะที่
00:00:46 → 00:00:53 เราหลับอืค่ะดีที่อยู่เดียว Presented by
00:00:53 → 00:00:57 ไทยประกัน
00:00:57 → 00:01:00 ชีวิตสวัสดีค่ะยินดีต้อนรับเข้าสู่ Single
00:01:00 → 00:01:03 be podcast กับหมอผิงแพทย์หญิงธิดารุจิ
00:01:03 → 00:01:07 พัฒนกุลค่ะคุณผู้ฟังคะถ้าใครที่ฟังหมอมา
00:01:07 → 00:01:10 สักพักแล้วก็จะทราบว่าหมอเป็นธาตุหมาเนาะ
00:01:10 → 00:01:13 แล้วก็จริงๆอ่ะมีหมาอยู่ตัวนึงหมาอูที่
00:01:13 → 00:01:16 หมอชอบมากๆเลยนะคะนั่นคือน้องจุ๊บเหมงนะ
00:01:16 → 00:01:19 คะรวมถึงใจดีแล้วก็เจไดด้วยนะคะซึ่งเมื่อ
00:01:19 → 00:01:22 ตอนไม่นานมาเมันก็จะมีตอนนึงสนุกมากเลย
00:01:22 → 00:01:26 เป็นตอนที่คุณแป้นนะคะกันนอนกรนแล้วก็ถูก
00:01:26 → 00:01:30 จุ๊บงเยเอามังคุดตบแบบปิดปากค่ะเพราะว่า
00:01:30 → 00:01:33 นอนกรนดังมากใจดีก็เลยโทรไปทำนัดแล้วก็
00:01:33 → 00:01:35 แบบว่าเอามาตรวจตรวจเรื่องนอนกรนอะไรอย่า
00:01:35 → 00:01:37 เงี้ยค่ะแล้วก็มีคุณหมอเจไดคอยช่วยดูผล
00:01:37 → 00:01:39 ให้สนุกดีค่ะหมอก็เลยนึกขึ้นมาได้ว่าเออ
00:01:40 → 00:01:42 จริงๆไอ้ปัญหานอนกรนเนี่ยมันก็เป็นปัญหา
00:01:42 → 00:01:44 ที่ใกล้ตัวนะหมอเชื่อว่าในหลายๆครัวเรือน
00:01:44 → 00:01:46 หลายๆบ้านเนี่ก็ต้องมีสักคนนึงแหละที่แบบ
00:01:46 → 00:01:50 นอนกรนซึ่งมันไม่ธรรมดาค่ะเพราะว่าการนอน
00:01:50 → 00:01:52 กรนเนี่ยบางครั้งเนี่ยมันเป็นหนักมากมัน
00:01:52 → 00:01:55 วิกฤตไปถึงสุขภาพได้ทั้งทำให้แบบเกิด
00:01:55 → 00:01:58 ปัญหาระยะสั้นอ่อนเพลียปัญหาในครอบครัว
00:01:58 → 00:02:02 หรือปัญหาระยะยาวโรคหลายๆโรคที่มาได้ถ้า
00:02:02 → 00:02:06 เรานอนกรนแล้วก็มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
00:02:06 → 00:02:08 ซึ่งตรงเแหละค่ะเป็นสิ่งที่หมอเชื่อว่า
00:02:08 → 00:02:12 หลายคนจะยังไม่รู้นะคะวันนี้นะคะใครที่มี
00:02:12 → 00:02:14 คนใกล้ตัวนอนกรนหรือตัวเองนอนกรนนะคะเรา
00:02:14 → 00:02:18 มาฟังกันค่ะว่ากรนแบบไหนนะคะที่เข้าข่าย
00:02:18 → 00:02:21 วิกฤตค่ะขอเชิญพบกับนายแพทย์ประพันธ์
00:02:21 → 00:02:25 กิตติวรวิทกุลอายุรแพทย์อนุสาขาโรคระบบ
00:02:25 → 00:02:28 หายใจเวชบำบัดวิกฤตและอายุรศาสตร์การนอน
00:02:28 → 00:02:31 หลับโรงพยาบาลมิติเวชสุขุมวิทค่ะสวัสดี
00:02:31 → 00:02:35 ค่ะอาจารย์สวัสดีครับค่ะก็จริงๆปัญหาวัน
00:02:35 → 00:02:38 นี้นะคะเชื่อว่าเป็นปัญหาที่โอหค่อนข้าง
00:02:38 → 00:02:41 ใกล้ตัวทีเดียวคือเรื่องของการนอนกรนนะคะ
00:02:41 → 00:02:44 อาจารย์จริงๆก่อนอื่นเลยเนี่ยหลายคนอาจจะ
00:02:44 → 00:02:46 สงสัยว่าเอ๊ะเสียงกรนมันเกิดจากอะไรอ่ะคะ
00:02:46 → 00:02:48 การนอนกนเนี่ยจริงๆแล้วจะเห็นว่าเสียงกลน
00:02:48 → 00:02:50 เนี่ยส่วนใหญ่จะเกิดในขณะหลักเท่านั้นนะ
00:02:50 → 00:02:53 ฮะเวลาเราตื่นจะไม่มีเสียงกลนเด็ดขาด
00:02:53 → 00:02:55 เนื่องจากเวลาเราหลับเองเนี่ยกล้ามเนื้อ
00:02:55 → 00:02:58 โทนทั้งร่างกายเนี่ยจะลดลงรวมทั้งกล้าม
00:02:58 → 00:03:01 เนื้อบริเวณโคนรินลอกกามล่างนะฮะโทนก็จะ
00:03:01 → 00:03:04 ลดลงฉะนั้นเหลับไปเนี่ยปุ๊บเนี่ยโคนลิ้น
00:03:04 → 00:03:07 กับกามล่างเนี่ยโทนมันลดลงก็ทำให้โคนลิ้น
00:03:07 → 00:03:10 กับกามล่างเราตกลงไปด้านหลังนะพอตกลงไป
00:03:10 → 00:03:12 ด้านหลังเสร็จปุ๊บเนี่ยช่องหลังคอเราก็จะ
00:03:12 → 00:03:16 แคบลงนะฮะบริเวณหลังคอหอยเราก็จะแคบลงพอ
00:03:16 → 00:03:19 มีลมผ่านเวลาเราไฮเจเข้าออกก็จะผ่าน
00:03:19 → 00:03:21 บริเวณช่องที่เป็นแคบนะก็จะเกิดเสียงกน
00:03:22 → 00:03:27 เกิดขึ้นอืค่ะซึ่งเสียงกรนเนี่ยหลายๆคนก็
00:03:27 → 00:03:29 คิดว่ามันอาจจะเป็นปัญหาแค่ทำให้คนข้างๆ
00:03:29 → 00:03:32 นอนไม่หลับแต่จริงๆแล้วในทางการแพร่เนี่ย
00:03:32 → 00:03:35 การนอนกรนมันมีปัญหาที่มากกว่านั้นใช่
00:03:35 → 00:03:38 มั้ยคะอาจารย์ใช่ครับคือจริงๆแล้วนอนกรน
00:03:38 → 00:03:40 เองเนี่ยคือเหมือนเป็นคล้ายๆ warning
00:03:40 → 00:03:43 Sign หรือเป็นสัญญาณเตือนแรกๆนะครับว่า
00:03:43 → 00:03:46 เรามีช่องทางในหายใจส่วนบนเนี่ยที่มันแคบ
00:03:46 → 00:03:49 ลงในขณะที่เราหลับอยู่อึนะซึ่งการที่มัน
00:03:49 → 00:03:51 แคบลงเนี่ยสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือมันทำให้
00:03:51 → 00:03:54 ลมที่ผ่านเข้าไปในปอดเนี่ยมันจะลดลงในขณะ
00:03:54 → 00:03:56 ที่เราหลับอยู่ซึ่งมันจะก่อเกิดให้เกิด
00:03:56 → 00:04:00 ออกซิเจนตกลงมาได้ในขณะที่เราหลับนะซึ่ง
00:04:00 → 00:04:03 เวลาเรากนเนี่ยบางคนอจะไม่ได้กนเสียงดัง
00:04:03 → 00:04:05 ตลอดเวลานะบางคนจะดังบ้างเบาบ้างหรือบาง
00:04:05 → 00:04:09 คนจะกนแล้วก็เงียบไปแล้วกลนใหม่นะซึ่ง
00:04:09 → 00:04:12 ช่วงที่เบาหรือช่วงที่เงียบไปเนี่ยคือ
00:04:12 → 00:04:15 เป็นช่วงที่ลมอาจจะเข้าไปในปอดไม่พอหรือ
00:04:15 → 00:04:18 ว่าจะมีช่วงที่เงียบไปคือช่วงที่อนใจเมัน
00:04:18 → 00:04:21 ปิดสนิทไปเลยนะพอมันปิดเสร็จปุ๊บเนี่ย
00:04:21 → 00:04:23 หรือว่าลมเข้าไม่พอปุ๊บเนี่ยออกซิเจนก็จะ
00:04:23 → 00:04:27 ตกๆๆๆนะพอมันตกไประดับหนึ่งปุ๊บเนี่ยนะฮะ
00:04:27 → 00:04:29 ร่างกายเราก็ต้องแบบว่าอ่ะขาดออกซิเจนเล
00:04:29 → 00:04:32 ไม่ได้นะเดี๋ยวเสียชีวิตนะฮะผมก็จะไปส่ง
00:04:32 → 00:04:35 สัญญาณไปที่สมองให้ปลุกสมองขึ้นมาเพื่อ
00:04:35 → 00:04:39 หายใจซึ่งบางครั้งเองเนี่ยอาจจะรู้สึกตัว
00:04:39 → 00:04:42 หรือไม่รู้สึกตัวก็ได้ในการที่เราเือกนะ
00:04:42 → 00:04:45 ฮะแล้วการกนมันก็จะวนรอบเป็นอย่างเงี้ยกน
00:04:45 → 00:04:47 เสร็จแล้วก็หยุดหยุดเสร็จแล้วกนใหม่กน
00:04:47 → 00:04:51 เสร็จแล้วก็หยุดหยุดเสร็จแล้วกนใหม่อืค่ะ
00:04:51 → 00:04:53 ซึ่งถ้าปล่อยให้เป็นอย่างนี้เรื้อรังไป
00:04:53 → 00:04:55 เรื่อยๆคือถ้าสมมุติเราปล่อยไปเรื่อยๆ
00:04:55 → 00:04:58 เนี่ยอย่างเช่นสมมุติว่าเราปล่อยไปเป็นปี
00:04:58 → 00:05:00 แสดงว่าทุกๆคืนเนี่ยเราอาจจะมีการขาด
00:05:00 → 00:05:04 อากาศไายใจหรือว่ามีการที่คลื่นสมองเรา
00:05:04 → 00:05:07 เนี่ยถูกปลุกตลอดเวลาซึ่งต้องเข้าใจอย่าง
00:05:07 → 00:05:09 นึงก็เวลาเราหลับเองเนี่ยเราจะเข้าสู่
00:05:09 → 00:05:12 หลับตื้นก่อนนะคือคมๆมหลับแล้วก็เข้าสู่
00:05:12 → 00:05:14 หลับปกติแล้วก็เข้าสู่หลับลึกแล้วเข้าสู่
00:05:14 → 00:05:17 หลับมีฝัซึ่ง 1 วงรอบในการนอนเนี่ยนะฮะจะ
00:05:17 → 00:05:20 ใช้เวลาประมาณ 90 - 120 นาทีซึ่งคืนนึง
00:05:20 → 00:05:23 เนี่ยเราจะเกิดประมาณสัก 4-5 วงรอบนะแต่
00:05:23 → 00:05:26 การที่เรามีวะหยุดหายใจหรือว่ามีเสี่ยงพน
00:05:26 → 00:05:29 เนี่ยที่กระตุ้นทำให้สมองเราตื่นตลอดเวลา
00:05:29 → 00:05:31 เนี่ยมันจะทำให้เราไม่สามารถเข้าสู่ภาวะ
00:05:31 → 00:05:34 หลับลึกได้นะก็จะกลายเป็นหลับตื้นตืหรือ
00:05:34 → 00:05:36 บางควรจะเป็นหลับปกติหลับตื้นหลับปกติ
00:05:36 → 00:05:40 หลับตื้นอย่างเงี้ยทั้งคืนซึ่งส่งผลเสีย
00:05:40 → 00:05:44 ทั้งระยะสั้นและระยะยาวนะฮะระยะสั้นเอง
00:05:44 → 00:05:47 เวลานอนปุ๊บก็จะรบกวนคข้างๆแะอืก็คือมี
00:05:47 → 00:05:49 เสียงกลเสียงดังนะฮะหรือคนข้างอาจจะกังวล
00:05:49 → 00:05:53 เนเพราะว่ากนๆเสร็จก็หยุดไปก็กลัวว่าเอ๊ะ
00:05:53 → 00:05:54 จะเป็นอะไรรเปล่าต้องเรียกหุกให้ตื่นทั้ง
00:05:54 → 00:05:59 คืนอหรือว่าบางคนเองก็จะมีอาการปัสสาวะ
00:05:59 → 00:06:02 บ่อยนะจากการที่หยุดหายใจหรือว่าบางคนเอง
00:06:02 → 00:06:05 ก็จะมีอาการที่ต้องนอนพลิกไปพลิกมากระสับ
00:06:05 → 00:06:07 กระส่ายเนื่องจากว่าเวลาหยุดหายใจปุ๊บ
00:06:07 → 00:06:09 เนี่ยขึืนสมองจะตื่นมาแป๊บนึงนะฮะร่างกาย
00:06:09 → 00:06:12 ก็ต้องพยายามหาท่าที่ไม่มีหยุดหายใจก็
00:06:12 → 00:06:15 พยายามพลิกไปพลิกมาซึ่งบางทีบางครั้งหา
00:06:15 → 00:06:18 ไม่เจอไม่ว่าจะนอนตะแคงหรือนอนคว่ำก็ยัง
00:06:18 → 00:06:21 มีเสียงกลนหรือว่าหยุดหายใจอยู่ดีนะครับ
00:06:21 → 00:06:24 อันนี้เป็นผลระยะสั้นนะในกลางคืนนะแล้ว
00:06:24 → 00:06:26 ส่วนอาการในกลางวันเนี่ยตื่นเช้ามาบางคน
00:06:26 → 00:06:29 อาจจะมีอาการปวดศีรษะนะฮหรือจะมีการเ
00:06:29 → 00:06:32 เรียกว่าเวียนศีรษะอืตื่นขึ้นมาซึ่ง
00:06:32 → 00:06:34 ลักษณะเฉพาะของภาวหายใจเนี่ยเวลาตื่นมา
00:06:34 → 00:06:37 ปวดศีรษะเจะปวดประมาณสัก 1-2 ชั่วโมงแล้ว
00:06:37 → 00:06:40 มันก็จะหายไปนะครับแต่มันก็จะเป็นเกือบ
00:06:40 → 00:06:43 ทุกวันแต่แล้วบางคนเองกลางวันเองเนี่ยบาง
00:06:43 → 00:06:46 คนก็จะมีอาการง่วงงอนง่ายระหว่างวันอ
00:06:46 → 00:06:48 เนื่องจากว่าการนอนเองเนี่ยมันไม่ต่อ
00:06:48 → 00:06:51 เนื่องนะมันจะเป็นแค่หลับตื้นตื่นหลับ
00:06:51 → 00:06:53 ตื้นืเหมือนคล้ายๆว่านอนหลับไม่เต็มอิ่ม
00:06:53 → 00:06:56 ก็จะมีภาวะง่วงนอนง่ายระหว่างวันหรือบาง
00:06:56 → 00:06:59 คนเองตื่นเช้ามาก็อาจจะบอกว่าอือก็สดชื่น
00:06:59 → 00:07:01 ดีแต่พอสายๆหรือบ่ายๆหน่อยเนี่ยเหมือน
00:07:01 → 00:07:05 คล้ายๆแบบ Energy หมดพลังงานไปแหมดอืใช่
00:07:05 → 00:07:08 เนื่องจากว่าเวลาเราหลับลึกเองเนี่ยช่วง
00:07:08 → 00:07:10 นี้เป็นช่วงที่เรามีเรื่องของ Energy
00:07:10 → 00:07:13 restoration หรือมีการเก็บพลังงานเข้ามา
00:07:13 → 00:07:17 ซึ่งในคนี่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับนะฮะก็
00:07:17 → 00:07:20 อาจจะทำให้หลับลึกนี่เองน้อยลงหรือว่าหาย
00:07:20 → 00:07:24 ไปนะฮะคล้ายๆกับว่าแบตมันหมดง่ายกว่าปกติ
00:07:24 → 00:07:27 ค่ะอืแล้วก็อีกอย่างนึงบางคนที่นอนหลับ
00:07:27 → 00:07:30 ไม่ดีเนี่ยก็จะมีภาวะะเรื่องของอารมณ์อ่ะ
00:07:30 → 00:07:33 เนาะที่ปกติไปก็คืออาเป็นคนอารมณ์ร้อนมาก
00:07:33 → 00:07:37 ขึ้นอันนี้เป็นผลระยะสั้นอืแค่ระยะสั้น
00:07:37 → 00:07:40 นี่ก็หนักหนาแล้วใช่แต่ถ้ามองไปไกลๆนะ
00:07:40 → 00:07:42 ครับเป็นระยะยาวๆเช่นเรามีวหยุดหายใจ
00:07:42 → 00:07:46 เนี่ยเป็นประมาณ 2 3 ปี 4 ปี 5 ปีค่ะนะ
00:07:46 → 00:07:49 ครับทุกครั้งที่หยุดหายใจเนี่ยออกซิเจนจะ
00:07:49 → 00:07:52 ตกลงนะฮะฮะสิ่งที่ร่างกายต้องทดแทนก็คือ
00:07:52 → 00:07:56 หัวใจต้องพยายามชดเชยออกซิเจนที่หายไปถาม
00:07:56 → 00:07:58 ว่าหัวใจทำยังไงก็ต้องบีบตัวให้มันเร็ว
00:07:58 → 00:08:01 ขึ้นแล้วก็อือฮึแรงขึ้นอือฮึนะฮะซึ่งก็จะ
00:08:01 → 00:08:04 เป็นอย่างเงี้ยทั้งคืนซึ่งในคนปกติเอง
00:08:04 → 00:08:06 เนี่ยเวลาเราหลับเนี่ยหัวใจเราจะได้ผักนะ
00:08:06 → 00:08:10 ฮะความดันก็จะลดลงชีพจรก็จะช้าลงนะฮะได้
00:08:10 → 00:08:12 ผักแต่ในคนที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
00:08:12 → 00:08:14 เนี่ยปรากฏว่ามันถูกกระตุ้นตลอดเวลาจาก
00:08:15 → 00:08:18 ภาวะที่ขาดออกซิเจนค่ะนะฮะก็ทำให้หัวใจ
00:08:18 → 00:08:21 เนี่ยทำงานหนักยิ่งกว่าตอนตื่นอีกนะซึ่ง
00:08:21 → 00:08:23 ส่งผลอะไรบ้างก็ส่งผลทำให้เกิดหัวใจล้ม
00:08:23 → 00:08:26 เหลวได้ในอนาคตนะส่งให้เกิดเรื่องของความ
00:08:26 → 00:08:30 ดันโลหิตสูงนะฮะอพอความดันโลหิตสูงนานๆก็
00:08:30 → 00:08:32 จะทำให้เกิดเรื่องของเส้นเลือดในสมองตี
00:08:32 → 00:08:35 หรือแตกได้นะฮะแล้วก็จะส่งผลต่อการหลั่ง
00:08:35 → 00:08:37 ของอินซูลินนะฮก็ทำให้เกิดเป็นเรื่องของ
00:08:37 → 00:08:41 เบาหวานเกิดขึ้นมาได้อืค่ะฟังแล้วก็คือ
00:08:41 → 00:08:45 เป็นแพคเกจที่มาทุกโรคเลยนะคะใช่ครับที
00:08:45 → 00:08:47 เนี้ยสัญญาณที่บอกว่าอาการต่างๆที่
00:08:47 → 00:08:49 อาจารย์เล่าให้ฟังเนี่ยหลายคนก็ฟังก็เออ
00:08:49 → 00:08:51 อาจจะใกล้ตัวเองหรือเปล่านะใช่หรือเปล่า
00:08:51 → 00:08:54 นะมันมีใครที่มีความเสี่ยงเป็นปัจจัย
00:08:54 → 00:08:56 เสี่ยงที่อาจจะเพิ่มโอกาสของการเป็นโรค
00:08:56 → 00:08:59 นี้ด้วยมั้ยคะอาจารย์เอาให้สังเกตง่ายๆ
00:08:59 → 00:09:00 แล้วกันอันดับที่ 1 เรื่องของอาการก่อน
00:09:01 → 00:09:03 อาการเองถ้ามีภาวะอยู่หายใจเนี่ยแสดงว่า
00:09:03 → 00:09:07 เราต้องมีนอนแล้วอาจจะมีเสียงกนเสียงดังอ
00:09:07 → 00:09:09 อนะหรือว่ามีคนเห็นว่าหยุดหายใจอเนี่ย
00:09:09 → 00:09:12 เป็นักหลักหนึ่งของภาวะนี้เลยนะแล้วก็
00:09:12 → 00:09:15 ตื่นเช้าๆมาอาจจะมีอาการแบบเหมือนเวลานอน
00:09:15 → 00:09:18 ก็ดีนะ 7-8 ชั่วโมงละแต่ปรากฏว่ายังง่วง
00:09:18 → 00:09:21 อยู่นะให้สงสัยว่าคุณภาพการนอนเราไม่ดี
00:09:21 → 00:09:24 อาจจะมีเพราะว่าอยู่ในใจซ่อนอยู่ค่ะนะฮะ
00:09:24 → 00:09:27 หรือระหว่างวันเรามีอาการอ่อนเคลียเยอะ
00:09:27 → 00:09:30 ขึ้นอืก็ให้สงสัยนะฮะอันนี้เป็นเรื่องของ
00:09:30 → 00:09:33 อาการอันที่ 1 ค่ะค่ะอันที่ 2 ภาวะหายใจ
00:09:34 → 00:09:36 ถามว่าเกิดขึ้นได้อย่างไรอ่าค่ะก็ต้องมา
00:09:37 → 00:09:40 ดูที่ลักษณะโครงสร้างหน้าเราอือฮว่าเรา
00:09:40 → 00:09:42 เป็นคนที่มีแนวโน้มที่จะมีเคเรียกว่าทาง
00:09:42 → 00:09:45 เดหายใจด้านหลังนะฮะพูดง่ายๆบคหอยเนี่ย
00:09:45 → 00:09:48 กลีบแคบหรือเปล่าออืนะถามว่าดูยังไง
00:09:48 → 00:09:50 อันดับที่ 1 คือถ้าเราเป็นคนคางเล็กหรือ
00:09:50 → 00:09:54 ว่าคางสั้นเนี่ยนะอันนี้มีโอกงอืถามว่า
00:09:54 → 00:09:57 คางเล็กดูยังไงง่ายๆคือถ้าสมมุติว่าเรามี
00:09:57 → 00:10:00 ฟันล่างเนที่ขึ้นมาแล้วบิดเกเยอะๆอ่ะฮะ
00:10:00 → 00:10:03 แสดงว่ากามล่างอ่ะเเราเล็กเกินไปทำให้ฟัน
00:10:03 → 00:10:07 มันขึ้นมาได้ไม่ดีมีการบิดเกเกิดขึ้นค่ะ
00:10:07 → 00:10:10 ส่วนคำว่าคางสั้นถามว่าดูยังไงให้ลากเส้น
00:10:10 → 00:10:14 จากสันจมูกลงมาอือฮึเป็นเส้นลากลงมาในแนว
00:10:14 → 00:10:17 นิกนะถ้าสมมุติคางเราเนี่ยอยู่ต่ำกว่า
00:10:17 → 00:10:21 เส้นเนี่ยแสดงว่าเราเป็นคนที่คางสั้น
00:10:21 → 00:10:24 อืถ้าเติมฟิลเลอร์มาไม่นับนะ
00:10:24 → 00:10:26 คะต้องเอาคา
00:10:26 → 00:10:30 จริงแล้วก็อีกอันนึงคือถ้าเราออ้าปากและ
00:10:30 → 00:10:33 นะฮะอ้าปากปกติไม่ต้องแลบลินนะฮะออือฮึนะ
00:10:33 → 00:10:35 ฮะแล้วปรากฏว่าเราไม่เห็นช่องหลังคอเลย
00:10:35 → 00:10:38 เนี่ยโอกาสที่จะหยุดหายใจจะสูงหมายความ
00:10:38 → 00:10:40 ว่าเวลาเรานอนหลักปุ๊บเนี่ยพอลิ้นตกไป
00:10:40 → 00:10:42 ปุ๊บเนี่ยขุดสนิทเลยก็อีกส่วนนึงคือ
00:10:42 → 00:10:45 เรื่องของน้ำหนักนะครับในคนที่น้ำหนัก
00:10:45 → 00:10:49 เยอะนะแล้วก็มีรอบคอที่ใหญ่นะฮะส่วนใหญ่เ
00:10:49 → 00:10:53 จะตัดที่ประมาณซัก 40 ซมนะฮะก็บ่งบอกว่า
00:10:53 → 00:10:56 การที่มีรอบคอใหญ่เนี่ยทำให้ช่องทางใจเรา
00:10:56 → 00:10:58 แคบลงวัดรอบคอนี่เราวัดตรงไหนของคอคะ
00:10:58 → 00:11:00 อาจารย์อวัดรอบคอจริงๆก็วัดเหมือนปกติ
00:11:00 → 00:11:03 เหมือนวัดแบบเสื้อเชิตเลยก็ได้อ๋อโอเค
00:11:03 → 00:11:05 เหมือนเวลาเราไปวัดเสื้อเชิอย่างงั้นเลย
00:11:05 → 00:11:08 โอเคใช่ว่าเอ๊ะเราอ่ะรอบคอเรามากกว่า 40
00:11:08 → 00:11:11 ซมหรือเปล่าถ้ามากกว่าเองเนี่ยมันบงบอก
00:11:11 → 00:11:13 ว่าเรามีไขมันพอกที่คอเยอะนอกจากมันจะพอก
00:11:13 → 00:11:15 ข้างนอกแล้วเนี่ยมันยังพอกทางเดินหายใจ
00:11:15 → 00:11:19 ข้างในด้วยทำให้ช่องในมันแคบลงแต่จะเห็น
00:11:19 → 00:11:21 ว่าภาวะนอนกลหรือภวะหยุดหายใจขนาดหลับจะ
00:11:21 → 00:11:24 เจอคนที่น้ำหนักเยอะๆเนื่องจากบริเวณ
00:11:24 → 00:11:29 เนี้ยมันแคบลงออืทั้งหมดนี้ก็คือคนที่มี
00:11:29 → 00:11:31 โหงเฮ้งปัจจัยเสี่ใช่โงเฮ้งใช่บางคนผมมอง
00:11:31 → 00:11:36 ปุ๊บก็รู้เลยว่าน่าจะเป็นมาตรวจเถอะใช่ฮะ
00:11:36 → 00:11:38 แล้วปัจจุบันเนี่ยมันมีการตรวจอะไรบ้างคะ
00:11:38 → 00:11:41 สมมุติคนฟังนี้ฟังแล้วก็เอ้ยฉันก็เข้าขาย
00:11:41 → 00:11:43 หลายอย่างทีเดียวคือบางคนเนี่ยเคยได้ยิน
00:11:43 → 00:11:45 ด้วยนะไม่ยอมมาตรวจด้วยนะอาจารย์คือ
00:11:45 → 00:11:47 เหมือนกับคิดว่าตัวเองเป็น Google ใน
00:11:47 → 00:11:50 อินเทอร์เน็ตแล้วก็ไปซื้อเครื่องมือมาใช้
00:11:50 → 00:11:52 เองอะไรอย่างงี้ซึ่งก็ไม่แนะนำถูกมั้ยคะ
00:11:52 → 00:11:54 อาจารย์จริงๆก็ไม่ค่อยแนะนำเท่าไหร่อืนะ
00:11:54 → 00:11:57 ฮะซึ่งวิธีการตรวจปัจจุบันเองเนี่ยถ้า
00:11:57 → 00:12:00 เป็นมาตรฐานเลยก็คือค่ะอ่ะมาตรวจที่โรง
00:12:00 → 00:12:03 พยาบาลแล้วนอนโรงพยาบาล 1 คืนนอนโรงพาบาล
00:12:03 → 00:12:05 1 คืนค่ะซึถามว่าเราทำอะไรบ้างเวลาเรา
00:12:05 → 00:12:07 นอนโรงพยาบาลตรวจการนอนหลับเนี่ย 1 คืน
00:12:07 → 00:12:10 เนี่ยนะเราก็จะมีเจ้าหน้าที่เเรียกเป็น
00:12:10 → 00:12:12 Sleep Technician เจ้าหน้าที่ตรวจการ
00:12:12 → 00:12:15 อลับเนี่ยเจะมาติดอุปกรณ์ให้เราทั้งตัวก็
00:12:15 → 00:12:18 จะมีติดตั้งแต่ขึ้นในฟ้าสมองนะเพื่อดู
00:12:18 → 00:12:20 อะไรดูว่าเอ๊ะเราตื่นหรรือเปล่าหรือว่า
00:12:20 → 00:12:23 เราหลับตื้นหลับปกติหลับลึกหลับมีฝัน
00:12:23 → 00:12:26 เนี่ยเท่าไหร่แล้วระยะเวลาในการหลับเนี่ย
00:12:26 → 00:12:29 เราเป็นเท่าไหร่นะเราจะว่าจากขึ้นในฟ้า
00:12:29 → 00:12:31 สมองเอาซึ่งค่อนข้างแม่นยำสุขนะก็จะมีการ
00:12:31 → 00:12:35 ตรวจวัดการหายใจว่าแรงล้มที่หายใจเนี่ยมี
00:12:35 → 00:12:37 แผ่วหรือเปล่าหรือว่าไม่หยุดไปหรือเปล่า
00:12:37 → 00:12:40 นะพุ่ง่งบอกว่าเอ๊ะมีภาวะหยุดหายใจหรือ
00:12:40 → 00:12:42 เปล่านะมีการติดดูการขยับของกล้ามเนื้อ
00:12:43 → 00:12:45 คางถามว่าดูอะไรดูว่าเราเข้าสู่ฝันหรือ
00:12:45 → 00:12:47 เปล่าเวลาเราเข้าสู่ฝันเนี่ยกล้ามเนื้อ
00:12:47 → 00:12:49 ทั้งร่างกายเราอ่ะโนเราจะลดลงทั้งหมดรวม
00:12:50 → 00:12:53 ถึงกล้ามเนื้อขางด้วยอ่าททนก็จะลดลงนะ
00:12:53 → 00:12:56 แล้วก็มีการติดดูเรื่องของเสียงกลนอือฮึ
00:12:56 → 00:12:58 ติดดูเรื่องของคลื่นไฟฟ้าหัวใจดูว่า
00:12:58 → 00:13:01 ระหว่างที่เราหยุดเหใจเนี่ยมีหัวใจเต้น
00:13:01 → 00:13:04 ผิดจังหวะมอืแล้วก็ติดดูเรื่องของ
00:13:04 → 00:13:07 ออกซิเจนนะว่าเวลาเราหยุดเหใจไปออกซินเรา
00:13:07 → 00:13:11 ตกมากน้อยแค่ไหนมีการติดดูการขยับของขานะ
00:13:11 → 00:13:14 ฮะว่าเวลานอนเนี่ยเรามีขากระตุกหรือเปล่า
00:13:14 → 00:13:17 นะก็เป็นการตรวจที่ค่อนข้างครบทั้งร่าง
00:13:17 → 00:13:21 กายว่าการนอนเรามีปัญหาหรือเปล่าอค่ะอัน
00:13:21 → 00:13:23 นี้เป็นแบบการตรวจที่โรงพยาบาลนอกจากการ
00:13:23 → 00:13:25 ตรวจที่โรงพยาบาลเนี่ยจะมีการตรวจที่บ้าน
00:13:25 → 00:13:28 อือฮึค่ะการตรวจที่บ้านเองเนี่ยเวลาเรา
00:13:28 → 00:13:31 ตรวจตรวจเพื่อให้ได้ความแม่นยำเนี่ยนะ
00:13:31 → 00:13:35 ต้องเลือกคนไข้ที่มาตรวจว่ามีแนวโน้มที่
00:13:35 → 00:13:37 จะเป็นสูมถามว่าแนวโน้มที่เป็นสูมถามว่า
00:13:37 → 00:13:40 ดูอะไรบ้างเป็นความดันมั้ยง่วงระหว่างวัน
00:13:40 → 00:13:43 หรือเปล่า 3 มีคนเห็นว่ามีภาว่าหยุดหายใจ
00:13:43 → 00:13:45 หรือเปล่าหรือนอนกลเสียงดังหรือเปล่าอืนะ
00:13:45 → 00:13:48 ครับถ้าเรามีสิ่งต่างๆเหล่าเเองเนี่ยก็มี
00:13:48 → 00:13:51 แนวโน้มที่จะเป็นสุนะก็สามารถตรวจที่บ้าน
00:13:51 → 00:13:54 ได้ซึ่งถ้าตรวจที่บ้านแล้วผลมันชัดเจน
00:13:54 → 00:13:55 ต้องมาคอนเฟิร์มมั้ยคะอาจารย์หรือไม่ต้อง
00:13:55 → 00:13:58 คอนเฟิร์มถ้าตรจที่บ้านแล้วผลชัดเจนเนี่ย
00:13:58 → 00:14:02 ส่วนใหญ่เพิ่มเลยฮะก็เริ่มการรักษาอือื
00:14:02 → 00:14:05 ค่ะถามอีกนิดนึงหรือยังนอนที่โรงพยาบาล
00:14:05 → 00:14:08 เนี่ยเคยมีแบบกรณีตื่นเต้นแล้วนอนไม่หลับ
00:14:08 → 00:14:10 มคะอาจารย์เพราะฟังดูมันจะต้องมีสายเต็ม
00:14:10 → 00:14:12 เนื้อเต็มตัวไปหมดเลยใช่อ่าส่วนใหญ่ก็จะ
00:14:12 → 00:14:14 กังวลเรื่องนี้ะฮะว่าเอ๊ะมานอนแล้วจะหลับ
00:14:14 → 00:14:18 หรือเปล่าซึ่งถามว่ามีนอนไม่หลับมั้ยก็มี
00:14:18 → 00:14:21 บ้างนะแต่ว่าน้อยส่วนใหญ่เราก็จะเตรียมยา
00:14:21 → 00:14:24 นอนหลับไว้ให้อ๋อโอเคเพื่อไม่ให้เสียเวลา
00:14:24 → 00:14:27 คนไข้เนอะไม่ใช่มาตรวจปุ๊บนอนไม่หลับก็
00:14:27 → 00:14:30 เดี๋ยวเสียเวลาทั้งคืนอ๋ออสก็จะมียานอน
00:14:30 → 00:14:31 หลับไปวให้ซึ่งยานอนหลับนี้เองเนี่ยจะไม่
00:14:31 → 00:14:35 ส่งผลต่อการหายใจอ๋อนะจะไม่ได้ทำให้ภวะย
00:14:35 → 00:14:38 หายใจเป็นเยอะขึ้นหรือเสียงกลดังมากขึ้น
00:14:38 → 00:14:42 นะฮะก็จะไม่ส่งผลต่ะออทีนี้ถ้าตรวจพบว่า
00:14:42 → 00:14:44 เป็นแล้วปัจจุบันมีวิธีการรักษายังไงบ้าง
00:14:44 → 00:14:47 คะอาจารย์การรักษาปัจจุบันเองเนี่ยส่วน
00:14:47 → 00:14:50 ใหญ่คนก็น่าจะทราบกันดีอยู่แล้วว่าการ
00:14:50 → 00:14:53 รักษาแรกแๆคือการใช้เครื่องอัดอากาศค่ะ
00:14:53 → 00:14:55 ซึ่งหลักการของเครื่องอัดอากาศเองเนี่ยก็
00:14:55 → 00:14:57 คือเป็นเครื่องเนาแล้วก็เสียบปลั๊กซึ่ง
00:14:57 → 00:14:59 ตัวเครื่องจะดูดอากาศจากข้างนอกมานะผ่าน
00:15:00 → 00:15:04 แผ่นกรองอแล้วก็ก็จะสร้างแรงดันออกมาผลัก
00:15:04 → 00:15:07 เข้าสู่ทางเดหายใจเราโดยผ่านทางท่อแล้วก็
00:15:07 → 00:15:10 หน้ากากที่ประกบใส่จมูกเรานะเพื่อไปเปิด
00:15:10 → 00:15:13 ทางเด็ดแหใจเราซึ่งเครื่องปัจจุบันเอง
00:15:13 → 00:15:15 เนี่ยจะเป็นออโต้หมดและสมัยก่อนจะเป็น
00:15:15 → 00:15:18 เครื่องแรงดันที่เราต้องตั้งเองนะซึ่ง
00:15:18 → 00:15:20 เวลาเราตั้งเนี่ยต้องหาแรงดันที่เหมาะสม
00:15:20 → 00:15:23 ที่สามารถเปิดทางในหายใจได้พูดง่ายๆสมัย
00:15:23 → 00:15:25 ก่อนต้องมาทำเทสอีกรอบนึงอ๋อเพื่อหาแรง
00:15:25 → 00:15:28 ดันนั้นปัจจุบันเองก็ไม่ต้องและเพราะว่า
00:15:28 → 00:15:30 ใช้เครื่องอออโตนี่แหละนะครับซึ่งเครื่อง
00:15:30 → 00:15:32 ออโต้เองก็จะมีเซ็นเซอร์เนาะคอยจับเนาะ
00:15:32 → 00:15:34 ว่าเรามันหยุดหายใจหรือเปล่าถ้ามันหยุด
00:15:34 → 00:15:37 ปุ๊บมันก็จะเพิ่มแรงดันขึ้นให้ครับเช่น
00:15:37 → 00:15:40 สมมุติผมตั้งแรงดันไว้ประมาณสักต่ำสุดแรง
00:15:40 → 00:15:44 ดันที่ 5 ซมน้ำสูงสุดที่ 15 ซมน้ำอย่าง
00:15:44 → 00:15:47 เงี้ยมันก็เริ่มจาก 5 ซมน้ำก่อนพอเรา
00:15:47 → 00:15:49 เริ่มหลับปุ๊บเริ่มหยุดหายใจเนี่ยก็จะดัน
00:15:49 → 00:15:52 แรงดันเพิ่มไเป็น 6 เป็น 7 เป็น 8 จนกว่า
00:15:52 → 00:15:56 ภวะหยุดแแจนนั้นหายไปอืพอมันหายไปปุ๊บมัน
00:15:56 → 00:15:59 ก็ค่อยๆลดแรงดันลงนะพอมีขึ้นมาใหม่ก็จะ
00:15:59 → 00:16:02 เพิ่มแรงแดันขึ้นได้ใหม่ก็จะทำอย่าเงี้ย
00:16:02 → 00:16:05 ทั้งคืนเลยค่ะซึ่งการรักษาเนี่ยยส่วนใหญ่
00:16:05 → 00:16:08 ประมาณสัก 80% เนาะเราก็จะใช้การรักษา
00:16:08 → 00:16:11 ด้วยวิธีนี้อแต่ปัญหาของการรักษาด้วยวิธี
00:16:11 → 00:16:14 เนี้ยจะมีประมาณ 20% ของคนไข้ที่ไม่
00:16:14 → 00:16:18 สามารถใช้เครื่องอัดแรงดันนี้ได้เนื่อง
00:16:18 → 00:16:20 จากไม่สามารถทนแรงดันที่มันดันเข้ามาได้
00:16:20 → 00:16:23 นะฮะเนื่องจากเวลาแรงดันที่มันดันเข้ามา
00:16:23 → 00:16:25 เนี่ยมันดันเข้ามาตลอดเวลาค่ะเวลาหายใจ
00:16:25 → 00:16:28 เข้าเราจะรู้สึกว่าหายใจง่ายไม่มีปัญหา
00:16:28 → 00:16:31 อะไรแต่เวลาหายใจออกเต้องชนะแรงลมที่มัน
00:16:31 → 00:16:34 ดันเข้ามาด้วยนะฮะไปทำให้คไขรู้สึกหรือ
00:16:34 → 00:16:37 บางคนก็จะรำคาญหน้ากากนะฮที่เราใส่อยู่ทำ
00:16:37 → 00:16:40 ให้เรานอนไม่หลับนะก็จะมี 20% เนี่ยใช้
00:16:40 → 00:16:44 ไม่ได้ถามว่าอ 20% เนี่ยจะรักษายังไงค่ะ
00:16:44 → 00:16:48 ก็จะมีวิธีอื่นๆเช่นการใส่ที่ครอบฟันอืนะ
00:16:48 → 00:16:50 ฮะซึ่งที่ครอบฟันเนี่ยก็ต้องให้ทันตแพทย์
00:16:50 → 00:16:53 นะเป็นคนทำนะเต้องพิมพ์ฟันลก่อนพิมพเสร็จ
00:16:53 → 00:16:56 ปุ๊บเจะหล่อเป็นโมเดลมาให้เรานะฮคถามว่า
00:16:56 → 00:16:59 หลักการมันทำยังไงมันก็จะเป็นที่ขอฟัน 2
00:16:59 → 00:17:03 ชิ้นใๆเมกาดนะฮะนะมีกามบนกับกามล่างก็ฟัน
00:17:04 → 00:17:07 บนฟันล่างนะโดยจะยึดฟันบนเป็นหลักนะแล้ว
00:17:07 → 00:17:10 ก็พยายามผลักกามล่างมาด้านหน้าพอเราผัก
00:17:10 → 00:17:12 กามหน่ามาด้านหน้าเนี่ยช่องข้างหลังก็แก้
00:17:12 → 00:17:16 ปัญหาตรงนั้นออนะฮะค่ะอนี้ก็เป็นการรักษา
00:17:16 → 00:17:19 อีกวิธีหนึ่งนะฮะนอกจากนี้เองก็จะมี
00:17:19 → 00:17:22 เรื่องของการผ่าตัดซึ่งการผ่าตัดถามว่า
00:17:22 → 00:17:25 เราใช้ในกรณีไหนใช้ในกรณีที่เราเห็นชัดๆ
00:17:25 → 00:17:29 แลว่าคนๆเนี้มีพยาชิสภาพที่ตรงนี้ออ
00:17:29 → 00:17:33 สมมุติเช่นเ็ๆตรวจะทอนซินโตเลยมีอาการแบบ
00:17:33 → 00:17:35 ตรวจแล้วก็มีอาการหยุดแใจชัดเจนอย่าเงี้ย
00:17:35 → 00:17:39 เราก็ไปตัดทอนซินทิ้งซะอืหรือว่าต่อม
00:17:39 → 00:17:42 อดินอยโตแล้วก็ตัดต่อมอนอยทิ้งซะนะฮะหรือ
00:17:42 → 00:17:44 บางคนลิ้นไก่ใหญ่มากอะไรอย่างเงี้ยแล้วก็
00:17:44 → 00:17:49 ไปตัดนิ้นไก่ออกอืแล้วก็นอกจากนี้เองถ้า
00:17:49 → 00:17:51 บางคนเองมีกามร่างเล็กๆหรือว่าล่นหลัง
00:17:51 → 00:17:54 เยอะๆนะบางคนก็ใช้วิธีการผ่าตัดขยับกาม
00:17:54 → 00:17:57 ออกมาเลยเเรียกว่าเสริมสวยไปในตัว
00:17:57 → 00:18:01 ด้วยถ้ากรณีบางคนบอกว่าไม่อยากลองหรอกพวก
00:18:02 → 00:18:04 เครื่องดันอากาศหรืออะไรอยากผ่าตัดเลยจะ
00:18:04 → 00:18:06 ได้จบๆอันนี้มันทำได้มคะอาจารย์หรือว่า
00:18:06 → 00:18:10 จริงๆมันควรเป็นทีละขั้นจริงๆก็ทำได้นะฮะ
00:18:10 → 00:18:12 มันขึ้นอยู่กับว่ามันคุ้มที่จะทำหรือ
00:18:12 → 00:18:15 เปล่าฮออืก็คือขึ้นอยู่กับโครงสร้างร่าง
00:18:15 → 00:18:18 กายเใช่ชิ้นปกติกามร่างก็เล็กอยู่แล้ว
00:18:18 → 00:18:21 แล้วก็ดูรูปครงสร้างหน้าผิดปกติไปแล้วก็
00:18:21 → 00:18:24 ตรวจแล้วุดหายใจเยอะๆอย่างเงี้ยก็คุมที่
00:18:24 → 00:18:28 จะทำอ่าแต่ถ้าโครงสร้างหน้าดีอยู่แล้วค่ะ
00:18:28 → 00:18:30 ค่ะแล้วก็หยุดหายใจไม่ได้เยอะมากออกซิเจน
00:18:30 → 00:18:33 ไม่ได้ตกมากถามว่าคุ้มมั้ยที่จะทำก็อาจจะ
00:18:33 → 00:18:36 ไม่ค่อยคุ้มเท่าไหร่ค่ะอ๋อเพราะเวลาเราทำ
00:18:36 → 00:18:38 เสร็จมันก็จะมีภาวะแทรบซ้อนน่ะเนาะเช่นมี
00:18:38 → 00:18:42 หน้าช้าบ้างอะไรอย่าเงี้ยอืค่ะเข้าใจค่ะ
00:18:42 → 00:18:46 ดังนั้นเนี่ยจริงๆก็คือดีที่สุดคือถ้าคิด
00:18:46 → 00:18:49 ว่าตัวเองอาจจะมีภาวะนี้หรือเปล่าก็คือ
00:18:49 → 00:18:51 ปรึกษาแพทย์แล้วก็ตรวจเพื่อที่จะ
00:18:51 → 00:18:53 คอนเฟิร์มก่อนว่าเป็นหรือไม่เป็นแล้วก็
00:18:53 → 00:18:55 เป็นจากสาเหตุอะไรบ้างแล้วก็รักษาไปตาม
00:18:55 → 00:18:58 นั้นถูกต้องมยอาจารย์ใช่ถูกต้องฮะเพราะ
00:18:58 → 00:19:01 จริงๆคคจะมาตรวจดูก่อนว่าเอ๊ะสาเหตุของ
00:19:01 → 00:19:03 เราเป็นจากอะไรเช่นบางคนบอกว่าเป็นจากน้ำ
00:19:03 → 00:19:07 หนักอเราไปลดน้ำหนักบางทีมันก็หายใช่อื
00:19:07 → 00:19:10 ค่ะนะคะก็แต่ที่แน่ๆเลยเนี่ยคือเรื่องนอน
00:19:10 → 00:19:13 กรนเนี่ยไม่ใช่เรื่องที่ควรจะปล่อยไปเป็น
00:19:13 → 00:19:15 เรื่องที่ควรที่จะใส่ใจเพราะว่าสุดท้าย
00:19:15 → 00:19:18 แล้วมันส่งผลกับทั้งสุขภาพในระยะสั้นแล้ว
00:19:18 → 00:19:21 ก็ระยะยาวที่จะตามมาอีกหลายโรคเลยใช่มั้ย
00:19:21 → 00:19:24 คะอาจารย์ใช่ครับค่ะวันนี้นะคะก็ต้องขอ
00:19:24 → 00:19:27 ขอบคุณค่ะนายแพทย์ประพันธ์กิตติวรวิทกุล
00:19:27 → 00:19:29 ค่ะจากโรงพยาบาลสมิตนิเวศสุขุมวิทค่ะ
00:19:29 → 00:19:32 ขอบพระคุณอาจารย์มากๆค่ะครับสวัสดีครับ
00:19:32 → 00:19:36 ขอบคุณครับถ้าฟังพแส EP นี้แล้วนะคะชอบ
00:19:36 → 00:19:40 หรือว่าอยากที่จะแชร์นะคะให้กับคนที่เป็น
00:19:40 → 00:19:42 เพื่อนคุณที่นอนกรนนะคะหรือคนที่ดูจะเข้า
00:19:42 → 00:19:45 ข่ายนะคะก็อย่าลืมค่ะกดไลค์แล้วก็กดแชร์
00:19:45 → 00:19:48 ไปนะคะฟังแล้วคิดถึงคนที่คุณรักหรือคิด
00:19:48 → 00:19:51 ถึงใครนะคะก็แชร์ไปให้เขา
00:19:51 → 00:19:55 ค่ะวันนี้นะคะหมอลาไปแล้วค่ะขอบคุณคุณผู้
00:19:55 → 00:19:57 ฟังมากๆที่ติดตามฟัง Single be กันมาโดย
00:19:57 → 00:20:01 ตลอดนะคะและที่ขาดไม่ได้เลยค่ะขอบคุณไทย
00:20:01 → 00:20:03 ประกันชีวิตค่ะสวัสดี
00:20:03 → 00:20:08 ค่ะ Single Being podcast about
00:20:08 → 00:20:11 Living your Best Single Life โดย
00:20:11 → 00:20:15 หมอผิงแพทย์หญิงธิดาการรุจิพัฒนกุล
00:20:15 → 00:20:20 ดีที่อยู่เดียว Presented by ไทยประกัน
00:20:20 → 00:20:23 ชีวิต