00:00:01 → 00:00:04 2025 อ่ะมีอะไรใหม่บ้างยาที่หมอจะพูด
00:00:05 → 00:00:08 ทั้งหมดในวันเนี้ยปัจจุบันมี 4 ตัว 3 ตัว
00:00:08 → 00:00:13 แบบปากกา 1 ตัวแบบหลอดเลือดจับที่ตัวสาร
00:00:13 → 00:00:17 CGRP โดยตรงก็คือ
00:00:17 → 00:00:19 แกคิumaptinisumapฉีดเข้าหลอดเลือดดำดริบ
00:00:19 → 00:00:22 เข้าหลอดเลือดดำยาอมใต้ลิ้นตัวGพนบางที
00:00:22 → 00:00:25 เราฉีดตัวนี้ไปไม่เวิร์คอ่ะเราลองสวิตช์
00:00:25 → 00:00:27 ไปตัวนี้ก็อาจจะมีโอกาสในการเพิ่ม
00:00:27 → 00:00:30 ประสิทธิภาพในการออกฤทธิ์ยามากขึ้นอันนี้
00:00:30 → 00:00:33 คือเป็นยาป้องกันไมเกรนแบบเก่าห้ามซื้อยา
00:00:33 → 00:00:36 ทานเองนะคะกลุ่มพวกนี้อันตรายค่ะใช้ side
00:00:36 → 00:00:38 เอฟเฟคก็คือผลข้างเคียงถ้าคนกินพาราระวัง
00:00:38 → 00:00:41 เรื่องตับคนกินเอนเซตระวังเรื่องไตคนกิน
00:00:41 → 00:00:44 เออเกาะทริปแทนระวังเรื่องหัวใจตัวไหนดี
00:00:44 → 00:00:46 ยังไงไม่ดียังไงเราควรเหมาะกับตัวไหนยัง
00:00:46 → 00:00:50 ไงแล้วก็เมื่อไหร่ที่เราควรจะสวัสดีค่ะ
00:00:50 → 00:00:52 หมอนุ่มแพทย์หญิงสุภมาศวิบูลสุขสารแพทย์
00:00:52 → 00:00:54 เฉพาะทางระบบประสาทและสมองค่ะวันนี้นะคะ
00:00:54 → 00:00:57 ก็มาไลฟ์กันอีกครั้งนะคะในคุยเรื่องสมอง
00:00:57 → 00:01:00 กับหมอนุ่มกับเรื่องอัปเดตการรักษาไมเกรน
00:01:00 → 00:01:03 สำหรับปี 2025 ค่ะก็คำเตือนวัตถุประสงค์
00:01:03 → 00:01:07 ของไลฟ์นี้ก่อนคือที่มาพูดเนี่ยอยากให้คน
00:01:07 → 00:01:11 ไข้ไมเกรนทุกคนที่เขา้าต้องรักษาหรือว่า
00:01:11 → 00:01:13 ยังไม่ได้รู้ตัวว่าจะต้องไปรักษาเนี่ยมี
00:01:13 → 00:01:16 ข้อมูลมีภาพในหัวเบื้องต้นก่อนว่าเอ่อ
00:01:16 → 00:01:19 ปัจจุบันเนี่ยการรักษาไมเกรนเนี่ยเรามี
00:01:19 → 00:01:22 แนวทางการดูแลคนไข้แบบยังไงนะคะมียาอะไร
00:01:22 → 00:01:24 ที่ใช้บ้างนะคะเพราะว่าเอ่อคิดว่าเวลาไป
00:01:24 → 00:01:26 เจอคุณหมอแต่ละทีเนี่ยอาจจะไม่ได้มีโอกาส
00:01:26 → 00:01:29 ที่จะแบบฟังหรือว่ารู้จักยาทุกๆตัวที่เรา
00:01:29 → 00:01:32 ใช้อยู่นะคะซึ่งบางทีเราก็อาจจะแบบเอ๊ะ
00:01:32 → 00:01:34 ไม่รู้ว่าเอ๊ะทำไมเราก็ต้องกินยาตัวนี้
00:01:34 → 00:01:36 หรือว่าได้ยามาแล้วเนี่ยเราจะต้องกินยัง
00:01:36 → 00:01:38 ไงหรือว่าจะต้องกินไปนานแค่ไหนเพราะอย่าง
00:01:38 → 00:01:40 แบบที่เจอมาบ่อยๆก็คือบางทีเราได้ยาป้อง
00:01:40 → 00:01:43 กันไมเกรนมาเป็นกลุ่มยาการชักยาความดัน
00:01:43 → 00:01:45 แบบเนี้ยค่ะคนไข้ก็นึกว่าอ่ะคุณหมอให้
00:01:45 → 00:01:47 เพราะว่าความดันสูงหรือเปล่าพอเห็นว่าตัว
00:01:47 → 00:01:49 เองความดันปกติก็เลยหยุดกินไปแต่จริงๆ
00:01:49 → 00:01:51 เนี่ยก็คือคุณหมอให้ในแง่ของการป้องกัน
00:01:52 → 00:01:54 ไมเกรนก็มีก็เลยทำให้เหมือนแบบหยุดการ
00:01:54 → 00:01:57 รักษาไปก่อนโดยที่ยังไม่ได้ดีขึ้นเพราะ
00:01:57 → 00:01:59 ฉะนั้นไลฟ์นี้นะคะหมอก็เลยเหมือนแบบอยาก
00:01:59 → 00:02:02 จะเหมือนมาพูดภาพรวมของยาให้ฟังกันมาก
00:02:02 → 00:02:05 กว่าไม่ได้มีสปอนเซอร์ใดๆนะคะไม่ได้มาบอก
00:02:05 → 00:02:08 ว่าตัวใดดีและก็ตัวใดไม่ดีถ้าเกิดใครที่
00:02:08 → 00:02:10 แบบเอ่อยังไม่เคยได้รับการวินิจฉัยว่า
00:02:10 → 00:02:13 เป็นไมเกรนเนี่ยอันนี้นะคะฟังคลิปนี้
00:02:13 → 00:02:15 เนี่ยก็อย่าเพิ่งคิดเอาเองว่าเอ๊ะเราเป็น
00:02:15 → 00:02:17 ไมเกรนหรือเปล่าแล้วก็ไปเอาตัวอย่างยาไป
00:02:17 → 00:02:19 ซื้อมารับประทานนะคะอันนั้นอันตรายควรจะ
00:02:19 → 00:02:22 ไปตรวจก่อนปรึกษาแพทย์หรืออย่างน้อยก็คือ
00:02:22 → 00:02:25 เภสัชากรว่าเอออาการเราเนี่ยเข้าขายได้มย
00:02:25 → 00:02:27 แล้วก็ควรจะเลือกใช้ยาอะไรฉะนั้นอย่าซื้อ
00:02:27 → 00:02:33 ยาทันเองปี 2025 อ่ะมีอะไรใหม่บ้างอันแรก
00:02:33 → 00:02:36 เลยเป็นเรื่องของคอนเซปตการรักษาไมเกรน
00:02:36 → 00:02:39 ค่ะอย่างในตอนปีที่แล้วเนี่ยหมอจะพูดถึง
00:02:39 → 00:02:42 อันนึงค่อนข้างเยอะในไมเกรนก็คือเรื่อง
00:02:42 → 00:02:45 ของตัวสารนึงที่ทำให้เราปวดหัวไมเกรนก็
00:02:45 → 00:02:48 คือตัว CGRP ซึ่งคนไข้ไมเกรนหลายคนเนี่ย
00:02:48 → 00:02:51 ตอนนี้ก็เริ่มรู้จักละมันก็เหมือนเป็นอ่า
00:02:51 → 00:02:53 สารสนึงแหละที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้เราปวด
00:02:53 → 00:02:56 ไมเกรนอันที่ 2 ก็คือเรื่องของยาใหม่ใน
00:02:56 → 00:02:58 ประเทศไทยเมื่อกี้ที่บอกไปละก็จะมี
00:02:58 → 00:03:00 ธันวาคมปีที่แล้วมีตัวยาดิบหลอดเลือดดำ
00:03:00 → 00:03:03 เข้ามานะคะเป็นยาป้องกันแล้วก็พฤษภาคมปี
00:03:03 → 00:03:04 นี้ก็คือมีตัวยาที่เป็นยาอมใต้ลิ้นที่
00:03:05 → 00:03:07 เป็นทั้งแก้ปวดแล้วก็ป้องกันเราก็มาฟัง
00:03:07 → 00:03:10 กันคร่าวๆนะคะว่ามันเป็นยังไงก็มาทบทวน
00:03:10 → 00:03:12 กันคร่าวๆว่าแล้วลักษณะอาการปวดหัวไมเกรน
00:03:12 → 00:03:15 เป็นยังไงล่ะมักจะปวดข้างเดียวนำมาก่อน
00:03:15 → 00:03:18 ตอนหลังเนี่ยปวด 2 ข้างได้นะแต่ขอว่าแบบ
00:03:18 → 00:03:21 อ่ะมีข้างนึงนำมาก่อนแล้วก็จะมีความแบบ
00:03:21 → 00:03:24 สลับข้างได้แต่ว่าทุกคนเนี่ยส่วนใหญ่จะมี
00:03:24 → 00:03:27 ปวดข้างใดข้างนึงเด่นกว่าบางคนแบบปวดซ้าย
00:03:27 → 00:03:29 เด่นกว่าบางคนปวดขวาเด่นกว่าแต่ก็จะมีการ
00:03:29 → 00:03:32 สลับข้างกันได้ในบางครั้งแล้วก็ลักษณะของ
00:03:32 → 00:03:35 อาการปวดเนี่ยถ้าเป็นแบบตุบๆเหมือนหลอด
00:03:35 → 00:03:36 เลือดเต้นเนี่ยก็จะค่อนข้างบ่งชี้เป็น
00:03:36 → 00:03:39 ไมเกรนยกเว้นว่าคนที่เป็นมานานๆเป็นมา
00:03:39 → 00:03:42 หลายๆปีอันนั้นก็ความปวดก็จะเปลี่ยนแปลง
00:03:42 → 00:03:45 ไปละก็จะเริ่มเป็นแบบตึงๆตื้อๆอะไรก็หลาก
00:03:45 → 00:03:47 หลายได้แต่ว่าถ้าเอาว่าเป็นใหม่ๆจริงๆอ่ะ
00:03:47 → 00:03:50 มักจะเป็นข้างเดียวแล้วปวดตุ๊บๆแล้วก็
00:03:50 → 00:03:52 ลักษณะของอาการปวดเนี่ยจะค่อนข้างรุนแรง
00:03:53 → 00:03:55 แบบปวดปุ๊บอ่ะทำอะไรต่อไม่ได้ไม่ได้ปวด
00:03:55 → 00:03:58 แบบมึนๆตรวจจะเครียดไปนอนอะไรอย่างเงี้ย
00:03:58 → 00:04:00 แบบเ่อนอนไม่พออะไรแบบเนี้ยแต่ว่าจะป่วน
00:04:01 → 00:04:03 แบบค่อนข้างที่แบบปวดเสร็จปุ๊บจะรู้สึก
00:04:03 → 00:04:05 คลื่นไส้ผอึดพอมอยากจะอาเจียนแล้วก็รู้
00:04:05 → 00:04:07 สึกว่าต้องหยุดกิจกรรมที่ทำอยู่ตอนนั้นๆ
00:04:07 → 00:04:09 เช่นทำงานอยู่ก็ต้องไปพักไปนอนพักหรือว่า
00:04:09 → 00:04:11 ถ้าอยู่แบบกลางแจ้งหรือว่าเดินอยู่อะไร
00:04:12 → 00:04:14 เงี้ยก็ต้องกลับไปนอนอะไรแบบนี้เลยนะคะ
00:04:14 → 00:04:16 เพราะว่ามันจะเป็นการปวดที่ค่อนข้าง
00:04:16 → 00:04:19 รุนแรงแล้วก็ปวดค่อนข้างนานค่ะคือถ้าเกิด
00:04:19 → 00:04:21 สมมุติว่าเราไม่ทำอะไรกับเค้าเนี่ยคนที่
00:04:21 → 00:04:23 เป็นครั้งแรกเนี่ยบางทีปวดขึ้นมาทีปวด
00:04:23 → 00:04:26 เกินแบบหลายชั่วโมงเลย 3-4 ชั่วโมงขึ้นไป
00:04:26 → 00:04:28 แล้วถ้าเราไม่ได้กินรีบกินยาแก้ปวดอ่ะปวด
00:04:28 → 00:04:30 ไปได้นานถึง 2-3 วันเลยแต่ว่าถ้าคนที่
00:04:30 → 00:04:32 เป็นบ่อยๆเขาจะเริ่มรู้แล้วว่าอย่าปล่อย
00:04:32 → 00:04:34 ทิ้งไว้ถ้ายิ่งปล่อยไว้เนี่ยมันก็ยิ่งปวด
00:04:34 → 00:04:36 อยู่ดีเพราะฉะนั้นเนี่ยเขาก็จะรีบแบบว่า
00:04:36 → 00:04:38 จัดการอะไรสักอย่างละตอนหลังๆอาการปวดอาจ
00:04:38 → 00:04:41 จะดูแบบสั้นลงไม่ถึง 3 วันแล้วก็จะมี
00:04:41 → 00:04:43 ลักษณะที่สำคัญอันนึงเลยก็คือเรื่องของ
00:04:43 → 00:04:47 ตัวแพ้แสงแล้วก็แพ้เสียงเป็นยังไงนะคะก็
00:04:47 → 00:04:50 คืออย่างแปกติเวลาเราเจอแสงจ้าเนี่ยคน
00:04:50 → 00:04:52 ทั่วไปก็อาจจะรู้สึกว่าแสงนี้จ้านะคะแต่
00:04:52 → 00:04:53 ว่าถ้าเป็นคนไมเกรนเนี่ยก็จะคือรู้สึกว่า
00:04:53 → 00:04:56 มันน่ะจ้ามากกว่าปกติรู้สึกตาสู้แสงไม่
00:04:56 → 00:04:59 ได้เลยรวมไปถึงเสียงด้วยเช่นเราคุยกันแบบ
00:04:59 → 00:05:03 เนี้ยคุยกันปกติหรือว่าอยู่ในที่ที่คนแบบ
00:05:03 → 00:05:04 เสียงดังบวกเบรกโวยวายนิดนึงเนี่ยคน
00:05:04 → 00:05:06 ธรรมดาก็ไม่เป็นไรแต่ถ้าเป็นคนไมเกรนจะ
00:05:06 → 00:05:08 รู้สึกว่าเสียงนี้มันดังมากๆแล้วก็แบบ
00:05:08 → 00:05:10 ยิ่งทำให้เขาปวดหัวมากยิ่งขึ้นฉะนั้นอัน
00:05:10 → 00:05:13 นี้ก็จะเป็นลักษณะของไมเกรนนะคะปวดมักจะ
00:05:13 → 00:05:16 ปวดข้างเดียวปวดตุบๆปวดค่อนข้างแรงปวดนาน
00:05:16 → 00:05:19 แล้วก็มักจะมีคลื่นไส้อาเจียนแพ้แสงแพ้
00:05:19 → 00:05:22 เสียงร่วมด้วยรวมไปถึงมักจะมีตัวกระตุ้น
00:05:22 → 00:05:24 ที่ค่อนข้างชัดเจนนะคะเช่นอาจจะเป็นอากาศ
00:05:24 → 00:05:28 ร้อนแดดจ้ากิติ่นฮอร์โมนช่วงประจำเดือน
00:05:28 → 00:05:32 ความเครียดอดนอนซึ่งหลายๆคนเนี่ยก็จะมี
00:05:32 → 00:05:34 ตัวกระตุ้นแบบเคยใครเคยมีตัวกระตุ้นอัน
00:05:34 → 00:05:36 ไหนอันนั้นก็จะมักจะเป็นตัวกระตุ้นเดิมๆ 3
00:05:36 → 00:05:38 เราจะบอกว่าคนไข้คนเนี้ยเป็นไมเกรนมักจะ
00:05:38 → 00:05:41 ไม่ได้ปวดหัวมาครั้งแรกถ้าปวดหัวครั้งแรก
00:05:41 → 00:05:43 ในชีวิตปวดมากปวดรุนแรงแบบนี้เรายังไม่
00:05:43 → 00:05:45 บอกว่าคนไข้เป็นไมเกรนส่วนใหญ่คนไข้เนี่ย
00:05:45 → 00:05:49 มักจะต้องมีอาการปวดเดิมๆซ้ำๆเพราะว่าเรา
00:05:49 → 00:05:50 จะเห็นว่าไมเกรนน่ะปวดทีคือปวดไม่ค่อย
00:05:50 → 00:05:52 เกิน 2-3 วันใช่มั้ยคะเพราะฉะนั้นเนี่ยคน
00:05:52 → 00:05:55 ไข้ส่วนใหญ่อ่ะต่อให้ปวดแรงก็จริงอ่ะ 2
00:05:55 → 00:05:58 วัน 3 วันหายไม่ได้ไปตรวจแต่มาอีกแล้วก็
00:05:58 → 00:06:00 คล้ายๆเดิมอีกเพราะฉะนั้นเนี่ยอ่าถ้า
00:06:00 → 00:06:02 วินิจฉัยจริงๆเนี่ยเราเอา 5 ครั้งขึ้นไป
00:06:02 → 00:06:04 แต่โดยปกติเนี่ยพอสักแบบ 3-4 ครั้งเนี่ย
00:06:04 → 00:06:06 บางคนก็เริ่มรู้แล้วว่าเราอ่ะเริ่มน่าจะ
00:06:06 → 00:06:09 ปวดหัวแบบตัวกระตุ้นเดิมๆซ้ำๆแบบนี้เฉพาะ
00:06:09 → 00:06:11 อย่างถ้าเป็นผู้หญิงเนี่ยช่วงรอบประจำ
00:06:11 → 00:06:13 เดือนอะไรอย่างเงี้ยเราจะเจอบ่อยมากที่
00:06:13 → 00:06:15 สำคัญเนี่ยคืออยากให้รู้ว่าไมเกรนนะคะ
00:06:15 → 00:06:20 เป็นโรคทางสมองที่ซับซ้อนใช้คำว่าโรคทาง
00:06:20 → 00:06:23 สมองนะไม่ใช่ว่าแบบไมเกรนเป็นแค่โรคปวด
00:06:23 → 00:06:27 หัวทั่วไปแบบเอ่อเครียดอดนอนแล้วปวดหัวนะ
00:06:27 → 00:06:29 คะไม่ใช่แบบนั้นปกติเนี่ยพอคนเข้าใจว่า
00:06:29 → 00:06:31 เออเราเครียดเราอดนอนแล้วเป็นไมเกรนเนี่ย
00:06:31 → 00:06:33 เราก็จะเหมือนแบบคิดว่ามันไม่ได้รุนแรง
00:06:33 → 00:06:35 อะไรหรอกแต่จริงๆพอเรารู้ว่ามันเป็นโรค
00:06:35 → 00:06:37 ทางสมองเนี่ยคำว่าโรคทางสมองก็คือว่าถ้า
00:06:37 → 00:06:40 เกิดเราปล่อยให้มันเป็นซ้ำๆอ่ะค่ะแล้ว
00:06:40 → 00:06:42 เป็นบ่อยๆเป็นเรื่อยๆนะคะสิ่งที่เกิดขึ้น
00:06:42 → 00:06:44 คือมันจะเกิดการเปลี่ยนแปลงของสมองเลยที่
00:06:44 → 00:06:47 ทำให้เราจะมีความไวของตัวกระตุ้นมากยิ่ง
00:06:47 → 00:06:49 ขึ้นระบบประสาทในการรับรู้ความเจ็บปวดใน
00:06:49 → 00:06:51 ร่างกายจะเปลี่ยนแปลงไปนะคะเหมือนเกิดการ
00:06:51 → 00:06:53 แบบเปลี่ยนแปลงของ Brain Change เปลี่ยน
00:06:53 → 00:06:56 แปลงของสมองไปเลยจะรู้สึกว่าเอ๊ะไม่ต้อง
00:06:56 → 00:06:58 มีตัวกระตุ้นเราก็ปวดหัวเองได้แล้วนะคะ
00:06:58 → 00:07:01 รวมไปถึงการนำไปสู่โรคแทรกซ้อนอื่นๆด้วย
00:07:02 → 00:07:03 ที่แบบเจอร่วมกันบ่อยอย่างเช่นเรื่องของ
00:07:03 → 00:07:05 โรควิตกกังวลโรคซึมเศร้าเพราะฉะนั้นเนี่ย
00:07:05 → 00:07:08 ไมเกรนเป็นโรคทางสมองที่ถ้าเป็นเยอะอย่า
00:07:08 → 00:07:10 ปล่อยทิ้งไว้นะคะยิ่งปล่อยทิ้งไว้เนี่ย
00:07:10 → 00:07:13 มันจะยิ่งอันตรายและก็ที่สำคัญคือหลังๆ
00:07:13 → 00:07:16 เนี่ยก็จะเริ่มมีงานวิจัยอ่ะที่บ่งชี้มาก
00:07:16 → 00:07:18 ขึ้นว่าถ้าเกิดเราเป็นไมเกรนเยอะๆเป็น
00:07:18 → 00:07:22 ไมเกรนบ่อยๆเนี่ยแล้วเติดตามไปทำ MRI
00:07:22 → 00:07:25 ถ่ายภาพสแกนสมองของคนที่เป็นไมเกรนก็จะพบ
00:07:25 → 00:07:28 ว่ามีบางตำแหน่งของสมองเนี่ยที่เนื้อสมอง
00:07:28 → 00:07:31 อ่ะไม่เหมือนเดิมนะคะรวมไปถึงเอ่อความ
00:07:31 → 00:07:34 เสี่ยงของการเกิดโรคพวกเ่อหลอดเลือดสมอง
00:07:34 → 00:07:36 บางอย่างเพิ่มมากขึ้นมากกว่าคนปกติด้วย
00:07:36 → 00:07:39 ฉะนั้นเนี่ยคอนเซปตคือไมเกรนคือโรคสมองนะ
00:07:39 → 00:07:41 คะที่ต้องรักษาฉะนั้นพอเป็นโรคสมองเนี่ย
00:07:41 → 00:07:44 เราก็มาดูกันคร่าวๆก่อนทำไมถึงเป็นไมเกรน
00:07:44 → 00:07:46 ล่ะทำไมถึงมีอาการปวดหัวตุบๆล่ะอันนี้นะ
00:07:46 → 00:07:49 คะจะค่อนข้างแบบเ่อลงลึกนิดนึงถ้าใครที่
00:07:49 → 00:07:51 อยากฟังเรื่องยาเดี๋ยวเราจะข้ามสิปตรงนี้
00:07:51 → 00:07:54 ไปเลยแต่หมออ่ะอยากให้เห็นภาพนิดนึงเพราะ
00:07:54 → 00:07:56 ว่ามันจะเกี่ยวข้องกับยาที่เราจะใช้นี่
00:07:56 → 00:07:59 แหละค่ะจะได้เข้าใจนะคะว่าทำไมแบบเออเรา
00:07:59 → 00:08:02 เราต้องใช้ยากลุ่มไหนอะไรยังไงก็ภาพนี้นะ
00:08:02 → 00:08:05 คะก็จะเป็นการเอ่อแสดงว่าสมองของเราเนี่ย
00:08:05 → 00:08:07 เกิดอะไรขึ้นบ้างเมื่อเวลาเราเจอตัว
00:08:07 → 00:08:09 กระตุ้นอย่างเช่นตรงอ่าอย่างเงี้ยลูกศร
00:08:09 → 00:08:12 ภาพข้างล่างตรงสมองก่อนจะเห็นว่าเขาชี้
00:08:12 → 00:08:14 เห็นว่าถ้าเกิดเวลามันมีแสงเข้ามามีกลิ่น
00:08:14 → 00:08:17 เข้ามาหรือว่ามีเสียงหรือรวมถึงปัจจัย
00:08:17 → 00:08:19 เซensoryภายในก็คือเรื่องของพวกความ
00:08:19 → 00:08:23 เครียดอดนอนเอ่อกินอาหารไม่ตรงเวลาเอ่อ
00:08:23 → 00:08:26 ฮอร์โมนประจำเดือนอะไรต่างๆเนี่ยพอมันรับ
00:08:26 → 00:08:29 เข้ามาส่งเข้ามาปุ๊บเนี่ยสมองระบบประสาท
00:08:29 → 00:08:31 ของเราอ่ะค่ะจะเกิดการกระตุ้นนะคะเกิดการ
00:08:31 → 00:08:33 รับรู้นะคะถามว่าแล้วทำไมถึงกระตุ้นล่ะ
00:08:33 → 00:08:36 อันเนี้ยสาเหตุการเกิดไมเกรนเนี่ยยังไม่
00:08:36 → 00:08:38 มีใครทราบแน่ชัดนะคะว่าทำไมคนนี้ถึงเป็น
00:08:38 → 00:08:40 คนนี้ถึงไม่เป็นนะคะเพราะว่าแต่ว่าเชื่อ
00:08:40 → 00:08:42 ว่าส่วนหนึ่งเนี่ยเกี่ยวข้องกับพันธุกรรม
00:08:42 → 00:08:43 เพราะว่าคนไมเกรนส่วนใหญ่ก็มักจะมี
00:08:43 → 00:08:45 ประวัติครอบครัวเป็นเกี่ยวข้องกับสภาพแวด
00:08:45 → 00:08:47 ล้อมแล้วก็เกี่ยวข้องกับผู้หญิงเอ่อ
00:08:47 → 00:08:49 ฮอร์โมนเพศหญิงนะคะเพราะว่าไมเกรนส่วน
00:08:49 → 00:08:50 ใหญ่เป็นในผู้หญิงนะคะอย่างเช่นเรื่องของ
00:08:50 → 00:08:53 พวกเอสโตรเจนต่างๆนะนะคะเพราะฉะนั้นเนี่ย
00:08:53 → 00:08:54 โอเคคนเป็นไมเกรนน่ะแสดงว่าสมองเขาคมี
00:08:54 → 00:08:57 ความไวต่อตัวกระตุ้นมากกว่าคนปกติแล้วล่ะ
00:08:57 → 00:08:59 ทีนี้พอเวลามีตัวกระตุ้นเข้ามานะคะสิ่ง
00:08:59 → 00:09:02 ที่เกิดขึ้นนะคะก็คือจะเกิดขึ้นเอ่อตาม
00:09:03 → 00:09:05 รูปบนนะคะเดี๋ยวเดี๋มาวาดให้ดูแล้วกัน
00:09:05 → 00:09:08 เนาะก็คือพอเรามีแบบอ่าพอเรามีอ่ะสมมุติ
00:09:08 → 00:09:12 ว่ามีแสงอาทิตย์ละกันเข้ามานะคะมันจะเกิด
00:09:12 → 00:09:14 การกระตุ้นสมองพอเกิดการกระตุ้นสมองเสร็จ
00:09:14 → 00:09:17 เนี่ยตรงปลายประสาทอ่ะค่ะตรงปลายประสาท
00:09:17 → 00:09:19 อันเนี้ยจะเป็นปลายประสาทปกติปลายประสาท
00:09:19 → 00:09:21 เราอ่ะค่ะมันจะมีสารสืบประสาทอยู่ข้างใน
00:09:21 → 00:09:24 อย่างนี้นะคะข้างในก็จะมีสารสื่อประสาท
00:09:24 → 00:09:27 แบบนี้อย่างงี้อย่างงี้นะคะตรงเนี้ยเรา
00:09:27 → 00:09:32 เรียกว่า C G R P ถามว่าเกิดอะไรขึ้น
00:09:32 → 00:09:34 พอเวลามีตัวกระตุ้นเข้ามาอันนี้นะคะ
00:09:34 → 00:09:36 สมมุติเป็นผนังหลอดเลือดอันนี้ก็คือจะ
00:09:36 → 00:09:42 เป็นตัวรับตัวรับ CGRP อ่ะสมมุติว่ามีตัว
00:09:42 → 00:09:45 กระตุ้นเข้ามาปุ๊บนะคะมีแสงแดดเข้ามาปื๊บ
00:09:45 → 00:09:47 ไปกระตุ้นระบบประสาทแล้วนะมันจะทำให้ไอ้
00:09:47 → 00:09:50 ตัวสารตรงเนี้ยค่ะปล่อยออกมาถูกปล่อยออก
00:09:50 → 00:09:53 มาจากปลายประสาทแบบนี้อันนี้นะคะก็คือ
00:09:53 → 00:09:57 CGRP แล้วก็จะไปจับกับตัวรับที่ผนังหลอด
00:09:57 → 00:10:01 เลือดสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือพอเกิดการ
00:10:01 → 00:10:03 กระตุ้นระบบประสาทส่งสัญญาณประสาทแบบนี้
00:10:03 → 00:10:06 นะคะมันก็จะไปออกฤทธิ์ที่ผนังหลอดเลือด
00:10:06 → 00:10:08 ของเราอันนี้สมมุติเป็นผนังหลอดเลือดของ
00:10:08 → 00:10:11 เรานะคะให้เกิดการขยายตัวพอผนังหลอดเลือด
00:10:11 → 00:10:16 ขยายตัวนึกภาพตามอ่ะค่ะก็คือตุบๆเหมือน
00:10:16 → 00:10:19 ลูกโป่งอ่ะที่แบบถูกเป่าให้ขยายอ่ะค่ะ
00:10:19 → 00:10:21 แล้วก็หดแล้วก็ขยายแล้วก็หดแล้วขยายเพราะ
00:10:21 → 00:10:25 ฉะนั้นเนี่ยก็คือเอ่อพอเวลามีตัวกระตุ้น
00:10:25 → 00:10:28 ระบบประสาทหลัง CGRP CGRP ไปออกฤทธิ์ที่
00:10:28 → 00:10:31 ผนังหลอดเลือดเกิดการขยายตัวแล้วก็เกิด
00:10:31 → 00:10:34 ความปวดขึ้นมาเป็นตุบๆๆฉะนั้นสาร CGRP
00:10:34 → 00:10:37 ถึงมีความสำคัญมากในไมเกรนนอกจาก CGRP จะ
00:10:37 → 00:10:40 ทำให้หลอดเลือดขยายตัวแล้ว CGRP ยังทำให้
00:10:40 → 00:10:43 เกิดขบวนการที่สำคัญทั้งหมด 3 อย่างอัน
00:10:43 → 00:10:46 แรกก็คือหลอดเลือดขยายตัวเมื่อกี้อันที่ 2
00:10:46 → 00:10:49 คือกระตุ้นความเจ็บปวดในร่างกายคือตัวเขา
00:10:49 → 00:10:51 เนี่ยมันจะไปกระตุ้นแบบการส่งสัญญาณ
00:10:51 → 00:10:54 ประสาทความปวดอ่ะค่ะทำให้เรามีเอ่อความ
00:10:54 → 00:10:57 เจ็บปวดในร่างกายคือร่างกายคนเราเวลาจะ
00:10:57 → 00:10:59 รับรู้ความเจ็บปวดมันก็จะต้องมีการอ่ามี
00:10:59 → 00:11:00 ตัวกระตุ้นเข้ามาแล้วมีการส่งสัญญาณต่อ
00:11:00 → 00:11:02 อ่ะค่ะแล้วก็สุดท้ายอันที่ 3 คือทำให้
00:11:02 → 00:11:05 เกิดการหลักอักเสบอักเสบของระบบประสาทใน
00:11:05 → 00:11:09 ในระบบประสาทเอ่อไตมิโนวasสcularาร system
00:11:09 → 00:11:10 แล้วก็ในสมองของเราตรงเนี้ยเพราะฉะนั้น
00:11:10 → 00:11:12 เนี่ยจะเห็นว่ามันไม่ใช่แค่หลอดเลือดขยาย
00:11:12 → 00:11:15 ตัวนะแต่ถ้าเกิดเราปล่อยทิ้งไว้ให้ไมเกรน
00:11:15 → 00:11:17 ถูกกระตุ้นนานๆถูกกระตุ้นบ่อยๆอ่ะค่ะสิ่ง
00:11:17 → 00:11:19 ที่เกิดขึ้นคือมันเหมือนมันมีการอักเสบ
00:11:19 → 00:11:21 อยู่ตลอดตลอดเวลาค่ะฉะนั้นใบเกณบางคน
00:11:21 → 00:11:23 เนี่ยก็จะรู้ว่าเออแบบพอหายปวดหัวไปแล้ว
00:11:23 → 00:11:27 อ่ะมันยังไม่จบมันรู้สึกเหมือนมันช้ำ
00:11:27 → 00:11:30 เหมือนแบบไปผ่านสมรภูมิการลบอะไรมาสัก
00:11:30 → 00:11:32 อย่างแบบแตะศีรษะไม่ได้เลยมันจะรู้สึกแบบ
00:11:32 → 00:11:34 เจ็บๆช้ำๆมากก็เป็นเพราะว่าบางทีเนี่ยเรา
00:11:34 → 00:11:36 ปล่อยให้การอักเสบตรงเนี้ยมันเกิดขึ้นนาน
00:11:36 → 00:11:40 เกินไปแล้วก็มีการเอ่อกระตุ้นความเจ็บปวด
00:11:40 → 00:11:42 ที่ค่อนข้างเยอะมากพอแล้วอ่ะลุกลามไปแบบ
00:11:43 → 00:11:46 เยอะมากพอละแล้วพอมันหยุดเนี่ยมันก็เลย
00:11:46 → 00:11:48 เกิดผลตามมาได้นะคะที่เหมือนเป็นระยะตาม
00:11:48 → 00:11:51 หลังของอาการปวดศีรษะไมเกรนนะคะซึ่งเราจะ
00:11:51 → 00:11:53 ไม่ลงลึกกันในวันนี้ทีนี้เนี่ยก็เลยอยาก
00:11:53 → 00:11:56 ให้รู้จักว่าเออพอมันมี CGRP ตรงนี้แหละ
00:11:56 → 00:11:59 ยาปัจจุบันเนี่ยการรักษาไมเกรนใหม่ๆใน
00:11:59 → 00:12:02 ปัจจุบันเลยเขาถึงมาโฟกัสที่ตรงเนี้ยค่ะ
00:12:02 → 00:12:05 ที่ตรงสาร CGRP อ่ะเพราะว่าเขารู้ว่า 1
00:12:05 → 00:12:08 คนไข้ที่เป็นไมเกรนตอนไมเกรนกำเริบสาร
00:12:08 → 00:12:12 CGRP สูงขึ้นโอเคพอหายปวดหัวตัวเนี้ยก็
00:12:12 → 00:12:15 จะลดลงไปอันนี้สำหรับคนที่เป็นไมเกรนไม่
00:12:15 → 00:12:18 บ่อยแต่ถ้าคนที่เป็นบ่อยๆนะนึกภาพแบบปวด
00:12:18 → 00:12:20 ทุกวันเลยแบบปวดไมไเกรนแล้วก็หายแล้วก็
00:12:20 → 00:12:22 ปวดอีกแล้วก็หายแล้วก็ปวดอีกแล้วก็หายมัน
00:12:22 → 00:12:26 ก็จะเหมือนแบบ CGRP ขึ้นลงขึ้นลงขึ้นลง
00:12:26 → 00:12:30 แต่ไม่เคยลงแบบลงสุดเลยคือแบบสมมุติว่า
00:12:30 → 00:12:32 อ่ะสมมุติว่าคนเป็นแบบเป็นน้อยๆเนี่ยคือ
00:12:33 → 00:12:35 คนที่เป็นแบบเป็นน้อยๆนะคะเป็นไม่บ่อยปวด
00:12:36 → 00:12:40 น้อยๆกับปวดแบบถี่ๆนะคะอันนี้ปวดถี่ทีอัน
00:12:40 → 00:12:43 นี้ปวดน้อยๆนะอ่ะถ้าเราไปเจาะดูระดับ CGRP
00:12:43 → 00:12:46 ของคนไข้ตอนที่เขาปวดหัวเนี่ย CGRP มันจะ
00:12:46 → 00:12:50 ขึ้นแล้วพอตอนที่เขาหายปวดหัว CGRP จะลด
00:12:50 → 00:12:56 ลงนะคะแต่ถ้าคนที่เป็นไมเกรนถนะคะเวลาเรา
00:12:56 → 00:12:59 ดูตาม CGP ของคนไข้มันจะเป็นแบบนี้ปวดหัว
00:12:59 → 00:13:04 ขึ้นกำลังจะหายละกำลังจะลงปวดใหม่อีกนะคะ
00:13:04 → 00:13:08 กำลังจะหายละอีก 2 วันปวดใหม่อีกนะคะ
00:13:08 → 00:13:10 กำลังจะลงปวดใหม่อีกเพราะฉะนั้นสิ่งที่
00:13:10 → 00:13:14 เกิดขึ้นคือระดับ CGRP ไม่เคยกลับมาสู่
00:13:14 → 00:13:16 ภาวะปกติอีกเลยสมองของเราเหมือนถูก
00:13:16 → 00:13:18 กระตุ้นตลอดเวลาแล้วก็มีการอักเสบตลอด
00:13:18 → 00:13:21 เวลาอันนี้ถึงมีความสำคัญมากๆว่าถ้าเกิด
00:13:21 → 00:13:24 คนไข้ไมเกรนปล่อยไว้ปวดถี่ๆมากๆจะทำให้
00:13:24 → 00:13:26 เขาปวดเรื้อรังและต่อให้ไม่มีตัวกระตุ้น
00:13:27 → 00:13:30 เนี่ยเขาก็จะมีอาการปวดหัวได้หรือเจอตัว
00:13:30 → 00:13:33 กระตุ้นแค่น้อยๆอย่างเช่นเมื่อก่อนนี่
00:13:33 → 00:13:36 โอ้โหถ้าจะเจอแดดก็คือต้องแบบแดดแรงจ้าอ
00:13:36 → 00:13:39 ร้อนมากหลังๆคือแค่ขับรถแสงเข้าตาปวดเลย
00:13:39 → 00:13:42 อะไรอย่างเงี้ยก็อธิบายได้กลไกตรงนี้แหละ
00:13:42 → 00:13:45 งั้นก็อ่ะให้เห็นภาพว่าการเกิดไมเกรนมัน
00:13:45 → 00:13:47 เป็นโรคของสมองนะแล้วก็มีสารสำคัญที่อัน
00:13:47 → 00:13:51 นึงที่เราเรียกว่า CGRP ทีนี้เนี่ย 2025
00:13:51 → 00:13:54 ละ CRP จะไม่ใช่พระเอกคนเดียวอีกต่อไปฟัง
00:13:54 → 00:13:57 ไว้เพลินๆเพราะว่าหมอว่าในในมุมของในทาง
00:13:57 → 00:13:58 แพทย์เองหรือว่าในอะไรเองมันก็อยู่ยัง
00:13:58 → 00:14:00 อยู่ในขั้นตอนของงานวิจัยแต่อยากให้รู้
00:14:00 → 00:14:03 ว่าสารที่เกี่ยวข้องกับการเกิดระบบขบวน
00:14:03 → 00:14:06 การตรงเมื่อกี้นอกจาก CGRP แล้วมันยังมี
00:14:06 → 00:14:08 สารอื่นๆอีกมากมายเลยไม่ว่าจะเป็นสารการ
00:14:08 → 00:14:11 อักเสบต่างๆเช่นพวกกลุ่มแบบ VIP
00:14:11 → 00:14:14 ไนติอกไซด์ Substance Pาแต่ถ้าคนที่จะ
00:14:14 → 00:14:17 เป็นเหมือนแบบพระเอกกับนางเอกคู่กับ CG
00:14:17 → 00:14:21 CGRP อ่ะก็คือเขาเรียกว่าพาแคAPนะอันนึง
00:14:21 → 00:14:23 พระเอกอาจจะ CGRP นางเอกอาจจะเป็นแบบ
00:14:23 → 00:14:26 พาแคapพาแคapสำคัญยังไงอันเนี้ยตอนเนี้ย
00:14:26 → 00:14:30 พาแคAPอยู่ในระหว่างงานวิจัยแล้วว่ายาที่
00:14:30 → 00:14:33 ไปออกฤทธิ์กับการลดพาแคapเนี่ยอาจจะช่วย
00:14:33 → 00:14:37 รักษาคนไข้ไมเกรนได้อีกทางจากภาพเนี่ยคือ
00:14:37 → 00:14:39 เขาก็จะเปรียบเทียบให้เห็นว่าเวลาเค้าทด
00:14:39 → 00:14:42 ลองคนไข้ไปเนี่ยการฉีดสาร CGRP ให้คนไข้
00:14:42 → 00:14:44 คนนึงก็คือทำให้เกิดอาการปวดหัวได้ปวด
00:14:44 → 00:14:46 เป็นแบบไมเกรนได้แล้วก็มีสิ่งต่างๆที่
00:14:46 → 00:14:48 เหมือนไมเกรนตามมาอย่างเงี้ยอารมณ์แปร
00:14:48 → 00:14:51 ปรวนเวียนหัวอะไรอย่างเงี้ยในขณะเดียวกัน
00:14:51 → 00:14:54 ไอ้ตัวพาแขบเองนี้ก็เหมือนกันถ้าคนไข้ได้
00:14:54 → 00:14:56 มีระดับตัวนี้ที่สูงขึ้นนะคะก็ทำให้เกิด
00:14:56 → 00:14:58 อาการปวดหัวไมเกรนได้เหมือนกันเลยเพราะ
00:14:58 → 00:15:01 ฉะนั้นก็เลยอยากให้รู้ไว้คร่าวๆจริงๆว่า
00:15:01 → 00:15:04 โอเค CGP ไม่ใช่ตัวเดียวต่อไปแต่ว่าทุก
00:15:04 → 00:15:06 อย่างเนี่ยมันยังอยู่ในขั้นตอนของการอ่า
00:15:06 → 00:15:09 งานวิจัยแต่ว่าที่ยาที่มีอยู่ในปัจจุบัน
00:15:09 → 00:15:11 ทั้งหมดณตอนนี้ที่จะพูดถึงในวันนี้ที่
00:15:11 → 00:15:13 เป็นยากลุ่มใหม่ๆเนี่ยก็จะยังเป็นยาที่ไป
00:15:13 → 00:15:17 ออกฤทธิ์ที่ CGRP โดยตรงทีนี้แล้วทำไมถึง
00:15:17 → 00:15:18 เป็นไมเกรนถึงจะต้องฟังคลิปนี้แล้วถึงจะ
00:15:19 → 00:15:22 ต้องรักษาล่ะหมออ่ะรักษาคนไข้ไมเกรนมา
00:15:22 → 00:15:25 เยอะมากมากๆนะคะแล้วก็พบว่าจริงๆอ่ะคนไข้
00:15:25 → 00:15:29 ไมเกรนน่ะอย่างในคนไทยเองอ่ะเอาจริงๆเรา
00:15:29 → 00:15:32 เชื่อว่าคนไทยเป็นไมเกรนประมาณ 10 ล้านคน
00:15:32 → 00:15:35 นะคะถึงไม่แปลกใจเลยนะที่ทุกคนจะต้องมี
00:15:36 → 00:15:38 เพื่อนเป็นไมเกรนหรือคนที่ฟังอยู่เราเอง
00:15:38 → 00:15:41 ก็เป็นไมเกรนหรือคุณผู้ชายมีแฟนเป็น
00:15:41 → 00:15:45 ไมเกรนเยอะมากเยอะมากจนเราแทบจะมองแบบก็
00:15:45 → 00:15:47 ไมเกรนน่ะเหมือนแบบเหมือนเป็นโรคทั่วไป
00:15:47 → 00:15:48 อ่ะเหมือนเป็นหวัดเป็นอะไรแบบเนี้ยแต่
00:15:48 → 00:15:51 จริงๆมันไม่ใช่คือไมเกรนจากภาพที่หมอ
00:15:51 → 00:15:53 อธิบายมาข้างต้นมันมีความซับซ้อนมากกว่า
00:15:53 → 00:15:56 นั้นทีนี้เนี่ยเอ่อเวลาหมอเจอรักษาคนไข้
00:15:56 → 00:15:59 ไมเกรนมันเหมือนเป็นปลายทางอ่ะค่ะแบบว่า
00:15:59 → 00:16:01 คนไข้ที่มาหาหมอส่วนใหญ่เนี่ยมักจะเป็นคน
00:16:01 → 00:16:04 ไข้ไมเกรนเรื้อรางไปแล้วเป็นไมเกรนที่
00:16:04 → 00:16:07 สมองติดยาแก้ปวดไปแล้วก็คือใช้ยาแก้ปวด
00:16:07 → 00:16:09 เยอะมากๆจนสุดท้ายอ่ะไอ้ตัวยาแก้ปวดเนี่ย
00:16:09 → 00:16:11 มันย้อนกลับมาทำให้เขาปวดหัวเพิ่มมากขึ้น
00:16:11 → 00:16:14 เองเป็นไมเกรนที่มีโรคร่วมไปแล้วไม่ว่าจะ
00:16:14 → 00:16:18 เป็นวิตกกังวลซึมเศร้าหรือเป็นไมเกรนที่
00:16:18 → 00:16:22 ใช้ยาอะไรก็ไม่ได้ผลละหรือมีผลข้างเคียง
00:16:22 → 00:16:24 จากการใช้ยาทีนี้ถามว่าเราแบบเราจะทำยัง
00:16:24 → 00:16:28 ไงอ่ะคือมามารักษากันตอนตอนปลายทาง 1
00:16:28 → 00:16:30 รักษายากแล้วก็ใช้เวลาค่อนข้างนานเพราะ
00:16:30 → 00:16:32 ฉะนั้นเนี่ยสิ่งที่อยากให้ทุกคนเห็นภาพ
00:16:32 → 00:16:34 คือแล้วเราจะทำยังไงให้ตอนที่เราเป็น
00:16:35 → 00:16:38 ไมเกรนตั้งแต่น้อยๆแบบเป็นไม่บ่อยนานๆที
00:16:38 → 00:16:41 เป็นทีอ่ะเราถึงจะมีวิธีการดูแลตัวเองยัง
00:16:41 → 00:16:47 ไงหรือมีวิธีแบบสังเกตตัวเองยังไงว่าแบบ
00:16:47 → 00:16:49 เนี้ยไม่ได้แล้วนะกินยาเองไม่ได้แล้วนะไป
00:16:49 → 00:16:52 ซื้อยาเองอีกต่อไปไม่ได้แล้วจะไปหาคุณหมอ
00:16:52 → 00:16:55 เพราะว่าอย่างอันเนี้ยก็คือหมออยากโชว์
00:16:55 → 00:16:56 ให้เห็นว่าจริงๆอ่ะคนไข้ไมเกรนทุกคนไม่
00:16:56 → 00:16:59 ได้เป็นเรื้อรังส่วนใหญ่เป็นแบบชั่วคราว
00:16:59 → 00:17:02 ด้วยซ้ำแล้วก็จะมีกลุ่มน้อยๆที่จะเป็น
00:17:02 → 00:17:05 เรื้อรังโดยปัจจัยเนี่ยที่คนที่เป็นชั่ว
00:17:05 → 00:17:08 คราวมีโอกาสกลายเป็นไมเกรณเรื้อรังได้
00:17:08 → 00:17:11 ปัจจัยที่จะมาทำให้เค้าอ่ะเป็นเรื้อรัง
00:17:11 → 00:17:13 ได้มากยิ่งขึ้นนะคะต่อให้อ่ะต่อให้ไม่ทำ
00:17:13 → 00:17:16 อะไรเลยนะสมมุติต่อให้แบบดูแลตัวเองดีมาก
00:17:16 → 00:17:18 ไม่ได้กินยาอะไรเยอะมากมายด้วยคนที่เป็น
00:17:18 → 00:17:20 ชั่วคราวเนี่ยมีโอกาสที่กาจะกลายเป็น
00:17:20 → 00:17:24 เรื้อรังเนี่ยได้ประมาณ 3% ใน 1 ปีนะคะ
00:17:24 → 00:17:26 ถือว่าเป็นตัวเลขน้อยแต่ถามว่าไอ้ตัวเลข
00:17:26 → 00:17:29 ตรงเนี้ยมันจะเยอะขึ้นถ้าเรามีปัจจัยมา
00:17:29 → 00:17:30 กระตุ้นปัจจัยกระตุ้นที่สำคัญเลย 1
00:17:30 → 00:17:32 เรื่องของความถี่ของอาการปวดเมื่อไหร่ที่
00:17:33 → 00:17:35 เราเป็นไมเกรนแบบน้อยๆแล้วเราล้มปวดบ่อย
00:17:35 → 00:17:37 ขึ้นบ่อยขึ้นบ่อยขึ้นสมองของเราจะไวต่อ
00:17:37 → 00:17:39 ตัวกระตุ้นมากยิ่งขึ้นความถี่ส่วนใหญ่ก็
00:17:39 → 00:17:41 คือเอาเกินประมาณสักสัปดาห์ละครั้งอ่ะค่ะ
00:17:41 → 00:17:43 หรือเดือนนึงประมาณซัก 4 ครั้งขึ้นไป
00:17:43 → 00:17:46 เนี่ยถือว่าเริ่มถี่ละสิ่งที่ตามมาจาก
00:17:46 → 00:17:49 ความถี่คือการใช้ยาแก้ปวดไมเกนเป็นคนอ่า
00:17:49 → 00:17:51 โรคปวดที่ค่อนข้างทรมานและรุนแรงเพราะ
00:17:51 → 00:17:54 ฉะนั้นเนี่ยเวลาปวดมาทีอ่ะมันไม่ใช่แค่
00:17:54 → 00:17:56 นอนพักอ่ะส่วนใหญ่ก็ต้องแบบกินยาแก้ปวด
00:17:56 → 00:17:59 เพราะฉะนั้นพอปวดบ่อยขึ้นนะคะปวดเกิน 4
00:17:59 → 00:18:01 ครั้งต่อเดือนอาตีง่ายๆว่าครั้งนึงเราก็
00:18:01 → 00:18:04 กินยาซัก 2 เม็ดแล้วกันเม็ดเดียวเอาไม่
00:18:04 → 00:18:06 ค่อยอยู่ 428 เท่ากับว่าเรากินยาประมาณ 8
00:18:06 → 00:18:09 เม 10 เมต่อเดือนละเมื่อไหรแก้ปวดเกิน 10
00:18:09 → 00:18:11 เม็ดต่อเดือนนะคะในบางตัวโดยเฉพาะยากลุ่ม
00:18:11 → 00:18:14 ไมเกรตเกินติดกันเกิน 3 เดือนก็จะทำให้
00:18:14 → 00:18:16 เรากลายเป็นไมเกรนเรื้อรังแล้วก็มีปวดหัว
00:18:16 → 00:18:18 จากยาแก้ปวดแหละเพราะงั้นปัจจัยที่สำคัญ
00:18:18 → 00:18:20 เลยที่ทำให้เรากลายเป็นไมเกนเรื้อรังคือ
00:18:20 → 00:18:22 เรื่องของความถี่และการใช้ยาแก้ปวดนอกจาก
00:18:22 → 00:18:24 นี้นะคะก็จะเป็นเรื่องของอ่าไลฟ์สไตล์
00:18:24 → 00:18:27 ต่างๆเช่นเรื่องของความเครียดอดนอน
00:18:27 → 00:18:29 พฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการที่จะไมเกนกำเริบ
00:18:29 → 00:18:31 เช่นแบบไปเจออาหารตัวกระตุ้นเดิมๆซ้ำๆ
00:18:31 → 00:18:33 หรือรวมไปถึงน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นอย่าง
00:18:33 → 00:18:35 รวดเร็วด้วยนะคะอาการไม่ออกกำลังกายอะไร
00:18:35 → 00:18:38 พวกเนี้ยเป็นปัจจัยที่มาส่งเสริมไมเกรน
00:18:38 → 00:18:40 ให้เราเป็นหนักมากยิ่งขึ้นเพราะฉะนั้นก็
00:18:40 → 00:18:42 เอ่อใครที่เป็นไมเกรนน้อยๆอยู่อ่ะเราต้อง
00:18:42 → 00:18:45 พยายามคุมคุมยังไงให้เราแบบไม่กลายไปสู่
00:18:45 → 00:18:48 ไมเรื้อรังอ่ะจะได้ไม่ต้องมาแบบรักษาด้วย
00:18:48 → 00:18:50 ยากลุ่มที่จะพูดถึงในวันนี้ทีนี้ก็จะมา
00:18:50 → 00:18:53 สู่เรื่องของยาการรักษาไมเกรนนะคะหมอจะ
00:18:53 → 00:18:56 ปกติหมอก็จะบอกคนไข้เนาะการรักษาไมเกรน
00:18:56 → 00:18:59 เนี่ยจริงๆไมเกรนทุกคนนะคะสิ่งที่ต้องทำ
00:18:59 → 00:19:02 เลยนะสิ่งที่ต้องทำเลยทุกคนนะคะคือหลีก
00:19:02 → 00:19:06 เลี่ยงตัวกระตุ้นแล้วก็เอ่อเรื่องของการ
00:19:06 → 00:19:09 ปรับพฤติกรรมต่างๆอ่ะค่ะอย่างเช่นเอ่ออด
00:19:09 → 00:19:14 นอนความเครียดกินอาหารให้ตรงเวลาการทำแบบ
00:19:14 → 00:19:16 fastิ้นานๆอ่ะคนไข้ไมเกรนบางทีแบบหิวหรือ
00:19:16 → 00:19:17 ยังไม่กินข้าวอะไรเงี้ยอันนี้ก็กระตุ้น
00:19:17 → 00:19:20 ไมเกรนบ่อยเพราะฉะนั้นทุกคนนะทุกคนต้อง
00:19:20 → 00:19:22 หลีกเลี่ยงตัวกระตุ้นแล้วก็ปรับพฤติกรรม
00:19:22 → 00:19:24 ที่ช่วยได้อีกอย่างนึงเลยคือการออกกำลัง
00:19:24 → 00:19:26 กายนะคะการออกกำลังกายนอกจากจะช่วยลดความ
00:19:26 → 00:19:28 เครียดลดแล้วยังสามารถช่วยลดความถี่
00:19:28 → 00:19:30 ไมเกรนด้วยพอเราทำทุกอย่างและทำทุกอย่าง
00:19:31 → 00:19:34 และไม่ไหวยังปวดหัวอยู่ดีเราก็จะแบ่ง
00:19:34 → 00:19:36 เลือกการใช้ยาออกเป็น 2 กลุ่มกลุ่มแรกเรา
00:19:36 → 00:19:40 เรียกว่ายาแก้ปวดยาแก้ปวดเนี่ยก็คือชื่อ
00:19:40 → 00:19:44 ของเขาก็บอกแก้ปวดกินเมื่อปวดเท่านั้นอัน
00:19:44 → 00:19:48 ที่ 2 เราเรียกว่ายาป้องกันป้องกันนี่ก็
00:19:48 → 00:19:52 คือมันปวดบ่อยอ่ะมันก็ไม่อยากให้แบบจะ
00:19:52 → 00:19:54 ต้องมาปวดบ่อยอ่ะอย่างที่หมอบอกคือถ้า
00:19:54 → 00:19:56 เกิดปวดเกิน 4-5 ครั้งต่อเดือนน่ะยังไง
00:19:56 → 00:19:58 เราก็ใช้ยาเกินแน่ๆอยู่ละทำยังไงให้ปวด
00:19:58 → 00:20:00 ถี่ลงไปน้อยกว่านั้นอันนี้ไม่ต้องพูดถึง
00:20:00 → 00:20:03 คนที่ปวด 10-15 ครั้งต่อเดือนนะคะยังไงก็
00:20:03 → 00:20:06 ใช้ยาเกินอยู่ละนะเราก็เลยต้องมาใช้ยา
00:20:06 → 00:20:08 กลุ่มป้องกันไม่ให้ปวดกันก็คือลดของความ
00:20:08 → 00:20:11 ถี่แล้วก็ลดความรุนแรงลงก็คือแบบอย่าง
00:20:11 → 00:20:13 น้อยเวลาปวดมาเนี่ยก็ทำให้เราแบบเอ่อไม่
00:20:13 → 00:20:15 ต้องกินยาแก้ปวดได้อะไรแบบเนี้ยยาป้องกัน
00:20:15 → 00:20:18 เนี่ยก็จะเป็นยาที่เป็นยากลุ่มใหม่ๆที่จะ
00:20:18 → 00:20:20 เป็นยา CGRP นี่แหละเพราะฉะนั้นยากล้อง
00:20:20 → 00:20:22 ป้องกันเนี่ยหมอจะแบ่งออกเป็นอีก 3 อัน
00:20:22 → 00:20:27 อันแรกคือยาแบบเก่าก่อนเดี๋จะพูดให้ฟังทบ
00:20:27 → 00:20:29 ทวนกันเพราะว่าจริงๆยาแบบเก่าถือว่าก็ยัง
00:20:29 → 00:20:31 เป็นยาที่แบบประสิทธิภาพค่อนข้างดีเลยนะ
00:20:31 → 00:20:34 แล้วเราก็ใช้กับคนไข้ปริมาณมากด้วยนะคะ
00:20:34 → 00:20:36 แต่ข้อเสียเขาคือผลข้างเคียงเยอะหน่อย
00:20:36 → 00:20:38 เท่านั้นเองอันที่ 2 เราจะเรียกว่าเป็นยา
00:20:38 → 00:20:42 ที่ออกฤทธิ์กับสาร CGRP นะคะก็คือจะเป็น
00:20:42 → 00:20:43 ยายาฉีด
00:20:43 → 00:20:46 CGRP สารเมื่อกี้ที่ต้องเกริ่นมารวมไป
00:20:46 → 00:20:49 ถึงปัจจุบันเนี่ยตอนเนี้ยก็จะมีตัวเอ่อ
00:20:49 → 00:20:51 กินอมใต้ลิ้นเนี่ยที่ก็ออกฤทธิ์ตรงนี้
00:20:51 → 00:20:54 เหมือนกันที่เป็นตัวยากินก็คือตัว G แผน
00:20:54 → 00:20:58 อันที่ 3 ก็คือจะเป็นวิธีแบบอื่นๆอื่นๆ
00:20:58 → 00:21:01 เนี่ยเอ่อก็คือจะเป็นเรื่องของเช่นการฉีด
00:21:01 → 00:21:05 ตัวโบทูมท็อกซินหรือเอ่อการใช้เครื่อง
00:21:05 → 00:21:09 เครื่องอ่าเค้าเรียกอิเลectronic disice
00:21:09 → 00:21:11 ต่างๆที่จะเป็นแบบกระตุ้นประสาทของเราตอน
00:21:11 → 00:21:14 นี้ก็มีตัวเครื่องเข้ามาแล้วด้วยก็เดี๋ยว
00:21:14 → 00:21:16 อาจจะไม่พูดถึงในวันนี้แล้วกันเพราะว่า
00:21:16 → 00:21:18 เป็นอันที่เราอาจจะต้องแบบอปรึกษาคุณหมอ
00:21:18 → 00:21:20 อยู่แล้วเราไปฉีดเองไม่ได้อยู่แล้วแต่ก็
00:21:20 → 00:21:23 จะพูดถึงเน้นเรื่องของ 2 ตัวนี้ละกันอัน
00:21:23 → 00:21:28 แรกก่อนเนาะยาป้องกันก่อนยาป้องกัน
00:21:28 → 00:21:32 เนี่ยเอ่อใครต้องกินยาป้องกันใช้ยาป้อง
00:21:32 → 00:21:34 กันอ่ะยาป้องกันเป็นแบบยากินยาฉีดเนี่ย
00:21:34 → 00:21:38 ใครที่จะต้องกินยาป้องกันอันแรกคือปวดหัว
00:21:38 → 00:21:42 มากกว่า 4 ครั้งต่อเดือนทำไมต้อง 4 ครั้ง
00:21:42 → 00:21:45 ต่อเดือนหมออธิบายให้ฟังเมื่อกี้และว่า
00:21:45 → 00:21:47 จำนวน 4 ครั้งต่อเดือนถือว่าเป็นจำนวนที่
00:21:47 → 00:21:50 ความถี่เนี่ยค่อนข้างมาบ่อยแล้วมีโอกาส
00:21:50 → 00:21:53 ที่เราจะใช้ยาแก้ปวดเยอะแล้วยาแก้ปวดนั้น
00:21:53 → 00:21:56 จะย้อนกลับมาทำให้เราปวดหัวมากขึ้น 2 มี
00:21:56 → 00:22:00 งานวิจัยที่เขา้าเก็บคนไข้คutพอย์คือ 4-6
00:22:01 → 00:22:04 ครั้งต่อเดือนเนี่ยพบว่าใครที่ปวดหัวเกิน
00:22:04 → 00:22:07 ประมาณช่วงเนี้ยติดตามไปเรื่อยๆมีโอกาส
00:22:08 → 00:22:10 ที่จะปวดหัวถี่ขึ้นบ่อยขึ้นแล้วกลายกลาย
00:22:11 → 00:22:13 เป็นไมเกนเลื้อหลังตัวเลข 4 ครั้งไม่ได้
00:22:13 → 00:22:17 ตายตัวนะบางคน 3 บางคน 5 บางคน 6 ขึ้น
00:22:17 → 00:22:20 อยู่กับอาการปวดหัวของแต่ละคนด้วยเช่นบาง
00:22:20 → 00:22:23 คนแบบปวดเยอะก็จริงปวด 6 ครั้งแต่แบบปวด
00:22:23 → 00:22:25 น้อยๆเบาๆไม่รบกวนชีวิตประจำวันเลยไม่ได้
00:22:25 → 00:22:27 กินยาแก้ปวดด้วยแบบนั้นอาจจะยังไม่ต้อง
00:22:27 → 00:22:30 ใช้ยาก็ได้แต่ในขณะเดียวกันบางคนปวดแค่ 2
00:22:30 → 00:22:33 ครั้งแต่แอดมิทุกครั้งเลยทุกครั้งปวดคือ
00:22:33 → 00:22:35 แบบทำอะไรไม่ได้เลยต้องไปนอนโรงพยาบาลฉีด
00:22:35 → 00:22:38 ยาแบบนั้นต่อให้ไม่ถึง 4 ครั้งก็อาจจะ
00:22:38 → 00:22:41 ต้องใช้ยาป้องกันเหมือนกันยากินนะคะยากิน
00:22:41 → 00:22:44 หมอจะแบ่งออกเป็น 5 กลุ่มหลักๆสำหรับยา
00:22:44 → 00:22:49 กินอันแรกคือยากัญชักอันที่ 2 คือ
00:22:49 → 00:22:55 ยาความดันแล้วก็อันที่ 3 คือยาขยายหลอด
00:22:55 → 00:23:00 เลือด 4 ยาคลาย
00:23:00 → 00:23:05 เครียดแล้วก็ยาต้าน
00:23:05 → 00:23:10 เศร้าแล้วก็สุดท้ายก็จะเป็นอื่นอื่นตัวยา
00:23:10 → 00:23:14 กินอันใหม่ที่เป็นยาอมใต้ลิ้นน่ะจริงๆอ่ะ
00:23:14 → 00:23:16 จะนับว่าเป็นยากินป้องกันก็ได้เพราะว่า
00:23:16 → 00:23:19 มันเป็นกินเนาะมันก็จะเป็นตัวยตัวใหม่ก็
00:23:19 → 00:23:21 คือตัวGพนหรืออาจจะไปจัดอยู่ในกลุ่มที่
00:23:22 → 00:23:24 เป็นกลุ่มเดียวกับ CGRP ก็ได้เพราะว่าคือ
00:23:24 → 00:23:27 กลุ่มยากิมกลุ่มเก่าแบบเนี้ย 4 อันแรกอ่ะ
00:23:27 → 00:23:29 ไม่มีอันไหนที่ไปออกฤทธิ์กับ CGRP โดยตรง
00:23:29 → 00:23:32 แต่ว่าจะไปออกฤทธิ์ในการลดสารสื่อประสาท
00:23:32 → 00:23:34 บางตัวที่ทำให้ไมเกรนของเรามีความถี่ลดลง
00:23:34 → 00:23:37 ได้เพราะฉะนั้นก็จะเป็นแบบเหมือนเอ่อเป็น
00:23:37 → 00:23:40 ฤทธิ์แบบอ้อมๆแต่ถ้าถ้าเกิดอย่างแบบฤทธิ์
00:23:40 → 00:23:42 ที่ออกลิตร CGRP โดยตรงก็จะเป็นส่วนใหญ่
00:23:42 → 00:23:44 ก็จะเป็นกลุ่มยาฉีดเป็นหลักแล้วก็ถ้าเป็น
00:23:44 → 00:23:46 ยาอมใต้ลิ้นตัวใหม่ก็จะเป็นตัวกลุ่ม G
00:23:46 → 00:23:49 แผนเดี๋เรามาดูกันเอ่อหมอจะโชว์รูปให้ดู
00:23:49 → 00:23:52 คร่าวๆนะอันนี้คือเป็นยาป้องกันไมเกรนแบบ
00:23:52 → 00:23:56 เก่ารวมๆเอาไว้ให้เอ่อทราบแบบรวมๆไม่ได้
00:23:56 → 00:23:59 ให้เอาไปซื้อเองนะย้ำนะคะห้ามซื้อยาทาน
00:23:59 → 00:24:03 เองนะคะกลุ่มพวกนี้อันตรายค่ะจะเห็นว่า
00:24:03 → 00:24:05 แบบเป็นยากันชักอย่างเงี้ยถ้าเรากินแล้ว
00:24:05 → 00:24:07 เราแบบไม่ได้มีแพทย์คอยดูว่าเอ้ยเรากิน
00:24:07 → 00:24:09 เหมาะสมมั้ยปริมาณเหมาะสมหรือยังนะคะอัน
00:24:09 → 00:24:11 นี้อันตรายมากๆหรือยาความดันเองอย่าง
00:24:11 → 00:24:13 เงี้ยก็ต้องคอยดูความดันด้วยหรือว่าอย่าง
00:24:13 → 00:24:15 กลุ่มยาต้านเศร้าอะไรต่างๆมันก็จะต้องกิน
00:24:15 → 00:24:18 ตามข้อบ่งชี้ที่ให้ดูภาพเนี่ยคือให้เห็น
00:24:18 → 00:24:22 ภาพรวมคร่าวๆมากกว่าว่าคนไข้ที่รักษา
00:24:22 → 00:24:25 ไมเกรนก่อนหน้านี้จะมีกลุ่มนึงที่ไปหาคุณ
00:24:25 → 00:24:29 หมอด้วยเรื่องไมเกรนและได้ยาเหล่าเนี้ยมา
00:24:29 → 00:24:33 และคนไข้ก็จะสงสัยว่าทำไมต้องกินยากัญชัก
00:24:33 → 00:24:35 ยากันชักเป็นหนึ่งในยาป้องกันไมเกนแบบ
00:24:35 → 00:24:38 เก่าที่ถือว่าประสิทธิภาพดีมากถ้าจัดคลาส
00:24:38 → 00:24:40 ให้ก็ถือว่าเป็นคลาส A เลยป้องกันได้ค่อน
00:24:40 → 00:24:42 ข้างดีเลยโดยตัวที่เราใช้บ่อยๆก็จะเป็น
00:24:42 → 00:24:45 พวกพีราamกับวาพูic acid 2 ตัวเนี้ยกัน
00:24:45 → 00:24:49 ไมเกรนได้ดีมากๆแต่ข้อเสียเยอะคือผลข้าง
00:24:49 → 00:24:51 เคียงจะค่อนข้างเยอะกินแล้วส่วนใหญ่ก็จะ
00:24:51 → 00:24:54 แบบมึนงงนะคะบางคนอย่างอาจจะมีปัญหา
00:24:54 → 00:24:57 เรื่องรู้สึกว่าความจำแย่ลงแบบคิดอะไรช้า
00:24:57 → 00:24:59 ลงอะไรแบบเนี้ยได้นะคะหรืออย่างตัววาโพic
00:24:59 → 00:25:02 acซิดก็จะมีเรื่องของน้ำหนักขึ้นอ้วนเอ่อ
00:25:02 → 00:25:05 ขนขึ้นหรือเอ่อมือสั่นอะไรแบบเนี้ยเพราะ
00:25:05 → 00:25:08 ฉะนั้นก็จะถือว่าเป็นยาที่มีผลข้างเคียง
00:25:08 → 00:25:11 แต่ในอดีตเนี่ยตอนที่เรายังไม่มีกลุ่มยา
00:25:11 → 00:25:14 ใหม่ๆเข้ามาก็ถือว่าเป็นยาที่ใช้แบบเป็น
00:25:14 → 00:25:17 หลักเลยในการคุมไมเกรนคนที่เป็นหนักๆได้
00:25:17 → 00:25:20 ผลค่อนข้างดีมากๆถ้ากินยาไปจนถึงแบบไต่
00:25:21 → 00:25:24 ระดับขนาดได้เหมาะสมส่วนใหญ่ที่คนไข้ส่วน
00:25:24 → 00:25:26 ใหญ่ที่หยุดการรักษาไปก่อนเนี่ย 1 คือมี
00:25:26 → 00:25:28 ผลข้างเคียงเยอะจนทนไม่ไหวบางทีกินไปได้
00:25:28 → 00:25:32 เดือน 2 เดือนไม่ไหวแล้วแบบง่วงเบอมากแบบ
00:25:32 → 00:25:34 รู้สึกคิดช้าอะไรเงี้ยก็ไม่กล้ากลับไปบอก
00:25:34 → 00:25:36 คุณหมอนะคะก็คือหยุดยาไปก็เลยทำให้แบบ
00:25:36 → 00:25:40 ไมเกรนกลับไปเป็นถีขึ้นนะคะแล้วก็เอ่อบาง
00:25:40 → 00:25:44 คนก็กินได้ 2 เดือนหายและเพราะยามันก็ถือ
00:25:44 → 00:25:46 ว่าคุมไมเกรนได้ค่อนข้างดีเลยแบบหายปวด
00:25:46 → 00:25:48 หัวก็เลยคิดว่าเอ้อน่าจะหยุดยาได้ก็เลย
00:25:49 → 00:25:50 หยุดยาไปก่อนนะคะซึ่งจริงๆแล้วการรักษา
00:25:50 → 00:25:53 ไมเกรนเนี่ยอาจจะต้องใช้เวลาที่นานพอ
00:25:53 → 00:25:55 ระดับนึงนะคะอย่างน้อยๆเนี่ยน้อยๆเลยก็
00:25:55 → 00:25:58 อย่างน้อยก็ตั้ง 3-6 เดือนขึ้นไปโดยนับ
00:25:58 → 00:26:00 จากตอนที่เราคุมไมเกรนแล้วด้วยได้นะไม่
00:26:00 → 00:26:03 ใช่ว่าตั้งต้นปวดแบบ 30 วันกินยาไป 3
00:26:04 → 00:26:05 เดือนแล้วก็ยังปวด 20 วันแล้วนับว่าคุม
00:26:05 → 00:26:07 ได้แล้วหยุดยาไม่ใช่แบบนั้นนะคะเรานับจาก
00:26:07 → 00:26:10 จุดที่เราคุมอาการคนไข้ได้เพราะฉะนั้นมัน
00:26:10 → 00:26:14 ก็ต้องกินยานานพอระดับนึงเลยทีนี้ข้อเสีย
00:26:14 → 00:26:17 ของยากลุ่มเก่าๆเนี่ยก็จะก็จะเป็นผล
00:26:17 → 00:26:19 เรื่องของผลข้างเคียงล่ะค่ะเขาเจอว่าติด
00:26:19 → 00:26:21 ตามคนไข้ไปสมมุติว่าคนไข้ 100 คนที่ต้อง
00:26:21 → 00:26:23 กินยาป้องกันไมเกรนอ่ะถือว่าเป็นไมเกรน
00:26:23 → 00:26:26 ที่เป็นบ่อยละตามไปจริงๆเนี่ยคนที่กินได้
00:26:26 → 00:26:29 จริงๆที่แบบผ่านพ้นผลข้างเคียงหรือว่า
00:26:29 → 00:26:31 ปรับขนาดไปได้อย่างเหมาะสมเนี่ยไม่ถึง
00:26:31 → 00:26:34 30-40% เพราะฉะนั้นส่วนใหญ่อ่ะกลายเป็น
00:26:34 → 00:26:36 ว่ากินแล้วกินไม่ได้แล้วหยุดกินไปก่อนก็
00:26:36 → 00:26:39 เลยกลับไปสู่จุดแบบเดิมๆของไมเกรนก็คือ
00:26:39 → 00:26:42 ว่าพอปวดปุ๊บก็ไปกินยาแก้ปวดเพราะว่าเคย
00:26:42 → 00:26:44 เหมือนรักษาแล้วมันไม่ดีขึ้นจนกระทั่งแบบ
00:26:44 → 00:26:47 สะสมนานพอก็กลายเป็นแบบติดยาแก้ปวดไปอะไร
00:26:47 → 00:26:50 แบบนี้ก็อันนี้ก็จะเป็นยาแบบเก่าจะมีแบบ
00:26:50 → 00:26:53 อ่า 5 กลุ่มหลักๆล่ะค่ะเนาะกลุ่มที่ทุกคน
00:26:53 → 00:26:56 น่าจะเคยทานก็คือตัวฟูนาริซีนขยายหลอด
00:26:56 → 00:26:58 เลือดเทาแดงอันเนี้บอกว่าคนไมเกรนส่วน
00:26:58 → 00:27:01 ใหญ่ก็จะรู้จักอันนี้นะคะจริงๆมันอยู่ใน
00:27:01 → 00:27:04 กลุ่มยาป้องกันนะหลายคนน่ะจะได้มาในตอน
00:27:04 → 00:27:06 ที่แบบเอาไปกินตอนที่แบบปวดหัวปวดหัว
00:27:06 → 00:27:08 เวียนหัวอะไรเงี้ยเราคิดว่าเป็นยาแก้ปวด
00:27:08 → 00:27:11 อ่ะค่ะคือฤทธิ์เค้าเนี่ยก็ช่วยลดปวดได้
00:27:11 → 00:27:13 แหละแล้วก็ลดอาการเวียนหัวตอนปวดหัวได้
00:27:13 → 00:27:14 แต่ว่าถ้าเกิดเราสามารถแบบกินทุกวันเนี่ย
00:27:15 → 00:27:18 ก็จะเป็นตัวที่คุมอาการได้เหมือนกันส่วน
00:27:18 → 00:27:20 ยาความดันอะไรแบบนี้อันนี้ก็เราก็ขึ้น
00:27:20 → 00:27:23 อยู่กับคนไข้ถ้าเกิดแบบคนไข้มีความดันสูง
00:27:23 → 00:27:26 เราก็มักจะอยากจะเลือกใช้ยาเหล่านี้เพราะ
00:27:26 → 00:27:29 ว่าอ่าก็เหมือนได้ประโยชน์ 2 อย่างอ่ะค่ะ
00:27:29 → 00:27:31 ได้คุมทั้งไมเกรนไปด้วยแล้วก็คุมความดัน
00:27:31 → 00:27:33 คนไข้ไปด้วยหรืออย่างยาต้านเศร้าต่างๆยา
00:27:33 → 00:27:36 คายเครียดต่างๆเนี่ยถ้าใครมีปัญหาไมเกร
00:27:36 → 00:27:39 แล้วหลับนอนไม่หลับหรือว่าอารมณ์ก็เครียด
00:27:39 → 00:27:42 ด้วยมีปัญหาเรื่องแบบอ่าวิตกกังวลด้วยเรา
00:27:42 → 00:27:44 ก็จะเลือกใช้ยากลุ่มนี้ซึ่งก็ถือว่าได้ผล
00:27:45 → 00:27:47 ค่อนข้างดีเหมือนกันเลยเพราะฉะนั้นยากิน
00:27:47 → 00:27:49 ป้องกันไมเกรนแบบเก่าเนี่ยหมอว่ามันยังมี
00:27:49 → 00:27:52 ประโยชน์อยู่ยิ่งโดยเฉพาะคนที่มีปัญหา
00:27:52 → 00:27:54 หลายๆเรื่องนอกเหนือจากไมเกรนจะเห็นว่า
00:27:54 → 00:27:57 แบบอ่ะถ้าเรามีความดันเรามีอารมณ์ผิดปกติ
00:27:57 → 00:27:59 เรามีเวียนหัวเรามีอะไรอย่างเงี้ยการใช้
00:27:59 → 00:28:01 ยากลุ่มพวกเนี้ยก็ถือว่ายังค่อนข้างได้
00:28:01 → 00:28:03 ประโยชน์ข้อเสียอย่างเดียวเลยคือเรื่อง
00:28:03 → 00:28:06 ของผลข้างเคียงแล้วก็จะต้องเลือกใช้ให้
00:28:06 → 00:28:08 เหมาะสมกับแต่ละคนเพราะฉะนั้นยากลุ่มนี้
00:28:08 → 00:28:10 ก็คือจะต้องแบบปรึกษาคุณหมอนะคะคุณหมอ
00:28:10 → 00:28:12 เค้าก็จะเป็นคนพิจารณาเลือกให้ว่าเออเรา
00:28:12 → 00:28:15 แบบมีโรคประจำตัวอะไรหรือเปล่ามีข้อห้าม
00:28:15 → 00:28:16 ของการใช้ยาตัวไหนมั้เพื่อจะเลือกให้
00:28:16 → 00:28:19 อย่างปลอดภัยแล้วก็เหมาะสมนะคะมาสู่ตัว
00:28:19 → 00:28:22 อันที่ 2 ก็คือยาฉีดก็จะอยู่ในตรงกลุ่ม
00:28:22 → 00:28:26 นี้และยาฉีด CGRP ตรงนี้ยาฉีดตรงนี้นะ
00:28:26 → 00:28:30 ปัจจุบันมี 4 ตัว 4 ตัวอันแรกเลยมาเมือง
00:28:30 → 00:28:33 ไทยตัวแรกเลยก็คือ ERUMAP ต่อมาก็จะเป็น
00:28:33 → 00:28:38 Freมีซumapแล้วก็จะเป็นแกคาีซAPแล้วก็สุด
00:28:38 → 00:28:41 ท้ายที่เข้าไทยเมื่อธันวาคมปีที่แล้วก็
00:28:42 → 00:28:45 คือที่จะเป็นตัวยาเข้าหลอดเลือดดำตัวแรก
00:28:45 → 00:28:46 นะคะก็คือ
00:28:47 → 00:28:52 Ftinี
00:28:52 → 00:28:55 Zaptinี Zumap ก็มี 4 ตัวนะ 3 ตัวแบบ
00:28:55 → 00:29:00 ปากกา 1 ตัวแบบหลอดเลือดชื่อเค้าเห็นมยจะ
00:29:00 → 00:29:03 เป็นแมพๆแๆนะคะก็คือเป็นmonโนโลalanบอี้
00:29:03 → 00:29:06 ที่จะไปออกฤทธิ์กับ CGRP นี่ก็จะเป็นตัว
00:29:06 → 00:29:12 อย่างปากกาแล้วก็รูปยา 4 ตัวนี้อ่าจะมี
00:29:12 → 00:29:16 ถ้าแยกกันว่าอืมต่างกันยังไงอ่ะรูปแบบของ
00:29:16 → 00:29:20 การฉีดก่อน 3 ตัวแรกเป็นปากกาปากกาก็คือ
00:29:20 → 00:29:23 จะแบบฉีดทางหน้าท้องแบบแบบเนี้ยอ่าหน้าตา
00:29:23 → 00:29:25 ปากกาก็จะเป็นประมาณประมาณแบบเนี้ยค่ะ
00:29:25 → 00:29:28 เนาะเป็นประมาณแบบเนี้ยนะ
00:29:28 → 00:29:33 คะก็คือแบบเปิดมาก็จะเหมือนแบบเปิดฝาออก
00:29:33 → 00:29:35 มาก็จะเป็นแบบอย่างเหมือนซ่อนเข็มไว้ข้าง
00:29:35 → 00:29:38 ในวางทางหน้าท้องหรือหน้าขาหรือต้นแขน
00:29:38 → 00:29:40 อะไรอย่างเงี้ยแต่ว่าส่วนใหญ่ก็ฉีดทาง
00:29:40 → 00:29:42 หน้าท้องหรือหน้าขาหมาว่าก็จะเจ็บน้อย
00:29:42 → 00:29:45 กว่าเพราะว่าเนื้อก็จะเยอะหน่อยการฉีดก็
00:29:45 → 00:29:48 คือกดลงไปก็จะคล้ายๆกับแบบเอ่อยาฉีดเบา
00:29:48 → 00:29:52 หวานยาฉีดที่บางคนกระตุ้นไข่อะไรอย่าง
00:29:52 → 00:29:54 เงี้ยค่ะก็จะอยู่ในกลุ่มคล้ายๆกันรูปแบบ
00:29:54 → 00:29:57 ของปากกาก็คือเขาทำออกมาสำหรับให้เหมือน
00:29:57 → 00:30:00 แบบคนไข้ถ้าเป็นต่างประเทศนะคะก็คือคนไข้
00:30:00 → 00:30:04 นำไปฉีดเองได้นะหรือในไทยเองก็ตามที่บาง
00:30:04 → 00:30:07 ทีไม่ไม่สะดวกเดินทางมาในไปในที่เอ่อสถาน
00:30:07 → 00:30:09 พยาบาลคลินิกหรือโรงพยาบาลที่มียาฉีด
00:30:09 → 00:30:11 เงี้ยเราก็สามารถให้คนไข้ฉีดเองที่บ้าน
00:30:11 → 00:30:13 ได้เหมือนกันเพราะว่าออกแบบมาซะแบบค่อน
00:30:13 → 00:30:18 ข้างปลอดภัยฉีดง่าย 3 ตัวนี้ข้อดีข้อเสีย
00:30:18 → 00:30:20 แตกต่างกันยังไงเดี๋ยวเราเล่าให้ฟังอตัว
00:30:20 → 00:30:22 นึงก่อนอีกตัวนึงก็คือตัวที่แบบเหมือนตัว
00:30:22 → 00:30:25 เข้าใหม่เข้าใหม่เนี่ยก็จะเป็นตัวไม่ใช่
00:30:25 → 00:30:29 ปากกาละปากกาก็จะเป็นตัวเนี่ยค่ะคือตัวยา
00:30:29 → 00:30:33 เนี่ยก็จะเป็นเหมือนยาที่จะต้องเอาไปผสม
00:30:33 → 00:30:34 นะคะผสม
00:30:34 → 00:30:37 ในน้ำเกลืออีกทีนึงฉะนั้น 4 ตัวนี้อ่าถ้า
00:30:37 → 00:30:40 ถ้าแยกจากกันในรูปแบบของการฉีดก็ 3 ตัว
00:30:40 → 00:30:42 แรกเป็นปากกาคนไข้อาจจะฉีดเองได้แต่ว่า
00:30:42 → 00:30:44 บางทีก็ให้แพทย์ฉีดก็ดีกว่าแต่อีกแบบนึง
00:30:44 → 00:30:46 ก็คืออันนี้ฉีดเองไม่ได้ต้องเป็นแบบผสมใน
00:30:46 → 00:30:49 น้ำเกลือแล้วก็ให้ทางหลอดเลือดดำถามว่า 4
00:30:50 → 00:30:53 ตัวนี้คนไข้ชอบมาถามคำถามที่แบบเจอบ่อยๆ
00:30:53 → 00:30:56 เอ่อคำถามที่บเจอบ่อยๆสำหรับคนไข้ไมเกรน
00:30:56 → 00:30:59 เลยเมื่อไหร่จะต้องใช้ยาฉีดล่ะคะฉีดตัว
00:30:59 → 00:31:03 ไหนดีฉีดนานมั้ยหายเลยมั้ยถ้าหยุดฉีดจะ
00:31:03 → 00:31:06 กลับมาปวดมยฉีดยาแล้วไม่ดีขึ้นจะทำยังไง
00:31:06 → 00:31:09 อันเนี้จะเป็นอะไรที่แบบว่าแทบจะต้องตอบ
00:31:09 → 00:31:11 คำถามแทบทุกคนนะคะเพราะว่ามันก็เป็นยา
00:31:11 → 00:31:14 ใหม่ดังนั้นก็วันนี้ก็ถือโอกาสแบบมาเล่า
00:31:14 → 00:31:15 ให้ฟังกันเลยอันแรกก่อนเมื่อไหร่จะต้อง
00:31:15 → 00:31:19 ใช้กลุ่มพวกกลุ่มยาฉีดกลุ่มยาฉีดเนี่ยถือ
00:31:19 → 00:31:20 ว่าเป็นยาที่ไปออกฤทธิ์กับ CGRP เมื่อกี้
00:31:20 → 00:31:22 ที่เล่าให้ฟังเพราะฉะนั้นเนี่ย
00:31:22 → 00:31:25 ประสิทธิภาพของเขาถ้าเทียบกับยาแบบเก่ายา
00:31:25 → 00:31:28 กินแบบเก่าที่โชว์ให้ดูถือว่าประสิทธิภาพ
00:31:28 → 00:31:31 ค่อนข้างดีกว่าในการลดอาการปวดความถี่
00:31:31 → 00:31:34 ไมเกรนทั้งความถี่แล้วก็ความรุนแรงเพราะ
00:31:34 → 00:31:37 ฉะนั้นคนที่จะต้องฉีดยาคือใคร 1 ก็คือคน
00:31:37 → 00:31:39 ที่ต้องได้ยาป้องกันนั่นแหละค่ะคนที่ต้อง
00:31:39 → 00:31:41 ได้ยาป้องกันก็คือแบ่งออกเป็น 2 แบบแบบ
00:31:41 → 00:31:44 ปวดไม่บ่อยมากก็คือปวดประมาณเกิน 4 ครั้ง
00:31:44 → 00:31:46 ต่อเดือนแต่อาจจะยังไม่เกินประมาณสซัก
00:31:46 → 00:31:49 10-15 ครั้งกับปวดเรื้อรังก็คือปวดเกิน
00:31:49 → 00:31:52 15 ครั้งต่อเดือนกลุ่มเนี้ยต้องได้ยา
00:31:52 → 00:31:56 ป้องกันถ้าคำว่าได้ยาป้องกันก็คือแสดงว่า
00:31:56 → 00:31:59 ฉีดยาได้หมดทุกคนเลยนะในกลุ่มเนี้ยแบบที่
00:31:59 → 00:32:01 ปวดเกิน 4 ครั้งต่อเดือนขึ้นไปแล้วถ้าจะ
00:32:01 → 00:32:04 ใช้ยาฉีดในการป้องกันไมเกรนสามารถใช้ได้
00:32:04 → 00:32:07 เพียงแต่ว่าคนที่เขาปวดน้อยๆเนี่ยบางที
00:32:07 → 00:32:10 แบบด้วยเอ่อยาฉีดเนี่ยราคามันยังค่อนข้าง
00:32:10 → 00:32:13 สูงถามว่าคุ้มกันมยก็ต้องดูกันอีกทีนึง
00:32:13 → 00:32:15 บางทีกลุ่มเนี้ยใช้ยากินเนี่ยบางทีก็เอา
00:32:15 → 00:32:18 อยู่และลดความถี่ลงได้ก็อาจจะไม่ได้
00:32:18 → 00:32:20 จำเป็นจะต้องสเต็ปไปใช้หญ้าฉีดแต่ถ้าคน
00:32:20 → 00:32:22 ที่เป็นไมเกรนเรื้อรังไปแล้วเนี่ยเอ่อ
00:32:22 → 00:32:26 ส่วนใหญ่ถ้าแนะนำเนี่ยคือมักจะต้องเริ่ม
00:32:26 → 00:32:30 ต้นด้วยกลุ่มยาฉีดเพราะว่ากว่าเราจะเอาคน
00:32:30 → 00:32:34 ความถี่ของคนไข้ไมเกนลดลงได้อ่ะปกติเวลา
00:32:34 → 00:32:36 เราฉีดไปนะถ้าเราปวดหัวอยู่สมมุติ 20 วัน
00:32:36 → 00:32:39 หรือ 30 วันไม่ใช่ฉีดวันนี้พรุ่งนี้เหลือ
00:32:39 → 00:32:43 0 ไม่มีนะคะยายังไม่ได้แบบขนาดนั้นส่วน
00:32:43 → 00:32:45 ใหญ่เราเน้นที่การลดความถี่ลงก่อนเอาให้
00:32:45 → 00:32:49 ได้แบบสัก 50-70% ก่อนเช่นตั้งต้นปวด 20
00:32:49 → 00:32:51 วันฉีดไปเดือนหน้าเหลือไม่เกิน 10 วัน
00:32:51 → 00:32:54 อย่างเงี้ยถือว่าแนวโน้มดีและนะคะแต่ก็มี
00:32:54 → 00:32:56 บางคนจริงๆที่ตอบสนองดีมากๆแล้วแบบฉีดไป
00:32:56 → 00:32:59 แบบ 20 วันแล้วเหลือแบบ 2 วัน 3 วันเลยก็
00:32:59 → 00:33:02 มีแต่ว่าก็แล้วแต่คนอีกนะคะเพราะว่าตัว
00:33:02 → 00:33:04 กระตุ้นของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกันปัจจัย
00:33:04 → 00:33:06 เรื่องของการติดยาแก้ปวดก็จะเป็นอีก
00:33:06 → 00:33:09 ปัจจัยนึงที่จะทำให้เอ่อดูว่าเราจะตอบ
00:33:09 → 00:33:11 สนองดีกับยาฉีดมากน้อยแค่ไหนฉะนั้นเมื่อ
00:33:11 → 00:33:13 ไหร่ที่จะต้องฉีดยาก็คือคนที่ต้องได้ยา
00:33:13 → 00:33:15 ป้องกันนั่นแหละค่ะก็คือคนที่ฉีดยาได้
00:33:15 → 00:33:17 เพียงแต่ว่าเราจะเริ่มยาฉีดเป็นตัวแรกเลย
00:33:18 → 00:33:20 หรือเราจะลองไปยากินก่อนอันนี้ก็อาจจะดู
00:33:20 → 00:33:24 ที่ความรุนแรงความถี่แล้วก็ดูว่ามีการติด
00:33:24 → 00:33:26 ภาวะเอ่อภาวะติดยาแก้ปวดร่วมด้วยหรือไม่
00:33:26 → 00:33:29 ถ้าแนวโน้มไปในทางที่ปวดเรื้อรังปวดแบบ
00:33:29 → 00:33:32 เกิน 10-15 ครั้งต่อเดือนปวดแล้วมีภาวะ
00:33:32 → 00:33:34 ติดยาแก้ปวดร่วมด้วยอันนี้ก็จะเป็นแนว
00:33:34 → 00:33:37 โน้มการฉีดยาก็จะมีประโยชน์มากกว่าเพราะ
00:33:37 → 00:33:39 ว่าเอ่ออย่างถ้าแบบอย่างในต่างประเทศ
00:33:39 → 00:33:42 อย่างเงี้ยค่ะสมมุติว่าเมื่อก่อนเนี่ยตอน
00:33:42 → 00:33:44 สมัยที่แบบ 4-5 ปีที่แล้วเนี่ยเขาอาจจะ
00:33:44 → 00:33:47 ยังแบบแนะนำว่าโอเคคนไข้กินยาอย่างน้อย
00:33:47 → 00:33:50 2-3 ตัวขึ้นไปแล้วไม่ได้ผลอ่ะค่อย
00:33:50 → 00:33:52 เปลี่ยนมาเป็นกลุ่มยาฉีดแต่ปัจจุบัน
00:33:52 → 00:33:54 คอนเซปตการรักษาไมเกรนก็คือเปลี่ยนไปยิ่ง
00:33:54 → 00:33:58 เราแบบยิ่งเรากดไมเกรนลดความถี่ลงได้เร็ว
00:33:58 → 00:34:00 เท่าไหร่แสดงว่าสมองของเราอ่ะหยุดขบวนการ
00:34:00 → 00:34:02 กันการอักเสบได้เร็วมากเท่านั้นนะคะเพราะ
00:34:02 → 00:34:04 ฉะนั้นเราอยากได้ยาที่มีประสิทธิภาพสูง
00:34:04 → 00:34:07 สุดก่อนในการแบบลดความถี่ลดความรุนแรงลง
00:34:07 → 00:34:09 อย่างรวดเร็วเลยเพราะแบบสมมุติว่าคนไข้
00:34:09 → 00:34:12 ปวด 20 วันอย่างเงี้ยเราฉีดยาปุ๊บลดลงเลย
00:34:12 → 00:34:14 แต่ถ้าเกิดสมมุติว่าเราปรับยากินน่ะค่ะยา
00:34:14 → 00:34:17 กินน่ะมันต้องค่อยๆปรับมันไม่ได้สามารถ
00:34:17 → 00:34:19 แบบปรับตู้มเดียวได้เพราะว่าเรื่องผลข้าง
00:34:19 → 00:34:22 เคียงอย่างสมมุติว่าหมอจะให้ยาโทพิราเมด
00:34:22 → 00:34:25 เนี่ยจะต้องค่อยๆให้จาก 25 มลกรัเป็น 50
00:34:25 → 00:34:28 เป็น 75 อะไรเงี้ยซึ่งส่วนใหญ่พอเกิน 50
00:34:28 → 00:34:30 บางทีก็ทนผลข้างเคียงไม่ไหวละพอพอเราค่อย
00:34:30 → 00:34:33 ๆปรับแบบนั้นน่ะเราเหมือนตามไมเกรนไม่ทัน
00:34:33 → 00:34:36 น่ะค่ะไมเกรนนำไปก่อนะอ่ะยาก็ค่อยๆไต่มา
00:34:36 → 00:34:39 อย่างเงี้ยค่ะมันก็เลยทำให้เหมือนแบบการ
00:34:39 → 00:34:42 รักษาดูอาจจะไม่ค่อยได้มีประสิทธิภาพเท่า
00:34:42 → 00:34:44 ที่ควรแต่ถ้าคนที่เป็นน้อยๆอันเนี้ยไม่
00:34:44 → 00:34:46 เป็นปัญหาเลยงั้นก็โอเคใครที่ต้องฉีดยาก็
00:34:47 → 00:34:49 คือคนที่ต้องกินยาป้องกันหรือว่าได้ยา
00:34:49 → 00:34:52 ป้องกันนี่แหละค่ะอันที่ 2 ฉีดตัวไหนดี
00:34:52 → 00:34:57 ฉีดตัวไหนดีเนี่ยก็มันมี 4 ตัวถามว่าจาก
00:34:57 → 00:35:00 งานวิจัยจริงๆทั้ง 4 ตัวเนี่ย
00:35:00 → 00:35:03 ไม่มีใครเขาเทียบกันนะว่าตัวที่ 1 ดีกว่า
00:35:03 → 00:35:06 ตัวที่ 2 ดีกว่า 3 1 ดีกว่า 3 ไม่มีงาน
00:35:06 → 00:35:09 วิจัยที่เอามาเทียบกันตรงๆขนาดนั้นส่วน
00:35:09 → 00:35:13 ใหญ่ก็จะทำของตัวเองว่าเอ่อฉีดตัวนี้
00:35:13 → 00:35:15 เทียบกับคนที่ไม่ฉีดยาลดไมเกรนลงได้กี่
00:35:15 → 00:35:18 เปอร์เซ็นต์ของแต่ละตัวกันไปก็ต้องบอกว่า
00:35:18 → 00:35:22 หมอว่านะในข้อมูลของยาค่ะด้วยตัวข้อมูล
00:35:22 → 00:35:24 ของยาทั้ง 4 ตัวเราไม่สามารถเอา
00:35:24 → 00:35:26 เปอร์เซ็นต์มาวัดกันได้เพราะว่าการเก็บ
00:35:26 → 00:35:30 งานวิจัยแต่ละรอบเนี่ยมันก็มีข้อจำกัดของ
00:35:30 → 00:35:33 คนไข้ของการควบคุมปัจจัยอะไรบางอย่าง
00:35:33 → 00:35:34 เพราะฉะนั้นเราจะดูเทียบกับคนที่ไม่ได้
00:35:34 → 00:35:36 ฉีดยามากกว่าทั้ง 4 ตัวจริงๆเนี่ย
00:35:36 → 00:35:39 ประสิทธิภาพถือว่าไม่ได้แตกต่างกันอย่าง
00:35:39 → 00:35:43 แบบมีอะไรที่แบบโดดเด่นกว่าอะไรแต่จะมี
00:35:43 → 00:35:46 แบบข้อแตกต่างเล็กๆน้อยๆมากกว่าคือทั้ง 4
00:35:46 → 00:35:49 ตัวใช้รักษาไมเกรนได้แหละแล้วก็
00:35:49 → 00:35:51 ประสิทธิภาพดีแล้วก็ลดความถี่แล้วก็ความ
00:35:52 → 00:35:55 รุนแรงไมเกรนลงอ่ะได้เยอะแต่ก็จะมีบาง
00:35:55 → 00:35:58 อย่างเช่นอ่าตัวนี้อาจจะท้องผูกหน่อยตัว
00:35:58 → 00:36:01 นี้เจ็บเจ็บกว่าหน่อยตัวนี้อย่างยาตัวดิบ
00:36:01 → 00:36:04 เข้าหลอดเลือดดำแบบเนี้ยสะดวกดีเพราะฉีด 3
00:36:04 → 00:36:06 เดือนครั้งถ้าเป็นปากกาก็จะฉีดเดือนละ
00:36:06 → 00:36:09 ครั้งหรือโอเคมันมีปากกาบางตัวที่ฉีด 3
00:36:09 → 00:36:14 เดือนครั้งได้แต่คนไข้มักไม่นิยมเพราะ
00:36:14 → 00:36:17 เหมือนโดนโดนโดน 3 ทีในครั้งเดียวค่ะมัน
00:36:17 → 00:36:20 ก็จะเจ็บมากอะไรแบบนี้ก็จะไม่ค่อยนิยมแต่
00:36:20 → 00:36:22 ปัจจุบันถ้าเกิดสมมุติว่าคนที่แบบเดินไม่
00:36:22 → 00:36:25 สะดวกเดินทางมาเราก็อาจจะ shift ไปใช้ตัว
00:36:25 → 00:36:27 ที่เข้าหลอดเลือดดำไปเลยเพื่อที่จะได้แบบ
00:36:27 → 00:36:30 นานๆทีฉีดทีหรืออย่างบางตัวก็จะมีข้อมูล
00:36:30 → 00:36:34 ในคนไข้ปวดคลาสเตอร์ด้วยบางตัวจะรักษา
00:36:34 → 00:36:37 อาการไมเกรนเวียนหัวได้ดูจะดีกว่าตัวอื่น
00:36:37 → 00:36:41 หรือบางตัวใช้รักษาอาการซึมเศร้าในไมเกรน
00:36:41 → 00:36:44 ดูแบบมีข้อมูลที่เด่นกว่าตัวอื่นอะไรแบบ
00:36:44 → 00:36:47 นี้เพราะฉะนั้นเนี่ยจริงๆก็เหมือนเรารู้
00:36:47 → 00:36:49 ไว้คร่าวๆมากกว่าว่ายาทั้งหมดปัจจุบัน
00:36:49 → 00:36:52 เนี่ยมันมี 4 ตัวแล้วนะส่วนใครจะเหมาะกับ
00:36:52 → 00:36:56 อะไรคุณหมอเขาน่าจะคุยแล้วก็เลือกให้
00:36:56 → 00:36:59 เหมาะสมกับแต่ละคนโดยส่วนตัวหมอเองเนี่ย
00:36:59 → 00:37:02 หมอก็จะดูที่คนไข้เป็นหลักนะว่าโอเคเป็น
00:37:02 → 00:37:04 ยังไงแบบมีโรคประจำตัวอะไรบ้างปวดถี่แค่
00:37:04 → 00:37:08 ไหนแล้วก็มีข้อห้ามของการใช้ยาบางอย่าง
00:37:08 → 00:37:09 มั้ยเช่นแบบเป็นโรคท้องผูกเรื้อรังอยู่
00:37:09 → 00:37:11 แล้วหรือเปล่าอะไรแบบเนี้ยค่ะก็จะมีมา
00:37:11 → 00:37:13 เป็นส่วนประกอบในการตัดสินใจเลือกให้คน
00:37:13 → 00:37:16 ไข้แล้วถามว่าแบบอ้าแล้วถ้าเลือกตัวนี้ไป
00:37:16 → 00:37:18 แล้วแล้วเกิดมันไม่เวิร์คล่ะคะอะไรอย่าง
00:37:18 → 00:37:21 เงี้ยเอ่อไม่เป็นไรนะคะจริงๆเราแบบสามารถ
00:37:21 → 00:37:25 เลือกการใช้ยาตัวใดตัวนึงเนี่ยก่อนได้
00:37:25 → 00:37:28 แล้วเราก็จะวัดผลการตอบสนองหลังฉีดอีกที
00:37:28 → 00:37:31 นึงส่วนใหญ่ถ้าเกิดตอบสนองดีก็คือลดความ
00:37:31 → 00:37:33 ปวดลดลงของหมอถ้าในงานวิจัยเขาก็จะเอา
00:37:33 → 00:37:36 ประมาณสักแบบ 50% 70% แต่บอกว่าโดยส่วน
00:37:36 → 00:37:38 ตัวที่หมอฉีดมาบอกว่าถ้าเราเลือกกลุ่มยา
00:37:38 → 00:37:41 ฉีดเรานะส่วนใหญ่มันต้องลงไปเกินกว่านั้น
00:37:41 → 00:37:44 น่ะต้องแบบ 80 90% น่ะค่ะแล้วก็ลองวัดผล
00:37:44 → 00:37:46 กันฉีดไป 3 เดือนวัดผลอีกทีนึงถ้าไม่ได้
00:37:46 → 00:37:50 ผลตามนั้นเราสามารถสวิตช์ไปใช้ตัวอื่นได้
00:37:50 → 00:37:52 ก็อาจจะมีโอกาสเพิ่มประสิทธิภาพกันมาก
00:37:52 → 00:37:55 ขึ้นถามว่าทำไมสวิตช์แล้วถึงช่วยเพราะว่า
00:37:55 → 00:37:58 เอ่อยา 4 ตัวเนี่ยจริงจริงไปออกลิสที่
00:37:58 → 00:38:00 CGRP เหมือนกัน
00:38:00 → 00:38:04 แต่มันแตกต่างกันนิดหน่อยอย่างอ่าเมื่อ
00:38:04 → 00:38:07 กี้ที่หมอวาดรูปให้ดูก็จะเป็นเอ่อตรงนี้
00:38:07 → 00:38:11 เป็นปลายประสาทเดี๋นะโอเคตรงนี้นะเป็น
00:38:11 → 00:38:14 ปลายประสาทอันนี้คือสาร CGRP ที่ถูกหลั่ง
00:38:14 → 00:38:16 ออกมานะ
00:38:16 → 00:38:18 คะอันนี้คือ
00:38:18 → 00:38:21 CGRP แล้วเวลา CGRP เนี่ยจะไปออกฤทธิ์
00:38:21 → 00:38:24 ได้เนี่ยมันก็จะต้องมีตัวรับนะคะตัวรับ
00:38:24 → 00:38:27 อันนี้คือตัวรับนะคะตัว
00:38:27 → 00:38:30 ครับนะคะก็จะเป็นอย่างเงี้ยออกฤทธิ์ที่
00:38:30 → 00:38:32 แบบปลายประสาทออกฤทธิ์ที่ผนังหลอดเลือด
00:38:32 → 00:38:34 อะไรก็แล้วแต่สารสื่อประสาททุกตัวในสมอง
00:38:34 → 00:38:37 ของเราอ่ะค่ะมันไม่ได้เป็นสารโดดๆอ่ะเป็น
00:38:37 → 00:38:39 สารเสร็จแล้วต้องมีตัวรับแล้วแปรผลส่ง
00:38:39 → 00:38:41 สัญญาณต่อนะคะเพราะทุกอันจะมีสารแล้วก็มี
00:38:41 → 00:38:44 ตัวรับความแตกต่างของยา 4 ตัวนี้ก็จะมี
00:38:44 → 00:38:47 อยู่ก็คือถ้าเกิดสมมุติว่าเป็นยาฉีดตัว
00:38:47 → 00:38:51 แรกสุดเลยนะตัวแรกอีูapเลยapจับตรงนี้
00:38:51 → 00:38:54 ค่ะapจับที่ตัว
00:38:54 → 00:38:59 รับในขณะขณะที่ 3 ตัวที่ตามมาภายหลังจับ
00:38:59 → 00:39:03 ที่ตัวสาร CGRP โดยตรงก็คือตัว
00:39:03 → 00:39:06 Freemanomap แล้วก็ตัว
00:39:06 → 00:39:12 แกคomapแล้วก็รวมไปถึงตัวยาฉีดเข้าหลอด
00:39:12 → 00:39:14 เลือดดำก็คือตัว
00:39:14 → 00:39:16 FtinumAP
00:39:16 → 00:39:22 โอเคจะเห็นว่าตำแหน่งสุดท้าย final สาร
00:39:22 → 00:39:25 CGP ลดลงเหมือนกันแต่ตำแหน่งของการจับ
00:39:25 → 00:39:27 มันมีความแตกต่างกันอยู่เล็กน้อยเพราะ
00:39:27 → 00:39:29 ฉะนั้นเนี่ยบางทีเราฉีดตัวนี้ไปไม่เวิร์ค
00:39:29 → 00:39:32 อ่ะเราลองสวิตช์ไปตัวนี้ฉีดตัวนี้ไม่
00:39:32 → 00:39:34 เวิร์คสวิตช์มาตัวนี้อะไรอย่างเงี้ยก็อาจ
00:39:34 → 00:39:36 จะมีโอกาสในการเพิ่มประสิทธิภาพในการออก
00:39:36 → 00:39:39 ฤทธิ์ยามากขึ้นเพราะว่าเราก็ไม่รู้ว่าใน
00:39:39 → 00:39:42 สมองของแต่ละคนเนี่ยเขาจะมีแบบอสาสารเยอะ
00:39:43 → 00:39:45 มากหน่อยหรือว่าการออกฤทธิ์ของกับยาแต่ละ
00:39:45 → 00:39:47 ตัวเนี่ยจะแตกต่างกันยังไงฉะนั้นก็โอเค
00:39:47 → 00:39:50 ถ้าเกิดฉีดตัวนึงไปแล้วไม่ได้ผลสามารถแบบ
00:39:50 → 00:39:52 เปลี่ยนเป็นการฉีดตัวอื่นได้นะคะบางคนแบบ
00:39:52 → 00:39:55 ท้อไปเลยแบบที่เคยเจอคือบางทีแบบว่าอุ๊ย
00:39:55 → 00:39:57 คิดแล้วว่าแบบโอโหแบบเป็นรักษาไมเกนฉี่ไป
00:39:57 → 00:39:59 1 เดือนแล้วแบบอ้าวมันไม่ได้ผลอย่าง
00:39:59 → 00:40:01 เงี้ยซึ่งจริงๆ 1 เดือนมันอาจจะยังไม่ได้
00:40:01 → 00:40:03 ออกฤทธิ์ได้ขนาดนั้นนะคะแล้วก็หยุดการ
00:40:03 → 00:40:06 รักษาไปกลับไปสู่การกินยาแก้ปวดใหม่อะไร
00:40:06 → 00:40:08 อย่างเงี้ยก็อยากให้ดูแบบอ่าจริงๆแล้ว
00:40:08 → 00:40:11 เนี่ยเราสามารถเปลี่ยนตัวได้นะคะแล้วก็มี
00:40:11 → 00:40:13 ต้องฉีดระยะเวลาที่นานพอถึงจะแบบเราถึงจะ
00:40:13 → 00:40:15 แปรผลได้ว่าคนไข้อ่ะตอบสนองหรือไม่ตอบ
00:40:16 → 00:40:19 สนองกับตัวใดตัวนึงแล้วก็เอ่อคำถามที่เจอ
00:40:19 → 00:40:21 บ่อยอีกก็คือเรื่องของแบบว่าฉีดแล้วหาย
00:40:21 → 00:40:24 เลยมยหรือว่าแบบถ้าหยุดฉีดไปจะกลับมาเป็น
00:40:24 → 00:40:26 มนะคะอันนี้นะคะก็คือตอบรวมๆจริงๆอ่ะหลัก
00:40:26 → 00:40:29 การรักษาไมเกรนคือเราทำให้สมองของเราที่
00:40:29 → 00:40:32 มันไวต่อตัวกระตุ้นมากๆเนี่ยลดความไวลง
00:40:32 → 00:40:34 เพราะฉะนั้นเนี่ยเรารักษาไมเกรนให้ไม่ปวด
00:40:35 → 00:40:39 หัวเรารักษาไมเกรนให้สงบได้แต่เราไม่
00:40:39 → 00:40:42 สามารถไปเปลี่ยนความไวของสมองต่อตัว
00:40:42 → 00:40:44 กระตุ้นนั้นๆในคนไข้ไมเกรนได้เพราะว่า
00:40:44 → 00:40:47 อันเนี้ยมันเป็นเรื่องของเจนติกพันธุกรรม
00:40:47 → 00:40:50 บางอย่างหรือว่าเรื่องของตัวเอ่อการทำงาน
00:40:51 → 00:40:53 ในระบบประสาทของคนนั้นที่มันไวมากกว่า
00:40:53 → 00:40:55 ปกติเช่นเปรียบให้เห็นง่ายๆเหมือนคนไข้
00:40:55 → 00:40:57 ที่เป็นโรคภูมิแพ้อะไรแบบเนี้ยสมมุติว่า
00:40:57 → 00:41:01 คนไข้แพ้ฝุ่นไรฝุ่นน่ะเราคงแบบคนไข้แบบ
00:41:01 → 00:41:04 แพ้ไรฝุ่นมากจนแบบอน้ำมูกไหลตลอดเวลาหรือ
00:41:04 → 00:41:07 อะไรแบบเนี้ยคุณหมอเขาก็จะให้ยาแก้แพ้พ่น
00:41:07 → 00:41:11 ยากำจัดไรฝนเงี้ยจนคนไข้ไม่มีอาการภูมิ
00:41:11 → 00:41:14 แพ้ได้แต่ถ้าวันนึงอ่ะแล้วคนไข้แบบหาย
00:41:14 → 00:41:16 สนิทไปแล้วแล้วแต่ว่าไปเจอตัวกระตุ้นใหม่
00:41:16 → 00:41:18 ๆเข้าอ่ะจะไปเจอไรฝุ่นแบบโหดมเข้าไปเลย
00:41:18 → 00:41:20 อ่ะมันก็ยังมีโอกาสที่แบบจะมีน้ำมูกอะไร
00:41:20 → 00:41:22 เงี้ยได้อยู่คอนเซปตจะคล้ายๆกันคือคนไข้
00:41:22 → 00:41:25 ไมเกรนเนี่ยความไวของสมองภาวะที่เขาไวต่อ
00:41:25 → 00:41:28 ตัวกระตุ้นเนี่ยมันเป็นภาวะที่คนๆนั้น
00:41:28 → 00:41:31 เนี่ยไวกว่าคนปกติอยู่แล้วแต่ถ้าแค่แบบ
00:41:31 → 00:41:34 ว่ามันบางครั้งมันจะอยู่ในจุดที่ไวมากอ่ะ
00:41:34 → 00:41:38 ไวแบบไม่มีเหตุผลเอ่อเจออะไรนิดนึงก็คือ
00:41:38 → 00:41:40 ไวไปหมดแล้วอ่ะอันนั้นน่ะใช้ชีวิตไม่ได้
00:41:40 → 00:41:44 ปวดหัวทุกวันซึมเศร้าเครียดแบบมีปัญหา
00:41:44 → 00:41:45 เรื่องงานหรือที่ทำงานอย่างเงี้ยแน่นอนนะ
00:41:45 → 00:41:47 คะเพราะฉะนั้นเรารักษาเนี่ยคือเรารักษา
00:41:47 → 00:41:50 ให้คนไข้กลับไปใช้ชีวิตได้ปกติอย่างมี
00:41:50 → 00:41:54 ความสุขคุณภาพชีวิตดีขึ้นแล้วไม่ปวดหัว
00:41:54 → 00:41:57 เท่าที่คุมได้นานที่สุดเพราะฉะนั้นเนี่ย
00:41:57 → 00:42:01 ยิ่งคุมได้นานเท่าไหร่ให้เราห่างหายจาก
00:42:01 → 00:42:03 อาการถูกกระตุ้นแล้วอาการปวดหัวได้นาน
00:42:03 → 00:42:06 เท่าไหร่โอกาสที่จะกลับมาถูกกระตุ้นเนี่ย
00:42:06 → 00:42:08 ก็ยิ่งยากขึ้นเท่านั้นเดี๋ยวนี้นะคะเขาก็
00:42:08 → 00:42:10 เลยแนะนำแล้วว่าถ้าเกิดสมมุติว่าอย่างใช้
00:42:10 → 00:42:14 กลุ่มยาฉีดเนี่ยถามว่าต้องฉีดนานแค่ไหน
00:42:14 → 00:42:17 ไม่มีตัวเลขไตตัวสำหรับแต่ละคนแต่ฉีดจน
00:42:17 → 00:42:19 กว่าจะคุมอาการคนไข้ได้นานที่สุดเท่าที่
00:42:19 → 00:42:22 เราจะทำได้นะคะถ้าตัดปัญหาหาเรื่องเอ่อ
00:42:22 → 00:42:24 ค่าใช้จ่ายอะไรออกไปก่อนนะอย่างถ้าเป็น
00:42:24 → 00:42:27 กลุ่มที่ปวดไม่ได้ปวดเรื้อรังมากก็แนะนำ
00:42:27 → 00:42:29 ว่าอ่ะอย่างน้อยสัก 12 เดือนเลยละกันน่า
00:42:29 → 00:42:32 จะเป็นระยะที่นานพอที่คนไข้จะไม่กลับมา
00:42:32 → 00:42:34 ถูกกระตุ้นใหม่ละแต่ถ้าเป็นกลุ่มคนไข้
00:42:34 → 00:42:36 เรื้อรังบางทีอาจจะต้องนานไปจนถึง 18
00:42:36 → 00:42:38 เดือนเลยก็มีแต่โดยส่วนตัวเนี่ยส่วนใหญ่
00:42:38 → 00:42:41 หมอก็จะประเมินทุก 3 เดือนน่ะค่ะก็คือถ้า
00:42:41 → 00:42:43 เกิดคนไข้ตั้งต้นปวดกี่ครั้งเนี่ยแล้วเรา
00:42:43 → 00:42:44 ก็ฉีดยา 3 เดือนแล้วเราก็ประเมินถ้าเกิด
00:42:45 → 00:42:47 คนไข้ไม่ปวดหัวเลยเราอาจจะมีโอกาสที่แบบ
00:42:47 → 00:42:50 เราอาจจะสวิตช์ไปใช้กลุ่มยากินหรือว่าใช้
00:42:50 → 00:42:53 ยาอย่างอื่นที่มันแบบไม่อ่าให้มันเหมาะสม
00:42:53 → 00:42:55 กับคนไข้มากขึ้นแต่ถ้าเกิดแบบเอ่อเป็น
00:42:55 → 00:42:57 เยอะมากๆจริงๆอย่างเงี้ยอย่างน้อยก็ต้อง
00:42:57 → 00:42:59 แบบ 6 เดือนแล้วก็ต้องดูอาการอีกทีนึงว่า
00:42:59 → 00:43:01 ณตอนนั้นเนี่ยโรคเขาสงบแล้วหรือยังเพราะ
00:43:01 → 00:43:05 ฉะนั้นคำว่าฉีดนานแค่ไหนแล้วแต่อาการตั้ง
00:43:05 → 00:43:07 ต้นของแต่ละคนเลยแล้วก็คุมให้ได้นานที่
00:43:07 → 00:43:10 สุดเท่าที่เราจะทำได้อย่างน้อยๆก็คือ
00:43:10 → 00:43:12 ประมาณสัก 6 เดือนส่วนที่แบบว่าหยุดฉีด
00:43:12 → 00:43:16 แล้วจะกลับมาปวดมยอันเนี้ยก็คือพอเราก็จะ
00:43:16 → 00:43:18 เป็นคอนเซปตเมื่อกี้ก็คือพอเราคุมอาการคน
00:43:18 → 00:43:21 ไข้ไมเกรนให้สงบแล้วอ่ะตอนที่อยู่ตรงสงบ
00:43:21 → 00:43:23 แล้วอ่ะก็ถ้าคนไข้ไม่มีตัวกระตุ้นอะไร
00:43:23 → 00:43:25 เข้ามาค่ะโอกาสที่มันจะถูกกระตุ้นแล้วปวด
00:43:25 → 00:43:28 หัวใหม่เนี่ยมันก็ค่อนข้างยากแต่ในทาง
00:43:28 → 00:43:31 กลับกันถ้าสมมุติว่าคนไข้แบบยังมีปัจจัย
00:43:31 → 00:43:33 ที่มากระตุ้นได้ตลอดเวลาเช่นสมมุติว่าก
00:43:33 → 00:43:36 ตัวกระตุ้นของเขาเป็นเรื่องของอ่าอดนอน
00:43:37 → 00:43:39 ความเครียดแล้วะกันสมมุติรักษาหายละโรค
00:43:39 → 00:43:42 วิตกกังวลซึมเศร้าหายละพอหยุดฉีดไปสักปี 2
00:43:42 → 00:43:46 ปีเจอภาวะแบบเครียดรุนแรงมากสตสมีอะไรมา
00:43:46 → 00:43:49 กระตุ้นบางอย่างถามว่ายังมีโอกาสกลับมา
00:43:49 → 00:43:53 ปวดหัวได้ไหมได้แต่ใครที่เคยแบบหายปวดหัว
00:43:53 → 00:43:55 จากไมเกนไปแล้วเท่าที่หมอสังเกตนะคะคนไข้
00:43:55 → 00:43:57 อย่างสมมุติปวดแบบ 10-20 วันไปแล้วอ่ะ
00:43:57 → 00:44:00 แล้วเาหายปวดจนเป็นแบบแทบจะใช้ชีวิตได้
00:44:00 → 00:44:03 ปกติไปแล้วอ่ะพอเวลามันกลับมาปวดเนี่ยไม่
00:44:03 → 00:44:05 ต้องรอให้ปวด 10 กว่าครั้งอ่ะค่ะคนไข้
00:44:05 → 00:44:07 อยู่ไม่ได้ละเพราะว่าเคยแบบกลับไปใช้
00:44:07 → 00:44:09 ชีวิตได้ปกติละเพราะฉะนั้นปวดไมเกรนกลับ
00:44:09 → 00:44:11 มาแค่ไม่กี่ครั้งอ่ะปวดครั้งนึง 2 ครั้ง
00:44:11 → 00:44:13 เขาจะเริ่มรู้แล้วว่าต้องมีอะไรผิดปกติ
00:44:13 → 00:44:15 แล้วล่ะมีช่วงนี้เครียดเกินไปหรือเปล่า
00:44:15 → 00:44:17 หรือว่าไปเจอตัวกระตุ้นหรืออะไรสักอย่าง
00:44:17 → 00:44:20 อ่ะค่ะแล้วถ้าเรารักษากลับมารักษาได้เร็ว
00:44:20 → 00:44:23 อ่ะค่ะโอกาสที่มันจะหายมันก็ง่ายกว่าแล้ว
00:44:23 → 00:44:25 ก็ไม่ต้องไปใช้ยาได้นานๆเหมือนกับครั้ง
00:44:25 → 00:44:29 แรกนะคะเพราะฉะนั้นเนี่ยยังไงอ่ะรักษาตอน
00:44:29 → 00:44:31 อ่ารักษาก็ดีกว่าไม่รักษาค่ะยังไงตอนที่
00:44:31 → 00:44:33 เรารักษาไปแล้วอ่ะมันจะไม่กลับไปสู่จุด
00:44:33 → 00:44:36 เดิมอย่างแน่นอนแต่ก็ต้องแบบดูแลตัวเอง
00:44:36 → 00:44:40 ด้วยนะคะแบบว่าเอ่อถ้าแบบเอาหายแล้วก็
00:44:40 → 00:44:45 กลับไปดื่มแอลกอฮอล์อดนอนเอ่อสูบบุหรี่
00:44:45 → 00:44:47 หรือว่าไปเจอปัจจัยตัวกระตุ้นแบบความ
00:44:47 → 00:44:49 เครียดอะไรเยอะๆอย่างเงี้ยโอกาสมันก็จะ
00:44:49 → 00:44:52 กลับมาได้ง่ายกว่าเมื่อกี้ก็จะมียากินแบบ
00:44:52 → 00:44:56 เก่าใช่ไหมคะมียากินแบบเก่ามียาฉีด 4 ตัว
00:44:56 → 00:44:59 อ่ะตัวใหม่ล่าสุดที่ว่าเพิ่งเข้ามา
00:44:59 → 00:45:03 พฤษภาคมปีเนี้ยอยู่ตรงไหนจริงๆตัวเคเวอร์
00:45:03 → 00:45:06 ก็คือถือว่าอยู่ในกลุ่มยากินป้องกันแต่ไป
00:45:06 → 00:45:09 ออกฤทธิ์แบบเหมือนกลุ่มยาฉี่ CGRP แล้ว
00:45:09 → 00:45:12 ตัวเขาเองอ่ะก็ยังเป็นตัวแก้ปวดไปด้วย
00:45:12 → 00:45:15 เพราะฉะนั้นอันเนี้ยก็เลยจะเหมือนเป็นยา
00:45:15 → 00:45:18 ตัวแรกเลยที่เป็นยาทั้งแก้ปวดแล้วก็เป็น
00:45:18 → 00:45:21 ทางป้องกันถ้าเกิดเมื่อก่อนเนี่ยเวลาหมอ
00:45:21 → 00:45:25 แล้วคนไข้มาหมอจะอธิบายคนไข้เสมอว่าเอ่อ
00:45:25 → 00:45:27 เวลาเรารักษาไมเกรนมันจะมียา 2 กลุ่มนะคะ
00:45:27 → 00:45:30 อันนึงคือแก้ปวดอันนึงคือป้องกันอ่ะป้อง
00:45:30 → 00:45:32 กันเนี่ยเราให้เพื่ออะไรเพื่อลดความถี่ลด
00:45:32 → 00:45:34 ความรุนแรงตึ๊ดๆแต่ถ้ากระเบิดเมื่อไหร่
00:45:34 → 00:45:37 อาการปวดหัวกลับมาแล้วมันไม่หยุดได้ด้วย
00:45:37 → 00:45:40 การนอนพักประคบเย็นหรืออะไรแล้วแต่เรา
00:45:40 → 00:45:42 อย่าปล่อยให้มันปวดนานเราก็ต้องใช้ยาแก้
00:45:42 → 00:45:45 ปวดเพราะฉะนั้นก็จะอธิบายอย่างเงี้ยว่ามี
00:45:45 → 00:45:48 ป้องกันนะคะแล้วก็มีแก้ปวดแต่ตัวเนี้ยยา
00:45:48 → 00:45:50 ที่เข้ามาใหม่ล่าสุดในกลุ่ม GP เนี่ย
00:45:50 → 00:45:53 อันเนี้ยถือเป็นตัวแรกแล้วก็ตัวเดียวที่
00:45:53 → 00:45:56 เขาออกฤทธิ์ 2 แบบคือคนที่เป็นน้อยๆเราก็
00:45:56 → 00:45:58 ใช้ตัวเนี้ยแก้ปวดไปเลยจะได้ไม่ต้องไปกิน
00:45:58 → 00:46:01 ยาแก้ปวดส่วนคนที่เป็นถี่หน่อยเราก็กิน
00:46:01 → 00:46:03 แบบกินให้มันเหมือนแบบเป็นกินแบบเป็น
00:46:03 → 00:46:07 ประจำอ่ะค่ะกินวันเว้นวันไปเลยเพื่อป้อง
00:46:07 → 00:46:09 กันไปด้วยจะได้ไม่ต้องฉีดยาอ่ะถ้างั้นฟัง
00:46:09 → 00:46:12 ดูแล้วก็ดูเหมือนจะดีใช่มั้ยก็ใช้ตัวนี้
00:46:12 → 00:46:14 ไปเลยได้มยอะไรอย่างงี้จริงๆก็จะมีข้อ
00:46:14 → 00:46:17 จำกัดของทางแก้ปวดแล้วก็ต้องของป้องกัน
00:46:17 → 00:46:19 ของตัวนี้อยู่นะคะตอนนี้ก็ก็คือหมอก็ใช้
00:46:19 → 00:46:21 กับรักษากับคนไข้มาประมาณ 6 เดือนเนี่ย
00:46:22 → 00:46:25 จริงๆก็แบบปริมาณเคสค่อนข้างเยอะลำดับนึง
00:46:25 → 00:46:28 เนี่ยถามว่าเวลาที่คนไข้ให้ข้อมูลกลับมา
00:46:28 → 00:46:30 ค่ะว่าเออเวลาแก้ปวดเป็นยังไงแล้วป้องกัน
00:46:30 → 00:46:32 เป็นยังไงนะคะอันนึงที่สังเกตได้คือ
00:46:32 → 00:46:34 เรื่องของยาแก้ปวดก่อนถ้าเราจะใช้ตัวนี้
00:46:34 → 00:46:37 เป็นยาแก้ปวดมันไม่ได้ออกฤทธิ์เร็วเท่า
00:46:37 → 00:46:39 กับยาแก้ปวดกลุ่มเก่าๆเดี๋ยวหมอจะพูด
00:46:39 → 00:46:41 เรื่องยาแก้ปวดต่อไปตัวนี้ไม่ได้ออกฤทธิ์
00:46:41 → 00:46:44 เร็วมากคือตัวเขา้าออกเองอ่ะกว่าจะออกลิฟ
00:46:44 → 00:46:46 พีคจริงๆอ่ะประมาณ 2 ช่โมงเพราะฉะนั้น
00:46:46 → 00:46:48 หลายคนน่ะจะรู้สึกว่ากินยาไปแล้วไม่หาย
00:46:48 → 00:46:51 ปวดถ้าเรากินช้าเกินไปเพราะฉะนั้นถ้าจะ
00:46:51 → 00:46:53 เกิดจะกินน่ะเราต้องกินตั้งแต่ตอนที่จะ
00:46:53 → 00:46:56 เริ่มปวดนะคะแบบว่าคือคอนเซปตอันเนี้ยจะ
00:46:56 → 00:46:59 แบบเหมือนล้างคอนเซปตเก่าๆเลยอ่ะเมื่อ
00:46:59 → 00:47:01 ก่อนคือยาแก้ปวดเนี่ยถ้ายิ่งกินเยอะมันจะ
00:47:01 → 00:47:04 ยิ่งกลายเป็นติดยาใช่มั้คะเราก็จะต้องรอ
00:47:04 → 00:47:06 แบบเออเหมือนปวดหัวระดับนึงทำอะไรทุก
00:47:06 → 00:47:08 อย่างแล้วไม่ดีขึ้นอาจรีบกินเพื่อไม่ให้
00:47:08 → 00:47:11 มันแบบปวดรุนแรงก็ต้องรอแบบระดับนึง
00:47:11 → 00:47:13 คอนเฟิร์มก่อนแล้วเราก็ค่อยกินยาเพราะว่า
00:47:13 → 00:47:16 ถ้าเกิดเราแบบปวดนิดนึงปุ๊บกินเลย
00:47:16 → 00:47:18 อันเนี้ยติดยาแก้ปวดแน่นอนแต่อันนี้ก็จะ
00:47:18 → 00:47:20 ต่างกันตรงที่ว่ามันจะเหมือนเป็นการป้อง
00:47:20 → 00:47:22 กันน่ะค่ะแบบถ้าสมมุติว่าเรารู้สึกว่า
00:47:22 → 00:47:24 เริ่มปวดนิดนึงปุ๊บนะเรากินไปเลยกินเพื่อ
00:47:24 → 00:47:26 ให้ยาได้ออกฤทธิ์เต็มที่พลิกๆตอน 2
00:47:26 → 00:47:28 ชั่วโมงแล้วมันจะได้ไม่ต้องกลับไปใช้ยา
00:47:28 → 00:47:31 แก้ปวดอันนี้ก็เอ่อเป็นในเรื่องของแก้ปวด
00:47:31 → 00:47:34 เนาะส่วนในเรื่องของป้องกันถามว่าอ้าวถ้า
00:47:34 → 00:47:36 มันกินป้องกันได้แก้ปวดได้งั้นเราแทนยา
00:47:36 → 00:47:38 ฉีดไปเลยได้มั้จริงๆแล้วเนี่ยถ้าคนที่
00:47:38 → 00:47:41 เป็นเรื้อรังมากๆแบบเป็นแบบเกิน 15 ครั้ง
00:47:41 → 00:47:43 ต่อเดือนอ่ะค่ะยังไงตัวกลุ่มยาฉีดจะมีข้อ
00:47:43 → 00:47:46 มูลมากกว่าว่าจะสามารถช่วยในการรักษา
00:47:46 → 00:47:48 กลุ่มไมเกนเรื้อรังได้ดีกว่าสำหรับกรณี
00:47:48 → 00:47:50 ตัวนี้เนี่ยอาจจะเหมาะกับคนที่ยังเป็น
00:47:50 → 00:47:52 ไมเกรนไม่ได้เรื้อรังมากก็คือเอาไม่เกิน
00:47:52 → 00:47:54 สักประมาณ 10-15 วันต่อเดือนอะไรอย่าง
00:47:54 → 00:47:56 เงี้ยยังพอไหวอยู่แต่ถ้าเกิดแบบ 20-30
00:47:57 → 00:47:58 แล้วเนี่ยอาอันเนี้อาจจะเอาไม่อยู่เหมือน
00:47:58 → 00:48:00 กันเพราะฉะนั้นเนี่ยก็มันก็มีข้อจำกัด
00:48:01 → 00:48:04 หรือว่าข้ออะไรบางอย่างที่จะใช้ได้ดีกว่า
00:48:04 → 00:48:07 บางตัวแล้วก็มีข้อจำกัดที่เอ่อยาบางตัวก็
00:48:07 → 00:48:09 อาจจะยังดีกว่าเหมือนกันนะคะเพราะฉะนั้น
00:48:09 → 00:48:12 ก็ต้องดูความเหมาะสมของแต่ละคนด้วยแต่ข้อ
00:48:12 → 00:48:14 ดีของเขาคือหมอว่าใช้ค่อนข้างง่ายอ่ะค่ะ
00:48:14 → 00:48:16 อย่างเช่นบางคนอย่างเงี้ยฉีดยาไม่สามารถ
00:48:16 → 00:48:18 มาหาหมอได้หรืออะไรแบบนี้หรือจะเอาไปฉีด
00:48:18 → 00:48:20 เองก็กลัวเข็มหรืออะไรอย่างเงี้ยมันก็
00:48:20 → 00:48:23 เหมือนเป็นยารับประทานก็กินค่อนข้างง่าย
00:48:23 → 00:48:26 จะอมใต้ลิ้นก็ได้อมบนลิ้นก็ได้อะไรอย่าง
00:48:26 → 00:48:28 เงี้ยค่ะก็จะเป็นแบบเหมือนกินได้ทุกที่
00:48:28 → 00:48:30 อ่ะคอนเซปตคือแบบไม่ต้องกินน้ำตามก็ได้
00:48:30 → 00:48:32 เผื่อบางทีปวดหัวอยู่แล้วแบบไม่มีน้ำอะไร
00:48:32 → 00:48:33 อย่างเงี้ยค่ะก็คือมันก็จะใช้ค่อนข้าง
00:48:33 → 00:48:36 ง่ายนะคะข้อดีข้อเสียก็คือราคายังค่อน
00:48:36 → 00:48:38 ข้างสูงมากเหมือนกันก็จะพอๆกับกลุ่มยาฉีด
00:48:38 → 00:48:40 เลยเพราะฉะนั้นถ้าเกิดสมมุติว่าใครเป็นคน
00:48:40 → 00:48:42 ที่เป็นแบบปวดเรื้อรังเราจะต้องฉีดยา
00:48:42 → 00:48:45 เนี่ยบางทีเราก็เลือกใช้ยาฉีดไปก่อนแล้ว
00:48:45 → 00:48:48 ก็เดี๋ค่อยมาแบบปรับเป็นยาอมใต้ลิ้นอะไร
00:48:48 → 00:48:51 อีกทีแบบนี้ก็ได้เหมือนกันการรักษามันแบบ
00:48:51 → 00:48:54 มันหลากหลายมากเลยอ่ะในปัจจุบันมันจะแบบ
00:48:54 → 00:48:56 ไม่ใช่แค่ฟิกว่าเออคนนี้ต้องแบบนี้นะอะไร
00:48:56 → 00:48:59 อย่างเงี้ยส่วนใหญ่จะอยู่ที่แบบอาการของ
00:48:59 → 00:49:02 แต่ละคนเลยค่ะว่าเอิ่มปวดถี่มากน้อยแค่
00:49:02 → 00:49:06 ไหนเค้ามีข้อจำกัดของการใช้ยาอะไรมีโรค
00:49:06 → 00:49:09 ประจำตัวอะไรอะไรอย่างเงี้ยค่ะเนาะอืมก็
00:49:09 → 00:49:12 อาจจะต้องให้คุณหมอเป็นพิจารณาเป็นรายๆไป
00:49:12 → 00:49:17 สรุปให้ฟังคร่าวๆใหม่ก็จะมียาป้องกันมี 3
00:49:17 → 00:49:20 แบบเดี๋ก่อนนะคะยาป้อง
00:49:20 → 00:49:27 กันไมเกรนมี 3 แบบก็คือยากินแบบเก่าแล้ว
00:49:27 → 00:49:30 ก็ยาฉีด
00:49:30 → 00:49:36 CGRP แล้วก็อื่นๆนี่ยาฉีดก็จะเอ่อแล้วก็
00:49:36 → 00:49:40 จะมีตัวGพนที่เป็นตัวใหม่โอเคส่วนอื่นๆ
00:49:40 → 00:49:43 อันนี้พูดคร่าวๆก็คือมีตัว toxine ก็คือ
00:49:43 → 00:49:46 ตัวที่เหมือนฉีดความงามอะไรอย่างเงี้ยค่ะ
00:49:46 → 00:49:48 แล้วก็อีกอันนึงคือจะเป็นตัว device
00:49:48 → 00:49:50 คร่าวๆก่อนโบทิท็อกซีนบอกกับใครอันเนี้ย
00:49:50 → 00:49:53 เหมาะกับไมเกรนเรื้อรังเท่านั้นคนปวด
00:49:53 → 00:49:55 ไมเกรนไม่เรื้อรังไม่เรื้อรังคือไม่เกิน
00:49:55 → 00:49:58 15 วันเนี่ยตัวนี้ไม่มีข้อมูลไม่ใช่แบบ
00:49:58 → 00:50:01 อุ้ยจริงๆเราปวดแบบ 10 วันอยากฉีดจังเลย
00:50:01 → 00:50:03 อะไรอย่างเงี้ยจริงๆมันไม่ได้มีข้อมูลว่า
00:50:03 → 00:50:05 จะช่วยป้องกันไมเกรนได้หรือเปล่าแต่ว่า
00:50:05 → 00:50:08 ถามว่าฉีดได้มยคือหมอว่าตัวโบทิomท็อกซิน
00:50:08 → 00:50:10 เนี่ยฤทธิ์ของเขา้าเนี่ยในการป้องกัน
00:50:10 → 00:50:12 ไมเกรนมันก็จะออกฤทธิ์อยู่ 2 แบบแบบแรกก็
00:50:12 → 00:50:15 คือตัวทำให้กล้ามเนื้อไม่เกรงเองอ่ะค่ะ
00:50:15 → 00:50:17 อันที่ 2 ก็คือการยับยั้งสารสื่อประสาท
00:50:17 → 00:50:20 ตรงบริเวณภายนอกสมองต่างๆนะคะเพื่อลดการ
00:50:20 → 00:50:22 หลังสารสื่อประสาทเพราะฉะนั้นเนี่ยจริงๆ
00:50:22 → 00:50:24 บางคนเนี่ยพอไม่ได้เป็นไมเกรนเรือรังแต่
00:50:24 → 00:50:26 ว่ากล้ามเนื้อตึงมากๆกล้ามเนื้อขมับแบบ
00:50:26 → 00:50:28 อะไรอย่างเงี้ยตึงมากๆก็อาจจะมีประโยชน์
00:50:28 → 00:50:30 แต่ว่าถ้าโดยข้อบ่งชี้ของเขาจริงๆการฉีด
00:50:30 → 00:50:33 โบทินท็อกซินเนี่ยต้องเป็นไมเกรนเรื้อ
00:50:33 → 00:50:35 ร่างเท่านั้นถ้าเอาไมเกรนโดยเฉพาะส่วนตัว
00:50:35 → 00:50:38 เนี่ยมันจะเป็นตัวที่เหมือนเป็นตัว
00:50:38 → 00:50:41 เครื่องกระตุ้นแปะหน้าผากเอ่อจริงๆ
00:50:41 → 00:50:43 เครื่องเนี่ยมีมานานมากและอย่างในต่าง
00:50:43 → 00:50:47 ประเทศเนี่ยก็จะมีใช้กันมาแบบหลายปีมากๆ
00:50:47 → 00:50:49 แล้วแต่ถ้าเป็นในไทยเนี่ยก็จะเพิ่งมีตัว
00:50:49 → 00:50:51 ที่เพิ่งเข้ามาใหม่ก็จะเป็นเครื่องเล็กๆ
00:50:51 → 00:50:53 วันนี้ไม่ได้หยิบตัวอย่างมาให้ดูเนาะก็
00:50:53 → 00:50:56 เอ่อแปะตรงหน้าผากแปะไว้แบบนี้เครื่อง
00:50:56 → 00:50:59 เขา้าก็จะมีแบบปล่อยกระแสไฟฟ้าออกมาได้
00:50:59 → 00:51:01 ซึ่งมันก็อาจจะสามารถใช้ได้ทั้งแบบในแง่
00:51:01 → 00:51:05 ของการแก้ปวดเฉียบพานหรือว่าถ้าแปะทุกวัน
00:51:05 → 00:51:07 ไปเลยก็เหมือนอาจจะช่วยป้องกันไปด้วย
00:51:07 → 00:51:08 อะไรอย่าเงี้ยค่ะแต่ว่าข้อมูลในคนไทย
00:51:08 → 00:51:10 อันเนี้ยถือว่ายังค่อนข้างจำกัดเพราะว่า
00:51:10 → 00:51:13 หมอเองก็ยังไม่ได้แบบได้นำมาใช้ในการ
00:51:13 → 00:51:15 รักษาคนไข้ที่แบบว่าใช้ต่อเนื่องจริงๆนะ
00:51:15 → 00:51:17 คะอันนี้ก็ยังอยู่ในการเก็บข้อมูลอยู่นะ
00:51:17 → 00:51:19 คะเพราะฉะนั้นเนี่ยก็เดี๋ยวอาจจะรอให้ข้อ
00:51:19 → 00:51:20 มูลมันเยอะกว่านี้แล้วก็เดี๋ค่อยมาอัปเดต
00:51:21 → 00:51:23 ให้ฟังกันอีกทีนึงก่อนแต่ก็ให้รู้ไวว่า
00:51:23 → 00:51:25 เดี๋ยวนี้ก็จะมีอุปกรณ์อะไรต่างๆเหล่า
00:51:25 → 00:51:27 เนี้ยเอามารักษาไลเกรนได้ด้วยคือถ้าเป็น
00:51:27 → 00:51:29 เมื่อก่อนเนี่ยมันจะมีแต่ไอ้เครื่องใหญ่ๆ
00:51:29 → 00:51:32 คือแบบใหญ่มากอ่ะค่ะของต่างประเทศพกให้คน
00:51:32 → 00:51:34 ไข้อ่ะซื้อกลับบ้านแล้วก็แบบเหมือนมี
00:51:34 → 00:51:36 อาการไมเก็ตปุ๊บก็กดช็อตอะไรแบบนี้ซึ่ง
00:51:36 → 00:51:38 เครื่องนั้นเนี่ยอาจจะใช้ยากแล้วก็แล้วก็
00:51:38 → 00:51:41 ราคาสูงมากก็ในไทยก็ไม่มีแต่ตอนนี้ก็จะมี
00:51:41 → 00:51:43 เครื่องแบบเครื่องเล็กๆที่เอามาใช้ในการ
00:51:43 → 00:51:46 แก้ปวดป้องกันไมเกรนมากยิ่งขึ้นอ่ะจบแล้ว
00:51:46 → 00:51:49 สำหรับการป้องกันสรุปให้ฟังอีกรอบนึงก่อน
00:51:49 → 00:51:53 ยาป้องกันไมเกรนไม่ได้ทุกคนจะต้องใช้
00:51:53 → 00:51:58 สำหรับคนที่มีอาการปวดไมเกรนบ่อยๆปวดเกิน
00:51:58 → 00:52:02 ประมาณสัก 4 ครั้งเป็นต้นไปเพื่อป้องกัน
00:52:02 → 00:52:06 ไม่ให้เกิดการเกิดไมเกรนชั่วคราวไปเป็น
00:52:06 → 00:52:08 ไมเกรนเรื้อรังและติดยาแก้ปวดเพราะฉะนั้น
00:52:08 → 00:52:12 เนี่ยใครที่ปวดหัวไมเกรนฟังอยู่ตอนนี้
00:52:12 → 00:52:14 เริ่มมีอาการปวดปวดกำเริบแบบเกินประมาณ
00:52:14 → 00:52:17 สัปดาห์ละครั้งหรือ 4 ครั้งต่อเดือนหรือ
00:52:17 → 00:52:20 เราเริ่มใช้ยาแก้ปวดเยอะเกินประมาณ 10-15
00:52:20 → 00:52:23 เมตต่อเดือนแล้วแต่ชนิดยาแต่ว่าเอาคร่าวๆ
00:52:23 → 00:52:27 ไว้ประมาณนี้ก่อนอันนี้นะคะต้องใช้ยาป้อง
00:52:27 → 00:52:29 กันไมเกรนอย่าปล่อยให้กินยาแก้ปวดไป
00:52:29 → 00:52:32 เรื่อยๆะตามไปเรื่อยๆเนี่ยอีก 2 ปี 3 ปี
00:52:32 → 00:52:34 มีปัญหาแน่นอนนะคะสิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ
00:52:34 → 00:52:36 ติดยาแก้ปวดยาแก้ปวดไม่ได้ผลแล้วก็จะมีผล
00:52:36 → 00:52:39 ข้างเคียงจากยาสำหรับยาป้องกันแบ่งออก
00:52:39 → 00:52:41 เป็น 3 กลุ่มกลุ่มกินแบบเก่าก็ยังถือว่า
00:52:41 → 00:52:43 ค่อนข้างดีมีประโยชน์โคุมไมเกนได้ค่อน
00:52:43 → 00:52:45 ข้างดีแต่ติดเรื่องข้อเสียผลข้างเคียง
00:52:45 → 00:52:48 เยอะอันที่ 2 เป็นยาที่อยู่ในกลุ่มยับ
00:52:48 → 00:52:50 ยั้งสาร CGRP อันนี้คือยาใหม่ที่เรามา
00:52:50 → 00:52:54 อัปเดตกันในวันนี้ก็จะมียาฉีดปากกา 3 ตัว
00:52:54 → 00:52:56 ฉีดข้าวหลอดเลือดดำ 1 ตัวแล้วก็รวมไปถึง
00:52:56 → 00:52:59 ยาอมใต้ลิ้นก็จะอยู่ในกลุ่มที่ยับยางสาร
00:52:59 → 00:53:02 CGRP ตรงนี้แล้วก็วิธีการอื่นๆอ่ะต่อไป
00:53:02 → 00:53:04 เดี๋ยวเราจะไปพาร์ทกันที่เป็นเรื่องของ
00:53:04 → 00:53:07 การแก้ปวดกันยาวนิดนึงนะคะแต่ว่าแบบคิด
00:53:07 → 00:53:10 ว่าทุกคนแบบน่าจะได้ประโยชน์อ่ะแล้วก็ให้
00:53:10 → 00:53:13 เห็นภาพรวมอ่ะว่าทุกวันเนี้ยเรารักษา
00:53:13 → 00:53:15 ไมเกนอะไรยังไงกันบ้างอ่ะค่ะหมอว่าแบบบาง
00:53:15 → 00:53:18 ทีแบบเราไม่ถ้าเราไม่ได้รู้ภาพรวมคร่าวๆ
00:53:18 → 00:53:20 เลยแล้วเวลาไปอ่ะบางทีมันก็จะแบบตัดสินใจ
00:53:20 → 00:53:22 ในการรักษาลำบากนิดนึงเหมือนกันอ่าต่อไป
00:53:22 → 00:53:27 มาเข้าสู่ยาแก้ปวดกันยาแก้ปวดนะคะแบ่ง
00:53:27 → 00:53:30 กลุ่มก่อนนะ
00:53:30 → 00:53:36 คะยาแก้ปวดยาแก้ปวดทานเมื่อปวดเท่านั้น
00:53:36 → 00:53:40 ห้ามใช้ป้องกันยาหลักๆนะคะก็จะแบ่งออก
00:53:40 → 00:53:44 เป็นเอ่อเอ่อมีกลุ่มอันแรกเลยก็คือกลุ่ม
00:53:44 → 00:53:48 พาราธรรมดาเนี่ยแหละค่ะพาราอ่ะหมอให้คลาย
00:53:48 → 00:53:51 กล้ามเนื้อไว้หน่อยด้วยแล้วกันอันที่ 2
00:53:51 → 00:53:54 เราเรียกว่ากลุ่มแก้ปวดที่ไม่ใช่
00:53:54 → 00:53:57 สเตียรอยด์หมอเขาเรียกว่าไปเลยให้ทุกคน
00:53:57 → 00:54:00 น่ะรู้จักไปเลยก็คือย่อมาจาก nonoidal
00:54:00 → 00:54:03 antiinflammatory drugs นะคะก็คือยาแก้
00:54:03 → 00:54:06 ปวดที่ไม่ใช่สเตียรอยด์อันเนี้ยเป็นยาที่
00:54:06 → 00:54:08 ทุกคนน่ะยังไงทุกคนในชีวิตเนี่ยต้องเคย
00:54:08 → 00:54:10 ได้บ้างล่ะเพราะว่ามันจะเป็นยาในกลุ่มแก้
00:54:10 → 00:54:13 ปวดลดอักเสบทั่วไปไม่ว่าจะเป็นปวดคอกปวด
00:54:13 → 00:54:16 ประจำเดือนปวดเข่าปวดอะไรมักจะต้องไปร้าน
00:54:16 → 00:54:19 ยามักจะต้องเคยได้กลุ่มนี้มากลุ่มที่ 3
00:54:19 → 00:54:22 สำหรับไมเกรนเราเรียกว่าเอกอตามีนกลุ่ม
00:54:22 → 00:54:25 เอกอคนที่เป็นมาเกนมานานๆก็จะรู้จักกลุ่ม
00:54:25 → 00:54:28 นี้ดีแล้วก็กลุ่มใหม่ๆเราเรียกว่ากลุ่ม
00:54:28 → 00:54:32 ทริปtrนทริปแทนก็ในไทยก็จะยังมีอยู่แค่ 2
00:54:32 → 00:54:35 ตัวก็คือ er tran กับ sumip trend อ่า
00:54:35 → 00:54:39 ก่อนจะที่จะถึงปีเนี้ยก่อนปีเนี้ยคนไข้จะ
00:54:39 → 00:54:41 ชอบบอกว่าบางคนกินทริปแทนไปละแล้วแบบ
00:54:41 → 00:54:45 เริ่มไม่ได้ผลคนใครจะชอบถามว่ามียาที่
00:54:45 → 00:54:49 ใหม่กว่านี้มั้ยคะตอนต้นปีก็คืออันเนี้ย
00:54:49 → 00:54:51 ใหม่สุดละสำหรับแก้ปวดไมเกรนแต่ปัจจุบัน
00:54:51 → 00:54:54 ก็คือที่เป็นตัวอมใต้ลินที่บอกว่ามัน
00:54:54 → 00:54:57 สามารถทั้งป้องกันได้แล้วก็จะมาแก้ปวดตรง
00:54:57 → 00:55:00 นี้ได้ก็คือจะเป็นกลุ่มเราเรียกว่ากลุ่ม
00:55:00 → 00:55:05 GP จริงๆเอ่อนอกจาก GP แล้วเนี่ยก็จะมี
00:55:05 → 00:55:09 ตัวDทอันนี้ก็คือในไทยยังไม่ได้เอาเข้ามา
00:55:09 → 00:55:11 เพราะฉะนั้นเราจะไม่พูดถึงกันเอาที่มี
00:55:11 → 00:55:14 อยู่ในประเทศไทยตอนนี้ก่อน 5 กลุ่มหลักๆ
00:55:14 → 00:55:20 พาราเซตเกอทิปแล้วก็ gpan เรามาดูกันว่า
00:55:20 → 00:55:23 แต่ละตัวเนี่ยมีข้อดีข้อเสียแล้วก็มียา
00:55:23 → 00:55:26 อะไรบ้างนะคะอันแรกก่อนเลยพาราเซตามอลนะ
00:55:26 → 00:55:29 คะอันนี้โชว์สไลด์ให้ดูก็จะเป็นกลุ่ม
00:55:29 → 00:55:31 พาราเซตามอลแล้วก็คลายกล้ามเนื้อที่มี
00:55:31 → 00:55:33 พาราเซตามอลเพราะว่าคนไข้หลายคนส่วนใหญ่
00:55:33 → 00:55:35 ก็ไม่ใช่ทานพาราอย่างเดียวอ่ะจะไปทานตัว
00:55:35 → 00:55:37 ที่ผสมคลายกล้ามเนื้อด้วยโดยเฉพาะไมเกรน
00:55:37 → 00:55:39 ที่มีกล้ามเนื้อเกร็งๆกลุ่มนี้นะคะก็ถือ
00:55:39 → 00:55:41 ว่าเป็นกลุ่มยาแก้มแก้ป่วนแบบทั่วไปเลย
00:55:41 → 00:55:44 อ่ะแบบเบสิคนะคะแก้ปวดลดค่ายทริกของกลุ่ม
00:55:44 → 00:55:47 นี้ 1 ก็คือโอเคมันเป็นยาที่เหมือนเป็นยา
00:55:47 → 00:55:50 สามัญประจำบ้านอ่ะหาซื้อได้ง่ายแล้วก็
00:55:50 → 00:55:52 เอ่อเหมือนบางทีเราไม่แน่ใจว่าเราปวด
00:55:52 → 00:55:53 ไมเกนหรือเปล่าหรือเราแค่ปวดกล้ามเนื้อ
00:55:53 → 00:55:56 หรือว่าปวดหัวอะไรทั่วๆไปก็มักจะใช้กลุ่ม
00:55:56 → 00:55:59 นี้ก่อนก็ถ้าเกิดคนที่เป็นน้อยๆก็มักจะ
00:55:59 → 00:56:03 ได้ผลดีข้อเสียคือบางทีมันอ่อนไปค่ะเช่น
00:56:03 → 00:56:05 เอ่อสำหรับไมเกรนเนี่ยถ้าจะใช้
00:56:05 → 00:56:07 พาราเซิตามอลเนี่ยบางทีพาราซิตามอลโดส
00:56:07 → 00:56:09 ต้องค่อนข้างสูงนะคะเช่นต้องกินแบบว่า
00:56:10 → 00:56:11 1,000 มิลกรัมขึ้นไปหรืออะไรเงี้ยแต่บาง
00:56:11 → 00:56:13 คนไปกินเม็ดเดียวก็เลยอาจจะรู้สึกว่าไม่
00:56:14 → 00:56:16 หายปวดแล้วทำให้ดีเลยการกินยาแก้ปวดอื่นๆ
00:56:16 → 00:56:18 ไปด้วยอันที่ 2 คือด้วยความที่มันไม่ค่อย
00:56:18 → 00:56:21 ได้ผลในคนไข้ไมเกรนที่ปวดรุนแรงจริงๆบาง
00:56:21 → 00:56:24 หมอเคยเจอบางคนก็คือแบบเอาแต่พาราเพราะ
00:56:24 → 00:56:26 ไม่กล้ากินอย่างอื่นเลยกลัวอันตรายก็คือ
00:56:26 → 00:56:29 แบบพาราอย่างเดียวเลยพารา 2 เม็ดทุก 4
00:56:29 → 00:56:32 วันนึงกินไปเกิน 10 เม็ดนะคะอันนี้เสี่ยง
00:56:32 → 00:56:34 ต่อการกินยาพาราเกินขนาดนะคะซึ่งอาจจะทำ
00:56:34 → 00:56:36 ให้ตับอักเสบเฉียบพันธุ์ได้เลยเพราะ
00:56:37 → 00:56:39 ฉะนั้นอ่าการใช้ยากลุ่มนี้ก็จะเหมาะกับคน
00:56:39 → 00:56:42 ที่ยังปวดน้อยๆปวดไม่มากปวดแบบไมเกรนอ่อน
00:56:42 → 00:56:46 ๆปวดกล้ามเนื้อแต่ถ้าทานแล้วไม่หายอย่า
00:56:46 → 00:56:50 อย่าฝืนอย่าฝืนใช้คือไมเกรนแบบบางทีการ
00:56:50 → 00:56:52 อักเสบมันรุนแรงมันก็จะต้องใช้ตัวสเต็ป
00:56:52 → 00:56:56 ถัดไปที่อ่าระงับปวดได้มากกว่าแล้วก็ต้อง
00:56:56 → 00:56:58 ระวังในคนที่เป็นโรคตับส่วนยาคลายกล้าม
00:56:58 → 00:57:00 เนื้อเองอันนี้ก็จะต้องระวังในคนผู้สูง
00:57:00 → 00:57:02 อายุก็คือถ้าเกิดแบบบางคนอย่างเงี้ยมีคุณ
00:57:02 → 00:57:04 แม่อายุแบบ 6-70 ขึ้นไปแล้วที่ยังเป็น
00:57:04 → 00:57:07 ไมเกรนอยู่จริงๆปกติไมเกรนจะเป็นตอนอายุ
00:57:07 → 00:57:09 น้อยแต่บางคนที่แบบเป็นยาวก็ก็คือเป็นไป
00:57:09 → 00:57:11 จนถึงแบบอายุเยอะๆได้เลยอย่างเงี้ยใคร
00:57:11 → 00:57:13 กล้ามเนื้อชอบกระตุ้นอาการสับสนในคนไข้
00:57:13 → 00:57:16 ได้ก็ต้องระวังเหมือนกันต่อไปกลุ่มที่ 2
00:57:16 → 00:57:19 นะคะก็คือกลุ่มแก้ปวดลดการอักเสบที่เรา
00:57:19 → 00:57:21 เรียกว่าเอเซตเอเสกลุ่มนี้นี่คือยาเยอะ
00:57:21 → 00:57:24 มากแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลักๆก็คือยากลุ่ม
00:57:24 → 00:57:27 เก่ากับยากลุ่มที่ไม่ค่อยกัดกระเพาะละ
00:57:27 → 00:57:29 กลุ่มเนี้ยข้อเด่นเขาเลยคือกัดกระเพาะคน
00:57:29 → 00:57:31 ไข้หลายคนจะรู้ว่ากินตอนท้องว่างไม่ได้
00:57:31 → 00:57:34 เลยจะแบบแสบกระเพาะกดไหลย้อนก็มีตั้งแต่
00:57:34 → 00:57:39 ยาไบูโพฟenเมฟamicaซidมาอกซนพวกนี้จะเป็น
00:57:39 → 00:57:41 กลุ่มเก่านะตัวไดโคฟิคกลุ่มนี้ที่เป็น
00:57:41 → 00:57:44 กลุ่มเก่าข้อดีคือออกฤทธิ์เร็วคนไข้
00:57:44 → 00:57:47 ไมเกรนเนาะเวลาปวดจะปวดพีคอย่างรวดเร็ว
00:57:47 → 00:57:48 ภายในไม่กี่ชั่วโมงเพราะฉะนั้นเราต้องการ
00:57:48 → 00:57:52 ทยาที่ออกฤทธิ์เร็วถ้าเป็นกลุ่มเก่าเนี่ย
00:57:52 → 00:57:54 ตัวที่ออกฤทธิ์เร็วมากๆเนี่ยออกลิฟตภายใน
00:57:54 → 00:57:56 ประมาณสัก 15-20 นาทีได้เลยนะคะไม่เกิน
00:57:56 → 00:57:58 ครึ่งชั่วโมงนะคะโดยเฉพาะอย่างกลุ่มที่
00:57:58 → 00:58:00 เป็นถ้าเป็นนาอกเซนก็ต้องเป็นนาพอกซน
00:58:00 → 00:58:03 โซเดียมกลุ่มไบูโพเฟนก็เป็นไบูโพฟenแบบ
00:58:03 → 00:58:05 เจลหรือว่าอย่างกลุ่มที่เป็นไดโคฟinก็จะ
00:58:05 → 00:58:07 เป็นแบบผงละลายน้ำอะไรเงี้ยคนไข้จะรู้ว่า
00:58:07 → 00:58:09 กลุ่มแบบเนี้ยออกฤทธิ์เร็วมากข้อดีคือออก
00:58:09 → 00:58:14 ฤทธิ์เร็วแต่ข้อเสียคือกัดกระเพาะเยอะและ
00:58:14 → 00:58:17 กลุ่มนี้ถ้าทานมากๆอาจจะทำให้ค่าไตทำงาน
00:58:17 → 00:58:20 ผิดปกติได้เอ่อในส่วนถ้าเป็นกลุ่มใหม่
00:58:20 → 00:58:24 กลุ่มใหม่เนี่ยคนจะรู้จักในในมุมของการ
00:58:24 → 00:58:26 ใช้ยาแก้ปวดอื่นๆเช่นปวดข้อปวดเข่าอะไร
00:58:26 → 00:58:29 เงี้ยจะได้จะได้ยามานะคะเช่นตัวอทอิคอก
00:58:29 → 00:58:32 เอ่อตัวซิคอกิอะไรพวกนี้จะลงท้ายด้วยแบบ
00:58:32 → 00:58:35 10 กลุ่มเนี้ยข้อดีคือไม่ค่อยกัดกระเพาะ
00:58:35 → 00:58:38 ละแต่ออกฤทธิ์ช้าพอออกฤทธิ์ช้าก็ไม่ค่อย
00:58:38 → 00:58:40 เหมาะกับไมเกรนเท่าไหร่บางทีแบบกินไปแล้ว
00:58:40 → 00:58:43 แบบชั่วโมงนึงยายังไม่ออกฤทธิ์เลยเราก็
00:58:43 → 00:58:44 ปวดไมเกรนมากขึ้นเรื่อยๆก็สุดท้ายก็ต้อง
00:58:45 → 00:58:47 ไปทานยาซ้ำหรือว่าทานยาตัวอื่นอยู่ดี
00:58:47 → 00:58:50 เพราะฉะนั้นถ้าจะเลือกใช้ก็ต้องดูแหละว่า
00:58:50 → 00:58:52 ไมเกรนของเราเนี่ยส่วนใหญ่เวลามันปวดขึ้น
00:58:52 → 00:58:55 มาแล้วอ่ะเราปวดพีคไประดับไหนภายในแบบกี่
00:58:55 → 00:58:57 นาทีเราพอแบบกินยาที่ออกฤทธิ์ช้าได้มั้ย
00:58:57 → 00:58:59 หรือว่าเราจะต้องใช้ยาที่ออกฤทธิ์เร็วเลย
00:58:59 → 00:59:02 เรามีโรคกระเพาะหรือเปล่าเรามีข้อห้ามของ
00:59:02 → 00:59:04 การใช้ยากลุ่มนี้หรือเปล่าเช่นค่าไตมี
00:59:04 → 00:59:06 ปัญหาหรือเปล่าส่วนใหญ่กลุ่มนี้เนี่ยหมอ
00:59:06 → 00:59:09 ก็จะให้เป็นสเต็ปแบบสเต็ปกลางๆก็คือบางที
00:59:09 → 00:59:13 คนไข้อ่ะปวดไม่มั่นใจเอ๊ะกล้ามเนื้อหรือ
00:59:13 → 00:59:16 แบบจะไมเกรนและปวดแบบก็มากกว่ากล้ามเนื้อ
00:59:16 → 00:59:17 นะเริ่มรู้สึกเหมือนแบบตึ๊บๆแล้วแต่ก็ยัง
00:59:17 → 00:59:20 ไม่ถึงขั้นแบบตุบๆหรืออาเจียนอะไรอย่าง
00:59:20 → 00:59:23 เงี้ยค่ะจะไปกินกลุ่มไมเกรนเลยก็เอ๊เยอะ
00:59:23 → 00:59:25 เกินไปหรือเปล่าอะไรแบบเนี้ยส่วนเดี๋เรา
00:59:25 → 00:59:27 ก็จะเริ่มด้วยกลุ่มนี้ได้ถ้าเราเป็นน้อยๆ
00:59:27 → 00:59:29 เนี่ยก็เอาอยู่แต่ถ้าเกิดไม่อยู่เนี่ยก็
00:59:29 → 00:59:32 อาจจะต้องใช้ยาที่แรงขึ้นไปอีกก็คือจะ
00:59:32 → 00:59:34 เป็นกลุ่มกลุ่ม 3 กับกลุ่ม 4 อ่าอันนี้ก็
00:59:34 → 00:59:36 คือเป็นตัวอย่างของตัวกลุ่มเอนไซเศษที่
00:59:36 → 00:59:39 บอกว่าเป็นกลุ่มใหม่อ่าต่อไปก็คือจะเป็น
00:59:39 → 00:59:41 กลุ่ม 3 กลุ่ม 3 ก็คือจะเป็นยากลุ่มแก๊บ
00:59:41 → 00:59:45 ปวดไมเกรนตรงๆและนะคะก็คือมีฤทธิ์หดหลอด
00:59:45 → 00:59:47 เลือดเนาะตอนต้นเราบอกและไมเกรนหลอดเลือด
00:59:47 → 00:59:50 ขยายกลุ่มพวกนี้คือมีฤทธิ์หดหลอดเลือด
00:59:50 → 00:59:53 เพราะฉะนั้นถ้าไม่ใช่ไมเกรนเช่นปวดกล้าม
00:59:53 → 00:59:56 เนื้อออฟฟิศsyนrมปวดหัวจากอย่างอื่นอย่า
00:59:56 → 00:59:59 มาใช้ยากลุ่มพวกนี้อันตรายเดี๋จะได้ผล
00:59:59 → 01:00:01 ข้างเคียงที่เยอะมากเกินไปยาแก้ปวดกลุ่ม
01:00:01 → 01:00:04 เออกตามีนนี้นะคะอยู่ในประเทศไทยมานานมาก
01:00:04 → 01:00:07 แบบใช้กันมาหลายสิบปีมากมากคนไข้ไมเกรน
01:00:07 → 01:00:09 ที่เป็นมาเกิน 10-20 ปีจะต้องเคยกินยา
01:00:09 → 01:00:12 กลุ่มพวกนี้หมดเลยก็จะมีตั้งแต่แบบพวก
01:00:13 → 01:00:16 โทฟาโก ala ไแกนคาเฟอร์กออะไรที่แบบเป็น
01:00:16 → 01:00:19 แบบกลุ่มมันจะลงท้ายด้วยหน้ากล่องอ่ะเขา
01:00:19 → 01:00:22 จะเขียนว่าเป็นแบบเอกอตามีนน่ะค่ะข้อดี
01:00:22 → 01:00:24 ของยากลุ่มนี้ก่อนบอกว่าเป็นกลุ่มหดหลอด
01:00:24 → 01:00:26 เลือดที่ออกฤทธิ์ค่อนข้างเร็วนะคนไข้ส่วน
01:00:26 → 01:00:29 ใหญ่อ่ะกินแล้วหายปวดได้ภายในประมาณไม่
01:00:29 → 01:00:32 เกินครึ่งชั่วโมงแต่ว่าข้อเสียหลักๆเลยก็
01:00:32 → 01:00:34 คือเรื่องของการหดหลอดเลือดที่แบบไม่จำเ
01:00:34 → 01:00:37 เพาะนี่แหละค่ะคือจริงๆเราอยากจะหดหลอด
01:00:37 → 01:00:39 เลือดที่มันเกี่ยวข้องกับอาการปวดไมเกรน
01:00:39 → 01:00:42 แต่สิ่งที่เราเลือกไม่ได้คือบางทีมันไปขด
01:00:42 → 01:00:44 หลอดเลือดส่วนปลายเช่นปลายมือไปขัดเท้า
01:00:44 → 01:00:47 ด้วยหลายคนกินเนี่ยก็จะรู้ว่าชามือหรือ
01:00:47 → 01:00:49 ที่น่ากลัวกว่านั้นก็คือไปขดหลอดเลือดหัว
01:00:49 → 01:00:53 ใจเพราะฉะนั้นใครที่มีความเสี่ยงเรื่อง
01:00:53 → 01:00:56 หัวใจนะคะไม่ว่าจะเป็นมีแบบปัจจัยเสี่ยง
01:00:56 → 01:00:58 มากๆเช่นมีเบาหวานความดันไขมันถึงแม้จะ
01:00:58 → 01:01:00 ไม่รู้ว่าเป็นหัวใจหรือเปล่าแต่ว่าปัจจัย
01:01:00 → 01:01:02 พวกเนี้ยเสี่ยงเยอะมากๆยิ่งโดยเฉพาะถ้ามี
01:01:02 → 01:01:05 คนในครอบครัวเป็นโรคหัวใจด้วยอันนี้ต้อง
01:01:05 → 01:01:07 ระวังมากๆเลยเพราะว่าบางทีเนี่ยเรากินยา
01:01:07 → 01:01:09 ไปมันอาจจะทำให้หลอดเลือดหัวใจของเรา
01:01:09 → 01:01:11 เนี่ยตีบชั่วคราวได้ซึ่งก็อาจจะทำให้มี
01:01:11 → 01:01:13 อาการเหมือนหลอดเลือดหัวใจตีบเฉียบพันได้
01:01:13 → 01:01:16 เลยแล้วก็ที่ต้องระวังอีกอันนึงก็คือการ
01:01:16 → 01:01:19 ตีกันกับยาอื่นๆน่ะค่ะอย่างเมื่อก่อนที่
01:01:19 → 01:01:22 จะมีข่าวว่าแบบพอกินยากลุ่มพวกนี้เยอะๆ
01:01:22 → 01:01:26 แล้วแบบตัดแขนตัดขามือดำเท้าดำอะไรอย่าง
01:01:26 → 01:01:29 เงี้ยค่ะส่วนใหญ่เองเนี่ยโดยตัวยาเองถ้า
01:01:29 → 01:01:32 กินเม็ด 2 เม็ดเนี่ยมักไม่ทำให้เกิดแต่จะ
01:01:32 → 01:01:35 เกิดเมื่อไปตีกับยากลุ่มอื่นๆที่เจอเจอ
01:01:35 → 01:01:37 บ่อยๆเลยก็คือพวกกลุ่มยาต้านเชื้อราบางที
01:01:37 → 01:01:41 เราแบบบางคนอ่ะเชื้อราเป็นเป็นเล็บที่
01:01:41 → 01:01:43 เชื้อราอะไรเงี้ยก็ไปซื้อยาฆ่าเชื้อรามา
01:01:43 → 01:01:45 กินอะไรแบบเนี้ยค่ะแล้วกินตุ๊ตัวนี้ด้วย
01:01:46 → 01:01:48 ก็จะเอ่อมีโอกาสตีกันมากขึ้นหรือยาฆ่า
01:01:48 → 01:01:50 เชื้อเองนี่แหละค่ะบางทีแบบเป็นหวัดเจ็บ
01:01:50 → 01:01:53 คอแล้วไปได้ยาฆ่าเชื้อในกลุ่มที่ตีกับยา
01:01:53 → 01:01:56 กลุ่มนี้เพราะฉะนั้นถ้าใครเป็นไมเกรนจะ
01:01:56 → 01:01:59 กินยาฆ่าเชื้ออะไรก็แล้วแต่ควรบอกเภสัต
01:01:59 → 01:02:01 ว่าเรากินยากลุ่มนี้อยู่ด้วยหรือคือเภสั
01:02:01 → 01:02:03 เขาจะได้เลือกยาที่มันไม่ตีกันให้อย่าไป
01:02:04 → 01:02:05 ซื้อยาฆ่าเชื้อตัวเองแล้วก็ไปซื้อยาอัน
01:02:06 → 01:02:08 นี้เองแบบคนละร้านกันเพราะว่าเพศะเขาก็จะ
01:02:08 → 01:02:10 ไม่รู้ว่าเรากินยาอยู่นะคะหรือทางที่ดีก็
01:02:10 → 01:02:12 คือไปหาคุณหมอเลยดีกว่าแล้วก็อีกอันนึงก็
01:02:12 → 01:02:15 คือจะเป็นยากลุ่มต้านพวกไวรัสต่างๆอ่ะค่ะ
01:02:15 → 01:02:17 ไวรัส HIV หรืออะไรอย่างเงี้ยอันนี้ก็จะ
01:02:17 → 01:02:20 มีโอกาสตีกับยากลุ่มนี้เยอะแล้วก็ตัวยา
01:02:20 → 01:02:22 กลุ่มนี้เองเนี่ยก็จะเป็นยาที่ติดยาแก้
01:02:22 → 01:02:25 ปวดได้ค่อนข้างแบบเยอะด้วยความที่มันเ่อ
01:02:25 → 01:02:28 กินแล้วหายเร็วคนไข้ส่วนใหญ่พอเป็นไมเกรน
01:02:28 → 01:02:30 ระยะแรกๆเนี่ยก็จะรู้แล้วอ่าเราเป็น
01:02:30 → 01:02:34 ไมเกรนพอมีอาการปุ๊บก็ไปซื้อยากินซื้อยา
01:02:34 → 01:02:36 กินอะไรอย่างเงี้ยค่ะส่วนใหญ่ก็จะกินกัน
01:02:36 → 01:02:39 ไปเพลินๆพอกินเดือนนึงเกิน 10 เม็ดแล้ว
01:02:39 → 01:02:41 ติดๆกันเกิน 3 เดือนขึ้นไปจะเริ่มมีภาวะ
01:02:41 → 01:02:44 medication overuse hea ก็คือปวดหัว
01:02:44 → 01:02:46 จากการใช้ยาแก้ปวดขนาดแทนนะคะเพราะซึ่ง
01:02:46 → 01:02:48 หมออ่ะเจอจากกลุ่มเนี้ยค่อนข้างเยอะ
01:02:48 → 01:02:51 เนื่องจากเป็นยาที่ใช้มานานนะคะแล้วก็ตอบ
01:02:51 → 01:02:54 สนองดีคนไข้ก็เลยแบบชินกับการแบบซื้อติด
01:02:54 → 01:02:56 บ้านไว้อ่ะเดือนละกล่อง 2 กล่อง 2 กล่อง
01:02:56 → 01:02:59 อะไรเงี้ยมาหาอีกทีก็คือตอนที่เริ่มไม่
01:02:59 → 01:03:02 ค่อยตอบสนองหรือมีผลข้างเคียงเยอะๆเช่น
01:03:02 → 01:03:04 กินไปแล้วที่แบบชามากมากอะไรแบบเนี้ยค่ะ
01:03:04 → 01:03:07 ก็คือค่อยมาหาหมอนเพราะฉะนั้นถ้าใครกิน
01:03:07 → 01:03:09 กลุ่มนี้นะต้องระวัง 1 เราต้องไม่มีโรค
01:03:09 → 01:03:14 หัวใจ 2 ห้ามใช้ยาเกินขนาดเกินขนาดในที่
01:03:14 → 01:03:18 นี้เนี่ยถ้าไปเขียนตามข้างกล่องจริงๆบาง
01:03:18 → 01:03:21 ทีเขาค้าให้กินได้ทุก 6 ชมงทุก 4 ช่มงเลย
01:03:21 → 01:03:24 อ่ะก็คือแบบบางคนก็ไปเอ่อกินตามนั้นน่ะ
01:03:24 → 01:03:27 แบบวันนึง 4 เม็ดอ่ะค่ะจริงๆนะโอเค 4
01:03:27 → 01:03:29 เม็ดมันอาจจะไม่เกินในวันนั้นแต่เวลาเกิน
01:03:30 → 01:03:32 ขนาดของกลุ่มเนี้ยที่จะแบบว่าไม่เลือดไม่
01:03:32 → 01:03:35 ไปเลี้ยงส่วนปลายเนี่ยคือเอาห้ามเกิน 10
01:03:35 → 01:03:38 เม็ดในสัปดาห์ด้วยนะคะไม่ใช่แค่ 10 เม็ด
01:03:38 → 01:03:40 ต่อเดือนนะบางคนอัดไปเลยแบบ 4 เม็ด 3 วัน
01:03:40 → 01:03:42 อย่างเงี้ยเกินแล้วนะคะอันนี้เสี่ยงต่อ
01:03:42 → 01:03:45 การเกินขนาด 10 เม็ดในสัปดาห์ด้วยแล้วก็
01:03:45 → 01:03:47 10 เม็ดต่อเดือนด้วยที่จะทำให้ติดยาแก้
01:03:47 → 01:03:51 ปวดนะเอาง่ายๆก็คือห้ามกินกันแบบเกิน 1
01:03:51 → 01:03:53 แผงอ่ะค่ะ 1 แผงมี 10 เม็ดนะถ้าจะกินหรือ
01:03:53 → 01:03:56 ใครกินอยู่ให้รู้ด้วยถ้ากินเกิน 10 เม็ด
01:03:56 → 01:03:58 เมื่อไหร่อันนี้ต้องหาหมอแล้วต่อมาก็จะ
01:03:58 → 01:04:01 เป็นยากลุ่มที่เป็นแก้ปวดไมเกรนเหมือนกัน
01:04:01 → 01:04:04 พัฒนามาจากยากลุ่มเก่าเมื่อกี้นะกลุ่ม
01:04:04 → 01:04:07 เก่าเมื่อกี้ใช้กันมาแบบว่า 4-50 ปีขึ้น
01:04:07 → 01:04:11 ไปอ่ะ 30 ปีขึ้นไปกลุ่มนี้น่าจะอีกมีใน
01:04:11 → 01:04:15 ไทยประมาณสัก 10-20 ปีละกันที่คนไข้จะ
01:04:15 → 01:04:18 เริ่มแบบรู้จักยากลุ่มทริปแทนมากขึ้น
01:04:18 → 01:04:20 กลุ่มนี้ใครจำชื่อยาไม่ได้นะแต่ลักษณะ
01:04:20 → 01:04:23 เด่นของเขาคือเขาจะมีกล่องนึงแค่ 2 เม็ด
01:04:23 → 01:04:26 หรือไม่ก็แค่ไม่เกิน 4 เม็ดแล้วแต่ยี่ห้อ
01:04:26 → 01:04:30 ก็คืออีiptrนแล้วก็ sumip trนที่เขาให้มา
01:04:30 → 01:04:33 แค่เนี้ยเพราะว่าวันนึงอ่ะอ่ะห้ามใช้เกิน
01:04:33 → 01:04:36 เท่านี้เค้ากลัวคนไข้ใช้เกินขนาดเขาก็เลย
01:04:36 → 01:04:39 แบบทำมาสำหรับแบบแผงนึงแค่ 2 เม็ดแผงนึง 4
01:04:39 → 01:04:42 เม็ดเพื่อที่จะได้กินไม่เกินวันนึง 1
01:04:42 → 01:04:44 กล่องเท่านั้นอย่าไปคิดว่าแบบอุ๊ยทำไมให้
01:04:44 → 01:04:46 น้อยจังก็เลยซื้อมา 10 กล่องซะเลยอะไร
01:04:46 → 01:04:48 อย่างเงี้ยอันนี้ไม่ควรข้อดีของยากลุ่ม
01:04:48 → 01:04:51 นี้ก่อนยากลุ่มนี้ยังมีฤทธิ์ไปออกหดหลอด
01:04:51 → 01:04:53 เลือดคล้ายๆกับกลุ่มเออกตามีนเพราะฉะนั้น
01:04:54 → 01:04:56 เนี่ยก็จะแก้ปวดไมเกรนได้ค่อนข้างเร็ว
01:04:56 → 01:04:59 เหมือนกันแต่อาจจะช้าถ้าคนไข้ส่วนใหญ่บอก
01:04:59 → 01:05:01 ว่าคนไข้บอกว่าช้ากว่าตัวเออกอาจจะประมาณ
01:05:01 → 01:05:05 สัก 30 นาที 45 นาทีแต่ข้อดีของเขาคือไอ้
01:05:05 → 01:05:07 ที่ว่าฤทธิ์หดหลอดเลือดส่วนปลายค่ะไม่ว่า
01:05:07 → 01:05:09 จะเป็นแบบปลายมือปลายเท้าหรือว่าหลอด
01:05:09 → 01:05:11 เลือดหัวใจอ่ะเขาน้อยกว่าน้อยกว่ากลุ่ม
01:05:12 → 01:05:15 เอกอแล้วก็เป็นการจับแบบจับไม่จับไม่แน่น
01:05:15 → 01:05:18 เท่าเออกอหมายความว่าสมมุติว่าบังเอิญโชค
01:05:18 → 01:05:21 ร้ายจริงๆคนไข้กินเออกอหรือกินทริปแทน
01:05:21 → 01:05:23 เข้าไปแล้วมีโรคหัวใจแล้วเกิดแบบกล้าม
01:05:23 → 01:05:26 เนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพันขึ้นมาเนี่ยพอ
01:05:26 → 01:05:29 หยุดยาปุ๊บเนี่ยเออก็จะมดฤทธิ์เนี่ยนาน
01:05:29 → 01:05:31 มากเป็นวันอะไรอย่าเงี้ยค่ะในขณะที่แบบ
01:05:31 → 01:05:33 ตัวกลุ่มพรุทิปแทนเนี่ยเนี่ยยังหมดฤทธิ์
01:05:33 → 01:05:35 ได้เร็วกว่าั้นถ้าเกิดเรื่องมาจริงๆก็ยัง
01:05:35 → 01:05:38 แบบโอเคค่อนข้างปลอดภัยกว่าแล้วก็ยาจะ
01:05:38 → 01:05:40 อยู่ออกฤทธิ์ยาวกว่าเช่นเออก่อนจะอยู่
01:05:40 → 01:05:42 ประมาณ 6 ชม.เพราะฉะนั้นวันนึงอ่ะบางที
01:05:42 → 01:05:45 มันต้องกินซ้ำพอกินซ้ำเสร็จก็เสี่ยงต่อ
01:05:45 → 01:05:47 การกินเกินขนาดละแต่กลุ่มพวกนี้มันอาจจะ
01:05:47 → 01:05:50 อยู่ไปได้ซักแบบประมาณวันนึงหรือ 12 ชม.
01:05:50 → 01:05:52 ขึ้นไปอะไรเงี้ยเพราะฉะนั้นก็โอกาสกินซ้ำ
01:05:52 → 01:05:55 ใน 1 วันก็น้อยกว่าก็จะใช้ปริมาณยาที่
01:05:55 → 01:05:58 เหมือนน้อยกว่าแต่ราคาก็สูงกว่ากลุ่มแรก
01:05:58 → 01:06:01 แล้วก็ติดยาง่ายเหมือนกันนะตัวนี้ก็ห้าม
01:06:01 → 01:06:03 ใช้เกิน 10 เมต่อเดือนเหมือนกันเมื่อไหร่
01:06:03 → 01:06:07 ที่ใช้เกิน 10 เม็ดก็จะมี MOH ภาวะเอ่อ
01:06:07 → 01:06:09 ปวดหัวจากยาแก้ปวดเกินขนาดได้เหมือนกัน
01:06:09 → 01:06:13 อีกแล้วก็ข้อเสียอีกอันนึงของตัวนี้คนไข้
01:06:13 → 01:06:16 หลายคนเนี่ยจะบอกว่ากินยาหายปวดหัวแต่
01:06:16 → 01:06:20 ทรมานมากค่ะคือเอ่อเค้าจะมีผลข้างเคียง
01:06:20 → 01:06:23 เรื่องแบบความกระสับกระส่ายผะดผะอมหรือ
01:06:23 → 01:06:26 ว่าคนไข้จะรู้สึกว่าแบบบางทีกินแล้ว
01:06:26 → 01:06:28 เหมือนเป็นโรคหัวใจหวิวๆไปเลยหรือว่า
01:06:28 → 01:06:30 เปรี้ยเปรี้ยแบบไม่มีแรงไปเลยอ่ะคือต้อง
01:06:30 → 01:06:33 ไปนอนพักแล้วตื่นมาก็ค่อยดีขึ้นแล้วก็
01:06:33 → 01:06:35 ค่อยหายไมเกรนอะไรอย่างเงี้ยค่ะนะไม่ใช่
01:06:35 → 01:06:37 ทุกคนนะคะแต่ว่าก็เจอได้ค่อนข้างบ่อย
01:06:37 → 01:06:39 เพราะฉะนั้นผลข้างเคียงมันจะค่อนข้างเยอะ
01:06:39 → 01:06:42 นิดนึงกลุ่มเนี้ยก็ทั่วโลกเนี่ยก็ต้องถือ
01:06:42 → 01:06:44 ว่าอ่ะเป็นกลุ่มยารักษาไมเกรนที่ค่อนข้าง
01:06:44 → 01:06:47 แบบเป็นแก้ปวดที่ค่อนข้างใหม่ล่าสุดแล้ว
01:06:47 → 01:06:50 แหละก่อนหน้าที่จะมียาตัวอมใต้ลิ้นน่ะนะ
01:06:50 → 01:06:52 คะแล้วก็เขาก็เจอว่าคนไข้อ่ะต่อให้กิน
01:06:52 → 01:06:55 กลุ่มนี้แล้วอ่ะก็คือทนทนข้างเคียงก็ไม่
01:06:55 → 01:06:57 ค่อยไหวแล้วก็มีโอกาสที่ยังแบบใช้ยาแก้
01:06:57 → 01:07:00 ปวดเกินขนาดค่อนข้างเยอะรวมไปถึงคนไข้โรค
01:07:00 → 01:07:02 หัวใจเองหรือว่าที่มีความเสี่ยงโรคหัวใจ
01:07:02 → 01:07:05 เยอะๆเองจะใช้ยากลุ่มนี้ก็ต้องระวัง
01:07:05 → 01:07:07 เหมือนกันก็จะเป็นข้อจำกัดของยาแก้ปวด
01:07:07 → 01:07:10 กลุ่มเก่าๆอีกกลุ่มนึงอ่าอันนี้หมอไม่ได้
01:07:10 → 01:07:12 เขียนไปในตอนแรกแต่ว่าอยากจะโชว์ให้ดูก็
01:07:12 → 01:07:15 คือเรื่องของตัวกลุ่มแก้ปวดที่เป็นopีอil
01:07:15 → 01:07:18 opอยคืออนุพันธ์มอร์ฟีนในท้องตลาดเนี่ย
01:07:18 → 01:07:22 ส่วนใหญ่ในไทยเนี่ยเนี่ยก็จะสีหน้าตา
01:07:22 → 01:07:25 ประมาณเนี้ยค่ะสีเหลืองเขียวเป็นแคปซูล
01:07:25 → 01:07:27 เหลืองเขียวส่วนใหญ่แต่ก็โอเคบางยี่ห้อ
01:07:27 → 01:07:28 เป็นเม็ดอะไรอย่างเงี้ยแต่ว่าส่วนใหญ่เลย
01:07:29 → 01:07:33 อ่ะที่เห็นมาหน้าตาจะประมาณนี้อันเนี้ยขอ
01:07:33 → 01:07:36 ไว้นิดนึงนะคะคือถ้าเป็นไมเกรนจริงๆนะวัน
01:07:37 → 01:07:39 นี้เราคุยกันเรื่องไมเกรนถ้าเป็นปวดหัว
01:07:39 → 01:07:42 ไมเกรนจริงๆอ่ะเวลาใช้ยาแก้ปวดมา 3-4
01:07:42 → 01:07:44 สเต็ปแรกอ่ะไม่ว่าจะเป็นพาราเซตเอ่อเออ
01:07:44 → 01:07:46 ทริปแทนอ่ะยังอยู่ในกลุ่มที่แบบใช้รักษา
01:07:46 → 01:07:50 ไมเกรนได้แต่opีอ่ะค่ะทราาดเนี่ยมันไม่
01:07:50 → 01:07:53 ได้รักษาไมเกรนอ่ะไม่ได้ไปยุ่งกับกลไกการ
01:07:54 → 01:07:56 อักเสบหรืออะไรในคนไข้ปวดไมเกรนเลยนะคะ
01:07:56 → 01:07:59 เพราะฉะนั้นขออย่างนึงว่าถ้าวันเนี้ยใคร
01:07:59 → 01:08:03 ที่แบบเป็นไมเกรนน่ะแล้วปวดหัวแล้วใช้ยา
01:08:03 → 01:08:06 แก้ปวดกลุ่มนี้อยู่เพื่อแก้ปวดไมเกรนวัน
01:08:06 → 01:08:10 เนี้ยอย่างน้อยนะคะสิ่งที่ได้ไปคืออย่า
01:08:10 → 01:08:15 ใช้ในการแก้ปวดไมเกรนเพราะติดยาง่ายมาก
01:08:15 → 01:08:19 และรักษาการติดยายากกว่ากลุ่มแรกแรกอีก
01:08:19 → 01:08:21 เพราะฉะนั้นอันเนี้ยคืออยากให้คนไข้รู้
01:08:21 → 01:08:24 ไว้ว่ามันไม่ใช่ยาแก้ปวดไมเกรนนะแต่เค้า
01:08:24 → 01:08:27 อ่ะคือเค้าก็เป็นยาแก้ปวดที่ดีเหมาะกับ
01:08:27 → 01:08:31 เคสบางเคสเช่นปวดมะเร็งปวดเอ่อเส้นประสาท
01:08:31 → 01:08:34 หรือปวดอะไรที่แบบปวดค่อนข้างรุนแรงหรือ
01:08:34 → 01:08:37 ถ้าเป็นเมื่อก่อนน่ะอย่างเช่นคนไข้มีโรค
01:08:37 → 01:08:39 ประจำตัวจริงๆเช่นกินเอเสตไม่ได้เพราะ
01:08:39 → 01:08:42 เป็นโรคกระเพาะหรือมีค่าไตเสื่อมกินเออกอ
01:08:42 → 01:08:44 ก็ไม่ได้กินทิปแทนไม่ได้เพราะเป็นโรคหัว
01:08:44 → 01:08:47 ใจโอเคอ่ะเราอาจจะแบบหยวนๆหยวนใช้กลุ่ม
01:08:48 → 01:08:50 เนี้ยเนี่ยเพื่อแก้ปวดไมเกรนให้แต่ถ้าใคร
01:08:50 → 01:08:53 ที่ไม่ได้มีข้อห้ามเหล่านี้อยากให้หยุด
01:08:53 → 01:08:56 ใช้ก่อนที่จะเอ่อมีภาวะติดยาแก้ปวดแล้วก็
01:08:56 → 01:08:59 รักษายากมากๆอีกอันนึงเลยที่ต้องระวัง
01:08:59 → 01:09:02 แล้วต้องมาเอ่อให้ทุกคนรู้จักกันคือเรา
01:09:02 → 01:09:05 เรียกว่าเป็นยาแก้ปวดแบบผสมผสมคือในยา
01:09:05 → 01:09:08 เม็ดนึงเนี่ยมีมากกว่า 1 ตัวอย่างตัวด้าน
01:09:08 → 01:09:10 ซ้ายอันเนี้ยหมอเจอคนไข้กินบ่อยอันนี้ไม่
01:09:11 → 01:09:14 มีขายในไทยแต่ขายอยู่ในต่างประเทศนะคะ
01:09:14 → 01:09:17 แล้วคนไข้หลายคนก็จะแบบโอเคแบบมีโอกาสไป
01:09:17 → 01:09:18 ต่างประเทศหรือว่ามีใครซื้อมาให้เนี่ยก็
01:09:19 → 01:09:21 จะกินตัวนี้ตัวกระปุกแดงๆเนี่ยก็จะเป็น
01:09:22 → 01:09:25 แอสไพinผสมกับตัวอเซตามิโนเฟนผสมกับตัว
01:09:25 → 01:09:28 คาเฟอีนเพราะฉะนั้นเนี่ยยาในยา 1 เม็ด
01:09:28 → 01:09:30 เนี่ยมียาถึง 3 ตัวอย่างเงี้ยเราเรียกว่า
01:09:30 → 01:09:34 ยากลุ่มแบบผสมนะคะข้อดีคือด้วยความที่พอ
01:09:35 → 01:09:38 เรากินยาหลายตัวมันก็จะหายปดค่อนข้างเร็ว
01:09:38 → 01:09:41 แหละแต่ข้อเสียคือเราก็จะติดยาง่ายมาก
01:09:41 → 01:09:43 เหมือนกันไม่เหมือนกับการกินพาราแยกตัว
01:09:43 → 01:09:45 กินเอเซตแยกตัวอะไรแบบนี้นะคะเพราะถ้า
01:09:45 → 01:09:48 เป็นยากลุ่มแบบผสมเราก็จะเอาให้ไม่เกิน 10
01:09:48 → 01:09:51 เมตเหมือนกันก็มีโอกาสที่จะปวดหัวจากยา
01:09:51 → 01:09:53 แก้ปวดเกินขนาดแล้วกับอันด้านขวาเนี่ยอัน
01:09:53 → 01:09:56 ด้านขวาเนี่ยจะเป็นตัวพาราเซตามอลบวกกับ
01:09:56 → 01:10:00 ตัวทราาดทราาดก็คือไอ้ขาวเหลืองเอ้ยไม่
01:10:00 → 01:10:03 ใช่เหลืองเขียวเหลืองเขียวเมื่อกี้แต่
01:10:03 → 01:10:07 อันเนี้ยผสมพาราเข้าไปด้วยก็เหมือนกันคือ
01:10:07 → 01:10:09 ถ้าเลือกได้อ่ะเลือกได้แล้วเป็นไมเกรนน่ะ
01:10:09 → 01:10:12 เลือกได้อย่าไปเลือกเพราะฉะนั้นก็อย่าไป
01:10:12 → 01:10:14 เลือกตัวนี้ด้วยเหมือนกันถ้าเกิดเป็นมี
01:10:14 → 01:10:16 ตัวอื่นให้เราใช้อ่ะทีนี้ก็เลยจะเหมือน
01:10:16 → 01:10:20 เป็นแบบว่าอ่ะผ่านมาทั้งหมดเนี่ยอธิบายยา
01:10:20 → 01:10:22 มาทั้งหมดแก้ปวดเมื่อกี้แล้วถ้าเกิดเรามี
01:10:22 → 01:10:25 ข้อห้ามของทุกตัวจริงๆล่ะคะเช่นกินพารา
01:10:25 → 01:10:29 ไม่หายกินเอเศตไม่ได้เออกอดมีโรคหัวใจทิป
01:10:29 → 01:10:33 แทนมีโรคหัวใจธมาดอไม่ให้ใช้ถ้าเมื่อก่อน
01:10:33 → 01:10:36 ก็ต้องหยวนแต่ถ้าตอนนี้นะก็จะมียาแก้ปวด
01:10:36 → 01:10:37 กลุ่มใหม่เราเรียกว่ากลุ่มใหม่ก็คือกลุ่ม
01:10:37 → 01:10:40 GP เนี่ยเอ่อที่สามารถเอามาแก้ปวดในคน
01:10:40 → 01:10:43 ไข้ที่มีข้อจำกัดที่กล่าวไปเบื้องต้นได้
01:10:43 → 01:10:45 ซึ่งตัวจริงๆกลุ่ม GP ไม่ได้มียาแค่ตัว
01:10:45 → 01:10:47 เดียวเอ่ออย่างในต่างประเทศจะมียาหลายตัว
01:10:47 → 01:10:52 มากๆนะคะไม่ว่าจะเป็น GPro GP GP รวมไป
01:10:52 → 01:10:55 ถึงตัว Sav Gpant ที่เป็นตัวพ่นเข้าจมูก
01:10:55 → 01:10:58 แต่ในไทยเนี่ยเอ่อยังเพิ่งเข้าไทยตัว
01:10:58 → 01:11:00 เดียวก็คือตัวอมใต้ลิ้นที่เป็นรีมPantน
01:11:00 → 01:11:02 ส่วนตัวอื่นๆเนี่ยก็ต้องติดตามกันต่อไป
01:11:02 → 01:11:05 อีกทีนึงตัวกลุ่มนี้จะมีที่เป็นแก้ปวด
01:11:05 → 01:11:08 อย่างเดียวแล้วก็เป็นแก้ปวดและป้องกัน
01:11:08 → 01:11:10 อย่างตัวที่เข้าไทยมาก็เป็นตัวที่เป็นแก้
01:11:10 → 01:11:12 ปวดและป้องกันเพราะฉะนั้นเนี่ยสมมุติว่า
01:11:13 → 01:11:15 เราใช้ยาแก้ปวดตามสเต็ปที่เมื่อกี้กล่าว
01:11:15 → 01:11:18 มาเบื้องเบื้องต้นไปแล้วแล้วไม่หายหรือมี
01:11:18 → 01:11:21 ข้อจำกัดอันเนี้ยก็จะเป็นอีกอันนึงที่
01:11:21 → 01:11:25 โอเคเดี๋ยวนี้สมมุติคนไข้ไมเกรนมาแบบใช้
01:11:25 → 01:11:28 ยาแก้ปวดอะไรดีคะก็เป็นอีกหนึ่งช้อยส์ที่
01:11:28 → 01:11:31 น่าจะเอามาช่วยลดอาการปวดหัวคนไข้ได้แล้ว
01:11:31 → 01:11:34 ก็ค่อนข้างปลอดภัยตัวนี้ใช้ในคนไข้ที่มี
01:11:34 → 01:11:37 โรคหัวใจได้เไม่ได้มีความเสี่ยงของการ
01:11:37 → 01:11:40 เอ่อหดหลอดเลือดโดยตัวฤทธิ์ยาที่บอกว่า
01:11:40 → 01:11:44 มันไปยับยั้งสาร CGRP ตั้งแต่ต้นคลิป CGRP
01:11:44 → 01:11:47 ทำให้หลอดเลือดขยายตัวยายาแก้ปวดตัวอื่นๆ
01:11:47 → 01:11:49 เนี่ยที่เป็นเออทิปแทนก็คือรอหลอดเลือด
01:11:49 → 01:11:51 ขยายตัวแล้วเราค่อยโหดแต่ถ้าเป็นยาใน
01:11:51 → 01:11:54 กลุ่มสัน CGRP คือเขาจะไปยับยั้งตรงนี้
01:11:54 → 01:11:57 ตั้งแต่แรกเพราะฉะนั้นคือการป้องกันไม่
01:11:57 → 01:12:00 ให้หลอดเลือดขยายอ่ะค่ะยาตัวยาไม่ได้ไปหด
01:12:00 → 01:12:04 หลอดเลือดตัวยาทำให้หลอดเลือดไม่ขยายตัว
01:12:04 → 01:12:06 ฉะนั้นมันก็เลยแบบค่อนข้างปลอดภัยใช้ในคน
01:12:06 → 01:12:08 ไข้โรคหัวใจได้นะคะผลข้างเคียงค่อนข้าง
01:12:08 → 01:12:10 น้อยแต่ข้อเสียก็คืออย่างที่บอกคือมันอาจ
01:12:10 → 01:12:12 จะออกฤทธิ์ช้ากว่าตุ่มกลุ่มแก้ปวดนะหมาย
01:12:12 → 01:12:15 ความว่าแบบสมมุติว่าเราปวดหัวไมเกนตึ๊บ
01:12:15 → 01:12:16 ขึ้นมาแล้วแล้วแล้วแบบไม่ทันแล้วอ่ะแบบ
01:12:16 → 01:12:20 ตุบๆๆๆแล้วแบบจะอาเจียนอยู่ละอมเนี้ยอาจ
01:12:20 → 01:12:23 จะรู้สึกว่าโอไม่เห็นหายเลยรอไปอีกแบบ 2
01:12:23 → 01:12:25 ช่โมงอะไรแบบเนี้ยค่ะแต่ถ้าเกิดแบบเราอม
01:12:25 → 01:12:28 ได้เร็วแบบว่าเออเจอตัวกระตุ้นวันนี้ไป
01:12:28 → 01:12:31 เจอแดดแล้วแบบรูสละแบบเริ่มๆละตึ๊บละหรือ
01:12:31 → 01:12:34 ว่าบางคนที่มีออร่าไมเกนออ่าเนี่ยก็จะดี
01:12:34 → 01:12:36 ตรงที่เพราะว่าการที่มันมีออร่าเนี่ยแสดง
01:12:36 → 01:12:38 ว่าสมองเราเริ่มถูกกระตุ้นละแล้วก็เริ่ม
01:12:38 → 01:12:40 จะส่งสัญญาณมาข้างหน้าอย่างเงี้ยค่ะพอมี
01:12:40 → 01:12:43 ออร่าปุ๊บเนี่ยจากprocสที่มันจะกระตุ้น
01:12:43 → 01:12:45 ตรงนี้แล้วมาตรงเนี้ยแล้วเรารีบแบบให้ยา
01:12:45 → 01:12:47 เพื่อหยุดยังขบวนการอักเสบตรงนั้นเนี่ย
01:12:47 → 01:12:50 มันก็จะทำให้ไม่ปวดหัวต่อไปได้นะคะเพราะ
01:12:50 → 01:12:52 ฉะนั้นใครมีออร่าเนี่ยก็จะค่อนข้างง่าย
01:12:52 → 01:12:54 เพราะว่าแบบเราก็อมจากการที่มีออร่านี่
01:12:54 → 01:12:55 แหละแต่ถ้าใครไม่มีเนี่ยมันอาจจะต้อง
01:12:55 → 01:12:57 สังเกตอาการตัวเองนิดนึงว่าเอ้ยแบบเนี้ย
01:12:57 → 01:12:59 ไมเกรนเรากำลังจะมาแล้วนะอะไรอย่างเงี้ย
01:12:59 → 01:13:02 ค่ะก็จะสามารถใช้ยาได้เหมือนกันคนไข้ก็จะ
01:13:02 → 01:13:05 ชอบมาถามนะว่ายาแก้ปวดแบบจะกินตัวไหนดี
01:13:05 → 01:13:07 อะไรอย่างเงี้ยด้วยตัวทั้งหมดที่หมอพูดมา
01:13:07 → 01:13:10 ค่ะมันมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันทีนี้ถาม
01:13:10 → 01:13:13 ว่าแล้วยาแบบไหนล่ะที่เราจะกินแก้ปวด
01:13:13 → 01:13:16 ไมเกรนเหมาะกับคนๆเราก็ต้องมาดูคุณสมบัติ
01:13:16 → 01:13:18 ของยาก่อนคือไมเกรนเนี่ยเวลาปวดขึ้นมานะ
01:13:18 → 01:13:20 คะสิ่งแรกที่จะต้องทำเหมือนกันทุกคนคือ
01:13:20 → 01:13:22 พยายามเลี่ยงตัวกระตุ้นออกมาก่อนเช่นถ้า
01:13:22 → 01:13:23 ตัวกระตุ้นเราเป็นแสงแดดเนี่ยเราก็พยายาม
01:13:23 → 01:13:25 ไปอยู่ในที่มืดๆก่อนถ้าเป็นเสียงก็อยู่
01:13:25 → 01:13:28 ที่เงียบๆบางคนอาจจะใช้การประคบเย็นเนี่ย
01:13:28 → 01:13:29 ที่บริเวณหลอดเลือดที่รู้สึกมันกำลังขยาย
01:13:29 → 01:13:32 ตัวเพื่อหดหลอดเลือดเนี่ยช่วยได้แต่ถ้า
01:13:32 → 01:13:34 เราทำทุกอย่างไปแล้วเนี่ยแล้วมันยังปวด
01:13:34 → 01:13:37 มากอยู่นะคะส่วนใหญ่ก็รอได้ประมาณสซัก
01:13:37 → 01:13:39 15-20 นาทีเนี่ยแล้วถ้าเริ่มปวดมากอัน
01:13:39 → 01:13:41 นี้ก็อาจจะต้องเริ่มพิจารณาการใช้ยาแก้
01:13:41 → 01:13:42 ปวดละเพราะเรารู้ว่าถ้าเกิดเราปล่อยให้
01:13:43 → 01:13:45 ไมเกรนปวดอ่ะค่ะเกินเดินไปเรื่อยๆอ่ะค่ะ
01:13:45 → 01:13:48 ส่วนใหญ่อ่ะมันก็จะไม่จบมันไปต่อทีนี้ก็
01:13:48 → 01:13:50 ยาวแล้วค่ะหลายชั่วโมงหรือว่าเป็นวันไป
01:13:50 → 01:13:52 เลยแต่ถ้าเกิดแบบเราพยายามหยุดยั้งขบวน
01:13:52 → 01:13:55 การอักเสบตรงนั้นได้เร็วอ่ะค่ะมันก็จะจบ
01:13:55 → 01:13:58 เร็วทีนี้ยาที่จะเอามาแก้ปวดได้ดี 1 ก็
01:13:58 → 01:14:00 คือเลยต้องเป็นยาที่ออกฤทธิ์เร็วผลข้าง
01:14:00 → 01:14:02 เคียงน้อยแล้วก็กินแล้วก็อยู่ได้ค่อนข้าง
01:14:02 → 01:14:05 ยาวไม่ต้องกินยาซ้ำๆบ่อยๆแล้วก็สามารถแบบ
01:14:05 → 01:14:07 เ่าใช้ในคนที่มีโรคประจำตัวอะไรเงี้ยได้
01:14:07 → 01:14:10 เพราะฉะนั้นถามว่าแล้วใครเหมาะกับอะไรล่ะ
01:14:10 → 01:14:12 ก็แล้วแต่คนเลยค่ะถ้าเราแบบเป็นคนอายุ
01:14:12 → 01:14:15 น้อยไม่มีโรคประจำตัวไม่มีโรคกระเพาะด้วย
01:14:15 → 01:14:17 อยากได้ยาออกฤทธิ์เร็วอาการไมเกรนก็เป็น
01:14:17 → 01:14:19 ไม่เยอะบางทีเราอาจจะเลือกใช้กลุ่มพวก
01:14:19 → 01:14:22 เอเซตแค่นี้ก็เอาอยู่และในแต่ในขณะที่แบบ
01:14:22 → 01:14:25 ถ้าอายุแบบเริ่มแบบ 4-50 เริ่มมีความ
01:14:25 → 01:14:26 เสี่ยงโรคหัวใจอะไรอย่างเงี้ยจะใช้ยา
01:14:26 → 01:14:29 กลุ่มที่มีความเสี่ยงต่อหัวใจแล้วก็อาจจะ
01:14:29 → 01:14:31 กังวลแล้วก็อาจจะใช้ตัวที่ปลอดภัยมากขึ้น
01:14:31 → 01:14:33 อะไรแบบนี้อันนี้นะคะหมอก็เลยจะสรุปไว้
01:14:33 → 01:14:36 ให้ฟังคร่าวๆว่าแต่ละตัวเนี่ยการออกฤทธิ์
01:14:36 → 01:14:38 มันเป็นยังไงอย่างตัวอันแรกสุดเลยคือ
01:14:38 → 01:14:40 พาราเซตอลเนี่ยพาราเซตอลออกฤทธิ์ช้าก็
01:14:40 → 01:14:43 ประมาณสักชั่วโมงนึงเซตเซตถ้าเป็นเเซต
01:14:43 → 01:14:45 ฟอร์มออกฤทธิ์เร็วนะคะอันนี้จะค่อนข้าง
01:14:45 → 01:14:47 เร็วไม่เกินครึ่งชั่วโมงแล้วก็ถ้าอย่าง
01:14:47 → 01:14:50 กลุ่มเออทิปแพนทริปก็เผื่อๆไว้ประมาณสัก
01:14:50 → 01:14:52 30- ชั่วโมงนึงเหมือนกันหรือถ้าเป็นยา
01:14:52 → 01:14:54 แก้ปวดกลุ่มใหม่ก็คือจริงๆเขาบอกว่ามัน
01:14:54 → 01:14:56 เริ่มออกฤทธิ์ตั้งแต่ 15 นาทีนะแต่ว่าจะ
01:14:56 → 01:14:59 ไปพลิกจริงๆเนี่ย 2 ช่โมงซึ่งที่ใช้กับคน
01:14:59 → 01:15:01 ไข้มาจริงๆคนไข้ก็บอกว่าส่วนใหญ่มันก็จะ
01:15:01 → 01:15:03 แบบเกินชั่วโมงนึงอ่ะค่ะงั้นถ้าเทียบกับ
01:15:03 → 01:15:05 กลุ่มพวกเอเสอะไรเงี้ยก็อาจจะไม่ได้ออก
01:15:05 → 01:15:07 ฤทธิ์เร็วเท่าข้อดีก็คือมาดูที่ side
01:15:07 → 01:15:09 เอฟเฟectSซฟเฟectก็คือผลข้างเคียงถ้าคน
01:15:09 → 01:15:11 กินพาราระวังเรื่องตับคนกินเอนเสตระวัง
01:15:11 → 01:15:14 เรื่องไต่คนกินเออเกาะทิปแทนระวังเรื่อง
01:15:14 → 01:15:17 หัวใจในขณะที่ตัว GP เนี่ยจริงๆตับไตแล้ว
01:15:17 → 01:15:19 ก็หัวใจเนี่ยถือว่าค่อนข้างปลอดภัยแต่ก็
01:15:19 → 01:15:21 ระวังเรื่องปฏิกิริยาที่ตีกันกับยาบางตัว
01:15:21 → 01:15:23 นะคะซึ่งอันนี้ก็เลยต้องแบบว่าห้ามซื้อยา
01:15:23 → 01:15:26 กินเองต้องให้คุณหมอเป็นคนสั่งนะคะซึ่งโจ
01:15:26 → 01:15:28 Gพนทุกวันนี้ก็ยังไม่ได้มีซื้อยากินเอง
01:15:28 → 01:15:30 ได้นะคะต้องเป็นแพทย์สั่งเท่านั้นอีกอัน
01:15:30 → 01:15:32 นึงที่สำคัญคือช่องสุดท้ายคือเรื่องของ
01:15:32 → 01:15:34 Medication Over Your TA ก็คือยาแก้
01:15:34 → 01:15:38 ปวดหัวทุกตัวยิ่งกินยิ่งปวดคือถ้าเกิดเรา
01:15:38 → 01:15:40 ใช้เยอะเกินขนาดอันนี้ก็ที่หมอเคยพูด
01:15:40 → 01:15:42 เรื่องตัว Medication overuse ไปอย่าง
01:15:42 → 01:15:44 ละเอียดละเอียดแล้วทีนี้เนี่ยถ้าเกิดใคร
01:15:44 → 01:15:46 ที่กินยาแก้ปวดอยู่แบบเป็นไมเกรนแล้ว
01:15:46 → 01:15:48 รักษาด้วยกันใช้ยาแก้ปวดอย่างเดียวอยู่
01:15:48 → 01:15:51 ให้เฝ้าสังเกตตัวเองว่าเราใช้ยาเกินเรา
01:15:51 → 01:15:53 หรือยังถ้าเกิน 10 เม็ดต่อเดือนเมื่อไหร่
01:15:53 → 01:15:55 ถ้ากลุ่มเก่าอย่างเช่นพาราเอ็นเซตเนี่ย
01:15:55 → 01:15:57 เราให้ 15 เม็ดแต่เอาแต่เอาจริงๆบอกว่า
01:15:57 → 01:16:00 ไม่มีใครใช้ตัวเดียวค่ะคือหมายความว่าคือ
01:16:00 → 01:16:02 คนส่วนใหญ่ใช้อ่ะใช้ผสมอยู่แล้วอันนี้ไม่
01:16:02 → 01:16:04 หายใช้ตัวนี้ใช้อันนี้ไม่หายใช้ตัวนี้
01:16:04 → 01:16:07 เพราะฉะนั้นถ้าเกิน 10 ถ้าเราไปเอาที่ 15
01:16:07 → 01:16:08 เมตรส่วนใหญ่อ่ะเกินไปละเกินไปแล้วแล้ว
01:16:08 → 01:16:10 ค่อยมารักษาจริงๆอ่ะหมอจะให้คนไข้ทุกคน
01:16:11 → 01:16:13 คือเอาแบบไม่เกิน 10 อ่ะ 8 เม็ดนี่ก็ต้อง
01:16:13 → 01:16:16 เริ่มแล้วว่าเราปวดถี่คนที่ปวดแบบไมเกรน
01:16:16 → 01:16:18 แบบที่ดูแลตัวเองได้แล้วยังไม่ต้องใช้ยา
01:16:18 → 01:16:19 ป้องกันก็คือควรจะปวดเดือนนึงครั้ง 2
01:16:19 → 01:16:22 ครั้งอะไรแบบเนี้ยค่ะก็คือเราจะใช้ยาไม่
01:16:22 → 01:16:24 เกิน 4-5 เมตอ่ะเพราะฉะนั้นถ้าเราเริ่ม
01:16:24 → 01:16:26 ใช้เกิน 10 เมตรต่อเดือนก็จะต้องระวังละ
01:16:26 → 01:16:28 แต่อันนี้ก็จะเป็นตัวGพpเนี่ยก็จะเป็นตัว
01:16:28 → 01:16:29 เดียวที่แบบว่าด้วยความที่เขาเป็นยาแก้
01:16:29 → 01:16:32 ปวดและป้องกันเขาเลยไม่มี MOH อันนี้ยิ่ง
01:16:32 → 01:16:34 เรากินบ่อยเท่าไหร่เช่นสมมุติว่าเราปวด
01:16:34 → 01:16:35 หัวประมาณสซักแบบ 8 ครั้ง 10 ครั้งอย่าง
01:16:35 → 01:16:39 เงี้ยโอเคเราก็จะใช้ในแง่ของการแก้ปวดไป
01:16:39 → 01:16:41 แต่พอแบบเราปวดบ่อยขึ้นน่ะแล้วเราใช้บ่อย
01:16:41 → 01:16:43 ขึ้นใช้กันเป็นเหมือนเป็นป้องกันไปเลยก็
01:16:43 → 01:16:45 คือกินวันเว้นวันไปเลยอันนี้ก็จะได้ฤทธิ์
01:16:45 → 01:16:47 เป็นแบบการป้องกันแทนไปนี้ก็จะเป็นเหมือน
01:16:47 → 01:16:49 เป็นอีกทางเลือกนึงของการรักษาไมเกนยุค
01:16:49 → 01:16:52 เนี้ยค่ะที่แบบว่าโอเคคนที่จะใช้ยาแก้ปวด
01:16:52 → 01:16:54 เยอะมากๆแล้วจะเกินขนาดจริงๆเราอาจจะต้อง
01:16:54 → 01:16:56 มีการนำยากลุ่มพวกเนี้ยมาใช้สลับด้วย
01:16:56 → 01:16:58 เพราะว่าหลายคนก็จะถามหมอว่าอ้าวแล้วถ้า
01:16:58 → 01:17:01 เกิดแบบปวดหัว 20 วันน่ะให้หนูกินยา 10
01:17:01 → 01:17:03 เม็ดแล้วอีก 10 วันหนูทำไงคะอะไรอย่าง
01:17:03 → 01:17:05 เงี้ยค่ะอันเนี้ยก็จะเป็นแบบตัวที่เหมือน
01:17:05 → 01:17:08 เป็นแบบอ่ะมาช่วยลดอาการคนไข้ได้อีกทาง
01:17:08 → 01:17:10 นึงอะไรประมาณนี้เพราะฉะนั้นเนี่ยพอแบบ
01:17:10 → 01:17:13 ถามว่าคนไข้จะชอบถามว่าอ้าแล้วกินตัวไหน
01:17:13 → 01:17:16 สรุปกินตัวไหนคะหมอก็จะแบบว่าเออมันไม่มี
01:17:16 → 01:17:19 ตัวไหนที่แบบดีที่สุดแมทที่สุดกับใครสุด
01:17:19 → 01:17:21 ท้ายเราก็จะดูเรื่องของการออกฤทธิ์ยาโรค
01:17:21 → 01:17:25 ประจำตัวแล้วก็ราคาด้วยนะยากลุ่มใหม่ๆ
01:17:25 → 01:17:28 ทั้งหลายที่ออกฤทธิ์ที่ CGRP ถือว่าราคา
01:17:28 → 01:17:31 ยังค่อนข้างสูงมากถ้าบางคนเนี่ยใช้ยา
01:17:31 → 01:17:33 กลุ่มเดิมๆได้ดีอยู่แล้วหรือว่าไม่ได้มี
01:17:33 → 01:17:36 ข้อจำกัดเนี่ยเราก็อาจจะไม่ได้จำเป็นจะ
01:17:36 → 01:17:38 ต้องเปลี่ยนไปใช้ยาที่มันราคาสูงขึ้นแต่
01:17:38 → 01:17:40 ถ้าเกิดคนที่มีโรคประจำตัวเยอะๆหรือมี
01:17:40 → 01:17:42 ความเสี่ยอย่างที่จะแบบใช้ยาแก้ปวดเกิน
01:17:42 → 01:17:45 ขนาดหรือว่าเอ่อค่อนข้างแบบโอเคเราพอแบบ
01:17:45 → 01:17:48 ไหวอะไรอย่างเงี้ยค่ะมันก็การใช้ยานที่
01:17:48 → 01:17:49 ออกฤทธิ์กับไมเกรนโดยตรงก็อาจจะมี
01:17:50 → 01:17:52 ประโยชน์มากกว่าประมาณนั้นส่วนใหญ่หมอจะ
01:17:52 → 01:17:55 ให้คนไข้อ่ะประเมินระดับความรุนแรงของ
01:17:55 → 01:17:57 ไมเกรนคร่าวๆแล้วกันอย่างเช่นแบบเวลาเรา
01:17:57 → 01:18:00 จะปวดไมเกรนขึ้นมาค่ะเราอาจจะสกอร์ตัวเอง
01:18:00 → 01:18:02 คร่าวๆคือ 0-10 ถ้าเราปวดน้อยๆอ่ะปวดแบบ
01:18:02 → 01:18:05 ประมาณสัก 3 แต้มเราอาจจะลองใช้กลุ่มแก้
01:18:05 → 01:18:08 ปวดที่มันไม่ได้แรงมากเช่นแบบกลุ่มแรก
01:18:08 → 01:18:09 พาราไข่กล้ามเนื้ออะไรอย่างเงี้ยได้แต่
01:18:10 → 01:18:11 ถ้าเราปวดในอยู่ในระดับกลางๆเป็นต้นไปละ
01:18:12 → 01:18:14 เริ่ม 4 แต้มถึงแบบ 7 แต้มอะไรเงี้ยเราก็
01:18:14 → 01:18:16 อาจจะต้องใช้อย่างกลุ่มอย่างน้อยก็คือ
01:18:16 → 01:18:18 ต้องเอเซล่ะหรือบางคนก็อาจจะชิไปใช้กลุ่ม
01:18:18 → 01:18:21 แบบพวกเออกอดทิปแทนไปเลยแต่ถ้าเราปวดมา
01:18:21 → 01:18:23 ถึงปุ๊บแล้วปวดรุนแรงอ่ะแล้วเราไปสเต็ป
01:18:23 → 01:18:26 ตั้งแต่พารารอไปอีกชั่วโมงนึงกินเณรเศษ
01:18:26 → 01:18:28 อะไรเงี้ยกลายเป็นว่าคนไข้อาเจียนออกไป
01:18:28 → 01:18:29 หมดก่อนอยู่ละเพราะฉะนั้นถ้าเราปวดมาตั้ง
01:18:29 → 01:18:31 ต้นแล้วเราก็ปวดแรงมากๆเลยเราก็อาจจะต้อง
01:18:31 → 01:18:34 ใช้ยากลุ่มที่มันแรงขึ้นไปเลยก็คือพวกเออ
01:18:34 → 01:18:37 แทนส่วนกลุ่มยาอมตลีนก็จะเป็นแบบว่าเริ่ม
01:18:37 → 01:18:39 รู้ว่าตั้งแต่จะปวดอ่ะคือไม่ต้องรอ 0-10
01:18:39 → 01:18:41 อ่ะค่ะเริ่มรู้ว่าตั้งแต่จะปวดก็คือกิน
01:18:41 → 01:18:43 เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการกำเริบหรือว่า
01:18:44 → 01:18:46 เกิดอาการปวดไปเลยประมาณนี้แล้วก็สุดท้าย
01:18:46 → 01:18:50 นะคะคือทั้งหมดทั้งปวงในวันนี้เนี่ยเรา
01:18:50 → 01:18:53 อ่าพูดถึงเรื่องของยาเหมือนเดิมนะคะหมอ
01:18:53 → 01:18:55 ไม่ได้ไม่ได้มีสปอนเซอร์ไม่ได้มีมาบอกว่า
01:18:55 → 01:18:59 ตัวไหนดีไม่ดีอยากให้คนไข้รู้จากยาทั้ง
01:18:59 → 01:19:02 หมดที่รัใช้การรักษาในไมเกรนในปัจจุบัน
01:19:02 → 01:19:06 ว่ามียาป้องกันมียาแก้ปวดตัวไหนดียังไง
01:19:06 → 01:19:09 ไม่ดียังไงเราควรเหมาะกับตัวไหนยังไงแล้ว
01:19:09 → 01:19:13 ก็เมื่อไหร่ที่เราควรจะไปพบแพทย์ละเพื่อ
01:19:13 → 01:19:14 รับการรักษาอย่างจริงจังแล้วก็สุดท้าย
01:19:14 → 01:19:17 ไมเกรนทุกคนนะคะถ้าอยากหายไมเกรนนะยังไง
01:19:17 → 01:19:20 ก็ต้องดูแลตัวเองไปฟังคลิปเพิ่มเติมได้
01:19:20 → 01:19:22 คลิปนี้ก็คือได้อธิบายการดูแลตัวเองไว้
01:19:22 → 01:19:25 อย่างละเอียดและก็คือแบบเนี่ยกินยาแก้ปวด
01:19:25 → 01:19:28 ให้ถูกปรับพฤติกรรมใช้ชีวิตให้แบบไม่
01:19:28 → 01:19:30 เสี่ยงต่อการเกิดไมเกรนน่ะค่ะกินอิ่มนอน
01:19:30 → 01:19:33 หลับออกกำลังกายจดบันทึกอาการไมเกรนได
01:19:33 → 01:19:35 diอารี่นี่เป็นอะไรที่แบบสำคัญมากๆเพราะ
01:19:35 → 01:19:37 ว่าไม่งั้นคุณหมอเขาก็จะไม่รู้แล้วว่า
01:19:37 → 01:19:39 ไมเกรนเราเป็นเลเวลไหนแล้วเราเองก็ไม่รู้
01:19:39 → 01:19:42 ด้วยว่ากินยาเกินไปแล้วหรือยัง 4 ก็คือ
01:19:42 → 01:19:45 ใช้ยาป้องกันรักษาให้อย่างถูกต้องสำหรับ
01:19:45 → 01:19:47 คนที่ต้องได้ยาป้องกันและสุดท้ายที่เจอ
01:19:47 → 01:19:49 บ่อยคืออย่าลืมรักษาโรคที่มาร่วมกันกับ
01:19:49 → 01:19:52 ไมเกรนนะคะเช่นโดยเฉพาะวิตกกังวลและซึม
01:19:52 → 01:19:55 เศร้าและภาวะปวดหัวจากยาแก้ปวดเกินขนาด
01:19:55 → 01:19:58 เพราะว่าอันเนี้ยจะเป็นอันที่แบบหลายคน
01:19:58 → 01:20:00 บอกว่าทำ 1-4 มาแล้วทำไมไมเกรนยังไม่หาย
01:20:00 → 01:20:03 คะเพราะว่ายังไม่ได้รักษาเรื่องโรคร่วม
01:20:03 → 01:20:05 ด้วยนะคะยังไม่ได้ถอนยาแก้ปวดยังไม่ได้
01:20:05 → 01:20:08 เอ่อภาวะวิตกกังวลซึมเศร้ายังไม่ดีขึ้น
01:20:08 → 01:20:10 อะไรอย่างเงี้ยเงแล้วหยุดยาไมเกรนเร็ว
01:20:10 → 01:20:13 เกินไปก็ชอบย้อนให้กลับมากำเริบแล้วก็
01:20:13 → 01:20:16 เป็นซ้ำได้ใหม่ไหนเราลองมาดูคอมเมนต์กัน
01:20:16 → 01:20:17 ชั่วโมง
01:20:17 → 01:20:21 ครึ่งสั้นกว่าเดิมนิดนึงนะคะของครั้งที่
01:20:21 → 01:20:25 แล้วนี่ 2 ชมงเกือบๆ 2 ชมงคุณสิริกรนะคะ
01:20:25 → 01:20:29 ยังอยู่มยอ่ะคุณศิริกรนะคะเป็นช่วงประจำ
01:20:29 → 01:20:31 เดือนอากาศร้อนค่ะอันนี้ก็จะเป็นตัว
01:20:31 → 01:20:33 กระตุ้นหลักของไมเกรนเลยเนาะผู้หญิงส่วน
01:20:33 → 01:20:36 ใหญ่อ่ะค่ะมักจะมีไมเกรนตอนที่มีช่วงรอบ
01:20:36 → 01:20:38 เดือนนะคะอันนี้ก็เป็นเหตุผลจากการที่มี
01:20:38 → 01:20:40 ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงตอนที่เราจะมีประจำ
01:20:40 → 01:20:43 เดือนน่ะค่ะโดยเฉพาะการตกของเอสโตรเจนนะ
01:20:43 → 01:20:45 คะแล้วเวลาเป็นไมเกรนตามรอบเดือนนะจะเป็น
01:20:46 → 01:20:48 ไมเกรนที่ค่อนข้างรุนแรงกว่าปกติด้วยค่ะ
01:20:48 → 01:20:50 หลายคนก็จะรู้ว่าเออไมเกรนตอนอื่นน่ะเจอ
01:20:50 → 01:20:53 อากาศร้อนแล้วยังพอทนไหวนอนพักหายแต่ถ้า
01:20:53 → 01:20:55 เป็นไมเกรนตอนประจำเดือนจริงๆเนี่ยส่วน
01:20:55 → 01:20:57 ใหญ่จะปวดจนค่อนข้างรุนแรงและมักจะต้อง
01:20:57 → 01:21:00 ทานยากลุ่มไมเกรนตามประจำเดือนนะคะจะแบ่ง
01:21:00 → 01:21:02 ออกเป็นแบบเป็นไมเกรนใช่แค่เป็นไมเกรนตอน
01:21:02 → 01:21:05 ประจำเดือนอย่างเดียวเลยเป็นrualไมเกรน
01:21:05 → 01:21:07 อย่างเดียวเลยหรือเป็นไมเกรนที่มีปัจจัย
01:21:07 → 01:21:10 ตัวกระตุ้นรุ่นอื่นๆด้วยแล้วก็โอเคตอน
01:21:10 → 01:21:12 ฮอร์โมนเปลี่ยนก็มีด้วยอันนี้ต้องแยกกัน
01:21:12 → 01:21:14 นิดนึงเพราะว่าถ้าเกิดเราเป็นไมเกรนที่
01:21:14 → 01:21:17 เป็นแค่ประจำเดือนอันนั้นน่ะจะสามารถพอ
01:21:17 → 01:21:20 ใช้ยาป้องกันเฉพาะช่วงแค่ที่ฮอร์โมนจะตก
01:21:20 → 01:21:22 อ่ะค่ะได้นะคะมันอาจจะไม่ได้ต้องแบบรักษา
01:21:22 → 01:21:24 เหมือนคนที่เขา้าเป็นรักษาแบบเป็นไมเกรน
01:21:24 → 01:21:27 ถี่ๆบ่อยๆอ่ะค่ะที่เกิน 4 ครั้งต่อเดือน
01:21:27 → 01:21:30 ถ้ามีอาการปวดประจำเดือนแล้วก็ปวดไมเกรน
01:21:30 → 01:21:31 ช่วงมีประจำเดือนทุกเดือนอะไรอย่างเงี้ย
01:21:31 → 01:21:34 ก็ลองปรึกษาคุณหมอได้นะคะเพราะว่าบางที
01:21:34 → 01:21:37 แค่มีการกินยาป้องกันก่อนประจำเดือนจะมา
01:21:37 → 01:21:39 สัก 2-3 3 วันเนี่ยก็จะช่วยให้คุณภาพ
01:21:39 → 01:21:41 ชีวิตเราดีขึ้นได้สวัสดีค่ะคุณมิ้มเป็นมา
01:21:41 → 01:21:43 จะ 10 ปีแล้วค่ะมีบางช่วงที่ดีขึ้น
01:21:43 → 01:21:45 อาทิตย์ละครั้งแต่ว่าช่วงนี้กลับมาเป็น
01:21:45 → 01:21:48 เยอะอีกแล้ววันเว้นวันก็จะเหมือนกับที่
01:21:49 → 01:21:51 บอกไปนะคะว่าไมเกรนเป็นโรคที่พอถ้าเรามี
01:21:51 → 01:21:53 ตัวกระตุ้นเข้ามาเมื่อไหร่อ่ะมันจะทำให้
01:21:54 → 01:21:57 ไมเกรนของเราอ่ะฉี่ขึ้นถ้าสมมุติว่าเรา
01:21:57 → 01:21:59 เป็นไมเกรนแบบเนี้ยส่วนใหญ่หมอจะแบบแบ่ง
01:21:59 → 01:22:02 ไมเกรนคนไข้เป็นแบบเนี้ยอ่าอันเนี้ยเรา
01:22:02 → 01:22:06 เรียกว่าภาวะตัวกระตุ้นคนไข้นะคะอันเนี้ย
01:22:06 → 01:22:09 ภาวะตัวกระตุ้นกระตุ้นต่างๆที่คนไข้
01:22:09 → 01:22:13 มีสมมุติว่าตัวกระตุ้นน้อยๆอ่ะไมเกรนอาจ
01:22:13 → 01:22:16 จะมาแบบแค่เดือนละครั้งพอตัวกระตุ้นเริ่ม
01:22:16 → 01:22:19 เยอะขึ้นก็จะเริ่มแบบ 1 ครั้ง 2 ครั้ง 3
01:22:19 → 01:22:24 ครั้ง 4 ครั้งอ่ะพอช่วงเนี้ยโอ้โหเครียด
01:22:24 → 01:22:29 หนักกินยาเยอะอากาศแปรปรวนฝุ่น PM 2.5 5
01:22:29 → 01:22:32 มาก็จะเริ่มมาแบบอื้อหือถี่มากวันเว้นวัน
01:22:32 → 01:22:35 เว้นวันและสุดท้ายก็คือถ้ามันเยอะมากพอ
01:22:35 → 01:22:38 เนี่ยก็คือมาเกือบทุกวันเลยมาเกือบทุกวัน
01:22:38 → 01:22:40 เลยแบบเกิน 15 ครั้งอย่างนี้ก็เรียกว่า
01:22:40 → 01:22:42 ไมเกรนเรื้อร่างไปแล้วของคุณมิมเนี่ยที่
01:22:42 → 01:22:45 บอกว่าเป็นมาจะ 10 ปีอ่ะค่ะช่วงที่เป็น
01:22:45 → 01:22:47 อาทิตย์ละครั้งเนี่ยจริงๆยังถือว่าอยู่ใน
01:22:47 → 01:22:49 กลุ่มนี้นะคะกลุ่มที่ปวดประมาณสัปดาห์ละ
01:22:49 → 01:22:54 ครั้งยังไม่เคยกลับไปตรงนี้เลยซึ่งที่หมอ
01:22:54 → 01:22:56 บอกไปเมื่อกี้ค่ะว่าจริงๆแล้วอ่ะคutพอยก็
01:22:56 → 01:22:58 คือถ้าเราเริ่มปวดเกินสัปดาหครั้งหรือว่า
01:22:58 → 01:23:00 4-6 6 ครั้งต่อเดือนน่ะแสดงว่าสมองเรา
01:23:00 → 01:23:02 อ่ะถูกกระตุ้นอยู่ตลอดเวลามันไม่เคยมี
01:23:02 → 01:23:05 ช่วงที่สมองเราไม่เจอตัวกระตุ้นเลยอ่ะค่ะ
01:23:05 → 01:23:08 จึงทำให้มีความเสี่ยงพอตัวกระตุ้นสะสม
01:23:08 → 01:23:11 ขึ้นเราจึงมาเป็นกลุ่มนี้ได้ง่ายตอนนี้
01:23:11 → 01:23:13 ที่ปวดวันเว้นวันเนี่ยก็คืออยู่ประมาณตรง
01:23:13 → 01:23:16 นี้ละแล้วกำลังจะไปตรงนี้ละเพราะฉะนั้นนะ
01:23:16 → 01:23:18 คะแนะนำให้คุณมีมรักษาไมเกรนค่ะรักษา
01:23:18 → 01:23:21 เพื่อกลับมาอยู่ตรงนี้นะคะแล้วเวลาเราเจอ
01:23:21 → 01:23:24 ตัวกระตุ้นเนี่ยเราจะได้ไม่เสี่ยงต่อการ
01:23:24 → 01:23:27 ปวดไมเกรนเยอะๆอีกที่ผ่านมาอาจจะอยู่ได้
01:23:27 → 01:23:29 ด้วยตรงเนี้ยค่ะแต่ว่ายังไม่เคยทำให้
01:23:29 → 01:23:31 ไมเกรนมันปวดน้อยลงไปกว่านี้เลยฉะนั้น
01:23:32 → 01:23:33 เนี่ยมันก็เลยมีความเสี่ยงที่แบบพอเจอตัว
01:23:33 → 01:23:37 กระตุ้นเข้าก็ไปต่อไปต่อไปต่อนะถ้าวันนี้
01:23:37 → 01:23:40 ปวดวันเว้นวันแล้วก็คือเริ่มจะเข้าข่าย
01:23:40 → 01:23:43 ไมเกรนเรื้อรังอยากให้รักษาไมเกรนนะคะลอง
01:23:43 → 01:23:45 ปรึกษาคุณหมอสมองว่าแบบเออเราควรจะใช้ยา
01:23:45 → 01:23:47 อะไรจะใช้ยากินจะใช้ยาฉีดหรืออะไรอย่าง
01:23:47 → 01:23:50 เงี้ยค่ะหรือว่าถ้ายังไม่แบบสะดวกไปพบ
01:23:50 → 01:23:52 แพทย์อ่ะค่ะสิ่งแรกที่ต้องทำก่อนเลยให้
01:23:52 → 01:23:54 รู้ว่าตอนเนี้ยไมเกรนเราเป็นถี่มากๆแล้ว
01:23:54 → 01:23:57 ยาแก้ปวดอ่ะค่ะที่ใช้อยู่อ่ะค่ะถ้าจะใช้
01:23:57 → 01:23:59 จริงๆอย่างปวดปวดวันเว้นวันถ้าเราปวด 15
01:23:59 → 01:24:02 วันเนี่ยถ้าจะกินยาแก้ปวดทุกครั้งอ่ะผ่าน
01:24:02 → 01:24:04 ไป 3 เดือนหลังจากเนี้ยจะมีภาวะสมองติดยา
01:24:04 → 01:24:06 แก้ปวดร่วมด้วยเพราะฉะนั้นก็โอเคถ้าเกิด
01:24:06 → 01:24:09 ยังไม่ไปหานะลิมิตการใช้ยาแก้ปวดให้ไม่
01:24:09 → 01:24:12 เกิน 10 เม็ดก่อนถ้าทำไม่ได้หมายความว่า
01:24:12 → 01:24:14 แบบมันเกินไปแล้วอ่ะแล้วมันปวดมากใช้
01:24:14 → 01:24:16 ชีวิตไม่ได้แสดงว่ายังไงก็ต้องได้ยาป้อง
01:24:16 → 01:24:18 กันค่ะนะคะอันนี้ก็จะได้รีบไปตรวจแล้วก็
01:24:18 → 01:24:20 ในระหว่างนี้ที่ยังไม่ได้ยาป้องกันทำยัง
01:24:20 → 01:24:23 ไงก็คือต้องพยายามแก้แก้ทุกอย่างเลยนอน
01:24:23 → 01:24:26 ให้พอห้ามนอนดึกกินน้ำให้พอกินอาหารให้
01:24:26 → 01:24:28 ตรงเวลาห้ามห้ามปล่อยให้หิวเลี่ยงอาหาร
01:24:29 → 01:24:32 ที่กระตุ้นลองสังเกตดูพวกแบบอาหารผงชูรส
01:24:32 → 01:24:35 ปิ้งย่างแบบเอ่อชีสช็อกโกแลตแอลกอฮอล์
01:24:35 → 01:24:37 อาหารแปรรูปต่างๆอ่ะค่ะแบบพวกแชมไส้กรอก
01:24:37 → 01:24:39 อะไรอย่างเงี้ยค่ะคือเลี่ยงให้หมดเลยแล้ว
01:24:39 → 01:24:42 ก็ถ้ามีเวลาออกกำลังกายด้วยบางทีโอเคถ้า
01:24:42 → 01:24:44 เราทำแค่ตรงเนี้ยปรับพฤติกรรมแล้วลดการ
01:24:44 → 01:24:47 ใช้ยาแก้ปวดลงเราอาจจะกลับมาจุดที่เป็น
01:24:47 → 01:24:50 น้อยๆได้คุณปอมค่ะคุณปอมหาหรือไทยปวดขมับ
01:24:51 → 01:24:53 ทุกวันกินยาตัวไหนดีคะกินพาราไม่หายถ้า
01:24:53 → 01:24:56 ปวดขมับทุกวันไปแล้วปวดแบบเนี้ยปวดบีบๆ
01:24:56 → 01:24:58 รัดๆไปแล้วแล้วปวดปวดทุกวันไปแล้วนะคะเรา
01:24:58 → 01:25:00 เรียกว่าเป็นปวดเรื้อรังและปกติถ้าปวด
01:25:00 → 01:25:03 ขมับเนี่ยความตึงเนี่ยถ้ายังตอนเป็นไม่
01:25:03 → 01:25:05 เรื้อรังเนี่ยส่วนไหนจะเป็นปวดมาจากกล้าม
01:25:05 → 01:25:08 เนื้อหรือปวดแบบเราเรียกปวดหัวแบบกล้าม
01:25:08 → 01:25:11 เนื้อตึงเครียดก็คือtensชัtensชัเนี่ย
01:25:11 → 01:25:14 ส่วนใหญ่พาราเอาอยู่ทีนี้ถ้าเป็นทุกวันไป
01:25:14 → 01:25:17 แล้วอ่ะคือมันกลายเป็นเรื้อรังและ
01:25:17 → 01:25:20 อันเนี้ยต่อให้เป็นแค่เทนชัหรือเป็นกล้าม
01:25:20 → 01:25:22 เนื้อพาราบางทีเอาไม่อยู่ละเพราะว่ามันมี
01:25:22 → 01:25:26 ความขบวนการการอักเสบที่สมองเราไวกว่า
01:25:26 → 01:25:29 ปกติไปแล้วจะคล้ายๆไมเกรนเรื้อรังเลยค่ะ
01:25:29 → 01:25:31 คือคนไข้คนไข้ตั้งต้นจุดแรกเนี่ยบางคน
01:25:31 → 01:25:34 ตั้งต้นจากtensionับางคนตั้งต้นจากไมเกรน
01:25:34 → 01:25:37 ที่เป็นแบบชั่วคราวแต่พอแบบไปยาวๆขึ้นยาว
01:25:37 → 01:25:39 ๆขึ้นยาวๆขึ้นกลายเป็นปวดแบบปวดวันเว้น
01:25:39 → 01:25:41 วันๆเวๆๆแล้วทุกวันเนี่ยไอ้ตอนที่มันปวด
01:25:41 → 01:25:43 ทุกวันไปแล้วเราจะเรียกใหม่แล้วว่าเป็น
01:25:43 → 01:25:46 อาการปวดหัวปวดศีรษะแบบทุกวันแบบพวกเอ่อ
01:25:46 → 01:25:48 chonic daily head ไปละซึ่งกลุ่มเนี้ย
01:25:48 → 01:25:51 อาจจะเป็นไมเกรนจริงๆก่อนหน้านี้อาจจะเคย
01:25:51 → 01:25:52 เป็นไมเกรนมาก่อนหรืออาจจะเป็นtensชั
01:25:52 → 01:25:55 เรื้อรังมาก่อนก็ได้แต่สิ่งที่สำคัญที่มี
01:25:55 → 01:25:58 ร่วมกันก็ก็คือว่าตอนเนี้ยมันมีภาวะสมอง
01:25:58 → 01:26:00 ที่ไวมากกว่าปกติหรือมี central
01:26:00 → 01:26:02 sensitization ไปละทำให้เราไวกว่าความ
01:26:02 → 01:26:06 ปวดมากๆไม่ใช่แค่ปวดทั่วไปกินยาพาราหาย
01:26:06 → 01:26:09 เพราะฉะนั้นถามว่ากินตัวไหนดีคะจะไม่เน้น
01:26:09 → 01:26:11 ที่ใช้ยาแก้ปวดล่ะค่ะเพราะเมื่อไหร่ที่
01:26:11 → 01:26:13 ใช้ยาแก้ปวดแล้วปวดทุกวันเดี๋ยวอีก 3
01:26:13 → 01:26:16 เดือนผ่านไปเราจะวนกลับมาปวดหัวจากยาแก้
01:26:16 → 01:26:19 ปวดเกินขนาดด้วยสิ่งที่ต้องทำคือต้องไป
01:26:19 → 01:26:22 ใช้ยาป้องกันหรือไปแก้ที่ต้นเหตุใช้ยา
01:26:22 → 01:26:24 ป้องกันคืออย่างในกลุ่มที่เป็นแบบโปรด
01:26:24 → 01:26:26 ขมับอะไรเงี้ยเราก็อาจจะใช้ยากลุ่มยารับ
01:26:26 → 01:26:28 ประทานที่เป็นกลุ่มแบบรักษาเส้นประสาท
01:26:28 → 01:26:30 กล้ามเนื้ออะไรก็ได้ขึ้นอยู่กับอาการของ
01:26:30 → 01:26:33 แต่ละคนแล้วก็ไปแก้ที่ต้นเหตุเช่นถ้ารู้
01:26:33 → 01:26:37 ว่าไอ้ขมับเนี่ยตึงมาจากกล้ามเนื้อคอบาล
01:26:37 → 01:26:40 หรือว่าเป็นคนที่กล้ามเนื้อตึงมากๆลองไป
01:26:40 → 01:26:43 กายภาพก่อนไปกายภาพบำบัดก่อนไปยืดกล้าม
01:26:43 → 01:26:45 เนื้อก่อนอ่าไปออกกำลังกายก่อนเพื่อให้
01:26:46 → 01:26:48 ตรงนี้มันคายลงแล้วก็เอ่อหรือบางครั้ง
01:26:49 → 01:26:51 เนี่ยนอกจากการกายภาพบำบัดเนี่ยบางทีก็จะ
01:26:51 → 01:26:54 มีการฉีดยาอะไรอย่างเงี้ยค่ะซึ่งอันเนี้ย
01:26:54 → 01:26:56 หมอว่าถ้าปวดทุกวันแล้วคงน่าจะต้องหาคุณ
01:26:56 → 01:26:59 หมอและว่าเออเราน่าจะต้องรักษาแบบไหนดีนะ
01:26:59 → 01:27:01 คะก็ไม่แนะนำให้ซื้อยากินเองละเพราะว่า
01:27:01 → 01:27:04 เดี๋มันก็จะวนแบบเดิมอีกอ่ะสมมุติว่าอ่ะ
01:27:04 → 01:27:05 งั้นลองไปเปลี่ยนไปกินยาแก้ปวดตัวเนี้ย
01:27:05 → 01:27:07 แต่พอปวดทุกวันเดี๋ยวเราก็จะกินยาเกือบ
01:27:07 → 01:27:10 ทุกวันแล้วเราก็อาจจะแบบปวดหัวจากยาแก้
01:27:10 → 01:27:13 ปวดเกินขนาดได้เอ่อคุณนิตยาสนใจรักษา
01:27:13 → 01:27:16 ไมเกรนแบบไหนดีคะอ่าเหมือนที่หมอบอกเมื่อ
01:27:16 → 01:27:18 กี้นะคะก็คือจะขึ้นอยู่กับอาการของคนไข้
01:27:18 → 01:27:21 ก่อนว่าตอนเนี้ยคนไข้อยู่ในกลุ่มปวดเล
01:27:21 → 01:27:24 ความถี่ระดับไหนนะคะเป็นแค่ปวดแบบเริ่ม
01:27:24 → 01:27:27 ปวดปวดแบบชั่วคราวแต่เริ่มปวดเยอะก็คือ
01:27:27 → 01:27:29 ปวดเกิน 4 ครั้งถึง 8 ครั้งหรือปวดถี่มาก
01:27:29 → 01:27:32 ๆละเกิน 8 ครั้งและแต่ยังไม่เรื้อรังก็
01:27:32 → 01:27:35 คือยังไม่เกิน 15 หรือเป็นเรื้อรังไปและ
01:27:35 → 01:27:37 เกิน 15 ครั้งต่อเดือนแล้วก็มีภาวะติดยา
01:27:37 → 01:27:40 แก้ปวดแล้วด้วยอันเนี้ยเราก็จะเลือกใช้ยา
01:27:40 → 01:27:43 ที่แตกต่างกันลองให้ปรึกษาคุณหมอสมองดู
01:27:43 → 01:27:46 ได้นะคะว่าเราควรจะเหมาะกับอาการแบบไหน
01:27:46 → 01:27:49 รักษาแบบให้หายๆนานๆทีเป็นทีนึงก็ยังดี
01:27:49 → 01:27:52 ค่ะเป็นมา 30 กว่าปีแล้วค่ะช่วงนี้ปวดวัน
01:27:52 → 01:27:55 เว้นวันได้เลยค่ะเดี๋ยวยังไงไงเดี๋ยวอาจ
01:27:55 → 01:27:58 จะให้อ่าน้องนะคะแนะนำไปอีกทีนึงสำหรับ
01:27:58 → 01:28:01 คุณนิตยานะคะว่าเอ่อแบบเราจะสอบถามการ
01:28:01 → 01:28:03 เบื้องต้นนะคะว่าคุณนิตยาน่าจะแบบเข้า
01:28:03 → 01:28:06 ข่ายกับการรักษาแบบไหนแต่ว่าปกติเนี่ยถ้า
01:28:06 → 01:28:08 ต่อให้เป็นปวดเรื้อรังแค่ไหนค่ะแต่ถ้า
01:28:08 → 01:28:10 เป็นไมเกรนจริงๆนะขอให้รู้ว่าแบบส่วนใหญ่
01:28:10 → 01:28:12 ถ้าได้รักษาจริงๆแล้วรักษาอย่างถูกต้อง
01:28:12 → 01:28:15 อ่ะค่ะส่วนใหญ่จะอาการดีขึ้นได้จริงๆนะคะ
01:28:15 → 01:28:18 เพราะว่าไเกนเป็นโรคที่รักษาง่ายเพราะว่า
01:28:18 → 01:28:20 ปัจจุบันเรามียาค่อนข้างเยอะแต่มันก็
01:28:20 → 01:28:23 รักษายากตรงที่ความเรื้อรังแล้วก็การตัว
01:28:23 → 01:28:25 กระตุ้นเนี่ยแหละแต่อยากให้ให้มีความบอก
01:28:25 → 01:28:27 ว่าแบบเดี๋ยวเนี้ยเอ่อการรักษามันดีขึ้น
01:28:27 → 01:28:31 มากๆนะคะคนไข้ส่วนใหญ่ที่รักษาแล้วดีขึ้น
01:28:31 → 01:28:34 เนี่ยก็เป็นกลุ่มปวดแบบปวดทุกวันกันเกือบ
01:28:34 → 01:28:36 ทั้งนั้นเลยแล้วแบบหลายๆ 10 ปีด้วยแต่ว่า
01:28:36 → 01:28:39 แต่ละคนก็อาจจะใช้ระยะเวลาการรักษาที่แตก
01:28:39 → 01:28:42 ต่างกันเพราะว่าโรคร่วมแล้วก็ตัวกระตุ้น
01:28:42 → 01:28:45 ก็อาจจะไม่เหมือนกันนะคะคุณน้ำอ้อเพสะ
01:28:45 → 01:28:48 จ่ายavวaไมแกรนมาให้แต่เป็นยารักษาไม่ใช่
01:28:48 → 01:28:50 ยาป้องกันใช่ค่ะตัวอาวาไมแกรนด์ก็คือจะ
01:28:50 → 01:28:54 เป็นตัวแก้ปวดก็คือเอ่อระงับปวดเมื่อ
01:28:54 → 01:28:57 กำเริบแล้วแต่ไม่ใช่ยาป้องกันทีนี้โดย
01:28:57 → 01:29:00 เบื้องต้นน่ะค่ะเวลาคนเป็นไมเกรนที่เป็น
01:29:00 → 01:29:03 น้อยๆปวดไม่เกินประมาณ 3-4 ครั้งต่อเดือน
01:29:03 → 01:29:05 เราก็สามารถใช้ยาแก้ปวดในการระงับปวดได้
01:29:05 → 01:29:08 ยังไม่ได้จำเป็นจะต้องใช้ยาป้องกันแต่ถ้า
01:29:08 → 01:29:09 ทานตัวนี้แล้วเริ่มรู้สึกว่าปวดเกิน
01:29:09 → 01:29:12 ประมาณ 4-5 ครั้งต่อเดือนหรือใช้ยาเริ่ม
01:29:12 → 01:29:15 เกินประมาณ 8-10 เม็ดละแบบใช้เป็นประจำ
01:29:15 → 01:29:18 ไม่ใช่แค่นานๆทีใช้ทีนี้นะคะอันนี้จะต้อง
01:29:18 → 01:29:21 ปรึกษาคุณหมอเพื่อร่วมยาป้องกันร่วมด้วย
01:29:21 → 01:29:24 ยาป้องกันเราจะไม่ให้คนไข้ไปซื้อที่ร้าน
01:29:24 → 01:29:26 ขายยาเองเพราะว่าแต่ละคนเนี่ยจะเหมาะกับ
01:29:26 → 01:29:29 แต่ละตัวไม่เหมือนกันก็ลองปรึกษาคุณหมอดู
01:29:29 → 01:29:33 นะคะขอบคุณนะคะคุณหมอให้ข้อมูลน่าฟังมาก
01:29:33 → 01:29:36 ค่ะขอบคุณเช่นกันนะคะอยู่กันจนจบเลยเดี๋
01:29:36 → 01:29:41 ลองดูที่เอ่อ H ด้วยนะคะว่ามีคำถามขึ้นมา
01:29:41 → 01:29:47 มยของHinินะคะมีคำถามมน้าเดี๋คุณทวีศินนะ
01:29:47 → 01:29:49 คะบอกว่าคุณหมอครับเสียงวิงในหัวทำให้มึน
01:29:50 → 01:29:52 หัวได้หรือเปล่าเสียงวิงไม่ได้ทำให้มึน
01:29:52 → 01:29:54 หัวแต่เป็นอาการอาการร่วมกันค่ะคืออาการ
01:29:54 → 01:29:56 เสียงวิ้งในหูอ่ะค่ะหรือที่เราเรียกว่า
01:29:56 → 01:30:00 ทิัสนะคะก็เป็นหนึ่งในอาการของเอ่อหูผิด
01:30:00 → 01:30:03 ปกติปกติเวลาเราเวียนมึนหัวเวียนศีรษะอ่ะ
01:30:03 → 01:30:06 ค่ะเราก็จะมาจาก 2 ส่วนไม่สมองก็ตัวหู
01:30:06 → 01:30:08 เพราะฉะนั้นเวลาคนไข้ที่มีปัญหาเรื่องหู
01:30:08 → 01:30:10 ไม่ว่าจะเป็นน้ำในหูไม่เท่ากันเส้นประสาท
01:30:10 → 01:30:13 หูเสื่อมอะไรอย่างเงี้ยค่ะมักจะมีอาการ
01:30:13 → 01:30:16 ทางหูร่วมด้วยหนึ่งในนั้นก็คือตัวทินิตัส
01:30:16 → 01:30:18 เนี่ยแหละค่ะตัวเสียงวิ้งในหูนี่แหละหรือ
01:30:18 → 01:30:21 ว่าบางคนอาจจะมาในลักษณะของเป็นแบบหูอื้อ
01:30:21 → 01:30:23 แบบเหมือนเวลาเราขึ้นเครื่องบินหรือว่า
01:30:23 → 01:30:25 เกิดการเปลี่ยนแปลงแรงดันเร็วๆแบบขึ้นตึก
01:30:25 → 01:30:27 สูงๆเร็วๆอะไรเงี้ยแล้วที่มันรู้สึก
01:30:27 → 01:30:29 เหมือนแบบมันอื้อๆเหมือนมีลมออกหูอ่ะค่ะ
01:30:29 → 01:30:32 พวกเนี้ยเป็นอาการที่บอกว่าหูมีปัญหานะคะ
01:30:32 → 01:30:34 ซึ่งก็เลยทำให้เรามึนหัวด้วยนะคะลอง
01:30:34 → 01:30:37 ปรึกษาคุณหมอฮูคอจมูกได้นะคะถ้าเป็นอาการ
01:30:37 → 01:30:40 แบบนี้ก็จะให้ไปเจอคุณหมอฮูเค้าจมูกก่อน
01:30:40 → 01:30:43 ค่ะคนใกล้ตัวมีโรคประจำตัวเป็นความดันสูง
01:30:43 → 01:30:47 จะมีปัญหามั้ยคะถ้ามีโรคประจำตัวเป็นความ
01:30:47 → 01:30:51 ดันสูงในไมเกรนด้วยจริงๆถ้าปวดบ่อยนะคะ
01:30:51 → 01:30:54 เราก็จะแนะนำการใช้ยาป้องกันในกลุ่มยา
01:30:54 → 01:30:56 ความดันไปเลยเหมือนยิงปืนนัดเดียวได้นก 2
01:30:57 → 01:30:59 ตัวก็คือเอ่อแทนที่เราจะต้องกินยาความดัน
01:30:59 → 01:31:02 โลหิตสูงอยู่และเราก็เลือกหน่อยเลือกตัว
01:31:02 → 01:31:06 ที่มีข้อมูลว่าช่วยป้องกันไมเกรนไปด้วย
01:31:06 → 01:31:08 ซึ่งยาความดันทุกตัวไม่ได้มีข้อมูลในการ
01:31:08 → 01:31:11 ป้องกันไมเกรนตัวที่มีใช้ในการป้องกัน
01:31:11 → 01:31:13 ไมเกรนจะมีอยู่ 2 กลุ่มกลุ่มแรกก็คือจะ
01:31:13 → 01:31:16 เป็นกลุ่มพวกBetackกอรนะคะอันนี้ก็จะลง
01:31:16 → 01:31:17 ท้ายด้วยพวก
01:31:17 → 01:31:21 แบบ metroporal lural อะไรพวกเนี้ยกลุ่ม
01:31:21 → 01:31:23 นี้แต่ก็ก็ต้องระวังนิดนึงคือกลุ่มนี้มัน
01:31:23 → 01:31:24 จะลดทั้งความดันแล้วก็ชีพจรลงได้เพราะ
01:31:24 → 01:31:27 ฉะนั้นบางคนถ้าเกิดชีพจรเต้นไม่ได้เร็ว
01:31:27 → 01:31:28 มากอยู่แล้วก็อาจจะต้องระมัดระวังหรือว่า
01:31:29 → 01:31:31 คนที่เป็นหอบหืดกับอีกกลุ่มนึงที่ใช้ใน
01:31:31 → 01:31:33 ไมเกรนเยอะๆก็จะเป็นปุกลุ่พวกแบบเค้า
01:31:33 → 01:31:37 เรียกว่า a c i เป็นกลุ่มกลุ่มแบบกลุ่ม
01:31:37 → 01:31:39 ซาตานกลุ่มแคนเดซตานอะไรอย่างเงี้ยค่ะอัน
01:31:39 → 01:31:41 นี้อาจจะต้องให้คุณหมออ่ะที่จ่ายยาความ
01:31:41 → 01:31:43 ดันให้เป็นคนจ่ายให้อีกทีนึงอย่าไปซื้อ
01:31:43 → 01:31:46 เองแต่ก็แนะนำว่าถ้าเป็นความดันสูงอยู่
01:31:46 → 01:31:48 แล้วอ่ะค่ะกินยาช่วยไมเกรนไปด้วยเนี่ยก็
01:31:48 → 01:31:51 ได้ประโยชน์กับอีกอันนึงคือคนเป็นไมเกรน
01:31:51 → 01:31:52 แล้วมีความดันสูงกว่านี้ต้องระวังเพราะ
01:31:52 → 01:31:55 ว่าเวลาปวดหัวค่ะปวดไมเกรนมันปวดแบบปวด
01:31:55 → 01:31:57 ค่อนข้างรุนแรงเพราะฉะนั้นเนี่ยเวลาปวด
01:31:57 → 01:32:01 ไมเกรนแต่ละทีขึ้นมาความดันมันจะชอบแบบ
01:32:01 → 01:32:03 ชูตขึ้นมาได้อ่ะค่ะแบบว่าจากเดิมเราอาจจะ
01:32:03 → 01:32:06 อยู่ 130 แต่พอปวดหัวทีมัน 180 อะไรอย่าง
01:32:06 → 01:32:08 เงี้ยอันนี้ก็อันตรายที่อาจจะเสี่ยงกับ
01:32:08 → 01:32:11 พวกการที่ทำให้หลอดเลือดสมองโป่งพองแล้ว
01:32:11 → 01:32:13 ก็แตกออกอะไรอย่างเงี้ยค่ะก็ควรคุมไมเกรน
01:32:13 → 01:32:16 ไม่ให้กำเริบจะดีกว่าแล้วก็หรือว่าถ้ายัง
01:32:16 → 01:32:17 ไม่เคยวินิจฉัยไมเกรนจริงๆอ่ะค่ะแล้วปี
01:32:17 → 01:32:20 ปวดหัวแล้วมีความดันสูงจริงๆก็อย่าเพิ่ง
01:32:20 → 01:32:21 คิดว่าเราเป็นไมเกรนอย่างเดียวหรือเปล่า
01:32:21 → 01:32:23 นะคะอาจจะต้องแยกกับพวกโรคหลอดเลือดสมอง
01:32:24 → 01:32:27 อื่นๆร่วมด้วยนะคะคุณกระต่ายนะคะบอกว่า
01:32:27 → 01:32:29 ถ้าเราใช้ยาฉีดแล้วจำเป็นจะต้องใช้ยากิน
01:32:29 → 01:32:33 อีกมั้ยคะจริงๆนะคะถ้าเราใช้ยาฉีดเนี่ย
01:32:33 → 01:32:36 เราก็คือสามารถเลือกยาฉีดป้องกันเป็นยา
01:32:36 → 01:32:38 หลักในการคุมไมเกรนได้เลยนะคะซึ่ง
01:32:38 → 01:32:40 อันเนี้ยก็จะเหมาะกับคนที่ไม่ได้อยากกิน
01:32:40 → 01:32:43 ยาทุกวันนะคะยายากินแบบเก่าเนี่ยเป็นยา
01:32:43 → 01:32:45 ที่ต้องกินทุกวันอ่าแต่ยาฉีดอย่างเงี้ยก็
01:32:45 → 01:32:47 จะฉีดเดือนละครั้งหรือ 3 เดือนครั้งถ้า
01:32:47 → 01:32:49 เป็นน้อยๆส่วนใหญ่ก็ฉีดยาอย่างเดียวได้
01:32:49 → 01:32:54 เลยแต่ถ้ามีข้อบ่งชี้ของยากินบางตัวเช่น
01:32:54 → 01:32:56 อย่างคนที่มีโรคความดันสูงหรือว่าอย่าง
01:32:56 → 01:33:00 แบบอ่าคนที่มีโรคซึมเศร้าร่วมด้วยอะไร
01:33:00 → 01:33:03 อย่างเงี้ยอันนั้นอาจจะยังมีการใช้ยากิน
01:33:03 → 01:33:05 เพื่อช่วยในเรื่องอื่นๆน่ะค่ะอย่างเช่น
01:33:05 → 01:33:07 เรื่องอารมณ์เรื่องการนอนหลับเรื่องอะไร
01:33:07 → 01:33:10 แบบเนี้ยค่ะเหมือนมาเป็นตัวเสริมมากกว่า
01:33:10 → 01:33:12 แต่ถ้าเป็นไมเกรนไม่ได้เยอะแบบไม่ได้
01:33:12 → 01:33:14 เรื้อรังมากนะคะส่วนใหญ่ยาฉีดก็ฉีดอย่าง
01:33:14 → 01:33:17 เดียวไปเลยเพราะว่าหลายคนที่เลือกยาฉีดก็
01:33:17 → 01:33:19 เพราะไม่อยากกินยาหรือถ้าเรายังเป็นน้อยๆ
01:33:19 → 01:33:21 ไม่ได้เป็นเยอะแบบเกิน 15 ครั้งอะไรอย่าง
01:33:21 → 01:33:23 เงี้ยแล้วก็ไม่อยากฉีดยาด้วยกลัวเข็มอะไร
01:33:23 → 01:33:25 แบบเนี้ยก็อาจจะมาเลือกใช้ตัวที่เป็นยาอม
01:33:26 → 01:33:27 ใต้ลิ้นก็ได้เหมือนกันนะคะเราเลือกกิน
01:33:27 → 01:33:29 เป็นแบบกินป้องกันน่ะค่ะก็คือกินวันเว้น
01:33:30 → 01:33:32 วันไปเลยก็ได้เหมือนกันอาจจะต้องลองคุย
01:33:32 → 01:33:36 เรื่องของรายละเอียดของอาการแต่ละทีจบ
01:33:36 → 01:33:39 แล้วมีคอมเมนต์เพิ่มเติมมยคะเดี๋ยวหมอดู
01:33:39 → 01:33:43 อีกทีนึงนะน่าจะไม่มีและก็ขอบคุณทุกคนมาก
01:33:43 → 01:33:46 ๆนะคะที่แบบว่าอยู่ฟังกันคือมันเยอะแหละ
01:33:46 → 01:33:50 แล้วก็จริงๆถามว่าฟังไว้คงไม่ได้ต้องจำ
01:33:50 → 01:33:53 ชื่อยาคงไม่ได้ต้องจำชื่อสารสื่อประสาทนะ
01:33:53 → 01:33:56 คะแต่อยากให้เข้าใจคอนเซปตไมเกรนมากกว่า
01:33:56 → 01:33:59 ว่าจริงๆแล้วไมเกรนมันเป็นโรคทางสมองที่
01:33:59 → 01:34:02 เรามีกลไกอธิบายการเกิดความอาการปวดหัว
01:34:02 → 01:34:04 ได้ชัดเจนเกี่ยวข้องกับสารสื่อประสาทที่
01:34:05 → 01:34:08 สำคัญหลายตัวโดยเฉพาะตัว CGRP แล้วก็ยา
01:34:08 → 01:34:13 ที่ใช้ปัจจุบันมียาอะไรบ้างมียาแก้ปวดมี
01:34:13 → 01:34:16 ยาป้องกันแล้วก็มีทั้งกินแก้ปวดและป้อง
01:34:16 → 01:34:19 กันอย่างเงี้ยค่ะคืออยากให้เห็นภาพรวม
01:34:19 → 01:34:21 กว้างๆของการรักษามากกว่านะคะแล้วก็สุด
01:34:21 → 01:34:25 ท้ายไมเกรนทุกคนนะคะก็อย่าลืมดูแลตัวเอง
01:34:25 → 01:34:28 นะคะเราดูแลตัวเองเบื้องต้นเนี่ยเอ่อออก
01:34:28 → 01:34:31 กำลังกายนอนให้พอนะคะกินอาหารให้เป็นเวลา
01:34:31 → 01:34:33 หลีกเลี่ยงอาหารหรือว่าตัวกระตุ้นของเรา
01:34:33 → 01:34:36 เนี่ยส่วนใหญ่ก็ดีขึ้นได้มากๆและแล้วก็จด
01:34:36 → 01:34:39 อาการเพราะว่าถ้าเกิดเมื่อไหร่ที่เรา
01:34:39 → 01:34:42 เริ่มเป็นบ่อยเป็นเยอะเริ่มจะใช้ยาเกิน
01:34:42 → 01:34:45 เริ่มกินยาไม่ได้ผลเราก็จะได้รู้ว่าเรา
01:34:45 → 01:34:49 อาจจะต้องไปพบคุณหมอแล้วนะคะก็สำหรับวัน
01:34:49 → 01:34:52 นี้สวัสดี
00:00:01 → 00:00:04 2025 อ่ะมีอะไรใหม่บ้างยาที่หมอจะพูด
00:00:05 → 00:00:08 ทั้งหมดในวันเนี้ยปัจจุบันมี 4 ตัว 3 ตัว
00:00:08 → 00:00:13 แบบปากกา 1 ตัวแบบหลอดเลือดจับที่ตัวสาร
00:00:13 → 00:00:17 CGRP โดยตรงก็คือ
00:00:17 → 00:00:19 แกคิumaptinisumapฉีดเข้าหลอดเลือดดำดริบ
00:00:19 → 00:00:22 เข้าหลอดเลือดดำยาอมใต้ลิ้นตัวGพนบางที
00:00:22 → 00:00:25 เราฉีดตัวนี้ไปไม่เวิร์คอ่ะเราลองสวิตช์
00:00:25 → 00:00:27 ไปตัวนี้ก็อาจจะมีโอกาสในการเพิ่ม
00:00:27 → 00:00:30 ประสิทธิภาพในการออกฤทธิ์ยามากขึ้นอันนี้
00:00:30 → 00:00:33 คือเป็นยาป้องกันไมเกรนแบบเก่าห้ามซื้อยา
00:00:33 → 00:00:36 ทานเองนะคะกลุ่มพวกนี้อันตรายค่ะใช้ side
00:00:36 → 00:00:38 เอฟเฟคก็คือผลข้างเคียงถ้าคนกินพาราระวัง
00:00:38 → 00:00:41 เรื่องตับคนกินเอนเซตระวังเรื่องไตคนกิน
00:00:41 → 00:00:44 เออเกาะทริปแทนระวังเรื่องหัวใจตัวไหนดี
00:00:44 → 00:00:46 ยังไงไม่ดียังไงเราควรเหมาะกับตัวไหนยัง
00:00:46 → 00:00:50 ไงแล้วก็เมื่อไหร่ที่เราควรจะสวัสดีค่ะ
00:00:50 → 00:00:52 หมอนุ่มแพทย์หญิงสุภมาศวิบูลสุขสารแพทย์
00:00:52 → 00:00:54 เฉพาะทางระบบประสาทและสมองค่ะวันนี้นะคะ
00:00:54 → 00:00:57 ก็มาไลฟ์กันอีกครั้งนะคะในคุยเรื่องสมอง
00:00:57 → 00:01:00 กับหมอนุ่มกับเรื่องอัปเดตการรักษาไมเกรน
00:01:00 → 00:01:03 สำหรับปี 2025 ค่ะก็คำเตือนวัตถุประสงค์
00:01:03 → 00:01:07 ของไลฟ์นี้ก่อนคือที่มาพูดเนี่ยอยากให้คน
00:01:07 → 00:01:11 ไข้ไมเกรนทุกคนที่เขา้าต้องรักษาหรือว่า
00:01:11 → 00:01:13 ยังไม่ได้รู้ตัวว่าจะต้องไปรักษาเนี่ยมี
00:01:13 → 00:01:16 ข้อมูลมีภาพในหัวเบื้องต้นก่อนว่าเอ่อ
00:01:16 → 00:01:19 ปัจจุบันเนี่ยการรักษาไมเกรนเนี่ยเรามี
00:01:19 → 00:01:22 แนวทางการดูแลคนไข้แบบยังไงนะคะมียาอะไร
00:01:22 → 00:01:24 ที่ใช้บ้างนะคะเพราะว่าเอ่อคิดว่าเวลาไป
00:01:24 → 00:01:26 เจอคุณหมอแต่ละทีเนี่ยอาจจะไม่ได้มีโอกาส
00:01:26 → 00:01:29 ที่จะแบบฟังหรือว่ารู้จักยาทุกๆตัวที่เรา
00:01:29 → 00:01:32 ใช้อยู่นะคะซึ่งบางทีเราก็อาจจะแบบเอ๊ะ
00:01:32 → 00:01:34 ไม่รู้ว่าเอ๊ะทำไมเราก็ต้องกินยาตัวนี้
00:01:34 → 00:01:36 หรือว่าได้ยามาแล้วเนี่ยเราจะต้องกินยัง
00:01:36 → 00:01:38 ไงหรือว่าจะต้องกินไปนานแค่ไหนเพราะอย่าง
00:01:38 → 00:01:40 แบบที่เจอมาบ่อยๆก็คือบางทีเราได้ยาป้อง
00:01:40 → 00:01:43 กันไมเกรนมาเป็นกลุ่มยาการชักยาความดัน
00:01:43 → 00:01:45 แบบเนี้ยค่ะคนไข้ก็นึกว่าอ่ะคุณหมอให้
00:01:45 → 00:01:47 เพราะว่าความดันสูงหรือเปล่าพอเห็นว่าตัว
00:01:47 → 00:01:49 เองความดันปกติก็เลยหยุดกินไปแต่จริงๆ
00:01:49 → 00:01:51 เนี่ยก็คือคุณหมอให้ในแง่ของการป้องกัน
00:01:52 → 00:01:54 ไมเกรนก็มีก็เลยทำให้เหมือนแบบหยุดการ
00:01:54 → 00:01:57 รักษาไปก่อนโดยที่ยังไม่ได้ดีขึ้นเพราะ
00:01:57 → 00:01:59 ฉะนั้นไลฟ์นี้นะคะหมอก็เลยเหมือนแบบอยาก
00:01:59 → 00:02:02 จะเหมือนมาพูดภาพรวมของยาให้ฟังกันมาก
00:02:02 → 00:02:05 กว่าไม่ได้มีสปอนเซอร์ใดๆนะคะไม่ได้มาบอก
00:02:05 → 00:02:08 ว่าตัวใดดีและก็ตัวใดไม่ดีถ้าเกิดใครที่
00:02:08 → 00:02:10 แบบเอ่อยังไม่เคยได้รับการวินิจฉัยว่า
00:02:10 → 00:02:13 เป็นไมเกรนเนี่ยอันนี้นะคะฟังคลิปนี้
00:02:13 → 00:02:15 เนี่ยก็อย่าเพิ่งคิดเอาเองว่าเอ๊ะเราเป็น
00:02:15 → 00:02:17 ไมเกรนหรือเปล่าแล้วก็ไปเอาตัวอย่างยาไป
00:02:17 → 00:02:19 ซื้อมารับประทานนะคะอันนั้นอันตรายควรจะ
00:02:19 → 00:02:22 ไปตรวจก่อนปรึกษาแพทย์หรืออย่างน้อยก็คือ
00:02:22 → 00:02:25 เภสัชากรว่าเอออาการเราเนี่ยเข้าขายได้มย
00:02:25 → 00:02:27 แล้วก็ควรจะเลือกใช้ยาอะไรฉะนั้นอย่าซื้อ
00:02:27 → 00:02:33 ยาทันเองปี 2025 อ่ะมีอะไรใหม่บ้างอันแรก
00:02:33 → 00:02:36 เลยเป็นเรื่องของคอนเซปตการรักษาไมเกรน
00:02:36 → 00:02:39 ค่ะอย่างในตอนปีที่แล้วเนี่ยหมอจะพูดถึง
00:02:39 → 00:02:42 อันนึงค่อนข้างเยอะในไมเกรนก็คือเรื่อง
00:02:42 → 00:02:45 ของตัวสารนึงที่ทำให้เราปวดหัวไมเกรนก็
00:02:45 → 00:02:48 คือตัว CGRP ซึ่งคนไข้ไมเกรนหลายคนเนี่ย
00:02:48 → 00:02:51 ตอนนี้ก็เริ่มรู้จักละมันก็เหมือนเป็นอ่า
00:02:51 → 00:02:53 สารสนึงแหละที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้เราปวด
00:02:53 → 00:02:56 ไมเกรนอันที่ 2 ก็คือเรื่องของยาใหม่ใน
00:02:56 → 00:02:58 ประเทศไทยเมื่อกี้ที่บอกไปละก็จะมี
00:02:58 → 00:03:00 ธันวาคมปีที่แล้วมีตัวยาดิบหลอดเลือดดำ
00:03:00 → 00:03:03 เข้ามานะคะเป็นยาป้องกันแล้วก็พฤษภาคมปี
00:03:03 → 00:03:04 นี้ก็คือมีตัวยาที่เป็นยาอมใต้ลิ้นที่
00:03:05 → 00:03:07 เป็นทั้งแก้ปวดแล้วก็ป้องกันเราก็มาฟัง
00:03:07 → 00:03:10 กันคร่าวๆนะคะว่ามันเป็นยังไงก็มาทบทวน
00:03:10 → 00:03:12 กันคร่าวๆว่าแล้วลักษณะอาการปวดหัวไมเกรน
00:03:12 → 00:03:15 เป็นยังไงล่ะมักจะปวดข้างเดียวนำมาก่อน
00:03:15 → 00:03:18 ตอนหลังเนี่ยปวด 2 ข้างได้นะแต่ขอว่าแบบ
00:03:18 → 00:03:21 อ่ะมีข้างนึงนำมาก่อนแล้วก็จะมีความแบบ
00:03:21 → 00:03:24 สลับข้างได้แต่ว่าทุกคนเนี่ยส่วนใหญ่จะมี
00:03:24 → 00:03:27 ปวดข้างใดข้างนึงเด่นกว่าบางคนแบบปวดซ้าย
00:03:27 → 00:03:29 เด่นกว่าบางคนปวดขวาเด่นกว่าแต่ก็จะมีการ
00:03:29 → 00:03:32 สลับข้างกันได้ในบางครั้งแล้วก็ลักษณะของ
00:03:32 → 00:03:35 อาการปวดเนี่ยถ้าเป็นแบบตุบๆเหมือนหลอด
00:03:35 → 00:03:36 เลือดเต้นเนี่ยก็จะค่อนข้างบ่งชี้เป็น
00:03:36 → 00:03:39 ไมเกรนยกเว้นว่าคนที่เป็นมานานๆเป็นมา
00:03:39 → 00:03:42 หลายๆปีอันนั้นก็ความปวดก็จะเปลี่ยนแปลง
00:03:42 → 00:03:45 ไปละก็จะเริ่มเป็นแบบตึงๆตื้อๆอะไรก็หลาก
00:03:45 → 00:03:47 หลายได้แต่ว่าถ้าเอาว่าเป็นใหม่ๆจริงๆอ่ะ
00:03:47 → 00:03:50 มักจะเป็นข้างเดียวแล้วปวดตุ๊บๆแล้วก็
00:03:50 → 00:03:52 ลักษณะของอาการปวดเนี่ยจะค่อนข้างรุนแรง
00:03:53 → 00:03:55 แบบปวดปุ๊บอ่ะทำอะไรต่อไม่ได้ไม่ได้ปวด
00:03:55 → 00:03:58 แบบมึนๆตรวจจะเครียดไปนอนอะไรอย่างเงี้ย
00:03:58 → 00:04:00 แบบเ่อนอนไม่พออะไรแบบเนี้ยแต่ว่าจะป่วน
00:04:01 → 00:04:03 แบบค่อนข้างที่แบบปวดเสร็จปุ๊บจะรู้สึก
00:04:03 → 00:04:05 คลื่นไส้ผอึดพอมอยากจะอาเจียนแล้วก็รู้
00:04:05 → 00:04:07 สึกว่าต้องหยุดกิจกรรมที่ทำอยู่ตอนนั้นๆ
00:04:07 → 00:04:09 เช่นทำงานอยู่ก็ต้องไปพักไปนอนพักหรือว่า
00:04:09 → 00:04:11 ถ้าอยู่แบบกลางแจ้งหรือว่าเดินอยู่อะไร
00:04:12 → 00:04:14 เงี้ยก็ต้องกลับไปนอนอะไรแบบนี้เลยนะคะ
00:04:14 → 00:04:16 เพราะว่ามันจะเป็นการปวดที่ค่อนข้าง
00:04:16 → 00:04:19 รุนแรงแล้วก็ปวดค่อนข้างนานค่ะคือถ้าเกิด
00:04:19 → 00:04:21 สมมุติว่าเราไม่ทำอะไรกับเค้าเนี่ยคนที่
00:04:21 → 00:04:23 เป็นครั้งแรกเนี่ยบางทีปวดขึ้นมาทีปวด
00:04:23 → 00:04:26 เกินแบบหลายชั่วโมงเลย 3-4 ชั่วโมงขึ้นไป
00:04:26 → 00:04:28 แล้วถ้าเราไม่ได้กินรีบกินยาแก้ปวดอ่ะปวด
00:04:28 → 00:04:30 ไปได้นานถึง 2-3 วันเลยแต่ว่าถ้าคนที่
00:04:30 → 00:04:32 เป็นบ่อยๆเขาจะเริ่มรู้แล้วว่าอย่าปล่อย
00:04:32 → 00:04:34 ทิ้งไว้ถ้ายิ่งปล่อยไว้เนี่ยมันก็ยิ่งปวด
00:04:34 → 00:04:36 อยู่ดีเพราะฉะนั้นเนี่ยเขาก็จะรีบแบบว่า
00:04:36 → 00:04:38 จัดการอะไรสักอย่างละตอนหลังๆอาการปวดอาจ
00:04:38 → 00:04:41 จะดูแบบสั้นลงไม่ถึง 3 วันแล้วก็จะมี
00:04:41 → 00:04:43 ลักษณะที่สำคัญอันนึงเลยก็คือเรื่องของ
00:04:43 → 00:04:47 ตัวแพ้แสงแล้วก็แพ้เสียงเป็นยังไงนะคะก็
00:04:47 → 00:04:50 คืออย่างแปกติเวลาเราเจอแสงจ้าเนี่ยคน
00:04:50 → 00:04:52 ทั่วไปก็อาจจะรู้สึกว่าแสงนี้จ้านะคะแต่
00:04:52 → 00:04:53 ว่าถ้าเป็นคนไมเกรนเนี่ยก็จะคือรู้สึกว่า
00:04:53 → 00:04:56 มันน่ะจ้ามากกว่าปกติรู้สึกตาสู้แสงไม่
00:04:56 → 00:04:59 ได้เลยรวมไปถึงเสียงด้วยเช่นเราคุยกันแบบ
00:04:59 → 00:05:03 เนี้ยคุยกันปกติหรือว่าอยู่ในที่ที่คนแบบ
00:05:03 → 00:05:04 เสียงดังบวกเบรกโวยวายนิดนึงเนี่ยคน
00:05:04 → 00:05:06 ธรรมดาก็ไม่เป็นไรแต่ถ้าเป็นคนไมเกรนจะ
00:05:06 → 00:05:08 รู้สึกว่าเสียงนี้มันดังมากๆแล้วก็แบบ
00:05:08 → 00:05:10 ยิ่งทำให้เขาปวดหัวมากยิ่งขึ้นฉะนั้นอัน
00:05:10 → 00:05:13 นี้ก็จะเป็นลักษณะของไมเกรนนะคะปวดมักจะ
00:05:13 → 00:05:16 ปวดข้างเดียวปวดตุบๆปวดค่อนข้างแรงปวดนาน
00:05:16 → 00:05:19 แล้วก็มักจะมีคลื่นไส้อาเจียนแพ้แสงแพ้
00:05:19 → 00:05:22 เสียงร่วมด้วยรวมไปถึงมักจะมีตัวกระตุ้น
00:05:22 → 00:05:24 ที่ค่อนข้างชัดเจนนะคะเช่นอาจจะเป็นอากาศ
00:05:24 → 00:05:28 ร้อนแดดจ้ากิติ่นฮอร์โมนช่วงประจำเดือน
00:05:28 → 00:05:32 ความเครียดอดนอนซึ่งหลายๆคนเนี่ยก็จะมี
00:05:32 → 00:05:34 ตัวกระตุ้นแบบเคยใครเคยมีตัวกระตุ้นอัน
00:05:34 → 00:05:36 ไหนอันนั้นก็จะมักจะเป็นตัวกระตุ้นเดิมๆ 3
00:05:36 → 00:05:38 เราจะบอกว่าคนไข้คนเนี้ยเป็นไมเกรนมักจะ
00:05:38 → 00:05:41 ไม่ได้ปวดหัวมาครั้งแรกถ้าปวดหัวครั้งแรก
00:05:41 → 00:05:43 ในชีวิตปวดมากปวดรุนแรงแบบนี้เรายังไม่
00:05:43 → 00:05:45 บอกว่าคนไข้เป็นไมเกรนส่วนใหญ่คนไข้เนี่ย
00:05:45 → 00:05:49 มักจะต้องมีอาการปวดเดิมๆซ้ำๆเพราะว่าเรา
00:05:49 → 00:05:50 จะเห็นว่าไมเกรนน่ะปวดทีคือปวดไม่ค่อย
00:05:50 → 00:05:52 เกิน 2-3 วันใช่มั้ยคะเพราะฉะนั้นเนี่ยคน
00:05:52 → 00:05:55 ไข้ส่วนใหญ่อ่ะต่อให้ปวดแรงก็จริงอ่ะ 2
00:05:55 → 00:05:58 วัน 3 วันหายไม่ได้ไปตรวจแต่มาอีกแล้วก็
00:05:58 → 00:06:00 คล้ายๆเดิมอีกเพราะฉะนั้นเนี่ยอ่าถ้า
00:06:00 → 00:06:02 วินิจฉัยจริงๆเนี่ยเราเอา 5 ครั้งขึ้นไป
00:06:02 → 00:06:04 แต่โดยปกติเนี่ยพอสักแบบ 3-4 ครั้งเนี่ย
00:06:04 → 00:06:06 บางคนก็เริ่มรู้แล้วว่าเราอ่ะเริ่มน่าจะ
00:06:06 → 00:06:09 ปวดหัวแบบตัวกระตุ้นเดิมๆซ้ำๆแบบนี้เฉพาะ
00:06:09 → 00:06:11 อย่างถ้าเป็นผู้หญิงเนี่ยช่วงรอบประจำ
00:06:11 → 00:06:13 เดือนอะไรอย่างเงี้ยเราจะเจอบ่อยมากที่
00:06:13 → 00:06:15 สำคัญเนี่ยคืออยากให้รู้ว่าไมเกรนนะคะ
00:06:15 → 00:06:20 เป็นโรคทางสมองที่ซับซ้อนใช้คำว่าโรคทาง
00:06:20 → 00:06:23 สมองนะไม่ใช่ว่าแบบไมเกรนเป็นแค่โรคปวด
00:06:23 → 00:06:27 หัวทั่วไปแบบเอ่อเครียดอดนอนแล้วปวดหัวนะ
00:06:27 → 00:06:29 คะไม่ใช่แบบนั้นปกติเนี่ยพอคนเข้าใจว่า
00:06:29 → 00:06:31 เออเราเครียดเราอดนอนแล้วเป็นไมเกรนเนี่ย
00:06:31 → 00:06:33 เราก็จะเหมือนแบบคิดว่ามันไม่ได้รุนแรง
00:06:33 → 00:06:35 อะไรหรอกแต่จริงๆพอเรารู้ว่ามันเป็นโรค
00:06:35 → 00:06:37 ทางสมองเนี่ยคำว่าโรคทางสมองก็คือว่าถ้า
00:06:37 → 00:06:40 เกิดเราปล่อยให้มันเป็นซ้ำๆอ่ะค่ะแล้ว
00:06:40 → 00:06:42 เป็นบ่อยๆเป็นเรื่อยๆนะคะสิ่งที่เกิดขึ้น
00:06:42 → 00:06:44 คือมันจะเกิดการเปลี่ยนแปลงของสมองเลยที่
00:06:44 → 00:06:47 ทำให้เราจะมีความไวของตัวกระตุ้นมากยิ่ง
00:06:47 → 00:06:49 ขึ้นระบบประสาทในการรับรู้ความเจ็บปวดใน
00:06:49 → 00:06:51 ร่างกายจะเปลี่ยนแปลงไปนะคะเหมือนเกิดการ
00:06:51 → 00:06:53 แบบเปลี่ยนแปลงของ Brain Change เปลี่ยน
00:06:53 → 00:06:56 แปลงของสมองไปเลยจะรู้สึกว่าเอ๊ะไม่ต้อง
00:06:56 → 00:06:58 มีตัวกระตุ้นเราก็ปวดหัวเองได้แล้วนะคะ
00:06:58 → 00:07:01 รวมไปถึงการนำไปสู่โรคแทรกซ้อนอื่นๆด้วย
00:07:02 → 00:07:03 ที่แบบเจอร่วมกันบ่อยอย่างเช่นเรื่องของ
00:07:03 → 00:07:05 โรควิตกกังวลโรคซึมเศร้าเพราะฉะนั้นเนี่ย
00:07:05 → 00:07:08 ไมเกรนเป็นโรคทางสมองที่ถ้าเป็นเยอะอย่า
00:07:08 → 00:07:10 ปล่อยทิ้งไว้นะคะยิ่งปล่อยทิ้งไว้เนี่ย
00:07:10 → 00:07:13 มันจะยิ่งอันตรายและก็ที่สำคัญคือหลังๆ
00:07:13 → 00:07:16 เนี่ยก็จะเริ่มมีงานวิจัยอ่ะที่บ่งชี้มาก
00:07:16 → 00:07:18 ขึ้นว่าถ้าเกิดเราเป็นไมเกรนเยอะๆเป็น
00:07:18 → 00:07:22 ไมเกรนบ่อยๆเนี่ยแล้วเติดตามไปทำ MRI
00:07:22 → 00:07:25 ถ่ายภาพสแกนสมองของคนที่เป็นไมเกรนก็จะพบ
00:07:25 → 00:07:28 ว่ามีบางตำแหน่งของสมองเนี่ยที่เนื้อสมอง
00:07:28 → 00:07:31 อ่ะไม่เหมือนเดิมนะคะรวมไปถึงเอ่อความ
00:07:31 → 00:07:34 เสี่ยงของการเกิดโรคพวกเ่อหลอดเลือดสมอง
00:07:34 → 00:07:36 บางอย่างเพิ่มมากขึ้นมากกว่าคนปกติด้วย
00:07:36 → 00:07:39 ฉะนั้นเนี่ยคอนเซปตคือไมเกรนคือโรคสมองนะ
00:07:39 → 00:07:41 คะที่ต้องรักษาฉะนั้นพอเป็นโรคสมองเนี่ย
00:07:41 → 00:07:44 เราก็มาดูกันคร่าวๆก่อนทำไมถึงเป็นไมเกรน
00:07:44 → 00:07:46 ล่ะทำไมถึงมีอาการปวดหัวตุบๆล่ะอันนี้นะ
00:07:46 → 00:07:49 คะจะค่อนข้างแบบเ่อลงลึกนิดนึงถ้าใครที่
00:07:49 → 00:07:51 อยากฟังเรื่องยาเดี๋ยวเราจะข้ามสิปตรงนี้
00:07:51 → 00:07:54 ไปเลยแต่หมออ่ะอยากให้เห็นภาพนิดนึงเพราะ
00:07:54 → 00:07:56 ว่ามันจะเกี่ยวข้องกับยาที่เราจะใช้นี่
00:07:56 → 00:07:59 แหละค่ะจะได้เข้าใจนะคะว่าทำไมแบบเออเรา
00:07:59 → 00:08:02 เราต้องใช้ยากลุ่มไหนอะไรยังไงก็ภาพนี้นะ
00:08:02 → 00:08:05 คะก็จะเป็นการเอ่อแสดงว่าสมองของเราเนี่ย
00:08:05 → 00:08:07 เกิดอะไรขึ้นบ้างเมื่อเวลาเราเจอตัว
00:08:07 → 00:08:09 กระตุ้นอย่างเช่นตรงอ่าอย่างเงี้ยลูกศร
00:08:09 → 00:08:12 ภาพข้างล่างตรงสมองก่อนจะเห็นว่าเขาชี้
00:08:12 → 00:08:14 เห็นว่าถ้าเกิดเวลามันมีแสงเข้ามามีกลิ่น
00:08:14 → 00:08:17 เข้ามาหรือว่ามีเสียงหรือรวมถึงปัจจัย
00:08:17 → 00:08:19 เซensoryภายในก็คือเรื่องของพวกความ
00:08:19 → 00:08:23 เครียดอดนอนเอ่อกินอาหารไม่ตรงเวลาเอ่อ
00:08:23 → 00:08:26 ฮอร์โมนประจำเดือนอะไรต่างๆเนี่ยพอมันรับ
00:08:26 → 00:08:29 เข้ามาส่งเข้ามาปุ๊บเนี่ยสมองระบบประสาท
00:08:29 → 00:08:31 ของเราอ่ะค่ะจะเกิดการกระตุ้นนะคะเกิดการ
00:08:31 → 00:08:33 รับรู้นะคะถามว่าแล้วทำไมถึงกระตุ้นล่ะ
00:08:33 → 00:08:36 อันเนี้ยสาเหตุการเกิดไมเกรนเนี่ยยังไม่
00:08:36 → 00:08:38 มีใครทราบแน่ชัดนะคะว่าทำไมคนนี้ถึงเป็น
00:08:38 → 00:08:40 คนนี้ถึงไม่เป็นนะคะเพราะว่าแต่ว่าเชื่อ
00:08:40 → 00:08:42 ว่าส่วนหนึ่งเนี่ยเกี่ยวข้องกับพันธุกรรม
00:08:42 → 00:08:43 เพราะว่าคนไมเกรนส่วนใหญ่ก็มักจะมี
00:08:43 → 00:08:45 ประวัติครอบครัวเป็นเกี่ยวข้องกับสภาพแวด
00:08:45 → 00:08:47 ล้อมแล้วก็เกี่ยวข้องกับผู้หญิงเอ่อ
00:08:47 → 00:08:49 ฮอร์โมนเพศหญิงนะคะเพราะว่าไมเกรนส่วน
00:08:49 → 00:08:50 ใหญ่เป็นในผู้หญิงนะคะอย่างเช่นเรื่องของ
00:08:50 → 00:08:53 พวกเอสโตรเจนต่างๆนะนะคะเพราะฉะนั้นเนี่ย
00:08:53 → 00:08:54 โอเคคนเป็นไมเกรนน่ะแสดงว่าสมองเขาคมี
00:08:54 → 00:08:57 ความไวต่อตัวกระตุ้นมากกว่าคนปกติแล้วล่ะ
00:08:57 → 00:08:59 ทีนี้พอเวลามีตัวกระตุ้นเข้ามานะคะสิ่ง
00:08:59 → 00:09:02 ที่เกิดขึ้นนะคะก็คือจะเกิดขึ้นเอ่อตาม
00:09:03 → 00:09:05 รูปบนนะคะเดี๋ยวเดี๋มาวาดให้ดูแล้วกัน
00:09:05 → 00:09:08 เนาะก็คือพอเรามีแบบอ่าพอเรามีอ่ะสมมุติ
00:09:08 → 00:09:12 ว่ามีแสงอาทิตย์ละกันเข้ามานะคะมันจะเกิด
00:09:12 → 00:09:14 การกระตุ้นสมองพอเกิดการกระตุ้นสมองเสร็จ
00:09:14 → 00:09:17 เนี่ยตรงปลายประสาทอ่ะค่ะตรงปลายประสาท
00:09:17 → 00:09:19 อันเนี้ยจะเป็นปลายประสาทปกติปลายประสาท
00:09:19 → 00:09:21 เราอ่ะค่ะมันจะมีสารสืบประสาทอยู่ข้างใน
00:09:21 → 00:09:24 อย่างนี้นะคะข้างในก็จะมีสารสื่อประสาท
00:09:24 → 00:09:27 แบบนี้อย่างงี้อย่างงี้นะคะตรงเนี้ยเรา
00:09:27 → 00:09:32 เรียกว่า C G R P ถามว่าเกิดอะไรขึ้น
00:09:32 → 00:09:34 พอเวลามีตัวกระตุ้นเข้ามาอันนี้นะคะ
00:09:34 → 00:09:36 สมมุติเป็นผนังหลอดเลือดอันนี้ก็คือจะ
00:09:36 → 00:09:42 เป็นตัวรับตัวรับ CGRP อ่ะสมมุติว่ามีตัว
00:09:42 → 00:09:45 กระตุ้นเข้ามาปุ๊บนะคะมีแสงแดดเข้ามาปื๊บ
00:09:45 → 00:09:47 ไปกระตุ้นระบบประสาทแล้วนะมันจะทำให้ไอ้
00:09:47 → 00:09:50 ตัวสารตรงเนี้ยค่ะปล่อยออกมาถูกปล่อยออก
00:09:50 → 00:09:53 มาจากปลายประสาทแบบนี้อันนี้นะคะก็คือ
00:09:53 → 00:09:57 CGRP แล้วก็จะไปจับกับตัวรับที่ผนังหลอด
00:09:57 → 00:10:01 เลือดสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือพอเกิดการ
00:10:01 → 00:10:03 กระตุ้นระบบประสาทส่งสัญญาณประสาทแบบนี้
00:10:03 → 00:10:06 นะคะมันก็จะไปออกฤทธิ์ที่ผนังหลอดเลือด
00:10:06 → 00:10:08 ของเราอันนี้สมมุติเป็นผนังหลอดเลือดของ
00:10:08 → 00:10:11 เรานะคะให้เกิดการขยายตัวพอผนังหลอดเลือด
00:10:11 → 00:10:16 ขยายตัวนึกภาพตามอ่ะค่ะก็คือตุบๆเหมือน
00:10:16 → 00:10:19 ลูกโป่งอ่ะที่แบบถูกเป่าให้ขยายอ่ะค่ะ
00:10:19 → 00:10:21 แล้วก็หดแล้วก็ขยายแล้วก็หดแล้วขยายเพราะ
00:10:21 → 00:10:25 ฉะนั้นเนี่ยก็คือเอ่อพอเวลามีตัวกระตุ้น
00:10:25 → 00:10:28 ระบบประสาทหลัง CGRP CGRP ไปออกฤทธิ์ที่
00:10:28 → 00:10:31 ผนังหลอดเลือดเกิดการขยายตัวแล้วก็เกิด
00:10:31 → 00:10:34 ความปวดขึ้นมาเป็นตุบๆๆฉะนั้นสาร CGRP
00:10:34 → 00:10:37 ถึงมีความสำคัญมากในไมเกรนนอกจาก CGRP จะ
00:10:37 → 00:10:40 ทำให้หลอดเลือดขยายตัวแล้ว CGRP ยังทำให้
00:10:40 → 00:10:43 เกิดขบวนการที่สำคัญทั้งหมด 3 อย่างอัน
00:10:43 → 00:10:46 แรกก็คือหลอดเลือดขยายตัวเมื่อกี้อันที่ 2
00:10:46 → 00:10:49 คือกระตุ้นความเจ็บปวดในร่างกายคือตัวเขา
00:10:49 → 00:10:51 เนี่ยมันจะไปกระตุ้นแบบการส่งสัญญาณ
00:10:51 → 00:10:54 ประสาทความปวดอ่ะค่ะทำให้เรามีเอ่อความ
00:10:54 → 00:10:57 เจ็บปวดในร่างกายคือร่างกายคนเราเวลาจะ
00:10:57 → 00:10:59 รับรู้ความเจ็บปวดมันก็จะต้องมีการอ่ามี
00:10:59 → 00:11:00 ตัวกระตุ้นเข้ามาแล้วมีการส่งสัญญาณต่อ
00:11:00 → 00:11:02 อ่ะค่ะแล้วก็สุดท้ายอันที่ 3 คือทำให้
00:11:02 → 00:11:05 เกิดการหลักอักเสบอักเสบของระบบประสาทใน
00:11:05 → 00:11:09 ในระบบประสาทเอ่อไตมิโนวasสcularาร system
00:11:09 → 00:11:10 แล้วก็ในสมองของเราตรงเนี้ยเพราะฉะนั้น
00:11:10 → 00:11:12 เนี่ยจะเห็นว่ามันไม่ใช่แค่หลอดเลือดขยาย
00:11:12 → 00:11:15 ตัวนะแต่ถ้าเกิดเราปล่อยทิ้งไว้ให้ไมเกรน
00:11:15 → 00:11:17 ถูกกระตุ้นนานๆถูกกระตุ้นบ่อยๆอ่ะค่ะสิ่ง
00:11:17 → 00:11:19 ที่เกิดขึ้นคือมันเหมือนมันมีการอักเสบ
00:11:19 → 00:11:21 อยู่ตลอดตลอดเวลาค่ะฉะนั้นใบเกณบางคน
00:11:21 → 00:11:23 เนี่ยก็จะรู้ว่าเออแบบพอหายปวดหัวไปแล้ว
00:11:23 → 00:11:27 อ่ะมันยังไม่จบมันรู้สึกเหมือนมันช้ำ
00:11:27 → 00:11:30 เหมือนแบบไปผ่านสมรภูมิการลบอะไรมาสัก
00:11:30 → 00:11:32 อย่างแบบแตะศีรษะไม่ได้เลยมันจะรู้สึกแบบ
00:11:32 → 00:11:34 เจ็บๆช้ำๆมากก็เป็นเพราะว่าบางทีเนี่ยเรา
00:11:34 → 00:11:36 ปล่อยให้การอักเสบตรงเนี้ยมันเกิดขึ้นนาน
00:11:36 → 00:11:40 เกินไปแล้วก็มีการเอ่อกระตุ้นความเจ็บปวด
00:11:40 → 00:11:42 ที่ค่อนข้างเยอะมากพอแล้วอ่ะลุกลามไปแบบ
00:11:43 → 00:11:46 เยอะมากพอละแล้วพอมันหยุดเนี่ยมันก็เลย
00:11:46 → 00:11:48 เกิดผลตามมาได้นะคะที่เหมือนเป็นระยะตาม
00:11:48 → 00:11:51 หลังของอาการปวดศีรษะไมเกรนนะคะซึ่งเราจะ
00:11:51 → 00:11:53 ไม่ลงลึกกันในวันนี้ทีนี้เนี่ยก็เลยอยาก
00:11:53 → 00:11:56 ให้รู้จักว่าเออพอมันมี CGRP ตรงนี้แหละ
00:11:56 → 00:11:59 ยาปัจจุบันเนี่ยการรักษาไมเกรนใหม่ๆใน
00:11:59 → 00:12:02 ปัจจุบันเลยเขาถึงมาโฟกัสที่ตรงเนี้ยค่ะ
00:12:02 → 00:12:05 ที่ตรงสาร CGRP อ่ะเพราะว่าเขารู้ว่า 1
00:12:05 → 00:12:08 คนไข้ที่เป็นไมเกรนตอนไมเกรนกำเริบสาร
00:12:08 → 00:12:12 CGRP สูงขึ้นโอเคพอหายปวดหัวตัวเนี้ยก็
00:12:12 → 00:12:15 จะลดลงไปอันนี้สำหรับคนที่เป็นไมเกรนไม่
00:12:15 → 00:12:18 บ่อยแต่ถ้าคนที่เป็นบ่อยๆนะนึกภาพแบบปวด
00:12:18 → 00:12:20 ทุกวันเลยแบบปวดไมไเกรนแล้วก็หายแล้วก็
00:12:20 → 00:12:22 ปวดอีกแล้วก็หายแล้วก็ปวดอีกแล้วก็หายมัน
00:12:22 → 00:12:26 ก็จะเหมือนแบบ CGRP ขึ้นลงขึ้นลงขึ้นลง
00:12:26 → 00:12:30 แต่ไม่เคยลงแบบลงสุดเลยคือแบบสมมุติว่า
00:12:30 → 00:12:32 อ่ะสมมุติว่าคนเป็นแบบเป็นน้อยๆเนี่ยคือ
00:12:33 → 00:12:35 คนที่เป็นแบบเป็นน้อยๆนะคะเป็นไม่บ่อยปวด
00:12:36 → 00:12:40 น้อยๆกับปวดแบบถี่ๆนะคะอันนี้ปวดถี่ทีอัน
00:12:40 → 00:12:43 นี้ปวดน้อยๆนะอ่ะถ้าเราไปเจาะดูระดับ CGRP
00:12:43 → 00:12:46 ของคนไข้ตอนที่เขาปวดหัวเนี่ย CGRP มันจะ
00:12:46 → 00:12:50 ขึ้นแล้วพอตอนที่เขาหายปวดหัว CGRP จะลด
00:12:50 → 00:12:56 ลงนะคะแต่ถ้าคนที่เป็นไมเกรนถนะคะเวลาเรา
00:12:56 → 00:12:59 ดูตาม CGP ของคนไข้มันจะเป็นแบบนี้ปวดหัว
00:12:59 → 00:13:04 ขึ้นกำลังจะหายละกำลังจะลงปวดใหม่อีกนะคะ
00:13:04 → 00:13:08 กำลังจะหายละอีก 2 วันปวดใหม่อีกนะคะ
00:13:08 → 00:13:10 กำลังจะลงปวดใหม่อีกเพราะฉะนั้นสิ่งที่
00:13:10 → 00:13:14 เกิดขึ้นคือระดับ CGRP ไม่เคยกลับมาสู่
00:13:14 → 00:13:16 ภาวะปกติอีกเลยสมองของเราเหมือนถูก
00:13:16 → 00:13:18 กระตุ้นตลอดเวลาแล้วก็มีการอักเสบตลอด
00:13:18 → 00:13:21 เวลาอันนี้ถึงมีความสำคัญมากๆว่าถ้าเกิด
00:13:21 → 00:13:24 คนไข้ไมเกรนปล่อยไว้ปวดถี่ๆมากๆจะทำให้
00:13:24 → 00:13:26 เขาปวดเรื้อรังและต่อให้ไม่มีตัวกระตุ้น
00:13:27 → 00:13:30 เนี่ยเขาก็จะมีอาการปวดหัวได้หรือเจอตัว
00:13:30 → 00:13:33 กระตุ้นแค่น้อยๆอย่างเช่นเมื่อก่อนนี่
00:13:33 → 00:13:36 โอ้โหถ้าจะเจอแดดก็คือต้องแบบแดดแรงจ้าอ
00:13:36 → 00:13:39 ร้อนมากหลังๆคือแค่ขับรถแสงเข้าตาปวดเลย
00:13:39 → 00:13:42 อะไรอย่างเงี้ยก็อธิบายได้กลไกตรงนี้แหละ
00:13:42 → 00:13:45 งั้นก็อ่ะให้เห็นภาพว่าการเกิดไมเกรนมัน
00:13:45 → 00:13:47 เป็นโรคของสมองนะแล้วก็มีสารสำคัญที่อัน
00:13:47 → 00:13:51 นึงที่เราเรียกว่า CGRP ทีนี้เนี่ย 2025
00:13:51 → 00:13:54 ละ CRP จะไม่ใช่พระเอกคนเดียวอีกต่อไปฟัง
00:13:54 → 00:13:57 ไว้เพลินๆเพราะว่าหมอว่าในในมุมของในทาง
00:13:57 → 00:13:58 แพทย์เองหรือว่าในอะไรเองมันก็อยู่ยัง
00:13:58 → 00:14:00 อยู่ในขั้นตอนของงานวิจัยแต่อยากให้รู้
00:14:00 → 00:14:03 ว่าสารที่เกี่ยวข้องกับการเกิดระบบขบวน
00:14:03 → 00:14:06 การตรงเมื่อกี้นอกจาก CGRP แล้วมันยังมี
00:14:06 → 00:14:08 สารอื่นๆอีกมากมายเลยไม่ว่าจะเป็นสารการ
00:14:08 → 00:14:11 อักเสบต่างๆเช่นพวกกลุ่มแบบ VIP
00:14:11 → 00:14:14 ไนติอกไซด์ Substance Pาแต่ถ้าคนที่จะ
00:14:14 → 00:14:17 เป็นเหมือนแบบพระเอกกับนางเอกคู่กับ CG
00:14:17 → 00:14:21 CGRP อ่ะก็คือเขาเรียกว่าพาแคAPนะอันนึง
00:14:21 → 00:14:23 พระเอกอาจจะ CGRP นางเอกอาจจะเป็นแบบ
00:14:23 → 00:14:26 พาแคapพาแคapสำคัญยังไงอันเนี้ยตอนเนี้ย
00:14:26 → 00:14:30 พาแคAPอยู่ในระหว่างงานวิจัยแล้วว่ายาที่
00:14:30 → 00:14:33 ไปออกฤทธิ์กับการลดพาแคapเนี่ยอาจจะช่วย
00:14:33 → 00:14:37 รักษาคนไข้ไมเกรนได้อีกทางจากภาพเนี่ยคือ
00:14:37 → 00:14:39 เขาก็จะเปรียบเทียบให้เห็นว่าเวลาเค้าทด
00:14:39 → 00:14:42 ลองคนไข้ไปเนี่ยการฉีดสาร CGRP ให้คนไข้
00:14:42 → 00:14:44 คนนึงก็คือทำให้เกิดอาการปวดหัวได้ปวด
00:14:44 → 00:14:46 เป็นแบบไมเกรนได้แล้วก็มีสิ่งต่างๆที่
00:14:46 → 00:14:48 เหมือนไมเกรนตามมาอย่างเงี้ยอารมณ์แปร
00:14:48 → 00:14:51 ปรวนเวียนหัวอะไรอย่างเงี้ยในขณะเดียวกัน
00:14:51 → 00:14:54 ไอ้ตัวพาแขบเองนี้ก็เหมือนกันถ้าคนไข้ได้
00:14:54 → 00:14:56 มีระดับตัวนี้ที่สูงขึ้นนะคะก็ทำให้เกิด
00:14:56 → 00:14:58 อาการปวดหัวไมเกรนได้เหมือนกันเลยเพราะ
00:14:58 → 00:15:01 ฉะนั้นก็เลยอยากให้รู้ไว้คร่าวๆจริงๆว่า
00:15:01 → 00:15:04 โอเค CGP ไม่ใช่ตัวเดียวต่อไปแต่ว่าทุก
00:15:04 → 00:15:06 อย่างเนี่ยมันยังอยู่ในขั้นตอนของการอ่า
00:15:06 → 00:15:09 งานวิจัยแต่ว่าที่ยาที่มีอยู่ในปัจจุบัน
00:15:09 → 00:15:11 ทั้งหมดณตอนนี้ที่จะพูดถึงในวันนี้ที่
00:15:11 → 00:15:13 เป็นยากลุ่มใหม่ๆเนี่ยก็จะยังเป็นยาที่ไป
00:15:13 → 00:15:17 ออกฤทธิ์ที่ CGRP โดยตรงทีนี้แล้วทำไมถึง
00:15:17 → 00:15:18 เป็นไมเกรนถึงจะต้องฟังคลิปนี้แล้วถึงจะ
00:15:19 → 00:15:22 ต้องรักษาล่ะหมออ่ะรักษาคนไข้ไมเกรนมา
00:15:22 → 00:15:25 เยอะมากมากๆนะคะแล้วก็พบว่าจริงๆอ่ะคนไข้
00:15:25 → 00:15:29 ไมเกรนน่ะอย่างในคนไทยเองอ่ะเอาจริงๆเรา
00:15:29 → 00:15:32 เชื่อว่าคนไทยเป็นไมเกรนประมาณ 10 ล้านคน
00:15:32 → 00:15:35 นะคะถึงไม่แปลกใจเลยนะที่ทุกคนจะต้องมี
00:15:36 → 00:15:38 เพื่อนเป็นไมเกรนหรือคนที่ฟังอยู่เราเอง
00:15:38 → 00:15:41 ก็เป็นไมเกรนหรือคุณผู้ชายมีแฟนเป็น
00:15:41 → 00:15:45 ไมเกรนเยอะมากเยอะมากจนเราแทบจะมองแบบก็
00:15:45 → 00:15:47 ไมเกรนน่ะเหมือนแบบเหมือนเป็นโรคทั่วไป
00:15:47 → 00:15:48 อ่ะเหมือนเป็นหวัดเป็นอะไรแบบเนี้ยแต่
00:15:48 → 00:15:51 จริงๆมันไม่ใช่คือไมเกรนจากภาพที่หมอ
00:15:51 → 00:15:53 อธิบายมาข้างต้นมันมีความซับซ้อนมากกว่า
00:15:53 → 00:15:56 นั้นทีนี้เนี่ยเอ่อเวลาหมอเจอรักษาคนไข้
00:15:56 → 00:15:59 ไมเกรนมันเหมือนเป็นปลายทางอ่ะค่ะแบบว่า
00:15:59 → 00:16:01 คนไข้ที่มาหาหมอส่วนใหญ่เนี่ยมักจะเป็นคน
00:16:01 → 00:16:04 ไข้ไมเกรนเรื้อรางไปแล้วเป็นไมเกรนที่
00:16:04 → 00:16:07 สมองติดยาแก้ปวดไปแล้วก็คือใช้ยาแก้ปวด
00:16:07 → 00:16:09 เยอะมากๆจนสุดท้ายอ่ะไอ้ตัวยาแก้ปวดเนี่ย
00:16:09 → 00:16:11 มันย้อนกลับมาทำให้เขาปวดหัวเพิ่มมากขึ้น
00:16:11 → 00:16:14 เองเป็นไมเกรนที่มีโรคร่วมไปแล้วไม่ว่าจะ
00:16:14 → 00:16:18 เป็นวิตกกังวลซึมเศร้าหรือเป็นไมเกรนที่
00:16:18 → 00:16:22 ใช้ยาอะไรก็ไม่ได้ผลละหรือมีผลข้างเคียง
00:16:22 → 00:16:24 จากการใช้ยาทีนี้ถามว่าเราแบบเราจะทำยัง
00:16:24 → 00:16:28 ไงอ่ะคือมามารักษากันตอนตอนปลายทาง 1
00:16:28 → 00:16:30 รักษายากแล้วก็ใช้เวลาค่อนข้างนานเพราะ
00:16:30 → 00:16:32 ฉะนั้นเนี่ยสิ่งที่อยากให้ทุกคนเห็นภาพ
00:16:32 → 00:16:34 คือแล้วเราจะทำยังไงให้ตอนที่เราเป็น
00:16:35 → 00:16:38 ไมเกรนตั้งแต่น้อยๆแบบเป็นไม่บ่อยนานๆที
00:16:38 → 00:16:41 เป็นทีอ่ะเราถึงจะมีวิธีการดูแลตัวเองยัง
00:16:41 → 00:16:47 ไงหรือมีวิธีแบบสังเกตตัวเองยังไงว่าแบบ
00:16:47 → 00:16:49 เนี้ยไม่ได้แล้วนะกินยาเองไม่ได้แล้วนะไป
00:16:49 → 00:16:52 ซื้อยาเองอีกต่อไปไม่ได้แล้วจะไปหาคุณหมอ
00:16:52 → 00:16:55 เพราะว่าอย่างอันเนี้ยก็คือหมออยากโชว์
00:16:55 → 00:16:56 ให้เห็นว่าจริงๆอ่ะคนไข้ไมเกรนทุกคนไม่
00:16:56 → 00:16:59 ได้เป็นเรื้อรังส่วนใหญ่เป็นแบบชั่วคราว
00:16:59 → 00:17:02 ด้วยซ้ำแล้วก็จะมีกลุ่มน้อยๆที่จะเป็น
00:17:02 → 00:17:05 เรื้อรังโดยปัจจัยเนี่ยที่คนที่เป็นชั่ว
00:17:05 → 00:17:08 คราวมีโอกาสกลายเป็นไมเกรณเรื้อรังได้
00:17:08 → 00:17:11 ปัจจัยที่จะมาทำให้เค้าอ่ะเป็นเรื้อรัง
00:17:11 → 00:17:13 ได้มากยิ่งขึ้นนะคะต่อให้อ่ะต่อให้ไม่ทำ
00:17:13 → 00:17:16 อะไรเลยนะสมมุติต่อให้แบบดูแลตัวเองดีมาก
00:17:16 → 00:17:18 ไม่ได้กินยาอะไรเยอะมากมายด้วยคนที่เป็น
00:17:18 → 00:17:20 ชั่วคราวเนี่ยมีโอกาสที่กาจะกลายเป็น
00:17:20 → 00:17:24 เรื้อรังเนี่ยได้ประมาณ 3% ใน 1 ปีนะคะ
00:17:24 → 00:17:26 ถือว่าเป็นตัวเลขน้อยแต่ถามว่าไอ้ตัวเลข
00:17:26 → 00:17:29 ตรงเนี้ยมันจะเยอะขึ้นถ้าเรามีปัจจัยมา
00:17:29 → 00:17:30 กระตุ้นปัจจัยกระตุ้นที่สำคัญเลย 1
00:17:30 → 00:17:32 เรื่องของความถี่ของอาการปวดเมื่อไหร่ที่
00:17:33 → 00:17:35 เราเป็นไมเกรนแบบน้อยๆแล้วเราล้มปวดบ่อย
00:17:35 → 00:17:37 ขึ้นบ่อยขึ้นบ่อยขึ้นสมองของเราจะไวต่อ
00:17:37 → 00:17:39 ตัวกระตุ้นมากยิ่งขึ้นความถี่ส่วนใหญ่ก็
00:17:39 → 00:17:41 คือเอาเกินประมาณสักสัปดาห์ละครั้งอ่ะค่ะ
00:17:41 → 00:17:43 หรือเดือนนึงประมาณซัก 4 ครั้งขึ้นไป
00:17:43 → 00:17:46 เนี่ยถือว่าเริ่มถี่ละสิ่งที่ตามมาจาก
00:17:46 → 00:17:49 ความถี่คือการใช้ยาแก้ปวดไมเกนเป็นคนอ่า
00:17:49 → 00:17:51 โรคปวดที่ค่อนข้างทรมานและรุนแรงเพราะ
00:17:51 → 00:17:54 ฉะนั้นเนี่ยเวลาปวดมาทีอ่ะมันไม่ใช่แค่
00:17:54 → 00:17:56 นอนพักอ่ะส่วนใหญ่ก็ต้องแบบกินยาแก้ปวด
00:17:56 → 00:17:59 เพราะฉะนั้นพอปวดบ่อยขึ้นนะคะปวดเกิน 4
00:17:59 → 00:18:01 ครั้งต่อเดือนอาตีง่ายๆว่าครั้งนึงเราก็
00:18:01 → 00:18:04 กินยาซัก 2 เม็ดแล้วกันเม็ดเดียวเอาไม่
00:18:04 → 00:18:06 ค่อยอยู่ 428 เท่ากับว่าเรากินยาประมาณ 8
00:18:06 → 00:18:09 เม 10 เมต่อเดือนละเมื่อไหรแก้ปวดเกิน 10
00:18:09 → 00:18:11 เม็ดต่อเดือนนะคะในบางตัวโดยเฉพาะยากลุ่ม
00:18:11 → 00:18:14 ไมเกรตเกินติดกันเกิน 3 เดือนก็จะทำให้
00:18:14 → 00:18:16 เรากลายเป็นไมเกรนเรื้อรังแล้วก็มีปวดหัว
00:18:16 → 00:18:18 จากยาแก้ปวดแหละเพราะงั้นปัจจัยที่สำคัญ
00:18:18 → 00:18:20 เลยที่ทำให้เรากลายเป็นไมเกนเรื้อรังคือ
00:18:20 → 00:18:22 เรื่องของความถี่และการใช้ยาแก้ปวดนอกจาก
00:18:22 → 00:18:24 นี้นะคะก็จะเป็นเรื่องของอ่าไลฟ์สไตล์
00:18:24 → 00:18:27 ต่างๆเช่นเรื่องของความเครียดอดนอน
00:18:27 → 00:18:29 พฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการที่จะไมเกนกำเริบ
00:18:29 → 00:18:31 เช่นแบบไปเจออาหารตัวกระตุ้นเดิมๆซ้ำๆ
00:18:31 → 00:18:33 หรือรวมไปถึงน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นอย่าง
00:18:33 → 00:18:35 รวดเร็วด้วยนะคะอาการไม่ออกกำลังกายอะไร
00:18:35 → 00:18:38 พวกเนี้ยเป็นปัจจัยที่มาส่งเสริมไมเกรน
00:18:38 → 00:18:40 ให้เราเป็นหนักมากยิ่งขึ้นเพราะฉะนั้นก็
00:18:40 → 00:18:42 เอ่อใครที่เป็นไมเกรนน้อยๆอยู่อ่ะเราต้อง
00:18:42 → 00:18:45 พยายามคุมคุมยังไงให้เราแบบไม่กลายไปสู่
00:18:45 → 00:18:48 ไมเรื้อรังอ่ะจะได้ไม่ต้องมาแบบรักษาด้วย
00:18:48 → 00:18:50 ยากลุ่มที่จะพูดถึงในวันนี้ทีนี้ก็จะมา
00:18:50 → 00:18:53 สู่เรื่องของยาการรักษาไมเกรนนะคะหมอจะ
00:18:53 → 00:18:56 ปกติหมอก็จะบอกคนไข้เนาะการรักษาไมเกรน
00:18:56 → 00:18:59 เนี่ยจริงๆไมเกรนทุกคนนะคะสิ่งที่ต้องทำ
00:18:59 → 00:19:02 เลยนะสิ่งที่ต้องทำเลยทุกคนนะคะคือหลีก
00:19:02 → 00:19:06 เลี่ยงตัวกระตุ้นแล้วก็เอ่อเรื่องของการ
00:19:06 → 00:19:09 ปรับพฤติกรรมต่างๆอ่ะค่ะอย่างเช่นเอ่ออด
00:19:09 → 00:19:14 นอนความเครียดกินอาหารให้ตรงเวลาการทำแบบ
00:19:14 → 00:19:16 fastิ้นานๆอ่ะคนไข้ไมเกรนบางทีแบบหิวหรือ
00:19:16 → 00:19:17 ยังไม่กินข้าวอะไรเงี้ยอันนี้ก็กระตุ้น
00:19:17 → 00:19:20 ไมเกรนบ่อยเพราะฉะนั้นทุกคนนะทุกคนต้อง
00:19:20 → 00:19:22 หลีกเลี่ยงตัวกระตุ้นแล้วก็ปรับพฤติกรรม
00:19:22 → 00:19:24 ที่ช่วยได้อีกอย่างนึงเลยคือการออกกำลัง
00:19:24 → 00:19:26 กายนะคะการออกกำลังกายนอกจากจะช่วยลดความ
00:19:26 → 00:19:28 เครียดลดแล้วยังสามารถช่วยลดความถี่
00:19:28 → 00:19:30 ไมเกรนด้วยพอเราทำทุกอย่างและทำทุกอย่าง
00:19:31 → 00:19:34 และไม่ไหวยังปวดหัวอยู่ดีเราก็จะแบ่ง
00:19:34 → 00:19:36 เลือกการใช้ยาออกเป็น 2 กลุ่มกลุ่มแรกเรา
00:19:36 → 00:19:40 เรียกว่ายาแก้ปวดยาแก้ปวดเนี่ยก็คือชื่อ
00:19:40 → 00:19:44 ของเขาก็บอกแก้ปวดกินเมื่อปวดเท่านั้นอัน
00:19:44 → 00:19:48 ที่ 2 เราเรียกว่ายาป้องกันป้องกันนี่ก็
00:19:48 → 00:19:52 คือมันปวดบ่อยอ่ะมันก็ไม่อยากให้แบบจะ
00:19:52 → 00:19:54 ต้องมาปวดบ่อยอ่ะอย่างที่หมอบอกคือถ้า
00:19:54 → 00:19:56 เกิดปวดเกิน 4-5 ครั้งต่อเดือนน่ะยังไง
00:19:56 → 00:19:58 เราก็ใช้ยาเกินแน่ๆอยู่ละทำยังไงให้ปวด
00:19:58 → 00:20:00 ถี่ลงไปน้อยกว่านั้นอันนี้ไม่ต้องพูดถึง
00:20:00 → 00:20:03 คนที่ปวด 10-15 ครั้งต่อเดือนนะคะยังไงก็
00:20:03 → 00:20:06 ใช้ยาเกินอยู่ละนะเราก็เลยต้องมาใช้ยา
00:20:06 → 00:20:08 กลุ่มป้องกันไม่ให้ปวดกันก็คือลดของความ
00:20:08 → 00:20:11 ถี่แล้วก็ลดความรุนแรงลงก็คือแบบอย่าง
00:20:11 → 00:20:13 น้อยเวลาปวดมาเนี่ยก็ทำให้เราแบบเอ่อไม่
00:20:13 → 00:20:15 ต้องกินยาแก้ปวดได้อะไรแบบเนี้ยยาป้องกัน
00:20:15 → 00:20:18 เนี่ยก็จะเป็นยาที่เป็นยากลุ่มใหม่ๆที่จะ
00:20:18 → 00:20:20 เป็นยา CGRP นี่แหละเพราะฉะนั้นยากล้อง
00:20:20 → 00:20:22 ป้องกันเนี่ยหมอจะแบ่งออกเป็นอีก 3 อัน
00:20:22 → 00:20:27 อันแรกคือยาแบบเก่าก่อนเดี๋จะพูดให้ฟังทบ
00:20:27 → 00:20:29 ทวนกันเพราะว่าจริงๆยาแบบเก่าถือว่าก็ยัง
00:20:29 → 00:20:31 เป็นยาที่แบบประสิทธิภาพค่อนข้างดีเลยนะ
00:20:31 → 00:20:34 แล้วเราก็ใช้กับคนไข้ปริมาณมากด้วยนะคะ
00:20:34 → 00:20:36 แต่ข้อเสียเขาคือผลข้างเคียงเยอะหน่อย
00:20:36 → 00:20:38 เท่านั้นเองอันที่ 2 เราจะเรียกว่าเป็นยา
00:20:38 → 00:20:42 ที่ออกฤทธิ์กับสาร CGRP นะคะก็คือจะเป็น
00:20:42 → 00:20:43 ยายาฉีด
00:20:43 → 00:20:46 CGRP สารเมื่อกี้ที่ต้องเกริ่นมารวมไป
00:20:46 → 00:20:49 ถึงปัจจุบันเนี่ยตอนเนี้ยก็จะมีตัวเอ่อ
00:20:49 → 00:20:51 กินอมใต้ลิ้นเนี่ยที่ก็ออกฤทธิ์ตรงนี้
00:20:51 → 00:20:54 เหมือนกันที่เป็นตัวยากินก็คือตัว G แผน
00:20:54 → 00:20:58 อันที่ 3 ก็คือจะเป็นวิธีแบบอื่นๆอื่นๆ
00:20:58 → 00:21:01 เนี่ยเอ่อก็คือจะเป็นเรื่องของเช่นการฉีด
00:21:01 → 00:21:05 ตัวโบทูมท็อกซินหรือเอ่อการใช้เครื่อง
00:21:05 → 00:21:09 เครื่องอ่าเค้าเรียกอิเลectronic disice
00:21:09 → 00:21:11 ต่างๆที่จะเป็นแบบกระตุ้นประสาทของเราตอน
00:21:11 → 00:21:14 นี้ก็มีตัวเครื่องเข้ามาแล้วด้วยก็เดี๋ยว
00:21:14 → 00:21:16 อาจจะไม่พูดถึงในวันนี้แล้วกันเพราะว่า
00:21:16 → 00:21:18 เป็นอันที่เราอาจจะต้องแบบอปรึกษาคุณหมอ
00:21:18 → 00:21:20 อยู่แล้วเราไปฉีดเองไม่ได้อยู่แล้วแต่ก็
00:21:20 → 00:21:23 จะพูดถึงเน้นเรื่องของ 2 ตัวนี้ละกันอัน
00:21:23 → 00:21:28 แรกก่อนเนาะยาป้องกันก่อนยาป้องกัน
00:21:28 → 00:21:32 เนี่ยเอ่อใครต้องกินยาป้องกันใช้ยาป้อง
00:21:32 → 00:21:34 กันอ่ะยาป้องกันเป็นแบบยากินยาฉีดเนี่ย
00:21:34 → 00:21:38 ใครที่จะต้องกินยาป้องกันอันแรกคือปวดหัว
00:21:38 → 00:21:42 มากกว่า 4 ครั้งต่อเดือนทำไมต้อง 4 ครั้ง
00:21:42 → 00:21:45 ต่อเดือนหมออธิบายให้ฟังเมื่อกี้และว่า
00:21:45 → 00:21:47 จำนวน 4 ครั้งต่อเดือนถือว่าเป็นจำนวนที่
00:21:47 → 00:21:50 ความถี่เนี่ยค่อนข้างมาบ่อยแล้วมีโอกาส
00:21:50 → 00:21:53 ที่เราจะใช้ยาแก้ปวดเยอะแล้วยาแก้ปวดนั้น
00:21:53 → 00:21:56 จะย้อนกลับมาทำให้เราปวดหัวมากขึ้น 2 มี
00:21:56 → 00:22:00 งานวิจัยที่เขา้าเก็บคนไข้คutพอย์คือ 4-6
00:22:01 → 00:22:04 ครั้งต่อเดือนเนี่ยพบว่าใครที่ปวดหัวเกิน
00:22:04 → 00:22:07 ประมาณช่วงเนี้ยติดตามไปเรื่อยๆมีโอกาส
00:22:08 → 00:22:10 ที่จะปวดหัวถี่ขึ้นบ่อยขึ้นแล้วกลายกลาย
00:22:11 → 00:22:13 เป็นไมเกนเลื้อหลังตัวเลข 4 ครั้งไม่ได้
00:22:13 → 00:22:17 ตายตัวนะบางคน 3 บางคน 5 บางคน 6 ขึ้น
00:22:17 → 00:22:20 อยู่กับอาการปวดหัวของแต่ละคนด้วยเช่นบาง
00:22:20 → 00:22:23 คนแบบปวดเยอะก็จริงปวด 6 ครั้งแต่แบบปวด
00:22:23 → 00:22:25 น้อยๆเบาๆไม่รบกวนชีวิตประจำวันเลยไม่ได้
00:22:25 → 00:22:27 กินยาแก้ปวดด้วยแบบนั้นอาจจะยังไม่ต้อง
00:22:27 → 00:22:30 ใช้ยาก็ได้แต่ในขณะเดียวกันบางคนปวดแค่ 2
00:22:30 → 00:22:33 ครั้งแต่แอดมิทุกครั้งเลยทุกครั้งปวดคือ
00:22:33 → 00:22:35 แบบทำอะไรไม่ได้เลยต้องไปนอนโรงพยาบาลฉีด
00:22:35 → 00:22:38 ยาแบบนั้นต่อให้ไม่ถึง 4 ครั้งก็อาจจะ
00:22:38 → 00:22:41 ต้องใช้ยาป้องกันเหมือนกันยากินนะคะยากิน
00:22:41 → 00:22:44 หมอจะแบ่งออกเป็น 5 กลุ่มหลักๆสำหรับยา
00:22:44 → 00:22:49 กินอันแรกคือยากัญชักอันที่ 2 คือ
00:22:49 → 00:22:55 ยาความดันแล้วก็อันที่ 3 คือยาขยายหลอด
00:22:55 → 00:23:00 เลือด 4 ยาคลาย
00:23:00 → 00:23:05 เครียดแล้วก็ยาต้าน
00:23:05 → 00:23:10 เศร้าแล้วก็สุดท้ายก็จะเป็นอื่นอื่นตัวยา
00:23:10 → 00:23:14 กินอันใหม่ที่เป็นยาอมใต้ลิ้นน่ะจริงๆอ่ะ
00:23:14 → 00:23:16 จะนับว่าเป็นยากินป้องกันก็ได้เพราะว่า
00:23:16 → 00:23:19 มันเป็นกินเนาะมันก็จะเป็นตัวยตัวใหม่ก็
00:23:19 → 00:23:21 คือตัวGพนหรืออาจจะไปจัดอยู่ในกลุ่มที่
00:23:22 → 00:23:24 เป็นกลุ่มเดียวกับ CGRP ก็ได้เพราะว่าคือ
00:23:24 → 00:23:27 กลุ่มยากิมกลุ่มเก่าแบบเนี้ย 4 อันแรกอ่ะ
00:23:27 → 00:23:29 ไม่มีอันไหนที่ไปออกฤทธิ์กับ CGRP โดยตรง
00:23:29 → 00:23:32 แต่ว่าจะไปออกฤทธิ์ในการลดสารสื่อประสาท
00:23:32 → 00:23:34 บางตัวที่ทำให้ไมเกรนของเรามีความถี่ลดลง
00:23:34 → 00:23:37 ได้เพราะฉะนั้นก็จะเป็นแบบเหมือนเอ่อเป็น
00:23:37 → 00:23:40 ฤทธิ์แบบอ้อมๆแต่ถ้าถ้าเกิดอย่างแบบฤทธิ์
00:23:40 → 00:23:42 ที่ออกลิตร CGRP โดยตรงก็จะเป็นส่วนใหญ่
00:23:42 → 00:23:44 ก็จะเป็นกลุ่มยาฉีดเป็นหลักแล้วก็ถ้าเป็น
00:23:44 → 00:23:46 ยาอมใต้ลิ้นตัวใหม่ก็จะเป็นตัวกลุ่ม G
00:23:46 → 00:23:49 แผนเดี๋เรามาดูกันเอ่อหมอจะโชว์รูปให้ดู
00:23:49 → 00:23:52 คร่าวๆนะอันนี้คือเป็นยาป้องกันไมเกรนแบบ
00:23:52 → 00:23:56 เก่ารวมๆเอาไว้ให้เอ่อทราบแบบรวมๆไม่ได้
00:23:56 → 00:23:59 ให้เอาไปซื้อเองนะย้ำนะคะห้ามซื้อยาทาน
00:23:59 → 00:24:03 เองนะคะกลุ่มพวกนี้อันตรายค่ะจะเห็นว่า
00:24:03 → 00:24:05 แบบเป็นยากันชักอย่างเงี้ยถ้าเรากินแล้ว
00:24:05 → 00:24:07 เราแบบไม่ได้มีแพทย์คอยดูว่าเอ้ยเรากิน
00:24:07 → 00:24:09 เหมาะสมมั้ยปริมาณเหมาะสมหรือยังนะคะอัน
00:24:09 → 00:24:11 นี้อันตรายมากๆหรือยาความดันเองอย่าง
00:24:11 → 00:24:13 เงี้ยก็ต้องคอยดูความดันด้วยหรือว่าอย่าง
00:24:13 → 00:24:15 กลุ่มยาต้านเศร้าอะไรต่างๆมันก็จะต้องกิน
00:24:15 → 00:24:18 ตามข้อบ่งชี้ที่ให้ดูภาพเนี่ยคือให้เห็น
00:24:18 → 00:24:22 ภาพรวมคร่าวๆมากกว่าว่าคนไข้ที่รักษา
00:24:22 → 00:24:25 ไมเกรนก่อนหน้านี้จะมีกลุ่มนึงที่ไปหาคุณ
00:24:25 → 00:24:29 หมอด้วยเรื่องไมเกรนและได้ยาเหล่าเนี้ยมา
00:24:29 → 00:24:33 และคนไข้ก็จะสงสัยว่าทำไมต้องกินยากัญชัก
00:24:33 → 00:24:35 ยากันชักเป็นหนึ่งในยาป้องกันไมเกนแบบ
00:24:35 → 00:24:38 เก่าที่ถือว่าประสิทธิภาพดีมากถ้าจัดคลาส
00:24:38 → 00:24:40 ให้ก็ถือว่าเป็นคลาส A เลยป้องกันได้ค่อน
00:24:40 → 00:24:42 ข้างดีเลยโดยตัวที่เราใช้บ่อยๆก็จะเป็น
00:24:42 → 00:24:45 พวกพีราamกับวาพูic acid 2 ตัวเนี้ยกัน
00:24:45 → 00:24:49 ไมเกรนได้ดีมากๆแต่ข้อเสียเยอะคือผลข้าง
00:24:49 → 00:24:51 เคียงจะค่อนข้างเยอะกินแล้วส่วนใหญ่ก็จะ
00:24:51 → 00:24:54 แบบมึนงงนะคะบางคนอย่างอาจจะมีปัญหา
00:24:54 → 00:24:57 เรื่องรู้สึกว่าความจำแย่ลงแบบคิดอะไรช้า
00:24:57 → 00:24:59 ลงอะไรแบบเนี้ยได้นะคะหรืออย่างตัววาโพic
00:24:59 → 00:25:02 acซิดก็จะมีเรื่องของน้ำหนักขึ้นอ้วนเอ่อ
00:25:02 → 00:25:05 ขนขึ้นหรือเอ่อมือสั่นอะไรแบบเนี้ยเพราะ
00:25:05 → 00:25:08 ฉะนั้นก็จะถือว่าเป็นยาที่มีผลข้างเคียง
00:25:08 → 00:25:11 แต่ในอดีตเนี่ยตอนที่เรายังไม่มีกลุ่มยา
00:25:11 → 00:25:14 ใหม่ๆเข้ามาก็ถือว่าเป็นยาที่ใช้แบบเป็น
00:25:14 → 00:25:17 หลักเลยในการคุมไมเกรนคนที่เป็นหนักๆได้
00:25:17 → 00:25:20 ผลค่อนข้างดีมากๆถ้ากินยาไปจนถึงแบบไต่
00:25:21 → 00:25:24 ระดับขนาดได้เหมาะสมส่วนใหญ่ที่คนไข้ส่วน
00:25:24 → 00:25:26 ใหญ่ที่หยุดการรักษาไปก่อนเนี่ย 1 คือมี
00:25:26 → 00:25:28 ผลข้างเคียงเยอะจนทนไม่ไหวบางทีกินไปได้
00:25:28 → 00:25:32 เดือน 2 เดือนไม่ไหวแล้วแบบง่วงเบอมากแบบ
00:25:32 → 00:25:34 รู้สึกคิดช้าอะไรเงี้ยก็ไม่กล้ากลับไปบอก
00:25:34 → 00:25:36 คุณหมอนะคะก็คือหยุดยาไปก็เลยทำให้แบบ
00:25:36 → 00:25:40 ไมเกรนกลับไปเป็นถีขึ้นนะคะแล้วก็เอ่อบาง
00:25:40 → 00:25:44 คนก็กินได้ 2 เดือนหายและเพราะยามันก็ถือ
00:25:44 → 00:25:46 ว่าคุมไมเกรนได้ค่อนข้างดีเลยแบบหายปวด
00:25:46 → 00:25:48 หัวก็เลยคิดว่าเอ้อน่าจะหยุดยาได้ก็เลย
00:25:49 → 00:25:50 หยุดยาไปก่อนนะคะซึ่งจริงๆแล้วการรักษา
00:25:50 → 00:25:53 ไมเกรนเนี่ยอาจจะต้องใช้เวลาที่นานพอ
00:25:53 → 00:25:55 ระดับนึงนะคะอย่างน้อยๆเนี่ยน้อยๆเลยก็
00:25:55 → 00:25:58 อย่างน้อยก็ตั้ง 3-6 เดือนขึ้นไปโดยนับ
00:25:58 → 00:26:00 จากตอนที่เราคุมไมเกรนแล้วด้วยได้นะไม่
00:26:00 → 00:26:03 ใช่ว่าตั้งต้นปวดแบบ 30 วันกินยาไป 3
00:26:04 → 00:26:05 เดือนแล้วก็ยังปวด 20 วันแล้วนับว่าคุม
00:26:05 → 00:26:07 ได้แล้วหยุดยาไม่ใช่แบบนั้นนะคะเรานับจาก
00:26:07 → 00:26:10 จุดที่เราคุมอาการคนไข้ได้เพราะฉะนั้นมัน
00:26:10 → 00:26:14 ก็ต้องกินยานานพอระดับนึงเลยทีนี้ข้อเสีย
00:26:14 → 00:26:17 ของยากลุ่มเก่าๆเนี่ยก็จะก็จะเป็นผล
00:26:17 → 00:26:19 เรื่องของผลข้างเคียงล่ะค่ะเขาเจอว่าติด
00:26:19 → 00:26:21 ตามคนไข้ไปสมมุติว่าคนไข้ 100 คนที่ต้อง
00:26:21 → 00:26:23 กินยาป้องกันไมเกรนอ่ะถือว่าเป็นไมเกรน
00:26:23 → 00:26:26 ที่เป็นบ่อยละตามไปจริงๆเนี่ยคนที่กินได้
00:26:26 → 00:26:29 จริงๆที่แบบผ่านพ้นผลข้างเคียงหรือว่า
00:26:29 → 00:26:31 ปรับขนาดไปได้อย่างเหมาะสมเนี่ยไม่ถึง
00:26:31 → 00:26:34 30-40% เพราะฉะนั้นส่วนใหญ่อ่ะกลายเป็น
00:26:34 → 00:26:36 ว่ากินแล้วกินไม่ได้แล้วหยุดกินไปก่อนก็
00:26:36 → 00:26:39 เลยกลับไปสู่จุดแบบเดิมๆของไมเกรนก็คือ
00:26:39 → 00:26:42 ว่าพอปวดปุ๊บก็ไปกินยาแก้ปวดเพราะว่าเคย
00:26:42 → 00:26:44 เหมือนรักษาแล้วมันไม่ดีขึ้นจนกระทั่งแบบ
00:26:44 → 00:26:47 สะสมนานพอก็กลายเป็นแบบติดยาแก้ปวดไปอะไร
00:26:47 → 00:26:50 แบบนี้ก็อันนี้ก็จะเป็นยาแบบเก่าจะมีแบบ
00:26:50 → 00:26:53 อ่า 5 กลุ่มหลักๆล่ะค่ะเนาะกลุ่มที่ทุกคน
00:26:53 → 00:26:56 น่าจะเคยทานก็คือตัวฟูนาริซีนขยายหลอด
00:26:56 → 00:26:58 เลือดเทาแดงอันเนี้บอกว่าคนไมเกรนส่วน
00:26:58 → 00:27:01 ใหญ่ก็จะรู้จักอันนี้นะคะจริงๆมันอยู่ใน
00:27:01 → 00:27:04 กลุ่มยาป้องกันนะหลายคนน่ะจะได้มาในตอน
00:27:04 → 00:27:06 ที่แบบเอาไปกินตอนที่แบบปวดหัวปวดหัว
00:27:06 → 00:27:08 เวียนหัวอะไรเงี้ยเราคิดว่าเป็นยาแก้ปวด
00:27:08 → 00:27:11 อ่ะค่ะคือฤทธิ์เค้าเนี่ยก็ช่วยลดปวดได้
00:27:11 → 00:27:13 แหละแล้วก็ลดอาการเวียนหัวตอนปวดหัวได้
00:27:13 → 00:27:14 แต่ว่าถ้าเกิดเราสามารถแบบกินทุกวันเนี่ย
00:27:15 → 00:27:18 ก็จะเป็นตัวที่คุมอาการได้เหมือนกันส่วน
00:27:18 → 00:27:20 ยาความดันอะไรแบบนี้อันนี้ก็เราก็ขึ้น
00:27:20 → 00:27:23 อยู่กับคนไข้ถ้าเกิดแบบคนไข้มีความดันสูง
00:27:23 → 00:27:26 เราก็มักจะอยากจะเลือกใช้ยาเหล่านี้เพราะ
00:27:26 → 00:27:29 ว่าอ่าก็เหมือนได้ประโยชน์ 2 อย่างอ่ะค่ะ
00:27:29 → 00:27:31 ได้คุมทั้งไมเกรนไปด้วยแล้วก็คุมความดัน
00:27:31 → 00:27:33 คนไข้ไปด้วยหรืออย่างยาต้านเศร้าต่างๆยา
00:27:33 → 00:27:36 คายเครียดต่างๆเนี่ยถ้าใครมีปัญหาไมเกร
00:27:36 → 00:27:39 แล้วหลับนอนไม่หลับหรือว่าอารมณ์ก็เครียด
00:27:39 → 00:27:42 ด้วยมีปัญหาเรื่องแบบอ่าวิตกกังวลด้วยเรา
00:27:42 → 00:27:44 ก็จะเลือกใช้ยากลุ่มนี้ซึ่งก็ถือว่าได้ผล
00:27:45 → 00:27:47 ค่อนข้างดีเหมือนกันเลยเพราะฉะนั้นยากิน
00:27:47 → 00:27:49 ป้องกันไมเกรนแบบเก่าเนี่ยหมอว่ามันยังมี
00:27:49 → 00:27:52 ประโยชน์อยู่ยิ่งโดยเฉพาะคนที่มีปัญหา
00:27:52 → 00:27:54 หลายๆเรื่องนอกเหนือจากไมเกรนจะเห็นว่า
00:27:54 → 00:27:57 แบบอ่ะถ้าเรามีความดันเรามีอารมณ์ผิดปกติ
00:27:57 → 00:27:59 เรามีเวียนหัวเรามีอะไรอย่างเงี้ยการใช้
00:27:59 → 00:28:01 ยากลุ่มพวกเนี้ยก็ถือว่ายังค่อนข้างได้
00:28:01 → 00:28:03 ประโยชน์ข้อเสียอย่างเดียวเลยคือเรื่อง
00:28:03 → 00:28:06 ของผลข้างเคียงแล้วก็จะต้องเลือกใช้ให้
00:28:06 → 00:28:08 เหมาะสมกับแต่ละคนเพราะฉะนั้นยากลุ่มนี้
00:28:08 → 00:28:10 ก็คือจะต้องแบบปรึกษาคุณหมอนะคะคุณหมอ
00:28:10 → 00:28:12 เค้าก็จะเป็นคนพิจารณาเลือกให้ว่าเออเรา
00:28:12 → 00:28:15 แบบมีโรคประจำตัวอะไรหรือเปล่ามีข้อห้าม
00:28:15 → 00:28:16 ของการใช้ยาตัวไหนมั้เพื่อจะเลือกให้
00:28:16 → 00:28:19 อย่างปลอดภัยแล้วก็เหมาะสมนะคะมาสู่ตัว
00:28:19 → 00:28:22 อันที่ 2 ก็คือยาฉีดก็จะอยู่ในตรงกลุ่ม
00:28:22 → 00:28:26 นี้และยาฉีด CGRP ตรงนี้ยาฉีดตรงนี้นะ
00:28:26 → 00:28:30 ปัจจุบันมี 4 ตัว 4 ตัวอันแรกเลยมาเมือง
00:28:30 → 00:28:33 ไทยตัวแรกเลยก็คือ ERUMAP ต่อมาก็จะเป็น
00:28:33 → 00:28:38 Freมีซumapแล้วก็จะเป็นแกคาีซAPแล้วก็สุด
00:28:38 → 00:28:41 ท้ายที่เข้าไทยเมื่อธันวาคมปีที่แล้วก็
00:28:42 → 00:28:45 คือที่จะเป็นตัวยาเข้าหลอดเลือดดำตัวแรก
00:28:45 → 00:28:46 นะคะก็คือ
00:28:47 → 00:28:52 Ftinี
00:28:52 → 00:28:55 Zaptinี Zumap ก็มี 4 ตัวนะ 3 ตัวแบบ
00:28:55 → 00:29:00 ปากกา 1 ตัวแบบหลอดเลือดชื่อเค้าเห็นมยจะ
00:29:00 → 00:29:03 เป็นแมพๆแๆนะคะก็คือเป็นmonโนโลalanบอี้
00:29:03 → 00:29:06 ที่จะไปออกฤทธิ์กับ CGRP นี่ก็จะเป็นตัว
00:29:06 → 00:29:12 อย่างปากกาแล้วก็รูปยา 4 ตัวนี้อ่าจะมี
00:29:12 → 00:29:16 ถ้าแยกกันว่าอืมต่างกันยังไงอ่ะรูปแบบของ
00:29:16 → 00:29:20 การฉีดก่อน 3 ตัวแรกเป็นปากกาปากกาก็คือ
00:29:20 → 00:29:23 จะแบบฉีดทางหน้าท้องแบบแบบเนี้ยอ่าหน้าตา
00:29:23 → 00:29:25 ปากกาก็จะเป็นประมาณประมาณแบบเนี้ยค่ะ
00:29:25 → 00:29:28 เนาะเป็นประมาณแบบเนี้ยนะ
00:29:28 → 00:29:33 คะก็คือแบบเปิดมาก็จะเหมือนแบบเปิดฝาออก
00:29:33 → 00:29:35 มาก็จะเป็นแบบอย่างเหมือนซ่อนเข็มไว้ข้าง
00:29:35 → 00:29:38 ในวางทางหน้าท้องหรือหน้าขาหรือต้นแขน
00:29:38 → 00:29:40 อะไรอย่างเงี้ยแต่ว่าส่วนใหญ่ก็ฉีดทาง
00:29:40 → 00:29:42 หน้าท้องหรือหน้าขาหมาว่าก็จะเจ็บน้อย
00:29:42 → 00:29:45 กว่าเพราะว่าเนื้อก็จะเยอะหน่อยการฉีดก็
00:29:45 → 00:29:48 คือกดลงไปก็จะคล้ายๆกับแบบเอ่อยาฉีดเบา
00:29:48 → 00:29:52 หวานยาฉีดที่บางคนกระตุ้นไข่อะไรอย่าง
00:29:52 → 00:29:54 เงี้ยค่ะก็จะอยู่ในกลุ่มคล้ายๆกันรูปแบบ
00:29:54 → 00:29:57 ของปากกาก็คือเขาทำออกมาสำหรับให้เหมือน
00:29:57 → 00:30:00 แบบคนไข้ถ้าเป็นต่างประเทศนะคะก็คือคนไข้
00:30:00 → 00:30:04 นำไปฉีดเองได้นะหรือในไทยเองก็ตามที่บาง
00:30:04 → 00:30:07 ทีไม่ไม่สะดวกเดินทางมาในไปในที่เอ่อสถาน
00:30:07 → 00:30:09 พยาบาลคลินิกหรือโรงพยาบาลที่มียาฉีด
00:30:09 → 00:30:11 เงี้ยเราก็สามารถให้คนไข้ฉีดเองที่บ้าน
00:30:11 → 00:30:13 ได้เหมือนกันเพราะว่าออกแบบมาซะแบบค่อน
00:30:13 → 00:30:18 ข้างปลอดภัยฉีดง่าย 3 ตัวนี้ข้อดีข้อเสีย
00:30:18 → 00:30:20 แตกต่างกันยังไงเดี๋ยวเราเล่าให้ฟังอตัว
00:30:20 → 00:30:22 นึงก่อนอีกตัวนึงก็คือตัวที่แบบเหมือนตัว
00:30:22 → 00:30:25 เข้าใหม่เข้าใหม่เนี่ยก็จะเป็นตัวไม่ใช่
00:30:25 → 00:30:29 ปากกาละปากกาก็จะเป็นตัวเนี่ยค่ะคือตัวยา
00:30:29 → 00:30:33 เนี่ยก็จะเป็นเหมือนยาที่จะต้องเอาไปผสม
00:30:33 → 00:30:34 นะคะผสม
00:30:34 → 00:30:37 ในน้ำเกลืออีกทีนึงฉะนั้น 4 ตัวนี้อ่าถ้า
00:30:37 → 00:30:40 ถ้าแยกจากกันในรูปแบบของการฉีดก็ 3 ตัว
00:30:40 → 00:30:42 แรกเป็นปากกาคนไข้อาจจะฉีดเองได้แต่ว่า
00:30:42 → 00:30:44 บางทีก็ให้แพทย์ฉีดก็ดีกว่าแต่อีกแบบนึง
00:30:44 → 00:30:46 ก็คืออันนี้ฉีดเองไม่ได้ต้องเป็นแบบผสมใน
00:30:46 → 00:30:49 น้ำเกลือแล้วก็ให้ทางหลอดเลือดดำถามว่า 4
00:30:50 → 00:30:53 ตัวนี้คนไข้ชอบมาถามคำถามที่แบบเจอบ่อยๆ
00:30:53 → 00:30:56 เอ่อคำถามที่บเจอบ่อยๆสำหรับคนไข้ไมเกรน
00:30:56 → 00:30:59 เลยเมื่อไหร่จะต้องใช้ยาฉีดล่ะคะฉีดตัว
00:30:59 → 00:31:03 ไหนดีฉีดนานมั้ยหายเลยมั้ยถ้าหยุดฉีดจะ
00:31:03 → 00:31:06 กลับมาปวดมยฉีดยาแล้วไม่ดีขึ้นจะทำยังไง
00:31:06 → 00:31:09 อันเนี้จะเป็นอะไรที่แบบว่าแทบจะต้องตอบ
00:31:09 → 00:31:11 คำถามแทบทุกคนนะคะเพราะว่ามันก็เป็นยา
00:31:11 → 00:31:14 ใหม่ดังนั้นก็วันนี้ก็ถือโอกาสแบบมาเล่า
00:31:14 → 00:31:15 ให้ฟังกันเลยอันแรกก่อนเมื่อไหร่จะต้อง
00:31:15 → 00:31:19 ใช้กลุ่มพวกกลุ่มยาฉีดกลุ่มยาฉีดเนี่ยถือ
00:31:19 → 00:31:20 ว่าเป็นยาที่ไปออกฤทธิ์กับ CGRP เมื่อกี้
00:31:20 → 00:31:22 ที่เล่าให้ฟังเพราะฉะนั้นเนี่ย
00:31:22 → 00:31:25 ประสิทธิภาพของเขาถ้าเทียบกับยาแบบเก่ายา
00:31:25 → 00:31:28 กินแบบเก่าที่โชว์ให้ดูถือว่าประสิทธิภาพ
00:31:28 → 00:31:31 ค่อนข้างดีกว่าในการลดอาการปวดความถี่
00:31:31 → 00:31:34 ไมเกรนทั้งความถี่แล้วก็ความรุนแรงเพราะ
00:31:34 → 00:31:37 ฉะนั้นคนที่จะต้องฉีดยาคือใคร 1 ก็คือคน
00:31:37 → 00:31:39 ที่ต้องได้ยาป้องกันนั่นแหละค่ะคนที่ต้อง
00:31:39 → 00:31:41 ได้ยาป้องกันก็คือแบ่งออกเป็น 2 แบบแบบ
00:31:41 → 00:31:44 ปวดไม่บ่อยมากก็คือปวดประมาณเกิน 4 ครั้ง
00:31:44 → 00:31:46 ต่อเดือนแต่อาจจะยังไม่เกินประมาณสซัก
00:31:46 → 00:31:49 10-15 ครั้งกับปวดเรื้อรังก็คือปวดเกิน
00:31:49 → 00:31:52 15 ครั้งต่อเดือนกลุ่มเนี้ยต้องได้ยา
00:31:52 → 00:31:56 ป้องกันถ้าคำว่าได้ยาป้องกันก็คือแสดงว่า
00:31:56 → 00:31:59 ฉีดยาได้หมดทุกคนเลยนะในกลุ่มเนี้ยแบบที่
00:31:59 → 00:32:01 ปวดเกิน 4 ครั้งต่อเดือนขึ้นไปแล้วถ้าจะ
00:32:01 → 00:32:04 ใช้ยาฉีดในการป้องกันไมเกรนสามารถใช้ได้
00:32:04 → 00:32:07 เพียงแต่ว่าคนที่เขาปวดน้อยๆเนี่ยบางที
00:32:07 → 00:32:10 แบบด้วยเอ่อยาฉีดเนี่ยราคามันยังค่อนข้าง
00:32:10 → 00:32:13 สูงถามว่าคุ้มกันมยก็ต้องดูกันอีกทีนึง
00:32:13 → 00:32:15 บางทีกลุ่มเนี้ยใช้ยากินเนี่ยบางทีก็เอา
00:32:15 → 00:32:18 อยู่และลดความถี่ลงได้ก็อาจจะไม่ได้
00:32:18 → 00:32:20 จำเป็นจะต้องสเต็ปไปใช้หญ้าฉีดแต่ถ้าคน
00:32:20 → 00:32:22 ที่เป็นไมเกรนเรื้อรังไปแล้วเนี่ยเอ่อ
00:32:22 → 00:32:26 ส่วนใหญ่ถ้าแนะนำเนี่ยคือมักจะต้องเริ่ม
00:32:26 → 00:32:30 ต้นด้วยกลุ่มยาฉีดเพราะว่ากว่าเราจะเอาคน
00:32:30 → 00:32:34 ความถี่ของคนไข้ไมเกนลดลงได้อ่ะปกติเวลา
00:32:34 → 00:32:36 เราฉีดไปนะถ้าเราปวดหัวอยู่สมมุติ 20 วัน
00:32:36 → 00:32:39 หรือ 30 วันไม่ใช่ฉีดวันนี้พรุ่งนี้เหลือ
00:32:39 → 00:32:43 0 ไม่มีนะคะยายังไม่ได้แบบขนาดนั้นส่วน
00:32:43 → 00:32:45 ใหญ่เราเน้นที่การลดความถี่ลงก่อนเอาให้
00:32:45 → 00:32:49 ได้แบบสัก 50-70% ก่อนเช่นตั้งต้นปวด 20
00:32:49 → 00:32:51 วันฉีดไปเดือนหน้าเหลือไม่เกิน 10 วัน
00:32:51 → 00:32:54 อย่างเงี้ยถือว่าแนวโน้มดีและนะคะแต่ก็มี
00:32:54 → 00:32:56 บางคนจริงๆที่ตอบสนองดีมากๆแล้วแบบฉีดไป
00:32:56 → 00:32:59 แบบ 20 วันแล้วเหลือแบบ 2 วัน 3 วันเลยก็
00:32:59 → 00:33:02 มีแต่ว่าก็แล้วแต่คนอีกนะคะเพราะว่าตัว
00:33:02 → 00:33:04 กระตุ้นของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกันปัจจัย
00:33:04 → 00:33:06 เรื่องของการติดยาแก้ปวดก็จะเป็นอีก
00:33:06 → 00:33:09 ปัจจัยนึงที่จะทำให้เอ่อดูว่าเราจะตอบ
00:33:09 → 00:33:11 สนองดีกับยาฉีดมากน้อยแค่ไหนฉะนั้นเมื่อ
00:33:11 → 00:33:13 ไหร่ที่จะต้องฉีดยาก็คือคนที่ต้องได้ยา
00:33:13 → 00:33:15 ป้องกันนั่นแหละค่ะก็คือคนที่ฉีดยาได้
00:33:15 → 00:33:17 เพียงแต่ว่าเราจะเริ่มยาฉีดเป็นตัวแรกเลย
00:33:18 → 00:33:20 หรือเราจะลองไปยากินก่อนอันนี้ก็อาจจะดู
00:33:20 → 00:33:24 ที่ความรุนแรงความถี่แล้วก็ดูว่ามีการติด
00:33:24 → 00:33:26 ภาวะเอ่อภาวะติดยาแก้ปวดร่วมด้วยหรือไม่
00:33:26 → 00:33:29 ถ้าแนวโน้มไปในทางที่ปวดเรื้อรังปวดแบบ
00:33:29 → 00:33:32 เกิน 10-15 ครั้งต่อเดือนปวดแล้วมีภาวะ
00:33:32 → 00:33:34 ติดยาแก้ปวดร่วมด้วยอันนี้ก็จะเป็นแนว
00:33:34 → 00:33:37 โน้มการฉีดยาก็จะมีประโยชน์มากกว่าเพราะ
00:33:37 → 00:33:39 ว่าเอ่ออย่างถ้าแบบอย่างในต่างประเทศ
00:33:39 → 00:33:42 อย่างเงี้ยค่ะสมมุติว่าเมื่อก่อนเนี่ยตอน
00:33:42 → 00:33:44 สมัยที่แบบ 4-5 ปีที่แล้วเนี่ยเขาอาจจะ
00:33:44 → 00:33:47 ยังแบบแนะนำว่าโอเคคนไข้กินยาอย่างน้อย
00:33:47 → 00:33:50 2-3 ตัวขึ้นไปแล้วไม่ได้ผลอ่ะค่อย
00:33:50 → 00:33:52 เปลี่ยนมาเป็นกลุ่มยาฉีดแต่ปัจจุบัน
00:33:52 → 00:33:54 คอนเซปตการรักษาไมเกรนก็คือเปลี่ยนไปยิ่ง
00:33:54 → 00:33:58 เราแบบยิ่งเรากดไมเกรนลดความถี่ลงได้เร็ว
00:33:58 → 00:34:00 เท่าไหร่แสดงว่าสมองของเราอ่ะหยุดขบวนการ
00:34:00 → 00:34:02 กันการอักเสบได้เร็วมากเท่านั้นนะคะเพราะ
00:34:02 → 00:34:04 ฉะนั้นเราอยากได้ยาที่มีประสิทธิภาพสูง
00:34:04 → 00:34:07 สุดก่อนในการแบบลดความถี่ลดความรุนแรงลง
00:34:07 → 00:34:09 อย่างรวดเร็วเลยเพราะแบบสมมุติว่าคนไข้
00:34:09 → 00:34:12 ปวด 20 วันอย่างเงี้ยเราฉีดยาปุ๊บลดลงเลย
00:34:12 → 00:34:14 แต่ถ้าเกิดสมมุติว่าเราปรับยากินน่ะค่ะยา
00:34:14 → 00:34:17 กินน่ะมันต้องค่อยๆปรับมันไม่ได้สามารถ
00:34:17 → 00:34:19 แบบปรับตู้มเดียวได้เพราะว่าเรื่องผลข้าง
00:34:19 → 00:34:22 เคียงอย่างสมมุติว่าหมอจะให้ยาโทพิราเมด
00:34:22 → 00:34:25 เนี่ยจะต้องค่อยๆให้จาก 25 มลกรัเป็น 50
00:34:25 → 00:34:28 เป็น 75 อะไรเงี้ยซึ่งส่วนใหญ่พอเกิน 50
00:34:28 → 00:34:30 บางทีก็ทนผลข้างเคียงไม่ไหวละพอพอเราค่อย
00:34:30 → 00:34:33 ๆปรับแบบนั้นน่ะเราเหมือนตามไมเกรนไม่ทัน
00:34:33 → 00:34:36 น่ะค่ะไมเกรนนำไปก่อนะอ่ะยาก็ค่อยๆไต่มา
00:34:36 → 00:34:39 อย่างเงี้ยค่ะมันก็เลยทำให้เหมือนแบบการ
00:34:39 → 00:34:42 รักษาดูอาจจะไม่ค่อยได้มีประสิทธิภาพเท่า
00:34:42 → 00:34:44 ที่ควรแต่ถ้าคนที่เป็นน้อยๆอันเนี้ยไม่
00:34:44 → 00:34:46 เป็นปัญหาเลยงั้นก็โอเคใครที่ต้องฉีดยาก็
00:34:47 → 00:34:49 คือคนที่ต้องกินยาป้องกันหรือว่าได้ยา
00:34:49 → 00:34:52 ป้องกันนี่แหละค่ะอันที่ 2 ฉีดตัวไหนดี
00:34:52 → 00:34:57 ฉีดตัวไหนดีเนี่ยก็มันมี 4 ตัวถามว่าจาก
00:34:57 → 00:35:00 งานวิจัยจริงๆทั้ง 4 ตัวเนี่ย
00:35:00 → 00:35:03 ไม่มีใครเขาเทียบกันนะว่าตัวที่ 1 ดีกว่า
00:35:03 → 00:35:06 ตัวที่ 2 ดีกว่า 3 1 ดีกว่า 3 ไม่มีงาน
00:35:06 → 00:35:09 วิจัยที่เอามาเทียบกันตรงๆขนาดนั้นส่วน
00:35:09 → 00:35:13 ใหญ่ก็จะทำของตัวเองว่าเอ่อฉีดตัวนี้
00:35:13 → 00:35:15 เทียบกับคนที่ไม่ฉีดยาลดไมเกรนลงได้กี่
00:35:15 → 00:35:18 เปอร์เซ็นต์ของแต่ละตัวกันไปก็ต้องบอกว่า
00:35:18 → 00:35:22 หมอว่านะในข้อมูลของยาค่ะด้วยตัวข้อมูล
00:35:22 → 00:35:24 ของยาทั้ง 4 ตัวเราไม่สามารถเอา
00:35:24 → 00:35:26 เปอร์เซ็นต์มาวัดกันได้เพราะว่าการเก็บ
00:35:26 → 00:35:30 งานวิจัยแต่ละรอบเนี่ยมันก็มีข้อจำกัดของ
00:35:30 → 00:35:33 คนไข้ของการควบคุมปัจจัยอะไรบางอย่าง
00:35:33 → 00:35:34 เพราะฉะนั้นเราจะดูเทียบกับคนที่ไม่ได้
00:35:34 → 00:35:36 ฉีดยามากกว่าทั้ง 4 ตัวจริงๆเนี่ย
00:35:36 → 00:35:39 ประสิทธิภาพถือว่าไม่ได้แตกต่างกันอย่าง
00:35:39 → 00:35:43 แบบมีอะไรที่แบบโดดเด่นกว่าอะไรแต่จะมี
00:35:43 → 00:35:46 แบบข้อแตกต่างเล็กๆน้อยๆมากกว่าคือทั้ง 4
00:35:46 → 00:35:49 ตัวใช้รักษาไมเกรนได้แหละแล้วก็
00:35:49 → 00:35:51 ประสิทธิภาพดีแล้วก็ลดความถี่แล้วก็ความ
00:35:52 → 00:35:55 รุนแรงไมเกรนลงอ่ะได้เยอะแต่ก็จะมีบาง
00:35:55 → 00:35:58 อย่างเช่นอ่าตัวนี้อาจจะท้องผูกหน่อยตัว
00:35:58 → 00:36:01 นี้เจ็บเจ็บกว่าหน่อยตัวนี้อย่างยาตัวดิบ
00:36:01 → 00:36:04 เข้าหลอดเลือดดำแบบเนี้ยสะดวกดีเพราะฉีด 3
00:36:04 → 00:36:06 เดือนครั้งถ้าเป็นปากกาก็จะฉีดเดือนละ
00:36:06 → 00:36:09 ครั้งหรือโอเคมันมีปากกาบางตัวที่ฉีด 3
00:36:09 → 00:36:14 เดือนครั้งได้แต่คนไข้มักไม่นิยมเพราะ
00:36:14 → 00:36:17 เหมือนโดนโดนโดน 3 ทีในครั้งเดียวค่ะมัน
00:36:17 → 00:36:20 ก็จะเจ็บมากอะไรแบบนี้ก็จะไม่ค่อยนิยมแต่
00:36:20 → 00:36:22 ปัจจุบันถ้าเกิดสมมุติว่าคนที่แบบเดินไม่
00:36:22 → 00:36:25 สะดวกเดินทางมาเราก็อาจจะ shift ไปใช้ตัว
00:36:25 → 00:36:27 ที่เข้าหลอดเลือดดำไปเลยเพื่อที่จะได้แบบ
00:36:27 → 00:36:30 นานๆทีฉีดทีหรืออย่างบางตัวก็จะมีข้อมูล
00:36:30 → 00:36:34 ในคนไข้ปวดคลาสเตอร์ด้วยบางตัวจะรักษา
00:36:34 → 00:36:37 อาการไมเกรนเวียนหัวได้ดูจะดีกว่าตัวอื่น
00:36:37 → 00:36:41 หรือบางตัวใช้รักษาอาการซึมเศร้าในไมเกรน
00:36:41 → 00:36:44 ดูแบบมีข้อมูลที่เด่นกว่าตัวอื่นอะไรแบบ
00:36:44 → 00:36:47 นี้เพราะฉะนั้นเนี่ยจริงๆก็เหมือนเรารู้
00:36:47 → 00:36:49 ไว้คร่าวๆมากกว่าว่ายาทั้งหมดปัจจุบัน
00:36:49 → 00:36:52 เนี่ยมันมี 4 ตัวแล้วนะส่วนใครจะเหมาะกับ
00:36:52 → 00:36:56 อะไรคุณหมอเขาน่าจะคุยแล้วก็เลือกให้
00:36:56 → 00:36:59 เหมาะสมกับแต่ละคนโดยส่วนตัวหมอเองเนี่ย
00:36:59 → 00:37:02 หมอก็จะดูที่คนไข้เป็นหลักนะว่าโอเคเป็น
00:37:02 → 00:37:04 ยังไงแบบมีโรคประจำตัวอะไรบ้างปวดถี่แค่
00:37:04 → 00:37:08 ไหนแล้วก็มีข้อห้ามของการใช้ยาบางอย่าง
00:37:08 → 00:37:09 มั้ยเช่นแบบเป็นโรคท้องผูกเรื้อรังอยู่
00:37:09 → 00:37:11 แล้วหรือเปล่าอะไรแบบเนี้ยค่ะก็จะมีมา
00:37:11 → 00:37:13 เป็นส่วนประกอบในการตัดสินใจเลือกให้คน
00:37:13 → 00:37:16 ไข้แล้วถามว่าแบบอ้าแล้วถ้าเลือกตัวนี้ไป
00:37:16 → 00:37:18 แล้วแล้วเกิดมันไม่เวิร์คล่ะคะอะไรอย่าง
00:37:18 → 00:37:21 เงี้ยเอ่อไม่เป็นไรนะคะจริงๆเราแบบสามารถ
00:37:21 → 00:37:25 เลือกการใช้ยาตัวใดตัวนึงเนี่ยก่อนได้
00:37:25 → 00:37:28 แล้วเราก็จะวัดผลการตอบสนองหลังฉีดอีกที
00:37:28 → 00:37:31 นึงส่วนใหญ่ถ้าเกิดตอบสนองดีก็คือลดความ
00:37:31 → 00:37:33 ปวดลดลงของหมอถ้าในงานวิจัยเขาก็จะเอา
00:37:33 → 00:37:36 ประมาณสักแบบ 50% 70% แต่บอกว่าโดยส่วน
00:37:36 → 00:37:38 ตัวที่หมอฉีดมาบอกว่าถ้าเราเลือกกลุ่มยา
00:37:38 → 00:37:41 ฉีดเรานะส่วนใหญ่มันต้องลงไปเกินกว่านั้น
00:37:41 → 00:37:44 น่ะต้องแบบ 80 90% น่ะค่ะแล้วก็ลองวัดผล
00:37:44 → 00:37:46 กันฉีดไป 3 เดือนวัดผลอีกทีนึงถ้าไม่ได้
00:37:46 → 00:37:50 ผลตามนั้นเราสามารถสวิตช์ไปใช้ตัวอื่นได้
00:37:50 → 00:37:52 ก็อาจจะมีโอกาสเพิ่มประสิทธิภาพกันมาก
00:37:52 → 00:37:55 ขึ้นถามว่าทำไมสวิตช์แล้วถึงช่วยเพราะว่า
00:37:55 → 00:37:58 เอ่อยา 4 ตัวเนี่ยจริงจริงไปออกลิสที่
00:37:58 → 00:38:00 CGRP เหมือนกัน
00:38:00 → 00:38:04 แต่มันแตกต่างกันนิดหน่อยอย่างอ่าเมื่อ
00:38:04 → 00:38:07 กี้ที่หมอวาดรูปให้ดูก็จะเป็นเอ่อตรงนี้
00:38:07 → 00:38:11 เป็นปลายประสาทเดี๋นะโอเคตรงนี้นะเป็น
00:38:11 → 00:38:14 ปลายประสาทอันนี้คือสาร CGRP ที่ถูกหลั่ง
00:38:14 → 00:38:16 ออกมานะ
00:38:16 → 00:38:18 คะอันนี้คือ
00:38:18 → 00:38:21 CGRP แล้วเวลา CGRP เนี่ยจะไปออกฤทธิ์
00:38:21 → 00:38:24 ได้เนี่ยมันก็จะต้องมีตัวรับนะคะตัวรับ
00:38:24 → 00:38:27 อันนี้คือตัวรับนะคะตัว
00:38:27 → 00:38:30 ครับนะคะก็จะเป็นอย่างเงี้ยออกฤทธิ์ที่
00:38:30 → 00:38:32 แบบปลายประสาทออกฤทธิ์ที่ผนังหลอดเลือด
00:38:32 → 00:38:34 อะไรก็แล้วแต่สารสื่อประสาททุกตัวในสมอง
00:38:34 → 00:38:37 ของเราอ่ะค่ะมันไม่ได้เป็นสารโดดๆอ่ะเป็น
00:38:37 → 00:38:39 สารเสร็จแล้วต้องมีตัวรับแล้วแปรผลส่ง
00:38:39 → 00:38:41 สัญญาณต่อนะคะเพราะทุกอันจะมีสารแล้วก็มี
00:38:41 → 00:38:44 ตัวรับความแตกต่างของยา 4 ตัวนี้ก็จะมี
00:38:44 → 00:38:47 อยู่ก็คือถ้าเกิดสมมุติว่าเป็นยาฉีดตัว
00:38:47 → 00:38:51 แรกสุดเลยนะตัวแรกอีูapเลยapจับตรงนี้
00:38:51 → 00:38:54 ค่ะapจับที่ตัว
00:38:54 → 00:38:59 รับในขณะขณะที่ 3 ตัวที่ตามมาภายหลังจับ
00:38:59 → 00:39:03 ที่ตัวสาร CGRP โดยตรงก็คือตัว
00:39:03 → 00:39:06 Freemanomap แล้วก็ตัว
00:39:06 → 00:39:12 แกคomapแล้วก็รวมไปถึงตัวยาฉีดเข้าหลอด
00:39:12 → 00:39:14 เลือดดำก็คือตัว
00:39:14 → 00:39:16 FtinumAP
00:39:16 → 00:39:22 โอเคจะเห็นว่าตำแหน่งสุดท้าย final สาร
00:39:22 → 00:39:25 CGP ลดลงเหมือนกันแต่ตำแหน่งของการจับ
00:39:25 → 00:39:27 มันมีความแตกต่างกันอยู่เล็กน้อยเพราะ
00:39:27 → 00:39:29 ฉะนั้นเนี่ยบางทีเราฉีดตัวนี้ไปไม่เวิร์ค
00:39:29 → 00:39:32 อ่ะเราลองสวิตช์ไปตัวนี้ฉีดตัวนี้ไม่
00:39:32 → 00:39:34 เวิร์คสวิตช์มาตัวนี้อะไรอย่างเงี้ยก็อาจ
00:39:34 → 00:39:36 จะมีโอกาสในการเพิ่มประสิทธิภาพในการออก
00:39:36 → 00:39:39 ฤทธิ์ยามากขึ้นเพราะว่าเราก็ไม่รู้ว่าใน
00:39:39 → 00:39:42 สมองของแต่ละคนเนี่ยเขาจะมีแบบอสาสารเยอะ
00:39:43 → 00:39:45 มากหน่อยหรือว่าการออกฤทธิ์ของกับยาแต่ละ
00:39:45 → 00:39:47 ตัวเนี่ยจะแตกต่างกันยังไงฉะนั้นก็โอเค
00:39:47 → 00:39:50 ถ้าเกิดฉีดตัวนึงไปแล้วไม่ได้ผลสามารถแบบ
00:39:50 → 00:39:52 เปลี่ยนเป็นการฉีดตัวอื่นได้นะคะบางคนแบบ
00:39:52 → 00:39:55 ท้อไปเลยแบบที่เคยเจอคือบางทีแบบว่าอุ๊ย
00:39:55 → 00:39:57 คิดแล้วว่าแบบโอโหแบบเป็นรักษาไมเกนฉี่ไป
00:39:57 → 00:39:59 1 เดือนแล้วแบบอ้าวมันไม่ได้ผลอย่าง
00:39:59 → 00:40:01 เงี้ยซึ่งจริงๆ 1 เดือนมันอาจจะยังไม่ได้
00:40:01 → 00:40:03 ออกฤทธิ์ได้ขนาดนั้นนะคะแล้วก็หยุดการ
00:40:03 → 00:40:06 รักษาไปกลับไปสู่การกินยาแก้ปวดใหม่อะไร
00:40:06 → 00:40:08 อย่างเงี้ยก็อยากให้ดูแบบอ่าจริงๆแล้ว
00:40:08 → 00:40:11 เนี่ยเราสามารถเปลี่ยนตัวได้นะคะแล้วก็มี
00:40:11 → 00:40:13 ต้องฉีดระยะเวลาที่นานพอถึงจะแบบเราถึงจะ
00:40:13 → 00:40:15 แปรผลได้ว่าคนไข้อ่ะตอบสนองหรือไม่ตอบ
00:40:16 → 00:40:19 สนองกับตัวใดตัวนึงแล้วก็เอ่อคำถามที่เจอ
00:40:19 → 00:40:21 บ่อยอีกก็คือเรื่องของแบบว่าฉีดแล้วหาย
00:40:21 → 00:40:24 เลยมยหรือว่าแบบถ้าหยุดฉีดไปจะกลับมาเป็น
00:40:24 → 00:40:26 มนะคะอันนี้นะคะก็คือตอบรวมๆจริงๆอ่ะหลัก
00:40:26 → 00:40:29 การรักษาไมเกรนคือเราทำให้สมองของเราที่
00:40:29 → 00:40:32 มันไวต่อตัวกระตุ้นมากๆเนี่ยลดความไวลง
00:40:32 → 00:40:34 เพราะฉะนั้นเนี่ยเรารักษาไมเกรนให้ไม่ปวด
00:40:35 → 00:40:39 หัวเรารักษาไมเกรนให้สงบได้แต่เราไม่
00:40:39 → 00:40:42 สามารถไปเปลี่ยนความไวของสมองต่อตัว
00:40:42 → 00:40:44 กระตุ้นนั้นๆในคนไข้ไมเกรนได้เพราะว่า
00:40:44 → 00:40:47 อันเนี้ยมันเป็นเรื่องของเจนติกพันธุกรรม
00:40:47 → 00:40:50 บางอย่างหรือว่าเรื่องของตัวเอ่อการทำงาน
00:40:51 → 00:40:53 ในระบบประสาทของคนนั้นที่มันไวมากกว่า
00:40:53 → 00:40:55 ปกติเช่นเปรียบให้เห็นง่ายๆเหมือนคนไข้
00:40:55 → 00:40:57 ที่เป็นโรคภูมิแพ้อะไรแบบเนี้ยสมมุติว่า
00:40:57 → 00:41:01 คนไข้แพ้ฝุ่นไรฝุ่นน่ะเราคงแบบคนไข้แบบ
00:41:01 → 00:41:04 แพ้ไรฝุ่นมากจนแบบอน้ำมูกไหลตลอดเวลาหรือ
00:41:04 → 00:41:07 อะไรแบบเนี้ยคุณหมอเขาก็จะให้ยาแก้แพ้พ่น
00:41:07 → 00:41:11 ยากำจัดไรฝนเงี้ยจนคนไข้ไม่มีอาการภูมิ
00:41:11 → 00:41:14 แพ้ได้แต่ถ้าวันนึงอ่ะแล้วคนไข้แบบหาย
00:41:14 → 00:41:16 สนิทไปแล้วแล้วแต่ว่าไปเจอตัวกระตุ้นใหม่
00:41:16 → 00:41:18 ๆเข้าอ่ะจะไปเจอไรฝุ่นแบบโหดมเข้าไปเลย
00:41:18 → 00:41:20 อ่ะมันก็ยังมีโอกาสที่แบบจะมีน้ำมูกอะไร
00:41:20 → 00:41:22 เงี้ยได้อยู่คอนเซปตจะคล้ายๆกันคือคนไข้
00:41:22 → 00:41:25 ไมเกรนเนี่ยความไวของสมองภาวะที่เขาไวต่อ
00:41:25 → 00:41:28 ตัวกระตุ้นเนี่ยมันเป็นภาวะที่คนๆนั้น
00:41:28 → 00:41:31 เนี่ยไวกว่าคนปกติอยู่แล้วแต่ถ้าแค่แบบ
00:41:31 → 00:41:34 ว่ามันบางครั้งมันจะอยู่ในจุดที่ไวมากอ่ะ
00:41:34 → 00:41:38 ไวแบบไม่มีเหตุผลเอ่อเจออะไรนิดนึงก็คือ
00:41:38 → 00:41:40 ไวไปหมดแล้วอ่ะอันนั้นน่ะใช้ชีวิตไม่ได้
00:41:40 → 00:41:44 ปวดหัวทุกวันซึมเศร้าเครียดแบบมีปัญหา
00:41:44 → 00:41:45 เรื่องงานหรือที่ทำงานอย่างเงี้ยแน่นอนนะ
00:41:45 → 00:41:47 คะเพราะฉะนั้นเรารักษาเนี่ยคือเรารักษา
00:41:47 → 00:41:50 ให้คนไข้กลับไปใช้ชีวิตได้ปกติอย่างมี
00:41:50 → 00:41:54 ความสุขคุณภาพชีวิตดีขึ้นแล้วไม่ปวดหัว
00:41:54 → 00:41:57 เท่าที่คุมได้นานที่สุดเพราะฉะนั้นเนี่ย
00:41:57 → 00:42:01 ยิ่งคุมได้นานเท่าไหร่ให้เราห่างหายจาก
00:42:01 → 00:42:03 อาการถูกกระตุ้นแล้วอาการปวดหัวได้นาน
00:42:03 → 00:42:06 เท่าไหร่โอกาสที่จะกลับมาถูกกระตุ้นเนี่ย
00:42:06 → 00:42:08 ก็ยิ่งยากขึ้นเท่านั้นเดี๋ยวนี้นะคะเขาก็
00:42:08 → 00:42:10 เลยแนะนำแล้วว่าถ้าเกิดสมมุติว่าอย่างใช้
00:42:10 → 00:42:14 กลุ่มยาฉีดเนี่ยถามว่าต้องฉีดนานแค่ไหน
00:42:14 → 00:42:17 ไม่มีตัวเลขไตตัวสำหรับแต่ละคนแต่ฉีดจน
00:42:17 → 00:42:19 กว่าจะคุมอาการคนไข้ได้นานที่สุดเท่าที่
00:42:19 → 00:42:22 เราจะทำได้นะคะถ้าตัดปัญหาหาเรื่องเอ่อ
00:42:22 → 00:42:24 ค่าใช้จ่ายอะไรออกไปก่อนนะอย่างถ้าเป็น
00:42:24 → 00:42:27 กลุ่มที่ปวดไม่ได้ปวดเรื้อรังมากก็แนะนำ
00:42:27 → 00:42:29 ว่าอ่ะอย่างน้อยสัก 12 เดือนเลยละกันน่า
00:42:29 → 00:42:32 จะเป็นระยะที่นานพอที่คนไข้จะไม่กลับมา
00:42:32 → 00:42:34 ถูกกระตุ้นใหม่ละแต่ถ้าเป็นกลุ่มคนไข้
00:42:34 → 00:42:36 เรื้อรังบางทีอาจจะต้องนานไปจนถึง 18
00:42:36 → 00:42:38 เดือนเลยก็มีแต่โดยส่วนตัวเนี่ยส่วนใหญ่
00:42:38 → 00:42:41 หมอก็จะประเมินทุก 3 เดือนน่ะค่ะก็คือถ้า
00:42:41 → 00:42:43 เกิดคนไข้ตั้งต้นปวดกี่ครั้งเนี่ยแล้วเรา
00:42:43 → 00:42:44 ก็ฉีดยา 3 เดือนแล้วเราก็ประเมินถ้าเกิด
00:42:45 → 00:42:47 คนไข้ไม่ปวดหัวเลยเราอาจจะมีโอกาสที่แบบ
00:42:47 → 00:42:50 เราอาจจะสวิตช์ไปใช้กลุ่มยากินหรือว่าใช้
00:42:50 → 00:42:53 ยาอย่างอื่นที่มันแบบไม่อ่าให้มันเหมาะสม
00:42:53 → 00:42:55 กับคนไข้มากขึ้นแต่ถ้าเกิดแบบเอ่อเป็น
00:42:55 → 00:42:57 เยอะมากๆจริงๆอย่างเงี้ยอย่างน้อยก็ต้อง
00:42:57 → 00:42:59 แบบ 6 เดือนแล้วก็ต้องดูอาการอีกทีนึงว่า
00:42:59 → 00:43:01 ณตอนนั้นเนี่ยโรคเขาสงบแล้วหรือยังเพราะ
00:43:01 → 00:43:05 ฉะนั้นคำว่าฉีดนานแค่ไหนแล้วแต่อาการตั้ง
00:43:05 → 00:43:07 ต้นของแต่ละคนเลยแล้วก็คุมให้ได้นานที่
00:43:07 → 00:43:10 สุดเท่าที่เราจะทำได้อย่างน้อยๆก็คือ
00:43:10 → 00:43:12 ประมาณสัก 6 เดือนส่วนที่แบบว่าหยุดฉีด
00:43:12 → 00:43:16 แล้วจะกลับมาปวดมยอันเนี้ยก็คือพอเราก็จะ
00:43:16 → 00:43:18 เป็นคอนเซปตเมื่อกี้ก็คือพอเราคุมอาการคน
00:43:18 → 00:43:21 ไข้ไมเกรนให้สงบแล้วอ่ะตอนที่อยู่ตรงสงบ
00:43:21 → 00:43:23 แล้วอ่ะก็ถ้าคนไข้ไม่มีตัวกระตุ้นอะไร
00:43:23 → 00:43:25 เข้ามาค่ะโอกาสที่มันจะถูกกระตุ้นแล้วปวด
00:43:25 → 00:43:28 หัวใหม่เนี่ยมันก็ค่อนข้างยากแต่ในทาง
00:43:28 → 00:43:31 กลับกันถ้าสมมุติว่าคนไข้แบบยังมีปัจจัย
00:43:31 → 00:43:33 ที่มากระตุ้นได้ตลอดเวลาเช่นสมมุติว่าก
00:43:33 → 00:43:36 ตัวกระตุ้นของเขาเป็นเรื่องของอ่าอดนอน
00:43:37 → 00:43:39 ความเครียดแล้วะกันสมมุติรักษาหายละโรค
00:43:39 → 00:43:42 วิตกกังวลซึมเศร้าหายละพอหยุดฉีดไปสักปี 2
00:43:42 → 00:43:46 ปีเจอภาวะแบบเครียดรุนแรงมากสตสมีอะไรมา
00:43:46 → 00:43:49 กระตุ้นบางอย่างถามว่ายังมีโอกาสกลับมา
00:43:49 → 00:43:53 ปวดหัวได้ไหมได้แต่ใครที่เคยแบบหายปวดหัว
00:43:53 → 00:43:55 จากไมเกนไปแล้วเท่าที่หมอสังเกตนะคะคนไข้
00:43:55 → 00:43:57 อย่างสมมุติปวดแบบ 10-20 วันไปแล้วอ่ะ
00:43:57 → 00:44:00 แล้วเาหายปวดจนเป็นแบบแทบจะใช้ชีวิตได้
00:44:00 → 00:44:03 ปกติไปแล้วอ่ะพอเวลามันกลับมาปวดเนี่ยไม่
00:44:03 → 00:44:05 ต้องรอให้ปวด 10 กว่าครั้งอ่ะค่ะคนไข้
00:44:05 → 00:44:07 อยู่ไม่ได้ละเพราะว่าเคยแบบกลับไปใช้
00:44:07 → 00:44:09 ชีวิตได้ปกติละเพราะฉะนั้นปวดไมเกรนกลับ
00:44:09 → 00:44:11 มาแค่ไม่กี่ครั้งอ่ะปวดครั้งนึง 2 ครั้ง
00:44:11 → 00:44:13 เขาจะเริ่มรู้แล้วว่าต้องมีอะไรผิดปกติ
00:44:13 → 00:44:15 แล้วล่ะมีช่วงนี้เครียดเกินไปหรือเปล่า
00:44:15 → 00:44:17 หรือว่าไปเจอตัวกระตุ้นหรืออะไรสักอย่าง
00:44:17 → 00:44:20 อ่ะค่ะแล้วถ้าเรารักษากลับมารักษาได้เร็ว
00:44:20 → 00:44:23 อ่ะค่ะโอกาสที่มันจะหายมันก็ง่ายกว่าแล้ว
00:44:23 → 00:44:25 ก็ไม่ต้องไปใช้ยาได้นานๆเหมือนกับครั้ง
00:44:25 → 00:44:29 แรกนะคะเพราะฉะนั้นเนี่ยยังไงอ่ะรักษาตอน
00:44:29 → 00:44:31 อ่ารักษาก็ดีกว่าไม่รักษาค่ะยังไงตอนที่
00:44:31 → 00:44:33 เรารักษาไปแล้วอ่ะมันจะไม่กลับไปสู่จุด
00:44:33 → 00:44:36 เดิมอย่างแน่นอนแต่ก็ต้องแบบดูแลตัวเอง
00:44:36 → 00:44:40 ด้วยนะคะแบบว่าเอ่อถ้าแบบเอาหายแล้วก็
00:44:40 → 00:44:45 กลับไปดื่มแอลกอฮอล์อดนอนเอ่อสูบบุหรี่
00:44:45 → 00:44:47 หรือว่าไปเจอปัจจัยตัวกระตุ้นแบบความ
00:44:47 → 00:44:49 เครียดอะไรเยอะๆอย่างเงี้ยโอกาสมันก็จะ
00:44:49 → 00:44:52 กลับมาได้ง่ายกว่าเมื่อกี้ก็จะมียากินแบบ
00:44:52 → 00:44:56 เก่าใช่ไหมคะมียากินแบบเก่ามียาฉีด 4 ตัว
00:44:56 → 00:44:59 อ่ะตัวใหม่ล่าสุดที่ว่าเพิ่งเข้ามา
00:44:59 → 00:45:03 พฤษภาคมปีเนี้ยอยู่ตรงไหนจริงๆตัวเคเวอร์
00:45:03 → 00:45:06 ก็คือถือว่าอยู่ในกลุ่มยากินป้องกันแต่ไป
00:45:06 → 00:45:09 ออกฤทธิ์แบบเหมือนกลุ่มยาฉี่ CGRP แล้ว
00:45:09 → 00:45:12 ตัวเขาเองอ่ะก็ยังเป็นตัวแก้ปวดไปด้วย
00:45:12 → 00:45:15 เพราะฉะนั้นอันเนี้ยก็เลยจะเหมือนเป็นยา
00:45:15 → 00:45:18 ตัวแรกเลยที่เป็นยาทั้งแก้ปวดแล้วก็เป็น
00:45:18 → 00:45:21 ทางป้องกันถ้าเกิดเมื่อก่อนเนี่ยเวลาหมอ
00:45:21 → 00:45:25 แล้วคนไข้มาหมอจะอธิบายคนไข้เสมอว่าเอ่อ
00:45:25 → 00:45:27 เวลาเรารักษาไมเกรนมันจะมียา 2 กลุ่มนะคะ
00:45:27 → 00:45:30 อันนึงคือแก้ปวดอันนึงคือป้องกันอ่ะป้อง
00:45:30 → 00:45:32 กันเนี่ยเราให้เพื่ออะไรเพื่อลดความถี่ลด
00:45:32 → 00:45:34 ความรุนแรงตึ๊ดๆแต่ถ้ากระเบิดเมื่อไหร่
00:45:34 → 00:45:37 อาการปวดหัวกลับมาแล้วมันไม่หยุดได้ด้วย
00:45:37 → 00:45:40 การนอนพักประคบเย็นหรืออะไรแล้วแต่เรา
00:45:40 → 00:45:42 อย่าปล่อยให้มันปวดนานเราก็ต้องใช้ยาแก้
00:45:42 → 00:45:45 ปวดเพราะฉะนั้นก็จะอธิบายอย่างเงี้ยว่ามี
00:45:45 → 00:45:48 ป้องกันนะคะแล้วก็มีแก้ปวดแต่ตัวเนี้ยยา
00:45:48 → 00:45:50 ที่เข้ามาใหม่ล่าสุดในกลุ่ม GP เนี่ย
00:45:50 → 00:45:53 อันเนี้ยถือเป็นตัวแรกแล้วก็ตัวเดียวที่
00:45:53 → 00:45:56 เขาออกฤทธิ์ 2 แบบคือคนที่เป็นน้อยๆเราก็
00:45:56 → 00:45:58 ใช้ตัวเนี้ยแก้ปวดไปเลยจะได้ไม่ต้องไปกิน
00:45:58 → 00:46:01 ยาแก้ปวดส่วนคนที่เป็นถี่หน่อยเราก็กิน
00:46:01 → 00:46:03 แบบกินให้มันเหมือนแบบเป็นกินแบบเป็น
00:46:03 → 00:46:07 ประจำอ่ะค่ะกินวันเว้นวันไปเลยเพื่อป้อง
00:46:07 → 00:46:09 กันไปด้วยจะได้ไม่ต้องฉีดยาอ่ะถ้างั้นฟัง
00:46:09 → 00:46:12 ดูแล้วก็ดูเหมือนจะดีใช่มั้ยก็ใช้ตัวนี้
00:46:12 → 00:46:14 ไปเลยได้มยอะไรอย่างงี้จริงๆก็จะมีข้อ
00:46:14 → 00:46:17 จำกัดของทางแก้ปวดแล้วก็ต้องของป้องกัน
00:46:17 → 00:46:19 ของตัวนี้อยู่นะคะตอนนี้ก็ก็คือหมอก็ใช้
00:46:19 → 00:46:21 กับรักษากับคนไข้มาประมาณ 6 เดือนเนี่ย
00:46:22 → 00:46:25 จริงๆก็แบบปริมาณเคสค่อนข้างเยอะลำดับนึง
00:46:25 → 00:46:28 เนี่ยถามว่าเวลาที่คนไข้ให้ข้อมูลกลับมา
00:46:28 → 00:46:30 ค่ะว่าเออเวลาแก้ปวดเป็นยังไงแล้วป้องกัน
00:46:30 → 00:46:32 เป็นยังไงนะคะอันนึงที่สังเกตได้คือ
00:46:32 → 00:46:34 เรื่องของยาแก้ปวดก่อนถ้าเราจะใช้ตัวนี้
00:46:34 → 00:46:37 เป็นยาแก้ปวดมันไม่ได้ออกฤทธิ์เร็วเท่า
00:46:37 → 00:46:39 กับยาแก้ปวดกลุ่มเก่าๆเดี๋ยวหมอจะพูด
00:46:39 → 00:46:41 เรื่องยาแก้ปวดต่อไปตัวนี้ไม่ได้ออกฤทธิ์
00:46:41 → 00:46:44 เร็วมากคือตัวเขา้าออกเองอ่ะกว่าจะออกลิฟ
00:46:44 → 00:46:46 พีคจริงๆอ่ะประมาณ 2 ช่โมงเพราะฉะนั้น
00:46:46 → 00:46:48 หลายคนน่ะจะรู้สึกว่ากินยาไปแล้วไม่หาย
00:46:48 → 00:46:51 ปวดถ้าเรากินช้าเกินไปเพราะฉะนั้นถ้าจะ
00:46:51 → 00:46:53 เกิดจะกินน่ะเราต้องกินตั้งแต่ตอนที่จะ
00:46:53 → 00:46:56 เริ่มปวดนะคะแบบว่าคือคอนเซปตอันเนี้ยจะ
00:46:56 → 00:46:59 แบบเหมือนล้างคอนเซปตเก่าๆเลยอ่ะเมื่อ
00:46:59 → 00:47:01 ก่อนคือยาแก้ปวดเนี่ยถ้ายิ่งกินเยอะมันจะ
00:47:01 → 00:47:04 ยิ่งกลายเป็นติดยาใช่มั้คะเราก็จะต้องรอ
00:47:04 → 00:47:06 แบบเออเหมือนปวดหัวระดับนึงทำอะไรทุก
00:47:06 → 00:47:08 อย่างแล้วไม่ดีขึ้นอาจรีบกินเพื่อไม่ให้
00:47:08 → 00:47:11 มันแบบปวดรุนแรงก็ต้องรอแบบระดับนึง
00:47:11 → 00:47:13 คอนเฟิร์มก่อนแล้วเราก็ค่อยกินยาเพราะว่า
00:47:13 → 00:47:16 ถ้าเกิดเราแบบปวดนิดนึงปุ๊บกินเลย
00:47:16 → 00:47:18 อันเนี้ยติดยาแก้ปวดแน่นอนแต่อันนี้ก็จะ
00:47:18 → 00:47:20 ต่างกันตรงที่ว่ามันจะเหมือนเป็นการป้อง
00:47:20 → 00:47:22 กันน่ะค่ะแบบถ้าสมมุติว่าเรารู้สึกว่า
00:47:22 → 00:47:24 เริ่มปวดนิดนึงปุ๊บนะเรากินไปเลยกินเพื่อ
00:47:24 → 00:47:26 ให้ยาได้ออกฤทธิ์เต็มที่พลิกๆตอน 2
00:47:26 → 00:47:28 ชั่วโมงแล้วมันจะได้ไม่ต้องกลับไปใช้ยา
00:47:28 → 00:47:31 แก้ปวดอันนี้ก็เอ่อเป็นในเรื่องของแก้ปวด
00:47:31 → 00:47:34 เนาะส่วนในเรื่องของป้องกันถามว่าอ้าวถ้า
00:47:34 → 00:47:36 มันกินป้องกันได้แก้ปวดได้งั้นเราแทนยา
00:47:36 → 00:47:38 ฉีดไปเลยได้มั้จริงๆแล้วเนี่ยถ้าคนที่
00:47:38 → 00:47:41 เป็นเรื้อรังมากๆแบบเป็นแบบเกิน 15 ครั้ง
00:47:41 → 00:47:43 ต่อเดือนอ่ะค่ะยังไงตัวกลุ่มยาฉีดจะมีข้อ
00:47:43 → 00:47:46 มูลมากกว่าว่าจะสามารถช่วยในการรักษา
00:47:46 → 00:47:48 กลุ่มไมเกนเรื้อรังได้ดีกว่าสำหรับกรณี
00:47:48 → 00:47:50 ตัวนี้เนี่ยอาจจะเหมาะกับคนที่ยังเป็น
00:47:50 → 00:47:52 ไมเกรนไม่ได้เรื้อรังมากก็คือเอาไม่เกิน
00:47:52 → 00:47:54 สักประมาณ 10-15 วันต่อเดือนอะไรอย่าง
00:47:54 → 00:47:56 เงี้ยยังพอไหวอยู่แต่ถ้าเกิดแบบ 20-30
00:47:57 → 00:47:58 แล้วเนี่ยอาอันเนี้อาจจะเอาไม่อยู่เหมือน
00:47:58 → 00:48:00 กันเพราะฉะนั้นเนี่ยก็มันก็มีข้อจำกัด
00:48:01 → 00:48:04 หรือว่าข้ออะไรบางอย่างที่จะใช้ได้ดีกว่า
00:48:04 → 00:48:07 บางตัวแล้วก็มีข้อจำกัดที่เอ่อยาบางตัวก็
00:48:07 → 00:48:09 อาจจะยังดีกว่าเหมือนกันนะคะเพราะฉะนั้น
00:48:09 → 00:48:12 ก็ต้องดูความเหมาะสมของแต่ละคนด้วยแต่ข้อ
00:48:12 → 00:48:14 ดีของเขาคือหมอว่าใช้ค่อนข้างง่ายอ่ะค่ะ
00:48:14 → 00:48:16 อย่างเช่นบางคนอย่างเงี้ยฉีดยาไม่สามารถ
00:48:16 → 00:48:18 มาหาหมอได้หรืออะไรแบบนี้หรือจะเอาไปฉีด
00:48:18 → 00:48:20 เองก็กลัวเข็มหรืออะไรอย่างเงี้ยมันก็
00:48:20 → 00:48:23 เหมือนเป็นยารับประทานก็กินค่อนข้างง่าย
00:48:23 → 00:48:26 จะอมใต้ลิ้นก็ได้อมบนลิ้นก็ได้อะไรอย่าง
00:48:26 → 00:48:28 เงี้ยค่ะก็จะเป็นแบบเหมือนกินได้ทุกที่
00:48:28 → 00:48:30 อ่ะคอนเซปตคือแบบไม่ต้องกินน้ำตามก็ได้
00:48:30 → 00:48:32 เผื่อบางทีปวดหัวอยู่แล้วแบบไม่มีน้ำอะไร
00:48:32 → 00:48:33 อย่างเงี้ยค่ะก็คือมันก็จะใช้ค่อนข้าง
00:48:33 → 00:48:36 ง่ายนะคะข้อดีข้อเสียก็คือราคายังค่อน
00:48:36 → 00:48:38 ข้างสูงมากเหมือนกันก็จะพอๆกับกลุ่มยาฉีด
00:48:38 → 00:48:40 เลยเพราะฉะนั้นถ้าเกิดสมมุติว่าใครเป็นคน
00:48:40 → 00:48:42 ที่เป็นแบบปวดเรื้อรังเราจะต้องฉีดยา
00:48:42 → 00:48:45 เนี่ยบางทีเราก็เลือกใช้ยาฉีดไปก่อนแล้ว
00:48:45 → 00:48:48 ก็เดี๋ค่อยมาแบบปรับเป็นยาอมใต้ลิ้นอะไร
00:48:48 → 00:48:51 อีกทีแบบนี้ก็ได้เหมือนกันการรักษามันแบบ
00:48:51 → 00:48:54 มันหลากหลายมากเลยอ่ะในปัจจุบันมันจะแบบ
00:48:54 → 00:48:56 ไม่ใช่แค่ฟิกว่าเออคนนี้ต้องแบบนี้นะอะไร
00:48:56 → 00:48:59 อย่างเงี้ยส่วนใหญ่จะอยู่ที่แบบอาการของ
00:48:59 → 00:49:02 แต่ละคนเลยค่ะว่าเอิ่มปวดถี่มากน้อยแค่
00:49:02 → 00:49:06 ไหนเค้ามีข้อจำกัดของการใช้ยาอะไรมีโรค
00:49:06 → 00:49:09 ประจำตัวอะไรอะไรอย่างเงี้ยค่ะเนาะอืมก็
00:49:09 → 00:49:12 อาจจะต้องให้คุณหมอเป็นพิจารณาเป็นรายๆไป
00:49:12 → 00:49:17 สรุปให้ฟังคร่าวๆใหม่ก็จะมียาป้องกันมี 3
00:49:17 → 00:49:20 แบบเดี๋ก่อนนะคะยาป้อง
00:49:20 → 00:49:27 กันไมเกรนมี 3 แบบก็คือยากินแบบเก่าแล้ว
00:49:27 → 00:49:30 ก็ยาฉีด
00:49:30 → 00:49:36 CGRP แล้วก็อื่นๆนี่ยาฉีดก็จะเอ่อแล้วก็
00:49:36 → 00:49:40 จะมีตัวGพนที่เป็นตัวใหม่โอเคส่วนอื่นๆ
00:49:40 → 00:49:43 อันนี้พูดคร่าวๆก็คือมีตัว toxine ก็คือ
00:49:43 → 00:49:46 ตัวที่เหมือนฉีดความงามอะไรอย่างเงี้ยค่ะ
00:49:46 → 00:49:48 แล้วก็อีกอันนึงคือจะเป็นตัว device
00:49:48 → 00:49:50 คร่าวๆก่อนโบทิท็อกซีนบอกกับใครอันเนี้ย
00:49:50 → 00:49:53 เหมาะกับไมเกรนเรื้อรังเท่านั้นคนปวด
00:49:53 → 00:49:55 ไมเกรนไม่เรื้อรังไม่เรื้อรังคือไม่เกิน
00:49:55 → 00:49:58 15 วันเนี่ยตัวนี้ไม่มีข้อมูลไม่ใช่แบบ
00:49:58 → 00:50:01 อุ้ยจริงๆเราปวดแบบ 10 วันอยากฉีดจังเลย
00:50:01 → 00:50:03 อะไรอย่างเงี้ยจริงๆมันไม่ได้มีข้อมูลว่า
00:50:03 → 00:50:05 จะช่วยป้องกันไมเกรนได้หรือเปล่าแต่ว่า
00:50:05 → 00:50:08 ถามว่าฉีดได้มยคือหมอว่าตัวโบทิomท็อกซิน
00:50:08 → 00:50:10 เนี่ยฤทธิ์ของเขา้าเนี่ยในการป้องกัน
00:50:10 → 00:50:12 ไมเกรนมันก็จะออกฤทธิ์อยู่ 2 แบบแบบแรกก็
00:50:12 → 00:50:15 คือตัวทำให้กล้ามเนื้อไม่เกรงเองอ่ะค่ะ
00:50:15 → 00:50:17 อันที่ 2 ก็คือการยับยั้งสารสื่อประสาท
00:50:17 → 00:50:20 ตรงบริเวณภายนอกสมองต่างๆนะคะเพื่อลดการ
00:50:20 → 00:50:22 หลังสารสื่อประสาทเพราะฉะนั้นเนี่ยจริงๆ
00:50:22 → 00:50:24 บางคนเนี่ยพอไม่ได้เป็นไมเกรนเรือรังแต่
00:50:24 → 00:50:26 ว่ากล้ามเนื้อตึงมากๆกล้ามเนื้อขมับแบบ
00:50:26 → 00:50:28 อะไรอย่างเงี้ยตึงมากๆก็อาจจะมีประโยชน์
00:50:28 → 00:50:30 แต่ว่าถ้าโดยข้อบ่งชี้ของเขาจริงๆการฉีด
00:50:30 → 00:50:33 โบทินท็อกซินเนี่ยต้องเป็นไมเกรนเรื้อ
00:50:33 → 00:50:35 ร่างเท่านั้นถ้าเอาไมเกรนโดยเฉพาะส่วนตัว
00:50:35 → 00:50:38 เนี่ยมันจะเป็นตัวที่เหมือนเป็นตัว
00:50:38 → 00:50:41 เครื่องกระตุ้นแปะหน้าผากเอ่อจริงๆ
00:50:41 → 00:50:43 เครื่องเนี่ยมีมานานมากและอย่างในต่าง
00:50:43 → 00:50:47 ประเทศเนี่ยก็จะมีใช้กันมาแบบหลายปีมากๆ
00:50:47 → 00:50:49 แล้วแต่ถ้าเป็นในไทยเนี่ยก็จะเพิ่งมีตัว
00:50:49 → 00:50:51 ที่เพิ่งเข้ามาใหม่ก็จะเป็นเครื่องเล็กๆ
00:50:51 → 00:50:53 วันนี้ไม่ได้หยิบตัวอย่างมาให้ดูเนาะก็
00:50:53 → 00:50:56 เอ่อแปะตรงหน้าผากแปะไว้แบบนี้เครื่อง
00:50:56 → 00:50:59 เขา้าก็จะมีแบบปล่อยกระแสไฟฟ้าออกมาได้
00:50:59 → 00:51:01 ซึ่งมันก็อาจจะสามารถใช้ได้ทั้งแบบในแง่
00:51:01 → 00:51:05 ของการแก้ปวดเฉียบพานหรือว่าถ้าแปะทุกวัน
00:51:05 → 00:51:07 ไปเลยก็เหมือนอาจจะช่วยป้องกันไปด้วย
00:51:07 → 00:51:08 อะไรอย่าเงี้ยค่ะแต่ว่าข้อมูลในคนไทย
00:51:08 → 00:51:10 อันเนี้ยถือว่ายังค่อนข้างจำกัดเพราะว่า
00:51:10 → 00:51:13 หมอเองก็ยังไม่ได้แบบได้นำมาใช้ในการ
00:51:13 → 00:51:15 รักษาคนไข้ที่แบบว่าใช้ต่อเนื่องจริงๆนะ
00:51:15 → 00:51:17 คะอันนี้ก็ยังอยู่ในการเก็บข้อมูลอยู่นะ
00:51:17 → 00:51:19 คะเพราะฉะนั้นเนี่ยก็เดี๋ยวอาจจะรอให้ข้อ
00:51:19 → 00:51:20 มูลมันเยอะกว่านี้แล้วก็เดี๋ค่อยมาอัปเดต
00:51:21 → 00:51:23 ให้ฟังกันอีกทีนึงก่อนแต่ก็ให้รู้ไวว่า
00:51:23 → 00:51:25 เดี๋ยวนี้ก็จะมีอุปกรณ์อะไรต่างๆเหล่า
00:51:25 → 00:51:27 เนี้ยเอามารักษาไลเกรนได้ด้วยคือถ้าเป็น
00:51:27 → 00:51:29 เมื่อก่อนเนี่ยมันจะมีแต่ไอ้เครื่องใหญ่ๆ
00:51:29 → 00:51:32 คือแบบใหญ่มากอ่ะค่ะของต่างประเทศพกให้คน
00:51:32 → 00:51:34 ไข้อ่ะซื้อกลับบ้านแล้วก็แบบเหมือนมี
00:51:34 → 00:51:36 อาการไมเก็ตปุ๊บก็กดช็อตอะไรแบบนี้ซึ่ง
00:51:36 → 00:51:38 เครื่องนั้นเนี่ยอาจจะใช้ยากแล้วก็แล้วก็
00:51:38 → 00:51:41 ราคาสูงมากก็ในไทยก็ไม่มีแต่ตอนนี้ก็จะมี
00:51:41 → 00:51:43 เครื่องแบบเครื่องเล็กๆที่เอามาใช้ในการ
00:51:43 → 00:51:46 แก้ปวดป้องกันไมเกรนมากยิ่งขึ้นอ่ะจบแล้ว
00:51:46 → 00:51:49 สำหรับการป้องกันสรุปให้ฟังอีกรอบนึงก่อน
00:51:49 → 00:51:53 ยาป้องกันไมเกรนไม่ได้ทุกคนจะต้องใช้
00:51:53 → 00:51:58 สำหรับคนที่มีอาการปวดไมเกรนบ่อยๆปวดเกิน
00:51:58 → 00:52:02 ประมาณสัก 4 ครั้งเป็นต้นไปเพื่อป้องกัน
00:52:02 → 00:52:06 ไม่ให้เกิดการเกิดไมเกรนชั่วคราวไปเป็น
00:52:06 → 00:52:08 ไมเกรนเรื้อรังและติดยาแก้ปวดเพราะฉะนั้น
00:52:08 → 00:52:12 เนี่ยใครที่ปวดหัวไมเกรนฟังอยู่ตอนนี้
00:52:12 → 00:52:14 เริ่มมีอาการปวดปวดกำเริบแบบเกินประมาณ
00:52:14 → 00:52:17 สัปดาห์ละครั้งหรือ 4 ครั้งต่อเดือนหรือ
00:52:17 → 00:52:20 เราเริ่มใช้ยาแก้ปวดเยอะเกินประมาณ 10-15
00:52:20 → 00:52:23 เมตต่อเดือนแล้วแต่ชนิดยาแต่ว่าเอาคร่าวๆ
00:52:23 → 00:52:27 ไว้ประมาณนี้ก่อนอันนี้นะคะต้องใช้ยาป้อง
00:52:27 → 00:52:29 กันไมเกรนอย่าปล่อยให้กินยาแก้ปวดไป
00:52:29 → 00:52:32 เรื่อยๆะตามไปเรื่อยๆเนี่ยอีก 2 ปี 3 ปี
00:52:32 → 00:52:34 มีปัญหาแน่นอนนะคะสิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ
00:52:34 → 00:52:36 ติดยาแก้ปวดยาแก้ปวดไม่ได้ผลแล้วก็จะมีผล
00:52:36 → 00:52:39 ข้างเคียงจากยาสำหรับยาป้องกันแบ่งออก
00:52:39 → 00:52:41 เป็น 3 กลุ่มกลุ่มกินแบบเก่าก็ยังถือว่า
00:52:41 → 00:52:43 ค่อนข้างดีมีประโยชน์โคุมไมเกนได้ค่อน
00:52:43 → 00:52:45 ข้างดีแต่ติดเรื่องข้อเสียผลข้างเคียง
00:52:45 → 00:52:48 เยอะอันที่ 2 เป็นยาที่อยู่ในกลุ่มยับ
00:52:48 → 00:52:50 ยั้งสาร CGRP อันนี้คือยาใหม่ที่เรามา
00:52:50 → 00:52:54 อัปเดตกันในวันนี้ก็จะมียาฉีดปากกา 3 ตัว
00:52:54 → 00:52:56 ฉีดข้าวหลอดเลือดดำ 1 ตัวแล้วก็รวมไปถึง
00:52:56 → 00:52:59 ยาอมใต้ลิ้นก็จะอยู่ในกลุ่มที่ยับยางสาร
00:52:59 → 00:53:02 CGRP ตรงนี้แล้วก็วิธีการอื่นๆอ่ะต่อไป
00:53:02 → 00:53:04 เดี๋ยวเราจะไปพาร์ทกันที่เป็นเรื่องของ
00:53:04 → 00:53:07 การแก้ปวดกันยาวนิดนึงนะคะแต่ว่าแบบคิด
00:53:07 → 00:53:10 ว่าทุกคนแบบน่าจะได้ประโยชน์อ่ะแล้วก็ให้
00:53:10 → 00:53:13 เห็นภาพรวมอ่ะว่าทุกวันเนี้ยเรารักษา
00:53:13 → 00:53:15 ไมเกนอะไรยังไงกันบ้างอ่ะค่ะหมอว่าแบบบาง
00:53:15 → 00:53:18 ทีแบบเราไม่ถ้าเราไม่ได้รู้ภาพรวมคร่าวๆ
00:53:18 → 00:53:20 เลยแล้วเวลาไปอ่ะบางทีมันก็จะแบบตัดสินใจ
00:53:20 → 00:53:22 ในการรักษาลำบากนิดนึงเหมือนกันอ่าต่อไป
00:53:22 → 00:53:27 มาเข้าสู่ยาแก้ปวดกันยาแก้ปวดนะคะแบ่ง
00:53:27 → 00:53:30 กลุ่มก่อนนะ
00:53:30 → 00:53:36 คะยาแก้ปวดยาแก้ปวดทานเมื่อปวดเท่านั้น
00:53:36 → 00:53:40 ห้ามใช้ป้องกันยาหลักๆนะคะก็จะแบ่งออก
00:53:40 → 00:53:44 เป็นเอ่อเอ่อมีกลุ่มอันแรกเลยก็คือกลุ่ม
00:53:44 → 00:53:48 พาราธรรมดาเนี่ยแหละค่ะพาราอ่ะหมอให้คลาย
00:53:48 → 00:53:51 กล้ามเนื้อไว้หน่อยด้วยแล้วกันอันที่ 2
00:53:51 → 00:53:54 เราเรียกว่ากลุ่มแก้ปวดที่ไม่ใช่
00:53:54 → 00:53:57 สเตียรอยด์หมอเขาเรียกว่าไปเลยให้ทุกคน
00:53:57 → 00:54:00 น่ะรู้จักไปเลยก็คือย่อมาจาก nonoidal
00:54:00 → 00:54:03 antiinflammatory drugs นะคะก็คือยาแก้
00:54:03 → 00:54:06 ปวดที่ไม่ใช่สเตียรอยด์อันเนี้ยเป็นยาที่
00:54:06 → 00:54:08 ทุกคนน่ะยังไงทุกคนในชีวิตเนี่ยต้องเคย
00:54:08 → 00:54:10 ได้บ้างล่ะเพราะว่ามันจะเป็นยาในกลุ่มแก้
00:54:10 → 00:54:13 ปวดลดอักเสบทั่วไปไม่ว่าจะเป็นปวดคอกปวด
00:54:13 → 00:54:16 ประจำเดือนปวดเข่าปวดอะไรมักจะต้องไปร้าน
00:54:16 → 00:54:19 ยามักจะต้องเคยได้กลุ่มนี้มากลุ่มที่ 3
00:54:19 → 00:54:22 สำหรับไมเกรนเราเรียกว่าเอกอตามีนกลุ่ม
00:54:22 → 00:54:25 เอกอคนที่เป็นมาเกนมานานๆก็จะรู้จักกลุ่ม
00:54:25 → 00:54:28 นี้ดีแล้วก็กลุ่มใหม่ๆเราเรียกว่ากลุ่ม
00:54:28 → 00:54:32 ทริปtrนทริปแทนก็ในไทยก็จะยังมีอยู่แค่ 2
00:54:32 → 00:54:35 ตัวก็คือ er tran กับ sumip trend อ่า
00:54:35 → 00:54:39 ก่อนจะที่จะถึงปีเนี้ยก่อนปีเนี้ยคนไข้จะ
00:54:39 → 00:54:41 ชอบบอกว่าบางคนกินทริปแทนไปละแล้วแบบ
00:54:41 → 00:54:45 เริ่มไม่ได้ผลคนใครจะชอบถามว่ามียาที่
00:54:45 → 00:54:49 ใหม่กว่านี้มั้ยคะตอนต้นปีก็คืออันเนี้ย
00:54:49 → 00:54:51 ใหม่สุดละสำหรับแก้ปวดไมเกรนแต่ปัจจุบัน
00:54:51 → 00:54:54 ก็คือที่เป็นตัวอมใต้ลินที่บอกว่ามัน
00:54:54 → 00:54:57 สามารถทั้งป้องกันได้แล้วก็จะมาแก้ปวดตรง
00:54:57 → 00:55:00 นี้ได้ก็คือจะเป็นกลุ่มเราเรียกว่ากลุ่ม
00:55:00 → 00:55:05 GP จริงๆเอ่อนอกจาก GP แล้วเนี่ยก็จะมี
00:55:05 → 00:55:09 ตัวDทอันนี้ก็คือในไทยยังไม่ได้เอาเข้ามา
00:55:09 → 00:55:11 เพราะฉะนั้นเราจะไม่พูดถึงกันเอาที่มี
00:55:11 → 00:55:14 อยู่ในประเทศไทยตอนนี้ก่อน 5 กลุ่มหลักๆ
00:55:14 → 00:55:20 พาราเซตเกอทิปแล้วก็ gpan เรามาดูกันว่า
00:55:20 → 00:55:23 แต่ละตัวเนี่ยมีข้อดีข้อเสียแล้วก็มียา
00:55:23 → 00:55:26 อะไรบ้างนะคะอันแรกก่อนเลยพาราเซตามอลนะ
00:55:26 → 00:55:29 คะอันนี้โชว์สไลด์ให้ดูก็จะเป็นกลุ่ม
00:55:29 → 00:55:31 พาราเซตามอลแล้วก็คลายกล้ามเนื้อที่มี
00:55:31 → 00:55:33 พาราเซตามอลเพราะว่าคนไข้หลายคนส่วนใหญ่
00:55:33 → 00:55:35 ก็ไม่ใช่ทานพาราอย่างเดียวอ่ะจะไปทานตัว
00:55:35 → 00:55:37 ที่ผสมคลายกล้ามเนื้อด้วยโดยเฉพาะไมเกรน
00:55:37 → 00:55:39 ที่มีกล้ามเนื้อเกร็งๆกลุ่มนี้นะคะก็ถือ
00:55:39 → 00:55:41 ว่าเป็นกลุ่มยาแก้มแก้ป่วนแบบทั่วไปเลย
00:55:41 → 00:55:44 อ่ะแบบเบสิคนะคะแก้ปวดลดค่ายทริกของกลุ่ม
00:55:44 → 00:55:47 นี้ 1 ก็คือโอเคมันเป็นยาที่เหมือนเป็นยา
00:55:47 → 00:55:50 สามัญประจำบ้านอ่ะหาซื้อได้ง่ายแล้วก็
00:55:50 → 00:55:52 เอ่อเหมือนบางทีเราไม่แน่ใจว่าเราปวด
00:55:52 → 00:55:53 ไมเกนหรือเปล่าหรือเราแค่ปวดกล้ามเนื้อ
00:55:53 → 00:55:56 หรือว่าปวดหัวอะไรทั่วๆไปก็มักจะใช้กลุ่ม
00:55:56 → 00:55:59 นี้ก่อนก็ถ้าเกิดคนที่เป็นน้อยๆก็มักจะ
00:55:59 → 00:56:03 ได้ผลดีข้อเสียคือบางทีมันอ่อนไปค่ะเช่น
00:56:03 → 00:56:05 เอ่อสำหรับไมเกรนเนี่ยถ้าจะใช้
00:56:05 → 00:56:07 พาราเซิตามอลเนี่ยบางทีพาราซิตามอลโดส
00:56:07 → 00:56:09 ต้องค่อนข้างสูงนะคะเช่นต้องกินแบบว่า
00:56:10 → 00:56:11 1,000 มิลกรัมขึ้นไปหรืออะไรเงี้ยแต่บาง
00:56:11 → 00:56:13 คนไปกินเม็ดเดียวก็เลยอาจจะรู้สึกว่าไม่
00:56:14 → 00:56:16 หายปวดแล้วทำให้ดีเลยการกินยาแก้ปวดอื่นๆ
00:56:16 → 00:56:18 ไปด้วยอันที่ 2 คือด้วยความที่มันไม่ค่อย
00:56:18 → 00:56:21 ได้ผลในคนไข้ไมเกรนที่ปวดรุนแรงจริงๆบาง
00:56:21 → 00:56:24 หมอเคยเจอบางคนก็คือแบบเอาแต่พาราเพราะ
00:56:24 → 00:56:26 ไม่กล้ากินอย่างอื่นเลยกลัวอันตรายก็คือ
00:56:26 → 00:56:29 แบบพาราอย่างเดียวเลยพารา 2 เม็ดทุก 4
00:56:29 → 00:56:32 วันนึงกินไปเกิน 10 เม็ดนะคะอันนี้เสี่ยง
00:56:32 → 00:56:34 ต่อการกินยาพาราเกินขนาดนะคะซึ่งอาจจะทำ
00:56:34 → 00:56:36 ให้ตับอักเสบเฉียบพันธุ์ได้เลยเพราะ
00:56:37 → 00:56:39 ฉะนั้นอ่าการใช้ยากลุ่มนี้ก็จะเหมาะกับคน
00:56:39 → 00:56:42 ที่ยังปวดน้อยๆปวดไม่มากปวดแบบไมเกรนอ่อน
00:56:42 → 00:56:46 ๆปวดกล้ามเนื้อแต่ถ้าทานแล้วไม่หายอย่า
00:56:46 → 00:56:50 อย่าฝืนอย่าฝืนใช้คือไมเกรนแบบบางทีการ
00:56:50 → 00:56:52 อักเสบมันรุนแรงมันก็จะต้องใช้ตัวสเต็ป
00:56:52 → 00:56:56 ถัดไปที่อ่าระงับปวดได้มากกว่าแล้วก็ต้อง
00:56:56 → 00:56:58 ระวังในคนที่เป็นโรคตับส่วนยาคลายกล้าม
00:56:58 → 00:57:00 เนื้อเองอันนี้ก็จะต้องระวังในคนผู้สูง
00:57:00 → 00:57:02 อายุก็คือถ้าเกิดแบบบางคนอย่างเงี้ยมีคุณ
00:57:02 → 00:57:04 แม่อายุแบบ 6-70 ขึ้นไปแล้วที่ยังเป็น
00:57:04 → 00:57:07 ไมเกรนอยู่จริงๆปกติไมเกรนจะเป็นตอนอายุ
00:57:07 → 00:57:09 น้อยแต่บางคนที่แบบเป็นยาวก็ก็คือเป็นไป
00:57:09 → 00:57:11 จนถึงแบบอายุเยอะๆได้เลยอย่างเงี้ยใคร
00:57:11 → 00:57:13 กล้ามเนื้อชอบกระตุ้นอาการสับสนในคนไข้
00:57:13 → 00:57:16 ได้ก็ต้องระวังเหมือนกันต่อไปกลุ่มที่ 2
00:57:16 → 00:57:19 นะคะก็คือกลุ่มแก้ปวดลดการอักเสบที่เรา
00:57:19 → 00:57:21 เรียกว่าเอเซตเอเสกลุ่มนี้นี่คือยาเยอะ
00:57:21 → 00:57:24 มากแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลักๆก็คือยากลุ่ม
00:57:24 → 00:57:27 เก่ากับยากลุ่มที่ไม่ค่อยกัดกระเพาะละ
00:57:27 → 00:57:29 กลุ่มเนี้ยข้อเด่นเขาเลยคือกัดกระเพาะคน
00:57:29 → 00:57:31 ไข้หลายคนจะรู้ว่ากินตอนท้องว่างไม่ได้
00:57:31 → 00:57:34 เลยจะแบบแสบกระเพาะกดไหลย้อนก็มีตั้งแต่
00:57:34 → 00:57:39 ยาไบูโพฟenเมฟamicaซidมาอกซนพวกนี้จะเป็น
00:57:39 → 00:57:41 กลุ่มเก่านะตัวไดโคฟิคกลุ่มนี้ที่เป็น
00:57:41 → 00:57:44 กลุ่มเก่าข้อดีคือออกฤทธิ์เร็วคนไข้
00:57:44 → 00:57:47 ไมเกรนเนาะเวลาปวดจะปวดพีคอย่างรวดเร็ว
00:57:47 → 00:57:48 ภายในไม่กี่ชั่วโมงเพราะฉะนั้นเราต้องการ
00:57:48 → 00:57:52 ทยาที่ออกฤทธิ์เร็วถ้าเป็นกลุ่มเก่าเนี่ย
00:57:52 → 00:57:54 ตัวที่ออกฤทธิ์เร็วมากๆเนี่ยออกลิฟตภายใน
00:57:54 → 00:57:56 ประมาณสัก 15-20 นาทีได้เลยนะคะไม่เกิน
00:57:56 → 00:57:58 ครึ่งชั่วโมงนะคะโดยเฉพาะอย่างกลุ่มที่
00:57:58 → 00:58:00 เป็นถ้าเป็นนาอกเซนก็ต้องเป็นนาพอกซน
00:58:00 → 00:58:03 โซเดียมกลุ่มไบูโพเฟนก็เป็นไบูโพฟenแบบ
00:58:03 → 00:58:05 เจลหรือว่าอย่างกลุ่มที่เป็นไดโคฟinก็จะ
00:58:05 → 00:58:07 เป็นแบบผงละลายน้ำอะไรเงี้ยคนไข้จะรู้ว่า
00:58:07 → 00:58:09 กลุ่มแบบเนี้ยออกฤทธิ์เร็วมากข้อดีคือออก
00:58:09 → 00:58:14 ฤทธิ์เร็วแต่ข้อเสียคือกัดกระเพาะเยอะและ
00:58:14 → 00:58:17 กลุ่มนี้ถ้าทานมากๆอาจจะทำให้ค่าไตทำงาน
00:58:17 → 00:58:20 ผิดปกติได้เอ่อในส่วนถ้าเป็นกลุ่มใหม่
00:58:20 → 00:58:24 กลุ่มใหม่เนี่ยคนจะรู้จักในในมุมของการ
00:58:24 → 00:58:26 ใช้ยาแก้ปวดอื่นๆเช่นปวดข้อปวดเข่าอะไร
00:58:26 → 00:58:29 เงี้ยจะได้จะได้ยามานะคะเช่นตัวอทอิคอก
00:58:29 → 00:58:32 เอ่อตัวซิคอกิอะไรพวกนี้จะลงท้ายด้วยแบบ
00:58:32 → 00:58:35 10 กลุ่มเนี้ยข้อดีคือไม่ค่อยกัดกระเพาะ
00:58:35 → 00:58:38 ละแต่ออกฤทธิ์ช้าพอออกฤทธิ์ช้าก็ไม่ค่อย
00:58:38 → 00:58:40 เหมาะกับไมเกรนเท่าไหร่บางทีแบบกินไปแล้ว
00:58:40 → 00:58:43 แบบชั่วโมงนึงยายังไม่ออกฤทธิ์เลยเราก็
00:58:43 → 00:58:44 ปวดไมเกรนมากขึ้นเรื่อยๆก็สุดท้ายก็ต้อง
00:58:45 → 00:58:47 ไปทานยาซ้ำหรือว่าทานยาตัวอื่นอยู่ดี
00:58:47 → 00:58:50 เพราะฉะนั้นถ้าจะเลือกใช้ก็ต้องดูแหละว่า
00:58:50 → 00:58:52 ไมเกรนของเราเนี่ยส่วนใหญ่เวลามันปวดขึ้น
00:58:52 → 00:58:55 มาแล้วอ่ะเราปวดพีคไประดับไหนภายในแบบกี่
00:58:55 → 00:58:57 นาทีเราพอแบบกินยาที่ออกฤทธิ์ช้าได้มั้ย
00:58:57 → 00:58:59 หรือว่าเราจะต้องใช้ยาที่ออกฤทธิ์เร็วเลย
00:58:59 → 00:59:02 เรามีโรคกระเพาะหรือเปล่าเรามีข้อห้ามของ
00:59:02 → 00:59:04 การใช้ยากลุ่มนี้หรือเปล่าเช่นค่าไตมี
00:59:04 → 00:59:06 ปัญหาหรือเปล่าส่วนใหญ่กลุ่มนี้เนี่ยหมอ
00:59:06 → 00:59:09 ก็จะให้เป็นสเต็ปแบบสเต็ปกลางๆก็คือบางที
00:59:09 → 00:59:13 คนไข้อ่ะปวดไม่มั่นใจเอ๊ะกล้ามเนื้อหรือ
00:59:13 → 00:59:16 แบบจะไมเกรนและปวดแบบก็มากกว่ากล้ามเนื้อ
00:59:16 → 00:59:17 นะเริ่มรู้สึกเหมือนแบบตึ๊บๆแล้วแต่ก็ยัง
00:59:17 → 00:59:20 ไม่ถึงขั้นแบบตุบๆหรืออาเจียนอะไรอย่าง
00:59:20 → 00:59:23 เงี้ยค่ะจะไปกินกลุ่มไมเกรนเลยก็เอ๊เยอะ
00:59:23 → 00:59:25 เกินไปหรือเปล่าอะไรแบบเนี้ยส่วนเดี๋เรา
00:59:25 → 00:59:27 ก็จะเริ่มด้วยกลุ่มนี้ได้ถ้าเราเป็นน้อยๆ
00:59:27 → 00:59:29 เนี่ยก็เอาอยู่แต่ถ้าเกิดไม่อยู่เนี่ยก็
00:59:29 → 00:59:32 อาจจะต้องใช้ยาที่แรงขึ้นไปอีกก็คือจะ
00:59:32 → 00:59:34 เป็นกลุ่มกลุ่ม 3 กับกลุ่ม 4 อ่าอันนี้ก็
00:59:34 → 00:59:36 คือเป็นตัวอย่างของตัวกลุ่มเอนไซเศษที่
00:59:36 → 00:59:39 บอกว่าเป็นกลุ่มใหม่อ่าต่อไปก็คือจะเป็น
00:59:39 → 00:59:41 กลุ่ม 3 กลุ่ม 3 ก็คือจะเป็นยากลุ่มแก๊บ
00:59:41 → 00:59:45 ปวดไมเกรนตรงๆและนะคะก็คือมีฤทธิ์หดหลอด
00:59:45 → 00:59:47 เลือดเนาะตอนต้นเราบอกและไมเกรนหลอดเลือด
00:59:47 → 00:59:50 ขยายกลุ่มพวกนี้คือมีฤทธิ์หดหลอดเลือด
00:59:50 → 00:59:53 เพราะฉะนั้นถ้าไม่ใช่ไมเกรนเช่นปวดกล้าม
00:59:53 → 00:59:56 เนื้อออฟฟิศsyนrมปวดหัวจากอย่างอื่นอย่า
00:59:56 → 00:59:59 มาใช้ยากลุ่มพวกนี้อันตรายเดี๋จะได้ผล
00:59:59 → 01:00:01 ข้างเคียงที่เยอะมากเกินไปยาแก้ปวดกลุ่ม
01:00:01 → 01:00:04 เออกตามีนนี้นะคะอยู่ในประเทศไทยมานานมาก
01:00:04 → 01:00:07 แบบใช้กันมาหลายสิบปีมากมากคนไข้ไมเกรน
01:00:07 → 01:00:09 ที่เป็นมาเกิน 10-20 ปีจะต้องเคยกินยา
01:00:09 → 01:00:12 กลุ่มพวกนี้หมดเลยก็จะมีตั้งแต่แบบพวก
01:00:13 → 01:00:16 โทฟาโก ala ไแกนคาเฟอร์กออะไรที่แบบเป็น
01:00:16 → 01:00:19 แบบกลุ่มมันจะลงท้ายด้วยหน้ากล่องอ่ะเขา
01:00:19 → 01:00:22 จะเขียนว่าเป็นแบบเอกอตามีนน่ะค่ะข้อดี
01:00:22 → 01:00:24 ของยากลุ่มนี้ก่อนบอกว่าเป็นกลุ่มหดหลอด
01:00:24 → 01:00:26 เลือดที่ออกฤทธิ์ค่อนข้างเร็วนะคนไข้ส่วน
01:00:26 → 01:00:29 ใหญ่อ่ะกินแล้วหายปวดได้ภายในประมาณไม่
01:00:29 → 01:00:32 เกินครึ่งชั่วโมงแต่ว่าข้อเสียหลักๆเลยก็
01:00:32 → 01:00:34 คือเรื่องของการหดหลอดเลือดที่แบบไม่จำเ
01:00:34 → 01:00:37 เพาะนี่แหละค่ะคือจริงๆเราอยากจะหดหลอด
01:00:37 → 01:00:39 เลือดที่มันเกี่ยวข้องกับอาการปวดไมเกรน
01:00:39 → 01:00:42 แต่สิ่งที่เราเลือกไม่ได้คือบางทีมันไปขด
01:00:42 → 01:00:44 หลอดเลือดส่วนปลายเช่นปลายมือไปขัดเท้า
01:00:44 → 01:00:47 ด้วยหลายคนกินเนี่ยก็จะรู้ว่าชามือหรือ
01:00:47 → 01:00:49 ที่น่ากลัวกว่านั้นก็คือไปขดหลอดเลือดหัว
01:00:49 → 01:00:53 ใจเพราะฉะนั้นใครที่มีความเสี่ยงเรื่อง
01:00:53 → 01:00:56 หัวใจนะคะไม่ว่าจะเป็นมีแบบปัจจัยเสี่ยง
01:00:56 → 01:00:58 มากๆเช่นมีเบาหวานความดันไขมันถึงแม้จะ
01:00:58 → 01:01:00 ไม่รู้ว่าเป็นหัวใจหรือเปล่าแต่ว่าปัจจัย
01:01:00 → 01:01:02 พวกเนี้ยเสี่ยงเยอะมากๆยิ่งโดยเฉพาะถ้ามี
01:01:02 → 01:01:05 คนในครอบครัวเป็นโรคหัวใจด้วยอันนี้ต้อง
01:01:05 → 01:01:07 ระวังมากๆเลยเพราะว่าบางทีเนี่ยเรากินยา
01:01:07 → 01:01:09 ไปมันอาจจะทำให้หลอดเลือดหัวใจของเรา
01:01:09 → 01:01:11 เนี่ยตีบชั่วคราวได้ซึ่งก็อาจจะทำให้มี
01:01:11 → 01:01:13 อาการเหมือนหลอดเลือดหัวใจตีบเฉียบพันได้
01:01:13 → 01:01:16 เลยแล้วก็ที่ต้องระวังอีกอันนึงก็คือการ
01:01:16 → 01:01:19 ตีกันกับยาอื่นๆน่ะค่ะอย่างเมื่อก่อนที่
01:01:19 → 01:01:22 จะมีข่าวว่าแบบพอกินยากลุ่มพวกนี้เยอะๆ
01:01:22 → 01:01:26 แล้วแบบตัดแขนตัดขามือดำเท้าดำอะไรอย่าง
01:01:26 → 01:01:29 เงี้ยค่ะส่วนใหญ่เองเนี่ยโดยตัวยาเองถ้า
01:01:29 → 01:01:32 กินเม็ด 2 เม็ดเนี่ยมักไม่ทำให้เกิดแต่จะ
01:01:32 → 01:01:35 เกิดเมื่อไปตีกับยากลุ่มอื่นๆที่เจอเจอ
01:01:35 → 01:01:37 บ่อยๆเลยก็คือพวกกลุ่มยาต้านเชื้อราบางที
01:01:37 → 01:01:41 เราแบบบางคนอ่ะเชื้อราเป็นเป็นเล็บที่
01:01:41 → 01:01:43 เชื้อราอะไรเงี้ยก็ไปซื้อยาฆ่าเชื้อรามา
01:01:43 → 01:01:45 กินอะไรแบบเนี้ยค่ะแล้วกินตุ๊ตัวนี้ด้วย
01:01:46 → 01:01:48 ก็จะเอ่อมีโอกาสตีกันมากขึ้นหรือยาฆ่า
01:01:48 → 01:01:50 เชื้อเองนี่แหละค่ะบางทีแบบเป็นหวัดเจ็บ
01:01:50 → 01:01:53 คอแล้วไปได้ยาฆ่าเชื้อในกลุ่มที่ตีกับยา
01:01:53 → 01:01:56 กลุ่มนี้เพราะฉะนั้นถ้าใครเป็นไมเกรนจะ
01:01:56 → 01:01:59 กินยาฆ่าเชื้ออะไรก็แล้วแต่ควรบอกเภสัต
01:01:59 → 01:02:01 ว่าเรากินยากลุ่มนี้อยู่ด้วยหรือคือเภสั
01:02:01 → 01:02:03 เขาจะได้เลือกยาที่มันไม่ตีกันให้อย่าไป
01:02:04 → 01:02:05 ซื้อยาฆ่าเชื้อตัวเองแล้วก็ไปซื้อยาอัน
01:02:06 → 01:02:08 นี้เองแบบคนละร้านกันเพราะว่าเพศะเขาก็จะ
01:02:08 → 01:02:10 ไม่รู้ว่าเรากินยาอยู่นะคะหรือทางที่ดีก็
01:02:10 → 01:02:12 คือไปหาคุณหมอเลยดีกว่าแล้วก็อีกอันนึงก็
01:02:12 → 01:02:15 คือจะเป็นยากลุ่มต้านพวกไวรัสต่างๆอ่ะค่ะ
01:02:15 → 01:02:17 ไวรัส HIV หรืออะไรอย่างเงี้ยอันนี้ก็จะ
01:02:17 → 01:02:20 มีโอกาสตีกับยากลุ่มนี้เยอะแล้วก็ตัวยา
01:02:20 → 01:02:22 กลุ่มนี้เองเนี่ยก็จะเป็นยาที่ติดยาแก้
01:02:22 → 01:02:25 ปวดได้ค่อนข้างแบบเยอะด้วยความที่มันเ่อ
01:02:25 → 01:02:28 กินแล้วหายเร็วคนไข้ส่วนใหญ่พอเป็นไมเกรน
01:02:28 → 01:02:30 ระยะแรกๆเนี่ยก็จะรู้แล้วอ่าเราเป็น
01:02:30 → 01:02:34 ไมเกรนพอมีอาการปุ๊บก็ไปซื้อยากินซื้อยา
01:02:34 → 01:02:36 กินอะไรอย่างเงี้ยค่ะส่วนใหญ่ก็จะกินกัน
01:02:36 → 01:02:39 ไปเพลินๆพอกินเดือนนึงเกิน 10 เม็ดแล้ว
01:02:39 → 01:02:41 ติดๆกันเกิน 3 เดือนขึ้นไปจะเริ่มมีภาวะ
01:02:41 → 01:02:44 medication overuse hea ก็คือปวดหัว
01:02:44 → 01:02:46 จากการใช้ยาแก้ปวดขนาดแทนนะคะเพราะซึ่ง
01:02:46 → 01:02:48 หมออ่ะเจอจากกลุ่มเนี้ยค่อนข้างเยอะ
01:02:48 → 01:02:51 เนื่องจากเป็นยาที่ใช้มานานนะคะแล้วก็ตอบ
01:02:51 → 01:02:54 สนองดีคนไข้ก็เลยแบบชินกับการแบบซื้อติด
01:02:54 → 01:02:56 บ้านไว้อ่ะเดือนละกล่อง 2 กล่อง 2 กล่อง
01:02:56 → 01:02:59 อะไรเงี้ยมาหาอีกทีก็คือตอนที่เริ่มไม่
01:02:59 → 01:03:02 ค่อยตอบสนองหรือมีผลข้างเคียงเยอะๆเช่น
01:03:02 → 01:03:04 กินไปแล้วที่แบบชามากมากอะไรแบบเนี้ยค่ะ
01:03:04 → 01:03:07 ก็คือค่อยมาหาหมอนเพราะฉะนั้นถ้าใครกิน
01:03:07 → 01:03:09 กลุ่มนี้นะต้องระวัง 1 เราต้องไม่มีโรค
01:03:09 → 01:03:14 หัวใจ 2 ห้ามใช้ยาเกินขนาดเกินขนาดในที่
01:03:14 → 01:03:18 นี้เนี่ยถ้าไปเขียนตามข้างกล่องจริงๆบาง
01:03:18 → 01:03:21 ทีเขาค้าให้กินได้ทุก 6 ชมงทุก 4 ช่มงเลย
01:03:21 → 01:03:24 อ่ะก็คือแบบบางคนก็ไปเอ่อกินตามนั้นน่ะ
01:03:24 → 01:03:27 แบบวันนึง 4 เม็ดอ่ะค่ะจริงๆนะโอเค 4
01:03:27 → 01:03:29 เม็ดมันอาจจะไม่เกินในวันนั้นแต่เวลาเกิน
01:03:30 → 01:03:32 ขนาดของกลุ่มเนี้ยที่จะแบบว่าไม่เลือดไม่
01:03:32 → 01:03:35 ไปเลี้ยงส่วนปลายเนี่ยคือเอาห้ามเกิน 10
01:03:35 → 01:03:38 เม็ดในสัปดาห์ด้วยนะคะไม่ใช่แค่ 10 เม็ด
01:03:38 → 01:03:40 ต่อเดือนนะบางคนอัดไปเลยแบบ 4 เม็ด 3 วัน
01:03:40 → 01:03:42 อย่างเงี้ยเกินแล้วนะคะอันนี้เสี่ยงต่อ
01:03:42 → 01:03:45 การเกินขนาด 10 เม็ดในสัปดาห์ด้วยแล้วก็
01:03:45 → 01:03:47 10 เม็ดต่อเดือนด้วยที่จะทำให้ติดยาแก้
01:03:47 → 01:03:51 ปวดนะเอาง่ายๆก็คือห้ามกินกันแบบเกิน 1
01:03:51 → 01:03:53 แผงอ่ะค่ะ 1 แผงมี 10 เม็ดนะถ้าจะกินหรือ
01:03:53 → 01:03:56 ใครกินอยู่ให้รู้ด้วยถ้ากินเกิน 10 เม็ด
01:03:56 → 01:03:58 เมื่อไหร่อันนี้ต้องหาหมอแล้วต่อมาก็จะ
01:03:58 → 01:04:01 เป็นยากลุ่มที่เป็นแก้ปวดไมเกรนเหมือนกัน
01:04:01 → 01:04:04 พัฒนามาจากยากลุ่มเก่าเมื่อกี้นะกลุ่ม
01:04:04 → 01:04:07 เก่าเมื่อกี้ใช้กันมาแบบว่า 4-50 ปีขึ้น
01:04:07 → 01:04:11 ไปอ่ะ 30 ปีขึ้นไปกลุ่มนี้น่าจะอีกมีใน
01:04:11 → 01:04:15 ไทยประมาณสัก 10-20 ปีละกันที่คนไข้จะ
01:04:15 → 01:04:18 เริ่มแบบรู้จักยากลุ่มทริปแทนมากขึ้น
01:04:18 → 01:04:20 กลุ่มนี้ใครจำชื่อยาไม่ได้นะแต่ลักษณะ
01:04:20 → 01:04:23 เด่นของเขาคือเขาจะมีกล่องนึงแค่ 2 เม็ด
01:04:23 → 01:04:26 หรือไม่ก็แค่ไม่เกิน 4 เม็ดแล้วแต่ยี่ห้อ
01:04:26 → 01:04:30 ก็คืออีiptrนแล้วก็ sumip trนที่เขาให้มา
01:04:30 → 01:04:33 แค่เนี้ยเพราะว่าวันนึงอ่ะอ่ะห้ามใช้เกิน
01:04:33 → 01:04:36 เท่านี้เค้ากลัวคนไข้ใช้เกินขนาดเขาก็เลย
01:04:36 → 01:04:39 แบบทำมาสำหรับแบบแผงนึงแค่ 2 เม็ดแผงนึง 4
01:04:39 → 01:04:42 เม็ดเพื่อที่จะได้กินไม่เกินวันนึง 1
01:04:42 → 01:04:44 กล่องเท่านั้นอย่าไปคิดว่าแบบอุ๊ยทำไมให้
01:04:44 → 01:04:46 น้อยจังก็เลยซื้อมา 10 กล่องซะเลยอะไร
01:04:46 → 01:04:48 อย่างเงี้ยอันนี้ไม่ควรข้อดีของยากลุ่ม
01:04:48 → 01:04:51 นี้ก่อนยากลุ่มนี้ยังมีฤทธิ์ไปออกหดหลอด
01:04:51 → 01:04:53 เลือดคล้ายๆกับกลุ่มเออกตามีนเพราะฉะนั้น
01:04:54 → 01:04:56 เนี่ยก็จะแก้ปวดไมเกรนได้ค่อนข้างเร็ว
01:04:56 → 01:04:59 เหมือนกันแต่อาจจะช้าถ้าคนไข้ส่วนใหญ่บอก
01:04:59 → 01:05:01 ว่าคนไข้บอกว่าช้ากว่าตัวเออกอาจจะประมาณ
01:05:01 → 01:05:05 สัก 30 นาที 45 นาทีแต่ข้อดีของเขาคือไอ้
01:05:05 → 01:05:07 ที่ว่าฤทธิ์หดหลอดเลือดส่วนปลายค่ะไม่ว่า
01:05:07 → 01:05:09 จะเป็นแบบปลายมือปลายเท้าหรือว่าหลอด
01:05:09 → 01:05:11 เลือดหัวใจอ่ะเขาน้อยกว่าน้อยกว่ากลุ่ม
01:05:12 → 01:05:15 เอกอแล้วก็เป็นการจับแบบจับไม่จับไม่แน่น
01:05:15 → 01:05:18 เท่าเออกอหมายความว่าสมมุติว่าบังเอิญโชค
01:05:18 → 01:05:21 ร้ายจริงๆคนไข้กินเออกอหรือกินทริปแทน
01:05:21 → 01:05:23 เข้าไปแล้วมีโรคหัวใจแล้วเกิดแบบกล้าม
01:05:23 → 01:05:26 เนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพันขึ้นมาเนี่ยพอ
01:05:26 → 01:05:29 หยุดยาปุ๊บเนี่ยเออก็จะมดฤทธิ์เนี่ยนาน
01:05:29 → 01:05:31 มากเป็นวันอะไรอย่าเงี้ยค่ะในขณะที่แบบ
01:05:31 → 01:05:33 ตัวกลุ่มพรุทิปแทนเนี่ยเนี่ยยังหมดฤทธิ์
01:05:33 → 01:05:35 ได้เร็วกว่าั้นถ้าเกิดเรื่องมาจริงๆก็ยัง
01:05:35 → 01:05:38 แบบโอเคค่อนข้างปลอดภัยกว่าแล้วก็ยาจะ
01:05:38 → 01:05:40 อยู่ออกฤทธิ์ยาวกว่าเช่นเออก่อนจะอยู่
01:05:40 → 01:05:42 ประมาณ 6 ชม.เพราะฉะนั้นวันนึงอ่ะบางที
01:05:42 → 01:05:45 มันต้องกินซ้ำพอกินซ้ำเสร็จก็เสี่ยงต่อ
01:05:45 → 01:05:47 การกินเกินขนาดละแต่กลุ่มพวกนี้มันอาจจะ
01:05:47 → 01:05:50 อยู่ไปได้ซักแบบประมาณวันนึงหรือ 12 ชม.
01:05:50 → 01:05:52 ขึ้นไปอะไรเงี้ยเพราะฉะนั้นก็โอกาสกินซ้ำ
01:05:52 → 01:05:55 ใน 1 วันก็น้อยกว่าก็จะใช้ปริมาณยาที่
01:05:55 → 01:05:58 เหมือนน้อยกว่าแต่ราคาก็สูงกว่ากลุ่มแรก
01:05:58 → 01:06:01 แล้วก็ติดยาง่ายเหมือนกันนะตัวนี้ก็ห้าม
01:06:01 → 01:06:03 ใช้เกิน 10 เมต่อเดือนเหมือนกันเมื่อไหร่
01:06:03 → 01:06:07 ที่ใช้เกิน 10 เม็ดก็จะมี MOH ภาวะเอ่อ
01:06:07 → 01:06:09 ปวดหัวจากยาแก้ปวดเกินขนาดได้เหมือนกัน
01:06:09 → 01:06:13 อีกแล้วก็ข้อเสียอีกอันนึงของตัวนี้คนไข้
01:06:13 → 01:06:16 หลายคนเนี่ยจะบอกว่ากินยาหายปวดหัวแต่
01:06:16 → 01:06:20 ทรมานมากค่ะคือเอ่อเค้าจะมีผลข้างเคียง
01:06:20 → 01:06:23 เรื่องแบบความกระสับกระส่ายผะดผะอมหรือ
01:06:23 → 01:06:26 ว่าคนไข้จะรู้สึกว่าแบบบางทีกินแล้ว
01:06:26 → 01:06:28 เหมือนเป็นโรคหัวใจหวิวๆไปเลยหรือว่า
01:06:28 → 01:06:30 เปรี้ยเปรี้ยแบบไม่มีแรงไปเลยอ่ะคือต้อง
01:06:30 → 01:06:33 ไปนอนพักแล้วตื่นมาก็ค่อยดีขึ้นแล้วก็
01:06:33 → 01:06:35 ค่อยหายไมเกรนอะไรอย่างเงี้ยค่ะนะไม่ใช่
01:06:35 → 01:06:37 ทุกคนนะคะแต่ว่าก็เจอได้ค่อนข้างบ่อย
01:06:37 → 01:06:39 เพราะฉะนั้นผลข้างเคียงมันจะค่อนข้างเยอะ
01:06:39 → 01:06:42 นิดนึงกลุ่มเนี้ยก็ทั่วโลกเนี่ยก็ต้องถือ
01:06:42 → 01:06:44 ว่าอ่ะเป็นกลุ่มยารักษาไมเกรนที่ค่อนข้าง
01:06:44 → 01:06:47 แบบเป็นแก้ปวดที่ค่อนข้างใหม่ล่าสุดแล้ว
01:06:47 → 01:06:50 แหละก่อนหน้าที่จะมียาตัวอมใต้ลิ้นน่ะนะ
01:06:50 → 01:06:52 คะแล้วก็เขาก็เจอว่าคนไข้อ่ะต่อให้กิน
01:06:52 → 01:06:55 กลุ่มนี้แล้วอ่ะก็คือทนทนข้างเคียงก็ไม่
01:06:55 → 01:06:57 ค่อยไหวแล้วก็มีโอกาสที่ยังแบบใช้ยาแก้
01:06:57 → 01:07:00 ปวดเกินขนาดค่อนข้างเยอะรวมไปถึงคนไข้โรค
01:07:00 → 01:07:02 หัวใจเองหรือว่าที่มีความเสี่ยงโรคหัวใจ
01:07:02 → 01:07:05 เยอะๆเองจะใช้ยากลุ่มนี้ก็ต้องระวัง
01:07:05 → 01:07:07 เหมือนกันก็จะเป็นข้อจำกัดของยาแก้ปวด
01:07:07 → 01:07:10 กลุ่มเก่าๆอีกกลุ่มนึงอ่าอันนี้หมอไม่ได้
01:07:10 → 01:07:12 เขียนไปในตอนแรกแต่ว่าอยากจะโชว์ให้ดูก็
01:07:12 → 01:07:15 คือเรื่องของตัวกลุ่มแก้ปวดที่เป็นopีอil
01:07:15 → 01:07:18 opอยคืออนุพันธ์มอร์ฟีนในท้องตลาดเนี่ย
01:07:18 → 01:07:22 ส่วนใหญ่ในไทยเนี่ยเนี่ยก็จะสีหน้าตา
01:07:22 → 01:07:25 ประมาณเนี้ยค่ะสีเหลืองเขียวเป็นแคปซูล
01:07:25 → 01:07:27 เหลืองเขียวส่วนใหญ่แต่ก็โอเคบางยี่ห้อ
01:07:27 → 01:07:28 เป็นเม็ดอะไรอย่างเงี้ยแต่ว่าส่วนใหญ่เลย
01:07:29 → 01:07:33 อ่ะที่เห็นมาหน้าตาจะประมาณนี้อันเนี้ยขอ
01:07:33 → 01:07:36 ไว้นิดนึงนะคะคือถ้าเป็นไมเกรนจริงๆนะวัน
01:07:37 → 01:07:39 นี้เราคุยกันเรื่องไมเกรนถ้าเป็นปวดหัว
01:07:39 → 01:07:42 ไมเกรนจริงๆอ่ะเวลาใช้ยาแก้ปวดมา 3-4
01:07:42 → 01:07:44 สเต็ปแรกอ่ะไม่ว่าจะเป็นพาราเซตเอ่อเออ
01:07:44 → 01:07:46 ทริปแทนอ่ะยังอยู่ในกลุ่มที่แบบใช้รักษา
01:07:46 → 01:07:50 ไมเกรนได้แต่opีอ่ะค่ะทราาดเนี่ยมันไม่
01:07:50 → 01:07:53 ได้รักษาไมเกรนอ่ะไม่ได้ไปยุ่งกับกลไกการ
01:07:54 → 01:07:56 อักเสบหรืออะไรในคนไข้ปวดไมเกรนเลยนะคะ
01:07:56 → 01:07:59 เพราะฉะนั้นขออย่างนึงว่าถ้าวันเนี้ยใคร
01:07:59 → 01:08:03 ที่แบบเป็นไมเกรนน่ะแล้วปวดหัวแล้วใช้ยา
01:08:03 → 01:08:06 แก้ปวดกลุ่มนี้อยู่เพื่อแก้ปวดไมเกรนวัน
01:08:06 → 01:08:10 เนี้ยอย่างน้อยนะคะสิ่งที่ได้ไปคืออย่า
01:08:10 → 01:08:15 ใช้ในการแก้ปวดไมเกรนเพราะติดยาง่ายมาก
01:08:15 → 01:08:19 และรักษาการติดยายากกว่ากลุ่มแรกแรกอีก
01:08:19 → 01:08:21 เพราะฉะนั้นอันเนี้ยคืออยากให้คนไข้รู้
01:08:21 → 01:08:24 ไว้ว่ามันไม่ใช่ยาแก้ปวดไมเกรนนะแต่เค้า
01:08:24 → 01:08:27 อ่ะคือเค้าก็เป็นยาแก้ปวดที่ดีเหมาะกับ
01:08:27 → 01:08:31 เคสบางเคสเช่นปวดมะเร็งปวดเอ่อเส้นประสาท
01:08:31 → 01:08:34 หรือปวดอะไรที่แบบปวดค่อนข้างรุนแรงหรือ
01:08:34 → 01:08:37 ถ้าเป็นเมื่อก่อนน่ะอย่างเช่นคนไข้มีโรค
01:08:37 → 01:08:39 ประจำตัวจริงๆเช่นกินเอเสตไม่ได้เพราะ
01:08:39 → 01:08:42 เป็นโรคกระเพาะหรือมีค่าไตเสื่อมกินเออกอ
01:08:42 → 01:08:44 ก็ไม่ได้กินทิปแทนไม่ได้เพราะเป็นโรคหัว
01:08:44 → 01:08:47 ใจโอเคอ่ะเราอาจจะแบบหยวนๆหยวนใช้กลุ่ม
01:08:48 → 01:08:50 เนี้ยเนี่ยเพื่อแก้ปวดไมเกรนให้แต่ถ้าใคร
01:08:50 → 01:08:53 ที่ไม่ได้มีข้อห้ามเหล่านี้อยากให้หยุด
01:08:53 → 01:08:56 ใช้ก่อนที่จะเอ่อมีภาวะติดยาแก้ปวดแล้วก็
01:08:56 → 01:08:59 รักษายากมากๆอีกอันนึงเลยที่ต้องระวัง
01:08:59 → 01:09:02 แล้วต้องมาเอ่อให้ทุกคนรู้จักกันคือเรา
01:09:02 → 01:09:05 เรียกว่าเป็นยาแก้ปวดแบบผสมผสมคือในยา
01:09:05 → 01:09:08 เม็ดนึงเนี่ยมีมากกว่า 1 ตัวอย่างตัวด้าน
01:09:08 → 01:09:10 ซ้ายอันเนี้ยหมอเจอคนไข้กินบ่อยอันนี้ไม่
01:09:11 → 01:09:14 มีขายในไทยแต่ขายอยู่ในต่างประเทศนะคะ
01:09:14 → 01:09:17 แล้วคนไข้หลายคนก็จะแบบโอเคแบบมีโอกาสไป
01:09:17 → 01:09:18 ต่างประเทศหรือว่ามีใครซื้อมาให้เนี่ยก็
01:09:19 → 01:09:21 จะกินตัวนี้ตัวกระปุกแดงๆเนี่ยก็จะเป็น
01:09:22 → 01:09:25 แอสไพinผสมกับตัวอเซตามิโนเฟนผสมกับตัว
01:09:25 → 01:09:28 คาเฟอีนเพราะฉะนั้นเนี่ยยาในยา 1 เม็ด
01:09:28 → 01:09:30 เนี่ยมียาถึง 3 ตัวอย่างเงี้ยเราเรียกว่า
01:09:30 → 01:09:34 ยากลุ่มแบบผสมนะคะข้อดีคือด้วยความที่พอ
01:09:35 → 01:09:38 เรากินยาหลายตัวมันก็จะหายปดค่อนข้างเร็ว
01:09:38 → 01:09:41 แหละแต่ข้อเสียคือเราก็จะติดยาง่ายมาก
01:09:41 → 01:09:43 เหมือนกันไม่เหมือนกับการกินพาราแยกตัว
01:09:43 → 01:09:45 กินเอเซตแยกตัวอะไรแบบนี้นะคะเพราะถ้า
01:09:45 → 01:09:48 เป็นยากลุ่มแบบผสมเราก็จะเอาให้ไม่เกิน 10
01:09:48 → 01:09:51 เมตเหมือนกันก็มีโอกาสที่จะปวดหัวจากยา
01:09:51 → 01:09:53 แก้ปวดเกินขนาดแล้วกับอันด้านขวาเนี่ยอัน
01:09:53 → 01:09:56 ด้านขวาเนี่ยจะเป็นตัวพาราเซตามอลบวกกับ
01:09:56 → 01:10:00 ตัวทราาดทราาดก็คือไอ้ขาวเหลืองเอ้ยไม่
01:10:00 → 01:10:03 ใช่เหลืองเขียวเหลืองเขียวเมื่อกี้แต่
01:10:03 → 01:10:07 อันเนี้ยผสมพาราเข้าไปด้วยก็เหมือนกันคือ
01:10:07 → 01:10:09 ถ้าเลือกได้อ่ะเลือกได้แล้วเป็นไมเกรนน่ะ
01:10:09 → 01:10:12 เลือกได้อย่าไปเลือกเพราะฉะนั้นก็อย่าไป
01:10:12 → 01:10:14 เลือกตัวนี้ด้วยเหมือนกันถ้าเกิดเป็นมี
01:10:14 → 01:10:16 ตัวอื่นให้เราใช้อ่ะทีนี้ก็เลยจะเหมือน
01:10:16 → 01:10:20 เป็นแบบว่าอ่ะผ่านมาทั้งหมดเนี่ยอธิบายยา
01:10:20 → 01:10:22 มาทั้งหมดแก้ปวดเมื่อกี้แล้วถ้าเกิดเรามี
01:10:22 → 01:10:25 ข้อห้ามของทุกตัวจริงๆล่ะคะเช่นกินพารา
01:10:25 → 01:10:29 ไม่หายกินเอเศตไม่ได้เออกอดมีโรคหัวใจทิป
01:10:29 → 01:10:33 แทนมีโรคหัวใจธมาดอไม่ให้ใช้ถ้าเมื่อก่อน
01:10:33 → 01:10:36 ก็ต้องหยวนแต่ถ้าตอนนี้นะก็จะมียาแก้ปวด
01:10:36 → 01:10:37 กลุ่มใหม่เราเรียกว่ากลุ่มใหม่ก็คือกลุ่ม
01:10:37 → 01:10:40 GP เนี่ยเอ่อที่สามารถเอามาแก้ปวดในคน
01:10:40 → 01:10:43 ไข้ที่มีข้อจำกัดที่กล่าวไปเบื้องต้นได้
01:10:43 → 01:10:45 ซึ่งตัวจริงๆกลุ่ม GP ไม่ได้มียาแค่ตัว
01:10:45 → 01:10:47 เดียวเอ่ออย่างในต่างประเทศจะมียาหลายตัว
01:10:47 → 01:10:52 มากๆนะคะไม่ว่าจะเป็น GPro GP GP รวมไป
01:10:52 → 01:10:55 ถึงตัว Sav Gpant ที่เป็นตัวพ่นเข้าจมูก
01:10:55 → 01:10:58 แต่ในไทยเนี่ยเอ่อยังเพิ่งเข้าไทยตัว
01:10:58 → 01:11:00 เดียวก็คือตัวอมใต้ลิ้นที่เป็นรีมPantน
01:11:00 → 01:11:02 ส่วนตัวอื่นๆเนี่ยก็ต้องติดตามกันต่อไป
01:11:02 → 01:11:05 อีกทีนึงตัวกลุ่มนี้จะมีที่เป็นแก้ปวด
01:11:05 → 01:11:08 อย่างเดียวแล้วก็เป็นแก้ปวดและป้องกัน
01:11:08 → 01:11:10 อย่างตัวที่เข้าไทยมาก็เป็นตัวที่เป็นแก้
01:11:10 → 01:11:12 ปวดและป้องกันเพราะฉะนั้นเนี่ยสมมุติว่า
01:11:13 → 01:11:15 เราใช้ยาแก้ปวดตามสเต็ปที่เมื่อกี้กล่าว
01:11:15 → 01:11:18 มาเบื้องเบื้องต้นไปแล้วแล้วไม่หายหรือมี
01:11:18 → 01:11:21 ข้อจำกัดอันเนี้ยก็จะเป็นอีกอันนึงที่
01:11:21 → 01:11:25 โอเคเดี๋ยวนี้สมมุติคนไข้ไมเกรนมาแบบใช้
01:11:25 → 01:11:28 ยาแก้ปวดอะไรดีคะก็เป็นอีกหนึ่งช้อยส์ที่
01:11:28 → 01:11:31 น่าจะเอามาช่วยลดอาการปวดหัวคนไข้ได้แล้ว
01:11:31 → 01:11:34 ก็ค่อนข้างปลอดภัยตัวนี้ใช้ในคนไข้ที่มี
01:11:34 → 01:11:37 โรคหัวใจได้เไม่ได้มีความเสี่ยงของการ
01:11:37 → 01:11:40 เอ่อหดหลอดเลือดโดยตัวฤทธิ์ยาที่บอกว่า
01:11:40 → 01:11:44 มันไปยับยั้งสาร CGRP ตั้งแต่ต้นคลิป CGRP
01:11:44 → 01:11:47 ทำให้หลอดเลือดขยายตัวยายาแก้ปวดตัวอื่นๆ
01:11:47 → 01:11:49 เนี่ยที่เป็นเออทิปแทนก็คือรอหลอดเลือด
01:11:49 → 01:11:51 ขยายตัวแล้วเราค่อยโหดแต่ถ้าเป็นยาใน
01:11:51 → 01:11:54 กลุ่มสัน CGRP คือเขาจะไปยับยั้งตรงนี้
01:11:54 → 01:11:57 ตั้งแต่แรกเพราะฉะนั้นคือการป้องกันไม่
01:11:57 → 01:12:00 ให้หลอดเลือดขยายอ่ะค่ะยาตัวยาไม่ได้ไปหด
01:12:00 → 01:12:04 หลอดเลือดตัวยาทำให้หลอดเลือดไม่ขยายตัว
01:12:04 → 01:12:06 ฉะนั้นมันก็เลยแบบค่อนข้างปลอดภัยใช้ในคน
01:12:06 → 01:12:08 ไข้โรคหัวใจได้นะคะผลข้างเคียงค่อนข้าง
01:12:08 → 01:12:10 น้อยแต่ข้อเสียก็คืออย่างที่บอกคือมันอาจ
01:12:10 → 01:12:12 จะออกฤทธิ์ช้ากว่าตุ่มกลุ่มแก้ปวดนะหมาย
01:12:12 → 01:12:15 ความว่าแบบสมมุติว่าเราปวดหัวไมเกนตึ๊บ
01:12:15 → 01:12:16 ขึ้นมาแล้วแล้วแล้วแบบไม่ทันแล้วอ่ะแบบ
01:12:16 → 01:12:20 ตุบๆๆๆแล้วแบบจะอาเจียนอยู่ละอมเนี้ยอาจ
01:12:20 → 01:12:23 จะรู้สึกว่าโอไม่เห็นหายเลยรอไปอีกแบบ 2
01:12:23 → 01:12:25 ช่โมงอะไรแบบเนี้ยค่ะแต่ถ้าเกิดแบบเราอม
01:12:25 → 01:12:28 ได้เร็วแบบว่าเออเจอตัวกระตุ้นวันนี้ไป
01:12:28 → 01:12:31 เจอแดดแล้วแบบรูสละแบบเริ่มๆละตึ๊บละหรือ
01:12:31 → 01:12:34 ว่าบางคนที่มีออร่าไมเกนออ่าเนี่ยก็จะดี
01:12:34 → 01:12:36 ตรงที่เพราะว่าการที่มันมีออร่าเนี่ยแสดง
01:12:36 → 01:12:38 ว่าสมองเราเริ่มถูกกระตุ้นละแล้วก็เริ่ม
01:12:38 → 01:12:40 จะส่งสัญญาณมาข้างหน้าอย่างเงี้ยค่ะพอมี
01:12:40 → 01:12:43 ออร่าปุ๊บเนี่ยจากprocสที่มันจะกระตุ้น
01:12:43 → 01:12:45 ตรงนี้แล้วมาตรงเนี้ยแล้วเรารีบแบบให้ยา
01:12:45 → 01:12:47 เพื่อหยุดยังขบวนการอักเสบตรงนั้นเนี่ย
01:12:47 → 01:12:50 มันก็จะทำให้ไม่ปวดหัวต่อไปได้นะคะเพราะ
01:12:50 → 01:12:52 ฉะนั้นใครมีออร่าเนี่ยก็จะค่อนข้างง่าย
01:12:52 → 01:12:54 เพราะว่าแบบเราก็อมจากการที่มีออร่านี่
01:12:54 → 01:12:55 แหละแต่ถ้าใครไม่มีเนี่ยมันอาจจะต้อง
01:12:55 → 01:12:57 สังเกตอาการตัวเองนิดนึงว่าเอ้ยแบบเนี้ย
01:12:57 → 01:12:59 ไมเกรนเรากำลังจะมาแล้วนะอะไรอย่างเงี้ย
01:12:59 → 01:13:02 ค่ะก็จะสามารถใช้ยาได้เหมือนกันคนไข้ก็จะ
01:13:02 → 01:13:05 ชอบมาถามนะว่ายาแก้ปวดแบบจะกินตัวไหนดี
01:13:05 → 01:13:07 อะไรอย่างเงี้ยด้วยตัวทั้งหมดที่หมอพูดมา
01:13:07 → 01:13:10 ค่ะมันมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันทีนี้ถาม
01:13:10 → 01:13:13 ว่าแล้วยาแบบไหนล่ะที่เราจะกินแก้ปวด
01:13:13 → 01:13:16 ไมเกรนเหมาะกับคนๆเราก็ต้องมาดูคุณสมบัติ
01:13:16 → 01:13:18 ของยาก่อนคือไมเกรนเนี่ยเวลาปวดขึ้นมานะ
01:13:18 → 01:13:20 คะสิ่งแรกที่จะต้องทำเหมือนกันทุกคนคือ
01:13:20 → 01:13:22 พยายามเลี่ยงตัวกระตุ้นออกมาก่อนเช่นถ้า
01:13:22 → 01:13:23 ตัวกระตุ้นเราเป็นแสงแดดเนี่ยเราก็พยายาม
01:13:23 → 01:13:25 ไปอยู่ในที่มืดๆก่อนถ้าเป็นเสียงก็อยู่
01:13:25 → 01:13:28 ที่เงียบๆบางคนอาจจะใช้การประคบเย็นเนี่ย
01:13:28 → 01:13:29 ที่บริเวณหลอดเลือดที่รู้สึกมันกำลังขยาย
01:13:29 → 01:13:32 ตัวเพื่อหดหลอดเลือดเนี่ยช่วยได้แต่ถ้า
01:13:32 → 01:13:34 เราทำทุกอย่างไปแล้วเนี่ยแล้วมันยังปวด
01:13:34 → 01:13:37 มากอยู่นะคะส่วนใหญ่ก็รอได้ประมาณสซัก
01:13:37 → 01:13:39 15-20 นาทีเนี่ยแล้วถ้าเริ่มปวดมากอัน
01:13:39 → 01:13:41 นี้ก็อาจจะต้องเริ่มพิจารณาการใช้ยาแก้
01:13:41 → 01:13:42 ปวดละเพราะเรารู้ว่าถ้าเกิดเราปล่อยให้
01:13:43 → 01:13:45 ไมเกรนปวดอ่ะค่ะเกินเดินไปเรื่อยๆอ่ะค่ะ
01:13:45 → 01:13:48 ส่วนใหญ่อ่ะมันก็จะไม่จบมันไปต่อทีนี้ก็
01:13:48 → 01:13:50 ยาวแล้วค่ะหลายชั่วโมงหรือว่าเป็นวันไป
01:13:50 → 01:13:52 เลยแต่ถ้าเกิดแบบเราพยายามหยุดยั้งขบวน
01:13:52 → 01:13:55 การอักเสบตรงนั้นได้เร็วอ่ะค่ะมันก็จะจบ
01:13:55 → 01:13:58 เร็วทีนี้ยาที่จะเอามาแก้ปวดได้ดี 1 ก็
01:13:58 → 01:14:00 คือเลยต้องเป็นยาที่ออกฤทธิ์เร็วผลข้าง
01:14:00 → 01:14:02 เคียงน้อยแล้วก็กินแล้วก็อยู่ได้ค่อนข้าง
01:14:02 → 01:14:05 ยาวไม่ต้องกินยาซ้ำๆบ่อยๆแล้วก็สามารถแบบ
01:14:05 → 01:14:07 เ่าใช้ในคนที่มีโรคประจำตัวอะไรเงี้ยได้
01:14:07 → 01:14:10 เพราะฉะนั้นถามว่าแล้วใครเหมาะกับอะไรล่ะ
01:14:10 → 01:14:12 ก็แล้วแต่คนเลยค่ะถ้าเราแบบเป็นคนอายุ
01:14:12 → 01:14:15 น้อยไม่มีโรคประจำตัวไม่มีโรคกระเพาะด้วย
01:14:15 → 01:14:17 อยากได้ยาออกฤทธิ์เร็วอาการไมเกรนก็เป็น
01:14:17 → 01:14:19 ไม่เยอะบางทีเราอาจจะเลือกใช้กลุ่มพวก
01:14:19 → 01:14:22 เอเซตแค่นี้ก็เอาอยู่และในแต่ในขณะที่แบบ
01:14:22 → 01:14:25 ถ้าอายุแบบเริ่มแบบ 4-50 เริ่มมีความ
01:14:25 → 01:14:26 เสี่ยงโรคหัวใจอะไรอย่างเงี้ยจะใช้ยา
01:14:26 → 01:14:29 กลุ่มที่มีความเสี่ยงต่อหัวใจแล้วก็อาจจะ
01:14:29 → 01:14:31 กังวลแล้วก็อาจจะใช้ตัวที่ปลอดภัยมากขึ้น
01:14:31 → 01:14:33 อะไรแบบนี้อันนี้นะคะหมอก็เลยจะสรุปไว้
01:14:33 → 01:14:36 ให้ฟังคร่าวๆว่าแต่ละตัวเนี่ยการออกฤทธิ์
01:14:36 → 01:14:38 มันเป็นยังไงอย่างตัวอันแรกสุดเลยคือ
01:14:38 → 01:14:40 พาราเซตอลเนี่ยพาราเซตอลออกฤทธิ์ช้าก็
01:14:40 → 01:14:43 ประมาณสักชั่วโมงนึงเซตเซตถ้าเป็นเเซต
01:14:43 → 01:14:45 ฟอร์มออกฤทธิ์เร็วนะคะอันนี้จะค่อนข้าง
01:14:45 → 01:14:47 เร็วไม่เกินครึ่งชั่วโมงแล้วก็ถ้าอย่าง
01:14:47 → 01:14:50 กลุ่มเออทิปแพนทริปก็เผื่อๆไว้ประมาณสัก
01:14:50 → 01:14:52 30- ชั่วโมงนึงเหมือนกันหรือถ้าเป็นยา
01:14:52 → 01:14:54 แก้ปวดกลุ่มใหม่ก็คือจริงๆเขาบอกว่ามัน
01:14:54 → 01:14:56 เริ่มออกฤทธิ์ตั้งแต่ 15 นาทีนะแต่ว่าจะ
01:14:56 → 01:14:59 ไปพลิกจริงๆเนี่ย 2 ช่โมงซึ่งที่ใช้กับคน
01:14:59 → 01:15:01 ไข้มาจริงๆคนไข้ก็บอกว่าส่วนใหญ่มันก็จะ
01:15:01 → 01:15:03 แบบเกินชั่วโมงนึงอ่ะค่ะงั้นถ้าเทียบกับ
01:15:03 → 01:15:05 กลุ่มพวกเอเสอะไรเงี้ยก็อาจจะไม่ได้ออก
01:15:05 → 01:15:07 ฤทธิ์เร็วเท่าข้อดีก็คือมาดูที่ side
01:15:07 → 01:15:09 เอฟเฟectSซฟเฟectก็คือผลข้างเคียงถ้าคน
01:15:09 → 01:15:11 กินพาราระวังเรื่องตับคนกินเอนเสตระวัง
01:15:11 → 01:15:14 เรื่องไต่คนกินเออเกาะทิปแทนระวังเรื่อง
01:15:14 → 01:15:17 หัวใจในขณะที่ตัว GP เนี่ยจริงๆตับไตแล้ว
01:15:17 → 01:15:19 ก็หัวใจเนี่ยถือว่าค่อนข้างปลอดภัยแต่ก็
01:15:19 → 01:15:21 ระวังเรื่องปฏิกิริยาที่ตีกันกับยาบางตัว
01:15:21 → 01:15:23 นะคะซึ่งอันนี้ก็เลยต้องแบบว่าห้ามซื้อยา
01:15:23 → 01:15:26 กินเองต้องให้คุณหมอเป็นคนสั่งนะคะซึ่งโจ
01:15:26 → 01:15:28 Gพนทุกวันนี้ก็ยังไม่ได้มีซื้อยากินเอง
01:15:28 → 01:15:30 ได้นะคะต้องเป็นแพทย์สั่งเท่านั้นอีกอัน
01:15:30 → 01:15:32 นึงที่สำคัญคือช่องสุดท้ายคือเรื่องของ
01:15:32 → 01:15:34 Medication Over Your TA ก็คือยาแก้
01:15:34 → 01:15:38 ปวดหัวทุกตัวยิ่งกินยิ่งปวดคือถ้าเกิดเรา
01:15:38 → 01:15:40 ใช้เยอะเกินขนาดอันนี้ก็ที่หมอเคยพูด
01:15:40 → 01:15:42 เรื่องตัว Medication overuse ไปอย่าง
01:15:42 → 01:15:44 ละเอียดละเอียดแล้วทีนี้เนี่ยถ้าเกิดใคร
01:15:44 → 01:15:46 ที่กินยาแก้ปวดอยู่แบบเป็นไมเกรนแล้ว
01:15:46 → 01:15:48 รักษาด้วยกันใช้ยาแก้ปวดอย่างเดียวอยู่
01:15:48 → 01:15:51 ให้เฝ้าสังเกตตัวเองว่าเราใช้ยาเกินเรา
01:15:51 → 01:15:53 หรือยังถ้าเกิน 10 เม็ดต่อเดือนเมื่อไหร่
01:15:53 → 01:15:55 ถ้ากลุ่มเก่าอย่างเช่นพาราเอ็นเซตเนี่ย
01:15:55 → 01:15:57 เราให้ 15 เม็ดแต่เอาแต่เอาจริงๆบอกว่า
01:15:57 → 01:16:00 ไม่มีใครใช้ตัวเดียวค่ะคือหมายความว่าคือ
01:16:00 → 01:16:02 คนส่วนใหญ่ใช้อ่ะใช้ผสมอยู่แล้วอันนี้ไม่
01:16:02 → 01:16:04 หายใช้ตัวนี้ใช้อันนี้ไม่หายใช้ตัวนี้
01:16:04 → 01:16:07 เพราะฉะนั้นถ้าเกิน 10 ถ้าเราไปเอาที่ 15
01:16:07 → 01:16:08 เมตรส่วนใหญ่อ่ะเกินไปละเกินไปแล้วแล้ว
01:16:08 → 01:16:10 ค่อยมารักษาจริงๆอ่ะหมอจะให้คนไข้ทุกคน
01:16:11 → 01:16:13 คือเอาแบบไม่เกิน 10 อ่ะ 8 เม็ดนี่ก็ต้อง
01:16:13 → 01:16:16 เริ่มแล้วว่าเราปวดถี่คนที่ปวดแบบไมเกรน
01:16:16 → 01:16:18 แบบที่ดูแลตัวเองได้แล้วยังไม่ต้องใช้ยา
01:16:18 → 01:16:19 ป้องกันก็คือควรจะปวดเดือนนึงครั้ง 2
01:16:19 → 01:16:22 ครั้งอะไรแบบเนี้ยค่ะก็คือเราจะใช้ยาไม่
01:16:22 → 01:16:24 เกิน 4-5 เมตอ่ะเพราะฉะนั้นถ้าเราเริ่ม
01:16:24 → 01:16:26 ใช้เกิน 10 เมตรต่อเดือนก็จะต้องระวังละ
01:16:26 → 01:16:28 แต่อันนี้ก็จะเป็นตัวGพpเนี่ยก็จะเป็นตัว
01:16:28 → 01:16:29 เดียวที่แบบว่าด้วยความที่เขาเป็นยาแก้
01:16:29 → 01:16:32 ปวดและป้องกันเขาเลยไม่มี MOH อันนี้ยิ่ง
01:16:32 → 01:16:34 เรากินบ่อยเท่าไหร่เช่นสมมุติว่าเราปวด
01:16:34 → 01:16:35 หัวประมาณสซักแบบ 8 ครั้ง 10 ครั้งอย่าง
01:16:35 → 01:16:39 เงี้ยโอเคเราก็จะใช้ในแง่ของการแก้ปวดไป
01:16:39 → 01:16:41 แต่พอแบบเราปวดบ่อยขึ้นน่ะแล้วเราใช้บ่อย
01:16:41 → 01:16:43 ขึ้นใช้กันเป็นเหมือนเป็นป้องกันไปเลยก็
01:16:43 → 01:16:45 คือกินวันเว้นวันไปเลยอันนี้ก็จะได้ฤทธิ์
01:16:45 → 01:16:47 เป็นแบบการป้องกันแทนไปนี้ก็จะเป็นเหมือน
01:16:47 → 01:16:49 เป็นอีกทางเลือกนึงของการรักษาไมเกนยุค
01:16:49 → 01:16:52 เนี้ยค่ะที่แบบว่าโอเคคนที่จะใช้ยาแก้ปวด
01:16:52 → 01:16:54 เยอะมากๆแล้วจะเกินขนาดจริงๆเราอาจจะต้อง
01:16:54 → 01:16:56 มีการนำยากลุ่มพวกเนี้ยมาใช้สลับด้วย
01:16:56 → 01:16:58 เพราะว่าหลายคนก็จะถามหมอว่าอ้าวแล้วถ้า
01:16:58 → 01:17:01 เกิดแบบปวดหัว 20 วันน่ะให้หนูกินยา 10
01:17:01 → 01:17:03 เม็ดแล้วอีก 10 วันหนูทำไงคะอะไรอย่าง
01:17:03 → 01:17:05 เงี้ยค่ะอันเนี้ยก็จะเป็นแบบตัวที่เหมือน
01:17:05 → 01:17:08 เป็นแบบอ่ะมาช่วยลดอาการคนไข้ได้อีกทาง
01:17:08 → 01:17:10 นึงอะไรประมาณนี้เพราะฉะนั้นเนี่ยพอแบบ
01:17:10 → 01:17:13 ถามว่าคนไข้จะชอบถามว่าอ้าแล้วกินตัวไหน
01:17:13 → 01:17:16 สรุปกินตัวไหนคะหมอก็จะแบบว่าเออมันไม่มี
01:17:16 → 01:17:19 ตัวไหนที่แบบดีที่สุดแมทที่สุดกับใครสุด
01:17:19 → 01:17:21 ท้ายเราก็จะดูเรื่องของการออกฤทธิ์ยาโรค
01:17:21 → 01:17:25 ประจำตัวแล้วก็ราคาด้วยนะยากลุ่มใหม่ๆ
01:17:25 → 01:17:28 ทั้งหลายที่ออกฤทธิ์ที่ CGRP ถือว่าราคา
01:17:28 → 01:17:31 ยังค่อนข้างสูงมากถ้าบางคนเนี่ยใช้ยา
01:17:31 → 01:17:33 กลุ่มเดิมๆได้ดีอยู่แล้วหรือว่าไม่ได้มี
01:17:33 → 01:17:36 ข้อจำกัดเนี่ยเราก็อาจจะไม่ได้จำเป็นจะ
01:17:36 → 01:17:38 ต้องเปลี่ยนไปใช้ยาที่มันราคาสูงขึ้นแต่
01:17:38 → 01:17:40 ถ้าเกิดคนที่มีโรคประจำตัวเยอะๆหรือมี
01:17:40 → 01:17:42 ความเสี่ยอย่างที่จะแบบใช้ยาแก้ปวดเกิน
01:17:42 → 01:17:45 ขนาดหรือว่าเอ่อค่อนข้างแบบโอเคเราพอแบบ
01:17:45 → 01:17:48 ไหวอะไรอย่างเงี้ยค่ะมันก็การใช้ยานที่
01:17:48 → 01:17:49 ออกฤทธิ์กับไมเกรนโดยตรงก็อาจจะมี
01:17:50 → 01:17:52 ประโยชน์มากกว่าประมาณนั้นส่วนใหญ่หมอจะ
01:17:52 → 01:17:55 ให้คนไข้อ่ะประเมินระดับความรุนแรงของ
01:17:55 → 01:17:57 ไมเกรนคร่าวๆแล้วกันอย่างเช่นแบบเวลาเรา
01:17:57 → 01:18:00 จะปวดไมเกรนขึ้นมาค่ะเราอาจจะสกอร์ตัวเอง
01:18:00 → 01:18:02 คร่าวๆคือ 0-10 ถ้าเราปวดน้อยๆอ่ะปวดแบบ
01:18:02 → 01:18:05 ประมาณสัก 3 แต้มเราอาจจะลองใช้กลุ่มแก้
01:18:05 → 01:18:08 ปวดที่มันไม่ได้แรงมากเช่นแบบกลุ่มแรก
01:18:08 → 01:18:09 พาราไข่กล้ามเนื้ออะไรอย่างเงี้ยได้แต่
01:18:10 → 01:18:11 ถ้าเราปวดในอยู่ในระดับกลางๆเป็นต้นไปละ
01:18:12 → 01:18:14 เริ่ม 4 แต้มถึงแบบ 7 แต้มอะไรเงี้ยเราก็
01:18:14 → 01:18:16 อาจจะต้องใช้อย่างกลุ่มอย่างน้อยก็คือ
01:18:16 → 01:18:18 ต้องเอเซล่ะหรือบางคนก็อาจจะชิไปใช้กลุ่ม
01:18:18 → 01:18:21 แบบพวกเออกอดทิปแทนไปเลยแต่ถ้าเราปวดมา
01:18:21 → 01:18:23 ถึงปุ๊บแล้วปวดรุนแรงอ่ะแล้วเราไปสเต็ป
01:18:23 → 01:18:26 ตั้งแต่พารารอไปอีกชั่วโมงนึงกินเณรเศษ
01:18:26 → 01:18:28 อะไรเงี้ยกลายเป็นว่าคนไข้อาเจียนออกไป
01:18:28 → 01:18:29 หมดก่อนอยู่ละเพราะฉะนั้นถ้าเราปวดมาตั้ง
01:18:29 → 01:18:31 ต้นแล้วเราก็ปวดแรงมากๆเลยเราก็อาจจะต้อง
01:18:31 → 01:18:34 ใช้ยากลุ่มที่มันแรงขึ้นไปเลยก็คือพวกเออ
01:18:34 → 01:18:37 แทนส่วนกลุ่มยาอมตลีนก็จะเป็นแบบว่าเริ่ม
01:18:37 → 01:18:39 รู้ว่าตั้งแต่จะปวดอ่ะคือไม่ต้องรอ 0-10
01:18:39 → 01:18:41 อ่ะค่ะเริ่มรู้ว่าตั้งแต่จะปวดก็คือกิน
01:18:41 → 01:18:43 เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการกำเริบหรือว่า
01:18:44 → 01:18:46 เกิดอาการปวดไปเลยประมาณนี้แล้วก็สุดท้าย
01:18:46 → 01:18:50 นะคะคือทั้งหมดทั้งปวงในวันนี้เนี่ยเรา
01:18:50 → 01:18:53 อ่าพูดถึงเรื่องของยาเหมือนเดิมนะคะหมอ
01:18:53 → 01:18:55 ไม่ได้ไม่ได้มีสปอนเซอร์ไม่ได้มีมาบอกว่า
01:18:55 → 01:18:59 ตัวไหนดีไม่ดีอยากให้คนไข้รู้จากยาทั้ง
01:18:59 → 01:19:02 หมดที่รัใช้การรักษาในไมเกรนในปัจจุบัน
01:19:02 → 01:19:06 ว่ามียาป้องกันมียาแก้ปวดตัวไหนดียังไง
01:19:06 → 01:19:09 ไม่ดียังไงเราควรเหมาะกับตัวไหนยังไงแล้ว
01:19:09 → 01:19:13 ก็เมื่อไหร่ที่เราควรจะไปพบแพทย์ละเพื่อ
01:19:13 → 01:19:14 รับการรักษาอย่างจริงจังแล้วก็สุดท้าย
01:19:14 → 01:19:17 ไมเกรนทุกคนนะคะถ้าอยากหายไมเกรนนะยังไง
01:19:17 → 01:19:20 ก็ต้องดูแลตัวเองไปฟังคลิปเพิ่มเติมได้
01:19:20 → 01:19:22 คลิปนี้ก็คือได้อธิบายการดูแลตัวเองไว้
01:19:22 → 01:19:25 อย่างละเอียดและก็คือแบบเนี่ยกินยาแก้ปวด
01:19:25 → 01:19:28 ให้ถูกปรับพฤติกรรมใช้ชีวิตให้แบบไม่
01:19:28 → 01:19:30 เสี่ยงต่อการเกิดไมเกรนน่ะค่ะกินอิ่มนอน
01:19:30 → 01:19:33 หลับออกกำลังกายจดบันทึกอาการไมเกรนได
01:19:33 → 01:19:35 diอารี่นี่เป็นอะไรที่แบบสำคัญมากๆเพราะ
01:19:35 → 01:19:37 ว่าไม่งั้นคุณหมอเขาก็จะไม่รู้แล้วว่า
01:19:37 → 01:19:39 ไมเกรนเราเป็นเลเวลไหนแล้วเราเองก็ไม่รู้
01:19:39 → 01:19:42 ด้วยว่ากินยาเกินไปแล้วหรือยัง 4 ก็คือ
01:19:42 → 01:19:45 ใช้ยาป้องกันรักษาให้อย่างถูกต้องสำหรับ
01:19:45 → 01:19:47 คนที่ต้องได้ยาป้องกันและสุดท้ายที่เจอ
01:19:47 → 01:19:49 บ่อยคืออย่าลืมรักษาโรคที่มาร่วมกันกับ
01:19:49 → 01:19:52 ไมเกรนนะคะเช่นโดยเฉพาะวิตกกังวลและซึม
01:19:52 → 01:19:55 เศร้าและภาวะปวดหัวจากยาแก้ปวดเกินขนาด
01:19:55 → 01:19:58 เพราะว่าอันเนี้ยจะเป็นอันที่แบบหลายคน
01:19:58 → 01:20:00 บอกว่าทำ 1-4 มาแล้วทำไมไมเกรนยังไม่หาย
01:20:00 → 01:20:03 คะเพราะว่ายังไม่ได้รักษาเรื่องโรคร่วม
01:20:03 → 01:20:05 ด้วยนะคะยังไม่ได้ถอนยาแก้ปวดยังไม่ได้
01:20:05 → 01:20:08 เอ่อภาวะวิตกกังวลซึมเศร้ายังไม่ดีขึ้น
01:20:08 → 01:20:10 อะไรอย่างเงี้ยเงแล้วหยุดยาไมเกรนเร็ว
01:20:10 → 01:20:13 เกินไปก็ชอบย้อนให้กลับมากำเริบแล้วก็
01:20:13 → 01:20:16 เป็นซ้ำได้ใหม่ไหนเราลองมาดูคอมเมนต์กัน
01:20:16 → 01:20:17 ชั่วโมง
01:20:17 → 01:20:21 ครึ่งสั้นกว่าเดิมนิดนึงนะคะของครั้งที่
01:20:21 → 01:20:25 แล้วนี่ 2 ชมงเกือบๆ 2 ชมงคุณสิริกรนะคะ
01:20:25 → 01:20:29 ยังอยู่มยอ่ะคุณศิริกรนะคะเป็นช่วงประจำ
01:20:29 → 01:20:31 เดือนอากาศร้อนค่ะอันนี้ก็จะเป็นตัว
01:20:31 → 01:20:33 กระตุ้นหลักของไมเกรนเลยเนาะผู้หญิงส่วน
01:20:33 → 01:20:36 ใหญ่อ่ะค่ะมักจะมีไมเกรนตอนที่มีช่วงรอบ
01:20:36 → 01:20:38 เดือนนะคะอันนี้ก็เป็นเหตุผลจากการที่มี
01:20:38 → 01:20:40 ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงตอนที่เราจะมีประจำ
01:20:40 → 01:20:43 เดือนน่ะค่ะโดยเฉพาะการตกของเอสโตรเจนนะ
01:20:43 → 01:20:45 คะแล้วเวลาเป็นไมเกรนตามรอบเดือนนะจะเป็น
01:20:46 → 01:20:48 ไมเกรนที่ค่อนข้างรุนแรงกว่าปกติด้วยค่ะ
01:20:48 → 01:20:50 หลายคนก็จะรู้ว่าเออไมเกรนตอนอื่นน่ะเจอ
01:20:50 → 01:20:53 อากาศร้อนแล้วยังพอทนไหวนอนพักหายแต่ถ้า
01:20:53 → 01:20:55 เป็นไมเกรนตอนประจำเดือนจริงๆเนี่ยส่วน
01:20:55 → 01:20:57 ใหญ่จะปวดจนค่อนข้างรุนแรงและมักจะต้อง
01:20:57 → 01:21:00 ทานยากลุ่มไมเกรนตามประจำเดือนนะคะจะแบ่ง
01:21:00 → 01:21:02 ออกเป็นแบบเป็นไมเกรนใช่แค่เป็นไมเกรนตอน
01:21:02 → 01:21:05 ประจำเดือนอย่างเดียวเลยเป็นrualไมเกรน
01:21:05 → 01:21:07 อย่างเดียวเลยหรือเป็นไมเกรนที่มีปัจจัย
01:21:07 → 01:21:10 ตัวกระตุ้นรุ่นอื่นๆด้วยแล้วก็โอเคตอน
01:21:10 → 01:21:12 ฮอร์โมนเปลี่ยนก็มีด้วยอันนี้ต้องแยกกัน
01:21:12 → 01:21:14 นิดนึงเพราะว่าถ้าเกิดเราเป็นไมเกรนที่
01:21:14 → 01:21:17 เป็นแค่ประจำเดือนอันนั้นน่ะจะสามารถพอ
01:21:17 → 01:21:20 ใช้ยาป้องกันเฉพาะช่วงแค่ที่ฮอร์โมนจะตก
01:21:20 → 01:21:22 อ่ะค่ะได้นะคะมันอาจจะไม่ได้ต้องแบบรักษา
01:21:22 → 01:21:24 เหมือนคนที่เขา้าเป็นรักษาแบบเป็นไมเกรน
01:21:24 → 01:21:27 ถี่ๆบ่อยๆอ่ะค่ะที่เกิน 4 ครั้งต่อเดือน
01:21:27 → 01:21:30 ถ้ามีอาการปวดประจำเดือนแล้วก็ปวดไมเกรน
01:21:30 → 01:21:31 ช่วงมีประจำเดือนทุกเดือนอะไรอย่างเงี้ย
01:21:31 → 01:21:34 ก็ลองปรึกษาคุณหมอได้นะคะเพราะว่าบางที
01:21:34 → 01:21:37 แค่มีการกินยาป้องกันก่อนประจำเดือนจะมา
01:21:37 → 01:21:39 สัก 2-3 3 วันเนี่ยก็จะช่วยให้คุณภาพ
01:21:39 → 01:21:41 ชีวิตเราดีขึ้นได้สวัสดีค่ะคุณมิ้มเป็นมา
01:21:41 → 01:21:43 จะ 10 ปีแล้วค่ะมีบางช่วงที่ดีขึ้น
01:21:43 → 01:21:45 อาทิตย์ละครั้งแต่ว่าช่วงนี้กลับมาเป็น
01:21:45 → 01:21:48 เยอะอีกแล้ววันเว้นวันก็จะเหมือนกับที่
01:21:49 → 01:21:51 บอกไปนะคะว่าไมเกรนเป็นโรคที่พอถ้าเรามี
01:21:51 → 01:21:53 ตัวกระตุ้นเข้ามาเมื่อไหร่อ่ะมันจะทำให้
01:21:54 → 01:21:57 ไมเกรนของเราอ่ะฉี่ขึ้นถ้าสมมุติว่าเรา
01:21:57 → 01:21:59 เป็นไมเกรนแบบเนี้ยส่วนใหญ่หมอจะแบบแบ่ง
01:21:59 → 01:22:02 ไมเกรนคนไข้เป็นแบบเนี้ยอ่าอันเนี้ยเรา
01:22:02 → 01:22:06 เรียกว่าภาวะตัวกระตุ้นคนไข้นะคะอันเนี้ย
01:22:06 → 01:22:09 ภาวะตัวกระตุ้นกระตุ้นต่างๆที่คนไข้
01:22:09 → 01:22:13 มีสมมุติว่าตัวกระตุ้นน้อยๆอ่ะไมเกรนอาจ
01:22:13 → 01:22:16 จะมาแบบแค่เดือนละครั้งพอตัวกระตุ้นเริ่ม
01:22:16 → 01:22:19 เยอะขึ้นก็จะเริ่มแบบ 1 ครั้ง 2 ครั้ง 3
01:22:19 → 01:22:24 ครั้ง 4 ครั้งอ่ะพอช่วงเนี้ยโอ้โหเครียด
01:22:24 → 01:22:29 หนักกินยาเยอะอากาศแปรปรวนฝุ่น PM 2.5 5
01:22:29 → 01:22:32 มาก็จะเริ่มมาแบบอื้อหือถี่มากวันเว้นวัน
01:22:32 → 01:22:35 เว้นวันและสุดท้ายก็คือถ้ามันเยอะมากพอ
01:22:35 → 01:22:38 เนี่ยก็คือมาเกือบทุกวันเลยมาเกือบทุกวัน
01:22:38 → 01:22:40 เลยแบบเกิน 15 ครั้งอย่างนี้ก็เรียกว่า
01:22:40 → 01:22:42 ไมเกรนเรื้อร่างไปแล้วของคุณมิมเนี่ยที่
01:22:42 → 01:22:45 บอกว่าเป็นมาจะ 10 ปีอ่ะค่ะช่วงที่เป็น
01:22:45 → 01:22:47 อาทิตย์ละครั้งเนี่ยจริงๆยังถือว่าอยู่ใน
01:22:47 → 01:22:49 กลุ่มนี้นะคะกลุ่มที่ปวดประมาณสัปดาห์ละ
01:22:49 → 01:22:54 ครั้งยังไม่เคยกลับไปตรงนี้เลยซึ่งที่หมอ
01:22:54 → 01:22:56 บอกไปเมื่อกี้ค่ะว่าจริงๆแล้วอ่ะคutพอยก็
01:22:56 → 01:22:58 คือถ้าเราเริ่มปวดเกินสัปดาหครั้งหรือว่า
01:22:58 → 01:23:00 4-6 6 ครั้งต่อเดือนน่ะแสดงว่าสมองเรา
01:23:00 → 01:23:02 อ่ะถูกกระตุ้นอยู่ตลอดเวลามันไม่เคยมี
01:23:02 → 01:23:05 ช่วงที่สมองเราไม่เจอตัวกระตุ้นเลยอ่ะค่ะ
01:23:05 → 01:23:08 จึงทำให้มีความเสี่ยงพอตัวกระตุ้นสะสม
01:23:08 → 01:23:11 ขึ้นเราจึงมาเป็นกลุ่มนี้ได้ง่ายตอนนี้
01:23:11 → 01:23:13 ที่ปวดวันเว้นวันเนี่ยก็คืออยู่ประมาณตรง
01:23:13 → 01:23:16 นี้ละแล้วกำลังจะไปตรงนี้ละเพราะฉะนั้นนะ
01:23:16 → 01:23:18 คะแนะนำให้คุณมีมรักษาไมเกรนค่ะรักษา
01:23:18 → 01:23:21 เพื่อกลับมาอยู่ตรงนี้นะคะแล้วเวลาเราเจอ
01:23:21 → 01:23:24 ตัวกระตุ้นเนี่ยเราจะได้ไม่เสี่ยงต่อการ
01:23:24 → 01:23:27 ปวดไมเกรนเยอะๆอีกที่ผ่านมาอาจจะอยู่ได้
01:23:27 → 01:23:29 ด้วยตรงเนี้ยค่ะแต่ว่ายังไม่เคยทำให้
01:23:29 → 01:23:31 ไมเกรนมันปวดน้อยลงไปกว่านี้เลยฉะนั้น
01:23:32 → 01:23:33 เนี่ยมันก็เลยมีความเสี่ยงที่แบบพอเจอตัว
01:23:33 → 01:23:37 กระตุ้นเข้าก็ไปต่อไปต่อไปต่อนะถ้าวันนี้
01:23:37 → 01:23:40 ปวดวันเว้นวันแล้วก็คือเริ่มจะเข้าข่าย
01:23:40 → 01:23:43 ไมเกรนเรื้อรังอยากให้รักษาไมเกรนนะคะลอง
01:23:43 → 01:23:45 ปรึกษาคุณหมอสมองว่าแบบเออเราควรจะใช้ยา
01:23:45 → 01:23:47 อะไรจะใช้ยากินจะใช้ยาฉีดหรืออะไรอย่าง
01:23:47 → 01:23:50 เงี้ยค่ะหรือว่าถ้ายังไม่แบบสะดวกไปพบ
01:23:50 → 01:23:52 แพทย์อ่ะค่ะสิ่งแรกที่ต้องทำก่อนเลยให้
01:23:52 → 01:23:54 รู้ว่าตอนเนี้ยไมเกรนเราเป็นถี่มากๆแล้ว
01:23:54 → 01:23:57 ยาแก้ปวดอ่ะค่ะที่ใช้อยู่อ่ะค่ะถ้าจะใช้
01:23:57 → 01:23:59 จริงๆอย่างปวดปวดวันเว้นวันถ้าเราปวด 15
01:23:59 → 01:24:02 วันเนี่ยถ้าจะกินยาแก้ปวดทุกครั้งอ่ะผ่าน
01:24:02 → 01:24:04 ไป 3 เดือนหลังจากเนี้ยจะมีภาวะสมองติดยา
01:24:04 → 01:24:06 แก้ปวดร่วมด้วยเพราะฉะนั้นก็โอเคถ้าเกิด
01:24:06 → 01:24:09 ยังไม่ไปหานะลิมิตการใช้ยาแก้ปวดให้ไม่
01:24:09 → 01:24:12 เกิน 10 เม็ดก่อนถ้าทำไม่ได้หมายความว่า
01:24:12 → 01:24:14 แบบมันเกินไปแล้วอ่ะแล้วมันปวดมากใช้
01:24:14 → 01:24:16 ชีวิตไม่ได้แสดงว่ายังไงก็ต้องได้ยาป้อง
01:24:16 → 01:24:18 กันค่ะนะคะอันนี้ก็จะได้รีบไปตรวจแล้วก็
01:24:18 → 01:24:20 ในระหว่างนี้ที่ยังไม่ได้ยาป้องกันทำยัง
01:24:20 → 01:24:23 ไงก็คือต้องพยายามแก้แก้ทุกอย่างเลยนอน
01:24:23 → 01:24:26 ให้พอห้ามนอนดึกกินน้ำให้พอกินอาหารให้
01:24:26 → 01:24:28 ตรงเวลาห้ามห้ามปล่อยให้หิวเลี่ยงอาหาร
01:24:29 → 01:24:32 ที่กระตุ้นลองสังเกตดูพวกแบบอาหารผงชูรส
01:24:32 → 01:24:35 ปิ้งย่างแบบเอ่อชีสช็อกโกแลตแอลกอฮอล์
01:24:35 → 01:24:37 อาหารแปรรูปต่างๆอ่ะค่ะแบบพวกแชมไส้กรอก
01:24:37 → 01:24:39 อะไรอย่างเงี้ยค่ะคือเลี่ยงให้หมดเลยแล้ว
01:24:39 → 01:24:42 ก็ถ้ามีเวลาออกกำลังกายด้วยบางทีโอเคถ้า
01:24:42 → 01:24:44 เราทำแค่ตรงเนี้ยปรับพฤติกรรมแล้วลดการ
01:24:44 → 01:24:47 ใช้ยาแก้ปวดลงเราอาจจะกลับมาจุดที่เป็น
01:24:47 → 01:24:50 น้อยๆได้คุณปอมค่ะคุณปอมหาหรือไทยปวดขมับ
01:24:51 → 01:24:53 ทุกวันกินยาตัวไหนดีคะกินพาราไม่หายถ้า
01:24:53 → 01:24:56 ปวดขมับทุกวันไปแล้วปวดแบบเนี้ยปวดบีบๆ
01:24:56 → 01:24:58 รัดๆไปแล้วแล้วปวดปวดทุกวันไปแล้วนะคะเรา
01:24:58 → 01:25:00 เรียกว่าเป็นปวดเรื้อรังและปกติถ้าปวด
01:25:00 → 01:25:03 ขมับเนี่ยความตึงเนี่ยถ้ายังตอนเป็นไม่
01:25:03 → 01:25:05 เรื้อรังเนี่ยส่วนไหนจะเป็นปวดมาจากกล้าม
01:25:05 → 01:25:08 เนื้อหรือปวดแบบเราเรียกปวดหัวแบบกล้าม
01:25:08 → 01:25:11 เนื้อตึงเครียดก็คือtensชัtensชัเนี่ย
01:25:11 → 01:25:14 ส่วนใหญ่พาราเอาอยู่ทีนี้ถ้าเป็นทุกวันไป
01:25:14 → 01:25:17 แล้วอ่ะคือมันกลายเป็นเรื้อรังและ
01:25:17 → 01:25:20 อันเนี้ยต่อให้เป็นแค่เทนชัหรือเป็นกล้าม
01:25:20 → 01:25:22 เนื้อพาราบางทีเอาไม่อยู่ละเพราะว่ามันมี
01:25:22 → 01:25:26 ความขบวนการการอักเสบที่สมองเราไวกว่า
01:25:26 → 01:25:29 ปกติไปแล้วจะคล้ายๆไมเกรนเรื้อรังเลยค่ะ
01:25:29 → 01:25:31 คือคนไข้คนไข้ตั้งต้นจุดแรกเนี่ยบางคน
01:25:31 → 01:25:34 ตั้งต้นจากtensionับางคนตั้งต้นจากไมเกรน
01:25:34 → 01:25:37 ที่เป็นแบบชั่วคราวแต่พอแบบไปยาวๆขึ้นยาว
01:25:37 → 01:25:39 ๆขึ้นยาวๆขึ้นกลายเป็นปวดแบบปวดวันเว้น
01:25:39 → 01:25:41 วันๆเวๆๆแล้วทุกวันเนี่ยไอ้ตอนที่มันปวด
01:25:41 → 01:25:43 ทุกวันไปแล้วเราจะเรียกใหม่แล้วว่าเป็น
01:25:43 → 01:25:46 อาการปวดหัวปวดศีรษะแบบทุกวันแบบพวกเอ่อ
01:25:46 → 01:25:48 chonic daily head ไปละซึ่งกลุ่มเนี้ย
01:25:48 → 01:25:51 อาจจะเป็นไมเกรนจริงๆก่อนหน้านี้อาจจะเคย
01:25:51 → 01:25:52 เป็นไมเกรนมาก่อนหรืออาจจะเป็นtensชั
01:25:52 → 01:25:55 เรื้อรังมาก่อนก็ได้แต่สิ่งที่สำคัญที่มี
01:25:55 → 01:25:58 ร่วมกันก็ก็คือว่าตอนเนี้ยมันมีภาวะสมอง
01:25:58 → 01:26:00 ที่ไวมากกว่าปกติหรือมี central
01:26:00 → 01:26:02 sensitization ไปละทำให้เราไวกว่าความ
01:26:02 → 01:26:06 ปวดมากๆไม่ใช่แค่ปวดทั่วไปกินยาพาราหาย
01:26:06 → 01:26:09 เพราะฉะนั้นถามว่ากินตัวไหนดีคะจะไม่เน้น
01:26:09 → 01:26:11 ที่ใช้ยาแก้ปวดล่ะค่ะเพราะเมื่อไหร่ที่
01:26:11 → 01:26:13 ใช้ยาแก้ปวดแล้วปวดทุกวันเดี๋ยวอีก 3
01:26:13 → 01:26:16 เดือนผ่านไปเราจะวนกลับมาปวดหัวจากยาแก้
01:26:16 → 01:26:19 ปวดเกินขนาดด้วยสิ่งที่ต้องทำคือต้องไป
01:26:19 → 01:26:22 ใช้ยาป้องกันหรือไปแก้ที่ต้นเหตุใช้ยา
01:26:22 → 01:26:24 ป้องกันคืออย่างในกลุ่มที่เป็นแบบโปรด
01:26:24 → 01:26:26 ขมับอะไรเงี้ยเราก็อาจจะใช้ยากลุ่มยารับ
01:26:26 → 01:26:28 ประทานที่เป็นกลุ่มแบบรักษาเส้นประสาท
01:26:28 → 01:26:30 กล้ามเนื้ออะไรก็ได้ขึ้นอยู่กับอาการของ
01:26:30 → 01:26:33 แต่ละคนแล้วก็ไปแก้ที่ต้นเหตุเช่นถ้ารู้
01:26:33 → 01:26:37 ว่าไอ้ขมับเนี่ยตึงมาจากกล้ามเนื้อคอบาล
01:26:37 → 01:26:40 หรือว่าเป็นคนที่กล้ามเนื้อตึงมากๆลองไป
01:26:40 → 01:26:43 กายภาพก่อนไปกายภาพบำบัดก่อนไปยืดกล้าม
01:26:43 → 01:26:45 เนื้อก่อนอ่าไปออกกำลังกายก่อนเพื่อให้
01:26:46 → 01:26:48 ตรงนี้มันคายลงแล้วก็เอ่อหรือบางครั้ง
01:26:49 → 01:26:51 เนี่ยนอกจากการกายภาพบำบัดเนี่ยบางทีก็จะ
01:26:51 → 01:26:54 มีการฉีดยาอะไรอย่างเงี้ยค่ะซึ่งอันเนี้ย
01:26:54 → 01:26:56 หมอว่าถ้าปวดทุกวันแล้วคงน่าจะต้องหาคุณ
01:26:56 → 01:26:59 หมอและว่าเออเราน่าจะต้องรักษาแบบไหนดีนะ
01:26:59 → 01:27:01 คะก็ไม่แนะนำให้ซื้อยากินเองละเพราะว่า
01:27:01 → 01:27:04 เดี๋มันก็จะวนแบบเดิมอีกอ่ะสมมุติว่าอ่ะ
01:27:04 → 01:27:05 งั้นลองไปเปลี่ยนไปกินยาแก้ปวดตัวเนี้ย
01:27:05 → 01:27:07 แต่พอปวดทุกวันเดี๋ยวเราก็จะกินยาเกือบ
01:27:07 → 01:27:10 ทุกวันแล้วเราก็อาจจะแบบปวดหัวจากยาแก้
01:27:10 → 01:27:13 ปวดเกินขนาดได้เอ่อคุณนิตยาสนใจรักษา
01:27:13 → 01:27:16 ไมเกรนแบบไหนดีคะอ่าเหมือนที่หมอบอกเมื่อ
01:27:16 → 01:27:18 กี้นะคะก็คือจะขึ้นอยู่กับอาการของคนไข้
01:27:18 → 01:27:21 ก่อนว่าตอนเนี้ยคนไข้อยู่ในกลุ่มปวดเล
01:27:21 → 01:27:24 ความถี่ระดับไหนนะคะเป็นแค่ปวดแบบเริ่ม
01:27:24 → 01:27:27 ปวดปวดแบบชั่วคราวแต่เริ่มปวดเยอะก็คือ
01:27:27 → 01:27:29 ปวดเกิน 4 ครั้งถึง 8 ครั้งหรือปวดถี่มาก
01:27:29 → 01:27:32 ๆละเกิน 8 ครั้งและแต่ยังไม่เรื้อรังก็
01:27:32 → 01:27:35 คือยังไม่เกิน 15 หรือเป็นเรื้อรังไปและ
01:27:35 → 01:27:37 เกิน 15 ครั้งต่อเดือนแล้วก็มีภาวะติดยา
01:27:37 → 01:27:40 แก้ปวดแล้วด้วยอันเนี้ยเราก็จะเลือกใช้ยา
01:27:40 → 01:27:43 ที่แตกต่างกันลองให้ปรึกษาคุณหมอสมองดู
01:27:43 → 01:27:46 ได้นะคะว่าเราควรจะเหมาะกับอาการแบบไหน
01:27:46 → 01:27:49 รักษาแบบให้หายๆนานๆทีเป็นทีนึงก็ยังดี
01:27:49 → 01:27:52 ค่ะเป็นมา 30 กว่าปีแล้วค่ะช่วงนี้ปวดวัน
01:27:52 → 01:27:55 เว้นวันได้เลยค่ะเดี๋ยวยังไงไงเดี๋ยวอาจ
01:27:55 → 01:27:58 จะให้อ่าน้องนะคะแนะนำไปอีกทีนึงสำหรับ
01:27:58 → 01:28:01 คุณนิตยานะคะว่าเอ่อแบบเราจะสอบถามการ
01:28:01 → 01:28:03 เบื้องต้นนะคะว่าคุณนิตยาน่าจะแบบเข้า
01:28:03 → 01:28:06 ข่ายกับการรักษาแบบไหนแต่ว่าปกติเนี่ยถ้า
01:28:06 → 01:28:08 ต่อให้เป็นปวดเรื้อรังแค่ไหนค่ะแต่ถ้า
01:28:08 → 01:28:10 เป็นไมเกรนจริงๆนะขอให้รู้ว่าแบบส่วนใหญ่
01:28:10 → 01:28:12 ถ้าได้รักษาจริงๆแล้วรักษาอย่างถูกต้อง
01:28:12 → 01:28:15 อ่ะค่ะส่วนใหญ่จะอาการดีขึ้นได้จริงๆนะคะ
01:28:15 → 01:28:18 เพราะว่าไเกนเป็นโรคที่รักษาง่ายเพราะว่า
01:28:18 → 01:28:20 ปัจจุบันเรามียาค่อนข้างเยอะแต่มันก็
01:28:20 → 01:28:23 รักษายากตรงที่ความเรื้อรังแล้วก็การตัว
01:28:23 → 01:28:25 กระตุ้นเนี่ยแหละแต่อยากให้ให้มีความบอก
01:28:25 → 01:28:27 ว่าแบบเดี๋ยวเนี้ยเอ่อการรักษามันดีขึ้น
01:28:27 → 01:28:31 มากๆนะคะคนไข้ส่วนใหญ่ที่รักษาแล้วดีขึ้น
01:28:31 → 01:28:34 เนี่ยก็เป็นกลุ่มปวดแบบปวดทุกวันกันเกือบ
01:28:34 → 01:28:36 ทั้งนั้นเลยแล้วแบบหลายๆ 10 ปีด้วยแต่ว่า
01:28:36 → 01:28:39 แต่ละคนก็อาจจะใช้ระยะเวลาการรักษาที่แตก
01:28:39 → 01:28:42 ต่างกันเพราะว่าโรคร่วมแล้วก็ตัวกระตุ้น
01:28:42 → 01:28:45 ก็อาจจะไม่เหมือนกันนะคะคุณน้ำอ้อเพสะ
01:28:45 → 01:28:48 จ่ายavวaไมแกรนมาให้แต่เป็นยารักษาไม่ใช่
01:28:48 → 01:28:50 ยาป้องกันใช่ค่ะตัวอาวาไมแกรนด์ก็คือจะ
01:28:50 → 01:28:54 เป็นตัวแก้ปวดก็คือเอ่อระงับปวดเมื่อ
01:28:54 → 01:28:57 กำเริบแล้วแต่ไม่ใช่ยาป้องกันทีนี้โดย
01:28:57 → 01:29:00 เบื้องต้นน่ะค่ะเวลาคนเป็นไมเกรนที่เป็น
01:29:00 → 01:29:03 น้อยๆปวดไม่เกินประมาณ 3-4 ครั้งต่อเดือน
01:29:03 → 01:29:05 เราก็สามารถใช้ยาแก้ปวดในการระงับปวดได้
01:29:05 → 01:29:08 ยังไม่ได้จำเป็นจะต้องใช้ยาป้องกันแต่ถ้า
01:29:08 → 01:29:09 ทานตัวนี้แล้วเริ่มรู้สึกว่าปวดเกิน
01:29:09 → 01:29:12 ประมาณ 4-5 ครั้งต่อเดือนหรือใช้ยาเริ่ม
01:29:12 → 01:29:15 เกินประมาณ 8-10 เม็ดละแบบใช้เป็นประจำ
01:29:15 → 01:29:18 ไม่ใช่แค่นานๆทีใช้ทีนี้นะคะอันนี้จะต้อง
01:29:18 → 01:29:21 ปรึกษาคุณหมอเพื่อร่วมยาป้องกันร่วมด้วย
01:29:21 → 01:29:24 ยาป้องกันเราจะไม่ให้คนไข้ไปซื้อที่ร้าน
01:29:24 → 01:29:26 ขายยาเองเพราะว่าแต่ละคนเนี่ยจะเหมาะกับ
01:29:26 → 01:29:29 แต่ละตัวไม่เหมือนกันก็ลองปรึกษาคุณหมอดู
01:29:29 → 01:29:33 นะคะขอบคุณนะคะคุณหมอให้ข้อมูลน่าฟังมาก
01:29:33 → 01:29:36 ค่ะขอบคุณเช่นกันนะคะอยู่กันจนจบเลยเดี๋
01:29:36 → 01:29:41 ลองดูที่เอ่อ H ด้วยนะคะว่ามีคำถามขึ้นมา
01:29:41 → 01:29:47 มยของHinินะคะมีคำถามมน้าเดี๋คุณทวีศินนะ
01:29:47 → 01:29:49 คะบอกว่าคุณหมอครับเสียงวิงในหัวทำให้มึน
01:29:50 → 01:29:52 หัวได้หรือเปล่าเสียงวิงไม่ได้ทำให้มึน
01:29:52 → 01:29:54 หัวแต่เป็นอาการอาการร่วมกันค่ะคืออาการ
01:29:54 → 01:29:56 เสียงวิ้งในหูอ่ะค่ะหรือที่เราเรียกว่า
01:29:56 → 01:30:00 ทิัสนะคะก็เป็นหนึ่งในอาการของเอ่อหูผิด
01:30:00 → 01:30:03 ปกติปกติเวลาเราเวียนมึนหัวเวียนศีรษะอ่ะ
01:30:03 → 01:30:06 ค่ะเราก็จะมาจาก 2 ส่วนไม่สมองก็ตัวหู
01:30:06 → 01:30:08 เพราะฉะนั้นเวลาคนไข้ที่มีปัญหาเรื่องหู
01:30:08 → 01:30:10 ไม่ว่าจะเป็นน้ำในหูไม่เท่ากันเส้นประสาท
01:30:10 → 01:30:13 หูเสื่อมอะไรอย่างเงี้ยค่ะมักจะมีอาการ
01:30:13 → 01:30:16 ทางหูร่วมด้วยหนึ่งในนั้นก็คือตัวทินิตัส
01:30:16 → 01:30:18 เนี่ยแหละค่ะตัวเสียงวิ้งในหูนี่แหละหรือ
01:30:18 → 01:30:21 ว่าบางคนอาจจะมาในลักษณะของเป็นแบบหูอื้อ
01:30:21 → 01:30:23 แบบเหมือนเวลาเราขึ้นเครื่องบินหรือว่า
01:30:23 → 01:30:25 เกิดการเปลี่ยนแปลงแรงดันเร็วๆแบบขึ้นตึก
01:30:25 → 01:30:27 สูงๆเร็วๆอะไรเงี้ยแล้วที่มันรู้สึก
01:30:27 → 01:30:29 เหมือนแบบมันอื้อๆเหมือนมีลมออกหูอ่ะค่ะ
01:30:29 → 01:30:32 พวกเนี้ยเป็นอาการที่บอกว่าหูมีปัญหานะคะ
01:30:32 → 01:30:34 ซึ่งก็เลยทำให้เรามึนหัวด้วยนะคะลอง
01:30:34 → 01:30:37 ปรึกษาคุณหมอฮูคอจมูกได้นะคะถ้าเป็นอาการ
01:30:37 → 01:30:40 แบบนี้ก็จะให้ไปเจอคุณหมอฮูเค้าจมูกก่อน
01:30:40 → 01:30:43 ค่ะคนใกล้ตัวมีโรคประจำตัวเป็นความดันสูง
01:30:43 → 01:30:47 จะมีปัญหามั้ยคะถ้ามีโรคประจำตัวเป็นความ
01:30:47 → 01:30:51 ดันสูงในไมเกรนด้วยจริงๆถ้าปวดบ่อยนะคะ
01:30:51 → 01:30:54 เราก็จะแนะนำการใช้ยาป้องกันในกลุ่มยา
01:30:54 → 01:30:56 ความดันไปเลยเหมือนยิงปืนนัดเดียวได้นก 2
01:30:57 → 01:30:59 ตัวก็คือเอ่อแทนที่เราจะต้องกินยาความดัน
01:30:59 → 01:31:02 โลหิตสูงอยู่และเราก็เลือกหน่อยเลือกตัว
01:31:02 → 01:31:06 ที่มีข้อมูลว่าช่วยป้องกันไมเกรนไปด้วย
01:31:06 → 01:31:08 ซึ่งยาความดันทุกตัวไม่ได้มีข้อมูลในการ
01:31:08 → 01:31:11 ป้องกันไมเกรนตัวที่มีใช้ในการป้องกัน
01:31:11 → 01:31:13 ไมเกรนจะมีอยู่ 2 กลุ่มกลุ่มแรกก็คือจะ
01:31:13 → 01:31:16 เป็นกลุ่มพวกBetackกอรนะคะอันนี้ก็จะลง
01:31:16 → 01:31:17 ท้ายด้วยพวก
01:31:17 → 01:31:21 แบบ metroporal lural อะไรพวกเนี้ยกลุ่ม
01:31:21 → 01:31:23 นี้แต่ก็ก็ต้องระวังนิดนึงคือกลุ่มนี้มัน
01:31:23 → 01:31:24 จะลดทั้งความดันแล้วก็ชีพจรลงได้เพราะ
01:31:24 → 01:31:27 ฉะนั้นบางคนถ้าเกิดชีพจรเต้นไม่ได้เร็ว
01:31:27 → 01:31:28 มากอยู่แล้วก็อาจจะต้องระมัดระวังหรือว่า
01:31:29 → 01:31:31 คนที่เป็นหอบหืดกับอีกกลุ่มนึงที่ใช้ใน
01:31:31 → 01:31:33 ไมเกรนเยอะๆก็จะเป็นปุกลุ่พวกแบบเค้า
01:31:33 → 01:31:37 เรียกว่า a c i เป็นกลุ่มกลุ่มแบบกลุ่ม
01:31:37 → 01:31:39 ซาตานกลุ่มแคนเดซตานอะไรอย่างเงี้ยค่ะอัน
01:31:39 → 01:31:41 นี้อาจจะต้องให้คุณหมออ่ะที่จ่ายยาความ
01:31:41 → 01:31:43 ดันให้เป็นคนจ่ายให้อีกทีนึงอย่าไปซื้อ
01:31:43 → 01:31:46 เองแต่ก็แนะนำว่าถ้าเป็นความดันสูงอยู่
01:31:46 → 01:31:48 แล้วอ่ะค่ะกินยาช่วยไมเกรนไปด้วยเนี่ยก็
01:31:48 → 01:31:51 ได้ประโยชน์กับอีกอันนึงคือคนเป็นไมเกรน
01:31:51 → 01:31:52 แล้วมีความดันสูงกว่านี้ต้องระวังเพราะ
01:31:52 → 01:31:55 ว่าเวลาปวดหัวค่ะปวดไมเกรนมันปวดแบบปวด
01:31:55 → 01:31:57 ค่อนข้างรุนแรงเพราะฉะนั้นเนี่ยเวลาปวด
01:31:57 → 01:32:01 ไมเกรนแต่ละทีขึ้นมาความดันมันจะชอบแบบ
01:32:01 → 01:32:03 ชูตขึ้นมาได้อ่ะค่ะแบบว่าจากเดิมเราอาจจะ
01:32:03 → 01:32:06 อยู่ 130 แต่พอปวดหัวทีมัน 180 อะไรอย่าง
01:32:06 → 01:32:08 เงี้ยอันนี้ก็อันตรายที่อาจจะเสี่ยงกับ
01:32:08 → 01:32:11 พวกการที่ทำให้หลอดเลือดสมองโป่งพองแล้ว
01:32:11 → 01:32:13 ก็แตกออกอะไรอย่างเงี้ยค่ะก็ควรคุมไมเกรน
01:32:13 → 01:32:16 ไม่ให้กำเริบจะดีกว่าแล้วก็หรือว่าถ้ายัง
01:32:16 → 01:32:17 ไม่เคยวินิจฉัยไมเกรนจริงๆอ่ะค่ะแล้วปี
01:32:17 → 01:32:20 ปวดหัวแล้วมีความดันสูงจริงๆก็อย่าเพิ่ง
01:32:20 → 01:32:21 คิดว่าเราเป็นไมเกรนอย่างเดียวหรือเปล่า
01:32:21 → 01:32:23 นะคะอาจจะต้องแยกกับพวกโรคหลอดเลือดสมอง
01:32:24 → 01:32:27 อื่นๆร่วมด้วยนะคะคุณกระต่ายนะคะบอกว่า
01:32:27 → 01:32:29 ถ้าเราใช้ยาฉีดแล้วจำเป็นจะต้องใช้ยากิน
01:32:29 → 01:32:33 อีกมั้ยคะจริงๆนะคะถ้าเราใช้ยาฉีดเนี่ย
01:32:33 → 01:32:36 เราก็คือสามารถเลือกยาฉีดป้องกันเป็นยา
01:32:36 → 01:32:38 หลักในการคุมไมเกรนได้เลยนะคะซึ่ง
01:32:38 → 01:32:40 อันเนี้ยก็จะเหมาะกับคนที่ไม่ได้อยากกิน
01:32:40 → 01:32:43 ยาทุกวันนะคะยายากินแบบเก่าเนี่ยเป็นยา
01:32:43 → 01:32:45 ที่ต้องกินทุกวันอ่าแต่ยาฉีดอย่างเงี้ยก็
01:32:45 → 01:32:47 จะฉีดเดือนละครั้งหรือ 3 เดือนครั้งถ้า
01:32:47 → 01:32:49 เป็นน้อยๆส่วนใหญ่ก็ฉีดยาอย่างเดียวได้
01:32:49 → 01:32:54 เลยแต่ถ้ามีข้อบ่งชี้ของยากินบางตัวเช่น
01:32:54 → 01:32:56 อย่างคนที่มีโรคความดันสูงหรือว่าอย่าง
01:32:56 → 01:33:00 แบบอ่าคนที่มีโรคซึมเศร้าร่วมด้วยอะไร
01:33:00 → 01:33:03 อย่างเงี้ยอันนั้นอาจจะยังมีการใช้ยากิน
01:33:03 → 01:33:05 เพื่อช่วยในเรื่องอื่นๆน่ะค่ะอย่างเช่น
01:33:05 → 01:33:07 เรื่องอารมณ์เรื่องการนอนหลับเรื่องอะไร
01:33:07 → 01:33:10 แบบเนี้ยค่ะเหมือนมาเป็นตัวเสริมมากกว่า
01:33:10 → 01:33:12 แต่ถ้าเป็นไมเกรนไม่ได้เยอะแบบไม่ได้
01:33:12 → 01:33:14 เรื้อรังมากนะคะส่วนใหญ่ยาฉีดก็ฉีดอย่าง
01:33:14 → 01:33:17 เดียวไปเลยเพราะว่าหลายคนที่เลือกยาฉีดก็
01:33:17 → 01:33:19 เพราะไม่อยากกินยาหรือถ้าเรายังเป็นน้อยๆ
01:33:19 → 01:33:21 ไม่ได้เป็นเยอะแบบเกิน 15 ครั้งอะไรอย่าง
01:33:21 → 01:33:23 เงี้ยแล้วก็ไม่อยากฉีดยาด้วยกลัวเข็มอะไร
01:33:23 → 01:33:25 แบบเนี้ยก็อาจจะมาเลือกใช้ตัวที่เป็นยาอม
01:33:26 → 01:33:27 ใต้ลิ้นก็ได้เหมือนกันนะคะเราเลือกกิน
01:33:27 → 01:33:29 เป็นแบบกินป้องกันน่ะค่ะก็คือกินวันเว้น
01:33:30 → 01:33:32 วันไปเลยก็ได้เหมือนกันอาจจะต้องลองคุย
01:33:32 → 01:33:36 เรื่องของรายละเอียดของอาการแต่ละทีจบ
01:33:36 → 01:33:39 แล้วมีคอมเมนต์เพิ่มเติมมยคะเดี๋ยวหมอดู
01:33:39 → 01:33:43 อีกทีนึงนะน่าจะไม่มีและก็ขอบคุณทุกคนมาก
01:33:43 → 01:33:46 ๆนะคะที่แบบว่าอยู่ฟังกันคือมันเยอะแหละ
01:33:46 → 01:33:50 แล้วก็จริงๆถามว่าฟังไว้คงไม่ได้ต้องจำ
01:33:50 → 01:33:53 ชื่อยาคงไม่ได้ต้องจำชื่อสารสื่อประสาทนะ
01:33:53 → 01:33:56 คะแต่อยากให้เข้าใจคอนเซปตไมเกรนมากกว่า
01:33:56 → 01:33:59 ว่าจริงๆแล้วไมเกรนมันเป็นโรคทางสมองที่
01:33:59 → 01:34:02 เรามีกลไกอธิบายการเกิดความอาการปวดหัว
01:34:02 → 01:34:04 ได้ชัดเจนเกี่ยวข้องกับสารสื่อประสาทที่
01:34:05 → 01:34:08 สำคัญหลายตัวโดยเฉพาะตัว CGRP แล้วก็ยา
01:34:08 → 01:34:13 ที่ใช้ปัจจุบันมียาอะไรบ้างมียาแก้ปวดมี
01:34:13 → 01:34:16 ยาป้องกันแล้วก็มีทั้งกินแก้ปวดและป้อง
01:34:16 → 01:34:19 กันอย่างเงี้ยค่ะคืออยากให้เห็นภาพรวม
01:34:19 → 01:34:21 กว้างๆของการรักษามากกว่านะคะแล้วก็สุด
01:34:21 → 01:34:25 ท้ายไมเกรนทุกคนนะคะก็อย่าลืมดูแลตัวเอง
01:34:25 → 01:34:28 นะคะเราดูแลตัวเองเบื้องต้นเนี่ยเอ่อออก
01:34:28 → 01:34:31 กำลังกายนอนให้พอนะคะกินอาหารให้เป็นเวลา
01:34:31 → 01:34:33 หลีกเลี่ยงอาหารหรือว่าตัวกระตุ้นของเรา
01:34:33 → 01:34:36 เนี่ยส่วนใหญ่ก็ดีขึ้นได้มากๆและแล้วก็จด
01:34:36 → 01:34:39 อาการเพราะว่าถ้าเกิดเมื่อไหร่ที่เรา
01:34:39 → 01:34:42 เริ่มเป็นบ่อยเป็นเยอะเริ่มจะใช้ยาเกิน
01:34:42 → 01:34:45 เริ่มกินยาไม่ได้ผลเราก็จะได้รู้ว่าเรา
01:34:45 → 01:34:49 อาจจะต้องไปพบคุณหมอแล้วนะคะก็สำหรับวัน
01:34:49 → 01:34:52 นี้สวัสดี