00:00:00 → 00:00:03 อาจารย์ขาขอรบกวนเลยค่ะอาจารย์ sle หรือ
00:00:03 → 00:00:05 โรคภูมิแพ้ตัวเองเนี่ยค่ะชื่อเต็มๆอ่ะมัน
00:00:05 → 00:00:07 ชื่ออะไรหรอคะเพราะเรารู้จักแต่ตัวย่อ
00:00:07 → 00:00:10 แล้วก็จะชอบติดว่าอ๋อเพราะว่าคุณพุ่มพวง
00:00:10 → 00:00:12 ดวงจันทร์น่ะค่ะพี่ผึ้งของเราเขาเป็นใช่
00:00:12 → 00:00:14 มั้ยคะก็เลยมาเรียกแบบนี้แต่เราก็เลยอยาก
00:00:14 → 00:00:17 รู้ว่าจริงๆแล้วเนี่ยค่ะมันคือชื่อว่า
00:00:17 → 00:00:22 อะไรอ่ะคะออครับคือเอ่อรูป sle เอ่อมัน
00:00:22 → 00:00:27 มันมันย่อย่อมาจากเอ่อภาษาพริงเป็นภาษา
00:00:27 → 00:00:31 โบราณภาษากรีกเหมือนกันนะโหก็คือเอ่อซิมิ
00:00:31 → 00:00:36 รูปัิัซิมิเป็นทั้งร่างกายรูปัรูปอยมันก็
00:00:36 → 00:00:39 เหมือนกับคล้ายๆบางคนก็แปลว่าเป็นสจาก
00:00:39 → 00:00:43 ภาษาลาตินแปลว่าการไหลอะไรประมาณเฮะรวมๆ
00:00:43 → 00:00:47 แล้วมันก็ตั้งขึ้นมาตั้งแต่สัก 560 ปีะอื
00:00:47 → 00:00:51 นะครับเอ่อมันพอชื่อยาวๆจำยากก็ย่อง่าย
00:00:51 → 00:00:51 เลย
00:00:51 → 00:00:56 SR แปลเป็นไทยก็คือโรคภูมิคุ้มกันทำลาย
00:00:56 → 00:01:00 ตนเองหรือโรคแพ้ภูมิตนเองก็ได้ครับอ๋ออ๋อ
00:01:00 → 00:01:03 ค่ะอาจารย์คะและอาการของโรคพวกเนี้ยค่ะ
00:01:03 → 00:01:06 มันเป็นยังไงคะมันมาจากเราแต่กำเนิดหรือ
00:01:06 → 00:01:08 อยู่ดีๆเราก็เป็นเองเราเป็นเมื่อเป็นช่วง
00:01:08 → 00:01:12 ไหนอะไรอย่างเงี้ยของอายุ่ะคะครับเอ่อโรค
00:01:12 → 00:01:16 sle เนี่ยต้องจัดว่าอยู่ในกลุ่มโรคเ่อ
00:01:16 → 00:01:20 ภูมิกุกันตัวเราทำลายตัวเรานะครับเอ่อ
00:01:20 → 00:01:23 ปัจจุบันก็ยังไม่ทราบสาเหตุนะครับเ่อแต่
00:01:23 → 00:01:27 เราเชื่อว่าพันธุกรรมมีส่วนอมีส่วนที่จะ
00:01:27 → 00:01:31 เ่อทำให้เกิดร่วมกับกับสิ่งแวดล้อมไอ้
00:01:31 → 00:01:34 สิ่งแวดล้อมเนี่ยเค้าพยายามหาอยู่ที่มี
00:01:34 → 00:01:37 หลักฐานชัดๆก็เกี่ยวกับการติดเชื้อไวรัส
00:01:37 → 00:01:41 นะครับเ่อแสงแดดพวกเ่ออต้า Violet อือ
00:01:41 → 00:01:46 แล้วก็เอ่อพวกสารบางอย่างฮอร์โมนเนี่ย
00:01:46 → 00:01:49 สัมพันธ์กับขมลเพราะว่า sle เนี่ยมักเกิด
00:01:49 → 00:01:52 ในเพศหญิงที่กำลังมีประจำเดือนโดยเฉพาะ
00:01:52 → 00:01:56 อายุไม่เยอะครับอืเออคุณหมอที่บอกว่าสิ่ง
00:01:56 → 00:01:59 แวดล้อมเนี่ยสนใจเรื่องแสงแดดหมายถึงว่า
00:01:59 → 00:02:02 เจอแสงแดดมากเกินไปหรือน้อยเกินไปมันก็
00:02:02 → 00:02:05 เลยส่งผลต่อเอ่อภูมิคุ้มกันในร่างกายของ
00:02:06 → 00:02:08 เราล่ะครับคุณหมอครับครับคือคือมันมีหลัก
00:02:09 → 00:02:12 ฐานนิดนึงก็คือว่าเอ่อจากระบาดวิทยาเนี่ย
00:02:12 → 00:02:16 เอ่อเราพบว่าโรค sle เนี่ยมันเจอเยอะขึ้น
00:02:16 → 00:02:19 อืคทั้งนี้ทั้งนั้นเราเราเชื่อว่าอาจจะ
00:02:19 → 00:02:22 เกี่ยวกับไอ้ไอรังสีอัต Violet แล้วก็
00:02:22 → 00:02:25 ภาวะโรคร้อนอะไรก็แล้วแต่นะครับที่รังสี
00:02:25 → 00:02:29 เนี่ยมันผ่านในชั้นบรรยากาศอเข้ามานะครับ
00:02:29 → 00:02:32 แล้วก็กระตุ้นกระบวนการก็คือมันจะมีการทำ
00:02:32 → 00:02:36 ปฏิกิริยาที่ผิวหนังอ่ะแล้วก็เราพบว่าโรค
00:02:36 → 00:02:40 sle เนี่ยนะคนผู้ป่วยส่วนนึงเนี่ยจะไว
00:02:41 → 00:02:44 ต่อต่อแสงอืิ้วหนังเจะไวเพราะฉะนั้นมันจะ
00:02:44 → 00:02:48 มีผืนมีอะไรประมาณนี้แล้วก็มีหลายกรณีที่
00:02:48 → 00:02:51 เอ่อโรคเอเอ่อผู้ป่วยที่มีแนวโน้มอ่ะจะ
00:02:51 → 00:02:55 เกิดโรค sle ไปตากแดดเยอะๆแล้วก็พัฒนา
00:02:55 → 00:02:58 เกิดการพัฒนาให้เป็นโรค sle ประมาณนี้
00:02:58 → 00:03:03 ครับค่ะออือาจารย์คะคืออาการน่ะค่ะคือว่า
00:03:03 → 00:03:05 สิ่งแวดล้อมกรรมพันธ์พันธุกรรมอย่าเงี้ย
00:03:05 → 00:03:07 ค่ะอาจารย์แต่มันจะเริ่มบ่งบอกเมื่อตอน
00:03:07 → 00:03:09 ไหนอ่ะคะอาจารย์คือเราเป็นแต่เล็กคือ
00:03:09 → 00:03:11 อาจารย์บอกว่าพอมีประจำเดือนเนี่ยค่ะคือ
00:03:11 → 00:03:14 เคิฟช่วงของอายุอ่ะค่ะส่วนใหญ่ที่เราแบบ
00:03:14 → 00:03:16 แสดงอาการที่เราจะรู้ว่าอ่ะะช่วงกลุ่มเ
00:03:16 → 00:03:18 แหละอายุเนี้ยเป็นคือเป็นตั้งแต่เล็กมั้ย
00:03:18 → 00:03:21 หรือว่าเป็นวัยรุ่นหรือว่ากลางคนค่ะ
00:03:21 → 00:03:24 อาจารย์ออครับเอ่อโรค xle เนี่ยจริงๆก็
00:03:24 → 00:03:27 เจอได้ตั้งแต่เด็กเลยยานสูงอายุแต่จะมี
00:03:27 → 00:03:32 ช่วงอายุที่พบมากคือช่วงเอ่อเอ่อเพศหญิง
00:03:32 → 00:03:35 เนี่ยกำลังเริ่มเอ่อกำลังวัยประจำเดือน
00:03:35 → 00:03:38 อายุประมาณสัก 20 ขึ้น 20 30 40 อะไร
00:03:38 → 00:03:42 ประมาณเยครับอือันนี้จะเจออยู่ในช่วงที่
00:03:42 → 00:03:45 ที่อายุเยอะๆเ่อเยอะที่สุดครับอาการนะคะ
00:03:46 → 00:03:48 อาจารย์จะเป็นยังไงคะบ่งบอกทางผิวหนังหยก
00:03:48 → 00:03:50 เคยได้ยินว่าอ่าเป็นผื่นแดงคล้ายปีก
00:03:51 → 00:03:53 ผีเสื้อตรงหน้าอะไรอย่างเงี้ยมันใช่มั้ย
00:03:53 → 00:03:55 คะหรือว่ามันเป็นยังไงคะอ๋ออ๋อก็ใช่ครับ
00:03:56 → 00:04:00 เพียงแต่ว่า sle เนี่ยเอ่อมันมันเป็นการ
00:04:00 → 00:04:03 อักเสบในหลายอวัยวะครับอ่าแต่ที่เราเห็น
00:04:03 → 00:04:06 ชัดเจนก็คือทางหน้าใช่มั้ยฮะเพราะหน้ามัน
00:04:06 → 00:04:09 มันแสดงออกให้ชัดเจนแล้วคนไข้ sle จะมี
00:04:09 → 00:04:13 ลักษณะเด่นถ้าถ้าถ้ามีนะฮะก็คือว่าจะมี
00:04:13 → 00:04:16 ผื่นเป็นรูปปีกผีเสื้อที่ที่แก้มที่หน้า
00:04:16 → 00:04:19 นะครับแต่แต่ก็เจอได้ไม่ไม่ไม่ถึงครึ่งนะ
00:04:19 → 00:04:23 ครับอือแต่ sle เนี่ยจะมาได้หลากหลายกว่า
00:04:23 → 00:04:28 นะครับเ่อส่วนใหญ่ก็จะมาด้วยอาการเอ่อปวด
00:04:28 → 00:04:31 เมื่อยเหนื่อยอ่อนเพลียบวดข้อประมาณเครับ
00:04:31 → 00:04:34 แล้วก็อาจจะมีผมร่วงไข้ต่ำๆอมีความไม่
00:04:34 → 00:04:37 สบายตัวสักพักนึงเป็นหลายสสัปดาห์หรือ
00:04:37 → 00:04:40 หลายสัปดาห์นะครับแล้วก็หลังจากนั้นก็จะ
00:04:40 → 00:04:44 เริ่มพัฒนาอาการอาการแสดงตอวัยวะให้ชัด
00:04:44 → 00:04:48 เจนขึ้นเช่นมีผื่นผิวหนังอักเสบมีผุมร่วง
00:04:48 → 00:04:52 ชัดเจนมีภาวะบวมมีหายใจหอบเหนื่อยอะไร
00:04:52 → 00:04:55 ประมาณเยครับอือาการเหล่านี้ครับคุณหมอ
00:04:55 → 00:04:57 ที่คุณหมอว่ามาเนี่ยคือมันเป็นอาการที่
00:04:57 → 00:05:00 แสดงออกในช่วงเวลาที่
00:05:00 → 00:05:05 sle เนี่ยมันมันเริ่มขยายตัวมากขึ้นหรือ
00:05:05 → 00:05:08 ว่าเป็นปั๊บแสดงอาการปุ๊บเลยอ่ะครับคุณ
00:05:08 → 00:05:11 หมอครับครับก็คือโดยโดยลำดับการพัฒนาการ
00:05:12 → 00:05:14 ของโรคกลุ่มแพ้พวมตนเองเนี่ยมันจะมีเ้า
00:05:14 → 00:05:18 เรียกว่าระยะต้นเลยก็คือว่าผู้ป่วยที่มี
00:05:18 → 00:05:21 แนวโน้มหรือมีพันธุกรรมที่มีแนวโน้มจะ
00:05:21 → 00:05:25 เกิดนะครับเอ่อไปเจอสิ่งแวดล้อมบางอย่าง
00:05:25 → 00:05:30 กระตุ้นนะครับและทำให้เกิดการพัฒนาอืแรก
00:05:30 → 00:05:32 เนี่ยเอ่อก็อาจจะไม่แสดงอาการอะไรชัดเจน
00:05:33 → 00:05:36 แต่รู้ว่าไม่สบายค่ะนะครับอ่าระยะแรกระยะ
00:05:37 → 00:05:40 ต่อมาเนี่ยก็คือเป็นสักแล้วแต่เป็น
00:05:40 → 00:05:42 อาทิตย์ 2 อาทิตย์ 3 หรือเดือนอะไรก็แล้ว
00:05:42 → 00:05:46 แต่ก็จะมีเอ่ออาการอาการแสดงที่ชัดเจน
00:05:46 → 00:05:51 ขึ้นเช่นเอ่อมีไข้นะฮะมีปวดข้อมีข้อ
00:05:51 → 00:05:56 อักเสบมีผื่นปรากฏชัดขึ้นนะครับบางท่าน
00:05:56 → 00:06:00 ถ้ามีไตอักเสบก็มีบวมอื
00:06:00 → 00:06:04 อ่ามีบวมมีปัสสาวะเป็นฟองถ้านเอ่อลงไปใน
00:06:04 → 00:06:07 ระบบเลือดก็อาจจะมีเรื่องซีดอนะครับ
00:06:07 → 00:06:09 เรื่องเกล็ดเลือดต่ำซึ่งเราจะสามารถตรวจ
00:06:09 → 00:06:11 พบว่ามี
00:06:11 → 00:06:16 เอ่อมีจุดคล้ายๆยุงกัดนะตุ่มคล้ายๆยุงกัด
00:06:16 → 00:06:19 อะไรประมาณเยครับแล้วก็อื่นๆอีกเช่นถ้า
00:06:19 → 00:06:22 แล้วแต่ว่าเขาจะไปในอวัยวะต่างๆซึ่งอื
00:06:22 → 00:06:26 เอ่อแล้วแต่คนบางทีเราก็กะประมาณยากแต่
00:06:26 → 00:06:30 เราพบแต่เพียงว่าอาคารทางข้อเนี่ยครับ
00:06:30 → 00:06:34 อ๋อเราลงมาก็ผิวหนังเราลงมาก็เป็นเอ่อ
00:06:34 → 00:06:37 เรื่องบวมลงไตอย่างเงี้ยครับอค่ะอาจารย์
00:06:37 → 00:06:40 คือข้อเด่นผิวหนังก็คือผื่นขึ้นอย่าง
00:06:40 → 00:06:42 เงี้ยใช่มั้ยคะออใช่ครับแล้วคราวนี้ผื่น
00:06:42 → 00:06:45 เนี่ยก็มีหลายหลายรูปแบบอ่อถ้าผื่นชัดเจน
00:06:46 → 00:06:48 ก็คือผืนที่ที่แก้มที่หน้าเหมือนปีก
00:06:48 → 00:06:51 ผีเสื้ออันนี้ชัดเจนอืแต่มันจะมีมากกว่า
00:06:51 → 00:06:56 นั้นอีกเช่นเ่อผื่นแพ้แดดนะครับเอ่อผม
00:06:56 → 00:06:58 ร่วงผื่นิวหนังอักเสบเรื่องังเราเรียกว่า
00:06:58 → 00:07:02 ผื่นเอ่อดิสเอ่อ dle ซึ่งมันจะมีลักษณะ
00:07:02 → 00:07:06 เป็นกลมกลมแล้วก็อักเสบแบบเรื้อรังคล้ายๆ
00:07:06 → 00:07:10 สเกดเงินคล้ายๆกับเชื้อราก็ได้อืนะครับ
00:07:10 → 00:07:13 ค่ะอ่าประมาณเยครับแล้วก็เแล้วสังเกตดู
00:07:14 → 00:07:17 ว่าผู้ป่วย sle ถ้ามีผื่นเนี่ยผื่นมักจะ
00:07:17 → 00:07:20 อยู่นอกร่มผ้าออเพราะว่ากลุ่มนี้ผิวหนัง
00:07:20 → 00:07:23 จะไวไวไวต่อแดกไวต่อสิ่งแวดล้อมในในร่ม
00:07:23 → 00:07:26 ผ้าจะไม่ค่อยปรากฏออกำลังจะถามเลยค่ะว่า
00:07:26 → 00:07:29 ผื่นแพแดดคืออะไรก็คืออ๋อผื่นที่อยู่นอก
00:07:29 → 00:07:32 ร่มผ้าค่ะอ๋ออาจจะเจอแต่แต่แต่ถ้าเป็นวัย
00:07:32 → 00:07:34 จริงๆเนี่ยโอพอตากแดดนิดเดียวนี่เขาจะมี
00:07:34 → 00:07:38 คล้ายๆผู้ครองเลยก็ได้นะอูยแต่แต่เราเจอ
00:07:38 → 00:07:41 ไม่บ่อยส่วนใหญ่เจอในอ่อชาฝรั่งฝรั่งิว
00:07:41 → 00:07:46 ขาวอ๋อค่ะอืออาจารย์ครับสิ่งแวดล้อมอ่ะ
00:07:46 → 00:07:48 ค่ะที่เป็นตัวกระตุ้นเค่ะนอกจากแสงแดกคือ
00:07:48 → 00:07:50 อันนี้มีมีคนรู้จักอ่ะค่ะเป็นเหมือนกันนะ
00:07:50 → 00:07:53 คะแต่ว่าเพิ่งนึกขึ้นได้เหมือนกันว่าออ
00:07:53 → 00:07:56 เออแต่ก่อนเนี่ยทำงานในภาคกลางวันปกติ
00:07:56 → 00:07:58 เป็นคนไม่เป็นคนปกติไม่เป็นโรคอะไรพอมาทำ
00:07:58 → 00:08:01 งานกลางคืนนั้นล่ะค่ะหรือเปลี่ยนกะที่แบบ
00:08:01 → 00:08:03 ไม่โดนแดดเดี๋ยวไปแดดจัดเดี๋ยวโดนอะไร
00:08:03 → 00:08:05 อย่างเงี้ยค่ะมันเลยเป็นวัยต่อต่ออาการ
00:08:05 → 00:08:09 มั้ยคะคือสิ่งแวดล้อมอื่นเนี่ยมันแดดเป็น
00:08:09 → 00:08:12 หนึ่งในในปัจจัยยังมีอื่นอีกมากเลยครับ
00:08:12 → 00:08:17 เช่นภาวะติดเชื้ออนะครับพวกเอ่อติดเชื้อ
00:08:17 → 00:08:20 เรื้อรังพวกไวรัสอย่างเงี้ยครับพวกเอ่อ
00:08:20 → 00:08:24 อะไรพวกไอ้ไวรัสหลายๆตัวซึ่งมันมีชื่ออีก
00:08:24 → 00:08:27 เยอะอืนะครับซึ่งเขาเชื่อว่าจะอาจจะเป็น
00:08:27 → 00:08:30 เหตุนะแล้วก็แแม้แต่เอาจจะเป็นโรคอยู่
00:08:30 → 00:08:34 แล้วครับแล้วก็มันสงบอยู่แล้วก็ไปอยู่ใน
00:08:34 → 00:08:38 สภาวะที่มีถูกกระตุ้นเช่นความเครียด
00:08:38 → 00:08:41 เนี่ยงนะครับความเครียดหรือแม้แต่การตั้ง
00:08:41 → 00:08:44 ครรภ์การได้รับวัคซีนนะครับกลุ่มเนี้ยจะ
00:08:44 → 00:08:48 กระตุ้นให้โลกปรากฏออกมาชัดเจนขึ้นนะครับ
00:08:48 → 00:08:52 อืค่ะเออฟังแล้วก็ดูน่ากลัวอยู่เหมือนกัน
00:08:52 → 00:08:55 นะคุณหมอนะเหมือการอักเสบที่หลากหลายใช่ๆ
00:08:55 → 00:08:57 ๆเอ่อคุณหมอครับคือที่คุณหมอบอกว่าตอนนี้
00:08:57 → 00:08:58 เนี่ย
00:08:58 → 00:09:01 เอ่อสาเหตุหลักๆเนี่ยมันอาจจะยังไม่ชัด
00:09:01 → 00:09:04 เจนว่าเกิดจากอะไรขึ้นก็ก็เลยอยากอยากาก
00:09:04 → 00:09:09 จะสาทราบว่าทำไมต้องติดอ่างคเป็นอะไรลิ้น
00:09:09 → 00:09:13 รัวไปหมดเลยเนี่ยนะเอ่อ 1 1 คนเนี่ยที่
00:09:13 → 00:09:16 จะเจอเนี่ยมันมันสามารถเจอได้จากคนทั้ง
00:09:16 → 00:09:19 หมดประมาณเท่าไหร่ครับคุณหมอครับ S อ๋อ
00:09:19 → 00:09:21 หมายถึงว่าความชุกใช่มั้ยใช่ค่ะความชุก
00:09:21 → 00:09:24 โลกค่ะอาจารย์อ๋อมันมันจัดว่าอยู่ในกลุ่ม
00:09:24 → 00:09:27 ที่เจอเจอไม่บ่อยอืนะครับ
00:09:27 → 00:09:31 ก็เจอบ่อยก็คือในคนผิวเหลืองเนี่ยนะหรือ
00:09:31 → 00:09:34 คนเ่อประเทศเราเนี่ยเอชียอยู่ดับกลางๆเออ
00:09:34 → 00:09:37 เอเชียกลางๆฝรั่งเจอน้อยแล้วก็คนผิวดำจะ
00:09:37 → 00:09:41 เจอเยอะหน่อยอืออทำไมถึงผิดำจะเจอเยอะมัน
00:09:41 → 00:09:43 มันเป็นการกระจายตัวแบบนั้นแต่ไม่สามารถ
00:09:43 → 00:09:47 บอกได้ว่ายังไงนะอครับอ๋อแต่ที่อัตราที่
00:09:47 → 00:09:51 เราเจอบ่อยก็คือคนผิวผิวดำอคนๆคนผิวดำจะ
00:09:51 → 00:09:54 เจอเยอะที่ที่ตามระบาดวิทยานะคราวนี้สัด
00:09:54 → 00:09:56 ส่วนเนี่ยมันมีความหลากหลายแล้วแต่ว่าจะ
00:09:56 → 00:09:59 สำรวจในประชากรกลุ่มไหนเนาะค่ะเอ่อมันมี
00:09:59 → 00:10:03 ตั้งแต่ 0.1 อืนะ 0.1 ต่อ 1000 จนกระทั่ง
00:10:03 → 00:10:06 เป็นประมาณเกือบ 100 ต่อพันก็ถ้าเราคิด
00:10:07 → 00:10:09 0.1 เนี่ยบ้านเราก็มีสัก 50,000 กว่าคน
00:10:09 → 00:10:13 มั้งอืแต่ถ้าคอคิดหลักร้อยก็เป็นเป็นแสน
00:10:13 → 00:10:16 แต่มอันนี้มันเ่อแต่ตัวเลขเรายังไม่ค่อย
00:10:16 → 00:10:19 ชัดคอันนี้เป็นได้ข้อมูลจากเมืองนอกครับ
00:10:19 → 00:10:21 ค่ะแต่เตอนเรื่มต้นรายการอาจารย์บอกว่า
00:10:21 → 00:10:24 อ่าสภาพแวดล้อมปัจจัยเรื่องของโลกร้อน
00:10:24 → 00:10:26 หรืออะไรเงี้มันกระตุ้นให้คนอย่างเงี้ย
00:10:26 → 00:10:29 เป็นง่ายขึ้นหรอคะอาจารย์เอ่อมันมันมันมี
00:10:29 → 00:10:32 มีความสัมพันธ์ดังกล่าวแต่แต่อ่อเรื่อง
00:10:32 → 00:10:36 เอ่อหมายคว่ามันมันมีการพบเยอะขึ้นอืแต่
00:10:36 → 00:10:38 เราคิดว่าน่าจะมีปัจจัยอื่นด้วยโดยเฉพาะ
00:10:38 → 00:10:41 ไอ้เกี่ยวกับโรคติดเชื้อเกี่ยวกับเอพวก
00:10:41 → 00:10:44 สารเคมีพวกฮอร์โมนก็มีส่วนนะฮอร์โมนอะไร
00:10:44 → 00:10:47 กระตุ้นได้ถึงเป็นกระตู้นะคะคือจะไวแบบมี
00:10:47 → 00:10:48 ประจำเดือนฮอร์โมนอะไรมากไปหรือว่า
00:10:48 → 00:10:50 ฮอร์โมนอะไรน้อยใชทนี้ฮอร์โมนเนี่ยก็คือ
00:10:50 → 00:10:54 เราพบว่าคนไข้ sle เป็นเศหญิงซึ่งอยู่ใน
00:10:54 → 00:10:56 ช่วงวัยวัยเจริญพันธุ์โมนเบ่นก็เป็น
00:10:56 → 00:10:59 เรื่องของเอสโตรเจนเอสโตรเจนคือพวกยาขุ
00:10:59 → 00:11:01 อ่ะครับอ๋อเพราะฉะนั้นอ่าเพราะฉะนั้นอ่า
00:11:01 → 00:11:06 ไอยาคุมเนี่ยก็จะบางทีอาจจะกระตุ้นให้โรค
00:11:06 → 00:11:09 หมาว่าเเป็นอยู่แล้วกระตุ้นให้โรกกำเเลิก
00:11:09 → 00:11:14 พวกยาปฏิชีวนะหลายตัวนะก็มีมีข้อมูลว่า
00:11:14 → 00:11:18 อาจจะกระตุ้นให้โรกกำเริบได้อืครับอืคือ
00:11:18 → 00:11:21 หมายถึงว่าคนที่กินฮอร์โมนแอสโตรเจนอยู่
00:11:22 → 00:11:24 เนี่ยก็มันถ้ามันมีอาการอยู่เี่มันก็ยิ่ง
00:11:24 → 00:11:27 จะไปกระตุ้นให้อาการมันรุนแรงมากยิ่งขึ้น
00:11:27 → 00:11:29 อย่างนี้หรอครับคุณหมอครับหรือว่ามัน
00:11:29 → 00:11:32 เพราะฉะนั้นเพราะฉะนั้นเนี่ยถ้าคนไข้ sle
00:11:32 → 00:11:34 เนี่ยเราเรามักจะให้แนะนำให้หลีกเลี่ยง
00:11:34 → 00:11:39 พวกฮอร์โมนอืค่ะครับโอคุณผู้หญิงอ่ะเนาะ
00:11:39 → 00:11:42 ที่บอกเอใช่แต่ว่าเเอสโตรเจนปกติเจะบอก
00:11:42 → 00:11:44 มันทำให้ผิวเรียบเนียนสวยใช่มั้ยคะมันมี
00:11:44 → 00:11:48 ความเป็นผู้หญิงผู้หิผู้หญิหญิงใช่มั้ย
00:11:48 → 00:11:51 ใช่ครับใช่ออก็คือคือว่ามันมันมีความ
00:11:51 → 00:11:56 สัมพันธ์ดังกล่าวครับอืค่ะเออหนูขอกลับมา
00:11:56 → 00:11:59 ที่อ่าผืนผีปีกผีเส้นเพื่อเพื่อคุณผู้ฟัง
00:11:59 → 00:12:01 ได้เข้าใจจบางคนคิดว่าเดี๋ยวนี้ทุกคนก็ทา
00:12:01 → 00:12:03 แก้มใช่มั้ยคะอาจารย์จากซ้ายไปขวาก็อยู่
00:12:03 → 00:12:06 ตรงโหนกแก้มหน้าผากกันอยู่หมดเนี่ยแล้ว
00:12:06 → 00:12:09 เวลาคุณหมอตรวจรู้ได้ยังไงคะนี่คือปีก
00:12:09 → 00:12:11 ผีเสื้อเพราะว่าหนูนึกถึงเขาวาดหน้าแบบ
00:12:11 → 00:12:13 เป็นปีกผีเสื้อมันจะเป็นยังไงอ่ะคะ
00:12:13 → 00:12:17 อาจารย์คำถามดิคืออย่างี้ฮะไอ้ไไอผื่นกับ
00:12:17 → 00:12:22 ไอ้การใช้เอ่อแป้งเนี่ยใช่ค่ะเอ่อบางที
00:12:22 → 00:12:24 มันมันเอ่อมันบับางทีมันยากอยู่เหมือนกัน
00:12:24 → 00:12:28 นะอ่าคือคือถ้าเป็นคลาสสิคหรือว่าชัดเจน
00:12:28 → 00:12:31 เลยเนี่ยได้เพราะเช่นพืนตีผีเสื้อมันจะ
00:12:31 → 00:12:35 นูนอ๋อจะนูนแล้วข้ามสันจมูกมันชัดอ๋อแต่
00:12:35 → 00:12:39 ถ้าบางครั้งเป็นแบบน้อยๆแล้วก็เลื่อๆอัน
00:12:39 → 00:12:42 นี้ยากอืนึกว่าสุขภาพดีแยกไม่ได้นึกว่า
00:12:43 → 00:12:46 สุขภาพดีใช่มั้ยคะผิวชมพูมาเรือแต่ไม่ใช่
00:12:46 → 00:12:49 อันนี้มันอันนี้แยกไม่ได้อ๋อแต่คือมัน
00:12:49 → 00:12:52 ต้องนูนขึ้นมาไอ้นูนขึ้นมานี่คือมันแปล
00:12:52 → 00:12:54 ว่าอาการของมันนี่มันมันเริ่มแรงขึ้นแล้ว
00:12:54 → 00:12:57 เหรอครับคุณหมอครับก็อาจจะชัดเจนขึ้นอาจ
00:12:57 → 00:13:00 จะชัดเจนขึ้นอืที่ทางผิวหนังเนี่ยมันดูดู
00:13:00 → 00:13:05 เยอะแต่จริงๆแล้วเราจัดอยู่ในอวัยวะที่
00:13:05 → 00:13:08 ไม่ไม่ไม่ถึงแก่ชีวิตค่ะอืเพียเป็นแต่
00:13:08 → 00:13:12 ชั่ววินิจฉัยแล้วก็สวยงามอืและแลแลอาการ
00:13:12 → 00:13:15 ปวดข้อล่ะคะอาจารย์มันปวดแบบไหนคะมันแยก
00:13:15 → 00:13:17 ออกยังไงคะว่ามันต้องปวดระดับไหนหรือเรา
00:13:17 → 00:13:21 แค่ปวดเมื่อยคือมันยังไงคะระระยะแรกเนี่ย
00:13:21 → 00:13:25 ก็เอ่อจะมีแค่ปวดเมื่อยปวดข้อได้ครับอื
00:13:26 → 00:13:30 แล้วก็อาจจะมีไข้ต่ำๆค่ะเอออีกนึงที่เมัก
00:13:30 → 00:13:33 จะบอกเราคือผมเขาจะร่วงด้วยนะอืผมร่วง
00:13:33 → 00:13:36 ร่วงด้วยครับแล้วก็เขาจะเหนื่อยอ่อนเพลีย
00:13:36 → 00:13:39 ประมาณนี้ครับหลังจากผ่านไปที่ิ 2
00:13:39 → 00:13:41 อาทิตย์ 3 ถึงเดือนนึงเนี่ยอันเนี้ยข้อ
00:13:41 → 00:13:44 อักเสบจะชัดเจนขึ้นอือันนั้นคือเขาจะบอก
00:13:44 → 00:13:48 เราว่าเอ่อข้อเมีการบวมนะออมีอักเสมนะ
00:13:48 → 00:13:51 ขยับไม่ได้ส่วนใหญ่เป็นข้อเล็กๆก่อนเนาะ
00:13:51 → 00:13:54 ข้อมือข้อนิ้วมือประมาณนี้ครับแต่มันก็
00:13:54 → 00:13:57 เป็นที่เข้าเข่าข้าเท้าก็ได้อืแล้วมักบาง
00:13:57 → 00:14:00 บ่อยครั้งเเป็นแบบสมมาสนะคล้ายๆข้ออักเสบ
00:14:00 → 00:14:03 รูบตอยเหมือนกันอ้อครับอืไอ้ที่เป็นตาม
00:14:03 → 00:14:06 ข้อคุณหมอครับกับอาการเก๊าทนี่มันจะมี
00:14:06 → 00:14:08 ความเหมือนหรือแตกต่างกันยังไงครับคุณหมอ
00:14:08 → 00:14:12 ครับอ๋อต่างกันฮเพราะว่าเก๊าเนี่ยมันเกิด
00:14:12 → 00:14:17 จากไอ้ผลึกยูริกซึ่งเอ่อมันเกิดจากสภาวะ
00:14:17 → 00:14:18 ที่
00:14:18 → 00:14:22 เอ่อร่างกายเรามีเลือดเลือดเ่อของเรา
00:14:22 → 00:14:25 เนี่ยมันมีระดับกว่ายูริกในเลือดมันสูงนะ
00:14:25 → 00:14:28 ครับแล้วก็มีการตกผึกผึกเป็นลูกเข็มส่วน
00:14:28 → 00:14:32 ใหญ่ก็ก็เจอในเพศชายวัยกางคนขึ้นไปครับ
00:14:32 → 00:14:35 แล้วก็ข้ออักเสบก็จะเป็นข้อเดียวแล้วก็จะ
00:14:35 → 00:14:39 หายเองได้อ๋อแต่ sle เป็นข้อสค่อนข้างจะ
00:14:39 → 00:14:42 ออกทางเรื้อรังอไม่หายครับโอ้ไม่หายเลย
00:14:42 → 00:14:46 เหรอครับอไม่หายถ้าไม่รักษาไม่ค่อยหาย
00:14:46 → 00:14:49 ครับไม่หายถ้าไม่รักษาแปลว่าถ้าเรารักษา
00:14:49 → 00:14:53 ได้อย่างทันท่วงทีมันมีโอกาสที่จะ
00:14:53 → 00:14:56 หายเอ่อดีขึ้นฮะควบคุมโรคได้ดีขึ้นคือไม่
00:14:56 → 00:14:59 มีทานหายขาแต่ควบคุมไม่ให้โรคมันรุนแรง
00:14:59 → 00:15:02 ขึ้นอย่างเงี้หรอคะใช่ครับเอ่อโดยหลักการ
00:15:02 → 00:15:05 คนไข้แพ้ภูมิตนเองไม่หายขาดเพราะว่าเอ่อ
00:15:05 → 00:15:08 วินิจฉัยแล้วก็จะเป็นโรคนั้นตลอดชีวิตอื
00:15:08 → 00:15:12 แต่การรักษาก็คือทำให้โรคเ้าเข้าสู่ระยะ
00:15:12 → 00:15:15 สงบในความหมายของเราก็คือหายนั่นแหละเพีย
00:15:15 → 00:15:19 แต่ว่าต้องรักษาระดับสงบนานๆๆเป็นหลายๆปี
00:15:19 → 00:15:22 อ่าโลกก็จะอยู่อย่างนั้นก็จะเจะใช้ชีวิต
00:15:22 → 00:15:27 เหมือนคนปกติครับอือค่ะแต่แต่ไอ้การแบบ
00:15:27 → 00:15:30 เอ่อที่บอกว่าแดดเป็นตัวกระตุ้นหรือว่า
00:15:30 → 00:15:33 อ่ะฮอร์โมนเข้าใจแล้วเลี่ยงกินได้แต่แดด
00:15:33 → 00:15:36 เนี่ยสิคะอาจารย์ู้หทุกวันนี้ไม่ว่าจะแดด
00:15:36 → 00:15:39 หน้าจอไม่ว่าจะเป็นแสงหน้าจอแสงหลอดนีออน
00:15:39 → 00:15:43 แสงทงต่างๆมันกสารพัสเพเลยนะอืสารพัดแสง
00:15:43 → 00:15:47 เลยอ่ะโดยโดยทั่วไปแสงที่เพูดเป็นแสง
00:15:47 → 00:15:50 อัลตร้า Violet ซึ่งก็ได้จากแดดมากกว่า
00:15:50 → 00:15:54 ไอ้แสงพวกอ่าทำหลอดไฟอย่างนี้ซึ่งมันมัน
00:15:54 → 00:15:57 จ้ามากเ่าก็คือมันสัมพันธ์กับความเข้มข้น
00:15:57 → 00:16:03 ด้วยนะครับอืเอ่อกลุ่มนี้เนี่ยถ้าเ้าไวนะ
00:16:03 → 00:16:06 ก็เราจะแนะนำให้เขาคใช้พวกไอ้ครีมกันแดด
00:16:06 → 00:16:12 หรือใส่เสื้อคลุมใส่หมวกกันแดดนิดนึงครับ
00:16:12 → 00:16:14 เราก็หลีกเลี่ยงแว่าแนะนำว่าไม่ไม่ให้ไป
00:16:14 → 00:16:17 ผชนแดดเยอะออแต่คราวนี้แต่ละท่านเนี่ย
00:16:17 → 00:16:20 ความไวต่อแดดมันไม่เท่ากันบางคนบอกไม่
00:16:20 → 00:16:22 เห็นเป็นไรเลยอแต่บางคนก็นิดเดียวก็เป็น
00:16:22 → 00:16:25 อันนี้ก็ก็ก็แล้วแล้วแต่คนจริงๆครับอืค่ะ
00:16:25 → 00:16:28 บางคนผิวบางคนแต่อย่างหยกเชื่อว่าดีไม่มี
00:16:28 → 00:16:30 ทางเป็นเป็นเพราะิมป้องกันตัวเองอย่างดี
00:16:30 → 00:16:33 เรื่องของแดดครับๆผมขอบคุณครับขอบคุณ
00:16:33 → 00:16:37 ครับนี่แวะมาแซวด้วยบ้าจริงเฮ้ยนึกถึงนึก
00:16:37 → 00:16:39 ถึงเพราะคุณเป็นคนป้องกันดีแท้าคพูด
00:16:39 → 00:16:42 เหมือนตามที่อาจารย์บอกเลยค่ะสวมหมวกสวม
00:16:42 → 00:16:44 เสื้ออะไรอย่างเงี้ยค่ะป้องกันแดนแต่อนี่
00:16:44 → 00:16:46 ค่ะอาจารย์ลบกวนถามอีกนิดนึงค่ะแล้วแล้ว
00:16:46 → 00:16:49 พอถ้าสมมุติว่าเรารู้ตัวและกระบวนการการ
00:16:49 → 00:16:52 รักษาจนโรคสงบเนี่ยค่ะอาจารย์ใช้เวลานานม
00:16:52 → 00:16:55 ค่ะอาจารย์ครับคราวนี้มันขึ้นอยู่กับว่า
00:16:55 → 00:16:59 แต่ละคนความรุนแรงไม่เท่ากันค่ะครับเรา
00:16:59 → 00:17:03 เราเราจัดแบ่งตามอวัยวะค่ะคนไข้ sle
00:17:03 → 00:17:07 เนี่ยที่เป็นปัญหาใหญ่แล้วทำให้ถึงกชีวิต
00:17:07 → 00:17:11 หรือต้องเอ่อต้องใช้เค้าเรียกอะไรอ่ะอื
00:17:11 → 00:17:15 เสียชีวิตง่ายเนี่ยเค้าจะดูที่เอ่อมีไ
00:17:15 → 00:17:19 อักเสบซึ่งผู้ป่วยจะมาด้วยบวมอืมีค้ยบ
00:17:19 → 00:17:23 เมืนอ่อนเพแล้วก็บวมนะครับแล้วก็อสาว่า
00:17:23 → 00:17:27 เป็นฟองอันเนี้ยต้องใช้ยาเยอะยาแรงอืซึ่ง
00:17:27 → 00:17:31 การใช้ยาาเยอะยาแรงเนี่ยมันก็มีความ
00:17:31 → 00:17:34 เสี่ยงต่อโรคติดเชื้อติดเชื้อง่ายค่ะนะ
00:17:34 → 00:17:38 ครับคล้ายๆได้ยาเคมีเหมือนกับคนไข้ที่
00:17:38 → 00:17:42 เป็นมะเร็งเลยเพราะเออถ้าถ้าไม่รักษาดัง
00:17:42 → 00:17:46 กล่าวเนี่ยพบว่าอัตราการเเรียกทำให้เกิด
00:17:46 → 00:17:49 ไตกลับมาดีเนี่ยมันน้อยอืต้องรักษาแบบ
00:17:49 → 00:17:53 เข้มข้นค่ะนะครับการรักษาแบบเข้มข้นก็มี
00:17:53 → 00:17:55 ความเสี่ยงกับโรคติดเชื้อเพราะฉะนั้นคนไ้
00:17:55 → 00:17:58 S เนี่ยเราจะเน้นเรื่องความสะอาดมากเลยอ
00:17:58 → 00:18:02 ครับค่ะก็คือว่าเอ่ออาหารเนี่ยต้องสะอาด
00:18:02 → 00:18:04 คือเราไม่ห้ามเรื่องอาหารเลยนะค่ะหาอะไร
00:18:04 → 00:18:09 ก็ได้แต่ต้องสะอาดครับอ่าเราไม่เพราะว่า
00:18:09 → 00:18:12 มันติดเชื้อง่ายอืค่ะนะครับแล้วก็จะเข้า
00:18:12 → 00:18:15 สู่ที่ชุมชนอะไรต่างๆเนี่ยก็ต้องล้างมือ
00:18:15 → 00:18:18 ใส่หน้ากากอนามัยแล้วถ้ามีคนเค้าไออะไรก็
00:18:19 → 00:18:22 เลี่ยงๆหน่อยออว่าอย่าไปอยู่กับเค้าอะไร
00:18:22 → 00:18:24 ประมาณเนี้ยคือพูดง่ายๆคือกลายเป็นคนที่
00:18:24 → 00:18:28 บอบบางไปในท้ายที่สุดเลยใช่มั้ยคุณหมอ
00:18:28 → 00:18:30 ครับคือถ้าหากใเอ่อใช่ครับโดยเฉพาะช่วง
00:18:30 → 00:18:34 ต้นๆของเ่อโรคกำเริมเนี่ยตัวเค้าที่เป็น
00:18:34 → 00:18:38 โรค sle ก็มีภูมิกุ้มกันที่บอบบางอยู่
00:18:38 → 00:18:41 แล้วะเพราะว่าภูมิกุ้มกันมันใช้กับตัวเรา
00:18:41 → 00:18:44 เยอะเพราะฉะนั้นสู้เชื้อโลคไม่ค่อยดีอื 2
00:18:44 → 00:18:48 ยาที่ใช้รักษาครับภูมิคุมกันมันก็เป็นยา
00:18:48 → 00:18:51 กดภูมิคุมกันอยู่ดีเพราะฉะนั้นเขาจะมี
00:18:51 → 00:18:54 ความเสี่ยงต่อการติดเชื้อง่ายครับอืค่ะ
00:18:54 → 00:18:57 อันนี้อย่ากับคนแบบเหมือนกินยากดภูมิเลย
00:18:57 → 00:19:00 นะคะใช่ครับใช่ครับใช้ยากดภูมิเหมือนกับ
00:19:00 → 00:19:03 มะเร็งเลยครับออมีแต่ว่าขนาดอาจจะน้อย
00:19:03 → 00:19:08 กว่าเท่านั้นเองครับอืค่ะมันมีความโอโห
00:19:08 → 00:19:11 รุนแรงขนาดต้องใช้ยาเบอร์นั้นเลยใช่มั้ย
00:19:11 → 00:19:14 คุณหมอครับคือถ้าใช่ครับคือคือ sle มันมี
00:19:14 → 00:19:17 ความหลากหลายถ้าเป็นเฉพาะผิวหนังข้ออัน
00:19:17 → 00:19:20 นี้ไม่ค่อยมีอะไรครับนะอย่างอ่าอย่าก็
00:19:20 → 00:19:23 กระทบคุณภาพชีวิตแต่ถ้าในอวัยวะที่รุนแรง
00:19:24 → 00:19:25 ถึงแก่ชีวิตเนี่ยอันนี้ต้องรักษาแบบเข้ม
00:19:25 → 00:19:29 ข้นออแล้วต้องใช้ยากดภูมิในเช่นสเตรอยด์
00:19:29 → 00:19:32 เนี่ยซึ่งพิสูจน์แล้วเนี่ยดีมากออนะครับ
00:19:32 → 00:19:36 แล้วก็ยาเคมีบำบัดเนี่ยถ้าก็พิสูจน์แล้ว
00:19:36 → 00:19:39 ว่าดีมากแต่ก็ความเสี่ยงเรื่องติดเชื้อ
00:19:39 → 00:19:43 กับผลข้างเคียงของสเตียรอยด์ซึ่งเ่อต้อง
00:19:43 → 00:19:45 ต้องให้แพทย์ที่มีความรู้อ่ะเป็นเป็นเป็น
00:19:45 → 00:19:49 คนสั่งยาแล้วก็ผู้ป่วยต้องทายาตามแพทย์
00:19:49 → 00:19:53 สั่งเพราะว่าไอ้ยาพวกเนี้ยเอ่อถ้ารักษาดี
00:19:53 → 00:19:57 เข้าใจก็เป็นยาแต่ถ้าใช้ไม่ดีมันจะเป็นยา
00:19:57 → 00:20:00 พิษไปเลยครับออก็ก็คือต้องทานที่คุณหมอ
00:20:00 → 00:20:03 กำหนดก็ค่อนข้างรุนแรงนะยาเนี่ยคุณหมอ
00:20:03 → 00:20:06 ครับการที่สเตรอยด์เนี่ยมันอาจจะเริ่มต้น
00:20:06 → 00:20:09 จากการที่เป็นจุดที่ดูไม่ไม่ถึงแก่ชีวิต
00:20:09 → 00:20:12 มากอย่างเช่นผิวหนังเนี่ยมันมีโอกาสที่จะ
00:20:12 → 00:20:14 ลามไปยังจุดอื่นได้มั้ยครับอ่ะเริ่มจาก
00:20:14 → 00:20:16 ผิวหนังมันอาจจะไปลงไตก็ได้ไปลงกระดูกก็
00:20:16 → 00:20:19 ได้อย่างนี้ครับคุณหมอครับออ๋อใช่ครับ sle
00:20:19 → 00:20:23 เป็นโรคเอ่อภูมิคุมกันทำลายตนเองหลายระบบ
00:20:23 → 00:20:27 ครับค่ะเอ่อโดยทั่วไปเจะมีตั้งแต่ 2 ระบบ
00:20:27 → 00:20:30 เไม่ค่อยมาเดี่ยวๆอืโอนะครับเช่นเป็นผิ้ว
00:20:30 → 00:20:34 หนังปุ๊บอ่ะเดี๋ยวอาจจะมีเรื่องระบบเลือด
00:20:34 → 00:20:37 หรืออาจจะมีระบบไตหรือขึ้นสมองยังได้อะไร
00:20:37 → 00:20:41 ประมาณเยครับอุยขึ้นสมองโอ๋อได้เลยครับ
00:20:41 → 00:20:45 ขึ้นสมองก็ได้อซึ่งอันเนี้ยเป็นถ้ารักษา
00:20:45 → 00:20:48 ไม่ดีก็ทำให้เกิดเสียชีวิตหรือความพิการ
00:20:48 → 00:20:51 ได้ครับขึ้นสมองนี่คือมันมันไปมันจะไป
00:20:51 → 00:20:54 ทำลายตัวเนื้อเยื่อสมองหรือว่ามันจะไปทำ
00:20:54 → 00:20:56 ปฏิกิริยาอะไรกับสมองของเราอ่ะครับคุณหมอ
00:20:56 → 00:20:59 ครับอ๋อใช่ครับก็คือทำให้เกิดการสในสมอง
00:20:59 → 00:21:02 เลยแล้วก็อืเอ่อก็อาจจะมาด้วยชักนะครับ
00:21:02 → 00:21:07 อาจจะมาด้วยเอ่อจิตเภทเี่นี่ก็ได้นะหรือ
00:21:07 → 00:21:10 เอ่ออะไรที่เกี่ยวกับจิตเภทนี่ได้หมดเลย
00:21:10 → 00:21:15 อืชักหก็เอ่อว่าอะไรที่เค้าเาจะหลงผิด
00:21:15 → 00:21:18 อะไรก็ก็ได้ก็ก็แล้วแต่ว่าเาจะแสดงออกทาง
00:21:18 → 00:21:21 ไหนได้หมดเลยครับดูช่างแยกจหรือแม้แต่
00:21:21 → 00:21:24 อัมพาตก็ได้อย่างงี้เป็นต้นครับโอ้โหมา
00:21:24 → 00:21:27 เียโแล้วว่าคือมันเป็นเอ่อตัวเชื้อที่มัน
00:21:27 → 00:21:30 จะไปทำลายทุกสิ่งทุกอวัยวะในร่างกายของ
00:21:31 → 00:21:34 เราได้ได้ทั้งหมดเหมือนกันนะคือคือได้หมด
00:21:34 → 00:21:37 ครับเพียงแต่ว่าแต่ละคนไม่เหมือนกันอืบาง
00:21:37 → 00:21:40 บางคนโชคดีก็เบาเช่นโดนเฉพาะิวหนังข้อบาง
00:21:40 → 00:21:44 คนโชคร้ายขึ้นสมองอืหรือลงไตอะไรอย่าง
00:21:44 → 00:21:47 เงี้ยครับแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเนี่ยถ้า
00:21:47 → 00:21:50 วินิจฉัยให้ได้เร็วให้การรักษาถูกต้องทัน
00:21:50 → 00:21:54 ท่วงทีผลการรักษาดีครับวินิจฉัยได้อย่าง
00:21:54 → 00:21:57 ทันท่วงทีเพราะฉะนั้นอาการแรกเริ่มครับ
00:21:57 → 00:22:00 ที่เราจะสามารถสังเกตตัวเองได้ถึงความผิด
00:22:00 → 00:22:04 ปกติหรือว่ามันอาจจะมีสัญญาณบางอย่างว่า
00:22:04 → 00:22:07 เราอาจจะเป็น sle เนี่ยสังเกตอันดับแรก
00:22:07 → 00:22:09 ได้ง่ายที่สุดและเร็วที่สุดคืออะไรครับ
00:22:09 → 00:22:13 คุณหมออ๋อก็
00:22:13 → 00:22:17 คือส่วนใหญ่ส่วนใหญ่เ่อเอย่างที่บอกฮะ
00:22:17 → 00:22:22 เค้าอาการทางอ่าไปวดมืดเนี่ยอ่อนเพลียปวด
00:22:22 → 00:22:25 ข้อเนี่ยเจะนำมาก่อนค่ะแต่เค้าเอ่อ
00:22:25 → 00:22:27 อันเนี้ยเขาจะนำมาก่อนเลยที่รู้สึกไม่
00:22:27 → 00:22:30 สบายอ่ะแล้วก็ไม่ไม่เข้าใจตัวเองอะไร
00:22:30 → 00:22:33 เงี้ยไข้วัดไข้แล้วไข้มันขึ้นแล้วไม่ไม่
00:22:33 → 00:22:36 รู้สาเหตุเช่นเป็นไข้เรื้อรังเอา 3
00:22:36 → 00:22:39 อาทิตย์ปวดข้อข้ออักเสบหรือมีผื่นโดย
00:22:39 → 00:22:42 เฉพาะผื่นที่ที่แก้มที่หน้าเหมือปึก
00:22:42 → 00:22:44 ผีเสื้ออันเนี้ยเป็นลักษณะของเขาค่ะหรือ
00:22:44 → 00:22:46 มีผมร่วงเนี่ยเป็นรักษณะของเขาหรือบาง
00:22:46 → 00:22:50 ท่านอาจจะมาด้วยบวมอันนี้บวมก็ไปเ่อ้าทาง
00:22:50 → 00:22:52 หมอไตเเจะดูแลก่อนแล้วเขาก็จะสืบค้นว่า
00:22:52 → 00:22:55 sle ด้วยหรือไม่โอสรุปว่าทั้งนี้ทั้ง
00:22:55 → 00:22:58 นั้นแล้วแต่ว่าเาจะมีอาการอะไรเด่นขึ้นมา
00:22:58 → 00:23:02 คนก็เด่นไม่เหมือนกันออใช่ครับใช่ครับอ๋อ
00:23:02 → 00:23:05 ขึ้นอยู่กับว่ามันจะไปลงที่อวัยวะอะไรใช่
00:23:05 → 00:23:07 มั้ยคุณหมอครับใช่ค่ะออใช่ครับใช่ครับบาง
00:23:07 → 00:23:10 คนผมร่อาจารย์ขาแล้วที่อาจารย์บอกว่า
00:23:10 → 00:23:14 เลือดอันเนี้ยหนูสงสัยอ้อเออพอเลือดนี่
00:23:14 → 00:23:18 มันมันจะเป็นยังไงอคะอาจารย์คือคือไอ้คือ
00:23:18 → 00:23:21 แล้วแต่เลือดเนี่ยหมายถึงว่าตัวโรค sle
00:23:21 → 00:23:24 เนี่ยเา้าจะไปทำลายระบบเม็ดเลือดออนะครับ
00:23:24 → 00:23:27 ทำให้เกิดภาวะีทำลายเม็ดเลือดขาวเม็ด
00:23:27 → 00:23:29 เลือดขาวต่ำทำลายเกลียดเลือดทำให้เกลียด
00:23:29 → 00:23:33 เลือดต่ำเกียดเลือดนี่มีผลในแง่เ่อที่เ่อ
00:23:33 → 00:23:35 เลือดออกเกี่ยวกับเลือดออกเพราะฉะนั้นคน
00:23:35 → 00:23:37 ไข้ก็เลือดออกง่ายถ้าเกิดเลือดต่ำมากๆ
00:23:37 → 00:23:39 หรือมีประจำเดือนมากเกินไปหรือมีเลือดออก
00:23:39 → 00:23:42 ตามไรฟันอะไรประมาณนี้นะครับแล้วก็จะเสืบ
00:23:43 → 00:23:47 ้นครับออคือคนี้แล้วแต่คนเนี่ยเนื่องจาก S
00:23:47 → 00:23:49 มีความหลากหลายอ่ะนะเพราะฉะนั้นเาก็ต้อง
00:23:49 → 00:23:53 มีเกณฑ์เกณฑ์ในการวินิจฉัยครับซึ่งเขาจะ
00:23:53 → 00:23:57 ต้องอาศัยการตรวจเลือดหาภูมิคุ้มกันว่า
00:23:57 → 00:24:01 เป็นโรค SL อหรือไม่นะครับอันเนี้ยแพทย์
00:24:01 → 00:24:05 จะเป็นคนส่งแล้วมันจะตัวแปรผลถ้ามีเกณฑ์
00:24:05 → 00:24:08 เข้าได้เขาจะบอกเนี่ยโรค sle แม้ว่าแต่ละ
00:24:08 → 00:24:11 คนจะมีอาการไม่เหมือนกันเช่นบางคนมีไต
00:24:11 → 00:24:14 อักเสบอย่างเดียวเรื่องบวมบางคนมีมาด้วย
00:24:14 → 00:24:18 ชักอหรือบางคนมาด้วยอาการนาพิวหนังบางคน
00:24:18 → 00:24:22 มาด้วยอาการข้อขอักเสบแต่วิิจัย sle
00:24:22 → 00:24:25 เหมือนกันเพราะว่าจะมีเกณฑ์ร่วมอืเกณฑ์
00:24:25 → 00:24:29 ร่วมกับต้องอาศัยการตรวจเลือดทางระบบภูมิ
00:24:29 → 00:24:32 คุ้มกันนะในการบอกครับโอตรวจเลือดระบบ
00:24:32 → 00:24:34 ภูมิคุ้มกันแล้วถ้าป่วยอย่างนี้ก็ต้องให้
00:24:34 → 00:24:37 เลือดสิคะเพราะว่าเม็ดเลือดขาวออครับคือ
00:24:37 → 00:24:41 ได้เลือดมั้ยไม่ไม่ได้คือได้เลือดอาจจะ
00:24:41 → 00:24:43 ไม่ไม่ไม่สิ่งถูกต้องนักเพราะว่าไ้ไปก็
00:24:43 → 00:24:46 ถูกทำลายหมดโอ้ให้ไปเพราะฉะนั้นหลักการก็
00:24:46 → 00:24:48 คือต้องให้ยากดภูมิคุ้มกันโดยเฉพาะ
00:24:48 → 00:24:53 สเตียรอยด์ไปช่วยให้ภูมิพุมกันมันหยุดไม่
00:24:53 → 00:24:56 ไม่ให้ทำลายระบบเม็ดเลือดครับค่ะโอโหครับ
00:24:57 → 00:24:59 อันนั้นเป็นวิธีรักษากินยาแล้วก็เดี๋ยว
00:24:59 → 00:25:02 ร่างกายก็สร้างขึ้นมาทดแทนครับค่ะกินยา
00:25:02 → 00:25:05 กี่ปีกดภูมิกี่ปีคะอาจารย์ถึงว่าระดับถึง
00:25:05 → 00:25:08 จะเสถียนเรียกว่าจะสงบใช่มั้ยเอใช่ครับ
00:25:08 → 00:25:11 โดยโดยทั่วไปโรค SV เป็นโรคเรื้อรังเพราะ
00:25:11 → 00:25:14 ฉะนั้นต้องทำใจว่าต้องใช้เวลาค่ะครับเอ่อ
00:25:14 → 00:25:17 หลักหลักเวลาเนี่ยร่วงช่วงโรคกำเริบแต่ละ
00:25:17 → 00:25:20 คนเนี่ยนะก็ว่าเป็นเดือนอืค่ะแล้วก็ต่อ
00:25:21 → 00:25:25 เนื่องนะครับอ่ายกตัวอย่างที่รุนแรงคือไต
00:25:25 → 00:25:28 อักเสบที่มาด้วยบวมถ้ารักษาไม่ดีก็ทำให้
00:25:28 → 00:25:31 เกิดไตเสิบไตวายต้องฟอกเลือดเพราะฉะนั้น
00:25:31 → 00:25:36 กระบวนการรักษาจะต้องเข้มข้นแล้วก็ภายใน 6
00:25:36 → 00:25:39 เดือนเป็นต้นนะก็ควรจะทำให้คนไข้เข้าสู่
00:25:39 → 00:25:43 ระยะสงบได้ถ้าถ้าไม่มีเอ่อข้อติดขัดอะไร
00:25:43 → 00:25:48 ต่างๆบางคนก็จะสงบอ่าเป็นปีก็ได้แต่หลัง
00:25:48 → 00:25:52 จากดีแล้วเนี่ยมันจะต้องมีกระบวนการใช้ยา
00:25:52 → 00:25:57 เพื่อคงไม่ให้โลกกลับมาค่ะอันเนี้ยมัน
00:25:57 → 00:25:59 ขึ้นเ่อต้องอาศัยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ
00:25:59 → 00:26:02 เนี่ยในการให้ยาต่อเนื่องและผู้ป่วยมี
00:26:02 → 00:26:06 หน้าที่ต้องมาติดตามการรักษาแล้วก็ต้อง
00:26:06 → 00:26:10 ทานยาสม่ำเสมอเพื่อไม่ให้โลกเป็นกลับถ้า
00:26:10 → 00:26:12 กลับมาเนี่ยมันก็จะซ้ำเข้าสู่ระบบเดิม
00:26:12 → 00:26:16 ต้องใช้ยาขนาดสูงอืครับในช่วงที่เอ่อเา้า
00:26:16 → 00:26:18 เรียกว่าประคับประคองไม่ให้โรคกำเริบ
00:26:18 → 00:26:21 เนี่ยมันจะมีการปรับลดขนาดยาวลงไปเรื่อยๆ
00:26:21 → 00:26:25 อือครับค่ะออค่ะอาจารย์คะคุณ 6 เดือนเลย
00:26:25 → 00:26:30 นะออนานนะคะเดือเดูว่าโอเคคุณดีขึ้นมั้ย
00:26:30 → 00:26:33 อย่างเงี้ยหรอคะออใช่มันต้องมีกระบวนการ
00:26:33 → 00:26:37 ดูการถามผู้ป่วยอือ่าที่ป่วยว่ามีปัญหา
00:26:37 → 00:26:41 อะไรมั้ยแล้วก็แพทย์ก็จะตรวจว่ามีอวัยวะ
00:26:42 → 00:26:45 อักเสบที่ผู้ป่วยไม่ได้บอกมั้ยแล้วก็ใช้
00:26:45 → 00:26:49 เลือดเจาะเลือดดูทุกครั้งเพื่อติดตามว่า
00:26:49 → 00:26:52 โรคกำเริบมั้ยหรือมีอะไรซ่อนอยู่หรือ
00:26:52 → 00:26:55 เปล่าอย่างนี้เป็นต้นครับค่ะอาจารย์คะคน
00:26:55 → 00:26:57 ที่เป็น sle และเสียชีวิตเนี่ยคือเสีย
00:26:57 → 00:26:59 ชีวิตจากไตเหรอคะหรือว่าส่วนใหญ่จะเป็น
00:26:59 → 00:27:02 จากอะไรเพราะส่วนใหญ่ก็เห็นเอ่อครับ sle
00:27:02 → 00:27:04 เนี่ย
00:27:04 → 00:27:08 เอ่อเป็นโรคที่ทำให้ถึงแก่ชีวิตนะครับ
00:27:08 → 00:27:11 เอ่อถ้ารักษาไม่ดีเพราะฉะนั้นจะมีข่าวดัง
00:27:11 → 00:27:15 เพราะว่าเอ่อการเสียชีวิตเนี่ยจะเจอในคน
00:27:15 → 00:27:18 วัยสาวๆด้วยไงเพราะฉะนั้นมันจะอยู่ใน
00:27:18 → 00:27:21 ประชากรที่ไม่ควรเสียชีวิตนะครับอ่าเพราะ
00:27:21 → 00:27:25 ฉะนั้นเอ่อานี้สาเหตุการเสียชีวิตเนี่ย
00:27:25 → 00:27:28 มันเริ่มตั้งแต่ติดเชื้อง่ายอออย่างที่
00:27:28 → 00:27:32 บอกค่ะครับ sle ตัวเเองเนี่ยภูมิกันที่จะ
00:27:32 → 00:27:34 ต่อสู้เชืโลกก็ไม่ค่อยดีนักค่ะเพราะ
00:27:34 → 00:27:37 ฉะนั้นติดเชื้อง่ายติดเชื้อแล้วก็จะรุน
00:27:37 → 00:27:41 แรงกว่าคนปกติออครับค่ะ 2
00:27:41 → 00:27:45 เอ่อเสียชีวิตจากตัวโรคที่ไปในอวัยวะที่
00:27:45 → 00:27:48 สำคัญเช่นเ่อขึ้นสมองอย่างเงี้ยนะครับค่ะ
00:27:49 → 00:27:51 หรือเอ่อตายแต่ตายปัจจุบันเนี่ยไม่ค่อย
00:27:51 → 00:27:53 เสียชีวิตและเพราะว่ามีกระบวนการฟอกเลือด
00:27:53 → 00:27:59 หรือฟอกไตมาช่วยได้แล้วก็ก็สามารถที่จะทำ
00:27:59 → 00:28:02 ผ่าตัดเปลี่ยนเปลี่ยนไตได้ถ้ากรณีที่ไต
00:28:02 → 00:28:07 เสื่อมรุนแรงจนต้องใช้ฟอกเลือดนะครับอ่า
00:28:07 → 00:28:09 แล้วก็อาจจะมีเรื่องของหัวใจอักเสบได้นะ
00:28:10 → 00:28:14 ครับซึ่งก็ทำให้เกิดภาวะหัวใจวายอืนะครับ
00:28:14 → 00:28:16 แล้วก็สุดท้ายเนี่ยที่พบว่าเนื่องจากการ
00:28:16 → 00:28:20 รักษาเราดีขึ้นค่ะอัตราการสก็ในกระบวนการ
00:28:20 → 00:28:23 ทั้งติดเชื้อทั้งจากตัวการอักเสบเนี่ยลด
00:28:23 → 00:28:27 ลงแต่เราพบว่าตัวคนผู้ป่วย sle เนี่ยมัน
00:28:27 → 00:28:31 มีมีอุบัติการณ์ของโรคหล่อเลือดหัวใจเยอะ
00:28:31 → 00:28:35 ขึ้นกว่าคนทั่วไปค่ะใช่มั้ยฮะปกติแล้ว
00:28:35 → 00:28:39 เนี่ยโรคหัวใจจะพบในคนเ่อเพศชายวัยกลางคน
00:28:39 → 00:28:44 ขึ้นไปมีโรคเบาหวานความดันไขมันครับแต่
00:28:44 → 00:28:47 ผู้ป่วย sle ในเพศหญิงนะครับพบว่ามี
00:28:47 → 00:28:50 อุบัติการณ์ของโรคหลหัวใจหัวใจขาดเลือด
00:28:50 → 00:28:55 เนี่ยมากกว่าเอ่อในวัยเดียวกันเนี่ยนะ
00:28:55 → 00:28:59 เกิน 15 เท่าอืฉะนั้นการรักษา SV เลยต้อง
00:28:59 → 00:29:02 มองปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคลหัวใจด้วย
00:29:02 → 00:29:05 อืไอ้ที่ทำให้เกิดโโรคลหัวใจเนี่ยเราพบ
00:29:05 → 00:29:08 ว่ามันเกิดจากการอักเสบในภายในอมันมีข้อ
00:29:08 → 00:29:11 มูลชัดเจนเลยฮะว่าการอักเสบเรื้อรังเนี่ย
00:29:11 → 00:29:14 กระตุ้นทำให้เกิดโรคเหล่าเรหัวใจครับ
00:29:14 → 00:29:17 อือหือโหมันดูเป็นโลกที่น่ากลัวมากเลยนะ
00:29:17 → 00:29:21 มันสามารถลามไปถึงนู่นนั่นนี่ได้อีกเยอะ
00:29:21 → 00:29:24 แยะมากมายจริงๆเอ่อเป็นโรคที่ถ่ายทอดทาง
00:29:24 → 00:29:28 พันธุกรรมมั้ยครับคุณมอครับอ๋อครับคือคือ
00:29:28 → 00:29:31 sle เนี่ยมีพันธุกรรมมาเกี่ยวข้องใน
00:29:31 → 00:29:35 ระดับหนึ่งค่ะเพราะฉะนั้นเนี่ยผู้ป่วย
00:29:35 → 00:29:38 เนี่ยนะถ้ามีประวัติในครอบครัวโดยเฉพาะ
00:29:38 → 00:29:43 คุณพ่อนะคุณแม่พี่น้องเป็นเนี่ยเราเรียก
00:29:43 → 00:29:46 ว่าไอ้วงวงวงแรกอ่ะลูกเป็นเอ่อลูกลูกนี่
00:29:46 → 00:29:50 อาจจะได้รับจากเรานะครับเอ่ออันเนี้ยความ
00:29:50 → 00:29:53 เสี่ยงจะเยอะอแล้วก็กลุ่มคือมันมีข้อมูล
00:29:53 → 00:29:58 นะก็คือนายผู้ป่วย sle ที่เป็นฝ้าแฝด
00:29:58 → 00:30:01 เนี่ยครับ 8 เอ่าไอ้นี่เยอะอีกคนไปอีกคน
00:30:01 → 00:30:05 เป็นจะเยอะโอ้โหครับแล้วก็อ่าพี่น้องก็จะ
00:30:05 → 00:30:08 เยอะอืนะครับเพราะฉะนั้นแต่ไม่ใช่ว่าใน
00:30:08 → 00:30:10 ครอบครัวเป็นแล้วทุกคนต้องเป็นมันไม่ไม่
00:30:10 → 00:30:14 ไม่เด่นขนาดนั้นเพียงแต่ว่าความเสี่ยงจะ
00:30:14 → 00:30:18 มากกว่าคนปคนทั่วไปอค่ะวงแรกที่ว่ามี
00:30:18 → 00:30:20 โอกาสจะเป็นเคุณหมอประมาณสักกี่
00:30:20 → 00:30:22 เปอร์เซ็นต์นะครับคุณหมอฮะเอ่อข้อมูล
00:30:22 → 00:30:27 เนี่ยผมไม่แน่ใจตัวเลขชัดเจนแต่ผมรู้ว่า
00:30:27 → 00:30:30 ถ้าเป็นขวาแฝดไข่เบขึ้นไปถึงประมาณ 20%
00:30:31 → 00:30:36 นะ 16 -20% อแต่ถ้าเ่อใบนี้อาจจะัก 5
00:30:36 → 00:30:39 หรือ 10% ไม่น่าไม่น่าเกินกว่านี้นะครับ
00:30:39 → 00:30:43 อืคค่ะเมื่อกี้เมื่อกี้เราก็รู้แล้วนะว่า
00:30:43 → 00:30:46 เป็นทีนึงนี่เนี่ยนะโอ้โหอักเสบทั้งตัวทง
00:30:46 → 00:30:48 เออใช่มันแล้วมันแล้วมันก็มีโอกาสลุกลาม
00:30:48 → 00:30:51 ไปยังอวัยวะอื่นๆด้วยไงด้วยไม่มีทางหนี
00:30:51 → 00:30:53 ได้เลยนะคะใชแล้วก็ต้องกินยาอย่างเดียว
00:30:53 → 00:30:56 ต้องเจาะเลือดตลอดอาจารย์คะอ่าใช่ครับแนว
00:30:56 → 00:30:59 ทางถูกต้องนะครับต้องต้องเน้นเรื่องกินยา
00:30:59 → 00:31:02 แล้วก็ต้องกินให้ตรงด้วยแล้วก็อย่าอย่า
00:31:02 → 00:31:05 หยุดยาเองเราเพบว่าบ่อยครั้งเนี่ยอเอ่อไป
00:31:05 → 00:31:08 หยุดยาเองหรือทานยาไม่ครบเนี่ยโรคคคุมไม่
00:31:08 → 00:31:11 ได้เลยครับออแล้วก็อีกเรื่องนึงก็คือการ
00:31:11 → 00:31:13 ติดเชื้อเราต้องระวังแล้วก็อีกเรื่อง
00:31:13 → 00:31:16 หนึ่งก็คือเกี่ยวกับความเครียดมันมีผลทำ
00:31:16 → 00:31:20 ให้คุมโรคไม่ได้อืนะทั้งกายทั้งใจเป็นหมด
00:31:20 → 00:31:23 เลยครับโอ้โหแล้วก็เอ่อนิดนึงผมเสริมนิด
00:31:23 → 00:31:27 นึงก็ได้เอ่อ sle มักเจอในเพศหญิงที่เ่อ
00:31:27 → 00:31:31 กำลังมีประจำเดือนอืโรคเไม่มีข้อห้ามใน
00:31:31 → 00:31:34 การตั้งครรภ์นะขอแต่เพียงว่าต้องโรคสงบ
00:31:34 → 00:31:37 อย่างน้อย 6 เดือนอ๋อครับคุณหมอเจะ
00:31:37 → 00:31:41 พิจารณาอย่างงั้นแล้วก็ไม่มีผลทำให้เก
00:31:41 → 00:31:44 พิการด้วยนะครับอค่ะแล้วก็การเจริญพันธ์
00:31:44 → 00:31:47 ก็สามารถตั้งันได้ตามปกติเพียงแต่ว่าจะมี
00:31:47 → 00:31:50 ความเสี่ยงต่อลูกในเรื่องของ
00:31:50 → 00:31:54 เ่อเด็กตัวเล็กเ่อหรือคุณแม่ก็แพ้ง่าย
00:31:54 → 00:31:56 อะไรประมาณเซึ่งอันเนี้ยต้องการการดูแล
00:31:56 → 00:31:59 จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาเหมือนกันค่ะอาจารย์
00:31:59 → 00:32:02 คะมีคุณผู้ฟังทางบ้านค่ะรบกวนสอบถาม
00:32:02 → 00:32:05 อาจารย์มาแบบเยค่ะว่าแล้วคนเป็นรูมาตอย
00:32:05 → 00:32:09 มากๆนะคะมีสิทธิ์ที่จะเป็น sle มั้ยคะ
00:32:09 → 00:32:12 ครับคราวนี้เอ่อเนื่องจากไอ้ sle กับ
00:32:12 → 00:32:15 รูมาตอยโดยหลักก็คือพี่น้องกันน่ะเนาะอื
00:32:15 → 00:32:16 โอโห
00:32:16 → 00:32:20 เอ่อคือถ้าคนไข้เป็นรูมาตอยเนี่ยเอ่ออาจ
00:32:20 → 00:32:25 จะมี sle มาร่วมได้นะครับอาจจะมีนะครับ
00:32:25 → 00:32:30 แล้วก็ก็ไม่เป็นไรก็รักษาตามอาคารอยู่
00:32:30 → 00:32:34 แล้วเพียงแต่ว่ารูมาตอยเนี่ยมันใช้ยามุ่ง
00:32:34 → 00:32:38 ไปที่ข้อครับนะครับขณะที่ sle เนี่ยถ้า
00:32:38 → 00:32:41 เรื่องข้อเนี่ยอาจจะใช้ยาที่เบาหน่อย
00:32:41 → 00:32:44 เมื่อเปรียบเทียบกับรูมาตอยครับแต่
00:32:44 → 00:32:46 รูมาตอยมันไม่ค่อยมีอวัยวะอื่นเช่นไม่ลง
00:32:47 → 00:32:50 ไตไม่ลงไม่ขึ้นสมองในขณะที่ sle เนี่ยมัน
00:32:50 → 00:32:54 ต้องมองกว้างขึ้นออนะครับอืนี่โยคิดในใจ
00:32:54 → 00:32:58 ยังจะมาแจมอีกอือเป็นแค่อย่างเดียวก็พอถ
00:32:58 → 00:33:01 จะมาแจมอีกเรามีโอกาสแจมได้เยอะมากเลยมี
00:33:01 → 00:33:04 อีกหนึ่งคำถามคุณหมอครับคือถ้าคนที่เป็น
00:33:04 → 00:33:08 sle เนี่ยมันอยู่ในช่วงเวลาที่โรคสงบละ
00:33:08 → 00:33:11 อืเอ่อคนที่เอ่อเป็นคนที่ดูแลเนี่ยผู้
00:33:11 → 00:33:14 ป่วยเนี่ยเราควรจะต้องระมัดระวังหรือว่า
00:33:14 → 00:33:17 ดูแลอะไรเป็นพิเศษมั้ครับคุณหมอครับดูแล
00:33:17 → 00:33:20 คือก็อย่างดังที่กล่าวครับก็คือถ้าสงบ
00:33:20 → 00:33:24 ปุ๊บเนี่ยพยายามดูแลไม่ให้ตัวกระตุ้นไม่
00:33:24 → 00:33:28 ให้โรกกำเริบอ่ะอืก็คือ 1 ผ่านยา
00:33:28 → 00:33:34 พยาสเสมอครับ 2 เอ่อสารเคมียานอกระบบยา
00:33:34 → 00:33:38 ชุดให้เลี่ยงค่ะนะครับ 3 ติดเชื้อนต้อง
00:33:38 → 00:33:41 ระวังไอ้ติดเชื้อทั้งหลายเชื้อหวัดเชื้อ
00:33:41 → 00:33:44 อะไรก็แล้วแต่สีหนองอะไรเงี้ยนะกระตุ้น
00:33:44 → 00:33:48 โรคได้นะครับแล้วก็ความเครียดเนี่ยต้อง
00:33:48 → 00:33:51 ไม่เครียดอืนะครับก็คือว่าต้องใจสบายๆ
00:33:51 → 00:33:55 ครับนะครับแล้วก็เอ่อไอ้การตั้งครรภ์
00:33:56 → 00:34:00 เนี่ยโรคกำเริบได้อือืนะครับแต่แต่ถ้า
00:34:00 → 00:34:03 อยู่ในการดูแลของแพทย์แล้วก็ดูแลก็ก็น่า
00:34:03 → 00:34:06 จะตั้งครร์ได้ดีครับออเพราะมันเกี่ยวกับ
00:34:06 → 00:34:08 ฮอร์โมนอย่างที่อาจารย์บอกใช่มั้ยคะพอเรา
00:34:08 → 00:34:12 ตั้งคั้นปุ๊บฮอร์โมนก็มากขึ้นเออครับ
00:34:12 → 00:34:14 อาจารย์คะแล้ววิธีการป้องกันสมมุติเรายัง
00:34:14 → 00:34:16 ไม่เกิดโรกนี้และเราต้องยังไงคะเราระวัง
00:34:16 → 00:34:18 ได้มั้ยคะหรือเราไม่มีวิธีป้องกันจนกว่า
00:34:18 → 00:34:21 เราจะรู้ตัวว่าเราเป็นคือครับคราวนี้จะ
00:34:21 → 00:34:25 ป้องกันยังไงดีค่ะก็คือเนื่องจากมันไม่
00:34:25 → 00:34:27 ทราบสาเหตุเราก็ดูว่าเรามีความเสี่ยงมั้ย
00:34:27 → 00:34:31 ก็คือดูในครอบครัวค่ะอืถ้าเสี่ยงถ้า
00:34:31 → 00:34:35 เสี่ยงอ่ะต้องดูก็คือดังที่กล่าวอย่าไป
00:34:35 → 00:34:40 ติดเชื้อง่ายอย่าไปใช้อย่าไปเจอสารเคมียา
00:34:40 → 00:34:44 ที่เอ่อพวกเกี่ยวกับยาบางตัวเนี่ยกระตุ้น
00:34:44 → 00:34:49 เลยนะครับแล้วก็อ่าความเครียดนะอย่าไปโดน
00:34:49 → 00:34:53 แดดเยอะอะไรประมาณเนี้ยครับค่ะยายาบางตัว
00:34:53 → 00:34:55 ที่ทำให้มันเต็มที่ถ้ามันได้ไม่ได้ก็คือ
00:34:55 → 00:34:57 ไม่ได้เแล้วยาบางตัวที่กระตุ้นนะคะ
00:34:57 → 00:35:00 อาจารย์เราจะรู้ได้ยังไงคะว่ายาอะไรอ่ะคะ
00:35:00 → 00:35:04 ส่วนใหญ่มันเป็นยาพวกยาปฏิชีวนะอ๋อเช่นยา
00:35:04 → 00:35:08 รักษาสิวเนี่ยกระตุ้นได้ออยายารักษาสิว
00:35:09 → 00:35:12 กระตุ้นได้ยาเป็นยากินหรือยาทาคะที่กเออ
00:35:12 → 00:35:15 เป็นยายารับประทานยารธอ๋อกระตุ้นเหรอคะ
00:35:15 → 00:35:18 ครับออคือคือคือทั้งนี้ทั้งนั้นเนี่ยบาง
00:35:18 → 00:35:21 ครั้งมันมันก็ประมาณยากว่าเออจะเกิดเมื่อ
00:35:21 → 00:35:24 ไหร่ค่ะโดยธรรมชาติเนี่ยเขาจะมีแนวโน้มจะ
00:35:24 → 00:35:26 เกิดอยู่แล้วแล้วก็มีสารบางตัวเป็น
00:35:26 → 00:35:28 กระตุ้นเคก็เกิด
00:35:28 → 00:35:32 ครับกันแดดที่ต้องทาเค่ะอาจารย์ต้องแบบ
00:35:32 → 00:35:36 โบกให้มิดหรือว่าถ้าคนเป็นแล้วคือมันแล้ว
00:35:36 → 00:35:40 แต่คนอืานี้ถ้าเกิดว่าเอ่อประวัติชัดเจน
00:35:40 → 00:35:43 ในครอบครัวเนี่ยอ่าอันนี้เราก็เรี่ยงไอื
00:35:43 → 00:35:46 ก็คือมิดได้ก็ดีแต่ก็อย่าไปกลัวมากฮมัน
00:35:46 → 00:35:50 ไม่ใช่ว่าโอ้โหต้องคลุมอะไรซักขนาดนั้นออ
00:35:50 → 00:35:53 นะครับเพียงแต่ว่าเอ่อก็อย่าไปตากแดดแบบ
00:35:53 → 00:35:57 อาบแดดอะไรประมาณนี้อืไม่ได้ครับเอออออ
00:35:57 → 00:36:01 ไม่ก็เอ่อใช้ครีมกันแดบเวลาเราจะไปเล่น
00:36:01 → 00:36:04 น้ำเล่นอะไรประมาณนี้ครับค่ะอืก็ก็ก็ต้อง
00:36:04 → 00:36:08 ทากันตามสมควรไปเอออาจจะไม่ต้องกังวลไม่
00:36:08 → 00:36:11 ต้องไปโอ้โหวิตกกังวลกันขนาดนั้นไม่ต้อง
00:36:11 → 00:36:15 ฮะเออตามเยอะเกินไปมันมันจะเครียดไปเปล่า
00:36:15 → 00:36:17 ๆนะครับคุณหมอครับทีนี้มันก็มีมันก็มีคำ
00:36:17 → 00:36:20 ถามนึงครับคุณหมอที่หลายคนก็คงจะสงสัย
00:36:20 → 00:36:23 เหมือนกันเพราะว่าภาพจำของเรามันมีที่
00:36:23 → 00:36:25 เกิดขึ้นกับคุณพุ่มพวงคือถ้าเป็น sle
00:36:25 → 00:36:29 เอ้ย sle แล้วเนี่ยชีวิตเราเนี่ยจะอยู่
00:36:29 → 00:36:33 ได้นานขนาดไหนคุณหมอครับอ๋อครับก็คือ
00:36:33 → 00:36:36 ปัจจุบันการรักษาเนี่ยมันดีนะครับเพราะ
00:36:36 → 00:36:40 ฉะนั้นเนี่ยผู้ป่วย sle โดยทั่วไปก็จะมี
00:36:40 → 00:36:44 ชีวิตที่ยืนยาวกว่าในอดีตเยอะค่ะครับครับ
00:36:44 → 00:36:48 เอ่อเอ่อโดยทั่วไปนะฮะสามารถดำรงชีวิตได้
00:36:48 → 00:36:51 ค่อนข้างดีทีเดียวค่ะค่ะด้วยการรักษา
00:36:51 → 00:36:55 วิทยาการปัจจุบันนะมันจะมีส่วนน้อยที่
00:36:55 → 00:36:58 เอ่อได้รับการรักษาที่ค่อนข้างจะต่ำกว่า
00:36:58 → 00:37:02 มาตรฐานหรือโรคมันรุนแรงจรงอันนี้อันนี้
00:37:02 → 00:37:06 อันนี้ก็ถึงแก่ชีวิตได้อืครับโอก็ก็ก็เจอ
00:37:07 → 00:37:11 เป็นส่วนน้อยไม่เยอะครับโอแต่อืเมื่อกี้
00:37:11 → 00:37:14 อาจารย์บอกทั้งอ่ะเป็นส่วนน้อยนั่นะแล้ว
00:37:14 → 00:37:16 อันนี้ถามย้ำอีกทีค่ะอาจารย์เมื่อกี้
00:37:16 → 00:37:18 อาจารย์บอกแล้วว่าคนเป็นอย่างเงี้ยทาน
00:37:18 → 00:37:20 อะไรก็ได้หมดแต่มันมีอะไรที่เราต้อง
00:37:20 → 00:37:22 เรี่ยงมยคะหรือว่าอาหารอย่างบางคนบอย่าง
00:37:22 → 00:37:24 บางอย่างเออฮอร์โมนเราไม่ต้องกินน้ำ
00:37:25 → 00:37:27 เต้าหู้มยหรือเราต้องกินได้หรือเรายัง
00:37:27 → 00:37:30 อะไรได้อยู่อะไรอย่างเงี้ยค่ะอาจารย์คือ
00:37:30 → 00:37:35 คือถ้าถ้าอุดมคติมันก็ต้องเป็นอาหารคลีน
00:37:36 → 00:37:39 อยู่แล้วอืแต่มันมันดำรงชีวิตยากอ่าเพราะ
00:37:39 → 00:37:44 ฉะนั้นอ่าเราเราเน้นเน้นก็คือสะอาดอืแล้ว
00:37:44 → 00:37:48 ก็อ่าสะอาดอย่างเดียวหลังจากนั้นเนี่ยถ้า
00:37:48 → 00:37:52 ไปก็เป็นอาหารสุขภาพค่ะเช่นอย่าเ่อดูกิน
00:37:52 → 00:37:56 อาหารหลากหลายเอ่อแล้วก็ดูเอ่อเกี่ยวกับ
00:37:56 → 00:37:59 สุขภาพเช่นเอ่ออย่ากินไขมันเยอะครับกิน
00:37:59 → 00:38:03 น้ำตาลน้อยๆเค็มน้อยๆอเข้าสู่โหมดปกติที่
00:38:03 → 00:38:07 เขแนะนำอครับเพราะว่า sle เนี่ยมันมี
00:38:07 → 00:38:10 อุบัติการณ์โรคตายกับโรคหัวใจขาดเลือดได้
00:38:10 → 00:38:12 ได้บ่อยเพราะฉะนั้นเราก็ให้คุมอย่างเงี้ย
00:38:12 → 00:38:15 เอออีกอันนึงก็คือเน้นออกกำลังกายอ่ะลืม
00:38:15 → 00:38:18 บอกไปเราสามารถออกได้กำลังกายสเสมอด้วย
00:38:18 → 00:38:20 ออกได้ปกติใช่มั้ยคนเป็น sle แต่ได้ได้
00:38:20 → 00:38:24 ปกติคือคือช่วงที่เขาเป็นเยอะๆมันออกไห
00:38:24 → 00:38:26 ไหวหรอกมันมันเหนื่อยงเพียค่ะเพราะฉะนั้น
00:38:26 → 00:38:30 ก็ออกพอประมาณอืแต่ถ้าเค้าคุมโรคได้ดี
00:38:30 → 00:38:34 แล้วเนี่ยก็เอ่อเพิ่มความแรงความถี่ได้
00:38:34 → 00:38:36 มากขึ้นเพราะนี้ทั้งนั้นร่างกายผู้ป่วยจะ
00:38:36 → 00:38:40 เป็นคนบอกอครับก็อย่าไปฝืนเอ่อ S เรื่อง
00:38:40 → 00:38:44 นิดนึงอย่าไปฝืนห้ามฝืนหมายความว่าเพลีย
00:38:44 → 00:38:46 เหนื่อยมากแล้วก็ไปออกเยอะๆเพื่อหวังผล
00:38:46 → 00:38:50 เอาชนะไม่ได้อืความทนทานของผู้เ่อคนไข้
00:38:50 → 00:38:53 ที่ sle จะสู้คนทั่วไปไม่ได้ครับต้องต้อง
00:38:53 → 00:38:55 รู้จักตัวเองครับอืเออหนูชอบตวงเนี้ยค่ะ
00:38:55 → 00:38:57 ต้องรู้จักตัวเองกลับอันนี้จะบอกว่าว่า
00:38:57 → 00:39:00 เอ่ออ่าการทานอาหารไม่ใช่แบบคลีนแบบ
00:39:01 → 00:39:03 สมมุติเราเราพูดถึงชีวิตที่เราอยู่ใน
00:39:03 → 00:39:06 ชีวิตปกติเนาะแค่แบบไม่เน้นอันนั้นคือ
00:39:06 → 00:39:08 อุดมคติใช่ต้องคลีนอะไรเี้แต่ว่าในชีวิต
00:39:08 → 00:39:11 จริงมันก็อาจจะเหมือนที่คุณหมอบอกก็คือ
00:39:11 → 00:39:13 เลี่ยงได้ในสิ่งที่ควรจะต้องเลี่ยงมาก
00:39:13 → 00:39:16 กว่านะครับผมเออได้วันนี้ก็เรียกว่าครบ
00:39:16 → 00:39:19 ถ้วนนะในประเด็นที่หลายท่านสงสัยเออใช่
00:39:19 → 00:39:21 วันนี้ต้องขอขอบพระคุณคุณหมอมากนะครับคุณ
00:39:21 → 00:39:26 หมอครับครับๆๆก็ขอบคุณนะครับยินดีนะครับ
00:39:26 → 00:39:30 ครับผมครับขอบพระคุณหมสวัสครับค่ะสวัสดี
00:39:30 → 00:39:32 ค่ะขอบพระคุณค่ะนะคะที่จบไปนะคะคือนาย
00:39:33 → 00:39:37 แพทย์สูงชัยนะคะอังทรันะคะเป็นหัวหน้า
00:39:37 → 00:39:40 กลุ่มงานโรคข้อและภูมิแพ้นะคะโรงพยาบาล
00:39:40 → 00:39:43 ราชวิถีนะคะ