00:00:08 → 00:00:12 หน้าที่พื้นฐานของไขมันในร่างกายคือ เป็นแหล่งอาหารสำรอง
00:00:12 → 00:00:15 ในยุคก่อนประวัติศาสตร์ การคัดเลือกทางธรรมชาติคัดเลือกฟีโนไทป์
00:00:15 → 00:00:19 ที่สามารถทนต่อสภาวะที่ไม่เอื้ออำนวย โดยกับเก็บไขมันเอาไว้ให้ได้มากที่สุด
00:00:19 → 00:00:23 เนื่องจากการขาดสารอาหารเรื้อรัง เป็นเรื่องปกติในประวัติศาสตร์มนุษย์
00:00:23 → 00:00:26 พันธุกรรมจึงมีวิวัฒนาการต่อการกักเก็บไขมัน
00:00:26 → 00:00:29 แล้วเมื่อไรกันที่ไขมันในร่างกายกลายเป็นปัญหา
00:00:29 → 00:00:33 ผลกระทบในทางลบของการมีน้ำหนักเกิน ไม่ได้ถูกเขียนไว้ในเอกสารทางการแพทย์ด้วยซ้ำ
00:00:33 → 00:00:36 จนกระทั่งปลายศตวรรษที่ 18
00:00:36 → 00:00:40 จากนั้น ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี กอปรกับมาตรการสาธารณสุข
00:00:40 → 00:00:45 ก็ส่งผลให้ปริมาณ คุณภาพ และความหลายหลายของอาหารนั้นดีขึ้น
00:00:45 → 00:00:49 คอาหารดี ๆ ที่มีอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ไม่ขาดแคลน ทำให้ประชากรที่มีสุขภาพที่ดีขึ้น
00:00:49 → 00:00:51 ทำให้เศรษฐกิจเจริญเติบโต
00:00:51 → 00:00:54 ผลผลิตเพิ่มขึ้น และสิ่งที่ตามมาคือเวลาว่าง
00:00:54 → 00:00:56 และรอบเอว
00:00:56 → 00:01:00 ถึงกลางศตวรรษที่ 19 การมีน้ำหนักเกินมาก ๆ หรือภาวะอ้วน
00:01:00 → 00:01:04 ถูกพิจารณาว่าเป็นสาเหตุของสุขภาพที่ไม่ดี
00:01:04 → 00:01:07 และอีกศตวรรษต่อมา มันถูกพิจารณาว่ามันเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต
00:01:07 → 00:01:12 อะไรคือความแตกต่าง ระหว่างการมีน้ำหนักเกินและอ้วน
00:01:12 → 00:01:16 การคำนวณที่เรียกว่า ดัชนีมวลกาย จะช่วยบอกความแตกต่าง
00:01:16 → 00:01:20 ตัวอย่างเช่น ถ้าคนหนึ่งหนัก 65 กิโลกรัม
00:01:20 → 00:01:22 และสูง 1.5 เมตร
00:01:22 → 00:01:26 เขาจะมีดัชนีมวลกายประมาณ 29
00:01:26 → 00:01:29 โรคอ้วนเป็นภาวะที่มีไขมันในร่างกายมากเกินไป
00:01:29 → 00:01:32 ที่เกิดขึ้นเมื่อบุคคลหนึ่ง มีดัชนีมวลกายมากกว่า 30
00:01:32 → 00:01:37 ถ้าแค่ภาวะน้ำหนักเกิน จะมีค่าดังกล่าวที่ 25 ถึง29.9
00:01:37 → 00:01:41 ขณะที่ดัชนีมวลกายอาจเป็นประโยชน์ ในการช่วยประเมินน้ำหนักปกติ
00:01:41 → 00:01:44 เปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกายที่แท้จริง สามารถประเมินได้
00:01:44 → 00:01:47 โดยใช้เพียงข้อมูล เช่น รอบเอว
00:01:47 → 00:01:49 และมวลกล้ามเนื้อ
00:01:49 → 00:01:53 ตัวอย่างเช่น นักกีฬา โดยธรรมชาติแล้ว จะมีดัชนีมวลกายที่มากกว่า
00:01:53 → 00:01:56 แล้วคนเราเป็นโรคอ้วนได้อย่างไรล่ะ
00:01:56 → 00:02:00 โดยพื้นฐาน โรคอ้วนนั้น เกิดจากความไม่สมดุลของพลังงาน
00:02:00 → 00:02:03 ถ้าพลังงานที่ได้มาจากแคลอรี่
00:02:03 → 00:02:06 มากกว่าพลังงานที่ใช้ออกไป โดยการทำกิจกรรมทางกายภาพ
00:02:06 → 00:02:10 ร่างกายจะเก็บแคลอรี่ที่เหลือในรูปของไขมัน
00:02:10 → 00:02:14 โดยส่วนใหญ่แล้ว ความไม่สมดุล เกิดจากหลาย ๆ สถานการณ์รวมกัน
00:02:14 → 00:02:16 และตัวเลือก
00:02:16 → 00:02:21 ผู้ใหญ่ควรจะออกกำลังกาย อย่างน้อย 2.5 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
00:02:21 → 00:02:23 และหนึ่งชั่วโมงต่อวันสำหรับเด็ก
00:02:23 → 00:02:28 แต่ทั่วโลกนั้น หนึ่งในสี่ของผู้ใหญ่ และแปดในสิบคนของวัยรุ่น
00:02:28 → 00:02:29 ไม่ค่อยจะกระฉับกระเฉงกันสักเท่าไร
00:02:29 → 00:02:33 อาหารแปรรูปแคลอรี่สูง และการเพิ่มขึ้นของขนาด
00:02:33 → 00:02:35 ควบคู่ไปกับการตลาดอย่างแพร่หลาย
00:02:35 → 00:02:38 นำไปสู่การกินที่มากเกินไปมากขึ้นเรื่อย ๆ
00:02:38 → 00:02:39 และทรัพยากรที่ขาดแคลน
00:02:39 → 00:02:42 และการขาดการเข้าถึงอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และราคาไม่แพง
00:02:42 → 00:02:46 ก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงให้แก่กลุ่มด้อยโอกาส
00:02:46 → 00:02:49 ถึงกระนั้น พันธุกรรมของเราก็ยังมีบทบาท
00:02:49 → 00:02:51 การศึกษาในครอบครัวและ ฝาแฝดที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน
00:02:51 → 00:02:56 แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า พันธุกรรมมีความสัมพันธ์ต่อน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น
00:02:56 → 00:02:59 การศึกษาล่าสุด ยังพบความเชื่อมโยงระหว่างโรคอ้วน
00:02:59 → 00:03:04 และแบคทีเรียนหลากหลายสายพันธุ์ ที่อาศัยอยู่ในระบบย่อยอาหารของเรา
00:03:04 → 00:03:09 ไม่ว่าสาเหตุจะเป็นอะไร โรคอ้วนก็เป็นปัญหา ที่กำลังระบาดเพิ่มขึ้นไปทั่วโลก
00:03:09 → 00:03:12 มันเป็นปัจจัยสำคัญ ที่เพิ่มโอกาสการเป็นโรคอื่น ๆ
00:03:12 → 00:03:14 เช่น เบาหวาน
00:03:14 → 00:03:15 โรคหัวใจ
00:03:15 → 00:03:16 โรคหลอดเลือดสมอง
00:03:16 → 00:03:18 ความดันโลหิตสูง
00:03:18 → 00:03:19 และมะเร็ง
00:03:19 → 00:03:24 มันส่งผลกระทบต่อคนทุกเพศทุกวัย และทุกกลุ่มฐานะในสังคม
00:03:24 → 00:03:27 ทั้งประเทศที่พัฒนาแล้ว และประเทศที่กำลังพัฒนา
00:03:27 → 00:03:32 โรคอ้วนในเด็กเพิ่มขึ้น 60% ทั่วโลก เพียงแค่ในสองทศวรรษที่ผ่านมา
00:03:32 → 00:03:35 ปัญหานี้ใหญ่เกินกว่าที่จะไม่สนใจ
00:03:35 → 00:03:41 เมื่อบุคคลหนึ่งเป็นโรคอ้วน การฟิ้นตัวนั้นจะเป็นไปได้ยากขึ้น
00:03:41 → 00:03:45 การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนและการเผาผลาญ จะลดการตอบสนองต่อการกินมากเกินไป
00:03:45 → 00:03:50 หลังจากน้ำหนักลด คนที่เคยมีน้ำหนักเกิน จะเผาผลาญแคลอรี่ได้น้อยกว่า
00:03:50 → 00:03:52 เมื่อออกกำลังกายในแบบเดียวกัน
00:03:52 → 00:03:55 เมื่อเทียบกับคนที่น้ำหนักตัวเท่ากัน
00:03:55 → 00:03:58 การกำจัดไขมันส่วนเกินนั้นเป็นไปได้ยากขึ้น ในคนที่เคยมีน้ำหนักเกินมาก่อน
00:03:58 → 00:04:00 และเมื่อมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น
00:04:00 → 00:04:03 การส่งและรับรู้สัญญาณที่ถูกทำลาย ก็ยิ่งทำให้มันยากขึ้น
00:04:03 → 00:04:07 ต่อสมองในการคำนวณปริมาณอาหาร ที่กินเข้าไป และไขมันสะสม
00:04:07 → 00:04:08 อย่างไรก็ดี หลักฐานบางอย่าง
00:04:08 → 00:04:11 ที่ทำการติดตามติดตามอย่างระมัดระวัง การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในระยะยาว
00:04:11 → 00:04:15 สามารถทำให้ปัญหาสุขภาพ ที่เกี่ยวกับโรคอ้วนนั้นดีขึ้นได้
00:04:15 → 00:04:18 และการลดน้ำหนัก จากการเปลี่ยนพฤติกรรมที่ยั่งยืน
00:04:18 → 00:04:21 หรือการรักษาแบบตรงจุด การผ่าตัดเพื่อรักษาโรคอ้วน
00:04:21 → 00:04:25 สามารถทำให้ภาวะดื้อต่ออินซูลินดีขึ้น และลดการอักเสบลงได้
00:04:25 → 00:04:29 สิ่งที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นประโยชน์ต่อการอยู่รอด ตอนนี้ได้กลายมาเป็นศัตรูกับเราเสียแล้ว
00:04:29 → 00:04:33 ในขณะที่ประชากรโลกกำลังเคลื่อไหวน้อยลง และตัวใหญ่ขึ้น
00:04:33 → 00:04:37 การเคลื่อไหวและกินอย่างมีสติ เพื่อหนทางไปสู่การมีน้ำหนักที่ดีขึ้น
00:04:37 → 00:04:40 จึงสำหรับต่อความเป็นอยู่ที่ดีโดยรวมของเรา
00:04:40 → 00:04:42 และด้วยการระบาดที่สงผลกระทบ ต่อทุกประเทศทั่วโลกนี้
00:04:42 → 00:04:45 ด้วยเหตุผลทางเศรษฐกิจและสังคมที่แตกต่างกัน
00:04:45 → 00:04:48 ปัญหาโรคอ้วนไม่อาจถูกมองว่า เป็นปัญหาที่เป็นเอกเทศ
00:04:48 → 00:04:50 มาตรการระดับสากลอื่น ๆ เพื่อการป้องกัน
00:04:50 → 00:04:53 จึงจำเป็นต่อการจัดการน้ำหนักของคนทั่วโลก