00:00:00 → 00:00:02 This is Thai PBS Podcast viiew
00:00:03 → 00:00:06 the world by the voice.
00:00:06 → 00:00:08 จากข้อมูลการศึกษาวิจัยเนี่ยเขาเลยพบเลย
00:00:08 → 00:00:11 ว่าเฮ้ยในอาหารทะเลเนี่ยมีการปนเปื้อนพวก
00:00:11 → 00:00:14 ไมโครพลาสติกอยู่เกลือทะเลน้ำประปายังมี
00:00:14 → 00:00:18 การปนเปื้อนเลยข้อมูลล่าสุดเขาพบว่าเกือบ
00:00:18 → 00:00:22 90% ของน้ำดื่มบรรจุขวดพลาสติกมี
00:00:22 → 00:00:25 ไมโครพลาสติกปนเปื้อนอยู่มนุษย์เราเนี่ย
00:00:25 → 00:00:28 อาจได้รับไมโครพลาสติกโดยเฉลี่ยนะครับ 5
00:00:28 → 00:00:31 กรัมต่อสัปดาห์หรือเทียบเท่าบัตรเครดิต 1
00:00:31 → 00:00:34 ใบ 1 ปีเนี่ยประมาณ 50,000-1,000
00:00:35 → 00:00:37 20,000 ชิ้นต่อปีจากการศึกษาวิจัยเนี่ย
00:00:37 → 00:00:40 ก็พบว่าระบบทางเดินอาหารไมโครพลาสติกจะไป
00:00:40 → 00:00:44 ทำลายเยื่อบุลำไส้แล้วไปรบกวนการดูดซึม
00:00:44 → 00:00:46 สารอาหารแล้วกระตุ้นให้ลำไส้เราอักเสบได้
00:00:46 → 00:00:49 นะ
00:00:49 → 00:00:52 >> ฟังทุกเรื่องสุขภาพอัปเดตทุกโรคภัยฟังราย
00:00:52 → 00:00:56 การโรงหมอกับดิฉันสุรีพรวงษ์สถิตพรค่ะ
00:00:56 → 00:00:58 >> This is Thai PBS Podcast
00:00:58 → 00:01:01 >> คุณผู้ฟังคะได้เวลาของรายการกันแล้วนะคะ
00:01:01 → 00:01:04 โรงหมอวันนี้เราจะมาพูดคุยถึงเรื่องของ
00:01:04 → 00:01:08 ไผ่เงียบจากไมโครพลาสติกมันเกี่ยวข้องกับ
00:01:08 → 00:01:11 ชีวิตประจำวันของเราเนี่ยแทบจะทุกอย่าง
00:01:11 → 00:01:13 เลยเฮ้ยแล้วเราอยู่กับมันอย่างเงี้ยทุก
00:01:14 → 00:01:16 วันตลอดเวลาอย่างเงี้ยแล้วมันจะมีผลกระทบ
00:01:16 → 00:01:18 กับเราอย่างไรนะคะคุยกับผู้ช่วย
00:01:18 → 00:01:21 ศาสตราจารย์ดร.เอกราชบำรุงพืชจากวิทยาลัย
00:01:21 → 00:01:24 การแพทย์บูรณาการมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิต
00:01:24 → 00:01:25 ค่ะสวัสดีค่ะอาจารย์คะ
00:01:25 → 00:01:27 >> ครับสวัสดีครับผม
00:01:27 → 00:01:29 >> อาจารย์วันนี้มาแนวไหนไม่ได้กินเอ้ยไม่
00:01:29 → 00:01:32 ใช่ไม่ได้กินไม่ได้คุยเรื่องอาหารเหรอ
00:01:32 → 00:01:35 ไมโครพลาสติกไปนึกถึงเรื่องของการใช้อ่า
00:01:35 → 00:01:38 ผลิตภัณฑ์อะไรต่างๆเหล่าเนี้ยเยอะแยะมาก
00:01:38 → 00:01:40 มายแต่เห็นบอกว่าแบบเอ้ยมันเกี่ยวข้องกับ
00:01:41 → 00:01:42 ชีวิตเราอ่ะทุกอย่างเลย
00:01:42 → 00:01:44 >> เกี่ยวโดยตรงเลยครับโดยเฉพาะอาหารน้ำดื่ม
00:01:44 → 00:01:46 ต่างๆอ
00:01:46 → 00:01:48 >> นะบางคนแบบเฮ้ยมันคนละเรื่องนี่อาจารย์
00:01:48 → 00:01:51 มันไมโครพพลาสติกอย่างที่คุณลีว่ามันเป็น
00:01:51 → 00:01:54 เรื่องของรสโลกร้อนอะไรต่างๆจริงๆแล้ว
00:01:54 → 00:02:00 เนี่ยมันปนเปื้อนอยู่ในห่วงโซ่อาหารทำให้
00:02:00 → 00:02:04 เราได้รับไมโครพลาสติกมาด้วยอ่าเดี๋ยว
00:02:04 → 00:02:07 อาจารย์จะค่อยๆอธิบายให้คุณผู้ฟังได้ทำ
00:02:07 → 00:02:10 ความเข้าใจเนาะไมโครพลาสติกเนี่ยชื่อมัน
00:02:10 → 00:02:12 ก็บอกอยู่ว่าไมโครแปลว่าเล็กๆ
00:02:12 → 00:02:13 >> เล็กอ
00:02:13 → 00:02:16 >> อ่าพลาสติกเล็กๆที่มีอนุภาคของพลาสติก
00:02:16 → 00:02:20 เนี่ยเล็กกว่า 5 มม.ซึ่งมักที่จะเกิดจาก
00:02:20 → 00:02:23 การย่อยสลายหรือแตกหักของขยะพลาสติกอ่ะ
00:02:23 → 00:02:27 ถุงพลาสติกภาชนะพลาสติกกล่องพลาสติกนะพวก
00:02:27 → 00:02:30 เนี้ยมันมีการปนเปื้อนอยู่ในห่วงโซ่อาหาร
00:02:30 → 00:02:33 และน้ำดื่มต่างๆที่เราเห็นว่าแบบอุ๊ยตอน
00:02:33 → 00:02:37 นี้กำลังเป็นกระแสฮิตเลยเนาะที่มีอารมณ์
00:02:37 → 00:02:40 ประมาณinfluenเซอร์อ่านึกออกมั้ยครับ
00:02:40 → 00:02:41 >> ตามอยู่ตามเ
00:02:41 → 00:02:44 >> อนี่แหละขวัญใจเอ่อแม่ยกพ่อยกทั้งหลาย
00:02:44 → 00:02:45 แหล่เพื่อไป
00:02:45 → 00:02:46 >> อฮ
00:02:46 → 00:02:48 >> เก็บพลาสติกค่ะใช่
00:02:48 → 00:02:50 >> เพราะมันปนเปื้อนอยู่ในห่วงโซ่อาหารนะ
00:02:50 → 00:02:51 ครับ
00:02:51 → 00:02:52 >> ห่วงโซ่อาหาร
00:02:52 → 00:02:54 >> มันไปอยู่ในไอ้เศษพลาสติกเหล่านั้นเนี่ย
00:02:54 → 00:02:56 ที่มันถูกย่อยสลายเนี่ยครับกุลีรู้มั้ย
00:02:56 → 00:02:59 ว่ามันใช้ระยะเวลาในการย่อยสลายเนี่ยเป็น
00:02:59 → 00:03:00 100 ปีนะ
00:03:00 → 00:03:01 >> ค่ะ
00:03:01 → 00:03:03 >> หลอดที่เรากินหลอดพลาสติกเนี่ย
00:03:03 → 00:03:03 >> ค่ะ
00:03:03 → 00:03:05 >> เป็น 100 ปีเลยนะ
00:03:05 → 00:03:08 >> ถึงจะแบบย่อยสลายหมดเนี่ยแล้วมันก็เป็น
00:03:08 → 00:03:12 มลพิษทางทะเลนะในระบบนิเวศที่มันค่อยๆ
00:03:12 → 00:03:15 ย่อยสลายเป็นขนาดเล็กเนี่ยแล้วปลามันไป
00:03:15 → 00:03:16 กิน
00:03:16 → 00:03:21 >> กุ้งไปกินหอยปูแล้วมันก็เข้าไปอยู่ในตัว
00:03:21 → 00:03:23 สิ่งมีชีวิตเหล่านั้น
00:03:23 → 00:03:23 >> อ
00:03:23 → 00:03:24 >> ที่เรา
00:03:24 → 00:03:27 >> จับขึ้นมากินมันมีการปนเปื้อนอยู่ในห่วง
00:03:27 → 00:03:29 โซ่อาหารเหล่านี้ครับ
00:03:29 → 00:03:30 >> อ๋อ
00:03:30 → 00:03:32 >> นึกออกมั้ยครับฉะนั้นแล้วเนี่ยมันมีการปน
00:03:32 → 00:03:34 เปื้อนอยู่ในอาหารทะเลแล้วแล้วเนี่ยจาก
00:03:34 → 00:03:37 ข้อมูลการศึกษาวิจัยเนี่ยเขาเลยพบเลยว่า
00:03:37 → 00:03:39 เฮ้ยในอาหารทะเลเนี่ยมีการปนเปื้อนพวก
00:03:39 → 00:03:41 ไมโครพลาสติกอยู่นะ
00:03:41 → 00:03:42 >> แล้ว
00:03:42 → 00:03:46 >> ไม่ใช่แค่ในอาหารทะเลอย่างเดียวนะครับ
00:03:46 → 00:03:48 เกลือทะเลยังมีเลย
00:03:48 → 00:03:50 >> อ้ากำลังฮิอยู่น้ำเกลือข้อมูลการสังเกลือ
00:03:50 → 00:03:54 ทะเลก็มีนะน้ำประปายังมีการปนเปื้อนเลย
00:03:54 → 00:03:55 แหล่งของน้ำอ่ะครับ
00:03:55 → 00:03:56 >> อ๋อแหล่งของน้ำ
00:03:56 → 00:04:00 >> ใช่ในอาหารทะเลต่างๆแหล่งของน้ำหรือข้อ
00:04:00 → 00:04:06 มูลล่าสุดจาก WHO นะครับเขาพบว่าเกือบ 90%
00:04:06 → 00:04:11 ของน้ำดื่มบรรจุขวดพลาสติกมีไมโครพลาสติก
00:04:11 → 00:04:12 ปนเปื้อนอยู่
00:04:12 → 00:04:16 >> คือเรากินน้ำที่อยู่ในขวดพลาสติกมาประมาณ
00:04:16 → 00:04:17 แบบโอ้โหไม่รู้เท่าไหร่ละ
00:04:17 → 00:04:18 >> ถูกต้อง
00:04:18 → 00:04:20 >> เพิ่งเค้าเพิ่งวิจัยหรอคะหรือว่ามันเพิ่ง
00:04:20 → 00:04:22 >> เค้าวิจัยจริงๆแล้วก็ระยะนึงแล้วครับตั้ง
00:04:22 → 00:04:26 แต่ปี 2019 ที่ WHO ออกมาให้ข้อมูลนะแล้ว
00:04:26 → 00:04:30 มันมีการศึกษาเยอะแยะมากมายเลยตีพิมพ์งาน
00:04:30 → 00:04:32 วิจัยออกมาว่าเฮ้ยมนุษย์เราเนี่ยอาจได้
00:04:32 → 00:04:35 รับไมโครพลาสติกเฉลี่ยสะสมนะครับ
00:04:35 → 00:04:35 >> ค่ะ
00:04:35 → 00:04:38 >> 1 ปีเนี่ยประมาณ 50,000-120,000
00:04:38 → 00:04:41 ชิ้นต่อปีขึ้นอยู่กับพฤติกรรมบางคนกินน้ำ
00:04:41 → 00:04:45 ขวดพลาสติกเป็นประจำนะเดชบุญวันนี้คุณลี
00:04:45 → 00:04:45 เสิร์ช
00:04:45 → 00:04:46 >> ใส่เป็นขวดแก้ว
00:04:46 → 00:04:49 >> อ่าขวดแก้วลดโลกร้อนด้วยไงอ่าเพื่อดีต่อ
00:04:49 → 00:04:53 โรคด้วยและข้อมูลล่าสุดอันนี้เป็นการ
00:04:53 → 00:04:55 ศึกษาวิจัยจากมหาวลัยนิวคาสเซิลที่
00:04:55 → 00:04:58 ออสเตรเลียนะศึกษาวิจัยหาปริมาณพลาสติก
00:04:58 → 00:05:01 ที่มันอยู่จากธรรมชาตินี่แหละแล้วมันเข้า
00:05:01 → 00:05:04 สู่วงจรการบริโภคของเราเนี่ยนะแล้วเพบว่า
00:05:04 → 00:05:07 >> มนุษย์เราเนี่ยกินไมโครพลาสติกเนี่ยโดย
00:05:07 → 00:05:10 เฉลี่ยนะครับ 5 กรัมต่อสัปดาห์หรือเทียบ
00:05:10 → 00:05:13 เท่าบัตรเครดิต 1 ใบนี่เราได้รับ
00:05:13 → 00:05:15 ไมโครพลาสติกเข้าสู่ร่างกายนะ
00:05:15 → 00:05:17 >> นี่ถึงขั้นเรากินบัตรเครดิตไปแล้วเลย
00:05:17 → 00:05:19 >> ใช่อารมณ์ประมาณนั้นเลยปริมาณเปรียบเทียบ
00:05:19 → 00:05:23 นะมันเล็กๆแล้วมันสะสม
00:05:23 → 00:05:25 >> นะครับฉะนั้นแล้วเค้าก็มีการศึกษาวิจัย
00:05:25 → 00:05:30 กันแบบว่าเฮ้ยผลกระทบล่ะมันมีอะไรบ้างถ้า
00:05:30 → 00:05:32 เราได้รับไมโครพลาสติกเหล่าเนี้ยมันไม่
00:05:32 → 00:05:35 ใช่ว่าครูรีได้รับไปปุ๊บเฮ้ยเช้าตื่นขึ้น
00:05:35 → 00:05:37 มาน้ำลายฟูมปาก
00:05:37 → 00:05:39 แล้วขาดอากาศหายใจมันไม่ใช่แบบนี้
00:05:39 → 00:05:42 >> ไม่ใช่ไม่แต่อาจารย์คือถ้าเกิดมันมัน
00:05:42 → 00:05:45 เทียบเท่าได้กับการที่เรากินเหมือนอะไรนะ
00:05:45 → 00:05:46 บัตรเครดิต
00:05:46 → 00:05:48 >> บัตรเครดิตสัปดาห์ละใบนะ
00:05:48 → 00:05:51 >> นี่ข้อมูลจากที่เขาวิจัยออกมาเลยนะ
00:05:51 → 00:05:51 >> อ่า
00:05:51 → 00:05:52 >> กำลังนึกอยู่ว่าเรา
00:05:52 → 00:05:55 >> แต่มันเล็กมากนะหมายความว่าเล็กๆแล้วมัน
00:05:55 → 00:05:56 กระจายแพร่อยู่ใน
00:05:56 → 00:05:59 >> เอ่อเนื้อเยื่อต่างๆทั่วร่างกายครับมันมี
00:05:59 → 00:06:01 งานวิจัยอันนึงที่
00:06:01 → 00:06:04 >> ตีพิมพ์ลงในวารสารทางการแพทย์ที่มี Impact
00:06:04 → 00:06:07 Factor สูงมากนะ Nature Medicine เมื่อ
00:06:07 → 00:06:09 ปี 2024 เอง
00:06:09 → 00:06:12 >> เขาพบว่าไมโครพลาสติกเนี่ยผ่านเข้าสู่
00:06:12 → 00:06:14 สมองมนุษย์โดยพบปริมาณ
00:06:14 → 00:06:18 พลาสติกหรือไมโครพลาสติกสะสมเนี่ยในสมอง
00:06:18 → 00:06:22 สูงกว่าตับสูงกว่าไตนะครับแล้วมีการ
00:06:22 → 00:06:25 >> ชันสูตรศพใช้กล้องจุรทัศน์ดูเลยนะ
00:06:25 → 00:06:27 วิเคราะห์โมเลกุลตัวอย่างของไมโครพลาสิค
00:06:27 → 00:06:29 เนี่ยว่าเฮ้ยมันอยู่ที่สมองอยู่ที่ตับที่
00:06:29 → 00:06:30 ไต
00:06:30 → 00:06:30 >> ค่ะ
00:06:30 → 00:06:32 >> ในมนุษย์ของเรานี่แหละ
00:06:32 → 00:06:34 >> แล้วมันรบกวนการทำงานต่างๆของร่างกายนะ
00:06:34 → 00:06:37 แต่แค่ว่ามันไม่ได้มีความเป็นพิษแล้วออก
00:06:37 → 00:06:38 ฤทธิ์ออกมาเลยเหมือนยาพิษที่กินเข้าไป
00:06:38 → 00:06:42 แล้วออกฤทธิ์เฉียบพันมันมีการสะสมสะสม
00:06:42 → 00:06:44 สะสมสะสมไมโครพลาสิเหล่านี้ซึ่งมันก็จะไป
00:06:44 → 00:06:47 รบกวนการทำงานต่างๆของร่างกายไงครับคุณ
00:06:47 → 00:06:49 นึกออกมั้ยผลกระทบกับร่างกาย
00:06:49 → 00:06:51 >> อาจารย์มันไปอยู่ที่สมองนี่เข้าใจมาตลอด
00:06:51 → 00:06:53 เลยนะคะว่ามีแต่ขี้เลื่อยอยู่ในหัว
00:06:53 → 00:06:56 >> ไม่ใช่ครับ
00:06:56 → 00:06:58 ไมโครพลาสติกถูกแทนที่ขี้เลื่อยแล้วครับ
00:06:58 → 00:07:01 ตอนนี้ใจดีมั้ย
00:07:01 → 00:07:05 >> ไมโครพลาสติกเลยส่งผลกระทบต่างๆแต่แค่ว่า
00:07:05 → 00:07:07 ผลเหล่าเนี้ยมันคือสะสมอ่ะคุณรีนึกออก
00:07:07 → 00:07:11 มั้ยมันเป็นปัจจัยร่วมใช่ครับคุณรีกินน้ำ
00:07:11 → 00:07:12 มันก็มีอ่ะ
00:07:12 → 00:07:12 >> อ้า
00:07:12 → 00:07:13 >> ขวดพลาสติกอ่ะ
00:07:14 → 00:07:16 >> โหอาจารย์เราเราปฏิเสธไม่ได้ว่าชีวิตเรา
00:07:16 → 00:07:18 นี่อยู่กับอะไรที่มันเป็นพลาสติกบรรจุ
00:07:18 → 00:07:21 พันธุ์รอบตัวถูกต้องครับรอบตัวเลย
00:07:21 → 00:07:22 >> อาหารใส่กล่องพลาสติก
00:07:22 → 00:07:23 >> ถูกต้องครับถุง
00:07:23 → 00:07:25 >> อุตส่าห์ไม่ใส่โฟมแล้วไง
00:07:25 → 00:07:26 >> ทุกอย่าง
00:07:26 → 00:07:30 >> ไม่ใส่โฟมแล้วไงกล่องพลาสติกก็โอเคแล้วไง
00:07:30 → 00:07:33 >> ใช่มันก็ยังมีการที่จะปนเปื้อนออกมาได้นะ
00:07:33 → 00:07:36 ครับซึ่งมันส่งผลกระทบหมดเลยน้ำและอาหาร
00:07:36 → 00:07:39 มีหมดครับไมโครพลาสติกเนี่ยแล้วยังเป็น
00:07:39 → 00:07:41 ประเด็นที่นักวิจัยทั่วโลกให้ความสนใจ
00:07:41 → 00:07:43 แล้วศึกษาเพิ่มมากขึ้นมากขึ้นมากขึ้นนะ
00:07:43 → 00:07:44 ทุกวันเนี้ย
00:07:44 → 00:07:46 >> เออก็เมื่อนึกถึงได้ค่ะอาจารย์อาจารย์
00:07:47 → 00:07:49 เดินทางบ่อยอาจารย์ไปตามที่พักตามประเทศ
00:07:49 → 00:07:52 ต่างๆเนี่ยอาจารย์จะเห็นบางโรงแรมใช้เป็น
00:07:52 → 00:07:52 ขวดแก้ว
00:07:52 → 00:07:55 >> ขวดแก้วถูกต้องล่าสุดไปสวิตเซอร์แลนด์
00:07:55 → 00:07:57 >> ออเป็นไงคะโอที่พักดีครับ
00:07:57 → 00:07:59 >> อบรรยากาศดีเนาะอากาศดี
00:07:59 → 00:08:02 >> ถูกต้อง 2 คืนจ่ายไป 6 หลักนะที่พักดีขวด
00:08:02 → 00:08:04 น้ำวางไว้อย่างดีแก้วหมดเลย
00:08:04 → 00:08:05 >> โอเป็นแก้วหลัก
00:08:05 → 00:08:08 >> ขวดแก้วหมดเลยขวดน้ำแร่เนี่ย
00:08:08 → 00:08:10 >> จะสังเกตสิครับว่า
00:08:10 → 00:08:14 >> ถ้ามีราคาส่วนใหญ่ก็จะเป็นขวดแก้วหมดเลย
00:08:14 → 00:08:17 >> อืแต่หลังๆมาเค้าไม่ใช้ขวดแก้วกันเท่า
00:08:17 → 00:08:19 ไหร่หรอกนะคะในตามโรงแรมอะไรอย่างเงี้ย
00:08:19 → 00:08:20 >> ใช่
00:08:20 → 00:08:22 >> หรือว่าจะมีแค่ทุกวันเนี้ย
00:08:22 → 00:08:24 >> เอ่อมันง่ายไงครับมันง่ายแล้วมันก็แบบ
00:08:24 → 00:08:27 >> สะดวกไอ้เจ้าพลาสติกเนี่ยมัน
00:08:27 → 00:08:30 >> มันหาซื้อง่ายสะดวกผลิตต่างๆเม็ดพลาสติก
00:08:30 → 00:08:31 อะไรที่เค้าเอามาใช้กันอย่างเงี้ยครับ
00:08:31 → 00:08:32 >> ใช่ที่มาหลอมมาทำ
00:08:33 → 00:08:35 >> ใช่มาทำอย่างเงี้ยแล้วเวลามันถูกย่อยสลาย
00:08:35 → 00:08:38 เนี่ยมันก็เลยปนเปื้อนอยู่ในอาหารน้ำดื่ม
00:08:38 → 00:08:40 ของเราในห่วงโซ่อาหารต่างๆของเรา
00:08:41 → 00:08:45 >> อที่มันปนเปื้อนไปอยู่เนี่ยน้ำลงคลองลง
00:08:45 → 00:08:47 กล้วยหนองคลองบึงแม่น้งแม่น้ำทั้งหลาย
00:08:48 → 00:08:48 แหล่
00:08:48 → 00:08:51 >> นะมันก็มีการปนเปื้อนแล้วเวลาเราได้รับไป
00:08:51 → 00:08:53 เนี่ยมันส่งผลกระทบกับระบบต่างๆของร่าง
00:08:53 → 00:08:57 กายจากการศึกษาวิจัยเนี่ยเพบว่าระบบทาง
00:08:57 → 00:09:00 เดินอาหารไมโครพลาสติกจะไปทำลายเยื่อบุลำ
00:09:00 → 00:09:02 ไส้แล้วเกิดการเปลี่ยนแปลงของไมโครไบโอม
00:09:02 → 00:09:05 หรือจุลินทรีย์ที่สิงสถิตอยู่ที่ลำไส้
00:09:05 → 00:09:07 แล้วไปรบกวนการดูดซึมสารอาหารแล้วกระตุ้น
00:09:07 → 00:09:09 ให้ลำไส้เราอักเสบได้นะ
00:09:09 → 00:09:09 >> โอ้โห
00:09:10 → 00:09:11 >> แต่มันไม่ใช่ว่าได้รับเข้าไปวันนี้แล้ว
00:09:12 → 00:09:12 เป็นเลยไง
00:09:12 → 00:09:13 >> ่าๆ
00:09:13 → 00:09:16 >> แล้วมันไม่ใช่แค่ 1 ปัจจัยพวกผลกระทบ
00:09:16 → 00:09:18 เหล่าเนี้ยที่ส่งผลกระทบเนี่ยมันหลาย
00:09:18 → 00:09:21 ปัจจัยถ้าคุณกินอาหารไม่ดีกินฟาสฟู้ดกิน
00:09:21 → 00:09:24 จังฟู้ดกินน้ำตาลเยอะนึกออกมั้ยครับแล้ว
00:09:24 → 00:09:27 คุณยังใช้พวกน้ำตาลเทียมแล้วคุณได้รับ
00:09:27 → 00:09:28 ไมโครพลาสติกเยอะๆ
00:09:28 → 00:09:29 >> ค่ะ
00:09:29 → 00:09:31 >> ไมโครพลาสติกคืออีกหนึ่งแฟcคเตอร์หรือ
00:09:31 → 00:09:34 ปัจจัยที่ไปทำลายสุขภาพลำไส้ของเราทาง
00:09:34 → 00:09:36 เดินอาหารของเรา
00:09:36 → 00:09:39 >> คือลำพังปกติที่เผชิญอยู่มันก็เยอะมากพอ
00:09:39 → 00:09:41 อยู่แล้วนะคะนี้มาเจอไมโครพลาสติกเข้าไป
00:09:41 → 00:09:45 ปัจจัยนอกจากแบบโอ้โหสารพัดพิษเนาะยาข้าม
00:09:45 → 00:09:48 แมลงตกค้างโลหะหนักตกค้าง
00:09:48 → 00:09:48 >> ค่ะ
00:09:48 → 00:09:50 >> แล้วยังมีไมโครพลาสติกอีก
00:09:50 → 00:09:50 >> ค่ะ
00:09:50 → 00:09:53 >> พวกนี้คือเป็นสารพิษหมดเลยไม่รวมพวกสาร
00:09:53 → 00:09:56 ก่อมะเร็งอื่นๆอีกเยอะแยะมากมายนะ
00:09:56 → 00:09:59 >> โอ้โหฟังแล้วขอพาราหน่อยถูก
00:09:59 → 00:10:01 >> เพราะขนาดมันเล็กไงอารมณ์เหมือนกับ
00:10:01 → 00:10:03 >> PM 2.5 5
00:10:03 → 00:10:03 >> ฝุ่น
00:10:03 → 00:10:06 >> ที่มีอนุภาคเล็กไอ้เจ้าไมโครพลาสติกเนี่ย
00:10:06 → 00:10:09 อนุภาคมันเล็กมากมันก็เข้าสู่เซลล์ต่างๆ
00:10:09 → 00:10:12 ได้หมดเลยแล้วทำให้เซลล์ของเราเนี่ยเกิด
00:10:12 → 00:10:15 ภาวะออก stress ก็คือเกิดทำให้เซลล์ของ
00:10:15 → 00:10:17 เราเนี่ยเครียด
00:10:17 → 00:10:17 >> อื
00:10:17 → 00:10:19 >> นะเซลล์ของเราก็เสื่อม
00:10:19 → 00:10:19 >> ค่ะ
00:10:19 → 00:10:21 >> นะเซลล์ของเราก็แก่
00:10:21 → 00:10:22 >> เออ
00:10:22 → 00:10:23 >> เซลล์ของเราก็ตาย
00:10:23 → 00:10:23 >> อฮ
00:10:23 → 00:10:26 >> เซลล์ของเราอาจจะกายพันแล้วก็เกิดโรค
00:10:26 → 00:10:27 มะเร็ง
00:10:27 → 00:10:29 >> เกิดโรคเรื้อรังต่างๆเนี่ยตามมาเยอะแยะ
00:10:29 → 00:10:31 มากมายภูมิคุ้มกันมันยังทำงานไม่ดีเลยมี
00:10:31 → 00:10:33 งานวิจใจว่าการสะสมของอนุภาคของ
00:10:33 → 00:10:35 ไมโครพลาสติกเนี่ย
00:10:35 → 00:10:35 >> ค่ะ
00:10:35 → 00:10:38 >> ไปรบกวนการทำงานของเม็ดเลือดขาว
00:10:39 → 00:10:39 >> อื
00:10:39 → 00:10:41 >> แทนที่จะจับกินเชื้อโรค
00:10:41 → 00:10:41 >> ค่ะ
00:10:41 → 00:10:44 >> เพราะไมโครพลาสติกคือสิ่งแปลกปลอม
00:10:44 → 00:10:46 มันขโมยแต่ไปจับกินสิ่งแปลกปลอมเหล่า
00:10:46 → 00:10:47 เนี้ยเชื้อโรคเข้ามาปุ๊บเป็นไงครับ
00:10:47 → 00:10:49 >> อ้าวมันเข้าไปแล้ว
00:10:49 → 00:10:52 >> อ่ามันเข้าไปแล้วไม่ทันเลยมวยจะไปจัดการ
00:10:52 → 00:10:55 เหล่าเนี้ยสิ่งเหล่าเนี้ยนะครับหรือ
00:10:55 → 00:10:58 ฮอร์โมนระบบสืบพันธุต่างๆนะมันก็ไปรบกวน
00:10:58 → 00:10:59 สมดุลฮอร์โมนของร่างกาย
00:10:59 → 00:11:00 >> ค่ะ
00:11:00 → 00:11:03 >> แต่แค่ว่ามันยังไม่ได้มีevidenceนชัดเจน
00:11:03 → 00:11:05 ออกมาว่าเฮ้ยคุณได้รับไมโครพลาสติกไปแล้ว
00:11:05 → 00:11:08 คุณจะเสี่ยงทำให้คุณเกิดมะเร็งนะ
00:11:08 → 00:11:08 >> ค่ะ
00:11:08 → 00:11:10 >> อ่าทำให้คุณเนี่ยแบบสเปิร์มคุณไม่แข็งแรง
00:11:10 → 00:11:11 นะ
00:11:11 → 00:11:14 >> อ่าไข่คุณไม่แข็งแรงนะคุณอาจจะมีบุตรยาก
00:11:14 → 00:11:16 อย่างเงี้ยอ่าคุณอาจจะแบบ
00:11:16 → 00:11:19 >> เจ็บโปรยง่ายขึ้นคือสิ่งที่นักวิจัยเขา
00:11:19 → 00:11:22 เจอเนี่ยมันไปส่งผลกระทบกับระบบการทำงาน
00:11:22 → 00:11:25 ต่างๆของร่างกายมันยังไม่มีงานวิจัยชี้
00:11:25 → 00:11:28 ชัดออกมาให้เห็นว่าอูได้รับปุ๊บเป็นโรค
00:11:28 → 00:11:29 เหล่านี้ค่ะ
00:11:29 → 00:11:32 >> ซึ่งอนาคตไม่แน่เนี่ยงานวิจัยหลักฐานงาน
00:11:32 → 00:11:34 วิจัยต่างๆเหล่าเนี้ยมันก็มีเพิ่มมากขึ้น
00:11:34 → 00:11:38 มากขึ้นมากขึ้นเนาะเราก็ต้องติดตามแต่เรา
00:11:38 → 00:11:40 รู้แล้วสิ่งเหล่าเนี้ยมันไม่ดีกับสุขภาพ
00:11:40 → 00:11:43 ร่างกายของเราเราก็พยายามที่จะลด
00:11:43 → 00:11:44 >> ให้น้อยที่สุด
00:11:44 → 00:11:45 >> หลีกเลี่ยง
00:11:45 → 00:11:48 >> อ่าหลีกเลี่ยงพวกพลาสติกที่เราใช้ๆๆใช้
00:11:48 → 00:11:50 กันอยู่เหล่าเนี้ยนะ
00:11:50 → 00:11:52 >> ให้มากที่สุด
00:11:52 → 00:11:56 >> นะครับแล้วมันมีงานวิจัยครับคุณลีว่าสาร
00:11:56 → 00:11:59 อาหารหรือสารจากธรรมชาติพฤษเคมีต่างๆ
00:11:59 → 00:12:01 เนี่ยในพืชผักผลไม้เนี่ยมันอาจจะช่วยลด
00:12:01 → 00:12:06 การดูดซึมไมโครพลาสติกได้หรือลดความเป็น
00:12:06 → 00:12:09 พิษคือเข้ามาแล้วแหละแต่มีพิษน้อยลง
00:12:09 → 00:12:09 >> ค่ะ
00:12:09 → 00:12:12 >> หรือเพิ่มการขับออกถ้าลดการดูดซึมได้คือ
00:12:12 → 00:12:17 เพิ่มการขับออกนะอย่างแรกเลยนะครับที่มี
00:12:17 → 00:12:19 ข้อมูลการศึกษาวิจัยเนี่ยที่เขาค้นพบคือ
00:12:19 → 00:12:21 ใยอาหารหรือไฟเบอร์
00:12:21 → 00:12:23 >> ที่เรากินจากพืชผักผลไม้ต่างๆนี่แหละ
00:12:24 → 00:12:25 >> มันไม่ใช่แค่ระบบขับถ่ายแล้วนะครับ
00:12:25 → 00:12:26 >> ค่ะ
00:12:26 → 00:12:29 >> มันไม่ใช่แค่แบบช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาล
00:12:29 → 00:12:33 ไขมงไขมันนะทำให้อิ่มโดยเฉพาะใยอาหารที่
00:12:33 → 00:12:35 ละลายน้ำได้เนี่ยเวลามันทำปริญญากับน้ำ
00:12:36 → 00:12:38 เนี่ยแล้วมันจะเกิดเจลไอ้เจ้าเจลของใย
00:12:38 → 00:12:41 อาหารที่ละลายน้ำได้เนี่ยคุณรีนึกถึงรัด
00:12:41 → 00:12:43 หน้าน้ำราดหน้าที่เป็นเมือกๆครับ
00:12:43 → 00:12:44 >> อฮ
00:12:44 → 00:12:46 >> มันก็จะไอ้เจลเหล่าเนี้ยมันจะไปจับกับ
00:12:46 → 00:12:49 อนุภาคไมโครพลาสติกให้รวมกันเป็นก้อนขนาด
00:12:49 → 00:12:50 ใหญ่
00:12:50 → 00:12:51 >> แล้วทำให้
00:12:51 → 00:12:53 >> เซลล์ลำไส้ไม่ดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด
00:12:53 → 00:12:54 เข้าสู่ร่างกาย
00:12:54 → 00:12:54 >> อ่า
00:12:54 → 00:12:57 >> ก็จะถูกขับออกไปทางอุจจาระ
00:12:57 → 00:12:58 >> เออ
00:12:58 → 00:13:00 >> แล้วอีกหนึ่งประโยชน์ของไฟเบอร์หรือใย
00:13:00 → 00:13:00 อาหาร
00:13:00 → 00:13:01 >> ค่ะ
00:13:01 → 00:13:03 >> คือช่วยในการจับไมโครพลาสติก
00:13:03 → 00:13:04 >> อื
00:13:04 → 00:13:07 >> เราถึงบอกเฮ้ยเรายังจำเป็นนะที่จะต้องกิน
00:13:07 → 00:13:10 พืชผักผลไม้บางคนกลัวผลไม้เพราะว่าน้ำตาล
00:13:10 → 00:13:11 ฟุ๊กโต๊ส
00:13:11 → 00:13:11 >> อ่า
00:13:11 → 00:13:13 >> อ่าคือสิ่งที่น่ากลัวเนี่ยคือผลไม้ที่เรา
00:13:13 → 00:13:15 เอาไปสกัดแล้วเอาแต่น้ำอ่ะ
00:13:15 → 00:13:15 >> ค่ะ
00:13:15 → 00:13:17 >> อ่าหรือน้ำผลไม้อย่างเงี้ยน้ำนางเอกอย่าง
00:13:17 → 00:13:19 เงี้ยเอ้ยฉันอยากเป็นนางเอกนะฉันกินน้ำ
00:13:19 → 00:13:22 นางเอกถ้าจะให้ดีคือกินพร้อมเนื้อผลไม้
00:13:22 → 00:13:25 แล้วเลือกผลไม้ที่น้ำตาลไม่สูง
00:13:25 → 00:13:25 >> อื
00:13:25 → 00:13:27 >> อ่าอย่างเงี้ย
00:13:27 → 00:13:31 >> นะมันก็ยังมีประโยชน์นะเพราะคือมันยังมี
00:13:31 → 00:13:36 ไฟเบอร์แต่ถ้าจะให้ดีเน้นผักผักเนี่ยมัน
00:13:36 → 00:13:37 ไม่ค่อยมีน้ำตาลไง
00:13:37 → 00:13:37 >> ค่ะ
00:13:37 → 00:13:38 >> อ่า
00:13:38 → 00:13:40 >> เออแต่แต่ก็หลายบ้านนะอันนี้เท่าที่เห็น
00:13:41 → 00:13:43 นะแล้วยิ่งเด็กรุ่นใหม่ๆเนี่ยไม่กินผัก
00:13:43 → 00:13:44 เลย
00:13:44 → 00:13:49 >> ใช่ไม่กินผักเลยมันขึ้นอยู่กับเอ่อหลาย
00:13:49 → 00:13:52 ปัจจัยเนาะพฤติกรรมในการบริโภคในบ้าน
00:13:52 → 00:13:54 อย่างเงี้ยอย่างถ้าลูกอาจารย์ตอนเนี้ย 6
00:13:54 → 00:13:55 ขวบนะ
00:13:55 → 00:13:56 >> กินทุกผัก
00:13:57 → 00:13:57 >> 6
00:13:57 → 00:14:00 >> ใบชะพูยังกินเลยแล้วครับเผลอแพบๆเนี่ยเออ
00:14:00 → 00:14:02 แป๊บเดียวเนาะใบชับพลูเดี๋มา
00:14:02 → 00:14:05 >> ใบชะพูกินกระเจี๊ยบเขียวเนี่ยลูกหยิบกินส
00:14:05 → 00:14:08 แบบไอ้นี่เลยคุณยายแบบกระเจี๊ยบเขียวเอา
00:14:08 → 00:14:09 ไปลวกอ่ะครับ
00:14:09 → 00:14:09 >> ออ
00:14:09 → 00:14:11 >> อ้ากินสดเค้าก็กิน
00:14:11 → 00:14:11 >> เหรอ
00:14:12 → 00:14:12 >> หยิบกินผัก
00:14:12 → 00:14:13 >> อุ๊ยหายาก
00:14:13 → 00:14:18 >> แบบสดๆเลยเพราะพฤติกรรมในบ้านเขาเห็นชอบ
00:14:18 → 00:14:21 รับประทานผักคุณแม่คุณตาคุณยายอาจารย์ก็
00:14:21 → 00:14:24 กินแต่บางอย่างเนี่ยที่กลิ่นแมลงก็ไม่ได้
00:14:24 → 00:14:24 กิน
00:14:24 → 00:14:27 >> อ่าแต่น้องก็จะกินหมดเลยทุกผัก
00:14:27 → 00:14:30 >> โอ้โหอ่าก็กินได้มันขึ้นอยู่กับพฤติกรรม
00:14:30 → 00:14:32 การปลูกฝังหรือแบบเราบอกอ่ะ
00:14:32 → 00:14:33 >> อ
00:14:33 → 00:14:35 >> มันก็เหมือนกับเออเราทำให้ดู
00:14:35 → 00:14:35 >> ค่ะ
00:14:35 → 00:14:40 >> อ่าแล้วเนี่ยคือพอเราปลูกฝังพฤติกรรม
00:14:40 → 00:14:44 เหล่าเนี้ยเนาะในครอบครัวเรานะ
00:14:44 → 00:14:46 >> ก็จะค่อยๆหรือบางคนอาจารย์เข้าใจนะว่าเออ
00:14:46 → 00:14:49 ก็เห็นแหละก็รู้แหละดีนะบางคนน่ะดีชั่ว
00:14:49 → 00:14:53 รู้หมดแต่มันอดไม่ได้นะก็ก็แบบก็แบบเฮ้ย
00:14:53 → 00:14:56 แต่มันก็ต้องนิดนึงเนาะในการกินก็พยายาม
00:14:56 → 00:14:59 เลือกผักที่ตัวเองรับประทานได้บางคนอ่ะ
00:14:59 → 00:15:03 แตงกวาฉันพอกินได้ผักบุ้งพอกินได้อะไร
00:15:03 → 00:15:05 อย่างเงี้ยถ้าผักที่มันแบบมีกลิ่นแรง
00:15:05 → 00:15:08 เหม็นเขียวหน่อยก็เลือกชนิดของผักอย่าง
00:15:08 → 00:15:09 น้อยก็
00:15:09 → 00:15:11 >> ต้องรับประทานใยอาหารน่ะ
00:15:11 → 00:15:13 >> อืแต่เดี๋ยวนี้สังเกตดูตัวเองเหมือนกันนะ
00:15:13 → 00:15:16 คะอาจารย์หลายๆอย่างที่ไม่ค่อยชอบแต่หัว
00:15:16 → 00:15:17 หอมยังเหมือนเดิมนะคะอาจารย์
00:15:17 → 00:15:19 >> อ่าจำได้ยังเหมือนเดิม
00:15:19 → 00:15:20 >> จำได้
00:15:20 → 00:15:21 >> อันนี้ไม่ได้อยู่เรื่องเดียว
00:15:21 → 00:15:24 >> ผักอื่นๆที่เราคิดว่ามันกินยากพอเริ่ม
00:15:24 → 00:15:25 อายุขึ้นน่ะ
00:15:25 → 00:15:26 >> มันจะเริ่มกินได้แล้ว
00:15:26 → 00:15:27 >> เริ่มกินใช่
00:15:27 → 00:15:30 >> ถูกต้องเพราะบางทีต่อมรับรถพออายุเพิ่ม
00:15:30 → 00:15:33 มากขึ้นน่ะพูดแบบชัดๆง่ายๆเลยคือพอแก่
00:15:33 → 00:15:35 ขึ้นน่ะมันก็จะเริ่มแบบเฮ้ยรับรถเหล่า
00:15:35 → 00:15:40 นั้นเนี่ยได้ได้ดีขึ้นหมายความว่ารับรถใน
00:15:40 → 00:15:42 ที่นี้เพราะมันเสื่อมไงต่อมรับรถเรา
00:15:42 → 00:15:45 เสื่อมสภาพลงแล้วทำให้แบบความที่แบบเฮ้ย
00:15:45 → 00:15:47 มันเหม็นเขียวนะมันแบบ
00:15:47 → 00:15:48 >> เออที่ไม่เคยชอบอ่ะค่ะ
00:15:48 → 00:15:50 >> อ่าไม่เคยชอบมันก็เริ่มกินได้ออย
00:15:50 → 00:15:53 >> เพราะต่อรับรสมันเริ่มเสื่อมนั่นเองไปตาม
00:15:53 → 00:15:56 วัยนะเราก็ต้องค่อยๆเนาะแล้วแต่ชนิดของ
00:15:56 → 00:15:59 ผักบางคนก็อ่ะผักกาดขาวกินง่ายหน่อยอะไร
00:15:59 → 00:16:02 อย่างเงี้ยแล้วแต่ความชอบเลยแต่พยายามที่
00:16:02 → 00:16:05 จะรับประทานผักให้เพียงพอในแต่ละวัน
00:16:05 → 00:16:08 >> อ้อถ้างั้นถามอาจารย์อย่างี้เพิ่มเติมว่า
00:16:08 → 00:16:10 ระหว่างใบกับก้าน
00:16:10 → 00:16:12 >> อันไหนใยอาหารเยอะกว่ากัน
00:16:12 → 00:16:15 >> อ่าใบกับก้านใช่มั้ครับใยอาหารเยอะกว่า
00:16:15 → 00:16:18 กันเนี่ยส่วนใหญ่ใยอาหารมันมีกระจาย
00:16:18 → 00:16:19 กระจายอยู่นี่แหละ
00:16:19 → 00:16:21 >> แต่มันขึ้นอยู่กับชนิดของผักด้วยนะ
00:16:21 → 00:16:22 >> ออเหรอ
00:16:22 → 00:16:25 >> อ่ามันขึ้นอยู่กับชนิดของผักแล้วใยอาหาร
00:16:25 → 00:16:27 เองเนี่ยมันก็มีทั้งละลายลายน้ำไม่ละลาย
00:16:27 → 00:16:27 น้ำ
00:16:27 → 00:16:28 >> อื
00:16:28 → 00:16:30 >> อ่าถ้าทางที่ดีเนี่ยอาจารย์แนะนำให้กิน
00:16:30 → 00:16:32 ทั้งใบทั้งก้านนี่แหละนะหรือขอให้กินบาง
00:16:32 → 00:16:34 คนชอบเฉพาะกินก้านอย่างเงี้ยก้าน
00:16:34 → 00:16:36 >> แบบผักบุ้งอย่างเงี้ย
00:16:36 → 00:16:37 >> อ่าใช่
00:16:37 → 00:16:39 >> อ่าชอบกินก้านอย่างเงี้ยอาจารย์ชอบกิน
00:16:39 → 00:16:41 ก้านผักบุ้งก้านคะน้า
00:16:41 → 00:16:43 >> แต่ภรรยาอาจารย์ชอบกินใบ
00:16:43 → 00:16:44 >> เออดีไม่แย่งกัน
00:16:44 → 00:16:47 >> ดีเลยไม่แย่งกันจบเลยนะไม่ต้องแย่งกันนะ
00:16:47 → 00:16:50 ครับก็แยกกันไปเลยถามว่าได้ประโยชน์มั้ก็
00:16:50 → 00:16:51 ได้ประโยชน์ทั้งคู่แหละแต่มันขึ้นอยู่กับ
00:16:51 → 00:16:53 ชนิดของผักว่า
00:16:53 → 00:16:57 >> ผักไหนที่ใบเยอะเอ้ยก้านกบางบางชนิดก็อาจ
00:16:57 → 00:16:59 จะก้านมีไฟเบอร์สูงอย่างเงี้แบบอหือ
00:16:59 → 00:17:02 เคี้ยวเท่าไหร่ก็เคี้ยวไม่ค่อยขาด
00:17:02 → 00:17:03 >> ฟันไม่ดีหรือเปล่า
00:17:03 → 00:17:06 >> ใช่แต่ขอให้รับประทานเถอะจะก้านจะใบก็ตาม
00:17:06 → 00:17:07 แต่อันเนี้ยมันก็มีประโยชน์ในแง่ของการ
00:17:08 → 00:17:10 ที่จะช่วยจับไมโครพลาสติกแล้วในพืชผัก
00:17:10 → 00:17:14 ผลไม้เนี่ยมันยังมีพวกกลุ่มของวิตามินซี
00:17:14 → 00:17:16 วิตามินอีนะหรือสารฟาวอนอยด์สาร
00:17:16 → 00:17:18 แอนตี้ออกซidนที่ช่วยลด
00:17:19 → 00:17:22 >> เอ่ออนุมูลอิสระช่วยต้านการอักเสบ
00:17:22 → 00:17:25 >> เพราะไมโครพลาสติกมันส่งผลทำให้เกิดการ
00:17:25 → 00:17:26 อักเสบ
00:17:26 → 00:17:28 งานต่างๆเซลล์เกิดขึ้นพวกมันช่วยได้นะ
00:17:28 → 00:17:31 ครับมันมีงานวิจัยอยู่อันนึงอันนี้น่าสน
00:17:31 → 00:17:32 ใจมาก
00:17:32 → 00:17:35 >> คือเรื่องของโปรไบโอติกหรือจุลินทรีย์ที่
00:17:35 → 00:17:38 ดีเนี่ยมันช่วยในการกำจัดไมโครพลาสติกได้
00:17:38 → 00:17:39 ด้วย
00:17:39 → 00:17:39 >> โอ
00:17:39 → 00:17:42 >> อ่างานวิจัยเนี่ยเพิ่งตีพิมพ์ออกมาเมื่อ
00:17:42 → 00:17:47 ปี 2025 เขาได้ทำการคัดเลือกแบคทีเรียพวก
00:17:47 → 00:17:51 โปรไบโอติกเนี่ย 780 กว่าสายพันธุ์เพื่อ
00:17:51 → 00:17:54 ทดสอบความสามารถในการจับ
00:17:54 → 00:17:55 >> ไมโครพลาสติกค่ะ
00:17:55 → 00:17:59 >> อ่าก็พบว่าหลายสายพันธุ์เลยนะพวก
00:17:59 → 00:18:02 แบคทีเรียในกลุ่มของพาราคาเซอินะแพนทารัม
00:18:02 → 00:18:04 บางคนคุ้นๆชื่ออ่ะ
00:18:04 → 00:18:08 >> นะครับไปดูตามไอ้พวกขวดโยก่งโยเกิร์ตนะ
00:18:09 → 00:18:11 ต่างๆเนี่ยนะครับเ้าพบว่ามันสามารถที่จะ
00:18:11 → 00:18:14 จับไมโครพลาสติกได้ในหลอดทดลอง
00:18:14 → 00:18:14 >> อื
00:18:14 → 00:18:17 >> อ่าในหลอดทดลองก่อนนะเวลานักวิจัยเ้าทำใน
00:18:17 → 00:18:18 หลอดทดลองเพราะมันง่ายสุดควบคุมได้หมดทุก
00:18:18 → 00:18:19 อย่าง
00:18:19 → 00:18:21 >> นะว่าเฮ้ยมันมีคุณสมบัติจับไมโครพลาสิก
00:18:21 → 00:18:24 ได้เขาเลยไปศึกษาต่อในหนูในสัตว์ทดลอง
00:18:24 → 00:18:28 เค้าก็พบว่าหนูที่ได้รับโปรไบโอติกเนี่ย
00:18:28 → 00:18:30 มีการขับไมโครพลาสติกทางอุจจาระได้เพิ่ม
00:18:30 → 00:18:32 ขึ้นถึง 34%
00:18:32 → 00:18:33 >> โอ
00:18:33 → 00:18:34 >> เยอะนะ
00:18:34 → 00:18:37 >> แสดงว่าไมโครพลาสิคไม่ถูกดุซึมไงแต่รับ
00:18:37 → 00:18:39 เข้าไปนะแต่ไม่ถูกดูซึมอ่า
00:18:39 → 00:18:42 >> และมีไมโครพลาสติกตกค้างในลำไส้เนี่ยลดลง
00:18:42 → 00:18:44 67%
00:18:44 → 00:18:45 >> โอเกินครึ่ง
00:18:45 → 00:18:47 >> เห็นมั้ยลดลงเยอะเลยนะ
00:18:47 → 00:18:47 >> ค่ะ
00:18:47 → 00:18:49 >> ไม่งั้นมันตกค้างอยู่แล้วมันมีโอกาสที่
00:18:49 → 00:18:52 ได้รับเข้าสู่เซลล์ต่างๆของร่างกายนะครับ
00:18:52 → 00:18:57 อ่าแล้วยังช่วยลดการอักเสบของเอ่อเนื้อ
00:18:57 → 00:18:59 เยื่อนะที่ลำไส้ด้วย
00:18:59 → 00:18:59 >> อื
00:18:59 → 00:19:02 >> นะครับแล้วเนี่ยประโยชน์ของอ
00:19:02 → 00:19:04 >> ไฟเบอร์เมื่อกี้บอกไปแล้วว่าไม่ใช่แค่ขับ
00:19:04 → 00:19:09 ถ่ายไม่ใช่แค่เรื่องของเอ่อน้ำตาลไขมัน
00:19:09 → 00:19:11 >> โปรไบโอติกก็ไม่ใช่แค่เรื่องขับถ่าย
00:19:11 → 00:19:14 >> ไม่ใช่แค่เรื่องของแบบเฮ้ยมีประโยชน์ใน
00:19:14 → 00:19:15 เรื่องของการส่งเสริมภูมิคุ้มกัน
00:19:15 → 00:19:16 >> ค่ะ
00:19:16 → 00:19:20 >> แต่มันช่วยในการจับไมโครพลาสติกได้ด้วย
00:19:20 → 00:19:20 >> อื
00:19:20 → 00:19:23 >> เห็นมั้ครับนั้นเราลดเราได้รับนะแต่
00:19:23 → 00:19:26 พยายามที่จะบล็อกขับมันออกไปอ่านะแล้ว
00:19:26 → 00:19:29 เนี่ยพวกพวกเหล่าเนี้ยอาจารย์บอกเลยว่า
00:19:29 → 00:19:31 ไฟเบอร์พวกโปรไบโอติกที่เรากินอยู่ในพวก
00:19:31 → 00:19:33 โยเกิร์ตแต่ต้องเลือกสูตรน้ำตาลน้อยนะ
00:19:33 → 00:19:35 หรือไม่มีน้ำตาลอย่างเงี้ย
00:19:35 → 00:19:38 >> นะครับมันก็มีส่วนช่วยในการลด
00:19:38 → 00:19:42 >> การได้รับไมโครพลาสติกหรือส่วนที่เล็ดรอด
00:19:42 → 00:19:44 เข้าสู่ร่างกายอ่ะเข้าไปแล้วถูกดูซึมเข้า
00:19:44 → 00:19:47 ไปสู่เซลล์ต่างๆแล้วอาจารย์มันไปที่สมอง
00:19:47 → 00:19:48 ไปที่ตับที่ต่าง
00:19:48 → 00:19:49 >> แต่เรากิน
00:19:49 → 00:19:52 >> อาหารที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระสาร
00:19:52 → 00:19:55 ต้านต้านอักเสบวิตามินซีวิตามินอีเนาะ
00:19:56 → 00:19:59 หรือในกลุ่มพฤกษเคมีเรากินเอ่อชาเขียวเรา
00:19:59 → 00:20:03 มี EGCG นะต้านอักเสบนะครับเรากินพืช
00:20:03 → 00:20:07 ตระกูลเบอร์รี่นะสีม่วงแดงต่างๆนะครับพวก
00:20:07 → 00:20:10 นี้ก็จะมีแอนโทซยานินที่ช่วยลดการอักเสบ
00:20:10 → 00:20:13 ลดความเป็นพิษของไมโครพลาสติกได้
00:20:13 → 00:20:14 >> เราก็พยายามที่จะอ
00:20:14 → 00:20:17 >> ลดแต่ละกลไกกลไกแรกสุดคุณลีก็ต้องพยายาม
00:20:17 → 00:20:19 ลดการใช้พลาสติก
00:20:19 → 00:20:20 >> ก่อน
00:20:20 → 00:20:23 >> อ่าเพื่อป้องกันไม่ให้มันเข้าเลยครับนกัน
00:20:24 → 00:20:26 100% พอมันเข้ามาปุ๊บเราก็กินไฟเบอร์ให้
00:20:26 → 00:20:29 พอกินอาหารที่เป็นแหล่งของโปรไบโอติก
00:20:29 → 00:20:30 >> ต้องให้ถึง
00:20:30 → 00:20:33 >> ให้ถึงนะทุกวันเพราะบางคนบอกอาจารย์ก็
00:20:33 → 00:20:35 เติมมันเข้าไป
00:20:35 → 00:20:39 >> แล้วต้องกินทุกวันเหรอนะอ้าวมันมีอายุ
00:20:39 → 00:20:40 เหมือนเรานี่แหละเพราะมันเป็นสิ่งมีชีวิต
00:20:40 → 00:20:41 >> อื
00:20:41 → 00:20:43 >> อที่ดูแลสุขภาพลำไส้เรา
00:20:43 → 00:20:44 >> ถ้าเรา
00:20:44 → 00:20:46 >> กินมันเข้าไปปุ๊บเนี่ยโดยเฉลี่ยแล้วเนี่ย
00:20:46 → 00:20:48 มันอาจจะอยู่ในร่างกายของเราเนี่ยได้
00:20:48 → 00:20:51 ประมาณ 14 วัน 2 อาทิตย์
00:20:51 → 00:20:54 >> อืถ้าเรามีอาหารที่ดีเข้าไปด้วยนะคือเรา
00:20:54 → 00:20:56 กินพวกไฟเบอร์พวกพรีไบโอติกอาหารของมัน
00:20:56 → 00:20:58 มันก็จะอายุยืนขึ้น
00:20:58 → 00:20:58 >> ออ
00:20:58 → 00:21:01 >> อยู่ได้เต็มที่ของมันแต่ถ้าเกิดว่าเราไม่
00:21:01 → 00:21:02 ค่อยกินอาหารที่ดี
00:21:02 → 00:21:05 >> มันก็ไปทำลายไอ้มันก็อดอาหารอ่ะอดอยากปาก
00:21:05 → 00:21:07 แห้งอยู่ได้ไม่นาน 5 วัน 7 วันตายเรียบ
00:21:08 → 00:21:08 >> ฉันไม่ไหวแล้ว
00:21:08 → 00:21:11 >> ใช่แล้วจะฉันจะไปจับไมโครพลาสติกได้ยังไง
00:21:11 → 00:21:11 ให้เธอ
00:21:11 → 00:21:13 >> ฉันไม่มีแรง
00:21:13 → 00:21:16 >> ถูกต้องฉะนั้นแล้วเนี่ยถ้าเราลดต้นทางเลย
00:21:16 → 00:21:17 คือใช้น้อยลง
00:21:17 → 00:21:17 >> อื
00:21:17 → 00:21:22 >> อ่าแล้วก็ดีกับโรคด้วยแล้วเราก็ดีกับโรค
00:21:22 → 00:21:24 ของเราด้วยในสุขภาพร่างกายของเราด้วยว่า
00:21:24 → 00:21:27 เฮ้ยมันเข้ามาแล้วนะแต่เราพยายามที่จะให้
00:21:27 → 00:21:29 มันเข้าสู่เอ่อถูกขับอ่ะ
00:21:29 → 00:21:30 >> อื
00:21:30 → 00:21:34 >> อ่าแล้วถ้ามันถูกดูซึมเราก็มีพวก
00:21:34 → 00:21:38 แอนตี้ออกซidนจากพืชผักผลไม้นะหรือพวก
00:21:38 → 00:21:40 สมุนไพรในครัวเรือนที่เรากินๆกันอยู่
00:21:40 → 00:21:41 เหล่าเนี้ย
00:21:41 → 00:21:41 >> ค่ะอ
00:21:41 → 00:21:45 >> มันก็มีคุณสมบัติในการลดผลกระทบลดอันตราย
00:21:45 → 00:21:48 ลดการอักเสบลดการที่มันทำให้เซลล์ต่างๆ
00:21:48 → 00:21:50 ของเราเนี่ยมันเสื่อมคุณรีคิดดูว่ามัน
00:21:50 → 00:21:53 เข้าไปอยู่ที่สมองของเราอ่ะการส่งสัญญาณ
00:21:53 → 00:21:57 ของกระแสประสาทของเราหรือสมองของเราเนี่ย
00:21:57 → 00:21:58 มันก็ไม่ดี
00:21:58 → 00:21:58 >> ค่ะ
00:21:58 → 00:22:01 >> ถูกมั้ยครับเพราะมันมีสิ่งแปลกปลอม
00:22:01 → 00:22:02 >> เข้ามาอยู่
00:22:02 → 00:22:03 >> เข้ามาแทรกซึมอยู่
00:22:03 → 00:22:04 >> ค่ะ
00:22:04 → 00:22:08 >> อ่าที่สมองที่ตับที่ไต
00:22:08 → 00:22:08 >> อื
00:22:08 → 00:22:11 >> และอื่นๆอีกเซลล์ต่างๆทั่วร่างกายเซลล์
00:22:11 → 00:22:14 ของเราก็เสื่อมไปการทำงานต่างๆของร่างกาย
00:22:14 → 00:22:17 ก็ได้ไม่ดีเอาง่ายๆทุกเซลล์อ่ะมีการผลิต
00:22:17 → 00:22:19 พลังงานเพื่อการอยู่รอดของเซลล์
00:22:19 → 00:22:21 >> การผลิตพลังงานเหล่านั้นก็ผลิตได้ไม่ดี
00:22:21 → 00:22:24 ครับเพราะเหมือนเซลล์มันขึ้นสนิมอ่ะ
00:22:24 → 00:22:24 >> อื
00:22:24 → 00:22:27 >> นะมันผลิตมันผลิตพลังงานต่างๆได้ไม่ดีมัน
00:22:27 → 00:22:28 ก็ส่งผลและ
00:22:29 → 00:22:31 >> บางทีอุ๊ยทำไมช่วงนี้ชั้นอ่อนเพียชั้น
00:22:31 → 00:22:35 อะไรต่างๆพวกเนี้ยมันก็มีพวกสารที่มีความ
00:22:35 → 00:22:38 เป็นพิษกับเซลล์เนี่ยเข้าไปตกค้างอยู่
00:22:38 → 00:22:41 >> ก็ไม่แปลกใจนะคะอาจารย์เพราะว่าเราจะเห็น
00:22:41 → 00:22:43 ว่าเดี๋ยวเนี้ยคนที่อายุน้อยลงอ่ะเริ่ม
00:22:43 → 00:22:47 เป็นโรคที่แบบว่าเอ่อเราจะเจอในคนที่อายุ
00:22:47 → 00:22:50 มากๆหรือว่าแบบโรคมะเร็งหรืออะไรต่างขึ้น
00:22:50 → 00:22:51 เยอะเลยอ่ะ
00:22:51 → 00:22:55 >> ใช่ครับบางคนเนี้ยเอ่อไปทานข้าวล่าสุดแต่
00:22:55 → 00:22:57 ไม่รู้จักนะแอบได้ยินโต๊ะข้างๆ
00:22:57 → 00:23:01 >> ผู้สูงวัยนะเป็นอาจารย์ด้วยแล้วเกษียณ
00:23:01 → 00:23:02 แล้ว
00:23:02 → 00:23:02 >> เออ
00:23:02 → 00:23:05 >> เพิ่งเกษียณแล้วตกใจเลยว่าเอ้าทำไมแบบ
00:23:05 → 00:23:06 สมองเสื่อมแล้วล่ะ
00:23:06 → 00:23:09 >> อืเพิ่งเกษียณยังเพิ่งแบบว่าเหมือนแบบ
00:23:09 → 00:23:11 >> เป็นอัลไซเมอร์แล้วล่ะเพิ่งเกษียณแบบ
00:23:11 → 00:23:14 >> ไปเองเมื่อปีที่แล้วอายุ 61 ทำไมเสื่อม
00:23:14 → 00:23:14 แล้ว
00:23:14 → 00:23:14 >> ออ
00:23:14 → 00:23:17 >> อ่าหรือบางคนอายุน้อยๆ 3-40 ทำไมเป็น
00:23:17 → 00:23:18 มะเร็งแล้วอ
00:23:18 → 00:23:19 >> อือๆ
00:23:19 → 00:23:23 >> อ่าพวกเนี้ยใช่ปัที่ไปกระตุ้นถ้าเขามี
00:23:23 → 00:23:25 กรรมพันธ์อยู่แล้วด้วยมันก็มีโอกาส
00:23:25 → 00:23:26 >> อืมากขึ้น
00:23:26 → 00:23:28 >> ไปกระตุ้นไอ้เจ้าไมโครพลาสติกเนี่ยก็
00:23:29 → 00:23:29 เหมือนกัน
00:23:29 → 00:23:29 >> อื
00:23:30 → 00:23:33 >> นะเทางการแพทย์เนี่ยเขาเรียกอภิเจนติกอภิ
00:23:33 → 00:23:35 แปลว่านอกเหนือนอกเหนือจากพันธุกรรม
00:23:35 → 00:23:36 >> ค่ะ
00:23:36 → 00:23:39 >> เรามีกรรมเหนือกรรมนึกออกมั้ยครับกรรม
00:23:39 → 00:23:40 เหนือกรรม
00:23:40 → 00:23:40 >> ค่ะ
00:23:40 → 00:23:44 >> กรรมในที่นี้คือพฤติกรรมนะหรือกรรมคือการ
00:23:44 → 00:23:47 กระทำของเรานี่แหละมันเหนือกรรมมาพันค่ะ
00:23:47 → 00:23:50 อ่าก็เลยทำให้แบบว่า
00:23:50 → 00:23:52 >> ไปกระตุ้นให้ยีนเหล่านั้นเนี่ยเ้ามียีน
00:23:52 → 00:23:54 อยู่แล้วอย่างเงี้ยทางการแพทย์อ่ะคนที่มี
00:23:54 → 00:23:55 ยีน
00:23:55 → 00:23:58 >> อโปอีโฟเสี่ยงต่อการเกิดโรคสมองเสื่อมนะ
00:23:58 → 00:24:00 อย่างเงี้ยคนที่มียีนตัวนู้นตัวนี้ที่
00:24:01 → 00:24:02 เสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง
00:24:02 → 00:24:02 >> อ
00:24:02 → 00:24:04 >> อันเนี้ยเป็นพันธุกรรมของเขา
00:24:04 → 00:24:07 >> เขามีโอกาสเกิดมาอยู่แล้วแต่พฤติกรรมของ
00:24:07 → 00:24:08 เขาไม่ดี
00:24:08 → 00:24:13 >> epิติมันคือสิ่งที่ควบคุมการแสดงออกของ
00:24:13 → 00:24:16 พันธุกรรมนี่แหละเหล่าเนี้ยทำให้เฮ้ยทำไม
00:24:16 → 00:24:18 แสดงออกเร็วแต่ถ้าเกิดว่าคุณมีพฤติกรรมดี
00:24:18 → 00:24:21 กินอยู่หลับนอนออกกำลังกายเคลื่อนไหวร่าง
00:24:21 → 00:24:23 กายบริหารจัดการความเครียดได้ดี
00:24:23 → 00:24:24 >> อื
00:24:24 → 00:24:27 >> คุณก็จะมีอายุที่ยืนยาวอ้ามาเจออีกทีนึง
00:24:27 → 00:24:27 80 กว่าแล้วอ่ะ
00:24:27 → 00:24:29 >> โอยังเจอ
00:24:29 → 00:24:32 >> อ้าเพิ่งมาเจอมะเร็งตอนอายุ 80 กว่าอย่าง
00:24:32 → 00:24:33 เงี้ย
00:24:33 → 00:24:33 >> ก็ยังอุตส่าห์
00:24:33 → 00:24:35 >> โอ้โหก็ใช้ชีวิตมา
00:24:35 → 00:24:35 >> เต็มที่
00:24:36 → 00:24:37 >> เต็มที่อ่ะ
00:24:37 → 00:24:39 >> นึกออกมั้ยครับแล้วเนี่ย
00:24:39 → 00:24:41 >> มันก็ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของเรานี่แหละ
00:24:41 → 00:24:43 เป็นหลักต่อให้เรามีกรรมพันธ์ก็ตามแต่
00:24:43 → 00:24:46 ฉะนั้นแล้วเนี่ยไม่ต้องไปโทษเวรโทษกรรมโอ
00:24:46 → 00:24:48 สมบัติเยอะแยะไม่ยกให้สักทีทียีนก่อโรค
00:24:49 → 00:24:51 กรรมพันธ์เนี่ยโอ้โหได้รับมาเต็มไปหมดเลย
00:24:51 → 00:24:54 เป็นสโตรกเป็นหัวใจและหลอดเลือดเงี้ยหลอด
00:24:54 → 00:24:57 เลือดสมองเป็นมะเร็งอะไรพวกเนี้ยมันก็มี
00:24:57 → 00:25:00 ส่วนแหละ 5-10% แต่อีก 90% เนี่ย
00:25:00 → 00:25:00 >> อ
00:25:00 → 00:25:01 >> มันคือพฤติกรรม
00:25:01 → 00:25:02 >> อือ
00:25:02 → 00:25:06 >> อ่าที่เราสามารถที่จะควบคุมดูแลแล้วจัด
00:25:06 → 00:25:10 การพฤติกรรมเหล่านั้นได้ด้วยวิถีชีวิตของ
00:25:10 → 00:25:10 เรานี่แหละ
00:25:10 → 00:25:11 >> อื
00:25:11 → 00:25:14 >> อ่าคือเราก็ต้องดูแลวิถีชีวิตของเรานะ
00:25:14 → 00:25:18 แล้วสุขภาพดีเนี่ยคือมันเริ่มต้นที่วิถี
00:25:18 → 00:25:19 ชีวิตเรา
00:25:19 → 00:25:21 >> ค่ะคือจริงๆเรามีทางเลือกหลายอย่างมากๆ
00:25:21 → 00:25:22 เลยนะ
00:25:22 → 00:25:24 >> บางอย่างมันอำนวยความสะดวกให้เราก็จริง
00:25:24 → 00:25:27 แต่มันก็ส่งผลกระทบในระยะยาวซึ่งมันก็
00:25:27 → 00:25:30 ต้องมาดูในอนาคตต่อไปว่ามันจะมีงานวิจัย
00:25:30 → 00:25:32 อะไรที่มันเพิ่มมากกว่านี้อีกมยใช่มั้คะ
00:25:32 → 00:25:35 อาจารย์ไม่ใช่แบบมีแค่นี้อันเนี้แค่นี้
00:25:35 → 00:25:36 เรายังรู้สึกว่าถูกต้อง
00:25:36 → 00:25:40 >> เฮ้ยเหนื่อยจังเนาะไม่รู้จะยังไงดีแต่ว่า
00:25:40 → 00:25:42 มันก็มีแนวทางอื่นนะคะที่เราจะดูแลสุขภาพ
00:25:42 → 00:25:45 ได้ถ้าทำได้อย่างที่อาจารย์แนะนำก็เอาเลย
00:25:45 → 00:25:47 เต็มที่เพื่อสุขภาพที่ดีนะคะขอบคุณ
00:25:47 → 00:25:49 อาจารย์เอกราชค่ะสวัสดีค่ะ
00:25:49 → 00:25:51 >> สวัสดีครับ
00:25:51 → 00:25:53 >> เอาแหละหมดเวลาแล้วค่ะคุณผู้ฟังพบกันใหม่
00:25:53 → 00:25:56 ครั้งหน้ากับรายการโรงหมอทาง Thai PBS
00:25:56 → 00:25:58 Podcast นะคะวันนี้ลาไปก่อนสวัสดีค่ะ
00:25:59 → 00:26:01 >> This is Thai PBS Podcast
00:26:01 → 00:26:03 >> เมื่อการรักชาติเปลี่ยนไปอยู่บนโลก
00:26:03 → 00:26:05 ออนไลน์ต้องคำนึงถึงเรื่องอะไรบ้าง
00:26:05 → 00:26:07 วุฒิภาวะเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้จัด
00:26:07 → 00:26:10 การอย่างไรดร.สุวุฒิวงทางสวัสดิ์นัก
00:26:10 → 00:26:14 จิตวิทยาการปรึกษามาเล่าให้ฟังครับ
00:26:14 → 00:26:16 >> ยกเมันเป็นสงครามทางความคิดนะครับว่าแนว
00:26:16 → 00:26:18 คิดใครถูกใครผิดแล้วการอยู่ใน
00:26:18 → 00:26:20 โซเชียลมีดียเนี่ยเอ่อเราสามารถพิมพ์อะไร
00:26:20 → 00:26:23 ก็ได้เมื่อไหร่ก็ได้โดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำ
00:26:23 → 00:26:24 ว่าพิมพ์ไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้นเนาะแต่รู้
00:26:24 → 00:26:26 แค่ว่าการพิมพ์แล้วกดเคาะห์ลงไปเนี่ยมัน
00:26:26 → 00:26:27 ง่ายมาก
00:26:27 → 00:26:29 >> เรานั่งอยู่ในที่เงียบๆของเราอยู่กับ
00:26:29 → 00:26:31 เสียงของความคิดของเราแล้วก็พิมพ์ลงไป
00:26:31 → 00:26:31 >> อ่า
00:26:31 → 00:26:34 >> แล้วเราก็เคาะตู้มลงไปนะครับโดยหวังว่าจะ
00:26:34 → 00:26:37 มีคนเข้าข้างเราหรือสิ่งที่เราพูดไปเนี่ย
00:26:37 → 00:26:39 อาจจะได้โจมตีใครบางคนให้สะอึกบ้างใครจะ
00:26:39 → 00:26:41 ไปรู้ว่าใครถูกใครผิดเนาะสุดท้ายก็ต้อง
00:26:41 → 00:26:43 ว่ากันที่หลักการว่าในการที่แสดงความคิด
00:26:44 → 00:26:46 เห็นเนี่ยเกี่ยวกับชาติเกี่ยวกับวิธีการ
00:26:46 → 00:26:47 อะไรเกี่ยวกับการปฏิบัติต่อชาติก็ตาม
00:26:47 → 00:26:50 เนี่ยครับมันอาจจะมีมุมที่ถูกแต่ไม่ถูก
00:26:50 → 00:26:52 ผิดแต่ไม่ผิดก็ได้อาจจะถูกของเขาแต่อาจจะ
00:26:52 → 00:26:55 ไม่ถูกของคนอื่นอาจจะผิดของเค้าแต่อาจจะ
00:26:55 → 00:26:56 ไม่ได้ผิดของคนอื่นอ
00:26:56 → 00:26:58 >> เพราะงั้นเรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่ค่อน
00:26:58 → 00:27:00 ข้างนำมาทำเหมือนกันนะครับสุดท้ายมันก็
00:27:00 → 00:27:02 ต้องดูว่าเมื่อแสดงแนวคิดแล้วหรือแม้
00:27:02 → 00:27:03 กระทั่งสิ่งที่แนวคิดนั้นพยายามนำเสนอ
00:27:03 → 00:27:06 เนี่ยมันเกิดผลกระทบต่อใครในทางบวกทางลบ
00:27:06 → 00:27:09 บ้างเพราะบางทีตัวเค้าอาจจะรู้สึกว่าเฮ้ย
00:27:09 → 00:27:12 ตอนนี้ชาติกำลังต้องการฉันชาติกำลัง
00:27:12 → 00:27:14 ต้องการคนแบบเราเข้าไปช่วยสู้อะไรเงี้ยฮะ
00:27:14 → 00:27:15 >> อือฮึ
00:27:15 → 00:27:16 >> แต่บางทีเหมือนกับว่าบางคนเ้าอาจจะมีลูก
00:27:16 → 00:27:19 มีเมียมีสิ่งที่เขา้าแบบต้องดูแลรักษานะ
00:27:19 → 00:27:21 ครับเาอาจจะรู้สึกว่าไม่ไม่ได้สะดวกเลยจะ
00:27:21 → 00:27:24 เข้าร่วมนะมากกว่านั้นคือบางครั้งรัฐบาล
00:27:24 → 00:27:27 อาจจะต้องการความช่วยเหลือบางแบบที่เจาะ
00:27:27 → 00:27:30 จงอ่าเช่นแบบคุณไม่เคยถูกฝึกในการเป็น
00:27:30 → 00:27:32 ทหารคุณไม่เคยมีส่วนร่วมสิ่งนี้เมื่อก่อน
00:27:32 → 00:27:34 คุณไม่ควรเข้ามาแบบทำให้การทำงานยากขึ้น
00:27:34 → 00:27:36 เหมือนศักดิ์แต่ว่าอยากมีส่วนร่วมอ่ะแต่
00:27:36 → 00:27:38 จริงๆการเข้าไปกับกลายเป็นความเกียดให้
00:27:38 → 00:27:39 กับ
00:27:39 → 00:27:41 >> ผู้ที่ปฏิบัติงานก็มีเหมือนกันนะทีนี้
00:27:41 → 00:27:43 ความคิดคนเรามันไม่มีข้อจำกัดไงครับ
00:27:43 → 00:27:46 >> เราจินตนาการว่าเราบินได้เราจินตนาการว่า
00:27:46 → 00:27:48 เราไปท่องโลกบาดาเรายังคิดได้เลยในเรื่อง
00:27:48 → 00:27:51 สงครามนะครับการที่เราคิดว่ายิงมันเลยถ้า
00:27:51 → 00:27:53 มีอันนี้ทำไปเลยอย่างเงี้ยครับแต่พอเรา
00:27:53 → 00:27:55 ยืนหน้างานจริงๆอ่ะครับเรายืนต่อหน้าดง
00:27:55 → 00:27:58 ระเบิดเรายืนต่อหน้าอะไรก็ตามที่มันแบบ
00:27:58 → 00:28:00 เราเห็นข้อจำกัดเต็มไปหมดหรือแม้กระทั่ง
00:28:00 → 00:28:02 การที่เราไปยืนตรงหน้าตรงนั้นแล้วเกิด
00:28:02 → 00:28:04 ความกลัวตายขึ้นมา
00:28:04 → 00:28:05 >> มันเป็นขอบเขตอย่าง
00:28:05 → 00:28:07 >> มันเป็นขอบเขตบางอย่างครับที่เราเผชิญ
00:28:07 → 00:28:09 หน้าปั๊บครับมันจะทำอย่างที่คิดไม่ได้
00:28:09 → 00:28:11 แล้วสุดท้ายยังไงเราก็จะมีความโกรธแค้น
00:28:11 → 00:28:13 ความเจ็บช้ำอยู่แหละแต่สิ่งที่เราต้องไม่
00:28:13 → 00:28:15 ลืมคือว่าตัวเราทำอะไรกับเรื่องนี้ได้
00:28:15 → 00:28:18 จริงๆแค่ไหนอ่ะครับและอยู่บนจุดที่ต้องมี
00:28:18 → 00:28:19 วุฒิภาวะด้วยว่า
00:28:19 → 00:28:20 >> อื
00:28:20 → 00:28:22 >> เรื่องนี้จะต้องไม่ดึงคนไม่เกี่ยวเข้ามา
00:28:22 → 00:28:24 และตัวเราจะต้องเป็นคนที่แบบยังคงยืนหยัด
00:28:25 → 00:28:27 บนความถูกต้องบนคุณธรรมบางอย่าง
00:28:27 → 00:28:29 >> ทีนี้ถ้ารู้สึกว่ามันทำอะไรไม่ได้อย่าง
00:28:29 → 00:28:31 เงี้ยฮะแล้วกองทัพไม่ได้ขอตัวเราอาจจะ
00:28:31 → 00:28:33 ต้องเห็นแล้วว่าความโกรธที่สะสมไว้ไม่
00:28:33 → 00:28:35 จำเป็นละเราอาจจะต้องตัดความรู้สึกนี้ลง
00:28:35 → 00:28:37 ด้วยการเปลี่ยนไปรับรู้สิ่งอื่นรับรู้
00:28:37 → 00:28:39 ข่าวสารอื่นเพราะไม่งั้นถ้าเรารับรู้ไถดู
00:28:39 → 00:28:41 ข่าวทั้งวันมองหาข่าวทั้งวันสุดท้ายจิต
00:28:41 → 00:28:42 เรามันจะหมกมุ่นนะครับ
00:28:42 → 00:28:42 >> อ
00:28:43 → 00:28:45 >> จนจนชีวิตมันจมจนมันเกิดความแค้นครอบงำ
00:28:45 → 00:28:48 แล้วสุดท้ายเราอาจจะแบบนึกไปวางระเบิด
00:28:48 → 00:28:50 หรือไปทำอะไรสักคนที่แบบเรารู้สึกเขาสู้
00:28:50 → 00:28:52 เราไม่ได้ก็ได้เราเลยต้องมีสติในการแบบ
00:28:52 → 00:28:54 หลุดออกมาจากตรงนั้นไม่งั้นมันจะกลายเป็น
00:28:54 → 00:28:58 ว่าความไอ้ข้อมูลข่าวสารจะครอบงำเรา
00:28:58 → 00:29:00 [เพลง]
00:29:00 → 00:29:04 >> This is Thai PBS Podcast
00:29:04 → 00:29:07 ติดตามรายการของ Thai PBS Podcast ได้
00:29:07 → 00:29:09 ทางเว็บไซต์ www.thaipbspodcast.com
00:29:09 → 00:29:11 thapbspodcast.com
00:29:11 → 00:29:15 แอปพลิเคช Thai PBBS Podcast รวมถึงฟัง
00:29:15 → 00:29:19 ผ่านพcastช่องทางอื่นๆ Spotify YouTube
00:29:19 → 00:29:23 Apple Podcast และ Soundcloud เ้า
00:29:23 → 00:29:26 [เพลง]