โครงการ EQA คืออะไร และมีจุดประสงค์อย่างไรในการตรวจคุณภาพห้องปฏิบัติการ

ประเมินคุณภาพแล็บตรวจเลือดผู้ป่วย HIV : Research Impact [by Mahidol]

จากช่อง : Mahidol Channel มหิดล แชนแนล


ดูคำบรรยาย / View Transcript

00:00:1600:00:21 การให้ยาต้านไวรัสเอดส์กับผู้ป่วย ยิ่งเร็วเท่าไรยิ่งดี

00:00:2100:00:22 เป็นการป้องกัน

00:00:2300:00:27 ทำให้ผู้ป่วยมีภูมิต้านทานที่ดีขึ้น ถ้าให้ยาแต่เนิ่น ๆ

00:00:2700:00:32 ปัจจุบันเรามีคนไข้สะสม ประมาณ 1,100,000 คน

00:00:3200:00:35 แล้วในจำนวน 1,100,000 คนนี้

00:00:3500:00:38 ประมาณครึ่งหนึ่ง ได้เสียชีวิตไปแล้ว

00:00:3800:00:43 เพราะฉะนั้น เรามีผู้ป่วยที่ติดเชื้อ HIV ประมาณ 500,000 ราย ในประเทศไทย

00:00:4300:00:47 อัตราการติดเชื้อของผู้ป่วยในประเทศไทย ค่อนข้างสูงนะครับ

00:00:5500:00:57 โครงการ EQA ที่เราทำขึ้นมา

00:00:5700:01:00 EQA ย่อมาจาก External Quality Assurance

00:01:0100:01:05 ก็เป็นการประเมินคุณภาพภายนอก ต่อห้องปฏิบัติการต่าง ๆ

00:01:0500:01:11 ที่ผู้ป่วย HIV เรามีการตรวจคุณภาพ ของห้องปฏิบัติการต่าง ๆ

00:01:1200:01:16 เราตรวจภูมิต้านทานว่า ผู้ป่วยมีภูมิต้านทานยังดีอยู่ไหม

00:01:1600:01:21 การตรวจภูมิต้านทานของผู้ป่วย ที่ติดเชื้อ HIV ทำได้หลายแบบ

00:01:2200:01:25 อันที่ 1 คือ ตรวจวัด CD4 คือดูภูมิต้านทาน

00:01:2500:01:31 อันที่ 2 ก็คือ ดูปริมาณไวรัสในผู้ป่วยว่า มีมากหรือมีน้อยอย่างไร

00:01:3100:01:35 อันที่ 3 ก็คือ ดูว่าไวรัสที่อยู่ในตัวผู้ป่วยนั้น

00:01:3500:01:38 มันดื้อยาหรือไม่ดื้อยาต้านไวรัสเอดส์

00:01:3800:01:44 ทั้ง 3 วิธีนี้ จัดว่า CD4 เป็นวิธีที่ราคาถูกที่สุด

00:01:5100:01:53 สมัยโน้น 15 ปีที่แล้ว

00:01:5300:01:58 การที่เราจะประเมินคุณภาพของ ห้องปฏิบัติการใดปฏิบัติการหนึ่งนี่

00:01:5800:02:05 ในแง่ของ CD4 จำเป็นที่จะต้องใช้เลือด เสมือนหนึ่งว่าเป็นเลือดที่มาจากผู้ป่วย

00:02:0600:02:08 แล้วก็่ส่งไปที่ห้องปฏิบัติการ

00:02:0800:02:11 แล้วก็ให้เขาตรวจวัดว่ามีจำนวน CD4 เท่าไร

00:02:1200:02:18 เมื่อ 15 ปีที่แล้ว เราต้องใช้เลือด จากต่างประเทศซึ่งมีราคาแพงมาก

00:02:1800:02:24 เราก็มีการปรึกษาหารือกับทาง กระทรวงสาธารณสุข กรมโรคเอดส์

00:02:2400:02:28 ก็ได้รับมอบหมายว่าให้ลองพยายามทำ

00:02:2800:02:30 ว่าเราสามารถที่จะมีเลือด

00:02:3000:02:34 ที่เป็นตัวแทนที่เราสามารถที่จะส่ง ไปห้องปฏิบัติการต่าง ๆ ในประเทศไทย

00:02:3400:02:38 ซึ่งขณะนั้นมีอยู่ 30 กว่าแห่งได้ไหม

00:02:3800:02:41 ผมกับทีมงานก็เลยเริ่มต้นวิจัยว่า

00:02:4100:02:47 เราจะทำอย่างไรถึงจะให้เลือด มีความทนทานในสภาพอุณหภูมิของประเทศไทย

00:02:4800:02:50 แล้วก็จะเป็นการประหยัดเงินได้เยอะทีเดียว

00:02:5000:02:53 ใช้เวลา 1 ปี เราก็ประสบความสำเร็จ

00:02:5300:02:55 แล้วเราก็จะอนุสิทธิบัตร

00:02:5500:03:01 ของการที่เราจะทำให้เลือดนี่ สามารถคงทนในสภาพอุณหภูมิของประเทศไทยได้

00:03:0100:03:03 ซึ่งกระบวนการที่เราจะทำนี่

00:03:0300:03:07 ก็เริ่มต้นจากว่า เราได้เลือดจากผู้บริจาคใช่ไหมครับ

00:03:0700:03:09 จากธนาคารเลือด

00:03:0900:03:11 ในขั้นตอนแรก เราก็เอาเลือดมา

00:03:1100:03:13 แล้วก็ปั่นก่อนเพื่อแยกเอาน้ำเหลืองออกไป

00:03:1300:03:16 การที่เราแยกเอาน้ำเหลืองออกไป เราก็เอาน้ำเหลืองเก็บไว้

00:03:1700:03:20 ส่วนเซลล์ส่วนที่เหลือก็จะเป็น เม็ดเลือดแดงกับเม็ดเลือดขาวอยู่

00:03:2000:03:23 เราก็เอามาทำความสะอาดโดยการปั่นล้าง

00:03:2300:03:27 ด้วยฟอสเฟตบัฟเฟอร์ซาไลน์ หรือเราเรียกว่า PBS สองครั้ง

00:03:2800:03:32 เพื่อให้เลือด เซลล์เลือดมีความสะอาดนะครับ

00:03:3200:03:35 ปราศจากซีรัมที่ปนเปื้อนอยู่

00:03:3500:03:39 จากนั้น เราก็เติม สติบิไรซิงเอเจนต์ตัวที่หนึ่งลงไป

00:03:3900:03:43 แล้วก็ทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้อง ประมาณ 1 ชั่วโมง

00:03:4300:03:46 แล้วก็มาปั่นล้างด้วย PBS อีก 2 ครั้ง

00:03:4600:03:51 หลังจากปั่นล้าง 2 ครั้ง คราวนี้เราเติม สติบิไรซิงเอเจนต์ตัวที่สองลงไป

00:03:5100:03:54 หลังจากที่เติมสติบิไรซิงเอเจนต์ที่สองลงไป

00:03:5400:03:58 แล้วเราก็ใส่ไว้ในตู้เย็น ทิ้งไว้ประมาณ 16 ชั่วโมงหรือว่าค้างคืน

00:03:5900:04:05 จากนั้น เราก็จะได้เลือดพร้อมอยู่ในสภาพที่ บีสติบิไรซิงเอเจนต์แล้ว

00:04:0500:04:08 เราก็ทำการปั่นล้าง เอาสติบิไรซิงเอเจนต์ทิ้งไป

00:04:0900:04:11 และเมื่อปั่นล้างแล้วเราก็จะเหลือเลือด

00:04:1100:04:14 ซึ่งมีทั้งเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว เกล็ดเลือด ใช่ไหมครับ

00:04:1400:04:19 เราก็เอาซีรัมที่เราปั่นไว้ในวันแรก เติมกลับลงไป

00:04:1900:04:23 ทำให้เสมือนหนึ่งว่า มันเป็นเลือดที่ได้จากผู้ป่วย

00:04:3400:04:38 ภายหลังที่เราได้เลือดที่เราผ่าน สติบิไรซิงเอเจนต์มาแล้วนะครับ

00:04:3900:04:42 เราก็ส่งไปห้องปฏิบัติการต่าง ๆ ในประเทศไทย

00:04:4200:04:49 แล้วก็ให้ห้องปฏิบัติการต่าง ๆ เหล่านี้ ตรวจวัด CD4 โดยวิธีของเขานะครับ

00:04:4900:04:51 จากนั้นก็ส่งผลกลับมาให้เรา

00:04:5200:04:56 เราก็เอาข้อมูลทั้งหมด ของห้องปฏิบัติการต่าง ๆ มายำรวมกัน

00:04:5600:05:00 เราก็พยายามดูว่า 95% มีกี่แห่ง

00:05:0100:05:05 แล้วนอก 95% มีกี่แห่ง เราก็ถือว่าสอบตกนะครับ

00:05:0600:05:09 ทีนี้การสอบตก เราก็ต้องมีวิธีช่วยเหลือใช่ไหมครับ

00:05:0900:05:10 เราก็อาจจะไปแนะนำว่า

00:05:1100:05:15 ดูว่ากระบวนการ ขั้นตอนที่เขา ตรวจวัด CD4

00:05:1500:05:18 กระบวนการตรงไหนที่มีข้อผิดพลาดไหม

00:05:1800:05:20 ถ้ามีผิดพลาด เราก็ช่วยกันแก้ไข

00:05:2000:05:24 เพราะว่าจุดประสงค์ของ EQA อันหนึ่งก็คือว่า

00:05:2400:05:29 ช่วยทำให้ห้องปฏิบัติการต่าง ๆ มีการตรวจวัด CD4 ให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ

00:05:2900:05:33 ในช่วงแรก ๆ เราเริ่มต้นด้วย เรามีประมาณ 30-40 แห่งใช่ไหมครับ

00:05:3400:05:37 ใน 5 ปีถัดจากนั้น เรามีเพิ่มขึ้น 80 แห่ง

00:05:3700:05:41 ปัจจุบัน ในประเทศไทยเรามี 150 แห่ง

00:05:4100:05:45 ประเทศเพื่อนบ้าน เขาก็มีห้องปฏิบัติการ ที่ตรวจวัด CD4

00:05:4500:05:48 เราก็เลยให้ความช่วยเหลือกับประเทศเพื่อนบ้าน

00:05:4800:05:51 ก็เลยรวมเอาห้องปฏิบัติการเพื่อนบ้าน เข้ามาด้วย

00:05:5100:05:54 นับถึงปัจจุบัน เรามีเกือบ 300 แห่งแล้ว

00:05:5400:06:01 ทีนี้ เอเชียนี่ เราก็น่าจะถือว่า เราเป็นประเทศเดียวในภูมิภาค

00:06:0100:06:05 โดยเฉพาะในอาเซียน เราเป็นประเทศเดียวที่ก่อตั้งอันนี้

00:06:0500:06:08 แล้วเราก็ถือว่า ของเราก็เป็นนานาชาติได้เหมือนกัน

00:06:0800:06:10 แต่ว่าในระดับภูมิภาค