00:00:00 → 00:00:04 [เพลง]
00:00:05 → 00:00:09 สวัสดีครับผมวีระพงษ์ทวีศักดิ์และนี่คือ
00:00:09 → 00:00:11 ศัลยกรรมความสุข
00:00:11 → 00:00:39 [เพลง]
00:00:39 → 00:00:42 คุณผู้ฟังครับชีวิตของพวกเราในยุค
00:00:42 → 00:00:44 ปัจจุบันนี้เราก็มีชีวิตอยู่กับ
00:00:44 → 00:00:47 โซเชียลมีเดียเกือบตลอดเวลานะครับทุกคนก็
00:00:47 → 00:00:50 จะถือมือถือเมื่อไหร่ที่มีเวลาว่างเราก็
00:00:50 → 00:00:53 จะต้องดูมือถือนะครับไม่ว่าจะเป็นเช็ค
00:00:53 → 00:00:56 ข่าวสารข้อมูลโพสต์นู่นนี่นั่นหรืออ่าน
00:00:56 → 00:00:58 ข่าวสารข้อมูลต่างๆนะครับ
00:00:58 → 00:01:01 เพราะฉะนั้นปฏิเสธไม่ได้เลยนะครับว่า
00:01:01 → 00:01:03 ชีวิตเราทุกวันนี้เนี่ยไปอยู่ในโลก
00:01:03 → 00:01:06 ออนไลน์เกือบตลอดเวลาครับแล้วชีวิตในโลก
00:01:06 → 00:01:08 ออนไลน์เนี่ยครับคุณผู้ฟังผมสังเกตเห็น
00:01:08 → 00:01:12 ว่าช่วงนี้มันจะมีปรากฏการณ์อันหนึ่งเกิด
00:01:12 → 00:01:16 ขึ้นแล้วพบเราเจอได้บ่อยๆแล้วก็มันเป็น
00:01:16 → 00:01:19 ปรากฏการณ์ที่ไม่มากก็น้อยนะครับมันจะส่ง
00:01:19 → 00:01:24 ผลกระทบต่อชีวิตต่อความขุ่นมัวต่ออารมณ์
00:01:24 → 00:01:27 ความรู้สึกของเราปรากฏการณ์ที่ว่าก็คือก็
00:01:27 → 00:01:29 แค่พูดลอยๆ
00:01:29 → 00:01:33 [เพลง]
00:01:33 → 00:01:35 ใช่แล้วครับคุณผู้ฟังครับปรากฏการณ์ที่
00:01:35 → 00:01:37 ว่าก็แค่พูดลอยๆ
00:01:37 → 00:01:40 เราจะพบเราจะเห็นในโซเชียลมีเดียนะครับ
00:01:40 → 00:01:44 ว่ามีใครบางคนอยู่มาวันหนึ่งเช้าขึ้นมาก็
00:01:44 → 00:01:49 โพสต์อะไรบางอย่างนะฮะแล้วก็ก็แค่พูดลอยๆ
00:01:49 → 00:01:50 ไม่ได้หมายถึงใครอะไรอย่างนี้นะฮะ
00:01:50 → 00:01:53 ปรากฏการณ์นี้เนี่ยครับคุณผู้ฟังเท่าที่
00:01:53 → 00:01:56 ผมสังเกตดูเนี่ยมันก็มีตัวละครอยู่หลักๆ
00:01:56 → 00:01:59 อยู่ประมาณ 2-3 ตัวนะครับตัวละครตัวแรก
00:01:59 → 00:02:02 หรือคนแรกนี่ก็คือผู้โพสต์นี่แหละนะฮะเขา
00:02:02 → 00:02:04 ก็โพสต์อะไรบางอย่าง
00:02:04 → 00:02:08 ตัวละครหลักๆตัวที่ 2 ก็คือเขาโพสต์เนี่ย
00:02:08 → 00:02:12 ก็เพราะว่าเขาไปเจออะไรมาเจอใครมาเจอเหตุ
00:02:12 → 00:02:13 การณ์อะไรมา
00:02:13 → 00:02:16 แล้วเขาก็อาจจะเกิดความรู้สึกอะไรบาง
00:02:16 → 00:02:19 อย่างและเขาก็โพสต์ในโซเชียลมีเดีย
00:02:19 → 00:02:22 แต่ว่าเวลาที่เขาโพสต์เนี่ยเขาก็บอกว่าก็
00:02:22 → 00:02:25 แค่พูดลอยๆไม่ได้หมายถึงใครเนี่ยนะครับ
00:02:25 → 00:02:29 แต่ว่ามันจะมีตัวละครตัวที่ 3 ปรากฏขึ้น
00:02:29 → 00:02:30 มาอีกก็คือ
00:02:30 → 00:02:34 คนรอบข้างก็คือพวกเรานี่แหละนะเราไม่ได้
00:02:34 → 00:02:36 รู้ไม่ได้เห็นไม่ได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
00:02:36 → 00:02:39 ไม่รู้ว่าเขาไปเจออะไรไม่รู้ว่าคู่กรณี
00:02:39 → 00:02:42 ของเขาคือใครหรือเขาไปเจออะไรเราไม่รู้
00:02:42 → 00:02:46 ทั้งสิ้นนะแต่เราเนี่ยเป็นบุคคลที่ 3 ที่
00:02:46 → 00:02:50 เดินผ่านมาแล้วเราก็เห็นเห็นโพสต์นี้ได้
00:02:50 → 00:02:53 เห็นคำพูดนี้ได้เห็นความคิดนี้แต่ว่าเขา
00:02:53 → 00:02:56 ก็ไม่ได้หมายถึงเราเพราะเขาบอกแล้วว่าก็
00:02:56 → 00:02:58 แค่พูดลอยๆไม่ได้หมายถึงใคร
00:02:58 → 00:03:02 แต่ว่าตัวละครทั้ง 3 เนี่ยครับคุณฟังเรา
00:03:02 → 00:03:05 เอาตัวเราซึ่งเป็นคนที่ 3 ที่มาเจอเป็น
00:03:05 → 00:03:10 หลักผมเชื่อว่าคนในยุคนี้ก็จะมีปฏิกิริยา
00:03:10 → 00:03:14 ต่อโพสต์แบบนี้ก็แค่พูดลอยๆเนี่ยแตกต่าง
00:03:14 → 00:03:19 กันไปนะครับบางคนก็เห็นปุ๊บอ่านปุ๊บก็รู้
00:03:19 → 00:03:23 สึกอะไรบางอย่างทันทีไม่ว่าจะเป็น
00:03:23 → 00:03:28 สงสัยเอ๊ะเกิดอะไรขึ้นเป็นห่วงหรือว่าอาจ
00:03:28 → 00:03:31 จะแบบโกรธไปด้วยหรือไม่ชอบไปด้วยหรืออะไร
00:03:31 → 00:03:34 ก็ตามทีเนี่ยมีอารมณ์ร่วมในแบบในแบบในแบบ
00:03:34 → 00:03:38 นี้นะครับก็แสดงว่าอะไรครับแสดงว่าสิ่ง
00:03:38 → 00:03:41 ที่เขาพูดลอยๆไม่ได้หมายถึงใครเนี่ยมัน
00:03:41 → 00:03:45 ได้มากระทบเราซึ่งไม่รู้อีโนอีเหน่แล้วก็
00:03:45 → 00:03:47 เกิดอารมณ์ความรู้สึกบางอย่างไปเรียบร้อย
00:03:47 → 00:03:48 แล้ว
00:03:48 → 00:03:51 ที่ผมนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาเพราะอะไรรู้
00:03:51 → 00:03:54 ไหมครับคุณผู้ฟังเมื่อ 2-3 วันก่อนครับผม
00:03:54 → 00:03:57 ไปเจอเหตุการณ์เหตุการณ์นึงก็คือก็มี
00:03:57 → 00:03:59 เพื่อนใน Facebook เยอะแยะมากมายใช่ไหม
00:03:59 → 00:04:02 ครับเวลาที่ผมไปบรรยาย
00:04:02 → 00:04:06 ในที่ต่างๆผมก็จะรู้จักกับน้องๆรุ่นใหม่
00:04:06 → 00:04:08 เป็นลูกศิษย์นะครับเป็นนักเรียนนักศึกษา
00:04:08 → 00:04:09 หรือใครก็ตามเป็นคนรุ่นใหม่เนี่ยนะครับ
00:04:09 → 00:04:13 ที่ยังอายุไม่มากเนี่ยก็มาฟังกันบรรยายก็
00:04:13 → 00:04:16 จะรู้จักกันแล้วก็มาขอแอดเป็นเพื่อนใน
00:04:16 → 00:04:17 Facebook นะครับ
00:04:17 → 00:04:20 แล้วเราก็จะเห็นโพสต์ของเขานู่นนี่นั่น
00:04:20 → 00:04:23 บางทีก็มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนสอบถามอะไร
00:04:23 → 00:04:26 กันเพิ่มเติมนิดหน่อยอะไรก็ถือว่ารู้จัก
00:04:26 → 00:04:27 กันประมาณนึงนะครับ
00:04:27 → 00:04:30 อยู่มาวันนึงครับมีลูกศิษย์คนหนึ่งที่
00:04:30 → 00:04:34 เป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัยนะครับก็โพสต์
00:04:34 → 00:04:38 ข้อความมาบางอย่างพอเราเห็นข้อความนั้น
00:04:38 → 00:04:41 เนี่ยเราก็เกิดความรู้สึกเป็นห่วงนะครับ
00:04:41 → 00:04:45 ว่าเฮ้ยเกิดอะไรขึ้นนะครับด้วยความเป็น
00:04:45 → 00:04:46 ห่วงเนี่ยก็เลย
00:04:46 → 00:04:49 สอบถามไปแต่ว่าไม่ได้ถามในตอบในโพสต์นะ
00:04:49 → 00:04:54 ครับสอบถามไปที่ inbox ข้อความส่วนตัวว่า
00:04:54 → 00:04:57 เป็นยังไงชีวิตช่วงนี้เกิดอะไรขึ้นหรือ
00:04:57 → 00:04:59 เปล่าอะไรอย่างเงี้ยนะครับแล้วก็
00:04:59 → 00:05:02 Capture หน้าจอถ่ายหน้าจออันนั้นในที่ก็
00:05:02 → 00:05:05 โพสต์เนี่ยส่งไปให้เขาเพื่อจะได้รู้ว่า
00:05:05 → 00:05:08 เราเนี่ยสอบถามเพราะว่าเราเห็นโพสต์นี้นะ
00:05:08 → 00:05:11 ครับก็คือว่าด้วยความเป็นห่วง
00:05:11 → 00:05:16 พอสอบถามไปเนี่ยเขาก็ตอบข้อความมาบอกอ๋อ
00:05:16 → 00:05:21 ไม่มีอะไรอาจารย์พอดีไปฟังเพลงเพลงนึงนะ
00:05:21 → 00:05:22 ครับแล้วก็
00:05:22 → 00:05:26 ไอดีคำที่เขาโพสต์เนี่ยมันคัดมาจากข้อ
00:05:26 → 00:05:30 ความตอนหนึ่งของเพลงเพลงหนึ่งครับอ้าว
00:05:30 → 00:05:34 เหรอแล้วก็ขำตัวเองนะครับขำตัวเองที่ว่า
00:05:34 → 00:05:37 คำพูดนั้นเนี่ยเป็นคำพูดที่เขายกมาจาก
00:05:37 → 00:05:39 เพลงเพลงหนึ่ง
00:05:39 → 00:05:42 ซึ่งเขาฟังแล้วเขาก็อาจจะชอบหรือว่าจะ
00:05:42 → 00:05:46 อะไรก็ตามทีเนี่ยประทับใจหรืออะไรก็ได้ก็
00:05:46 → 00:05:49 เลยยกเอาข้อความนั้นเนี่ยมาโพสต์นะฮะไม่
00:05:49 → 00:05:52 ได้มีว่าเขาไปเจออะไรหรือรู้สึกอะไรหรือ
00:05:52 → 00:05:55 ไม่มีอะไรทั้งสิ้นเลยนะฮะก็แค่ได้ยินมา
00:05:55 → 00:06:00 แล้วก็ก็หยิบเอาตรงนั้นน่ะมาโพสต์เลยนะฮะ
00:06:00 → 00:06:03 แต่เราฟังแล้วเรากลับเป็นห่วง
00:06:03 → 00:06:06 เป็นห่วงแล้วคนที่ขำตัวเองเพราะอะไรรู้
00:06:06 → 00:06:10 ไหมครับอ้าวอันนี้เข้ามาจากเพลงแต่เรา
00:06:10 → 00:06:12 เนี่ยไม่รู้จักเพลงนั้นนะเราไม่เคยฟัง
00:06:12 → 00:06:16 แล้วเราก็ไม่รู้จักเพลงนั้นเราก็เลยไม่
00:06:16 → 00:06:20 รู้ว่าข้อความนี้มันมาจากเหนือเพลงเพลง
00:06:20 → 00:06:23 หนึ่งมันก็เลยขำตัวเอง
00:06:23 → 00:06:25 ขำตัวเอง 2 ประเด็นคือเราไม่รู้จักเลิก
00:06:25 → 00:06:28 แล้วก็จริงๆเขาไม่ได้เป็นอะไรแต่ก็โพสต์
00:06:28 → 00:06:31 ไปอย่างนั้นพูดลอยๆไม่ได้มีความรู้สึก
00:06:31 → 00:06:34 อะไรไม่ได้เจ็บช้ำน้ำใจไม่ได้ขุ่นข้อง
00:06:34 → 00:06:36 อะไรในชีวิตเลยนะก็แค่ได้ยินมาแล้วมา
00:06:36 → 00:06:38 โพสต์ต่อแค่นั้น
00:06:38 → 00:06:39 เห็นไหมครับว่า
00:06:39 → 00:06:44 ปรากฏการณ์ของการก็แค่พูดลอยๆไม่ได้หมาย
00:06:44 → 00:06:47 ถึงใครเนี่ยมันทำให้ผมนึกถึงว่า
00:06:47 → 00:06:51 มันน่าสนใจตรงที่คนที่เขาสื่อสารคนที่เขา
00:06:51 → 00:06:55 โพสต์เนี่ยเขาโพสต์ลอยๆ
00:06:55 → 00:06:59 แต่ว่าแทนที่มันจะลอยแล้วหายไปเลยเนี่ย
00:06:59 → 00:07:03 มันไม่ได้ลอยแล้วหายไปไหนแต่ว่ามันลอย
00:07:03 → 00:07:07 ล่องลอยไปในโลกของโซเชียลแล้วมันก็ไป
00:07:07 → 00:07:11 กระทบกระทบใจกระทบอารมณ์กระทบความรู้สึก
00:07:11 → 00:07:14 ของคนที่ผ่านมาเห็นเข้า
00:07:14 → 00:07:17 ไม่ว่าความรู้สึกนั้นจะเป็นบวกหรือเป็นลบ
00:07:17 → 00:07:19 เป็นเรื่องดีเป็นเรื่องไม่ดีอะไรก็ตามที
00:07:19 → 00:07:23 นะครับมันก็ส่งผลกระทบต่ออารมณ์ความรู้
00:07:23 → 00:07:26 สึกของคนผมก็เลยเกิดเป็นปั๊บว่า
00:07:26 → 00:07:29 ปรากฏการณ์แค่พูดเลยลอยไม่ได้หมายถึงใคร
00:07:29 → 00:07:33 เนี่ยโอ้มันเป็นเรื่องที่เราจะต้องใส่ใจ
00:07:33 → 00:07:37 นะครับต้องระมัดระวังทั้งใน 2 แง่ทั้งใน 2
00:07:37 → 00:07:42 ในแง่ที่เราเป็นผู้สื่อสารถ้าเราจะสื่อ
00:07:42 → 00:07:45 สารอะไรลอยๆไม่ได้หมายถึงใครเนี่ยเราก็จะ
00:07:45 → 00:07:49 ต้องตระหนักถึงเรื่องนี้ด้วยว่าเราอ่ะแค่
00:07:49 → 00:07:52 พูดลอยๆแต่ว่าเวลาที่มันลอยไปแล้วเนี่ย
00:07:52 → 00:07:56 มันอาจจะไปกระทบให้คนอื่นเขารู้สึกอะไร
00:07:56 → 00:07:59 บางอย่างได้เพราะฉะนั้นเราก็ต้องระมัด
00:07:59 → 00:08:00 ระวัง
00:08:00 → 00:08:03 ข้อที่ 2 ที่ผมคิดว่ามันตื่นเราก็คือว่า
00:08:03 → 00:08:07 ถ้าอย่างนั้นเราก็ต้องระมัดระวังในฐานะ
00:08:07 → 00:08:09 ที่เป็นคนที่ 3 ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไร
00:08:09 → 00:08:10 แล้วก็
00:08:11 → 00:08:15 เผอิญผ่านมาเห็นเข้าเราก็จะต้องตื่นตัว
00:08:15 → 00:08:20 เองแล้วก็บอกตัวเองแล้วก็เกิดการเรียนรู้
00:08:20 → 00:08:20 ว่า
00:08:20 → 00:08:26 เวลาที่ใครสักคนหนึ่งสื่อสารแบบลอยๆไม่
00:08:26 → 00:08:30 ได้หมายถึงใครเนี่ยเราก็อย่าไปตกตื่น
00:08:30 → 00:08:34 ตระหนักตกใจหรือว่าเป็นเดือดเป็นแค้นเป็น
00:08:34 → 00:08:37 เดือดเป็นร้อนเป็นห่วงเป็นใยไปเกินกว่า
00:08:37 → 00:08:40 เหตุคืออันนี้ผมเชื่อว่าเราเองซึ่งเป็น
00:08:40 → 00:08:43 บุคคลที่ 3 ที่ไปเห็นก็ต้องเกิดการเรียน
00:08:43 → 00:08:48 รู้และก็ต้องสรุปประสบการณ์นะครับซึ่งถาม
00:08:48 → 00:08:50 ว่าแบบนี้เนี่ยมันมีข้อดีข้อเสียหรือไม่
00:08:50 → 00:08:53 มันทำให้ผมนึกไปถึงสุภาษิตโบราณนะครับ
00:08:53 → 00:08:57 เรื่องเด็กเลี้ยงแกะเด็กเลี้ยงแกะที่ไป
00:08:57 → 00:09:00 ต้องการความช่วยเหลือแล้วก็ไป
00:09:00 → 00:09:04 ไปตะโกนหลอกชาวบ้านว่ามีหมาป่ามาเนี่ยชาว
00:09:04 → 00:09:09 บ้านก็มาปรากฏว่าเด็กก็ขำขำว่าจริงๆไม่มี
00:09:09 → 00:09:12 อะไรแต่ก่อนเล่นๆชาวบ้านก็เลยอ้าวโดนหลอก
00:09:12 → 00:09:16 นะครับครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 เอาอีกแล้ว
00:09:16 → 00:09:20 ครับตะโกนอีกแล้วว่ามีหมาป่าชาวบ้านก็ลืม
00:09:20 → 00:09:23 ไปว่าคราวที่แล้วเพิ่งโดนหลอกคราวนี้ก็
00:09:23 → 00:09:27 วิ่งไปจะช่วยอีกอ้าวคือมันเกิดความเสีย
00:09:27 → 00:09:29 อารมณ์เสียความรู้สึกแล้วมันเกิดการเรียน
00:09:29 → 00:09:33 รู้ว่าคนคนนี้เนี่ยเชื่อถือไม่ได้
00:09:33 → 00:09:36 เพราะเด็กคนนี้ต้องการความช่วยเหลือจริงๆ
00:09:36 → 00:09:40 ชาวบ้านก็คิดว่าไม่ใช่เรื่องจริง
00:09:40 → 00:09:43 คราวนี้ผลเสียมันก็เกิดจากใครเกิดกับคน
00:09:43 → 00:09:45 ที่เป็นคนสื่อสารเรื่องไม่จริงนั่นแหละก็
00:09:45 → 00:09:47 คือเด็กเลี้ยงแกะนั่นแหละนะครับเพราะ
00:09:47 → 00:09:50 ฉะนั้นปรากฏการณ์ของการพูดลอยๆอย่างที่ผม
00:09:50 → 00:09:53 บอกแล้วนะครับว่าถึงแม้เราจะพูดลอยๆไม่
00:09:53 → 00:09:56 ได้หมายถึงใครไม่ได้ตั้งใจอะไรก็ต้อง
00:09:57 → 00:10:00 ระมัดระวังในแง่นี้เพราะว่ามันมีผลต่อคน
00:10:00 → 00:10:03 ที่มาเห็นต่อคนที่มารับข้อมูลข่าวสารนั้น
00:10:03 → 00:10:05 เขาอาจจะเกิดความรู้สึกอะไรบางอย่าง
00:10:05 → 00:10:09 และในที่สุดถ้าระบบบอกว่าไม่มีใครพูดลอยๆ
00:10:09 → 00:10:14 และเขาเกิดการเรียนรู้ว่าอ๋อไม่มีอะไร
00:10:14 → 00:10:18 หรอกไม่ต้องใส่ใจผลเสียมันก็จะตกอยู่กับ
00:10:18 → 00:10:22 คนที่สื่อสารเรื่องแบบนี้บ่อยๆนะครับ
00:10:22 → 00:10:26 แค่พูดลอยๆเนี่ยเพราะมันอาจจะมีครั้งใด
00:10:26 → 00:10:28 ครั้งหนึ่งครับที่เราเนี่ย
00:10:28 → 00:10:33 เกิดความรู้สึกอะไรบางอย่างท้อแท้ใจจริงๆ
00:10:33 → 00:10:36 เป็นทุกข์ใจจริงๆอยากได้ความช่วยเหลือ
00:10:36 → 00:10:39 จริงๆอยากได้คำแนะนำจริงๆ
00:10:39 → 00:10:42 แต่คนทั่วไปเขาก็รู้ว่าเขาเกิดการเรียน
00:10:42 → 00:10:47 รู้ว่าอ๋อคนๆนี้ไม่มีอะไรหรอกพูดลอยๆไม่
00:10:47 → 00:10:51 ได้หมายถึงใครเพราะฉะนั้นก็เลยไม่ใส่ใจก็
00:10:51 → 00:10:54 เลยมองข้ามไปและก็ไม่ได้สอบถามด้วยความ
00:10:54 → 00:10:56 เป็นห่วงเป็นใย
00:10:56 → 00:11:01 ปรากฏการณ์แบบนี้ก็เห็นอยู่บ่อยๆในสังคม
00:11:01 → 00:11:03 นะครับที่
00:11:03 → 00:11:06 ในที่สุดแล้วก็เกิดเรื่องที่ไม่น่าเกิด
00:11:06 → 00:11:09 ขึ้นได้นะครับเพราะฉะนั้นคุณระหว่างครับ
00:11:09 → 00:11:12 ปรากฏการณ์ของการพูดลอยๆไม่ได้หมายถึงใคร
00:11:12 → 00:11:16 เนี่ยที่จริงแล้วมันเกิดขึ้นได้ในหลายแง่
00:11:16 → 00:11:19 หลายมุมมากเลยนะฮะไม่ใช่แง่มุมนี้แง่มุม
00:11:19 → 00:11:21 เดียวประสบการณ์ที่ผมเจอมาเนี่ยอันนี้
00:11:21 → 00:11:24 เรื่องที่เล่าเมื่อสักครู่นี้ก็เป็นเป็น
00:11:24 → 00:11:27 แค่เรื่องเดียวนะครับที่จริงแล้วยังมีอีก
00:11:27 → 00:11:30 มากมายผมเชื่อว่าคุณผู้ฟังทุกคนก็คงเคย
00:11:30 → 00:11:33 เจอนะครับปรากฏการณ์อย่างเงี้ยมันก็ขึ้น
00:11:33 → 00:11:37 อยู่กับเราว่าเราเกิดการเรียนรู้แล้วจดจำ
00:11:37 → 00:11:39 แล้วก็มาปรับประยุกต์ใช้ในชีวิตหรือไม่
00:11:39 → 00:11:43 ถ้าไม่งั้นชีวิตเราเนี่ยครับตามแนวคิดของ
00:11:43 → 00:11:46 รายการศัลยกรรมความสุขก็คือว่าสิ่งที่เรา
00:11:46 → 00:11:50 เจอในแต่ละวันเนี่ยมันอาจจะทำให้เราเสีย
00:11:50 → 00:11:53 ใจทุกใจวิตกกังวลหรือเครียดหรืออะไรก็ตาม
00:11:53 → 00:11:56 ทีเนี่ยแต่แท้ที่จริงแล้วเราสามารถจัดการ
00:11:56 → 00:11:58 กับมันได้ด้วยวิธีคิดของตัวเราเอง
00:11:58 → 00:12:00 คือเราไปเปลี่ยนแปลงเรื่องเหล่านั้นไม่
00:12:00 → 00:12:01 ได้
00:12:01 → 00:12:03 แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เราจัดการมันได้
00:12:03 → 00:12:05 เนี่ยอันนั้นจึงเป็นที่มาของรายการว่า
00:12:05 → 00:12:09 ศัลยกรรมความสุขก็คือเราสามารถที่จะจัด
00:12:09 → 00:12:11 การกับมันด้วยวิธีคิดของตัวเราเอง
00:12:11 → 00:12:15 ชีวิตเราก็จะมีความสุขขึ้นนะครับคุณฟัง
00:12:15 → 00:12:17 เพราะฉะนั้นครับอันนี้เป็นช่วงแรกนะครับ
00:12:17 → 00:12:18 ของ
00:12:18 → 00:12:21 podcast ศัลยกรรมความสุขตอนที่มีชื่อว่า
00:12:21 → 00:12:24 ก็แค่พูดลอยๆไม่ได้หมายถึงใครนะครับแต่
00:12:24 → 00:12:28 ว่ามันยังไม่จบแค่นี้ครับเดี๋ยวเราพักสัก
00:12:28 → 00:12:31 ครู่แล้วเรามาดูซิว่าปรากฏการณ์ที่ว่านี้
00:12:31 → 00:12:36 มันยังมาได้ในรูปแบบไหนอีกแล้วเราจะ
00:12:36 → 00:12:38 สามารถเผชิญหน้ากับมันหรือจัดการกับมัน
00:12:38 → 00:12:41 ได้ยังไงเพื่อเราจะได้มีชีวิตที่ไม่ขุ่น
00:12:41 → 00:12:44 มัวในแต่ละวันนะครับช่วงนี้เราพักสักครู่
00:12:45 → 00:12:47 ครับ
00:12:47 → 00:13:12 [เพลง]
00:13:12 → 00:13:18 แพงกว่า backing
00:13:18 → 00:13:32 [เพลง]
00:14:21 → 00:14:26 แบกก็แปลกสิ่งที่เรียนและ
00:14:26 → 00:14:29 ฝัน
00:14:29 → 00:14:46 [เพลง]
00:14:46 → 00:14:48 ดี
00:14:48 → 00:14:56 [เพลง]
00:14:56 → 00:15:18
00:15:18 → 00:15:25 [เพลง]
00:15:25 → 00:15:46
00:15:46 → 00:15:49 [เพลง]
00:15:49 → 00:15:52 คุณผู้ฟังครับตอนนี้เรากำลังอยู่กับราย
00:15:52 → 00:15:55 การศัลยกรรมความสุขนะครับตอนนี้มีชื่อตอน
00:15:55 → 00:15:59 ว่าก็แค่พูดลอยๆไม่ได้หมายถึงใครนะครับ
00:15:59 → 00:16:02 แต่ว่าเมื่อสักครู่นี้เนี่ยผมได้แบ่งปัน
00:16:02 → 00:16:04 ไปแล้วสถานการณ์หนึ่งนะครับพูดลอยๆไม่ได้
00:16:04 → 00:16:08 หมายถึงใครก็ไม่ได้มีอะไรมากมายแต่ว่ามัน
00:16:08 → 00:16:12 มีปรากฏการณ์นี้ครับก็แค่พูดลอยๆในอีกรูป
00:16:12 → 00:16:15 แบบหนึ่งนะครับคุณผู้ฟังเป็นการโพสต์หรือ
00:16:15 → 00:16:19 ว่าสื่อสารในโซเชียลมีเดียแบบประมาณว่าก็
00:16:19 → 00:16:22 แค่พูดลอยๆไม่ได้หมายถึงใครแต่ในความเป็น
00:16:22 → 00:16:25 จริงแล้วเขาหมายถึงใครบางคนครับ
00:16:25 → 00:16:28 เพียงแต่ว่าเขาไม่อยากบอกตรงๆว่าหมายถึง
00:16:28 → 00:16:31 ใครยกตัวอย่างเช่นอาจจะมีใครสักคนนึงนะ
00:16:31 → 00:16:35 ครับคุณผู้ฟังที่เขามีปัญหามีประเด็นกับ
00:16:35 → 00:16:37 เพื่อนร่วมงานในที่ทำงานหรือใครก็ตามที
00:16:37 → 00:16:40 ที่เขารู้จักในชีวิตเนี่ยพอมีปัญหามี
00:16:40 → 00:16:43 ประเด็นขึ้นมาปุ๊บเนี่ยเขาก็เอาเรื่องราว
00:16:43 → 00:16:46 เหล่านั้นเนี่ยที่ทำให้เขาทุกกังวลใจ
00:16:46 → 00:16:50 เครียดไม่พอใจหรืออะไรก็ตามทีเนี่ยเอา
00:16:50 → 00:16:51 เรื่องราวแบบนั้นเนี่ยมาโพสต์ใน
00:16:51 → 00:16:55 โซเชียลมีเดียแต่พอเวลาที่เขาเอามาโพสต์
00:16:55 → 00:16:58 ในโซเชียลมีเดียนะครับคุณผู้ฟังเขาโพสต์
00:16:58 → 00:17:00 แต่เรื่องราว
00:17:00 → 00:17:04 แต่ว่าตัดตัวละครออกไปก็คือว่าไม่ได้บอก
00:17:04 → 00:17:09 ว่าเนี่ยคนนี้คือเพื่อนคนนี้นะเนี่ยเป็น
00:17:09 → 00:17:11 เพื่อนที่ทำงานที่ชื่อว่านี่ๆๆเขาตัดราย
00:17:11 → 00:17:13 ละเอียดนี้ออกไปหมดเลยเหลือไว้แต่เรื่อง
00:17:13 → 00:17:18 ราวครับว่าโอ้ดูสิพฤติกรรมคนๆนี้เป็น
00:17:18 → 00:17:19 อย่างนี้เป็นอย่างนี้เป็นอย่างนั้นอะไร
00:17:19 → 00:17:21 อย่างนี้ทำให้เขาต้องลำบากอย่างเขาอย่าง
00:17:21 → 00:17:24 นี้คือชัดเจนทุกอย่างนะครับเรื่องราวมี
00:17:24 → 00:17:28 อยู่จริงแต่ว่าตัดตัวละครออกไปหมดแล้วก็
00:17:28 → 00:17:31 บอกว่าก็ไม่ได้หมายถึงใครนะอะไรอย่างนี้
00:17:31 → 00:17:35 นะแสดงว่าอันนี้เป็นการพูดลอยๆ
00:17:35 → 00:17:39 ไม่ได้เจาะจงว่าหมายถึงใครแต่จริงๆแล้ว
00:17:39 → 00:17:43 เขาหมายถึงใครบางคนที่ชัดเจนเพียงแต่ว่า
00:17:43 → 00:17:47 เราไม่รู้ครับเราไม่รู้แล้วปรากฏการณ์
00:17:47 → 00:17:50 อย่างนี้ครับคุณผู้ฟังที่มันน่าตลกแล้ว
00:17:50 → 00:17:53 มันน่าขำคืออะไรรู้ไหมครับผมสังเกตการณ์
00:17:53 → 00:17:57 อยู่แล้วผมก็สังเกตว่าเออมันน่าขำตรงที่
00:17:57 → 00:18:00 ว่าเขาพูดว่าเขาไม่ได้หมายถึงใครแต่เขา
00:18:00 → 00:18:02 หมายถึงใคร
00:18:02 → 00:18:06 แต่มันตลกตรงที่เขาไม่ได้หมายถึงเรา
00:18:06 → 00:18:10 แล้วไอ้คนที่เข้าหมายถึงเนี่ยส่วนใหญ่
00:18:10 → 00:18:13 เนี่ยก็มักจะไม่ได้มาเห็นข้อความเหล่านี้
00:18:13 → 00:18:17 หรอกนะตลกคือคนที่เขาต้องการให้เห็นน่ะ
00:18:17 → 00:18:19 ส่วนใหญ่ไม่เห็นหรอกนะ
00:18:19 → 00:18:23 แต่ว่าเราเนี่ยไม่ได้เกี่ยวข้องดันไม่
00:18:23 → 00:18:25 เห็นเสร็จแล้วยังไงต่อไม่ได้เห็นเฉยๆครับ
00:18:25 → 00:18:28 เป็นเดือดเป็นแค้นเป็นเดือดเป็นร้อนแทน
00:18:28 → 00:18:29 เขาครับ
00:18:29 → 00:18:31 ส่วนใหญ่ที่เวลาเราเห็นโพสต์อย่างนี้
00:18:31 → 00:18:34 เนี่ยเพื่อนๆที่รู้จักกันก็คือเพื่อนใน
00:18:34 → 00:18:37 โซเชียลมีเดียเพราะเห็นเพราะอย่างนี้ปุ๊บ
00:18:37 → 00:18:40 ก็ขึ้นอยู่กับว่าคนๆนั้นเนี่ยมีความสนิท
00:18:40 → 00:18:43 หรือมีความรู้จักกับเจ้าของโพสต์ขนาดไหน
00:18:43 → 00:18:45 ถ้าสนิทมาก
00:18:45 → 00:18:48 รู้จักกันเป็นเพื่อนสนิทอะไรอย่างนี้ก็จะ
00:18:48 → 00:18:50 เข้ามา comment
00:18:50 → 00:18:53 หรือว่าแสดงความคิดเห็นแบบเป็นเดือดเป็น
00:18:54 → 00:18:59 แค้นแทนครับหรือว่าเข้ามาช่วยเสริมเสริม
00:18:59 → 00:19:02 เขาเรียกว่าอะไรนะมาสูงไฟฮะทำให้ความโกรธ
00:19:03 → 00:19:07 ความแค้นความเกลียดเพิ่มเพิ่มปริมาณมาก
00:19:07 → 00:19:09 ขึ้นทวีมากขึ้น
00:19:09 → 00:19:12 คือไม่ได้ทำให้สถานการณ์ดีขึ้นเลยแต่แย่
00:19:12 → 00:19:15 ลงไปอีกนะครับประมาณว่าเข้ามาสูงเลยโอ้ย
00:19:15 → 00:19:17 ใช่ถ้าเจอคนอย่างนี้เนี่ยคราวหน้าต้อง
00:19:17 → 00:19:19 อย่าไปยอมอย่างนู้นอย่างนี้นะฮะจัดการสวน
00:19:19 → 00:19:23 เลยอะไรก็ว่ากันไปนะครับคือคุณกำลังเห็น
00:19:23 → 00:19:27 ไหมครับว่าอันนี้มันเป็นการเหมือนจะพูด
00:19:27 → 00:19:31 ลอยๆไม่ได้หมายถึงใครแต่หมายถึงใครแต่เรา
00:19:31 → 00:19:33 ไม่รู้ว่าเขาหมายถึงใครเพราะเราก็ไม่รู้
00:19:33 → 00:19:34 นะ
00:19:34 → 00:19:38 แต่คนที่เข้าหมายถึงเนี่ยมีอยู่จริงแต่
00:19:38 → 00:19:42 ว่าเป็นไปได้นะครับคุณผู้ฟังที่เพื่อนใน
00:19:42 → 00:19:45 โซเชียลมีเดียเข้ามาอ่านแล้ว
00:19:45 → 00:19:48 โดยที่เขาไม่ได้เอ่ยชื่อแต่เพื่อนบางคนก็
00:19:48 → 00:19:53 รู้ว่าหมายถึงใครเขาจะรู้กันเองครับถ้า
00:19:53 → 00:19:56 เราไม่รู้ก็ไม่รู้แต่คนที่เขารู้เขาก็จะ
00:19:56 → 00:19:57 รู้กันเอง
00:19:57 → 00:19:59 แล้วมันที่ตลกก็คือว่าพอเข้าลูกนั่นเอง
00:19:59 → 00:20:02 ปุ๊บเขาก็จะเข้ามาคอมเมนต์ว่ารู้นั่นหมาย
00:20:02 → 00:20:05 ถึงใครใช่คนนั้นใช่คนนี้ไหมอะไรอย่างนี้
00:20:05 → 00:20:08 นะเข้ามาประมาณนี้แล้วหลังจากนั้นเขาก็
00:20:08 → 00:20:09 คุยกันต่อไป
00:20:09 → 00:20:12 อย่างเดียวที่เขาไม่พูดถึงก็คือชื่อของคน
00:20:12 → 00:20:14 ๆนั้นแหละนะฮะแต่ว่าดูเหมือนว่าทุกอย่าง
00:20:14 → 00:20:16 มันจะชัดเจน
00:20:16 → 00:20:18 กรณีอย่างนี้เนี่ยครับคุณผู้ฟังถ้ามัน
00:20:18 → 00:20:21 เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในที่ทำงาน
00:20:21 → 00:20:26 หรือในสำนักงานหรือในโรงเรียนในสถาบันที่
00:20:26 → 00:20:29 อยู่รวมกันหลายคนเนี่ยครับแล้วมันเป็น
00:20:29 → 00:20:31 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน
00:20:31 → 00:20:35 ที่ในวงกว้างที่ใครๆก็รู้อะไรอย่างนี้นะ
00:20:35 → 00:20:38 ครับแค่โพสต์เหตุการณ์เรื่องราวนี้เขาก็
00:20:38 → 00:20:42 รู้รู้แล้วว่าหมายถึงใครขาดแต่ว่าบอกชื่อ
00:20:42 → 00:20:45 มาตรงๆเท่านั้นแหละซึ่งในโซเชียลมีเดีย
00:20:45 → 00:20:50 เขาก็คงจะไม่บอกนะเพราะว่ามันก็จะโจ่ง
00:20:50 → 00:20:52 แจ้งเกินไปนะครับแต่ถ้าเกิดใครที่รู้ก็จะ
00:20:52 → 00:20:56 รู้นะใครไม่รู้ก็ไม่รู้ยังถ้าเราเป็นคน
00:20:56 → 00:21:00 ที่ไม่เกี่ยวข้องเราก็ไม่เห็นเราก็ไม่รู้
00:21:00 → 00:21:03 ไอ้คนที่ไม่เกี่ยวข้องแล้วมาเห็นแล้วไม่
00:21:03 → 00:21:07 รู้เนี่ยค่ะคุณผู้ฟังมันก็จะมีปฏิกิริยา
00:21:07 → 00:21:13 แตกต่างกันอีกนะครับบางคนก็อยากรู้นะครับ
00:21:13 → 00:21:16 อยากรู้มากเลยก็จะเข้าไปคอมเมนต์หรือแสดง
00:21:16 → 00:21:19 ข้อคิดเห็นหรือว่าอยากรู้มากกระทั่งว่า
00:21:19 → 00:21:24 ส่งข้อความไปในกล่องข้อความส่วนตัวนะว่า
00:21:24 → 00:21:29 บล็อกกูหน่อยดิว่าเป็นใครหรือบอกชื่อย่อ
00:21:29 → 00:21:32 หน่อยได้ไหมอะไรประมาณนี้นะคือเราไม่รู้
00:21:32 → 00:21:36 ว่าเป็นใครแต่ว่าอยากรู้มากก็
00:21:36 → 00:21:39 กระตือรือร้นอยากเข้าไปหาหรือว่าบางทีก็
00:21:39 → 00:21:43 อยากรู้นี่จะได้จะได้ระมัดระวังตัวเลย
00:21:43 → 00:21:46 ซึ่งอาจจะเป็นข้อดีก็ได้นะหรือว่าอยากจะ
00:21:46 → 00:21:48 รู้จะได้เข้าไปช่วย comment หรือเข้าไป
00:21:48 → 00:21:50 ช่วยแนะนำอะไรก็ตามทีนะฮะแล้วแต่
00:21:50 → 00:21:53 วัตถุประสงค์อีกประเภทหนึ่งครับคุณผู้ฟัง
00:21:53 → 00:21:57 ซึ่งไม่รู้ไม่รู้เรื่องกับเขาเลยครับแล้ว
00:21:57 → 00:22:00 ก็ไม่รู้ด้วยว่าเกิดอะไรขึ้นแล้วก็ไม่รู้
00:22:00 → 00:22:04 ว่าเป็นใครเลยครับแต่โดยที่ไม่อยู่อะไร
00:22:04 → 00:22:05 เลยนะครับ
00:22:05 → 00:22:10 ก็เข้าไปแสดงความคิดเห็นกับเขาด้วยครับ
00:22:10 → 00:22:14 ก็มีนะครับไม่รู้อะไรเลยครับไม่รู้ข้อมูล
00:22:14 → 00:22:17 ทั้งสิ้นไม่รู้ต้นสายไปเหตุไม่รู้ราย
00:22:18 → 00:22:20 ละเอียดจริงๆว่าเกิดอะไรขึ้นเพราะว่าตอน
00:22:20 → 00:22:24 นี้อยู่ในการแทบจะฟังความข้างเดียวเลยนะ
00:22:24 → 00:22:24 ครับ
00:22:24 → 00:22:29 แล้วก็ยังอุตส่าห์เข้าไปแสดงความคิดเห็น
00:22:29 → 00:22:32 นะครับซึ่งเหล่านี้แหละ
00:22:32 → 00:22:37 ทั้งบุคคลที่ 3 ที่กำลังกล่าวถึงนี้ก็จะ
00:22:37 → 00:22:40 ต้องได้รับแรงสั่นสะเทือนหรือแรง
00:22:40 → 00:22:43 กระเพื่อมจากความขุ่นมัวจากความ
00:22:43 → 00:22:46 เครียดแค้นจากความเกลียดความชังอันนี้ไป
00:22:46 → 00:22:48 ด้วยโดยไม่รู้ตัวนะ
00:22:48 → 00:22:52 ก็ทำให้ชีวิตของเขาเนี่ยก็จะคืออยู่ในโลก
00:22:52 → 00:22:57 โซเชียลมีเดียแบบคุณมัวแหละนะ
00:22:57 → 00:22:59 คุณกำลังเห็นไหมครับว่า
00:22:59 → 00:23:05 จากปรากฏการณ์นี้ก็แค่พูดลอยๆเนี่ยโอ้โห
00:23:05 → 00:23:09 มันส่งผลกระทบคือมันไม่ลอยจริงครับเหมือน
00:23:09 → 00:23:11 กับว่าถ้ามีอะไรบางอย่างที่มันลอยมาแล้ว
00:23:11 → 00:23:13 มันก็ลอยไปแล้วมันก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไร
00:23:13 → 00:23:15 เลยเนี่ยมันแทบจะไม่มีอยู่จริงนะครับ
00:23:15 → 00:23:19 เพราะฉะนั้นไอ้การพูดลอยๆถ้าเราเห็นโพสต์
00:23:19 → 00:23:22 เห็นการสื่อสารแบบพูดลอยๆไม่ได้หมายถึง
00:23:22 → 00:23:27 ใครเนี่ยนะครับคุณผู้ฟังเราจงระมัดระวัง
00:23:27 → 00:23:31 ถ้าเราเคยถ้าเป็นตัวเราเราเคยแบบนี้ก็
00:23:31 → 00:23:34 ต้องระมัดระวังให้มากขึ้นนะครับเพราะเรา
00:23:34 → 00:23:38 ต้องรู้ว่ามันไม่ลอยจริงครับมันไม่ได้ลอย
00:23:38 → 00:23:42 ไปไหนแต่ว่ามันก็ส่งร่องรอยยืนสรุปเอาปวน
00:23:42 → 00:23:44 อยู่ในนี้เนี่ยในโลกของ Social Media
00:23:44 → 00:23:48 นี่แหละแล้วมันก็เที่ยวไปส่งผลกระทบต่อ
00:23:48 → 00:23:53 ใครต่อใครเต็มไปหมดทั้งในเชิงลบและในเชิง
00:23:53 → 00:23:56 บวกก็อาจจะเป็นไปได้นะครับมันก็เราไม่แน่
00:23:56 → 00:23:59 ใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่ในก็ยังไงก็ตามที
00:23:59 → 00:24:01 เนี่ยเราก็ต้องรู้ว่า
00:24:01 → 00:24:06 การสื่อสารแบบพูดลอยๆใหม่ๆถึงใครเนี่ยมัน
00:24:06 → 00:24:09 มีผลนั่นหมายความว่าอะไรครับถ้ามันมีผล
00:24:09 → 00:24:12 เราก็ต้องระมัดระวัง
00:24:12 → 00:24:16 และประการที่สำคัญที่สุดนะครับตัวเราเอง
00:24:16 → 00:24:19 ซึ่งเป็นคนรับข้อมูลและข่าวสารในเมื่อ
00:24:19 → 00:24:22 ชีวิตในโลกปัจจุบันนี้นะครับโทรศัพท์มือ
00:24:22 → 00:24:24 ถือก็อยู่ในมือตลอดเวลา
00:24:24 → 00:24:28 พอมันมีเสียงเตือนมาเราก็เปิดดูตลอดเวลา
00:24:28 → 00:24:33 เวลาที่เรามีตั้งเสียงเตือนเอาไว้ว่ามัน
00:24:33 → 00:24:37 มีเพจมีเว็บไซต์มีอะไรต่ออะไรที่มันมีข้อ
00:24:37 → 00:24:40 มูลข่าวสารทุกครั้งที่มีข้อมูลข่าวสาร
00:24:40 → 00:24:45 ใหม่ๆเราก็จะเปิดขึ้นตลอดเวลาแล้วคนสมัย
00:24:45 → 00:24:49 นี้เขาก็จะมีเทคนิคในการเขียนหัวข้อให้ดู
00:24:49 → 00:24:50 หน้าสนใจ
00:24:50 → 00:24:54 แล้วโดยที่เราไม่รู้เราก็เข้าไปคลิกอ่าน
00:24:54 → 00:24:58 คลิกอ่านแล้วเราก็เกิดอาการคุณมัว
00:24:58 → 00:25:02 คุณข้องหมองใจโกรธแค้นตามไปด้วยถ้าเป็น
00:25:02 → 00:25:04 อย่างนั้นเนี่ยหมายความว่าอะไรหมายความ
00:25:04 → 00:25:07 ว่าเรากำลังมีโรคอยู่ในเรากำลังมีชีวิต
00:25:07 → 00:25:09 อยู่ในโลกของ
00:25:09 → 00:25:14 โซเชียลมีเดียที่เรากำลังถูกชักจูงไปใน
00:25:14 → 00:25:18 ทางที่ทำให้เราขุ่นมัวแล้วชีวิตที่คุณวัว
00:25:18 → 00:25:21 จริงๆแล้วคุณผู้ฟังครับมันไม่ใช่เป็น
00:25:21 → 00:25:25 ชีวิตที่เราต้องการนะเพียงแต่ว่าบางทีเรา
00:25:25 → 00:25:29 ลืมไปแล้วเราก็ไม่รู้ตัวแล้วก็เพลินๆไป
00:25:29 → 00:25:33 เห็นโพสต์บางอย่างก็รู้สึกอะไรก็
00:25:33 → 00:25:37 ส่งผลกระทบต่อตัวเองไปเลยโกรธเกลียดคุณ
00:25:37 → 00:25:42 มัว comment ไปต่อความยาวสาวความยืด
00:25:42 → 00:25:46 ยาวเหรอครับทีนี้แล้วคนในสมัยนี้นะคุณผู้
00:25:46 → 00:25:50 ฟังโทรศัพท์มือถืออยู่ในมือวินาทีสุดท้าย
00:25:50 → 00:25:53 จนกระทั่งก่อนก่อนนอนนะครับแล้วคุณผู้ฟัง
00:25:54 → 00:25:57 ลองสังเกตตัวเองสิครับว่าช่วงเวลาก่อนนอน
00:25:57 → 00:26:01 ข้อมูลและข่าวสารไม่ว่าจะเป็นพูดลอยๆหรือ
00:26:01 → 00:26:04 พูดไม่ลอยแล้วก็ตามทีนี่นะครับทั้งหมดที่
00:26:04 → 00:26:08 เรารับเนี่ยมันจะส่งผลกระทบต่อตัวเราโดย
00:26:09 → 00:26:11 เฉพาะเวลาที่เราก่อนนอนแล้วก็หลังจากเวลา
00:26:11 → 00:26:13 ที่เราเพิ่งตื่นนะครับเรารับข้อมูลเหล่า
00:26:13 → 00:26:16 นี้เนี่ยมันเป็นตัวชี้นำมันเป็นตัวชี้วัด
00:26:16 → 00:26:19 เลยว่าชีวิตในวันนั้นเนี่ยเราเนี่ยจะมี
00:26:19 → 00:26:23 ชีวิตอย่างมีความสุขร่างราบรื่นสงบสดใส
00:26:23 → 00:26:27 หรือไม่ขึ้นอยู่กับปรากฏการณ์เหล่านี้เลย
00:26:27 → 00:26:31 นะครับคุณผู้ฟังครับชีวิตในโลกยุคข้อมูล
00:26:31 → 00:26:33 และข่าวสารนะครับโซเชียลมีเดีย
00:26:33 → 00:26:36 เราก็ต้องอยู่กับมันอย่างระมัดระวัง
00:26:36 → 00:26:40 แม้กระทั่งแค่การสื่อสารแบบลอยๆไม่ได้
00:26:40 → 00:26:44 หมายถึงใครก็ยังส่งผลต่อชีวิตเราถ้าเรามี
00:26:44 → 00:26:46 สติเราอยู่กับมันได้นะครับรู้จักคิดรู้
00:26:46 → 00:26:50 จักเลือกรู้จักจะวางใจหรือว่ารู้จักที่จะ
00:26:50 → 00:26:54 ทำใจอะไรบางอย่างกับเรื่องบางเรื่องเราก็
00:26:54 → 00:26:57 จะได้ไม่ขุ่นมัวนะครับอันนี้ก็คือแนวคิด
00:26:57 → 00:27:01 ของรายการศัลยกรรมความสุขครับชีวิตเราจะ
00:27:01 → 00:27:04 ดีขึ้นหรือแย่ลงจะมีความสุขหรือมีความ
00:27:04 → 00:27:06 ทุกข์ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเราเจออะไรครับ
00:27:06 → 00:27:10 แต่มันขึ้นอยู่กับวิธีคิดหรือทัศนคติหรือ
00:27:10 → 00:27:13 mine set ของเราที่มีต่อสิ่งต่างๆเหล่า
00:27:13 → 00:27:17 นั้นเรากำหนดได้ด้วยตัวเราเองครับขอบพระ
00:27:17 → 00:27:19 คุณสำหรับการติดตามรายการศัลยกรรมความสุข
00:27:19 → 00:27:23 นะครับโดยผมวีระพงษ์ทวีศักดิ์สวัสดีครับ
00:27:23 → 00:27:25 [เพลง]
00:27:25 → 00:27:28 รายการทางเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่นของไทย
00:27:28 → 00:27:34 พีแดช็อต
00:27:34 → 00:27:43 และ YouTube Channel Thai PBS
00:27:43 → 00:27:48 [เพลง]