00:00:00 → 00:00:03 This Is Thai PBS podcast View the
00:00:03 → 00:00:05 world vi The
00:00:05 → 00:00:08 Voice เราเองเนาะกว่าจะหาแฟนที่เรารู้
00:00:08 → 00:00:10 สึกว่าคลิกกันได้เนี่ยมันไม่ใช่เรื่อง
00:00:10 → 00:00:13 ง่ายนะแต่พอคลิกแล้วมันเกิดปัญหาแบบนี้
00:00:13 → 00:00:15 ขึ้นมาเนี่ยคนที่หนักใจที่สุดเนี่ยคือคน
00:00:15 → 00:00:19 กลางลองมาดูก่อนนะคะว่าทำไมล่ะจะต้องมี
00:00:19 → 00:00:22 ความรู้สึกมีปัญหาพ่อผัวแม่ผัวลูกสะใภ้
00:00:22 → 00:00:25 หรือพ่อตาแม่ยายลูกเขยอะไรอย่างเงี้ยตลอด
00:00:25 → 00:00:28 นะฮะก็ต้องให้เข้าใจก่อนว่าธรรมชาติของ
00:00:28 → 00:00:31 ผู้ใหญ่คือเเนี่ยจะห่วงลูกห่วงหลานก็มี
00:00:31 → 00:00:34 ความรู้สึกว่าไม่อยากให้เราเจอคนที่จะทำ
00:00:34 → 00:00:37 ให้ลูกเราเจ็บช้ำน้ำใจบางทีก็ตั้งกำแพง
00:00:37 → 00:00:40 เอาไว้ซะเยอะเลยนะคะกันไว้แสดงออกเลยว่า
00:00:40 → 00:00:43 ฉันไม่ชอบฉันไม่ถูกใจเธออะไรอย่าเงี้
00:00:43 → 00:00:45 ทำนองนั้น
00:00:45 → 00:00:49 นะฟังทุกเรื่องสุขภาพอัปเดตทุกโรคไทยฟัง
00:00:49 → 00:00:53 รายการโรงหมอกับดิฉันสุรีพรวงสถิตพรค่ะ
00:00:53 → 00:00:55 This Is to pvs
00:00:55 → 00:00:58 podcast วันนี้เราจะมาพูดคุยกันค่ะคุณ
00:00:58 → 00:01:02 ผู้ฟังถึงเรื่องของการทำอย่างไรรเมื่อพ่อ
00:01:02 → 00:01:06 แม่ไม่ยอมรับนะคะแบบทำอะไรก็ดูจะขัดหูขัด
00:01:06 → 00:01:09 ตาผิดไปซะเกือบทุกอย่างเลยนะซึ่งวันนี้
00:01:09 → 00:01:10 เราจะคุยกันเรื่องนี้กับผู้ช่วย
00:01:10 → 00:01:13 ศาสตราจารย์ดรจันท์วิภาดิโลสัมพันธ์ผู้
00:01:13 → 00:01:16 ทรงคุณวุฒิมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จ
00:01:16 → 00:01:19 เจ้าพระยาผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์
00:01:19 → 00:01:21 และครอบครัวค่ะสวัสดีค่ะอาจารย์คสวัสดี
00:01:21 → 00:01:24 ค่ะสวัสดีค่ะท่านผู้ฟังทุกท่านค่ะวันนี้
00:01:24 → 00:01:28 มาแบบแนวความสัมพันธ์ที่ต้องบอกว่าเอ่อ
00:01:28 → 00:01:31 บางทีอาจจะไม่ได้เป็นอย่างใจเราคิดความ
00:01:31 → 00:01:33 เป็นจริงกับสิ่งที่คิดมันอาจจะไม่ได้
00:01:34 → 00:01:37 เหมือนกันใช่มั้ยคะเออหลายๆบ้านหลายๆ
00:01:37 → 00:01:40 ครอบครัวค่ะที่อาจจะอยู่ใกล้ตัวหรือคุณ
00:01:40 → 00:01:42 ผู้ฟังอาจจะรู้จักนะคหรือแม้กระทั่งที่
00:01:42 → 00:01:46 เราเผชิญอยู่บางทีพ่อแม่ก็ไม่ค่อยจะยอม
00:01:46 → 00:01:51 รับอะไรง่ายๆนะคะบางทีทำอะไรก็ไม่ถูกใจทำ
00:01:51 → 00:01:54 อะไรก็ผิดไปหมดเลยก็ต้องกลับมามองอีกว่า
00:01:54 → 00:01:57 เอ๊ะเป็นที่เราเอ๊ะหรือเป็นที่ที่เพกับ
00:01:57 → 00:02:01 พ่อกับแม่หรือเปล่าค่ะอันเนี้ยอย่างแรก
00:02:01 → 00:02:04 เลยก็ต้องเข้าใจก่อนว่าสังคมเราเนี่ยมัน
00:02:04 → 00:02:07 ไม่ใช่เรื่องของคน 2 คนจำได้มั้ยคะเราพูด
00:02:07 → 00:02:09 เสมอเลยว่าการแต่งงานนั้นมันเป็นเรื่อง
00:02:09 → 00:02:14 ของโคตร 2 โคตรนะคะทีเนี้ยเราเองเนาะกว่า
00:02:14 → 00:02:17 จะหาแฟนที่เรารู้สึกว่าคลิกกันได้เนี่ย
00:02:17 → 00:02:19 มันไม่ใช่เรื่องง่ายนะแต่พอคลิกแล้วมัน
00:02:19 → 00:02:23 เกิดปัญหาแบบนี้ขึ้นมาเนี่ยนะฮะถ้ามี 3
00:02:23 → 00:02:26 ฝ่ายสมมุติว่าฝ่ายเอ่อฝ่ายเรานะฮะตัวเรา
00:02:26 → 00:02:29 นะฮะสมมุติเราฝ่ายเราเป็นผู้หญิงนะแล้วก็
00:02:29 → 00:02:32 มีพ่อแม่ของฝ่ายชายใช่มั้ยฮะหรือพ่อแม่
00:02:32 → 00:02:35 ของเราก็แล้วแต่นะคะแล้วก็มีฝ่ายชายคนที่
00:02:35 → 00:02:39 หนักใจที่สุดเนี่ยคือคนกลางนะคะเช่นเรา
00:02:39 → 00:02:41 เป็นคนกลางระหว่างพ่อแม่เรากับฝ่ายชาย
00:02:42 → 00:02:44 หรือฝ่ายชายเป็นคนกลางระหว่างพ่อแม่ของเา
00:02:44 → 00:02:47 กับเราอย่างเงี้ยนะคะก็จะเป็นคนที่หนักใจ
00:02:47 → 00:02:50 ที่สุดเพราะฉะนั้นอย่างแรกเลยเนี่ยนะฮะ
00:02:50 → 00:02:54 เอ่อเราต้องมาลองมาดูก่อนนะคะว่าทำไมล่ะ
00:02:55 → 00:02:58 ทำไมจะต้องมีความรู้สึกมีปัญหาอะไรนะพ่อ
00:02:58 → 00:03:00 ผัวแม่ผัวลูกสภาพ
00:03:00 → 00:03:03 หรือพ่อตาแม่ยายลูกเขยอะไรอย่างเงี้ยตลอด
00:03:03 → 00:03:05 นะฮะก็ต้องให้เข้าใจก่อนว่าธรรมชาติของ
00:03:06 → 00:03:09 ผู้ใหญ่หรือผู้สูงอายุที่เค้าเคยผ่านเ่อ
00:03:09 → 00:03:12 โลกมามากกว่าเราเนี่ยอย่างแรกเลยนะฮะคือ
00:03:12 → 00:03:16 เค้าเนี่ยจะห่วงลูกห่วงหลานถูกมั้ยฮะว่าเ
00:03:16 → 00:03:18 เลี้ยงมาอย่างดีโอ้โหบางคนนี่ปคบประหงม
00:03:18 → 00:03:21 มากกเคก็มีความรู้สึกว่าไม่อยากให้เราเจอ
00:03:21 → 00:03:25 คนที่จะทำให้ลูกเราเจ็บช้ำน้ำใจนึกออก
00:03:25 → 00:03:27 มั้ยคะเพราะฉะนั้นเนี่ยบางทีก็ตั้งกำแพง
00:03:27 → 00:03:31 เอาไว้ซะเยอะเลยนะคะกันไว้แสดงออกเลยว่า
00:03:31 → 00:03:34 ฉันไม่ชอบฉันไม่ถูกใจเธออะไรอย่าเงี้ย
00:03:34 → 00:03:36 ทำนองนั้นนะคะอันนี้เป็นประเด็นที่ 1
00:03:36 → 00:03:39 ประเด็นที่ 2 คือเอ่ออาจจะรู้สึกไม่ชอบใจ
00:03:39 → 00:03:43 ในบุคลิกนะคะไม่ถูกใจในลักษณะท่าทีหรือ
00:03:43 → 00:03:47 การแสดงออกนะฮะแตกต่างจากมาตรฐานที่เขาค
00:03:47 → 00:03:49 ตั้งไว้นึกออกมั้ยคะอย่างเช่นสมมุติว่า
00:03:49 → 00:03:53 พ่อแม่เนี่ยเคชอบคนเรียบร้อยแต่งตัวสุภาพ
00:03:53 → 00:03:56 ปรากฏว่าเราเข้าไปในสายเอ่อวันนั้นเกิด
00:03:56 → 00:03:58 มันมีเหตุอ่ะที่ทำให้เราต้องแต่งตัวที่
00:03:59 → 00:04:02 ลุกที่มันไม่ไม่ถูกใจเขาอ่ะนะคะอาจจะ
00:04:02 → 00:04:05 กระโปรงสั้นไปบ้างผมเอ่อผู้ชายอาจจะผม
00:04:05 → 00:04:08 เป็นฮิปปี้ไปบ้างอะไรเงี้ยนะคะคือเพราะ
00:04:08 → 00:04:11 ว่า First impression เนี่ยมันสำคัญมาก
00:04:11 → 00:04:15 นะคะเพราะฉะนั้นก็เลยเกิดอคติพออคติปั๊บ
00:04:15 → 00:04:17 ก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่ชอบอะไรอย่าง
00:04:18 → 00:04:21 เงี้ยนะคะเอ่อยังจำได้ถึงเคสนึงนะคะที่
00:04:21 → 00:04:25 ท่านเป็นดาราเอ่อคุณโอปอจำได้มั้ยคะที่
00:04:25 → 00:04:28 คุณโอปอเนี่ยเธอโอ๊ยเป็นเป็นดาราในดวงใจ
00:04:28 → 00:04:30 จันทร์วิภามากเลยนะนะคะว่าเธอมีอะไรหลาย
00:04:30 → 00:04:33 อย่างที่น่าทึ่งนะคะก็ปรากฏว่าเธอเล่าว่า
00:04:33 → 00:04:36 วันแรกที่เธอต้องไปเจอพ่อแม่สามีอ่ะนะคะ
00:04:37 → 00:04:40 ว่าที่สามีเนี่ยเธอก็แต่งตัวไม่เหมาะเลย
00:04:40 → 00:04:43 ที่จะไปพบแต่มันก็ต้องไปอ่ะเนาะอะไรอย่าง
00:04:43 → 00:04:45 เงี้ยนะคะเพราะฉะนั้นจริงๆแล้วเรารู้บาง
00:04:45 → 00:04:48 ทีมันมันเป็นเหตุที่เราไม่ไม่ได้คาดหมาย
00:04:48 → 00:04:52 ว่าจะเจอหรืออะไรอย่างเงี้ยนะคะค่ะประการ
00:04:52 → 00:04:54 ที่ 3 ที่ทำไมให้เขาเกิดความรู้สึกอย่าง
00:04:54 → 00:04:57 นั้นก็คือบางทีอ่ะค่ะก็กลัวว่าแฟนลูก
00:04:57 → 00:05:00 เนี่ยจะมาแย่งความรักอ๋ออ่าที่เราเคยเป็น
00:05:00 → 00:05:03 คนพิเศษสำหรับลูกใช่มั้ยคะพอลูกมีแฟนหรือ
00:05:04 → 00:05:06 ว่าที่สามีว่าที่ภรรยาอะไรเงี้ยบางทีก็จะ
00:05:06 → 00:05:09 เกิดความน้อยเนื้อต่ำใจก็เลยแสดงท่าทีไม่
00:05:09 → 00:05:12 ชอบใจออกมานะคะอยากให้ลูกให้ความสำคัญของ
00:05:12 → 00:05:15 ตัวเองมากขึ้นเพราะฉะนั้นถ้าเราเข้าใจ
00:05:15 → 00:05:17 สาเหตุ 3 อย่างของคุณพ่อคุณแม่แล้วเนี่ย
00:05:17 → 00:05:20 นะฮะฝ่ายเอ่อครอบครัวแล้วเนี่ยเราจะได้มา
00:05:20 → 00:05:23 ทำความเข้าใจนะฮะเพราะฉะนั้นเวลาที่เรา
00:05:23 → 00:05:26 เกิดปัญหาแบบนี้ขึ้นเนี่ยนะฮะเอ่อจารย์
00:05:26 → 00:05:29 วิภาอยากให้ไว้ 2 สเต็ปสเต็ปที่ 1 ก็คือ
00:05:29 → 00:05:32 ปับวิธีคิดของเราก่อนเป็นเรื่องสำคัญมาก
00:05:32 → 00:05:36 นะฮะก็คือบางทีเนี่ยเอ่อถ้าเรามองว่าเค้า
00:05:36 → 00:05:38 ไม่ชอบเราปั๊บโอ้โหเป็นอุปสรรคใหญ่หลวง
00:05:38 → 00:05:42 และไม่ใช่ต้องคิดว่าเวลาที่เราเบอกว่า
00:05:42 → 00:05:45 อุปสรรคบ่มีบารมีบ่เกิดเคยได้ยินมั้ยคะนะ
00:05:45 → 00:05:48 ฮะเพราะฉะนั้นบางทีที่การที่อะไรทุกอย่าง
00:05:48 → 00:05:51 มันง่ายเกินไปเนี่ยนะฮะเราก็จะไม่เห็นค่า
00:05:51 → 00:05:53 ของของนั้นถูกมั้ยคะเพราะฉะนั้นบางทีใน
00:05:53 → 00:05:58 การที่เอ่อเรามีเรามีอะไรล่ะอุปสรรคบ้าง
00:05:58 → 00:06:00 เช่นเกิดความไม่พอใจของผู้ใหญ่ทั้ง 2
00:06:00 → 00:06:03 ฝ่ายอะไรบ้างเนี่ยแล้วเราฟันฝ่าไปด้วยกัน
00:06:03 → 00:06:05 เนี่ยเราจะเห็นแล้วว่าคุณค่าของความรัก
00:06:05 → 00:06:08 ของเราเนี่ยมันยิ่งใหญ่ขนาดไหนใช่มั้ยคะ
00:06:08 → 00:06:10 ที่มันค่อยๆเป็นค่อยๆไปไม่ใช่ทุกอย่างมัน
00:06:10 → 00:06:13 ง่ายไปหมดง่ายใช่อแค่ของเขาเรียกว่าได้มา
00:06:13 → 00:06:16 ง่ายมันก็เลิกง่ายแต่ถ้าอะไรที่เราต้อง
00:06:16 → 00:06:19 จับมือไปด้วยกันเนี่ยนะคะต่อสู้ฝันฝ่าไป
00:06:19 → 00:06:22 ด้วยกันเนี่ยของนั้นมันจะมีค่าขึ้นนะคะ
00:06:22 → 00:06:24 จริงมั้ยคะนะฮะนี้สเต็ปแรกคือปรับความคิด
00:06:25 → 00:06:27 วิธีคิดของเราก่อนอย่ามองว่าอุปสรรคนั้น
00:06:27 → 00:06:30 มันจะเป็นสิ่งเหลวร้ายเสมอไปนะฮะมองในมุม
00:06:30 → 00:06:34 บวกอันที่ 2 ก็คือค่อยๆจับมือกันเดินหน้า
00:06:34 → 00:06:37 ไปด้วยกันค่ะนั่นคือถ้าเรามั่นใจแล้วว่า
00:06:37 → 00:06:40 ทำไมเราเลือกผู้ชายคนเนี้ยทำไมเราจึง
00:06:40 → 00:06:43 เลือกผู้หญิงคนเนี้ยนะคะเราก็ต้องทำให้
00:06:43 → 00:06:46 คุณพ่อคุณแม่เนี่ยเห็นให้ได้ว่าทำไมล่ะ
00:06:46 → 00:06:49 เราจึงเลือกคนเนี้ยค่ะนะฮะเพราะว่าเรา
00:06:49 → 00:06:52 ต้องค่อยๆใช้เวลาแสดงพิสูจน์นะฮะหลายๆ
00:06:52 → 00:06:56 อย่างใช้คั้งความอดทนใช้ทั้งการรอเวลานะ
00:06:56 → 00:07:00 คะเพราะฉะนั้นมันมีหลักเลยค่ะว่าถ้าความ
00:07:00 → 00:07:02 รักอะไรก็ตามเนี่ยที่เรารักกันมากพอขีด
00:07:03 → 00:07:05 เส้นใต้ 3 เส้นนะคะว่ารักกันมากพอไม่ใช่
00:07:05 → 00:07:09 ความหลงหรือลุ่มหลงอะไรไปวบววๆอย่างงั้น
00:07:09 → 00:07:13 นะคะก็เชื่อได้เลยว่าเราจะฝ่าฟันทุกอย่าง
00:07:13 → 00:07:16 เนี่ยไปได้แล้วสิ่งนั้นมันจะมีคุณค่ารวม
00:07:16 → 00:07:18 ทั้งการยอมรับของคุณพ่อคุณแม่ด้วยนะฮะ
00:07:18 → 00:07:22 ซึ่งจารย์วิภาจะ 70 แล้วเนี่ยนะคะบอกได้
00:07:22 → 00:07:25 เลยว่าเห็นมาเยอะแล้วค่ะกับการที่เอ่อว่า
00:07:25 → 00:07:28 ที่ลูกสะใภ้หรือลูกสใภ้นะฮะต้องพิสูจน์
00:07:28 → 00:07:31 ตัวเองให้พ่อแม่สามีเห็นแล้วยอมรับจากที่
00:07:31 → 00:07:33 เคยเกลียดเนี่ยกลายเป็นรักมากที่สุดรัก
00:07:33 → 00:07:37 กว่าลูกตัวเองอีกก็มีหรือฝ่ายชายนะคะที่
00:07:37 → 00:07:41 พ่อพ่อตาแม่ยายไม่ชอบเนี่ยไปไปมาๆเนี่ย
00:07:41 → 00:07:43 เขยคนนี้แหละพึ่งได้มากที่สุดแล้วก็เกิด
00:07:43 → 00:07:46 ยามการยอมรับแม้แต่ตัวจันทวิภาเองนะคะคุณ
00:07:46 → 00:07:49 แม่ของจันท์วิภาเองเนี่ยก็ได้ฟังจากผู้
00:07:49 → 00:07:51 ใหญ่มาว่ากว่าจะพิสูจน์ให้คุณย่ายอมรับ
00:07:51 → 00:07:54 เพราะป๋าของของจันท์วิพาเนี่ยเป็นลูกชาย
00:07:54 → 00:07:58 คนเล็กนึกออกมั้ยคะหวงมากอะไรมากแล้วใน
00:07:58 → 00:08:02 ที่สุดก็อมาพูดง่ายๆว่ารักลูกสะใภ้คน
00:08:02 → 00:08:04 เนี้ยมากที่สุดเลยนะฮะึเหมือนกับว่าสมัย
00:08:05 → 00:08:07 ก่อนเนี่ยค่ะอาจารย์ตรงที่ว่าเวลาที่จะ
00:08:07 → 00:08:11 พิสูจน์รักเนี่ยโอมันระยะเวลาเนาะว่าจะ
00:08:11 → 00:08:15 ผ่านด่านพ่อแม่ครอบครัวญาติโกโหติกาคน2อง
00:08:15 → 00:08:18 โคตอีกอะไรอย่างงี้ใช่มั้ยคะบวกกับเอ่อ
00:08:18 → 00:08:20 เรื่องของการติดต่อสื่อสารหรืออะไรก็แล้ว
00:08:20 → 00:08:22 แต่มันไม่ได้เหมือนสมัยนี้สมัยนี้คือถ้า
00:08:23 → 00:08:25 รู้สึกว่าเอ๊ะอึดอัดหรืออะไรเงี้ยอุ๊ยแยก
00:08:25 → 00:08:27 บ้านแล้วอ่ะค่ะค่ะเพราะว่าเดี๋ยวเมื่อ
00:08:28 → 00:08:30 ก่อนเมันจะเป็นลักษณะของเอ่อครอบครัวขยาย
00:08:30 → 00:08:32 แต่เดี๋ยวนี้แยกบ้านเพราะฉะนั้นโอกาสที่
00:08:33 → 00:08:37 จะเอ่อใช้คำว่าไงอ่ะเอ่อจัดการกับปัญหา
00:08:37 → 00:08:40 เนี่ยมันจะดูเหมือนง่ายขึ้นนะฮะหรือดู
00:08:40 → 00:08:42 เหมือนบางทีก็อ่ะต่างคนต่างอยู่ไปแล้วกัน
00:08:42 → 00:08:45 อันนั้นก็เป็นวิธีนึงนะฮะสำหรับการที่ไม่
00:08:45 → 00:08:48 ยอมรับเลยจริงๆอ้างั้นที่นี้เราลองมาดู
00:08:48 → 00:08:51 กันว่าเราจะมีวิธีรับมืออย่างไรอ่ะดีมั้ย
00:08:51 → 00:08:55 คะนะฮะทีนี้ถ้าสมมุติว่าทำยังไงในในแง่
00:08:55 → 00:08:58 ของการที่เราเป็นคนที่ถูกไม่ชอบนะคะการ
00:08:58 → 00:09:01 ที่เราถูกไม่ชชอบนะคะอันแรกเลยก็อย่างที่
00:09:01 → 00:09:04 บอกเมื่อกี้ว่าเข้าใจและยอมรับนะฮะว่า
00:09:04 → 00:09:07 ทำไมเจึงไม่ชอบเรานะคะจากสาเหตุที่เล่า
00:09:07 → 00:09:10 ให้ฟังตอนต้นเแหละด้วยความอะไรต่างๆเพราะ
00:09:10 → 00:09:12 ฉะนั้นเมื่อทำความเข้าใจพื้นฐานแล้วก็
00:09:12 → 00:09:15 ต้องทำความเข้าใจพื้นฐานของครอบครัวของ
00:09:15 → 00:09:18 แฟนเราด้วยนะคะขอใช้คำว่าแฟนนะคะไม่ว่าจะ
00:09:18 → 00:09:21 เป็นคู่รักหรือคู่สมรสก็ตามเนี่ยนะฮะเรา
00:09:21 → 00:09:23 ก็จะต้องเรียนรู้นิสัยหรือความชอบแล้ว
00:09:24 → 00:09:27 เข้าใจสาเหตุก่อนว่าทำไมเคจึงเจึงไม่ชอบ
00:09:27 → 00:09:30 เราเช่นบางทีพ่อพแม่เเนี่ยอาจจะตั้งเป้า
00:09:30 → 00:09:34 ไว้สมมุติว่าลูกเค้านะคะมาทางสายสาย
00:09:34 → 00:09:38 อาจารย์มหาวิทยาลัยงนี้ละกันเค้าก็เอ่อ
00:09:38 → 00:09:40 ตัวเ้าเนี่ยก็เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยก็
00:09:40 → 00:09:43 อยากจะให้ลูกเนี่ยได้ทางสายมหาวิทยาลัย
00:09:43 → 00:09:45 นึกออกมั้ยฮะทางสายการสอนเป็นครูบา
00:09:45 → 00:09:47 อาจารย์เป็นอาจารย์อะไรอย่างเงี้ยแต่
00:09:47 → 00:09:52 ปรากฏว่าลูกเขยมาในสายพ่อค้าเอางี้แล้ว
00:09:52 → 00:09:54 กันนะคะมันถีบเฉดออกไปเลยอะไรอย่างเงี้ย
00:09:54 → 00:09:56 เพราะนั้นก็ต้องเข้าใจสาเหตุก่อนว่าเพราะ
00:09:57 → 00:10:01 อะไรสาเหตุอะไรนะฮะแล้วก็ปรับปรับนะคะอาจ
00:10:01 → 00:10:04 จะปรับคนอื่นน่ะมันลำบากมันต้องเริ่มที่
00:10:04 → 00:10:07 ตัวเราก่อนถูกมั้ยคะที่จะทำความเข้าใจนะ
00:10:07 → 00:10:09 มันต้องเป็น Feeling ไหนคะอาจารย์ตรงที่
00:10:09 → 00:10:12 ว่าเราจะรู้สึกว่าเฮ้ยเราต้องหันกลับมา
00:10:12 → 00:10:14 มองตัวเราเองแล้วเพราะส่วนใหญ่คนตัวเอง่ะ
00:10:14 → 00:10:17 เราจะไม่มองตัวเองจะมองคนอื่นก่อนค่ะนั่น
00:10:17 → 00:10:21 แหละถึงได้บอกไงคะว่าให้ลักษณะก็คือเวลา
00:10:21 → 00:10:23 ที่เรากำมือเนี่ยเราชี้นิ้วไปข้างหน้า
00:10:23 → 00:10:26 เนี่ย 1 นิ้วไปข้างหน้าแต่อีก 4 3 นิ้ว
00:10:26 → 00:10:28 เนี่ยมันชี้มาที่ตัวเราให้คิดอย่างงี้นะ
00:10:28 → 00:10:31 คะว่าอะไรก็ตามเนี่ยเราเปลี่ยนคนอื่นไม่
00:10:31 → 00:10:34 ได้คนที่เราเปลี่ยนได้ก่อนคนแรกคือตัวเรา
00:10:34 → 00:10:37 นะคะต่อไปก็คือพอรักแลกพบเนี่ยพยายาม
00:10:37 → 00:10:40 สร้างสิ่งประทับใจเป็นสิ่งสำคัญนะคะเช่น
00:10:40 → 00:10:43 เอ่อเ่อเพราะว่าสังคมทุกสังคมอ่ะค่ะ
00:10:43 → 00:10:46 เหมือนกันไม่ว่าจะทางเราหรือต่างประเทศ
00:10:46 → 00:10:49 การที่เด็กคนหรือคนที่เข้ามาหาเนี่ยแสดง
00:10:49 → 00:10:52 ความอ่อนน้อมถ่อมตนนะฮะก็จะทำให้ผู้ใหญ่เ
00:10:52 → 00:10:55 เขารู้สึกปลื้มใจนะฮะหรือปลื้มปีติหรือ
00:10:55 → 00:10:58 ว่าถูกใจเสมอเพราะฉะนั้นการเข้าไปหาด้วย
00:10:58 → 00:11:02 ท่าทีที่ดีนะคะอาจจะมีของฝากเล็กๆน้อยๆไป
00:11:02 → 00:11:05 ติดไม้ติดมือไปบ้างเพื่อแสดงน้ำใจนะคะ
00:11:05 → 00:11:07 เป็นความห่วงใยอย่างจริงจังตรงเนี้ยให้
00:11:07 → 00:11:10 ให้ให้ศึกษาด้วยนะว่าชอบอะไรไม่ชอบอะไร
00:11:10 → 00:11:12 เช่นสมมุติ
00:11:12 → 00:11:15 ว่าบางทีเราเอาไปสุ่ม 4 สุ่ม 5 เช่นเอา
00:11:15 → 00:11:17 เอาาอย่างงี้แล้วกันทุเรียนน่ะมันแพงนะ
00:11:17 → 00:11:19 แต่บางบ้านเนี่ยได้กลิ่นทุเรียนปั๊บอ้วก
00:11:20 → 00:11:22 เลยนึกออกมั้ยคะยกตัวอย่างง่ายๆเพราะ
00:11:23 → 00:11:24 ฉะนั้นสิ่งเหล่านี้เราต้องเรียนรู้ถาม
00:11:24 → 00:11:27 ก่อนถามแฟนเราก่อนว่าอันเนี้ยแม่ชอบมั้ย
00:11:27 → 00:11:30 คุณพ่อชอบมั้ยอะไรไม่ได้อยู่ขึ้นอยู่กับ
00:11:30 → 00:11:33 ราคาแต่สิ่งที่เราให้มันแสดงความใส่ใจ
00:11:33 → 00:11:36 สมมุติว่าเขาแพ้ของเนี้ยแล้วเราเอาของนี้
00:11:36 → 00:11:38 ไปให้แสดงว่าเราไม่ใส่ใจไม่รับรู้เลยว่า
00:11:38 → 00:11:41 เขาไม่ชอบสิ่งนี้นึกออกมั้ยฮะหรือเขาชอบ
00:11:42 → 00:11:44 สิ่งนี้เป็นพิเศษอะไรอย่างนี้เป็นต้นนะคะ
00:11:44 → 00:11:47 ค่ะอันต่อไปก็คือเรื่องบุคลิกอย่างที่พูด
00:11:47 → 00:11:50 แล้วตอนต้นว่า First impression เนี่ย
00:11:50 → 00:11:53 มันสำคัญมากเพราะฉะนั้นเน้นกันไม่ใช่ว่า
00:11:53 → 00:11:55 ไม่ให้เป็นตัวเรานะคะแต่พยายามเน้นการ
00:11:55 → 00:11:59 แต่งตัวที่เรียบง่ายดูสุภาพนะคะดูแพงนะดู
00:11:59 → 00:12:03 ถูกกาเทศะนะคะวางตัวให้สุภาพเรียบร้อยอัน
00:12:03 → 00:12:05 นี้ก็จะเป็น First impression ที่ดี
00:12:06 → 00:12:09 สำหรับคนทั่วๆไปนะเราเคยแต่งตัวแรงๆก็เบา
00:12:09 → 00:12:12 ลงนิดนึงอะไรอย่างเนี้ยนะคะเพื่อให้เกิด
00:12:12 → 00:12:15 ความรู้สึกที่ดีเหมือนเหมือนกับข้อนี้บาง
00:12:15 → 00:12:18 ทีถ้าถ้าเป็นรุ่นใหม่ๆเงี้ยค่ะอาจารย์ก็
00:12:18 → 00:12:21 อาจจะรู้สึกว่ามันไม่ต้องแคร์ก็ได้มั้ง
00:12:21 → 00:12:23 คือก็คือฉันก็เป็นตัวฉันให้เธอเห็นตัวอัน
00:12:23 → 00:12:26 นั้นก็ใช่ค่ะเพราะว่าคนยุคปัจจุบันเนี่ย
00:12:26 → 00:12:29 จะมองว่าอยากให้เห็นตัวตนของฉันแต่อย่า
00:12:29 → 00:12:33 ลืมนะคะเราเข้าถ้ำเสือนะคะเราจะไปเอาลูก
00:12:33 → 00:12:35 เสือมาเนี่ยนะคะเพราะฉะนั้นเราก็ควรจะ
00:12:35 → 00:12:38 ต้องลงมานิดนึงมั้ยนะคะการเป็นตัวเองของ
00:12:38 → 00:12:41 เราก็เป็นเรื่องดีแต่ว่าไม่ใช่ว่าสุดโต่ง
00:12:41 → 00:12:43 จนเกินไปมันก็จะเกิด Bad impression
00:12:43 → 00:12:46 ตั้งแต่ต้นนะคะอันนี้เป็นเพียงเป็นเพียง
00:12:46 → 00:12:49 ข้อเสนอแนะนะคะแต่ว่าก็ปรับให้เหมาะกับ
00:12:49 → 00:12:52 แต่ละท่านก็แล้วกันนะคะออันต่อไปก็คือ
00:12:52 → 00:12:54 เวลาเข้าไปพบกับผู้ใหญ่เนี่ยเราควรจะถาม
00:12:54 → 00:12:58 ไถ่สารทุกข์สุขดิบนะคะเริ่มจากเอ่อพูดคุย
00:12:58 → 00:13:00 อ่ะค่ะไม่ใช่ไปนั่งไม่รู้จะพูดอะไรแล้วก็
00:13:00 → 00:13:03 ไม่พูดเลยอย่างเงี้ยมันยิ่งทำให้รู้สึก
00:13:03 → 00:13:06 ขัดอกขัดใจนะคะพูดอะไบางทีเริ่มต้นด้วย
00:13:06 → 00:13:10 การการชมเล็กๆน้อยๆเช่นโอคุณแม่ันใส่
00:13:10 → 00:13:13 เสื้อสีสวยจังเลยครับโอคุณแม่ผิวดีจังเลย
00:13:13 → 00:13:15 ครับอะไรอย่างเงี้ยนะครับไม่ได้ไม่ได้
00:13:15 → 00:13:19 สตอบแหลนะคะแต่หาเรื่องชมเล็กน้อยๆหรือหา
00:13:19 → 00:13:23 เรื่องเปิดประเด็นคุยนะคะเอ่ออาหารอร่อย
00:13:23 → 00:13:26 จังเลยครับทำเก่งจังเลยครับได้สูตรจากไหน
00:13:26 → 00:13:29 อะไรอย่างเงี้ยนะคะซึ่งอันเนี้ยเราจะต้อง
00:13:29 → 00:13:32 สังเกตเพื่อจะเปิดจุดสนทนาที่ดีสังเกตรอบ
00:13:32 → 00:13:34 ๆตัวเขาเช่นสมมุติว่าคุณพ่อเมีถ้วยอะไร
00:13:34 → 00:13:38 ตั้งอยู่เนี่ยเอถ้วยโงงวัลอะไอ่ารางวัล
00:13:38 → 00:13:41 อะไรเราก็เปิดประเด็นคุยนะฮะโอ้นี่ถ้วย
00:13:41 → 00:13:43 ของใครครับ้าของคุณพ่อเจะได้เปิดประเด็น
00:13:43 → 00:13:46 เล่าเรื่องสิ่งที่เคากภูมิใจอะไรอย่างนี้
00:13:46 → 00:13:49 เป็นต้นนะคะออืออันต่อไปก็คือทำตัวให้
00:13:49 → 00:13:52 เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวของแฟนเรานะคะ
00:13:52 → 00:13:54 ไม่ใช่ทำตัวสบายเกินไปเช่นมาถึงปั๊บ
00:13:54 → 00:13:57 เหวี่ยงรองเท้าทางนั้นทางนี้เอาขาพาดไม่
00:13:57 → 00:14:02 ใช่นะคะไม่ได้อยู่บ้าว่านะคะพ่อแม่เนี่ย
00:14:02 → 00:14:04 หรือครอบครัวบางครอบครัวเนี่ยน้อยใจอยู่
00:14:04 → 00:14:06 แล้วที่เห็นลูกเราเนี่ยสนใจแฟนมากกว่าตัว
00:14:06 → 00:14:09 เองนะคะเพราะฉะนั้นเราก็เลยควรจะทำตัว
00:14:09 → 00:14:12 เป็นลูกของเคคนนึงไปเลยนะฮะเช่นมีกิจกรรม
00:14:12 → 00:14:14 อะไรก็แล้วแต่เนี่ยเราก็พยายามชวนเเข้า
00:14:14 → 00:14:18 ร่วมด้วยเช่นจะมารับแฟนเราไปกินข้าวพ่อ
00:14:18 → 00:14:20 แม่ไปด้วยกันมั้ยครับอะไรอย่างเงี้ยนะฮะ
00:14:20 → 00:14:23 ชวนเ้าด้วยให้รู้สึกว่าเ้าไม่ได้ถูกแย่ง
00:14:23 → 00:14:26 ความรักไปจากเรานะคะไม่ใช่กรีดกันเค้านะ
00:14:26 → 00:14:29 คะคือหลายครอบครัวเนี่ยดูแลพ่อแม่ดีมาก
00:14:29 → 00:14:32 แต่กีดกันพ่อแม่ออกจากครอบครัวของตัวเอง
00:14:32 → 00:14:35 นะฮะเช่นทันข้าวก็แยกกันจัดอาหารให้อย่าง
00:14:35 → 00:14:38 ดีแต่แยกวงกันอะไรอย่างนี้เป็นต้นนะมัน
00:14:38 → 00:14:42 เหมือนมีเคสที่แบบว่าเอ่อพาไปทานข้าวห้อง
00:14:42 → 00:14:46 นอกส่วนแม่นั่งกินไข่เจียวอยู่แล้วส่งรูป
00:14:46 → 00:14:49 มาให้แบบว่าค่ะมันก็ยิ่งทำให้พ่อแม่
00:14:49 → 00:14:52 สะท้อนใจน้อยใจถูกมั้ยคะธรรมชาติมนุษย์
00:14:52 → 00:14:55 อ่ะมันสร้างให้เราเนี่ยซะรักลูกมากกว่า
00:14:55 → 00:14:58 พ่อแม่อยู่แล้วก็เหมือนที่พ่อแม่เรักเรา
00:14:58 → 00:15:00 มากกว่าเรักพ่อพ่อแม่เขานั่นแหละแต่เราก็
00:15:00 → 00:15:04 ต้องนึกถึงใจเขาใจเราถูกมั้ยคะนะคะอันต่อ
00:15:04 → 00:15:07 ไปก็คือจะสร้างเสน่ห์โดยการช่วยเหลือ
00:15:07 → 00:15:10 เกื้อกูลเมื่อมีโอกาสนะคะก็คือว่าถ้ามี
00:15:10 → 00:15:13 ปัญหาเนี่ยให้ช่วยเหลืออย่างจริงใจนะคะ
00:15:13 → 00:15:16 แล้วก็เอ่อพยายามที่จะลงแรงลงใจไปในการ
00:15:16 → 00:15:19 แก้ไขปัญหานั้นให้เขาครู้สึกถึงความจริง
00:15:19 → 00:15:23 ใจของเรานะคะอันต่อไปก็คือไม่ทำตัวข่มแฟน
00:15:23 → 00:15:27 ต่อหน้าพ่อแม่เโอ่าอันเนี้ยเจะอย่างที่
00:15:27 → 00:15:29 บอกใช่มั้ยคะสาเหตุอันแรกเกตัวว่าลูกเขา
00:15:29 → 00:15:32 จะเจ็บช้ำน้ำใจหรือลูกเขาจะไปได้รับความ
00:15:32 → 00:15:36 ลำบากจากการเป็นแฟนเราบางทีบางคนไม่เคยทำ
00:15:36 → 00:15:39 อะไรให้พ่อแม่เลยแต่กับแฟนเงกๆๆๆๆทำให้
00:15:39 → 00:15:41 ทุกอย่างนะฮะเพราะเนี่ยยอันนี้ก็จะทำให้
00:15:41 → 00:15:44 พ่อแม่เรู้สึกว่าลูกเ้าเนี่ยไม่ปลอดภัยนะ
00:15:44 → 00:15:48 คะถ้าไปข่มขนาดต่อหน้าลูกเต่อหน้าเยังไป
00:15:48 → 00:15:51 กระโชกฮกฮากใส่ลูกเขาไปข่มขู่ตวาดแว๊ดๆ
00:15:51 → 00:15:53 อะไรอย่างเงี้ยเก็ยิ่งรู้สึกไม่ดีกับเรา
00:15:54 → 00:15:57 เข้าไปอีกนะคะแล้วก็พยายามทำทุกอย่าง
00:15:57 → 00:15:59 พยายามให้ทุกอย่างที่ที่มันเกิดขึ้นแล้ว
00:15:59 → 00:16:02 เนี่ยให้มันดีขึ้นนะคะเช่นสมมุติว่าเราทำ
00:16:02 → 00:16:05 และทุกข้อเลยที่ว่ามามันก็ยังไม่ดีขึ้น
00:16:05 → 00:16:07 เพราะฉะนั้นก็ต้องเปลี่ยนเป็นอยู่ห่างๆ
00:16:07 → 00:16:11 อย่างห่วงๆแล้วกันนะคะค่ะนั่นก็คือลดการ
00:16:11 → 00:16:14 เผชิญหน้านะคะเช่นบางทีเนี่ยสมมุติว่ามัน
00:16:14 → 00:16:16 ไม่ได้จริงๆอ่ะไม่รู้จะยังไงแล้วเนี่ยพ่อ
00:16:16 → 00:16:19 แม่ก็ยังอคติมากมายเนี่ยนะคะก็อาจจะต้อง
00:16:19 → 00:16:23 มีการกำหนดเวลาหรือว่ากำหนดโอกาสในการเจอ
00:16:23 → 00:16:26 กันคือลดการเผชิญหน้านะฮะเช่นให้ให้คน
00:16:26 → 00:16:28 กลางเนี่ยบอกพ่อแม่ซะก่อนว่าเออเดี๋ยววัน
00:16:28 → 00:16:31 เกิดเกิดเนี่ยผมขอเอาแฟนมาด้วยนะครับหรือ
00:16:31 → 00:16:35 ว่ากำหนดเวลาเลยว่าอืมเดี๋ยวผมมาอยู่ถึง
00:16:35 → 00:16:37 สัก 19:00 นึงนะครับเดี๋ยวผมขออนุญาตไป
00:16:37 → 00:16:40 ธุระต่ออะไรอย่างนี้เป็นต้นนะคะคือให้รู้
00:16:40 → 00:16:43 ว่าไม่ได้ไม่ได้ทิ้งไม่เจอกันเลยแต่ว่าขอ
00:16:43 → 00:16:46 เอามางานนี้ขอเอามางานนี้สักหน่อยทั้งๆ
00:16:46 → 00:16:48 ที่รู้ว่าไม่ถูกกันนี่แหละนะคะอะไรอย่าง
00:16:48 → 00:16:52 นี้เป็นต้นหรือบอกว่าแลที่สำคัญเนี่ยนะคะ
00:16:52 → 00:16:55 ต้องบอกกับพ่อแม่ว่าทำไมเนี่ยเราจึงเลือก
00:16:55 → 00:16:57 คนๆนี้นะคะเพราะว่าคนคนเนี้ทำให้เรามี
00:16:57 → 00:17:02 ความสุขทำให้เราดีขึ้นนะฮะทำสนับสนุนเรา
00:17:02 → 00:17:04 ทุกอย่างคือใครก็ตามในการเลือกคู่เนี่ย
00:17:04 → 00:17:07 เรามักจะพูดเสมอว่าจงเลือกคนที่เขาทำให้
00:17:07 → 00:17:10 เราเป็นคนดีขึ้นถูกมั้ยคะเพราะฉะนั้น
00:17:10 → 00:17:12 เนี่ยพ่อแม่ก็หวังดีกับลูกเมื่อลูกฉัน
00:17:12 → 00:17:16 อยู่กับคนคนี้ถึงฉันจะไม่ชอบแต่มันดีขึ้น
00:17:16 → 00:17:19 น่ะลูกเราทำมาหากินมากขึ้นน่ะเป็นผู้เป็น
00:17:19 → 00:17:22 คนมากขึ้นน่ะเอาเหอะนะคะมันก็จะค่อยๆปรับ
00:17:22 → 00:17:25 ยอมรับกันขึ้นเองนะคะแล้วก็เพราะว่ายังไง
00:17:25 → 00:17:27 ก็ตามเนี่ยเราต้องยึดหลักว่าถ้าคนกลาง
00:17:27 → 00:17:30 เนี่ยเขาอึดอัดที่สุดเนี่ยนะฮะบางทีต้อง
00:17:30 → 00:17:32 แบ่งเวลาให้ชัดเจนเลยนะคะเมื่อไม่ได้จริง
00:17:32 → 00:17:35 ๆนะอย่างที่บอกนะไม่ได้จริงๆเนี่ยแนะฮะก็
00:17:35 → 00:17:38 ต้องแบ่งเลยเช่นเช่นสมมุติว่าหยุดเสาร์
00:17:38 → 00:17:41 อาทิตย์วันเสาร์เนี่ยขอให้พ่อแม่วันนึงนะ
00:17:41 → 00:17:43 ขอไปเยี่ยมพ่อแม่สักวันครึ่งวันอ่ะวัน
00:17:43 → 00:17:46 อาทิตย์ฉันให้คุณเต็มที่เลยอะไรอย่าง
00:17:46 → 00:17:48 เงี้ยหรือให้กับครอบครัวเต็มที่เลยแต่พ่อ
00:17:48 → 00:17:51 แม่ส่วนใหญ่เนี่ยนะคะถึงจะไม่ชอบสะใภ้ไม่
00:17:51 → 00:17:54 ชอบเขยแต่รักหลานนะอ่าๆใชอ่านึกออกมั้ยฮะ
00:17:54 → 00:17:57 บางทีหลานก็จะเป็นตัวยึดโยงได้อย่างหนึ่ง
00:17:57 → 00:17:59 เหมือนกันอค
00:17:59 → 00:18:04 นี้อืก็เรียกว่ารับมือคือบางครอบครัวอาจ
00:18:04 → 00:18:07 จะรับมือยากหน่อยพิสูจน์ตัวเองนานใช่กว่า
00:18:07 → 00:18:09 จะหรือบางทีอาจจะต้องเจอเรื่องที่แบบหนัง
00:18:09 → 00:18:11 หนาสาหัสแล้วเราได้ไปช่วยเหลือในอันนั้น
00:18:11 → 00:18:13 แล้วเยอมรับเราแต่บางครอบครัวอาจจะแบบไม่
00:18:13 → 00:18:16 ได้ยากขนาดนั้นก็ได้อันนี้ไม่รู้ว่าแต่ละ
00:18:16 → 00:18:19 ครอบครัวยังไงเายังไงคือคือมันไม่มีแบบ
00:18:19 → 00:18:22 มาตรฐานค่ะคุณสุรีพรยกตัวอย่างเช่นบาง
00:18:22 → 00:18:25 ครอบครัวที่สื่อสารกันได้เนี่ยนะฮะเอ่อ
00:18:25 → 00:18:28 มันมันเป็นพื้นฐานของครอบตัวและแต่ละ
00:18:28 → 00:18:30 ครอบครัวด้วยอย่างสมมติว่าครอบครัวเรา
00:18:30 → 00:18:32 เนี่ยมีพื้นฐานของการสื่อสารที่ดีระหว่าง
00:18:32 → 00:18:35 พ่อแม่ลูกพูดกันด้วยเหตุด้วยผลเพราะ
00:18:35 → 00:18:37 ฉะนั้นลูกก็สามารถที่จะสื่อสารกับพ่อแม่
00:18:37 → 00:18:39 ได้ว่าทำไมเราเลือกผู้หญิงคนนี้ทำไมเรา
00:18:39 → 00:18:42 เลือกผู้ชายคนนี้มันมีเหตุผลอะไรอาจจะไม่
00:18:42 → 00:18:46 ถูกตาถูกใจพ่อแม่แต่เ 1 2 3 4 เดี
00:18:46 → 00:18:49 อย่างงี้นะคะบอกได้แล้วพ่อแม่เนี่ยจะค่อย
00:18:49 → 00:18:52 ๆเข้าใจอันนี้คือพื้นฐานของครอบครัวทีนี้
00:18:52 → 00:18:55 ถ้าเกิดอีกครอบครัวนึงเนี่ยมีปัญหาเรื่อง
00:18:55 → 00:18:57 การสื่อสารมาตั้งแต่ต้นและคือพ่อแม่ลูกก็
00:18:57 → 00:18:59 ไม่ค่อยสื่อสาร
00:18:59 → 00:19:01 นึกออกมคะไม่ค่อยจะพูดกันด้วยเหตุด้วยผล
00:19:01 → 00:19:03 ซึ่งอันหลังเนี่ยนะคะมักจะเป็นครอบครัว
00:19:03 → 00:19:06 ที่ปกป้องลูกมากเกินไปหรือบางทีก็เข้มงวด
00:19:06 → 00:19:09 กับลูกมากเกินไปจนไม่กล้าพูดจนไม่กล้าพูด
00:19:09 → 00:19:12 เลยทั้ง 2 อย่างนึกออกมยฮะอันเนี้ยมันก็
00:19:12 → 00:19:14 เลยจะทำให้กระทบกับความสัมพันธ์เวลาที่
00:19:14 → 00:19:17 ลูกมีคนเข้ามาแล้วตัวเองไม่ถูกใจเนี่ยมัน
00:19:17 → 00:19:20 ไม่ค่อยพูดด้วยกันด้วยเหตุผลจะใช้อารมณ์
00:19:20 → 00:19:23 หรือความอคติเข้ามานะคะแต่อย่างไรก็ตาม
00:19:23 → 00:19:26 เนี่ยในฐานะคนเป็นลูกหรือคนกลางเนี่ยนะคะ
00:19:26 → 00:19:30 ก็ต้องค่อยๆปรับนะคะค่อยๆปรับว่าเอ่อบาง
00:19:30 → 00:19:33 ทีก็ต้องฟังพ่อแม่ด้วยนะเพราะเราต้องยอม
00:19:33 → 00:19:36 รับอย่างนึงว่าผู้ใหญ่เที่เราใช้คำว่าอาบ
00:19:36 → 00:19:38 น้ำร้อนมาก่อนเจ้าเนี่ยนะคะบางทีเขาคก็
00:19:39 → 00:19:41 เห็นโลกมามากกว่าเราบางทีเขาคก็เห็นในมุม
00:19:41 → 00:19:46 ที่เราไม่เห็นนะคะโดยเฉพาะบางทีอะไรดีอ่ะ
00:19:46 → 00:19:49 ไอ้ช่วงโปรโมชั่นเนี่ยค่ะคุณศิริพรเอ่อคน
00:19:49 → 00:19:52 มีแฟนเนี่ยบางทีจะมองโลกผ่านกระจกสีชมพู
00:19:52 → 00:19:55 แถมกระจกเป็นรูปหัวใจด้วยอะไรอย่างเงี้
00:19:55 → 00:19:58 อ่าอะไรมันก็ดีไปหมดใช่มั้ยคะแต่บางทีพ่อ
00:19:58 → 00:20:01 พ่อแม่เคเห็นในมุมที่เราไม่เห็นน่ะเพราะ
00:20:01 → 00:20:04 ฉะนั้นบางทีก็ต้องฟังบ้างนะฮะหรือไม่ไม่
00:20:04 → 00:20:07 ใช่ไม่ใช่ว่าอคติกับพ่อแม่ไปหมดซะทุก
00:20:07 → 00:20:10 อย่างตามตามที่พ่อแม่ไม่ชอบใจหรือไม่ถูก
00:20:10 → 00:20:13 ใจคนของเราแต่เราก็ต้องคิดว่าท่านน่ะคือ
00:20:13 → 00:20:16 คนที่รู้จักเราดีที่สุดเพราะเลี้ยงเรามา
00:20:16 → 00:20:18 แล้วท่านก็รักเราห่วงเราหวังดีกับเรา
00:20:18 → 00:20:21 เพราะฉะนั้นอะไรก็ตามให้มองใน 2 ด้านอย่า
00:20:21 → 00:20:23 ว่าแต่ 2 ด้านเี่บางทีต้อง 6 ด้านกระจก 6
00:20:23 → 00:20:26 ด้านอย่างเงี้ยนะคะเพราะฉะนั้นก็ก็อาจจะ
00:20:26 → 00:20:29 ทำให้ปัญหาของคนกลางเนี่ยคลายลงได้ถ้าเรา
00:20:29 → 00:20:33 มองว่าพ่อแม่เค้าหวังดีนะคะอโดยเฉพาะใน
00:20:33 → 00:20:36 ช่วงเี่แหละในช่วงโปรโมชั่นเนี่ยนะฮะ
00:20:36 → 00:20:39 สำหรับคุณพ่อคุณแม่ก็อยากจะบอกสักนิดนึง
00:20:39 → 00:20:42 ค่ะว่าอย่าลืมว่าลูกเราเนี่ยนะฮะเคเติบโต
00:20:43 → 00:20:45 มาเป็นอีกชีวิตนึงที่แยกจากเราไม่ใช่ตัว
00:20:45 → 00:20:49 เรานะเค้าไม่ใช่ติ่งของเรานะนะฮเพราะ
00:20:49 → 00:20:52 ฉะนั้นเนี่ยบางทีเค้าก็ไม่ได้เลือกอะไร
00:20:52 → 00:20:55 ที่ตรงกับที่เราคิดนะคะเค้าก็จะมีเหตุผล
00:20:55 → 00:20:57 ของเคเราก็ต้องยอมรับว่าชีวิตลูกก็ต้อง
00:20:57 → 00:21:01 เป็นของลูกนะคะเราทัดทานแล้วหรือเราเตือน
00:21:01 → 00:21:03 แล้วด้วยความเป็นห่วงแต่เขจะเลือกอย่าง
00:21:03 → 00:21:06 นั้นก็ต้องต้องต้องให้เขเลือกค่ะให้เขา
00:21:07 → 00:21:09 เรียนรู้ชีวิตด้วยตัวของเขาเองอะไรอย่าง
00:21:09 → 00:21:13 นี้เป็นต้นนะคะคือจริงๆถ้าถ้าจะให้ดีคือ
00:21:13 → 00:21:18 ก็คือตอนที่ศึกษาคบหากันเนี่ยก็ต่างฝ่าย
00:21:18 → 00:21:22 ต่างดูค่ะทั้งครอบครัวเขาครอบครัวเราอะไร
00:21:22 → 00:21:24 ที่แบบถ้ามันเหนือบากกว่าแรงเกินไปที่เรา
00:21:24 → 00:21:28 จะจัดการได้ก็อ่ะห่างๆอย่าห่วงๆค่ะใช่ค่ะ
00:21:28 → 00:21:32 ปับได้ก็ปรับใช่ค่ะอไม่ให้แบบจนแบบว่าไม่
00:21:32 → 00:21:35 เป็นตัวของตัวเองเลยช่วงแรกๆก็อย่างที่
00:21:35 → 00:21:38 ที่อาจารย์บอกว่าเออมันก็ดีเนาะค่ะการจะ
00:21:38 → 00:21:41 เข้าไปหาผู้ใหญ่อะไรอย่างเงี้ยคือเคยบอก
00:21:41 → 00:21:44 หลายๆคนเหมือนกันค่ะว่าอันนี้น้องๆในที่
00:21:44 → 00:21:47 ทำงานว่าอย่าลืมว่าเราก็ทำงานอยู่ในคน
00:21:47 → 00:21:50 หลายๆ Generation อย่ามีคนที่เป็นอยู่ใน
00:21:50 → 00:21:54 ยุคเอ่อเบบี้บูมยุค genx อยู่นะเพราะ
00:21:54 → 00:21:56 ฉะนั้นในรูปแบบของการที่จะใช้ชีวิตร่วม
00:21:56 → 00:21:58 กันเหมือนกับครอบครัวล่ะค่ะที่เรามีหลายๆ
00:21:58 → 00:22:01 เซ็นอยู่ในบ้านเดียวกันเรายังต้องเคารพ
00:22:01 → 00:22:03 นับถือผู้ใหญ่อยู่นะใช่ค่ะเออไม่ใช่ว่า
00:22:03 → 00:22:07 แบบฉันเกิดมาในยุคฉันแบบว่าถ้าอีก 50 ปี
00:22:07 → 00:22:09 ข้างหน้าเขาอาจจะเปลี่ยนเป็นอีกเจนนึง
00:22:09 → 00:22:11 วิธีคิดเอีกแบบนึงและแต่ของเราเนี่ยมัน
00:22:11 → 00:22:17 ยังเป็นผสมผสานนะตั้งเก่าสุดนะกับไมสุดนะ
00:22:17 → 00:22:19 คะมันก็เลยมีปัญหาหน่อยแต่อย่างไรก็ตาม
00:22:19 → 00:22:23 เนี่ยอาจารย์วิภาอยากให้เอ่ออยากให้ใช้
00:22:23 → 00:22:27 เวลาในการศึกษากันก่อนนะคะคือคแนวคิดของ
00:22:27 → 00:22:29 คนรุ่นใหม่เนี่ยเาจะคิดอะไรเร็วทำอะไร
00:22:29 → 00:22:33 เร็วตัดสินใจอะไรเร็วนะคะแล้วก็เอ่อไม่
00:22:33 → 00:22:36 รู้ล่ะลองไปก่อนนะคะไม่ดีก็เหลอกันอะไร
00:22:36 → 00:22:39 อย่างเงี้ยแต่เค้าลืมคิดไปว่าผลพวงที่
00:22:39 → 00:22:41 เกิดขึ้นจากการเลิกกันเนี่ยบางทีก็มี
00:22:41 → 00:22:43 เรื่องลูกมีก็มีเรื่องนั้นเรื่องนี้เข้า
00:22:43 → 00:22:46 มาเกี่ยวข้องนะคะเพราะฉะนั้นถ้าเราแต่ง
00:22:46 → 00:22:49 งานแล้วเราไม่อยากเลิกอ่ะใช้เวลาในการคิด
00:22:49 → 00:22:54 พิจารณานะคะหรือศึกษาดูกันนานสักนิดเถอะ
00:22:54 → 00:22:57 นะฮะอย่าเร็วประเภทโอ้โหเร็วมากอ่ะจนน่า
00:22:57 → 00:23:00 กลัวที่จะศึกษาใครสักคนนึงว่าเข้ากันได้
00:23:00 → 00:23:04 มั้ยนะฮะไม่ใช่อยู่กันไปสักพักนึงแล้วก็
00:23:04 → 00:23:06 เลิกกันเลิกกันเลิกกันไปเรื่อยๆเนี่ยค่ะ
00:23:06 → 00:23:10 นะคะใช่ๆบางทีบางคู่ก็ไม่ได้การันตีว่า
00:23:10 → 00:23:13 เอ่อการไปอยู่ด้วยกันเลยค่ะมันจะเป็นตัว
00:23:13 → 00:23:17 บ่งบอกถึงความยั่งยืนระยะยาว่บางเอ่อแนว
00:23:17 → 00:23:20 คิดสมัยนี้อาจจะมองว่าเอ้ยก็ทดลองอยู่จะ
00:23:20 → 00:23:23 เป็นอะไรไปอยู่ได้ก็อยู่อยู่ไม่ได้ก็แยก
00:23:23 → 00:23:26 กันแยกกันก็ไม่เห็นมีอะไรเลยบางทีมัน
00:23:26 → 00:23:29 ระหว่างทางมันไม่ได้มีเจใครมาเล่าให้ฟัง
00:23:29 → 00:23:32 หรอกค่ะถูกมั้ยคะเรื่องที่มันมันเป็นบท
00:23:32 → 00:23:35 เรียนราคาแพงอะไรหลายอย่างเนี่ยทำให้คน
00:23:35 → 00:23:40 เค้าเอ่อบางทีเรื่องลึกๆเนี่ยไม่มีใครเมา
00:23:40 → 00:23:43 บอกใครให้ได้ยินหรอกนะฮะแต่เวลาเราเราเรา
00:23:43 → 00:23:45 ก็ไม่อยากจะเจ็บตัวหรือให้ลูกหลานเราเจ็บ
00:23:45 → 00:23:50 ตัวโดยที่มันไม่ไม่ได้อะไรขึ้นมานะฮะหรือ
00:23:50 → 00:23:53 มีแต่เสียๆๆอย่างเงี้ยเพราะฉะนั้นใช้เวลา
00:23:53 → 00:23:56 ศึกษาดูใจกันสักนานสักนิดเถอะนะคะพอที่จะ
00:23:56 → 00:23:59 รู้ว่าได้เข้ากันได้หรือเข้ากันไม่ได้
00:23:59 → 00:24:01 เพราะมันต้องมีคนเจ็บค่ะทุกครั้งที่มีการ
00:24:01 → 00:24:04 เลิกกันใช่นะคแล้วเราก็ไม่อยากให้เราเป็น
00:24:04 → 00:24:07 คนเจ็บหนักเนาะนะคะไม่ใช่แค่เราด้วยนะ
00:24:07 → 00:24:09 ครอบครัวด้วยนะที่เราจะต้องคืออย่าลืมว่า
00:24:09 → 00:24:12 เราต้องเข้าไปอยู่กับเขาอ่ะแล้วเราไม่ได้
00:24:12 → 00:24:16 เกิดเติบโตในครอบครัวเขาใช่ค่ะอ่าภาพภาย
00:24:16 → 00:24:18 นอกอาจจะแบบดูสวยหรูเอ้ยยินดีต้อนรับแต่
00:24:18 → 00:24:22 พอไปอยู่จริงๆใช้ชีวิตจริงๆแล้วมันไม่ใช่
00:24:22 → 00:24:26 มันยากมากนะคะอ่ะก็ลองลองพิจารณาดูเป็น
00:24:26 → 00:24:30 แนวคิดหลักการแล้วก็ทำยังไงให้ลองไปปรับ
00:24:30 → 00:24:33 ดูในในในส่วนของคุณผู้ฟังเองนะคะเอาล่ะ
00:24:33 → 00:24:35 วันนี้ก็หมดเวลาแล้วนะคะขอบคุณอาจารย์
00:24:35 → 00:24:38 จันทิภาค่ะสวัสดีคดีค่ะเอาล่ะค่ะคุณผู้
00:24:38 → 00:24:40 ฟังคะหมดเวลาแล้วนะคะพบกันใหม่ครั้งหน้า
00:24:40 → 00:24:43 กับรายการโรงหมอทางไทย PBS podcast ค่ะ
00:24:43 → 00:24:46 วันนี้ลาไปก่อนนะคะสวัสดีค่ะ This Is
00:24:46 → 00:24:50 Toy PBS podcast ความปรารถนาของคนทำ
00:24:50 → 00:24:52 งานคือการได้ื่นขั้นเลื่อนเงินเดือนแต่
00:24:52 → 00:24:54 ทำไมการเลื่อนขั้นสำหรับบางคนกลายเป็น
00:24:54 → 00:24:58 ความกดดันดรสุวุฒิวังสวัสดิ์นักจิตวิ
00:24:58 → 00:25:02 วิยากปรึกษามาเล่าให้ฟังครับถ้าได้เลื่อน
00:25:02 → 00:25:05 ขั้นคงจะรู้สึกดีเนาะบางคนอาจจะมีภาพนี้
00:25:05 → 00:25:07 ในใจก็ได้แต่บางคนอาจจะแบบไม่ได้คิดอย่าง
00:25:07 → 00:25:09 นั้นเพราะเขารู้สึกว่าตำแหน่งที่เขาทำ
00:25:09 → 00:25:11 อยู่แล้วอ่ะครับมันพอดีมือมันเหมาะกับ
00:25:11 → 00:25:13 ความถนัดของเขามันเหมาะกับการที่เขาอาจจะ
00:25:13 → 00:25:16 แบบไม่ได้อยากจะพัฒนาสกิลอื่นที่ที่เขา
00:25:16 → 00:25:18 ไม่ได้สนใจเช่นสมมุติเขาเป็นเทคนิเชียน
00:25:18 → 00:25:20 อย่างเงี้ยเป็นคนที่ทำงานด้านเทคนิคเขา
00:25:20 → 00:25:22 อาจจะชอบอยู่กับเครื่องยนต์กลไกอาจจะชอบ
00:25:22 → 00:25:24 อยู่กับเนื้องานบางอย่างที่เป็นเชิง
00:25:24 → 00:25:26 เทคนิคแต่พอถูกเลื่อนขั้นปั๊บเป็นฝ่าย
00:25:26 → 00:25:28 บริหารการเลื่อนขั้นทีเนี้ต้องดูว่าว่า
00:25:28 → 00:25:30 เลื่อนขั้นไปสู่อะไรเลื่อนขั้นไปสู่ผู้
00:25:30 → 00:25:33 ชำนาญการหรือเลื่อนขั้นไปสู่ความเป็นหัว
00:25:33 → 00:25:35 หน้าทีมความเป็นหัวหน้าทีมหมายถึงอะไร
00:25:35 → 00:25:37 ครับหมายถึงว่าต้องบริหารคนบริหารลูกน้อง
00:25:38 → 00:25:40 ในขณะที่ก่อนหน้าเนี้ยความเป็นผู้เชี่ยว
00:25:40 → 00:25:42 ชาญหรือเป็นช่างเทคนิคมันอยู่กับเฉพาะ
00:25:42 → 00:25:45 เครื่องมือหรือว่าตัวหน้างานเชิงเทคนิค
00:25:45 → 00:25:47 เท่านั้นไม่ต้องยุ่งกับใครแก้ไขแค่สิ่ง
00:25:47 → 00:25:49 ที่อยู่ในขอบเขตของเทคนิคแต่พอเป็นหัว
00:25:49 → 00:25:51 หน้าทีมขึ้นเป็นฝ่ายบริหารหรือต้องเป็น
00:25:51 → 00:25:53 คุมโปรเจคหรือที่เราเคยได้ยินว่าโปเจ
00:25:53 → 00:25:56 Manager มันต้องประสานงานมีมีเรื่องของ
00:25:56 → 00:25:58 การดูกำไรต้นทุนเข้าไม่เกี่ยวมันเลยกลาย
00:25:58 → 00:26:00 เป็นว่าตอนที่เขายังไม่ถูกเลื่อนขั้นเขา
00:26:00 → 00:26:02 รู้สึกว่าเขาได้ทำในเนื้องานเท่าที่เขา
00:26:02 → 00:26:04 ถนัดและสนใจและมากกว่านั้นเรื่องสังคม
00:26:04 → 00:26:06 ตะกี้เราคุยกันนะครับอันนี้ได้ยินบ่อยก็
00:26:06 → 00:26:09 คือว่าคนที่เป็นลูกน้องมักจะมีเพื่อนร่วม
00:26:09 → 00:26:12 งานระดับเดียวกันเพราะเพราะมันคือพีระมิด
00:26:12 → 00:26:15 นะครับคนที่ตำแหน่งยิ่งสูงยิ่งหนาวยิ่ง
00:26:15 → 00:26:17 หนาวยิ่งโดดเดี่ยวเออยิ่งปรึกษาใครไม่ได้
00:26:17 → 00:26:20 หรือถูกจับแยกให้ไปนั่งอีกห้องนึงหรือการ
00:26:20 → 00:26:23 จะสนิทกับใครก็ตามก็ต้องดูตาม้าตาเรือว่า
00:26:23 → 00:26:26 ถ้าเกิดสนิทกับเด็กนี่มันจะข้ามเส้นที่
00:26:26 → 00:26:29 ทีมมั้ยหรือแม้กระทั่งการจะเปรึกษาใครก็
00:26:29 → 00:26:31 ยากเพราะถ้าเกิดเล่าเรื่องปัญหาของหัว
00:26:31 → 00:26:33 หน้าลูกน้องจะยังศรัทธาเรามยไอ้ตรงเนี้
00:26:33 → 00:26:35 มันเลยเป็นปัญหานึงเหมือนกันว่าการเลื่อน
00:26:35 → 00:26:38 ขั้นก็ทำให้รู้สึกโดดเดี่ยวเพราะตำแหน่ง
00:26:38 → 00:26:42 งานบทบาทบางทีมันต้องคุมคนน่ะค่ะมันไป
00:26:42 → 00:26:43 เล่นกับคนเยอะไม่ได้ก็มีถ้าเกิดเราเป็น
00:26:43 → 00:26:46 ลูกน้องอาจจะทำอะไรผิดพลาดอะไรก็ตามถ้า
00:26:46 → 00:26:49 เราเจอหัวหน้าที่แบบค่อนข้างใจดีเนาะเาจะ
00:26:49 → 00:26:51 ออกตัวปกป้องเราว่าเฮ้ยการที่ลูกน้องทำ
00:26:51 → 00:26:53 ผิดพลาดอาจจะเป็นความผิดของลูกน้องส่วน
00:26:53 → 00:26:56 นึงแต่ส่วนหนึก็ผิดเพราะผมด้วยที่ควบคุม
00:26:56 → 00:26:58 ไม่ดีหรือกำกับไม่ดีหัวหน้าบางคนออกออกลง
00:26:58 → 00:27:01 ปกป้องลูกน้องลูกน้องก็จะรู้สึกว่าอ่ะเรา
00:27:01 → 00:27:03 ไม่ได้โดนลำพังแต่พอเป็นหัวหน้าขึ้นไป
00:27:03 → 00:27:06 ปั๊บบางทีมันไม่มีใครคุ้มกะลาหัวเวลาโดน
00:27:06 → 00:27:09 คือโดนเองอ่ะครับโดนเองกดดันเองเนาะแล้ว
00:27:09 → 00:27:11 ก็ไม่ต้องแบกรับความกดดันด้วยการการที่
00:27:11 → 00:27:13 ยังไม่เลื่อนขั้นก็ไม่ต้องรับความกดดัน
00:27:13 → 00:27:15 แต่พอเลื่อนขั้นปั๊บเขมีความคาดหวัง
00:27:15 → 00:27:18 เรื่องยอดเรื่องการคุมทีมเรื่องการที่คุณ
00:27:18 → 00:27:20 ต้องบริหารโปรเจคนี้ให้ได้ครบทุกๆอันมัน
00:27:20 → 00:27:23 ก็เป็นความกดดันหลายๆคนที่ขึ้นฝ่ายบริหาร
00:27:23 → 00:27:25 มักจะพูดเหมือนกันเสมอว่าปวดหัวมากเลย
00:27:25 → 00:27:27 เรื่องคนปวดหัวมากเลยเรื่องแบบการเมือง
00:27:27 → 00:27:30 ภายในอืเรื่องแบบไม่เข้ากันใครเซ่นสายใคร
00:27:30 → 00:27:32 อย่างเงี้ย
00:27:32 → 00:27:37 ครับ This Is Toy PBS
00:27:37 → 00:27:40 podcast ติดตามรายการทางเว็บไซต์และ
00:27:40 → 00:27:44 Application ของ Thai PBS podcast
00:27:44 → 00:27:46 spotify soundcloud Google podcast
00:27:46 → 00:27:49 Apple podcast และ YouTube Channel
00:27:49 → 00:27:53 Thai PBS podcast tha PBS podcast
00:27:53 → 00:27:57 View the world via The
00:27:57 → 00:28:01 Voice อ